Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
==ความเห็นของผมต่อกรณีเรือดำน้ำ Type-206A == ติดต่อทีมงาน

หลังจากที่ผมตัดสินใจยุติบทบาทตัวเองในหว้ากอไปเมื่อสองสามปีก่อน ผมตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่กลับมาโพสเรื่องทหารที่นี่อีกแล้ว แต่ครั้งนี้ ผมต้องขออนุญาตตัวเองในการแหกกฏนี้แค่ครั้งเดียว

ที่ผมจากหว้ากอไป นอกจากเหตุผลที่ว่าในช่วงนั้นการเมืองที่หว้ากอค่อนข้างแรงแล้ว ผมยังไม่อยากจะกลายเป็นมาเฟียหว้ากอโดยไม่รู้ตัว ผมไม่อยากเป็นความถูกต้องซึ่งถ้าผมพูดอะไรจะกลายเป็นว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นถูกทุกอย่าง กลายเป็นสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า De Facto ไป เพราะในบางครั้งมันก็เป็นแค่ความเห็น (Opinion) ของผม ไม่ใช่ข้อเท็จจริง (Fact) ซึ่งกลัวจะเอามาปนกัน Fact พูดกี่ครั้งมันก็ยังเป็น Fact แต่ Opinion อาจจะถูกหรือผิดก็แล้วแต่มุมมอง

คนอื่นก็รู้เรื่องนี้เยอะแยะไปครับ ผมเริ่มเข้าใจที่พี่ช่างไฟพูดตอนที่แกเลิกเ่ล่นหว้ากอไปที่ว่า แกบอกว่าคลื่นของแกกระทบฝั่งแล้ว แกขอให้คลื่นลูกใหม่เข้ามาแทน ซึ่งตอนนี้ผมเห็นด้วยเลย ... ตัวจริงแกน่ารักและนิสัยดีมาก ๆ นะครับ (แต่ผมไม่ตอบแน่นอนว่าหน้าตาเป็นยังไง ต้องให้เกียรติแกด้วยเพราะแกไม่อยากบอกครับ)

หลังจากนั้นผมก็เลยรวมหัวกับเพื่อน ๆ ไปสร้างที่ทางใหม่ ซึ่งขออนุญาตไม่เอ่ยถึงเนื่องจากผมต้องให้เกียรติพันทิปด้วย อย่างไรก็ตามผมรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองควรจะพูดบ้าง ก็เลยไปอัพบล็อคเอาไว้ซึ่งผมก็ขอไม่พูดอีกนั้นแหละว่าอัพไว้ที่ไหนเพราะไม่อยากให้ถูกมองว่าเป็นการโฆษณา ผมต้องให้เกียรติพันทิปเช่นกัน

ผมขอโพสแค่หัวกระทู้อย่างเดียว ขอไม่ตอบกระทู้นี้แล้วกันนะครับ และก็ขอคงกฏของตัวเองไว้ที่ว่า ถ้าจะโพสที่หว้ากอก็ขอโพสเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องทหารก็พอ

ผมขอคัดลอกข้อความนี้มาลงครับ เกี่ยวกับกรณีเรือดำน้ำ Type-206A ของเยอรมัน

-----------------------------------------------------

คำแถลงส่วนตัวของผมต่อกรณีเรือดำน้ำ Type-206A

เชื่อว่าทุกท่านคงทราบผลของกรณีเรือดำน้ำ Type-206A ที่กองทัพเรือมีความต้องการจัดหากันไปแล้วนะครับ

ตรงนี้ต้องอยากจะชี้แจงก่อนว่า ไม่ใช่ว่าคณะรัฐมนตรีไม่อนุมัตินะครับ เพราะเรื่องยังไม่เข้าที่ประชุมเลย แต่เป็นการที่เรื่องนั้นไม่ถูกนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีจึงไม่สามารถอนุมัติหรือไม่อนุมัติได้

ส่วนทำไมถึงไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนั้น ผมคงขอไม่กล่าวถึงครับ

ผมพูดในบทความนี้ในฐานะนักสังเกตุการณ์ทางทหารอิสระ ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานหรือการเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ทางทหารเว็บไซต์หนึ่งแต่อย่างใด ขอให้ทุกท่านแยกก่อนนะครับ

ผมจะพูดว่า ผมก็รู้สึกเสียดายไม่ต่างจากทุกท่านเช่นกัน แต่ตอนที่ทราบข่าว ผมไม่รู้สึกอะไรเลยยกเว้นการหัวเราะออกมาดัง ๆ วันนั้นผมรับโทรศัพท์ไม่ต่ำกว่าสิบสาย (แต่ละคนโทรมาอย่างกะผมเป็นคนอนุมัติอย่างนั้นน่ะ 555+) แต่ละคนโทรมาระบายทั้งสิ้น แต่ผมกลับหัวเราะฮา ๆ กลับไป ที่หัวเราะนี่ไม่ได้มีเจตนาอะไร เพราะตอนนั้นไม่รู้จะรู้สึกอะไรดี เลยได้แต่หัวเราะด้วยความละเหี่ยใจ .... ว่าเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ในเมืองไทยจริง ๆ

แต่ก็ช่างเถอะครับ เพราะนี่คือสิ่งที่ผมจะพูดต่อไป

1) การตัดสินใจต้องมีลำดับขั้นตอนของมัน ไม่ว่าเราจะไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบมันมากขนาดไหน แต่สุดท้าย ถ้ามันดำเนินการตามขั้นตอนนี้ และผลไม่ออกมาอย่างที่คาดหวัง เราก็ต้องยอมรับมัน ผมชอบคำพูดของผู้บัญชาการทหารเรือที่ว่า กองทัพเรือรู้สึกเสียใจ แต่ก็คงเป็นเพราะว่ากองทัพเรือชี้แจงน้อยเกินไป นับจากนี้จะชี้แจงให้มากขึ้น ผมอยากให้ทัศนคติแบบนี้เผื่อแผ่ไปจนถึงมิตรรักแฟนเพลงของเรือดำน้ำชุดนี้ด้วยครับ

2) พูดแบบนี้อาจจะขัดใจ แต่ต้องขอทำความเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรถถัง Oplot ที่กองทัพบกได้รับอนุมัติจัดหาในวงเงิน 7 พันล้านครับ ก่อนจะด่าผม ผมอยากให้ฟังผมพูดสักนิดนึงว่า ผมยอมรับว่าผมก็ไม่ชอบ Oplot ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการ รวมถึงผมคัดค้านอย่างเต็มที่ต่อการตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 ซึ่งคงไม่ขอกล่าวที่นี่ เพราะจะนอกประเด็น

แต่ถ้ากระทรวงกลาโหมจะดำเนินการขออนุมัติตามที่กองทัพบกจะเสนอขอซื้อ Oplot และไม่ดำเนินการขออนุมัติการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือนั้น ก็ไม่ใช่ความผิดของกองทัพบกแต่ประการใด เนื่องจากงบประมาณตรงนี้ก็เป็นของกองทัพบกอยู่แล้ว ต้องเข้าใจว่ากองทัพบกมีสิทธิที่จะขออนุมัติใช้งบประมาณ กลับกันงบประมาณของกองทัพเรือที่กันไว้จัดหาเรือดำน้ำนั้น ก็เป็นสิทธิของกองทัพเรือเช่นกัน ไม่ว่าเรือดำน้ำจะถูกเสนอหรือไม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่กองทัพบกขออนุมัติจัดหา Oplot และกลับกันการที่กองทัพบกขออนุมัติจัดหา Oplot ก็ไม่ได้ทำให้เกิดอุปสรรคจนกระทรวงกลาโหมไม่ยอมแทงเรื่องขออนุมัติการจัดหาเรือดำน้ำแต่ประการใด แม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยนักกับ Oplot แต่อันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับกองทัพบกด้วยครับ ถ้าจะถูก ก็ควรตั้งคำถามกับกระทรวงกลาโหมแต่เพียงผู้เดียวมากกว่า

3) ผมได้พูดคุยกับเพื่อน ๆ ซึ่งมีท่านหนึ่งเอ่ยว่า ไม่อยากจะให้มีคนพูดกันว่า กระทรวงกลาโหมไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อยากให้อ่าวไทยถูกปิดอ่าวและโดนเรือดำน้ำจมสักครั้งจะได้รู้สึกกัน เพื่อนคนนี้ให้เหตุผลว่า แม้ว่านั้นจะเป็นการแสดงให้เห็นความสำคัญของเรือดำน้ำ แต่การที่จะบอกว่าอยากให้อ่าวไทยถูกปิดแล้วให้เรือโดนจมนั้น ต้องถามว่า ใครที่รับกรรมเป็นคนแรก? กองทัพเรือนะครับ เพราะเรือและกำลังพลของกองทัพเรือคือคนที่จะโดนยิงจม เขาบอกว่าไม่แฟร์สักเท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้ผมเห็นด้วย และผมเสนอว่า ถ้าจะพูด ก็ไปหาเหตุผลมาพูดกันดีกว่าว่า ทำไมการมีหรือไม่มีเรือดำน้ำจะส่งผลต่อการถูกปิดอ่าวหรือไม่อย่างไร

4) ผมรู้สึกแปลกใจที่ครั้งนี้มีแม้กระทั้งกลุ่มคนที่จะเปิดชัญชีเพื่อรับบริจาคเพื่อซื้อเรือดำน้ำให้กองทัพเรือ

พูดแบบนี้อาจจะขัดใจเป็นคำรบที่สอง แต่ผมอยากจะบอกว่า ก็เป็นสิทธิของทุกคนที่จะคิดหรือทำอะไร แต่การทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ว่ากองทัพเรือไม่มีงบประมาณ เพราะงบประมาณนั้นมีแล้ว โดยกองทัพเรือใช้วิธีแบ่งงบประมาณของตนมาจัดหา ดังนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน มันเกี่ยวกับเรื่องอื่น อีกอย่าง ผมเข้าใจในเจตนาดี แต่ขอเรียนตามตรงด้วยความเคารพว่า แม้ว่าการดำเนินการของท่านนั้นจะเป็นที่รับทราบไปถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ แต่สุดท้ายมันอาจจะช่วยได้เพียงว่า มันแสดงให้เห็นว่าประชาชนกลุ่มหนึ่งสนับสนุนให้มีการจัดหา Type-206A มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่มันเกิดขึ้นตอนนี้ และด้วยความเคารพอีกครั้งว่า รวมเงินยังไงก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ถึง 7 พันกว่าล้านบาท

ผมกราบขอโทษถ้าพูดแล้วอาจจะทำร้ายความรู้สึกกันไป แต่อยากชี้แจงว่า ผมเรียนตามตรงตามข้อเท็จจริงนะครับ ผมไม่ได้ตามว่าเรื่องไปถึงไหน แต่ถ้าถึงขั้นมีการบริจาคไปแล้วจริง ๆ ผมอยากเสนอว่า อยากให้นำเงินส่วนนี้ไปบริจาคให้ศูนย์เพาะพันธุ์เต่าทะเลซึ่งกองทัพเรือจัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์เต่าทะเลดีกว่า เนื่องจากศูนย์แห่งนี้อยู่ได้ด้วยเงินบริจาค และเต่าทะเลก็คือทรัพยากรอันมีค่าอันหนึ่งของอ่าวไทยของเรา ถ้าหน่วยซีลที่ดูแลศูนย์นี้อยู่มีแรงช่วยเต่าให้มันอยู่รอดและขยายพันธุ์ ก็จะเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลไม่ต่างจากการจัดหาเรือดำน้ำเช่นกัน

5) ผมรู้สึกแปลกใจและประหลาดใจมากที่มีคนผิดหวังกับการที่กองทัพเรือไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหา Type-206A ในครั้งนี้ ในฐานะที่ผมซึ่งต้องยอมรับตรง ๆ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของหลาย ๆ คนที่ร่วมริเริ่มต้มดราม่าชามใหญ่อันนี้ แต่ก็ไม่มีใครคิดเลยว่า ดราม่าชามนี้จะใหญ่แซบและเผ็ดร้อนขนาดนี้ จนพวกผมที่ช่วยกันไปสัมภาษณ์และเขียนบทความนั้นตกใจไปหลายวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมก็งงเหมือนกันว่ามีคนจำนวนมากผิดหวังได้มากขนาดนี้เชียวหรือ

หวังมากก็ผิดหวังมากอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แม้ว่าผมจะเป็นคนคิดวลีที่ว่า 60 ปีที่ผ่านมากองทัพเรือกับเรือดำน้ำนั้นเหมือนถูกคำสาปมาเสมอ แต่ผมก็เชื่ออย่างหนึ่ง นี่มันไม่ใช่จดจบของโลกใบนี้ (It's not the end of the world) อยากให้ทุกคนทำใจเย็น ๆ กันเอาไว้ พูดจากันด้วยเหตุด้วยผล นี่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะประชาชนจะได้ถกเถียงว่าสรุปแล้วกองทัพเรือควรมีเรือดำน้ำหรือไม่ และ Type-206A คือคำตอบหรือไม่ แม้ว่าผมจะอยู่ในฝ่ายที่สนับสนุนการจัดหาเรือดำน้ำ Type-206A ในครั้งนี้ แต่ก็อยากจะเรียกร้องให้ทุกท่านที่สนับสนุนนั้นรับฟังคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยด้วยไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร และใช้เหตุและผลตามหลักวิชาการในการชี้แจงและพูดจากัน การถกเถียงด้วยเหตุผลจะลดความขัดแย้ง นำมาซึ่งปัญญาสาธารณะ และจะเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่ทำให้สังคมเราก้าวพ้นจากสังคมล่องแก่งตามข่าวลือในที่สุด

6) นี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเรื่องนี้และ Type-206A อย่างน้อยก็ยังไม่สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ ถ้าเราอยากได้ Type-206A ก็ยังพอมีทาง เพราะกองทัพเรือก็ยืนยันมาตลอดว่ายังไงก็ต้อง Type-206A ดีลนี้เท่านั้นเพราะคุ้มค่าที่สุด และที่สำคัญถ้าตราบใดที่ยังไม่มีใครปาดหน้ากองทัพเรือไทย ก็แปลว่ายังเป็นโอกาสแรกที่กองทัพเรือจะได้จัดหาเรือดำน้ำชุดนี้มาใช้ในราชการอยู่เสมอ แม้ว่าโอกาสจะมากหรือน้อยตามแต่สถานการณ์ก็ตาม ผมมักจะบอกว่า รอให้ทุกอย่างเป็นทางการเสียก่อน ถ้ารู้ว่าได้ก็ขอให้รู้อย่างเป็นทางการเสียก่อน ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ขอให้รู้ว่าไม่ได้อย่างเป็นทางการเสียก่อน ดังนั้น ขอให้ติดตามดูกันต่อไป

7) มีคนคนหนึ่งพูดกับผมอีกเช่นกันว่า กระทรวงกลาโหมโชคดีที่มีคนสนใจจำนวนมาก ที่ว่าโชคดีนี้ก็คือ การดำเนินการทุกอย่างจะถูกจับตา ถ้ามันดี สาธารณะชนจะสนับสนุน แต่ถ้ามันไม่ดี สาธารณะชนจะคัดค้าน นี่ทำให้หน่วยงานในกระทรวงกลาโหมต้องหันมาสนใจเสียงของประชาชนซึ่งคือคนที่ออกเงินให้กระทรวงกลาโหมและคนที่กระทรวงกลาโหมต้องทำงานให้อย่างแท้จริง

ผมยังจำได้เมื่อตอนเริ่มเขียน Blog เป็นครั้งแรก ตอนนั้นแทบไม่มีเนื้อหาทางทหารภาคภาษาไทยเลย แต่ 5 - 6 ปีหลังจากนั้น มามองทุกวันนี้ มีคนรู้เรื่องทหารเยอะมาก ผมจะไม่พูดว่ามันคือความดีความชอบของผม และเช่นกันผมจะไม่พูดว่าถ้าไม่มีผมก็จะไม่มีวันนี้ เพราะมันไม่ใช่ผมคนเดียวแน่นอนที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ แต่อยากให้เรามองว่า 10 ปีที่แล้ว การที่จะให้กองทัพชี้แจงการจัดหาอาวุธอะไรนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แบบเรื่อง GT200 ซึ่งผมยืนยันว่าถ้าเป็นเมื่อ 10 ปีที่แล้วไม่มีทางมาได้ไกลถึงจุดนี้แน่นอน (ตรงนี้ต้องชื่นชมผู้ที่ทำงานในการค้นหาความจริงของ GT200 ด้วย) แต่ในปัจจุบันไม่ว่ากรณีไหน กองทัพต้องชี้แจงแล้วชี้แจงอีกจนกว่าประชาชนจะพอใจ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดี

ผมไม่ต้องการให้ประชาชนอย่างเรา ๆ สนับสนุนการจัดหาอาวุธของกองทัพอย่างเดียว แต่สิ่งที่ผมต้องการและสนับสนุนก็คือ ผมอยากให้ประชาชนอย่างเรา ๆ ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้บ้าง ถ้ากองทัพทำอะไรดี เราจะได้มีเหตุผลสนับสนุนอย่างถูกต้องตามหลักการ แต่ถ้ากองทัพทำอะไรแล้วแหม่ง ๆ เราจะได้มีเหตุผลคัดค้านอย่างถูกต้องตามหลักการเช่นกัน การที่วัน ๆ ปล่อยข่าวลือด้วยข้อมูลมั่ว ๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์นั้นน่ะ เราทำอะไรนายพลที่ทุจริตไม่ได้หรอกครับ (และในหลายกรณีก็คือผู้เสียผลประโยชน์มาปล่อยเอง) แต่ถ้าเราใช้หลักการและเหตุผลที่ถูกต้อง พูดโดยปราศจากสิ่งเคลือบแฝง ใช้ข้อมูลที่เป็นจริง สุดท้ายผมรับประกันได้ว่า ต่อให้เราไม่พูดเรื่องว่าใครโกงไม่โกง เขาก็จะเถียงเราไม่ขึ้นไปเอง เพราะถ้าของมันไม่ดี จะอ้างอย่างไรมันก็ยังไม่ดี จะจนด้วยเหตุผลไปเอง แต่ถ้าของมันดีจริง จะด่าอย่างไรของมันก็ยังเป็นของดี ผมยืนยันกับทุกคนว่า ถ้าแม้เราวิจารณ์ในเชิงลบ แต่เราไม่มีผลประโยชน์หรืออคติใด ๆ ในการวิจารณ์นั้น ต่อให้เราโดนตรวจสอบหรือโดนโจมตีอย่างไร เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ผลประโยชน์ใด ๆ จากการคัดค้านหรือสนับสนุนแม้สักบาทเดียว เชื่อผมเถอะครับ ผมยืนยัน

8) สุดท้ายสำหรับท่านที่ยังอารมณ์เสียอยู่ ผมขอคัดลอกคำพูดของผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้สัมภาษณ์ลงในหนังสือพิมพ์ค่ายเนชั่น (ถ้าจำไม่ผิด) ดังนี้

"เราก็ต้องมีความซื่อสัตย์ในอาชีพทหารเรือและบอกให้ประชาชนได้รับทราบ ผมทำดีที่สุดแล้ว น้องๆหลายคนก็ให้กำลังใจ ซึ่งก็ไม่เป็นไร ผมยืนยันเหมือนเดิมว่า มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้ แต่รวมถึงครูบาอาจารย์เขาก็เห็นตรงกับเราเด็กหลัง ๆ ก็เห็นตรงกัน ... ทหารต้องเข้มแข็ง เราต้องไม่น้อยใจ ต้องทำหน้าที่ของต่อไป เรายังมีหน้าที่มากมาย เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเดียว ยังมีภารกิจมากมายที่ต้องทำให้ประเทศชาติ เพื่อรักษา สถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และดูแลประชาชน เรื่องอื่นเราก็ยังทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มความสามารถ และเป็นกลไกที่ดีของรัฐบาลต่อไป ไม่มีปัญหาอะไร ... ย้ำว่า กองทัพเรือไม่มีเรือดำน้ำมา 60 ปีแล้ว เป็นความพยายามครั้งที่ 3 ที่ประสบความล้มเหลวอีกแล้ว ถ้าเรามีความซื่อตรงในหน้าที่จรรยาบรรณ และวิชาชีพทหาร เราก็ต้องดำเนินการต่อไป"

และผมคิดว่านี่เป็นทัศนคติที่เราก็ควรมีเช่นกัน

Create Date : 06 พฤษภาคม 2554
Last Update : 6 พฤษภาคม 2554 23:06:26 น.

แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 23:21:52

แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 23:21:14

จากคุณ : Analayo
เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 23:17:00




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com