ความคิดเห็นที่ 1 ง่ายครับๆ  ไปสอบถาม  หรือค้นหา  ว่าที่ไหนลือกันว่า  มีวิญญาณ จริงๆ  เช่น (โรงพัก กองปราบ  หรือ สุสานฝังศพ) ก็นัดคนที่บอกว่า ผีไม่มีจริง ไปนั่งสัก สองชั่วโมง แล้วให้พวกเขา จุดธูปท้าทาย หรืออะไรก้ได้ แต่อย่าไปคาดหวังอะไรนักกับ นักเลงคีย์บอร์ดมากนัก จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:18:02

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ว่ามีจะง่ายกว่าไปพิสูจน์ว่ามันไม่มีนะ - -" ปล.ขอออกความเห็นเรื่องผีหน่อยละกันครับ เรื่องผีผมว่ามันแล้วแต่ความเชื่อครับ ตามสะดวกเลยใครจะเชื่อไม่เชื่อไม่ว่ากัน แต่อย่านำมาเป็นเรื่องราวใหญ่โตในชีวิตกันเลยครับ ผมเห็นบางคนกลัวจนเกินเหตุไม่เป็นอันทำอะไร ผมว่า"คนที่กลัวจนเกินพอดี"นี่เป็นปัญหาหนักกว่าผีมีจริงหรือไม่ซะด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 11:25:08 จากคุณ : GenoGTN. เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:22:20

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าคนที่เชื่อเรื่องผี ไม่ได้ต้องการให้คนที่ไม่เชื่อหันมาเชื่อ ก็ไม่มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ ถ้าคนที่เชื่อเรื่องผี ต้องการให้คนที่ไม่เชื่อหันมาเชื่อ ก็มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ ถ้าคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี ไม่ได้ต้องการให้คนที่เชื่อหันมาไม่เชื่อ ก็ไม่มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ ถ้าคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี ต้องการให้คนที่เชื่อหันมาไม่เชื่อ ก็มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ จากคุณ : gr เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:22:34 A:115.87.247.226 X: TicketID:207770

ความคิดเห็นที่ 4 ผีไม่มีจริงนะครับ   ฟังอีกครั้งนึง ผีไม่มีจริงนะครับ ไม่ใช่เชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ ผีไม่มีจริงนะครับ   นี่คือภาษาไทย จากคุณ : หัวโตนะ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:24:31

ความคิดเห็นที่ 5 ผมขอเว้นเรื่องผีไว้ ไม่ตัดสิน แต่ผมขอติความคิดของคุณ think4223 เนื่องจากมีช่องโหว่ทางวิทยาศาสตร์ ยกตัวอย่างกรณี มีคนเห็นปลาบินอยู่ในท้องฟ้า คนที่เห็นปลาบินต้องพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้ว่ามีปลาบินอยู่จริง มิเช่นนั้นคนอื่นที่ไม่เชื่อ ก็ไม่มีวันเห็นปลา ซ้ำร้าย คนที่เห็นปลาบินได้ อาจจะถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าได้ -------------------------------------------------------------------------------- จากการพิสูจน์ จนได้หลักการมีอยู่ของปลาบินแล้ว จึงต้องนำมา ทำการทดลองร่วมกับผู้ที่ไม่เชื่อ หรือไม่เคยเห็น เพื่อสรุปร่วมว่า มีปลาบินหรือไม่. -------------------------------------------------------------------------------- ห้องนี้มีคนอ่านการ์ตูนไม่น้อย ถ้าใครอ่าน การผจญภัยของโจโจ้ ในภาค 4 ที่เขียนโดย ฮิโรฮิโกะ อารากิ จากญ่ปุ่น ลูกชาย ของโจเซฟ มองว่าพ่อตัวเองเลอะเลือน ที่รู้สึกว่ามีเด็กทารกทั้งๆที่ตนเองไม่เห็น โจเซฟมีหน้าที่พิสูจน์ให้ โจสุเกะ ผู้เป็นลูกเห็นว่ามีเด็กทารกล่องหนอยู่ --------------------------------------------------------------------------------- คุณ think4223 ควรที่จะพิสูจน์การมีอยู่จนได้ข้อสรุปก่อน จากนั้นจึงพยายามที่จะทำให้คนที่ไม่เชื่อเข้าร่วมพิสูจน์ จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:26:55

ความคิดเห็นที่ 6 ครับ แค่บอกว่า คนที่จะเข้าพิสูจน์ ต้องเป็นกลุ่มคนที่ไม่เชื่อ ซึ่งจะได้ผลการทดลองที่น่าเชื่อถือกว่า แค่นั้นครับประเด็นอยู่ตรงนี้ คห 5 ยกตัวอย่างกรณี มีคนเห็นปลาบินอยู่ในท้องฟ้า คนที่เห็นปลาบินต้องพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้ว่ามีปลาบินอยู่จริง*** พิสูจน์ด้วยการพาไปดูในที่ๆเคยเห็น หรือหากมีแค่คำบอกเล่าและเห็นอยู่คนเดียว ก็ไม่ต้องอวดให้คนอื่นไปพิสูจน์หรอกครับ ต้องมีลักษณะการเห็นเป็นหมู่คณะ และบ่อยกว่าแค่ครั้งเดียว และ เห็นกันมาเรื่อยๆ เป็นระยะๆ อย่าเอามาเทียบโลจิค แบบนี้กับผมเลย มองให้กว้าง ว่าผมเล่นประเด็นที่คนเห็นกับคนไม่เห็นมีจำนวนมากอยู่แล้ว มิเช่นนั้นคนอื่นที่ไม่เชื่อ ก็ไม่มีวันเห็นปลา ซ้ำร้าย คนที่เห็นปลาบินได้ อาจจะถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าได้*** ไม่จริงหรอกครับ หากปลามีจริงๆยังไงสักวันก็ต้องได้เห็นอีกทดลองซ้ำ แล้วเจอได้อีก หากไม่เจออีกเลยแม้นานแสนนาน ก็สรุปว่าไม่มีหลักฐาน ก็แค่นั้น แต่มันอ่อนไปตั้งแต่ บอกว่าเห็นอยู่คนเดียวแล้วละครับ ------------------------------------------------- ส่วน คุณหัวโต ผีจะมีไม่มีจริง ก็ไว้รอผลก็ได้ อย่าเพิ่งสรุปไปเอง อย่าเอาตัวเองเป็น ศูนย์กลางคับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 11:46:32 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 11:44:51 จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:42:35

ความคิดเห็นที่ 7 1# เคยแล้วครับ ตอนมหาลัย พนัน กับเพื่อน ผมไม่เชื่อเรื่องผี + ไม่กลัวผี เพื่อนผมก็ท้าเหมือนคุณแหละครับ ให้ผมไปนั่งในสุสานคนเดียว ตะเกียง 1 อัน ถ้าอยู่ได้จนเช้า ไม่มีปัญหา ออกมาไม่กลัว หัวไม่โกร๋น เอาไปเลย 1 หมื่น ถ้าทำไม่ได้จ่ายมา 1 หมื่น สรุป 555555 วันรุ่งขึ้นมีเงินไปถอย 8850 อวดสาวเท่ไปเลยครับ หรืออื่นๆ เท่าที่เคยพบมา 1 ข่าวลือบ้านผี ไปมาหมดครับ ผมจะเล่าให้ฟัง ไปมาที่นึง เพื่อนบอกว่ามีเงา ว่ามีคนมองจากหน้าต่างชั้น 2 วิ่งกันราบครับ เหลือผมกับเพื่อนที่ไม่เชื่อ 2 คน เลยปีนเก้าอี้ ให้มุมมองสูงขึ้น เอาไฟฉายส่อง ปรากฎว่า เป็นผ้าม่านที่ขาดเป็นรูปเฉียงๆ ครับ (สรุป มันกลัวผ้าม่านกัน) 2 ไปอีกที่นึง เจอเสียงครับ กึกกัก + กลิ่นเน่า วิ่งกันป่าราบครับ ผมกับเพื่อนคนเดิมเข้าไปดู เอาไฟฉายส่อง ปรากฎว่า เป็นหมา กับเศษอาหารเน่าๆที่หมาแทะทิ้งไว้ + อึ สรุป  กลัวหมา + เศษอาหาร ยังมีเด็ดอีกครับ สุดๆ ถ้าว่างจะมาเล่าให้ฟัง จากคุณ : hotnot เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:48:50

ความคิดเห็นที่ 8 คุณหัวโตจะเชื่อไม่เชื่อ ก็เรื่องของคุณ แต่คุณเชื่อว่าผีไม่มีจริงไปแล้วนี่ครับ จะบอกว่า ไม่เกี่ยวกับเชื่อไม่เชื่อได้อย่างไร... อะไรที่คุณได้ทำการทดลองแล้วพบว่าผีไม่มีจริงครับ ขอรายงานด้วยละกัน จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:49:23

ความคิดเห็นที่ 9 วิทย์มองที่กระบวนการ ไม่ใช่ตัวบุคคล ถือหลัก ใครมาทำการทดลอง ตามกระบวนการ ก็จะได้ผลเหมือนกัน กรณีทางจิต ถ้ามองตัวบุคคล ว่าเป็นสิ่งที่ถูกทดลอง วิทย์มีการใช้ ตัวแปรควบคุม เป็นเงื่อนไขอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะตัว อาจจะหาการยืนยันไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องหาอีกคนมายืนยัน ว่าเห็นเหมือนกัน นี่เป็นเรื่องหลัก ในการยืนยันความจริง คือ อย่างน้อยก็ต้องมีอีกคน ที่เห็นได้เหมือนกันมายืนยัน จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:50:47

ความคิดเห็นที่ 10 คห 7 ยอดมากครับ นี่แหละที่เรียกว่าน่าเชื่อถือ และให้ผลการทดลองที่ถูกต้องไม่ใช่หลอกตัวเอง หรือกลัวจินตนาการ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:54:13

ความคิดเห็นที่ 11 แต่ ตาม คห 7 ยังไง ก็ยังเป็น แค่คำบอกเล่าอยู่ดี ผมว่าเรามาเข้ากระบวนการกันก็ดีนะ มีรูปแบบการทดลองชัดเจน และ ผมคิดว่าคนแบบ คุณจะช่วยให้เรื่องนี้เคลียร์ได้... ปล คห 7 มั่นใจนะครับว่า ไม่เล่นของ หรือ คาถา 555+ เดี๋ยวจะเป็นข้ออ้างว่า ผี กลัว เลยไม่มาหลอก แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 11:57:44 จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:55:49

ความคิดเห็นที่ 12 คิดเหมือนคห.3 (แต่ให้กิ๊ฟไม่ได้) คนที่อยากให้คนอื่นเชื่อความคิดของตนคงจะต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ ผมไม่เชื่อแต่ก็ไม่เดือดร้อนถ้าคนอื่นจะเชื่อ ผมคงไม่เสียเวลาไปพิสูจน์ (เพราะไม่ได้อะไร) จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:58:58

ความคิดเห็นที่ 13 ใครที่คิดว่าไม่มีเเล้วอยากพิสูจน์ ก็ห้าวเป้งไปตามสถานที่ผีดุเเล้วท้าให้เค้าออกมาสิ จะได้จบๆๆไป จากคุณ : FLOW เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:00:11 A:101.108.69.51 X: TicketID:310693

ความคิดเห็นที่ 14 ถึง จขกท. เมื่อประมาณเดือนก่อนผมได้ดูสารคดีของ ubc เค้าไปตามล่าผีที่ คุกเก่า (ปัจจุบันปิดไปแล้ว) มีคนเจอผีที่นี้บ่อยมาก ทางทีมงานระดมนักวิทยาศาสตร์ นักจิตวิทยา เครื่องตรวจจับทุกแบบที่มีในโลก มีการใช้กล่มอาสาสมัคร 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เชื่อเรื่องผีและเคยเจอผี อีกกลุ่มไม่เชื่อและไม่เคยเจอ หลังการทดลองปรากฎว่า เครือง ตรวจจับ ตรวจไม่พบผีซักตัว แต่อาสาสมัครที่เชื่อเรื่องผี(ส่วนใหญ่)ยืนยันว่ามี หลังจาก นักจิตวิทยาพาทัวร์ในห้องขังที่เฮี้ยนที่สุด ส่วนอาสาสมัครอีกกลุ่มที่ไม่เชื่อเรื่องผีกลับไม่ รู้สึกว่ามี สุดท้ายทางทีมงานได้ติดตั้งเครืองกำเนิด อินฟราซาวน์ ในห้องขังห้องนึง(ห้องนี้ ไม่เคยถูกระบุว่ามีคนเจอผี ปรากฎว่า อาสาสมัครทั่งสองกลุ่ม รู้สึกว่าต้องมีอะไรแปลกๆ ในห้องนี้แน่ๆ ทางรายการไม่ได้สรุปว่าผีไม่มีจริง แต่เหตุการที่คนมักจะเห็นผีในที่ต่างๆน่าจะเกิดจากสถานที่นั้น มีต้นกำเนิดของเสียงอินฟราซาวน์ ผมเล่าไม่ค่อยละเอียดลองไป หาดูเองนะ จากคุณ : เรื่อยเปื่อยไปวันวัน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:02:45

ความคิดเห็นที่ 15 คห 3 คห 12 ขอความร่วมมือ ครับ ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ร่วมมือก็เฉยๆครับ แต่ไม่ใช่หน้าที่ เพราะ ผมบังคับใครไม่ได้ แล้วบอกไม่ได้อะไรได้ไงครับ อย่างน้อยได้พิสูจน์ความเชื่อตัวเองว่าไม่มีจริงๆไงครับ ผลการทดสอบก็จะได้เผยแพร่ออกไป ขจัดความงมงาย มันไม่ได้ประโยชน์เหรอ.... จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:03:23

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบ คุณ คห 14 ครับ จะไปหามาแปะ ดู อ่าน wiki ไปพลางๆ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9C%E0%B8%B5 http://en.wikipedia.org/wiki/Ghost จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:07:29

ความคิดเห็นที่ 17 ปัจจุบันมันยังไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อะไรที่จะใช้ในการพิสูจน์นี่ครับ แล้วจะพิสูจน์กันยังไง ให้เห็นว่าผีมีจริง ??? ยกตัวอย่างง่ายๆอย่าง ความฝันของมนุษย์ที่มนุษย์ทุกคนเวลานอนหลับในความฝันสามารถเห็นว่าภาพในความฝันเป็นภาพอะไรฝันเห็นเป็นเรื่องเป็นราวอะไร แต่ในทางวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาตร์ไหนสามารถถ่ายทอดภาพความฝันของมนุษย์คนหนึ่งให้คนอีกคนหนึ่งเห็นว่าเราฝันถึงอะไรเห็นเป็นภาพอะไร แต่เราทุกคนก็เชื่อว่าความฝันมีจริง เพราะเราเห็นด้วยตัวเอง แม้จะไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ไหนพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้ เพราะเครื่องมือที่พิสูจน์ปัจจุบันก็เห็นว่าเป็นแค่กราฟคลื่นสมองมันไม่ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพซะหน่อย เรื่องผีก็เหมือนกันสำหรับคนที่เชื่อก็เพราะเขาเคยเห็น คนที่ไม่เคยเห็นเขาก็ไม่เชื่อ ตอนนี้คงยังไม่ต้องไปหวังพึ่งพาเครื่องมือทางวิทยาสาตร์หรอกครับ ลองพิสูจน์ง่ายๆดูก่อน คือ ให้คนที่ไม่เชื่อเรื่องผี ไปอยู่ในป่าช้าคนเดียว จากนั้นก็ให้ตะโกนด่าล่อถึงบุพการีผีเลยก้ได้ท้าทายผีดู รุ่งเช้าก็มาสัมภาษณ์ว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติอะไรบ้างไหม แต่ผมเชื่อว่าคนที่บอกไม่เชื่อไม่เชื่อนี่เอาเข้าจริงไม่กล้าหรอก55+ จากคุณ : ZHEZA_N1 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:12:59

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่อง ฝัน ผมว่าเค้าจับ activity หรือคลื่นการทำงานของสมอง ตอนหลับฝันได้นะครับ ว่า ต่างจากไม่ฝัน หรือไม่ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:15:16

ความคิดเห็นที่ 19 ทำนองเดียวกัน ผมก็มองว่า ผี คือ พลังงานไฟฟ้ารูปแบบหนึ่งที่ยังเหลืออยู่หลังการมีชีวิต ดังนั้นน่าจะวัดได้จาก เครื่องมือ อิเล็กทรอนิกส์ ทั่วไปที่ผม เคยออกแบบอุปกรร์เอาไว้ในการวัดพลังงานที่มองไม่เห็น แต่มีการเคลื่อนที่ผ่านจุดวัดได้ และ ผี อาจจะเกิดจากการหลอนตัวเองด้วยจินตนาการ และ ความตื่นตกใจมากกว่าจะเข้าไปดูชัดๆว่า มันคืออะไร จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:17:28

ความคิดเห็นที่ 20 ใครควรทำหน้าที่พิสูจน์ ? ลองดูแต่ละกลุ่ม... คนที่ไม่เชื่อ... จะพิสูจน์ด้วยข้อจำกัดที่ตนเองเข้าใจ คิดไปว่ามันคือปรากฎการณ์ธรรมชาติอย่างฟ้าร้องฟ้าผ่า ไม่ใช่สิ่งที่มีเจตจำนงค์ในตนเอง ที่มีโอกาสที่จะไม่ปรากฎตัวเมื่อยามเขาพิสูจน์ แต่ไม่ปรากฎเมื่อไม่มีใครพิสูจน์ รวมถึงปรากฎตัวให้แค่เฉพาะบางกลุ่ม แต่อีกกลุ่มให้ตายทำยังไงก็ไม่สามารถปรากฎตัวให้เห็น และรวมถึงด่วนสรุปไปในทางที่ปฏิเสธการณ์มีอยู่ทางไสยศาสตร์มากจนเกินไป ซึ่งกลุ่มนี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ใก้ได้ว่าผีไม่มีอยู่จริง คนที่เชื่อ... จะรีบด่วนสรุปข้อมูลไปในทางที่เป็นไสยศาสตร์มากจนเกินไป แม้ว่าจะมีความรู้ทางไสยศาสตร์มากก็ตาม ดังนั้น ควรจะเป็นคนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะจะมีความกระตือรือร้นในการพิสูจน์ความถูกต้องมากที่สุด เช่นหากเกิดจากจิตเภทได้ หรือเกิดได้เพราะความบังเอิญ ก็จะไม่ฟังธงทันทีว่าเป็นไสยศาสตร์ กลับกันถ้าหากเกิดเรื่องที่อธิบายได้แต่ความเป็นไปได้ต่ำสุด ๆ ก็จะไม่ฟันธงว่าไม่ใช่ไสยศาสตร์ จึงทำให้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดเพียงพอ จะไม่รีบฟันธงไปในทางไหนที่มากจนเกินไป รวมถึงจะมีความรู้และรับฟังยอมศึกษาเกี่ยวกับไสยศาสตร์ว่ามันปรากฎในเงื่อนไขอะไรบ้าง (เช่นพวกที่ถามว่ามีผีต้นไม้ ผีสัตว์ หรือมีผีในอวกาศหรือเปล่า พวกนี้ไม่ได้รับฟังเรื่องผีชัวร์ ๆ) อีกทั้งสามารถนำสิ่งที่รู้ในตรงนี้มาประยุกต์ใช้กับการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะการที่ตั้งธงเอาไว้ในใจนั่นแหละ รวมถึงความรู้ความเข้าใจในตัวแปรของเรื่องที่พิสูจน์ด้วย เหมือนการเข้าไปในโรงเรียนประถม ป.1-6 แล้วตั้งธงเอาไว้ในใจว่าคนเท้าโตต้องท่องสูตรคูณเก่งกว่าคนเท้าเล็กแน่ ๆ มันก็ใช่ที่ผลลัพธ์ออกมาคนเท้าโตจะท่องเก่งกว่าคนเท้าเล็ก แต่ลืมไปหรือเปล่า ว่าแท้จริงมันไม่เกี่ยวกับเท้า หากแต่มันเป็นเพราะชั้นปีที่อยู่ต่างหากที่ทำให้ท่องเก่ง แล้วส่วนนี้มีผลกับเท้าอีกที แต่ไม่เกี่ยวกับการที่เท้าโตท่องสูตรคูณเก่งสักหน่อย เรื่องนี้มันก็เรื่องเดียวกับพิสูจน์ผี คนที่เชื่อก็จะตั้งธงว่าเหตุการณ์เหล่านี้ต้องเกิดจากผี ส่วนคนที่ไม่เชื่อจะตั้งธงไว้ว่าเกิดจากความบังเอิญ อุปทาน ไม่ก็ปัญหาทางจิต แล้วจะพิสูจน์ยังไงดีล่ะ ถึงจะแยกสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น กับความบังเอิญและเรื่องทางจิตได้ ? ดังนั้น ให้คนกำหนดตัวแปรอย่างละเอียดคือคนที่เชื่อเรื่องผี (เพราะมีความรู้เรื่องผีพอ) ส่วนคนกำหนดการทดลองจากตัวแปรคือคนที่ไม่เชื่อ (เพราะมีความตั้งใจที่จะพิสูจน์ให้รู้ว่าไม่มี) ส่วนคนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งทำการสรุปผลการทดลอง (เพราะยังไม่ตั้งธงเอาไว้ในใจ ผลลัพธ์ที่ฟันธงไม่ได้จะยังไม่เชื่อ) จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:22:19

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่า คนที่เชื่อว่าผีมีจริงน่าจะเป็นฝ่ายพิสูจน์น่ะครับ เปรียบเทียบง่ายๆ สมมติผมเชื่อว่าก๊อตซิล่ามีตัวตนจริงๆ แต่คุณเชื่อว่าก๊อตซิล่าไม่มีตัวตนจริงๆ ผมควรเป็นฝ่ายบุกผจญภัยในดินแดนต่างๆ เพื่อค้นหาก๊อตซิล่าหรือซากโครงกระดูกเป็นการพิสูจน์ว่ามันมีตัวตนจริงๆ หรือ คุณควรเป็นฝ่ายบุกผจญภัยในดินแดนต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่าก๊อตซิล่าไม่มีจริงล่ะครับ จากคุณ : JeZeus เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:23:57

ความคิดเห็นที่ 22 ผมว่า แหล่งที่คนบอกมี ผี มันเกลื่อนและหาได้ทั่วไปมากกว่าแหล่ง ที่จะมีกระดูก ก๊อตซิลล่านะ การหาความจริงของสิ่งที่คนหมู่น้อยพบเห็นมันไม่น่าสนใจเท่าการหาความจริง ของคนจำนวนมากที่ เคยพบเห็น และที่สำคัญ มันช่วยเรื่อง ความงมงายได่ นะคับ ในการพิสูจน์เรื่องผี จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:35:19

ความคิดเห็นที่ 23 คห.18 ถ้าอย่างนั้นเอาเครื่องวัดคลื่นสมองมาวัดกับคนที่กำลังเห็นผีหรือเขาบอกว่าเขาสามารถเห็ผีได้ ถ้าเอามาวัดแล้วปรากฏว่าคลื่นสมองมันผิดไปจากปกติก็แสดงว่าผีมีจริงเหรอครับ บางอย่างเครื่องมือทางวิทยาศาตร์พิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีอยู่จริง จากคุณ : ZHEZA_N1 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:38:54

ความคิดเห็นที่ 24 #15 ที่ว่า "ไม่ร่วมมือก็เฉยๆครับ" หมายถึงอย่ามาตอบกระทู้ ? แต่ผมว่าผมตอบคำถามนะ เพราะคุณถามว่าใครควรเป็นฝ่ายพิสูจน์ ถ้าเคยทำวิจัย คงจะรู้ว่าต้องมีแรงจูงใจให้ผู้ร่วมทำการทดสอบด้วย (งานวิจัยหลายชิ้นต้องให้ค่าตอบแทนด้วยซ้ำ) แค่บอกว่ามาช่วยกันเพื่อขจัดความงมงาย ผมไม่แน่ใจว่าจะมีคนสละเวลามาช่วยสักเท่าไหร่ นอกจากคนที่อยู่ว่างๆ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:40:58

ความคิดเห็นที่ 25 การที่จะโน้มน้่าว ให้กลุ่มคนที่ไม่เชื่อ ได้สนใจที่จะพิสูจน์ ต้องมีหลักฐานเบื้องต้น เพื่อให้รู้ว่ามันมีมูลหน่อยสิครับ ยกตัวอย่าง godzilla ก็ได้ คนที่บอกว่ามี ถ้าเคยเห็นเองที่เกาะ xxx กลางอ่าวไทย แล้วมาบอกลอยๆ ใครที่ไหนจะเสียเวลา เสียเงินเดินทางไปพิสูจน์? แต่ถ้่ามีรูปถ่ายเบลอๆ หรือพยานบุคคลอีกหลายคน อันนี้ก็ถือว่ามีหลักฐานเบื้องต้น ที่อาจจะมี หรือไม่มี ก็ได้ ยังสรุปไม่ได้ ต้องตามไปพิสูจน์๋อีกที แบบนี้แหละน่าสนใจ แต่้จะให้เชื่อคำบอกเล่าของคนเพียงคนเดียว ที่ไม่มีหลักฐานอื่นๆเลย แล้วต้องเสี่ยงชีวิต ไปนั่งกลางป่าช้า เพื่อให้โจรจี้ หรือโดนแมลง งูกัด ผมว่ามันไร้สาระ และไม่มีคุณค่าเพียงพอต่อการเสี่ยงครับ ห้องวิทยาศาสตร์ ก็ต้องคิดแบบมีกระบวนการจัดการที่มีเหตุผลกันหน่อย ป.ล. ลึกๆผมเชื่่อว่าผีอาจมีจริง แต่ผมไม่เชื่อว่า คนที่บอกว่าเห็นผี มันคือผีจริงๆครับ เพราะคำบอกเล่าส่วนใหญ่ มันมีจุดอ่อน และลักษณะที่อาจเกิดจากการคิดไปเองได้มากกว่า เช่นกรณีผ้าม่านข้างบนนั่น จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:41:39

ความคิดเห็นที่ 26 เจ้าของกระทู้ไม่ได้โน้มน้าวให้คนเชื่อเรื่องผี  เพราะตัวเค้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อเรื่องผี แต่เจ้าของกระทู้อยากฟันธงในเรื่องผีว่ามีจริง ๆ หรือ  เลยพิสูจน์ สรุป ผีไม่มีจริงนะครับ จากคุณ : หัวโตนะ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:48:42

ความคิดเห็นที่ 27 #13 จบยังไงครับ? เรื่องผีบางทีไปกันหลายคนยังไม่ได้เจอกันทุกคน ฝ่ายที่เชื่อก็จะ claim อีกว่ามีจริงๆ นะ แต่คนที่ไปไปแล้วไม่เจอเอง การพิสูจน์เรื่องผี ที่จริง burden of proof ควรตกอยู่กับกลุ่มคนที่เชื่อว่าผีมีจริงครับ แต่เรามักทำตรงกันข้าม คือคนที่เชื่อเอาเหตุการณ์แปลกๆ ที่ตัวเองไปเจอมามาเล่าให้ฟัง แล้วให้คนที่ไม่เชื่ออธิบาย หรือท้าให้คนที่ไม่เชื่อไปลองของ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:51:04

ความคิดเห็นที่ 28 ^ #25 จะว่าไปเพื่อนผมเคยมีเหตุการณ์เจอผีเป็นกลุ่มซึ่งมีอย่างน้อย 2 คนในกลุ่มที่เห็นเหมือนกันด้วยนะคับ (โดยที่ทั้งสองคนก็ไม่ใช่สาวกภูติผีปีศาจด้วยนะคับออกจะแนวนักเที่ยว+เจ้าชู้ซะด้วยไม่ได้สนใจเรื่องผีๆสางๆเลย) ปล. แต่คงจะตามไปพิสูจน์อะไรไม่ได้เพราะแค่เห็นโดยบังเอิญคับไม่ถึงขั้นเรียกผีออกมาคุยได้... จากคุณ : Catwater เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 13:04:48 A:223.205.227.193 X: TicketID:311423

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วตอนดึกๆ ที่ร้านสะดวกซื้อประตูเปิดเองจะอธิบายว่าไง จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 13:10:54

ความคิดเห็นที่ 30 ก่อนจะไปกันใหญ่ ผมว่า ควรจะช่วย เจ้าของกระทู้ กำหนดลักษณะของผีก่อนดีกว่าว่า แค่ไหนถึงเรียกว่า ผี อย่าบอกนะว่าทุกคนรู้เหมือนกันหมด ไม่งั้นไม่จบ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 13:41:39 จากคุณ : Bugtoi เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 13:18:50

ความคิดเห็นที่ 31 คห 26 ผม ไม่รู้ว่า มีไม่มีจริงตะหาก เลยอยากพิสูจน์ เพราะเห็นทั้งคนบอก มีและไม่มี ต่างก็ไม่เคยมาทำข้อตกลงเพื่อ พิสูจน์ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์ แบบทำซ้ำได้สักที จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 13:24:05

ความคิดเห็นที่ 32 คห 29 แมลงบินตัดเซ็นเซอร์ มั้งครับ ทดลองดูได้ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 13:24:55

ความคิดเห็นที่ 33 คห 24 ครับ ออกความเห็นเฉยๆก็พอแล้วครับ ไม่ต้องมาร่วมกิจกรรม หรือบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ เพราะ เค้าก็คิดว่าไม่ใช่หน้าที่กันอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องความสมัครใจ และ การต้องการหาความจริงนะครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 13:27:13

ความคิดเห็นที่ 34 หาก คนไม่เชื่อ ทำการทดลองแล้ว กลายเป็นเชื่อได้นี่มีนัยสำคัญมั้ยละ ครับ.... นี่ตะหากที่ผม อยากสื่อ หากไม่เชื่อ เจออะไรแปลกๆ ก็ไม่เชื่อเพราะ เข้าไปดูว่ามันคืออะไร ก็จะได้คำตอบของตัวเอง ไม่ใช่หนีไปซะก่อน แต่หาก ไปหาคำตอบให้ตัวเองแล้ว อธิบาย สิ่งนั้นไม่ได้ ผมว่า นั่นคือหลักฐานที่มีความหมาย จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 13:31:20

ความคิดเห็นที่ 35 คห.18 ถ้าอย่างนั้นเอาเครื่องวัดคลื่นสมองมาวัดกับคนที่กำลังเห็นผีหรือเขาบอกว่าเขาสามารถเห็ผีได้ ถ้าเอามาวัดแล้วปรากฏว่าคลื่นสมองมันผิดไปจากปกติก็แสดงว่าผีมีจริงเหรอครับ บางอย่างเครื่องมือทางวิทยาศาตร์พิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีอยู่จริง ไปตีความอย่างนั้นได้ยังไง มันก็ต้องตีความผลการทดลองว่าผีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการทำงานของสมองเหมือนฝันไปมากกว่า จะไปตีความว่าผีมีจริงได้ยังไง? สมมติเราเอาไฟฟ้าจี้ไปที่บางส่วนของสมองแล้วเราเห็นภาพวงสีๆ เราก็ตีความได้ว่าไฟฟ้าที่เราจี้นั้นไปกระตุ้นสมองส่วนที่ทำการมองเห็น ไม่ได้หมายความว่าเราเห็นผีซะหน่อย จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 14:03:18

ความคิดเห็นที่ 36 แค่แยกได้ ว่าเรากำลังหลอกตัวเองหรือกำลังเจอ ตัวแปรอื่นที่อยู่ภายนอกร่างกายเราก็พอครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 14:06:19

ความคิดเห็นที่ 37 เราต้องแยก ว่าผีนั้นไม่ได้อยู่ในหัวของคนออกไปก่อน ผีคือสิ่งที่มีอยู่จริงมั้ยต้องไม่อยู่ในสมองของใครของมัน แต่ต้องรับรู้ได้ ทั่วๆกันประจักษ์ได้พร้อมๆกันนะ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 14:07:44

ความคิดเห็นที่ 38 คนที่น่าเชื่อ ถือ คนที่ไม่จิตนาการไปก่อนว่าคือผีนะครับ ดังนั้น คนไม่เชื่อ จึงไม่น่ามีจิตนาการมากกว่าคนที่เชื่อ ผลการทดลองกับคนกลุ่มไม่เชื่อจึงน่าเชื่อถือมากว่าครับ ที่จะบอกได้ว่า ผี มีอยู่ในบริเวณนั้นๆ จริงๆ ไม่ใช่สมองหลอก จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 14:11:57

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่เชื่อเรื่องมองเห็นผี มีจริงไหม ไม่รู้ แต่ขนหัวลุกได้ กลัวคนมากกว่า ตอนเรียนมหาวิทยาลัย อยู่หอพักในกับเพื่อน อ่านหนังสือตอนตีสองได้ยินเสียงลากเก้าอี้ จากชั้นบนแรงๆและสักพักตามมาเสียงแบบลากเตียงเลย หันมามองคุยกับรูมเมทว่าไอ้...อ่านหนังสือดึกเหมือนกันนะ เรารู้ว่าเพื่อนเราพักข้างบนไง ยังบอกว่ามันคงลากเตียงออกหาแมลงสาบเหมือนแกไงเพราะเกลียดแมลงสาบ พอเจอหน้าเพื่อนห้องชั้นบน ถามมันมันบอกไม่เลย ไม่เคยนอนดึกเลยชั้น ห้าทุ่มดึกสุดละ สมัยนั้น ทีวี คอมในห้องยังไม่มีกัน รูมเมทดันไปสืบมาจนรู้อีกว่าห้องชั้นบนนั้นคือห้องพี่ที่ถูกรถชนตายปลายปีก่อนเราจะมาเรียนที่นั่น ถามว่าเชื่อไหม ก็ไม่แต่อธิบายไม่ได้ ซัมเมอร์เรียนคนเดียวยังอยู่ห้องนั้น แต่รูมเมทไม่กล้านอนคนเดียว จากคุณ : Lonely Rose เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 14:29:27

ความคิดเห็นที่ 40 เอ๊าใครว่าผีมีจริงเรียกคุณhotnot ไปพิสูจน์ด่วน จากคุณ : Kormicsamashoon เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 14:56:01

ความคิดเห็นที่ 41 สุดท้ายก็สรุปไม่ได้อยู่ดี คนที่เปลี่ยนจากไม่เชื่อเป็นเชื่อ พอเอาผลไปเผยแพร่ คนที่ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ แล้วเขาก็คงไม่มมาพิสูจน์กับคุณ ทุกคนหรอก ไม่ได้ว่างกันขนาดนั้น สรุปคือ จะพิสูจน์ไปทำไมครับ ถ้าผีมีจริงมีประโยชน์อะไำร ถ้ามันไม่มีแล้วมีประโยชน์อะไร ใครอยากเชื่อยังงัยก็เชื่อไปสิครับ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า จากคุณ : psybuster เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 15:11:42

ความคิดเห็นที่ 42 ป.วิ.พ. มาตรา 84/1 บัญญัติว่า “คู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตน ให้คู่ความฝ่ายนั้นมีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น จากคุณ : what do you want from me? เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 15:27:07

ความคิดเห็นที่ 43 คห 41 ได้แค่ผลเชิงสถิติครับ นี่คือเราต้องการแค่นี้ อาจเอาไปอ้างอิงได้บ้าง แต่ไม่ใช่ ว่ามันจะทำให้ทุกคนเชื่อจริงๆ เพระคนที่ไม่ได้ทดลองด้วยตัวเองก็ไม่เชื่ออยู่ดีแหละ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 15:32:45

ความคิดเห็นที่ 44 ในที่เดียวกันในบ้านเดียวกันที่มีคนว่าเห็น แต่บางคนก็ไม่เห็น ตัวแปรก็คือผู้เห็นกับสิ่งที่ถูกเห็น  ถ้าตีว่าวิณญาณคือจิต สิ่งที่เราฝึกได้ก็คือฝึกเห็นจิตตัวเองก่อน  พอเห็นจนชำนาญแล้วอาจจะเห็นจิต หรือวิณญาณคนอื่นได้ง่าย แต่ผมแค่เดานะครับ เพราะไม่เห็นวิธีอื่น ส่วนจิตคืออะไร ฝึกเห็นได้ยังไง ก็ต้องศึกษาลองทำกันจริงๆจังๆ จะได้ประโยชน์กว่าการเห็นผีอีกครับ จากคุณ : lostman เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 15:57:20

ความคิดเห็นที่ 45 จากที่อ่านมา 1. ทำไมถึงต้องมีการท้าให้ไปพิสูจน์คนเดียว  ไปกันเป็นกลุ่มผีจะออกมาไม่ได้หรือ  มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ปรากฏตัวต่อหน้าคนกลุ่มใหญ่ไม่ได้  กลัวคนรุมกระทืบรึไง 2. ทำไมผีต้องหลบๆซ่อนๆ ถ้าผีมีจริง ป่านนี้คงหาทางพยายามแสดงตนพิสูจน์กับคนแล้ว ว่าผีมีจริงๆนะ เพราะถ้าคนเชื่อว่าผีมีจริง คงมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เค้ามากขึ้น เค้าจะได้สบายขึ้น หลบๆซ่อนๆ หลอกคนไม่กี่คน เค้าได้ประโยชน์อะไร จากคุณ : นักศึกษาโดนรีไทร์น่าเวทนา เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 15:58:39

ความคิดเห็นที่ 46 ผมว่าควรให้คนไม่เชื่อไปพิสูจน์ เพราะคนไม่เชื่อจะหาเหตุผลจนหมดว่าสิ่งที่เห็นมันคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น เจอเงาตะคุ่มๆในบ้านร้าง คนเชื่อแมร่งวิ่งป่าราบ ออกมาบอก "เฮ้ยข้างในมีผี" คนไม่เชื่อ จับไฟฉายส่องเลย ออกมาบอกว่าแค่เงา... แต่คนเชื่อควรให้ค่าจ้างคนไม่เชื่อเพื่อพิสูจน์นะ สรุปว่าคนเชื่อออกตัง ให้คนไม่เชื่อพิสูจน์ ใครอยากจ้างลองเสนอราคามาเลย เชื่อว่านอกเหนือจากคุณ hothot แล้วยังมีหลายๆคนพร้อมจะพิสูจน์ถ้าให้ราคาดี (รวมถึงผมด้วย) แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 16:05:02 จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 16:03:44

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าให้กลุ่มที่ไม่เชื่อ พิสูจน์ กลุ่มที่เชื่อจะบอกว่าไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าไม่มี ให้กลุ่มที่เชื่อพิสูจน์ คำตอบเหมือนด้านบน จากคุณ : โลกต้องตะลึง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 16:31:27

ความคิดเห็นที่ 48 ตามไปที่นี่ต่อ ครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10551655/X10551655.html จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 16:43:41

ความคิดเห็นที่ 49 คห 47 ไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าไม่มี แต่กลุ่มที่โดนข้อมูลลวงแล้วมีอาการก็พอเดาได้ว่า เป็น จิตนาการก็ได้นะ ส่วนพวกที่ไม่เชื่อยังไงก็ต้องไม่เห็นและไม่มีอะไรต้องกลัว แม้จะเจอห้องข้อมูลลวงหรือห้องมีประวัติ จริงๆ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 16:46:18

ความคิดเห็นที่ 50 เอาผีตัวเป็นๆ (ต้องตัวตายๆสินะ) มาสัมภาษณ์ออกอากาศให้ดูที ก็ .... อาจจะมีจริงก็ได้นะ แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ก็อย่าหวังจะให้เชื่อ เคยไปนั่งเล่นเดินเล่นในที่ที่อ้างกันว่าผีหลอกเหมือนกัน ไม่เห็นจะเจอเลย นึกดูเล่นๆถ้าเราสื่อสารกับผีได้ เราก็จะได้เพลงใหม่ๆของบีโทเฟน ให้ไอน์ไสตน์มาสอนหนังสือและทำงานต่อ และ ให้คนนู้นคนนี้ทำนู่นทำนี่ ฯลฯ ฯลฯ  ดีออก แต่มันทำไม่ได้นี่สิ น่าเสียดายจัง จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 16:48:53

ความคิดเห็นที่ 51 ตามหาสิ่งที่"น่าจะมี"   ง่ายกว่า   ตามหาสิ่งที่"ไม่น่าจะมี" ...    ใช่ไหมครับ แต่ ทั้ง 2 อย่าง  ยากที่คนฟังคำตอบจะเชื่อครับ... เหมือน ทวีปแอตแลนตีส ..  เชื่อว่าีมี  ก็ค้นคว้าหากันไปว่าหลักฐานบอกว่าตรงนั้นตรงนี้  ไปตามขุด ตามหากัน ส่วนเชื่อว่าไม่มี .. จะทำไงหล่ะ นอกจาก รอคนที่เชื่อเค้าเจออะไร แล้วหาข้อมูลมาลบล้างหลักฐานนั้น จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 16:57:57

ความคิดเห็นที่ 52 สมมุติว่า A ถาม B ว่า "UFO มีจริงหรือเปล่า ?" B บอกว่า "UFO มาจากไหนใครจะไปรู้ เพราะยังไม่มีหลักฐานหรือช้อมูลอะไรที่บ่งชี้ได้ว่า UFO มาจากไหน แล้วแท้ที่จริงมันคืออะไรกันแน่" A อยากทดสอบ "แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า UFO มีอยู่จริง ?" B ตอบกลับว่า " การจะพิสูจน์ว่า UFO มีอยู่จริงนั้นทำได้ทางเดียวคือ A ต้องนำกล้องไปถ่ายเก็บภาพ UFO ตั้งแต่รอบนอก แล้วเข้าไปถ่ายสภาพภายใน รวมไปถึงการถ่ายภาพเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่มากับ UFO ลำนั้นแบบตัวเป็นๆด้วย จากนั้นก็นำภาพที่ได้ไปกระจายตามสื่อต่างๆให้ทุกคนได้เห็นว่า "UFO ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีอยู่จริง" A ตอบ "แล้วชั้นจะทำอย่างนั้นได้ยังไงเล่า ในเมื่อคนอื่นๆยังไม่เคยมีใครทำได้แบบนั้นเลยนี่หว่า แล้ว UFO จะมาลงจอดเฉยๆให้ชั้นเข้าไปสำรวจถ่ายภาพจากข้างในได้ยังไง ?" B ตอบกลับว่า "เพราะยังทำแบบนั้นไม่ได้ไงล่ะ เลยยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า UFO มีจริงหรือไม่ ถึงได้เข้าทฤษฏี พิสูจน์ปีศาจ ไงล่ะ แต่ถ้าหากมีคนทำอย่างที่ชั้นพูดไปเมื่อกี๊ได้จริงๆ ก็เท่ากับว่า UFO คือปีศาจที่ถูกพิสูจน์แล้ว ในฐานะ วัตถุลึกลับจากต่างดาว" สรุป -ทฤษฏีพิสูจน์ปีศาจ คือทฤษฏีที่ว่าด้วยเรื่องราวที่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ หากเรื่องราวนั้นๆสามารถยืนยันได้แล้วว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็จะใช้คำว่า "xxxคือปีศาจที่ถูกพิสูจน์แล้ว ในฐานะxxx" แต่สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครเรียกชื่อทฤษฏีชนิดนี้แล้ว -ในปัจจุบัน ทฤษฏีพิสูจน์ปีศาจเป็นทฤษฏีที่ทนายมักนำไปใช้ในชั้นศาลซะเป็นส่วนใหญ่ เพื่อแก้ต่างให้กับจำเลยที่จ้างตน โดยการบีบให้ฝ่ายโจทย์พิสูจน์ให้ได้ว่า "จำเลยผิดจริง" แล้วจะทำยังไงถึงจะพิสูจน์ได้ว่าผิดจริง ? ก็จำเป็นต้องมีพยานและหลักฐานมายืนยัน หากพยานและหลักฐานที่มียืนยันมัดตัวได้แน่นอนแล้วว่าจำเลยผิดจริง ก็เท่ากับว่า "จำเลยคือปีศาจที่ถูกพิสูจน์แล้ว" ในฐานะของคนร้ายตัวจริง ข้อ ดี : - เป็นทฤษฏีที่ใช้แก้ต่างได้อย่างดี หากเราถูกใส่ร้ายทั้งๆที่ไม่ผิด เราสามารถยกทฤษฏีพิสูจน์ปีศาจนี้ขึ้นมาโต้แย้งเพื่อที่จะหลุดพ้นจากข้อกล่าว หาได้ (แต่ต้องระวังเรื่องพยานและหลักฐานปลอมด้วย) ข้อเสีย : - มันคือการแถรูปแบบหนึ่ง ในความคิดของคนอื่น อาจทำให้คนอื่นหมั่นไส้ได้ถ้าหากปีศาจถูกพิสูจน์แล้ว และยังดื้อใช้ต่อไป เครดิต บอร์ด higu-fc แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 17:06:22 จากคุณ : ด.ช.แม่น เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 17:05:17

ความคิดเห็นที่ 53 คนที่เดือดร้อนครับ ควรเป็นผู้พิสูจน์ จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 17:33:27

ความคิดเห็นที่ 54 แค่แบ่งกลุ่มก็ผิดแล้วครับ เชื่อเรื่องผี?????? เชื่อว่าอะไร? เชื่อว่ามี หรือ เชื่อว่าไม่มี หรือ เชื่อว่ามีผี (ผีคืออะไร) ไม่เชื่อเรื่องผี? ไม่เชื่อว่ามี? เฉยๆไม่ได้ใส่ใจ? จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 17:39:00

ความคิดเห็นที่ 55 เชื่อว่าไม่มี กับ ไม่เชื่อว่ามี ไม่เหมือนกันนะครับ... จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 17:46:49

ความคิดเห็นที่ 56 ผี ไม่ได้อยู่ในการบังคับของใครนี่ ว่าจะให้ออกมาหรือไม่ เป็นความพอใจของผีเขานะ ถึงผีมีจริง  แต่เขาไม่ออกมา แล้วเอาอะไรมาตัดสินว่าไม่มี ถ้าพิสูจน์ได้ แบบที่ว่า คงทำได้ไปนานแล้ว ไม่เป็นปัญหาโลกแตกมาจนทุกวันนี้ เรื่องนามธรรม รู้ได้เฉพาะตนดีกว่ามั้ง......รู้ใครรู้มัน ดีกว่า ไม่งมงายด้วย จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 18:30:07

ความคิดเห็นที่ 57 คห 54 เอาสั้นๆ พวกเชื่อว่า ผีมี กับ เชื่อว่าผีไม่มี ไงครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 18:47:35

ความคิดเห็นที่ 58 คห 56 งั้นตามด้วยการตั้ง เซ็นเซอร์ห้องที่คิดว่ามีผี แช่ไว้ เพื่อวัดระดับพลังงาน ต่อ เพราะ ผู้ทดสอบไม่สามารถอยู่ได้ตลอด เป็นข้อมูลชุดสุดท้ายมาเสริม ผลการทดลอง ด้วยคนครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 18:49:07

ความคิดเห็นที่ 59 พิสูจน์ ความเชื่อ ทำไม่ได้ ถ้าเป็น ทฤษฎี  เราอาจหาทางพิสูจน์ได้ (บางทฤษฎี ที่ยากๆ ความรู้พื้นฐานยังไม่พอ เราก็ยังไม่สามารถพิสูจน์เหมือนกัน) ผี  เป็นความเชื่อ   จขกท ลองตั้งทฤษฎี เกี่ยวกับผีให้ได้เสียก่อน แล้วเราก็มาหาทางพิสูจน์ทฤษฎีกัน จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 18:54:41

ความคิดเห็นที่ 60 ตามนี้ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10541873/X10541873.html จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 19:01:09

ความคิดเห็นที่ 61 ถ้าผีเป็นสิ่งของ หยิบจับได้ง่าย ใครไปก็เห็น ใครไปก็เจอ คงพิสูจน์กันได้ตั้งนานแล้ว แต่ความจริงผี"อาจจะ"ไม่ใช่สิ่งของ แต่"อาจจะ"เป็นสิ่งที่มีความนึกคิด บางคนเท่านั้นที่เจอ แต่อีกหลายคนไม่เจอ ทำยังไงถึงจะรู้ ? เทียบให้มันเป็นเหมือนเสียงความถี่สูงซึ่งมีแต่คนที่ประสาทหูดีเท่านั้นที่ได้ยิน (ที่จริงคือเด็กได้ยิน กับผู้ใหญ่ไม่ได้ยิน แต่ขอเปลี่ยนเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดและไม่มีข้ออ้างอื่นประกอบ) หากไม่มีเครื่องจับคลื่นความถี่ แล้วมีแต่มนุษย์ด้วยกันที่อยู่บริเวณนั้น จะพิสูจน์ยังไงว่ามันมีเสียงอย่างนั้นอยู่ที่นั่นจริง ? ในเมื่อมีแค่บางคนที่ได้ยิน แต่ที่เหลือไม่ได้ยิน ? จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 19:09:22

ความคิดเห็นที่ 62 หากจะให้มีการทดลองยืนยันว่าผีมีไม่มี ใครที่น่าจะมีความน่าเชื่อถือ ทางวิทยาศาสตร์สูงกว่ากัน ไม่มีใครมีความน่าเชื่อถือทั้งสิ้น เพราะการทดลองที่จะยืนยันว่าผีไม่มี ทำไม่ได้ ลองนึกดูว่า ถ้าเราจะทดลองว่า "น้ำมีอยู่จริงหรือไม่" โดยเอาแก้วเปล่ามาพิสูจน์ แม้จะพิสูจน์ได้ว่า ในแก้วนั้น ไม่มีน้ำแม้แต่โมเลกุลเดียว ก็ไม่ได้ยืนยันว่า "น้ำไม่มี" แม้จะเอาแก้วเปล่าใบนั้น มาทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วไม่เจอน้ำซักโมเลกุล ก็ยืนยันไม่ได้ว่า "น้ำไม่มี" สรุป การทดลองเพื่อยืนยันว่าผีไม่มีอยู่จริง ทำไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะทดลองแล้วไม่เจอยังไง จะทดลองซัก 100 ครั้ง 1000 ครั้ง จะใช้มนุษย์ซัก 10000คน 100000คน แล้วไม่เจอผี ก็ไม่ได้หมายความว่า ผีไม่มีอยู่จริง เพราะคนที่เห็นผี อาจจะเป็น 1 ใน ล้าน ก็ได้ และในกรณีที่เกิดเห็นผีขึ้นมา เอาแบบเห็นจะๆ เป็นตัวๆเลยนะ แล้วเห็นหลายคน แบบพูดคุยกันได้เลย "ตายเมื่อไหร่ ตายยังไง ทำไมยังสิงอยู่ที่นี่ ทำไมคนอื่นถึงไม่ค่อยเคยเห็นผี" ถึงคุยกันได้ขนาดนั้นแล้ว ก็สามารถสรุปได้ว่า ผีมีอยู่จริง สรุป การทดลองเพื่อยืนยันว่า ผีมีอยู่จริง ทำได้ แต่มันจะใช่แบบนั้นเหรอ? ติ้งต่างว่า ผีคือกลุ่มพลังงานความร้อน แล้วถ้าหากคนทดลอง เข้าไปเจอ แบบร้อนวูบๆ จะสรุปว่านั่นคือผีรึไง? แบบนั้นคงสรุปได้ว่า ครัวที่มันร้อนเพราะมีผีปลา ผีผัก อะไรอยู่เต็ม ก็เลยร้อนสินะ ผีคืออะไร... คุณยังไม่รู้เลย จะมาทดลองอะไร? การทดลองที่ทำได้ มีอยู่อย่างเดียว คือการจับโกหกคน โดยให้ผู้ที่พูดว่า เห็นผี นั้น เข้าทำการ "ทดลองเพื่อยืนยันว่า ผีมีจริง" โดยการทดลองนั้นต้อง มาจากการกำหนดนิยามของผู้ที่บอกว่าเห็นผี เช่น จะเห็นเมื่อไหร่ เห็นได้ตลอดมั้ย ผีทำอะไรได้บ้าง พูดคุยได้มั้ย ทีนี้คนที่ไม่เชื่อก็จะกำหนดรูปแบบการทดลอง เพื่อยืนยันคำพูดของผู้อ้าง ดังนั้น การทดลองที่คุณบอกมา มันไม่มีจุดหมาย เลื่อนลอย และไม่มีหลักการ ทำอะไรไม่ได้ ยืนยันอะไรไม่ได้ จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 19:50:23

ความคิดเห็นที่ 63 แนะนำผมหน่อย สิครัยบ ท่านผุ้รอบรู้ว่า ต้องออกแบบการทดลอง ยังไง จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 19:53:09

ความคิดเห็นที่ 64   ขอนอกเรื่องนะ เวลาพูดเรื่องผีผมชอบนึกถึงคำนี้  รักแท้เหมือนภูตผีปีศาจ ที่ใครหลายคนมักพูกถึง  แต่มีน้อยคนนักที่จะได้เห็น จากคุณ : ผมรู้..คุณรักผม เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 19:53:48

ความคิดเห็นที่ 65 #63 คำถามที่แสดงถึงความไม่เข้าใจ กรุณาอ่าน #62 อีกหลายๆรอบครับ จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 21:10:30

ความคิดเห็นที่ 66 เห็นว่ามีคนให้ gift ผมมาเล่าต่อละกันครับ 11# ไม่เล่นของ ไม่มีคาถา ไม่สวมพระครับ ต่อๆ กำลังสนุกครับ เคยมีใครได้ยินข่าวเรื่องบ้านผีที่ลาดพร้าว .. ไหมครับ (ขอสงวนละกันครับ) เป็นบ้านทรางไทย ปิดร้าง ของผู้ดีเก่าที่เค้าบอกว่ามีผีครับ วันนึง ผมไปยืนสูบบุหรี่ หน้าบ้านนี้ตอนเช้าๆ มีเด็กหนุ่มๆ 4-5 มาบอกว่า พี่ๆ เจอ พวงกุนแจแถวนี้บ้้างไหม ผมถามทำไมเหรอ เค้าบอกว่า เมื่อคืนมาดูบ้านผีกัน แล้วโดนผีหลอก วิ่งหนี ทำกุนแจบ้านตก เลยมาหาตอนเช้า เดี๋ยวเข้าบ้านไม่ได้ ผมถามว่า โดนยังไง เค้าบอกว่า ได้ยินเสียงคุยกันในบ้านร้าง + เจอแสงไฟวิญญาณ (ว่าไปนั่น) ได้ยินเสียง บ้านลั่น (ไม้สัก ดังเอี๊ยดๆ ) ผม (กลั้นหัวเราะแทบตาย เลย โม้สำทับไปว่า น้องที่นี่ผีดุ อย่าลองของน้อง กลับบ้านไปทำบุญด่วน + ช่วยมันหากุนแจจนเจอ ) ข้อเท็จจริง 1 บ้านนี้บ้านเพื่อนผมเองครับ พอปู่เสีย ลูกๆหลานๆ ยังแบ่งที่ไม่ลงตัวเลยแยกกันไปอยู่ที่ อื่นแต่ผลัดกันมาดูแลครับ 2 วันนั้น ผมกับเพื่อน ไปเที่ยวมา กลับมาราวๆตี 2 กว่า (สมัยนั้นผับปิดตี2ครับ) 3 เพื่อนขอแวะเข้าบ้าน(บ้านผี) เพื่อไปเอาเหล้ากะจะไปกินต่อ 4 ได้เหล้าเสร็จ ว่าจะไปกินต่อที่บ้านเพื่อนอีกคนนึง แต่มันได้สาวคืนนั้น เลยชิ่งไปแล้ว กินต่อไม่ได้ เลยกินกันที่บ้านนั้นเลย (บ้านผี) 5 กินเหล้าได้ ซักพักใหญ่ๆ ได้ยินเสียงโวยวาย แหกปาก แต่ผมไม่สนใจครับ เสียงคุยกันที่ได้ยิน เสียงผมกับเพื่อนครับ เสียงบ้านลั่น เสียงผมเดินไปมากับเพื่อนนั่นเอง แสงไฟผี กระพริบๆ ผมจุดไฟแช็คดูดบุหรี่กับเพื่อนครับ ***ไฟโดนตัดนะครับ เลยดื่มเหล้าใต้แสงจันทร์ กันครับ สรุป . พวกดูบ้านผี 1 ถ้ามันมีไฟฉาย หามุมส่องดีๆ เจอผมกับเพื่อนแน่ครับ (จะได้รู้ว่าเป็นคน) 2 ถ้ามันกล้าหน่อย ตะโกนถาม รับรอง ผมตอบไปแน่ๆครับ   (จะได้รู้ว่าเป็นคน) 3 หรือถ้ากล้าที่จะดู หรือ ตรวจสอบมากกว่านี้  เรื่องก็คงง่ายไปแล้วครับ บ้านผี(บ้านเพื่อน) หลังนี้ดังมากครับ ได้ข่าวบ่อยๆ ฮากันบ่อยๆ  จนมีผับไปเปิดใกล้ๆน่ะครับ ข่าวลือถึงได้หายไป จากคุณ : hotnot เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 23:17:59

ความคิดเห็นที่ 67 คห 62 นอกจากจะไม่แนะนำวิธีการอื่นแล้ว ยังจะบอกว่าไม่มีประโยชน์ใดๆที่ทดลอง หากแก้วนี้ไม่มีน้ำ ก็สุ่มหาแก้ใหม่ที่อาจมีหยดน้ำให้จับได้ ผมยังกำหนดห้องไว้ 4 ห้องเลย แต่ละห้องก็มีรูปแบบต่างกันไป ผมอยู่ระหว่างกลาง มีไม่มี ไม่คิดจะบอกว่าทดลองไม่ทดลองผลเท่ากัน เพียงแต่จะออกแบบการทดลอง ยังไงให้ได้ผลออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ที่พอมีนัยสำคัญในการค้นพบได้จากากรทดลอง ผมว่า การมีข้อมูลจริงปนข้อมูลลวง จะแยกรูปแบบ ที่เรียกว่าผี ออกจากความคิดของคน ที่จินตนาการ หรือ กลัวกับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นผี ไม่ใช้เจอผีจริงๆ เพราะหนีไปซะก่อนจะรู้ได้ว่ามันคืออะไร ดังนั้น การให้คนไม่กลัวเข้ามา อยู่ในการทดสอบก็เพื่อค้นหาที่มาของสิ่งนั้นๆไม่หนีไปก่อน และจะได้รู้ทื่มาที่ไป หากมันเลื่อนลอย ทำอะไรไม่ได้ ผมเลยถามกลับว่าควรทำยังไงไม่ใช่ ให้ผมต้องไปอ่านความเห็นที่ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น อีกหลายๆรอบ.... แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 00:19:43 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 00:18:55 จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 00:18:21

ความคิดเห็นที่ 68 hotnot จะช่วยทำให้เรื่องนี้กระจ่างได้นะ ด้วยความกล้าของคุณ % ผลการทดสอบ อาจจะออกเป็น คนเชื่อเรื่องผี พบสิ่งผิดปกติ เพราะเชื่อตามจินตาการของตัวเองก็ได้ ถึงคุณ padawan หากผลการทดลอง ไม่เข้า รูปแบบ ว่าผีมีจริง ก็จะไปตก ในส่วนผีไม่มีจริง ผมบอกรูปผลแบบการสรุปไปแล้ว ขอแค่ไม่เล่าประวัติแต่เห็นคนที่เคยตายได้ หรือเล่าประวัติลวงแต่เห็นคนที่ตายจริงๆได้ และ ห้องลวงอื่นๆไม่พบอะไร นั่นคือความเชื่อมโยงว่า มันไม่ใช่การคิดไปเอง แต่เป็นการสัมผัสได้จากรอบๆสถานที่ และ หากพวกไม่เชื่อไม่เห็นแบบนั้นด้วย ก็แสดงว่า ผี ไม่ใช่จะเห็นได้ทุกๆคน มีเฉพาะบางคนที่สัมผัสได้ อยู่ในภาคสรุปที่ 3 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 00:44:44 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 00:41:27 จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 00:37:38

ความคิดเห็นที่ 69 รูปผิด แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 00:48:56 จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 00:44:55

ความคิดเห็นที่ 70 . จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 00:49:11

ความคิดเห็นที่ 71 คห 60   และ คห 63 คุณ ตั้งสมมุติฐานว่า  ผ๊ คือพลังงานไฟฟ้า หรือประจุไฟฟ้า พอดีเรามีความรู้ด้านไฟฟ้าเต็มเปี่ยม  ขอบอกว่า คุณสมบัติของไฟฟ้า  กับ คุณสมบัติ ของผี(ตามคำเล่า  และจากหนังสือหลายๆเล่ม) ไม่มีอะไรตรงกันเลย สมมุติฐานน่าจะตกไป เมื่อสมมุติฐานยังไม่ถูกต้อง  ก็ยังไม่ควรต้องเลยไปถึงขั้นออกแบบการทดลอง ทางที่ดี คุณควรรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผี แล้วนำมาสรุปคุณสมบัติของผีให้ละเอียด หลังจากได้คุณสมบัติของผี ที่ชัดเจนแน่นอนแล้ว จึงนำมาเทียบเคียงกับคุณสมบัติของสิ่งต่างๆ ที่เรารู้จัก เพื่อจะตั้งข้อสมมุติฐานใหม่ ที่ใกล้เคียงกับผี หรือถ้าข้อมูลมีมากพอที่คุณจะอธิบายปรากฏการณ์ของผีได้ด้วย คุณก็ตั้งทฤษฎีขึ้นมาเลย แล้วจึงถึงขั้นพิสูจน์ทฤษฎีนั้น หลังจากนั้น   ถ้าพิสูจน์ทฤษฎีได้เป็นจริง.............คุณจะดังเป็นพลุแตก...แน่นอน จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 01:10:08

ความคิดเห็นที่ 72 คห 62 นอกจากจะไม่แนะนำวิธีการอื่นแล้ว ยังจะบอกว่าไม่มีประโยชน์ใดๆที่ทดลอง คุณอ่านไม่เคลียร์ ผมถึงบอกให้อ่านหลายๆรอบ หากแก้วนี้ไม่มีน้ำ ก็สุ่มหาแก้ใหม่ที่อาจมีหยดน้ำให้จับได้ ผมยังกำหนดห้องไว้ 4 ห้องเลย แต่ละห้องก็มีรูปแบบต่างกันไป ถึงหาแก้วใหม่มา ถึงแม้ไม่เจอน้ำในแก้วใบไหนเลย ก็สรุปไม่ได้ว่าไม่มี กลับไปอ่านหลายๆรอบ ผมอยู่ระหว่างกลาง มีไม่มี ไม่คิดจะบอกว่าทดลองไม่ทดลองผลเท่ากัน ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าผลมันเท่ากัน แต่บอกว่า มันเลื่อนลอย หาสาระไม่ได้ สรุปอะไรไม่ได้ เพียงแต่จะออกแบบการทดลอง ยังไงให้ได้ผลออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ที่พอมีนัยสำคัญในการค้นพบได้จากากรทดลอง การทดลองนั้น มีอยู่แบบเดียวตามที่เขียนเอาไว้แล้ว ผมว่า การมีข้อมูลจริงปนข้อมูลลวง จะแยกรูปแบบ ที่เรียกว่าผี ออกจากความคิดของคน ที่จินตนาการ หรือ กลัวกับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นผี ก่อนที่คุณจะบอกว่า จริงหรือปลอม คุณยังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร คุณจะบอกได้ไงว่าอันไหนมันจริงหรือปลอม ดังนั้น การให้คนไม่กลัวเข้ามา อยู่ในการทดสอบก็เพื่อค้นหาที่มาของสิ่งนั้นๆไม่หนีไปก่อน สิ่งๆนั้นคืออะไร? ความผิดปกติ? เรอะ? แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าผิดปกติ? ใครเป็นคนตัดสิน? คุณเหรอ? จะบอกว่า ห้องนี้ร้อนอบอ้าวผิดปกติ? หรือรู้สึกขนลุกผิดปกติ? เรอะ? หากมันเลื่อนลอย ทำอะไรไม่ได้ ผมเลยถามกลับว่าควรทำยังไงไม่ใช่ ให้ผมต้องไปอ่านความเห็นที่ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น อีกหลายๆรอบ.... ผมบอกไปหลายรอบแล้ว แต่คุณไม่ฟัง อ่านไม่เคลียร์ ต้องกลับไปอ่านหลายๆรอบให้เคลียร์ แถมอีกนิด ที่คุณเขียนมาในรูป เป็นการสรุปผลการทดลอง หากผีมีจริง ... คนที่ได้ สถานที่ A และ D ในแต่ละรอบ จะต้องพบเหตุการณ์ผิดปกติ เป็นการพูดเองเออเอง.. สรุปมั่ว... ตั้งสมมติฐานอยู่บนความเลื่อนลอย ถึงผีมีจริง ก็ไม่จำเป็นว่า A กับ D จะต้องเจอเหตุการณ์ผิดปกติ จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 08:26:42

ความคิดเห็นที่ 73 แนะนำอีกทีว่า คุณต้องบอกให้ได้ก่อน ว่า ผีคืออะไร ตั้งสมมติฐานมาเลย อย่างที่คุณเข้าใจก็ได้ อย่างเช่น ผีคือพลังงานไฟฟ้า คุณก็ออกแบบการทดลองเพื่อสนับสนุน และพิสูจน์สมมติฐานของคุณ ว่าผีคือพลังงานไฟฟ้าจริง.. เมื่อคุณมีการทดลองที่แสดงผลลัพท์ ว่า ผีคือพลังงานไฟฟ้าแล้ว และคุณรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของผี คุณถึงจะมาออกแบบการทดลองลำดับถัดไปได้ แต่นี่คุณยังไม่รู้เลยว่า ผีคืออะไร เดาเอาเอง ว่าผีคือแบบนั้นแบบนี้ แล้วจะมาออกแบบการทดลองอะไร? จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 08:32:25

ความคิดเห็นที่ 74 พิมพ์หลายรอบแล้วครับ ไม่ได้ save ไว้ พิมพ์อีกซักรอบ อาจจะไม่เหมือนเดิมเป๊ะๆ มันขึ้นอยู่กับนิยามครับว่าผีคืออะไร นิยาม ผี คือสื่งที่คงสภาพ หรือแปรสภาพจากส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งตัวหรือมากกว่า1ตัวของสิ่งที่เคยมีชีวิต ถ้านิยามแบบนี้ รอบตัวคุณก็ผีทั้งนั้นครับ กระดาษก็ผี ดินสอก็ผี เสื้อผ้าก็ผี เศษใบไม้แห้งก็ผี วงกบหน้าต่างไม้ก็ผี โต๊ะคอมก็ผี คีย์บอร์ด เมาส์ ก็ยังผีเลยครับ พลาสติก ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเคมี น้ำมัน ก็จากสิ่งที่เคยมีชีวิตเมื่อหลายล้านปี แต่ถ้านิยามว่า ผี คือคนที่ตายแล้วปรากฎตัวให้เห็นได้ หน้าตาเหมือนโดนทำร้าย สามารถทำร้ายเราได้ บีบคอเราได้ ถ้านิยามแบบนี้ คุณแน่ใจนะครับว่าไอ้ที่กำลังบีบคอคุณอยู่น่ะ ตาย แล้วจริงๆ ผมคงไม่ต้องนิยามคำว่าตายนะครับ จากคุณ : SNRZ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 09:00:38 A:124.120.45.173 X: TicketID:288727

ความคิดเห็นที่ 75 คห 72 หวังอะไร จากการทดลอง บอกผม ก่อน หากอยากได้ รูปแบบการทดลอง ช่วย เสนอ ครับ หาก อยากว่าคนคิดก็เชิญครับ ผมไม่อะไรกับคุณหรอก คำว่า ผิดปกติ มันเป็น detail ครับ เราค่อยมาคุยกัน เรื่องว่าจะต้องเจออะไรถึงเรียกว่าผิดปกติ ที่เข้าข่ายในการทดสอบ ผมเข้ามาถามให้ช่วยคิด แต่ไม่ช่วยคิดถล่มอย่างเดียว น่าเสียใจ ครับ มีแต่ติ แต่ไม่เสนอให้ผมเลย ในเมื่อคุณก็รู้ ว่าอะไรคือจุดอ่อน การทดลองแล้วทำไมไม่ช่วยกันแก้จุดอ่อน ละครับ คนที่รู้ว่า อะไรไมดีไม่ถูก แต่ไม่บอกว่าต้องแก้ยังไง แนวทางไหน มันไม่ได้ช่วย อะไรมากเท่ากับทำลายกำลังใจ ของคนอื่นครับ การทดลองไม่ใช่การตัดสินทั้งโลกนี้ ว่าผีมีไมมีจริง แน่นนอนเราเพียงอยากได้ข้อมูลเชิงสถิติ และรูปแบบการทดลองที่เป็น มาตรฐาน ปีนี้ทำ ปีหน้าก็ทำตามรูปแบบนี้ได้อีกรวมรวมสถิติไปเรื่อยๆ ทำเป็น season ไม่ใช่ ทดลอง รอบเดียวจบ คห 73 ก็ผม ตั้งสมมุติฐาน แล้วว่าผี คือพลังงานไฟฟ้ารูแบบหนึ่ง ผมเลย เสนอให้ มีการทำ เซ็นเซอร์ ที่วัดพลังงาน ไฟฟ้าในการทดสอบด้วย ซึ่งนั้นก็ต้องตรวจวัดได้หลายๆ แบบเช่น สนามแม่เหล็ก ประจุไฟฟ้า โดยจะส่งสัญญาณเตือน ซึ่ง พวกเซ็นเซอร์เหล่านี้ จะเอามาประกอบกับบการทดลอง ด้วยคน อีกทาง แล้วคุ๊ณคิดว่าผีคืออะไร ผมอยากฟังแนวคิด ผมจะได้ ออกแบบการทดลองได้ ครอบคลุม ช่วยผมสิครับ ผมขอให้ช่วย เข้าใจผมมั้ย ไม่ช่วยก็อย่าถล่มแรงครับ มันไม่ดีกับคนที่ไม่รู้จัก กันมาก่อน....เพราะผมไม่ได้ ไปทำร้ายหรือคิดไม่ดีหรือ เป็นศัตรูกับคุณนะ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 09:43:08 จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 09:39:34

ความคิดเห็นที่ 76 คห 74 ไม่หวัง ถึงขั้นพบ ผี อะไรแบบในหนัง แค่พลังงานรูปแบบหนึ่ง ของคนที่ตายไปแล้ว ยังหลงเหลือ อยู่ และสัมพันธ์กับ สถานที่ที่มีคนตายได้ ในเชิงสถิติ ของการพบเห็น ไม่ใช่ จิตนาการว่า เคยมีคนตาย ที่นี้แล้ว เห็นนั่นเห็นนี่ไปเอง มันต้องเจอ เองโดยไท้ต้องจินตนาการหรือ รู้มีอะไร จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 09:42:39

ความคิดเห็นที่ 77 คุณไม่เข้าใจ หรือ ไม่พยายามเข้าใจ หรือ พยายามไม่เข้าใจ? คห 72 หวังอะไร จากการทดลอง ผมไม่ได้หวังอะไรจากการทดลองของคุณ เพราะมันไม่ได้มีความหวังอะไร ผมพยายามบอกคุณว่า การทดลองของคุณมันไร้สาระ หากอยากได้ รูปแบบการทดลอง ช่วย เสนอ ครับ เสนอไปแล้ว แต่คุณไม่ได้อ่าน หรือพยายามจะมองข้ามรึเปล่า? ผมถึงบอกให้กลับไปอ่านใหม่หลายๆรอบไง.. คำว่า ผิดปกติ มันเป็น detail ครับ เราค่อยมาคุยกัน เรื่องว่าจะต้องเจออะไรถึงเรียกว่าผิดปกติ ที่เข้าข่ายในการทดสอบ การทดลอง มันต้องมีผลการทดลองที่ชัดเจน ไม่ใช่ ค่อยมาคุยกัน แล้วสุดท้ายใครเป็นคนตัดสินว่าอะไรผิดปกติ มันต้องมีคนสรุป ถ้าบอกว่า ไม่สรุป แล้วจะทดลองไปทำไม ผมเข้ามาถามให้ช่วยคิด แต่ไม่ช่วยคิดถล่มอย่างเดียว น่าเสียใจ ครับ ถ้าคุณจะเลือกรับเฉพาะข้อความที่คุณอยากฟัง ก็เสียใจด้วย ในเมื่อคุณก็รู้ ว่าอะไรคือจุดอ่อน การทดลองแล้วทำไมไม่ช่วยกันแก้จุดอ่อน ละครับ จุดอ่อนที่สุด ไม่ใช่การทดลอง แต่เป็นคุณครับ และผมพยายามแก้อยู่ คนที่รู้ว่า อะไรไมดีไม่ถูก แต่ไม่บอกว่าต้องแก้ยังไง แนวทางไหน มันไม่ได้ช่วย อะไรมากเท่ากับทำลายกำลังใจ ของคนอื่นครับ บอกไปแล้ว.. แต่คุณไม่ยอมอ่าน การทดลองไม่ใช่การตัดสินทั้งโลกนี้ ว่าผีมีไมมีจริง แน่นนอนเราเพียงอยากได้ข้อมูลเชิงสถิติ และรูปแบบการทดลองที่เป็น มาตรฐาน ปีนี้ทำ ปีหน้าก็ทำตามรูปแบบนี้ได้อีกรวมรวมสถิติไปเรื่อยๆ ทำเป็น season ไม่ใช่ ทดลอง รอบเดียวจบ ต่อให้คุณทำซัก 100 ปีติดกัน มันก็ยืนยันอะไรไม่ได้ ผมถึงบอกว่า ต่อให้หาน้ำจากแก้วซัก 100,000,000 ใบ ถ้ามันไม่เจอน้ำ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีน้ำ มันไม่ใช่เรื่องของสถิติ ก็ผม ตั้งสมมุติฐาน แล้วว่าผี คือพลังงานไฟฟ้ารูแบบหนึ่ง ผมเลย เสนอให้ มีการทำ เซ็นเซอร์ ที่วัดพลังงาน ไฟฟ้าในการทดสอบด้วย ก็บอกแล้วว่าทำแบบนั้นไม่ได้ คุณต้องพิสูจน์สมมติฐานของคุณว่าถูกต้องก่อน ถึงจะเอามาใช้ในอีกการทดลอง จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 09:50:19

ความคิดเห็นที่ 78 คุณบ่นเอาแต่น้อยใจเสียใจ แต่ไม่เคยมองถึงเนื้อในเนื้อหาของคนที่ค้านคุณ เป็นแบบนั้น ใครก็ช่วยอะไรไม่ได้ จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 09:53:00

ความคิดเห็นที่ 79 ลืมอีกอัน แล้วคุ๊ณคิดว่าผีคืออะไร ผมอยากฟังแนวคิด ผมจะได้ ออกแบบการทดลองได้ ครอบคลุม ช่วยผมสิครับ ผมขอให้ช่วย เข้าใจผมมั้ย ไม่ช่วยก็อย่าถล่มแรงครับ มันไม่สำคัญว่า ผมจะนิยามผีไว้ว่ายังไง? เนี่ยเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าคุณคิดผิดแนว คือ ต่อให้คุณอยากจะออกแบบการทดลองให้ครอบคลุม คุณไม่ต้องถามคนทั้งโลกเหรอครับว่าผีคืออะไร? มันสำคัญที่คุณเอง.. ตั้งสมมติฐาน แล้วทดลองให้เห็นจริงตามสมมติฐานนั้นก่อน ขั้นตอนแรกเอาให้ผ่านเหอะ... ถ้าคุณทำสำเร็จ บอกได้ว่าผีคือพลังงานไฟฟ้า ตามที่คุณตั้งสมมติฐาน คนทั้งโลกก็จะเชื่อตามคุณเอง... จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 09:59:59

ความคิดเห็นที่ 80 ช่วงวันหยุดผมก็ไปต่างจงหวัดอีก คงไม่ได้มาตอบหลายวัน ยังไง ใครสนใจแนคิดนี้ก็เดินเรื่องต่อไปนะครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:02:35

ความคิดเห็นที่ 81 งั้น ผมถาม คุณ padawan คนเดียวครับ ไม่อยากถามใคร อยากรู้ ว่า คุณจะออกแบบการทดลองยังไง หรือ จะบอกว่าไม่มีอะไรบอกได้ว่า ผีไม่มี หรือมี หรือจะให้ทดลองยังไง ก็บอกวิธีการที่ดีกว่า ที่ผมคิด หากผมคือ จุด อ่อน ผม ก็จะรอความคิด คนที่คิดว่าแก้จุดอ่อนได้ ช่วยบอกผมที ว่าควรออกแบบยังไง เพราะผมไม่อยากย้อนกลับไปอ่าน อยากได้สั้นๆเข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องตีความ ว่าควรทดลองยังไง หากที่ผมออกแบบมันไม่พอ แบบไหนที่คุณคิดว่าพอในความคิคุณ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:07:22

ความคิดเห็นที่ 82 ประโยคเรื่องแก้วน้ำ ไม่มีน้ำ ไม่ได้บอกว่าน้ำไม่มี ผมเข้าใจ ก็เหมือน ไปบ้านผี แต่ไม่เจอผีก็ แสดง ผีไม่มี ไม่ได้... แต่หาก คุณไม่เอาน้ำมาให้คนอื่นดูได้ หลังจากเจอแก้วมา ล้านแก้ว คนอื่นก็จะไม่รู้มีน้ำจริงๆ แล้วจะเชื่อสถิติ แบบ 1 ล้าน ไม่มีสัก 1 ได้ยังไง นี่ผมพูดเชิงสถิติ ไม่ใช่ สิ่งที่รู้ว่ามี แต่ พิสูจน์ให้ เห็นในทางสถิติไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรมาเขียน fact จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:11:41

ความคิดเห็นที่ 83 หากเพียงแค่ เจอ 1 ใน ล้าน บทสรุป ก็คือมีแต่น้อยมาก ไม่ใช่ไม่มี หากไม่มีจริงๆ คือ 0 ครั้งใน 1 ล้านครั้ง การทำเรื่องสถิติคือ การหา แนวโนมว่า มีกับไม่มี อะไรมากกว่า ก็ยึดไปตามข้อมูลที่มากกว่าไปก่อน แล้วหาทางที่รัดกุมขึ้นพิสูจน์ให้ถูกต้องรอบคลุมได้มากขึ้น แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 10:26:37 จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:23:01

ความคิดเห็นที่ 84 เพราะผมไม่อยากย้อนกลับไปอ่าน อยากได้สั้นๆเข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องตีความ ว่าควรทดลองยังไง ผมเขียนไป หลายๆๆๆๆๆ ครั้งแล้ว... ถึงเขียนอีก คุณก็คงไม่อ่านอีก เสียเวลา เขียนไปก็เท่านั้น หลังจากเจอแก้วมา ล้านแก้ว คนอื่นก็จะไม่รู้มีน้ำจริงๆ "จะไม่รู้ว่ามีน้ำจริงๆ"... อันนี้ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ "รู้ว่าไม่มีน้ำ" แบบที่คุณพยายามจะเอามาเสนอ เข้าใจข้อแตกต่างมั้ย? ประวัติศาสตร์ของมนุษย์หลายพันปีนับแต่มีการจดบันทึก ก็ไม่เคยมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน คนก็ยังคงพูดถึงอยู่เสมอ... ถ้านี่หมายถึงสถิติแบบที่คุณพูดถึง ก็ไม่ต้องทดลองให้เสียเวลา เพราะมันไม่ได้สรุปอะไร.. แก้วน้ำที่ไม่มีน้ำ 1,000,000 ใบ ไม่สามารถยืนยันว่า ไม่มีน้ำ หากแต่แก้วใบเดียวที่มีน้ำ ก็สามารถยืนยันได้ว่า มีน้ำ มันไม่ต้องการสถิติอะไร.. แค่ตรรกะง่ายๆ สรุปจบ.. คุณไม่เอาน้ำมาให้คนอื่นดูได้ ผมไม่ใช่คนที่เชื่อว่า "มีน้ำ".. และไม่ใช่คนที่เชื่อว่า "ไม่มีน้ำ".. คุณเข้าใจมั้ย... ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของผม จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:32:47

ความคิดเห็นที่ 85 ผมไม่อยากให้มี ดราม่า เพราะ อยากมาหาความคิด ดีๆ ที่ ช่วยขัดเกลา การทดลอง ให้มีผลในทางปฏิบัติที่ พอเป้นที่ยอมรับได้ ของทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ ดังนั้น อย่าโจม ตีบุคคล เสนอ แนวความคิดกันดีกว่า แบบทดสอบที่ผมยกมา ผมต้องการตอบ โจทย์ ดังนี้ 1 คนเจอผีเพราะ เจอผี ที่อยู่นอกสมอง หรือ เป็นพลังงานบางอย่าง รอบๆ จริง หรือ แค่จินตนาการ จากสิ่งที่คิดว่าเป็นผี แต่จริงๆไม่ใช่ 2 คนที่บอกว่าเห็นผีได้ จริง จะต้อง เห็นผี หรือ วิญญาณ ในห้องที่ เคยมีคนตาย ได้ถูกต้อง แม้จะบอก หรือไม่บอกประวัติ หรือ แม้โดนใส่ข้อมูลลวง ก็เห็นได้ถูกต้อง และต้องไม่เห็นผีวิญญาณ ในห้องหลอกในเชิงสถิติที่มีนัยสำคัญ 3 กลุ่ม คน เชื่อกับ ไม่เชื่อ ให้ผลการทดลองต่างกัน เช่นไร 4 คนที่สัมผัสว่าผีมีจริงนั้น สัมพันธ์กับห้องที่มีการตายจริงๆ ในการทดลองแล้วมีปริมาณมากในเชิงสถิติหรือไม่ 5 คนที่สัมผัสว่าผีมีจริงนั้น ไม่สัมพันธ์กับห้องที่ไม่มีการตายจริงๆ ในการทดลองแล้วมีปริมาณมากในเชิงสถิติหรือไม่ 6 คนที่ไม่เชื่อเรื่องผี ให้ผลการทดลอง ทั้งห้อง ที่มีคนตายไม่มีคนตาย แตกต่างกันหรือไม่ หาก คนเชื่อเรื่องผี ตอบให้ผลเชิงสถิติ ใน ข้อ 4 และ 5 และ คนไม่เชื่อ ให้ผลทดลองแต่ละห้องไม่ต่างกัน ใน ข้อ 6 ก็มีนัยว่า การมองเห็นสัมผัสสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้จะเห็นกันทุกคนเสมอไป หาก ข้อ 6 ให้ผล มีนัยสถิติ ว่าเจอความผิดปกติ ของห้องที่มี คนตายจริง ต่างไปจากห้องลวงอื่นๆ ก็แสดงความเป็นไปได้ ผี น่าจะมีจริงได้มากกว่าแค่พวกเชื่อพบเจอ เพียงฝ่ายเดียว หากผลของการทดลอง ของคนที่เชื่อเห็นไป ทุกๆ สถานที่ รวมทั้งห้องลวง และไม่ตรงกับเหตการ์ตายจริงๆ แสดง่า ผีอาจจะเป็น จิตนาการเสียมากกว่า รอบ ถัดไป คือการจับ คู่คนเชื่อกับไม่เชื่อ ไป ทดลอง ร่วมกัน แล้วดูผลทางสถิติ ว่า แนวโน้ม ตรงกันหรือสวนทางกัน หรือไม่ อย่างไร ผมอาจคิดได้ไม่หมด ไม่ครอบคลุม ผมเลยอยากได้คนช่วยคิดว่างมีตกบกพร่องตรงไหนอย่างไรครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:47:13

ความคิดเห็นที่ 86 คห 84 ผมก็เป็นคนแบบคุณ ผมไม่ใช่คนที่เชื่อว่า "มีน้ำ".. และไม่ใช่คนที่เชื่อว่า "ไม่มีน้ำ".. แต่ ผมอยากพิสูจน์ ให้คนที่อยู่นอกเหนือไปจากผม กับคุณ มันไม่ใช่หน้าที่ แต่ แค่สิ่งที่เราอยากหาคำตอบ ด้วยการทดลอง คุณอย่าคิดว่ามันคือหน้าที่ ผมมาขอความช่วยเหลือ ครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:50:37

ความคิดเห็นที่ 87 หลับหูหลับตาเชื่อว่าการทดลองจะมีผล ก็เหมือนกับการหลับหูหลับตาว่าผีมีจริง.. ไม่ต่างกัน จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:51:36

ความคิดเห็นที่ 88 ถ้าอยากให้ผลการทดลองเป็นที่ยอมรับ คุณก็ต้องทำให้ถูกต้องตามหลักการ นี่ขนาดมีคนค้าน คุณยังไม่ยอมรับเลย.. แล้วผลการทดลองของคุณคาดหวังจะให้ใครมายอมรับ? อ๋อ ผมรู้แล้ว คุณไม่ได้จะทำการทดลองวิทยาศาสตร์หรอก คุณแค่หาอะไรทำเล่นๆฆ่าเวลาเท่านั้นเอง จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:53:28

ความคิดเห็นที่ 89 ผมไม่เคยตั้งธงว่าผี มี ไม่มี ยังไม่เคยทดลอง ด้วยซ้ำ เราไม่เชื่ออะไร ก่อนการทดลองอยู่แล้ว มีแต่ความน่าจะเป็น แล้วคุณจะบอกว่ายังไงครับผีมีไม่มี หาคำตอบให้คนที่สงสัยได้มั้ย จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:54:08

ความคิดเห็นที่ 90 อ่าน #73 อีกที นั่นน่ะ ถือว่าผมช่วยสุดๆแล้ว จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:56:25

ความคิดเห็นที่ 91 ผม ยอมรับครับ ไม่เห็นว่าจะไม่ยอมรับว่าผมผิดหรือมีจุดอ่อนตรงไหน นะ คำหลักการ ที่คุณว่าแหละ ผมอยากได้ แบบทางของคุณ บ้าง เพระ ผมอาจไม่ถูก แต่คุณอาจจะถูกก็ได้ ว่าแต่ แนทาง ที่คุณคิดว่า ดี ต้องทำยังไง ครับ เสนอได้เลย ผม อยากรู้ และหากแนยทางมันน่ายอมรับก็น่าจะทดลอง กันได้ครับ ไม่ใช่ ฆ่าเวลาหรอก จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:56:32

ความคิดเห็นที่ 92 แล้วคุณจะบอกว่ายังไงครับผีมีไม่มี หาคำตอบให้คนที่สงสัยได้มั้ย เขียนอีกทีไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ ผมไม่ใช่คนที่เชื่อว่าผีมีจริง และไม่ใช่คนที่เชื่อว่าผีไม่มีจริง.. ถ้าหากจะมีใครสงสัยว่าผีมีจริงหรือไม่? ผมก็ต้องถามก่อนว่า ผีคืออะไร? คนที่ถามอยากรู้ ต้องตอบให้ได้ว่าผีคืออะไร? จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:58:03

ความคิดเห็นที่ 93 ถ้าบอกว่า ผีคือพลังงานไฟฟ้า ผมก็บอกได้ว่า ผีมีจริง.. ผมสามารถหาซื้อผีในแบบของคุณได้ตาม 7-11 ครับ.. ไม่ต้องทดลองอะไรเลย จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 10:59:58

ความคิดเห็นที่ 94 อ่า ก่อนที่จะทดลองว่ามีผีจริงหรือไม่นะครับ คุณ think4223 เคยมีแนวคิดที่ว่า "ปรากฏการณ์เห็นผี" อาจไม่ได้เกิดจาก "สิ่งที่หลงเหลือจากบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว" บ้างหรือเปล่าครับ? ที่ผมถามเช่นนี้เพราะถ้าคุณพิสูจน์ไม่ได้ว่าสองอย่างนี้เชื่อมโยงกัน ต่อให้คุณทำการทดลองออกมาแล้วบอกได้ว่าปรากฏการณ์เห็นผีมีจริงคุณก็ยังไม่สามารถสรุปการทดลองได้ว่าผีมีจริงนะครับ ผมคิดว่าน่าจะเริ่มจากการหาวิธีพิสูจน์ว่าบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้วจะหลงเหลืออะไรไว้บ้างหรือไม่ ตรวจสอบได้อย่างไรก่อนนะครับ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 11:00:06

ความคิดเห็นที่ 95 73 แนะนำอีกทีว่า คุณต้องบอกให้ได้ก่อน ว่า ผีคืออะไร ตั้งสมมติฐานมาเลย อย่างที่คุณเข้าใจก็ได้ อย่างเช่น ผีคือพลังงานไฟฟ้า คุณก็ออกแบบการทดลองเพื่อสนับสนุน และพิสูจน์สมมติฐานของคุณ ว่าผีคือพลังงานไฟฟ้าจริง.. ***แล้วมุมมองของคุณละครับ ผีคืออะไร ผมทดลอง ทั้ง แบบการมองเห็นการสัมผัสได้ของคนที่เชื่อกับไม่เชื่อ บวกกับเครื่องวัดทางวิทยาศาสตร์ ในการวัดพลังงานไฟฟ้ารอบๆสถานที่ เมื่อคุณมีการทดลองที่แสดงผลลัพท์ ว่า ผีคือพลังงานไฟฟ้าแล้ว และคุณรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของผี คุณถึงจะมาออกแบบการทดลองลำดับถัดไปได้ ***ผีในที่นี้ อาจเป็นทั้งพลังานไฟฟ้าและการรับรู้ของคนที่แตกต่างกันหรือ จิตนาการของคน ตามข้อมูลที่ให้ ผมไม่ได้บอกแค่ว่าผี คือ ไฟฟ้าอย่างเดียว แต่นี่คุณยังไม่รู้เลยว่า ผีคืออะไร .... เดาเอาเอง ว่าผีคือแบบนั้นแบบนี้ .... เค้าเรียก สมมุติฐานไงครับไมเดา ไม่คาดว่า จะมีขั้นตอนต่อไปได้ยังไง เช่นผมมาถาม ว่าจะทดลองยังไงทำนองนี้ แล้วจะมาออกแบบการทดลองอะไร? .... ทดลองว่าผี คือพลังงานไฟฟ้าที่วัดได้ ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ ผี คือการรับรู้การสัมผัสได้จริงๆ จาก สิ่งแวดล้อมไม่ใช่เกิดจากจินตนาการ และการพบเจอผี ระหว่างคนเชื่อไม่เชื่อ มีผลแตกต่างกัน อย่างไร การพบเจอผี นั้น ถูกต้องตามห้องที่มีประวัติคนตาย และ ไม่พบผีในห้องที่มีข้อมูลลวง หรือมีข้อมูลลวงแต่พบเห็นได้ถูกต้อง ถือว่ามีนัยสำคัญบ่งบอกการรับรู้ ของสิ่งที่อยู่บริเวณนั้นและไม่ใช่การคิดไปเอง ผี จะได้ผลสรุป ว่า เกิดจาก ความกลัว เกิดจากจิตนาการ หรือ เป็นการรับรู้ที่สอดคล้องกับประวัติการตายของคนในสถานที่นั้นๆ และ เครื่องวัดทางไฟฟ้า รายงานผลได้ตรงกับ สถิติการพบเห็นผี ที่มีความถูกต้อง ตามประวัติ ของสถานที่ด้วยหรือไม่... จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 11:07:49

ความคิดเห็นที่ 96 93 ไม่ใช่ แบตเตอรรี่ นะครับ เฮ่อ ผี หาก เป็นพลังงานไฟฟ้า ต้องสัมพันธ์ กับสถานที่ๆมีการตายในระดับนึง เพราะ ผี คือคนที่ตายไปแล้ว เป็นเบื้องต้นเข้าใจตรงกัน จะไปหา ผีหลังการตายมีอยู่ไหมก็ต้องไปที่ๆเคยทีคนตาย สิครับ คห 94 ตาม ที่บอกครับอะไรหลงเหลือ สถานที่นั้นก็ต้องมีคนเคยพบเห็น หรือ หากเอาเครื่องวัดไปวัด ก็จะต้องบอกได้ว่า แถวนั้นมีการเคลื่อนไหวพลังงาน มากกว่าห้องที่ ไม่มีใครตายมาก่อน เราต้องเอาผลจากเครื่องวัดพลังงาน มา เสริมการรับรู้ ของคน อีกทางด้วย จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 11:12:57

ความคิดเห็นที่ 97 ผมต้องเดินทางแล้ว เสียดายไม่ได้มานั่งคุยต่อ เอาไว้วันจันทร์ นะครับ ระหว่างนี้ ช่วยคิดว่าหากคุณจะพิสูจน์ผีมีไม่มี น่าจะต้องออกแบบการทดลองอย่างไร ....^^ ผมเชื่อว่า คุณๆเองก็น่าจะมีแนวทาง หาความจริงในแบบของคุณ นะครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 11:17:00

ความคิดเห็นที่ 98 ***แล้วมุมมองของคุณละครับ ผีคืออะไร ผมทดลอง ทั้ง แบบการมองเห็นการสัมผัสได้ของคนที่เชื่อกับไม่เชื่อ บวกกับเครื่องวัดทางวิทยาศาสตร์ ในการวัดพลังงานไฟฟ้ารอบๆสถานที่ ผมต้องพิมพ์อีกกี่ทีครับ? ผมไม่ใช่คนที่เชื่อว่าผีมีจริง และไม่ใช่คนที่เชื่อว่าผีไม่มีจริง ดังนั้นคุณจะมาเอานิยามจากผมไม่ได้ ผมไม่ได้ไปทดลองกับคุณ คุณเป็นคนทดลอง คุณต้องบอกให้ได้ก่อนว่าผีคืออะไรก่อนจะทำการทดลอง ถ้าคุณเองก็ไม่รู้ว่าผีคืออะไร คุณก็ทดลองไม่ได้ จะเหวี่ยงแหไปมันก็ไม่โดนปลา จะเอาสถิติมาวัดมันก็ไม่เกี่ยวอย่างที่บอก แก้วน้ำ ล้านใบที่ไม่มีน้ำ ไม่ได้ช่วยยืนยันว่าไม่มีน้ำ แก้วน้ำใบเดียวที่มีน้ำ ต่างหากจะยืนยันว่ามีน้ำ มันไม่ใช่เรื่องของสถิติ ***ผีในที่นี้ อาจเป็นทั้งพลังานไฟฟ้าและการรับรู้ของคนที่แตกต่างกันหรือ จิตนาการของคน ตามข้อมูลที่ให้ ผมไม่ได้บอกแค่ว่าผี คือ ไฟฟ้าอย่างเดียว ดังนั้นคุณต้องพิสูจน์ให้เห็นก่อนว่า ตกลงมันคือไฟฟ้าหรือไม่ใช่ ตรงนี้คุณทดลองและสรุปได้.. ส่วนนิยามของคนอื่นที่แตกต่างกันไป ก็ต้องพิสูจน์ตามนิยามของแต่ละคน การทดลองก็จะต้องแตกต่างกันไป ทดลองว่าผี คือพลังงานไฟฟ้าที่วัดได้ ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ ถ้างั้น การทดลองก็จะไม่ใช่แบบนี้ และนี่่คือสมมติฐานของคุณเอง คุณก็ต้องทดลองเอง เมื่อคุณสรุปได้แล้ว ค่อยมาว่ากันต่อ ผี คือการรับรู้การสัมผัสได้จริงๆ จาก สิ่งแวดล้อมไม่ใช่เกิดจากจินตนาการ ถ้าคุณเป็นคนที่อ้างว่าเห็นผี คุณสามารถนำเสนอความเชื่อนี้ได้ แต่ถาคุณไม่ใช่ ก็ทำไม่ได้... ดังนั้นคุณต้องไปหาคนที่อ้างมาก่อน และการพบเจอผี ระหว่างคนเชื่อไม่เชื่อ มีผลแตกต่างกัน อย่างไร ข้ามขั้นตอน อย่างที่บอก คลุมเครือ หาสาระไม่ได้ การพบเจอผี นั้น ถูกต้องตามห้องที่มีประวัติคนตาย และ ไม่พบผีในห้องที่มีข้อมูลลวง การไม่พบ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี การพบก็คลุมเครือ หาคนสรุปไม่ได้ การทดลองที่สรุปผลไม่ได้ ไม่ใช่การทดลอง เหมือนเล่นเกมบ้านผีสิงมากกว่า จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 11:23:18

ความคิดเห็นที่ 99 ถ้าตอบไม่ได้ว่าผีคืออะไร ก็เลิกคิดจะทดลองไปเหอะ.. เสียเวลา จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 11:27:12

ความคิดเห็นที่ 100 ร้อยละ 99.99 ของคนที่เชื่อเรื่องผี คือกลัวผี และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอยู่ห่างผี และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ร้อยละ 91.99 ของคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี คือไม่กลัวผี คำตอบอยู่ในตัวแล้วครับว่า "ใคร" ที่ควรจะเป็นผู้พิสูจน์ จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 11:44:27

ความคิดเห็นที่ 101 ใตรอยากให้คนอื่นคล้อยตาม เป็นฝ่ายพิสูจน์ครับ ผมไม่เชื่อ และก็ไม่ได้อยากให้คุณไม่เชื่อตาม คุณอยากจะเชื่อก็เชื่อไป ผมไม่เดือดร้อน คุณอยากให้คนอื่นเชื่อก็พิสูจน์สิ แต่ต้องนิยามให้ชัดเจนก่อน ไม่ใช่เห็นอะไร ได้ยินอะไร สัมผัสอะไร แล้วมาอ้างว่า "เห็นมั้ย ผีมีจริง" ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรจากการพิสูจน์ให้คุณไม่เชื่อตาม คุณได้ประโยชน์อะไรจากการให้คนอื่นเชื่อตามล่ะ สมมติมีคนนึกสนุก ไปพิสูจน์ พอไม่เห็นอะไร คุณก็บอกว่า "ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี" ร้อยคน พันคน ไม่เห็น คุณก็บอกว่า "ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี" ต่อให้คนทั้งโลกไม่เห็น คุณก็จะบอกว่า "ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี" คุณต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นครับ ว่า "นี่ไง เห็นมั้ย มี" ถ้ามีเดิมพัน ค่อยน่าสนใจหน่อย นอนในป่าช้าคืนเดียวได้หมื่นนึง ฟังดูดี ขอมุ้งกับหมอน ผ้าห่ม ไม่ได้กลัวผี แต่กลัวยุง บ้านร้าง ขายถูกๆ ถ้าทำเลดีๆ รถไฟฟ้าผ่าน ผมซื้อนะ ทุกพื้นที่ เคยมีประวัติทั้งนั้นแหละ จากคุณ : SNRZ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 12:53:11 A:110.168.123.124 X: TicketID:288727

ความคิดเห็นที่ 102 #96 >คห 94 ตาม ที่บอกครับอะไรหลงเหลือ สถานที่นั้นก็ต้องมีคนเคยพบเห็น > >หรือ หากเอาเครื่องวัดไปวัด ก็จะต้องบอกได้ว่า แถวนั้นมีการเคลื่อนไหวพลังงาน มากกว่าห้องที่ ไม่มีใครตายมาก่อน ตรงนี้แหละครับที่ผมท้วง อย่างที่บอกไปว่าปรากฏการณ์เห็นผีอาจไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่หลงเหลือจากบุคคลที่ตายแล้วก็ได้ ถ้าคุณยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกัน หากมีคนพบเห็น ก็บอกไม่ได้ว่าเห็นผี หากเอาเครื่องไปวัด ก็บอกไม่ได้ว่าพลังงานตรงนั้นคือผี ที่คุณพูดมาคือคุณด่วนสรุปไปแล้วว่าถ้าเห็นปรากฏการณ์เหล่านั้น นั่นคือผี และต้องเกี่ยวข้องกับคนตาย ลองนึกดูดีๆ ครับมันเป็นสิ่งที่เราได้รับจากความเชื่อและสื่อต่างๆ แต่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้แล้วนะครับ ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าคนตายแล้วไม่หลงเหลืออะไรเลย หรือหลงเหลือแต่สิ่งที่มันไม่สามารถสร้างภาพหรือเสียงได้ก็แสดงว่าคนที่เห็นภาพต่างๆ ได้ยินเสียงประหลาดต่างๆ เจอปรากฏการณ์อย่างอื่นที่ไม่ใช่ผีในความหมายที่ว่ามาจากวิญญาณคนตาย การทดลองว่าจะมีคนเจอปรากฏการณ์ดังกล่าวหรือเปล่าจึงไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่ามาจากสาเหตุที่ตั้งสมมติฐานไว้ (คือเป็นผี) หรือไม่ ก่อนจะออกแบบการทดลองคุณต้องลบอคติที่ไม่ได้มาจากข้อเท็จจริงให้หมดครับ การทดลองที่คุณคิดมาอย่างมากก็ยืนยันได้แค่มีคนพบปรากฏการณ์เห็นผีจริงหรือไม่ ไม่ได้พิสูจน์ว่าผีมีจริงหรือไม่ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 13:40:23

ความคิดเห็นที่ 103 ผี ไม่ใช่ ผีใน นิทาน ที่มีรูปร่างต่งๆนาๆ ซึ่งมัน ล้วแต่จินตนาการ แต่ ผี คือพลังงาน ที่หลงเหลือจากการตาย ของ คน ใน ที่นั้นๆ นี่คือสิ่งที่ผมจะบอก.. จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 10:27:59

ความคิดเห็นที่ 104 ผี คือพลังงาน ที่หลงเหลือจากการตาย ของ คน ใน ที่นั้นๆ ^ ข้อความด้านบนคุณรู้ได้อย่างไร? นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งคำถาม ถ้าคุณไม่เข้าใจ ก็ขอเสริมว่าเรายังพิสูจน์ว่ามีพลังงานอื่นใดหลงเหลือจากการตายไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วถ้าไม่ใช่จินตนาการ/สิ่งที่เล่าต่อๆ กันมา ข้อความว่าผีคือพลังงานที่ว่าได้มาจากไหน? จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 13:52:01

ความคิดเห็นที่ 105 อย่างน้อยก็ยอมนิยาม สรุปว่าคุณ จขกท. นิยามว่า ผีคือพลังงาน ที่หลงเหลือจากการตาย ของ คน ใน ที่นั้นๆ ไม่ได้เป็นหมา เป็นแมว เป็นยุง เป็นไรฝุ่น เป็นปรสิต เป็นดอกไม้ในแจกัน ตีวงให้แคบอีกหน่อยได้มั้ยครับ พลังงานอะไรก็ได้ใช่มั๊ยครับ พลังงานความร้อน พลังงานเคมี พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า พลังงาน.... แล้วก็ต้องมาจากคนตายด้วย ตายในที่นั้นๆด้วย จะวัดยังไงดีหละครับ สมมติวัดพลังงานอะไรบางอย่างได้ จะพิสูจน์อย่างไรว่า พลังงานนั้นมาจาก "คนตายในที่นั้นๆ" ไม่ได้มาจาก คนที่ยังไม่ตาย (ก็คนที่ไปพิสูจน์นั่นแหละ) ไม่ได้มาจาก คนตายในที่อื่น ไม่ได้มาจาก หมา จากแมว จากยุง จากไรฝุ่น ไม่ได้มาจาก สิ่งมีชีวิตอื่น ที่ทั้งตายแล้ว และยังไม่ตาย ทั้งในที่นั้นๆ และที่อื่นๆ ไม่ได้มาจาก สิ่งไม่มีชีวิต แต่เอาเถอะครับ เลิกกวน ผมคิดว่าผมเข้าใจความต้องการของ จขกท. ถ้าคุณ จขกท. นิยามแบบนั้น ผมคิดว่า มี ครับ จากคุณ : SNRZ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 15:18:17 A:110.168.108.117 X: TicketID:288727