Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สุริยสูตร ไม่ใช่ดวงอาทิตย์7ดวง แต่เป็น7ระดับ{แตกประเด็นจาก X10465125} ติดต่อทีมงาน

การแสดงธรรมในสุริยะสูตรนี้   มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พระสงฆ์ได้ตระหนักถึงความไม่เที่ยง    แปรปรวนของสิ่งต่าง ๆ เพื่อลดความยึดมั่นถือมั่น แม้แต่โลกที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งดูเหมือนมีความมั่นคงถาวรที่เป็นนิรันดร ก็ต้องตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขความไม่เที่ยง แปรปรวนเช่นเดียวกัน คือ ในวาระสุดท้ายของโลกซึ่งต้องใช้เวลาอันยาวนานนั้น ที่สุดแล้วจะถูกดวงอาทิตย์ที่จะมีความร้อนทวีขึ้นเป็นลำดับ  ตั้งแต่ระดับระดับ 2 ถึงระดับ 7 นะครับ  เพราะในภาษาบาลีเขาใช้คำว่า ทุติโย สุริโย ปาตุภะวะติ  แปลว่า  เกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ที่ 2  คำว่าทุติโย แปลว่าที่ 2 เท่านั้น เมื่ออ่านบาลีทั้งบทก็ไม่พบว่ามีตรงไหนที่จะต้องแปลว่า ดวงอาทิตย์2 ดวงถึง 7 ดวง แต่ผู้ที่เขาแปลหนังสือใช้ความเข้าใจของตนเองใส่เขาไปเอง (ผมไม่เก่งบาลี แต่ได้ถามผู้รู้มาแล้วนะครับ)
       เผาผลาญจนไม่เหลือแม้แต่ซาก พร้อมทั้งสรุปไว้ด้วยว่า “ในข้อนี้ ใครรู้ ใครจะเชื่อ แผ่นดินใหญ่ ๆ จะถูกไฟเผาผลาญไม่เหลืออยู่ นอกจากผู้มีบทอันเห็นแล้ว”
คำว่า  ผู้มีบทอันเห็นแล้ว หมายถึง ผู้เห็นการเป็นไปเป็นมาของปรากฏการณ์นั้นอย่างเป็นเหตุเป็นผลหรือเห็นอย่างเป็นระบบ
ในทางพุทธศาสนา คือ การเห็นอริยสัจ 4 เป็นการเห็นการเกิดและการดับในปรากฏการณ์ทั้งปวง ทั้งรูปธรรม นามธรรม รวมทั้งภูมิภพแห่งจักรวาลทั้งหลายด้วย
             ซึ่งพระพุทธเจ้าหยั่งรู้สัจจะธรรมเหล่านี้ด้วยญาณทัสสนะ โดยผ่านการเจริญสมาธิภาวนาชั้นสูง แล้วแสดงไว้เป็นหลักการให้สาวกทั้งหลายได้ศึกษา      ด้วยการใช้โยนิโสมนสิการ คือ การเชื่อมโยงความจริงอย่างเป็นระบบ      
         ในทางวิทยาศาสตร์    การเข้าถึงความจริงนั้นอาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีเป็นหลัก ก็พบความจริงที่เป็นอย่างเดียวกัน เรื่องวาระสุดท้าย โลกของเราจะถูกดวงอาทิตย์เผาไม่เหลือซากเช่นกัน คือ นักวิจัยทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องของจักรวาลในปัจจุบันได้พบความจริงว่า ดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาลนั้น    เริ่มต้นจากฝุ่นผงในอวกาศที่ส่วนใหญ่เป็นธาตุไฮโดรเจนรวมตัวกันเป็นดวงอาทิตย์         เศษฝุ่นผงส่วนน้อยที่เหลือก็จะเป็นดาวเคราะห์บริวาร การรวมตัวกันของธาตุไฮโดรเจนทำให้เกิดการยุบตัวด้วยแรงโน้มถ่วงอย่างรุนแรง จึงทำให้ใจกลางที่อัดแน่นเข้าก็ร้อนจัด จนทำให้เกิดการหลอมนิวเคลียส (Nuclear Fusion) คือ ไฮโดรเจน 2 อะตอม จะมาหลอมรวมกันให้กลายเป็นฮีเลียม 1 อะตอม แล้วมีมวลส่วนหนึ่งหายไป คือ                  เปลี่ยนไปเป็นพลังงานแทน                              ตาม
หลักสมการของไอน์สไตน์        E = MC2   ด้วยหลักการนี้ พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์จะสามารถใช้งานได้ ประมาณว่าอีก 4,500 ล้านปี ธาตุไฮโดรเจนจะถูกใช้ไปจนเกือบหมด คือ ถูกเปลี่ยนเป็นธาตุฮีเลียม ดวงอาทิตย์ก็จะยุบตัวด้วยแรงโน้มถ่วงอีกครั้ง จนอุณหภูมิสูงถึงจุดที่ทำให้เกิดการหลอมธาตุฮีเลียมให้เป็นธาตุคาร์บอน ปฏิกิริยาฟิวชั่นที่เกิดจากธาตุฮีเลียม จะทำให้เกิดพลังงานความร้อนสูงขึ้นอีกมาก แรงดันจากความร้อนที่สูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้ดวงอาทิตย์ขยายขึ้นจากเดิมอีกเป็น 100 เท่า มีลักษณะเป็นดาวยักษ์แดง แล้วโลกของเราก็จะถูกเผาผลาญจนไม่เหลือซาก
กรณีตัวอย่างวาระสุดท้ายของโลก ระหว่างผู้เห็นบทในพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ แม้มีกระบวนการ
เข้าถึงความจริงที่แตกต่างกัน แต่โดยหลักการและคำตอบก็มีผลเหมือนกัน จะต่างกันก็ตรงที่ว่าคำตอบสุดท้ายในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าได้แสดงไว้ในพระไตรปิฎกนานกว่า 2,500 ปีแล้ว สำหรับวิทยาศาสตร์เพิ่งมีคำตอบเมื่อไม่นานนี้เอง

จากคุณ : การตามรู้ซึ่งความจริง
เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 19:07:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com