ความคิดเห็นที่ 1 ตึกกระบองเพชร ลองจินตนาการดูสิว่าจะดีแค่ไหนหากคุณอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์หรือคอนโดแต่ยังสามารถมีสวนผักเขียวขจีอยู่บนระเบียงอันกว้างขวาง ด้วยการออกแบบชั้นของตึกที่ลดหลั่นสลับกันไปมานี้ทำให้ผู้พักอาศัยมีพื้นที่สีเขียวกลางแจ้งเป็นของตัวเอง ลบภาพลักษณ์เก่า ๆ เรื่องพื้นที่อันจำกัดและการห่างไกลจากธรรมชาติ เพราะตึกดีไซน์กระบองเพชรนี้จะช่วยให้เรามีโอกาสเฝ้ามองการเจริญเติบโตของพืชอาหารที่บ้านของเราเอง จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:24:28

ความคิดเห็นที่ 2 ตึกแมลงปอ Brillian Belgian ออกแบบตึกสีเขียวนี้โดยได้แนวคิดมาจากปีกของแมลงปอ เสมือนประหนึ่งว่าเจ้าแมลงปอปีกเขียวนี้โบยบินจากท้องฟ้าลงมาสู่ รูสเวลท์ ไอส์แลนด์ นิวยอร์ก เพื่อช่วยแก้ปัญหาช่องว่างด้านระยะทางระหว่างอาหารและผู้บริโภค โดยตึกแมลงปอนี้มี 132 ชั้น ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่เกษตรกรรมต่าง ๆ ได้แก่ แปลงผัก สวนผลไม้ ฟาร์มปศุสัตว์ ฟาร์มโคนม และไร่ธัญพืช นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับห้องวิจัย สำนักงาน หรือแม้กระทั่งที่พักอาศัยอีกด้วย จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:24:40

ความคิดเห็นที่ 3 ฟาร์มพีระมิด หลังจากเกิดการเคลื่อนไหวเรื่องการสนับสนุนให้ทานอาหารในท้องถิ่น และเมื่อผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับอาหารที่สดใหม่และอาหารออร์แกนิกมากขึ้น ทำให้สถาปนิกต่าง ๆ ทุ่มเทกับการออกแบบอาคารเกษตรกรรมแนวตั้งในเมืองอย่างจริงจัง รวมถึงฟาร์มพีระมิดที่ออกแบบโดย Dickson Despommier และ Eric Ellison นี้ก็สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้ทั้งหมด เนื่องจากภายในพีระมิดนั้นมีการทำการเกษตรแบบครบวงจร อีกทั้งยังผลิตพลังงานภายในสำหรับใช้กับเครื่องจักรต่าง ๆ ด้วย จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:24:53

ความคิดเห็นที่ 4 โดมกระจก แพลนตากอน ภายในศตวรรษนี้ประชากรโลกส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเมือง และพื้นที่ทางการเกษตรที่เคยมีอยู่ก็จะค่อย ๆ ลดน้อยลงไป แพลนตากอน(Plantagon) จึงเป็นอีกหนึ่งงานออกแบบของสถาปนิกที่สร้างขึ้นมารับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยแพลนตากอนนี้อยู่ภายในตึกกระจกทรงกลม ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่เกษตรกรรมบนเกลียวขนาดใหญ่ ออกแบบโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างสวีเดนและสหรัฐอเมริกา จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:25:14

ความคิดเห็นที่ 5 Harvest ตึกแห่งการเก็บเกี่ยว ผลงานการออกแบบที่ได้รับรางวัลจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ชิ้นนี้ ใช้ชื่อว่า "Harvest" โดยตั้งใจสื่อให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาว่าอาคารที่ก่อสร้างขึ้นจะเป็นแหล่งเจริญเติบโตของผัก ผลไม้ สมุนไพร ปลา ไก่ไข่ หรือแม้กระทั่งแกะ และแพะที่สามารถให้ผลิตภัณฑ์จากนมได้ โดยภายในอาคารจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานใต้พิภพ และพลังงานลม นอกจากนั้นยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ตสำหรับจำหน่ายสินค้าเกษตรขนาดใหญ่ ศูนย์วิจัยและการเรียนรู้ด้านเกษตรกรรม รวมถึงพื้นที่อยู่อาศัยอีกด้วย จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:25:30

ความคิดเห็นที่ 6 สะพานลอนดอนโฉมใหม่ เชื่อหรือไม่ว่าแนวคิดเกี่ยวกับการแปลงโฉมสะพานลอนดอน(London Bridge)ในอนาคตนั้นที่จริงแล้วได้แรงบันดาลใจมาจากอดีต เนื่องจากในอดีตสะพานแห่งนี้เป็นที่พบปะค้าขายระหว่างพ่อค้าและประชาชน ปัจจุบันเป็นแหล่งของนักแสดงเปิดหมวก และมักสร้างความสับสนให้แก่นักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาสะพานทาวเวอร์ บริดจ์(Tower Bridge) แต่เมื่อสถาบันสถาปนิกของอังกฤษ(the Royal Institute for British Architects) ต้องการเห็นว่าสถาปนิกต่าง ๆ สามารถใส่จินตนาการอะไรลงไปในสะพานลอนดอนได้บ้าง จึงได้ผลงานชนะเลิศออกมาเป็นฟาร์มออร์แกนิกแนวตั้งขนาดใหญ่ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มีกังหันลม และเป็นศูนย์กลางการค้าของตลาดสด นอกจากนั้นด้วยทำเลที่ติดกับท่าเรือยังส่งผลให้สามารถดำเนินการค้าทางน้ำได้อีกด้วย จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:25:44

ความคิดเห็นที่ 7 ฟาร์มแนวตั้งในดูไบ ประเทศดูไบขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างอาคารที่ประณีตสวยงาม รวมถึงแนวคิดอาคารสีเขียวแห่งนี้ที่แต่ละชั้นมีลักษณะกลมแบน ดูทันสมัย โดยพืชที่ปลูกจะได้รับความชื้นผ่านน้ำทะเลที่ถูกส่งผ่านขึ้นไปตามแกนตรงกลาง จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:25:57

ความคิดเห็นที่ 8 ฟาร์มลอยตัว โดย Work AC ฟาร์มแนวตั้งชิ้นนี้เกิดจากการประกวดดีไซน์บนถนน Canal Street ของ New York Magazine โดยบริษัท Work AC ได้ออกแบบให้แตกต่างกับฟาร์มแนวตั้งทั่ว ๆ ไป เนื่องจากไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดยึดติดกับตัวอาคาร ตัวโครงสร้างตั้งได้โดยอิสระ มีเพียงเสาค้ำยันไว้เท่านั้น พื้นที่ด้านล่างสุดภายใต้ฟาร์มต่าง ๆ นั้น ได้รับการจัดสรรให้เป็นตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรที่ปลูกอยู่ด้านบนนั่นเอง จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:26:13

ความคิดเห็นที่ 9 ตึกหุ่นยนต์ แนวโน้มเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงส่งผลให้หลาย ๆ โครงการที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากไม่มีเงินมากพอที่จะทำต่อให้เสร็จ มีอยู่ไม่น้อยที่เพิ่งมีเพียงโครงร่างของตึกเท่านั้น บริษัทสถาปนิกเมืองบอสตัน Howeler and Yoon จึงตัดสินใจที่จะนำโครงร่างซากตึกเหล่านั้นมาทำให้เกิดประโยชน์ด้วยการติดตั้ง Eco-Pods หรือแคปซูลฟาร์มสาหร่ายซึ่งสามารถผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพได้ โดยจะมีแขนกลทำหน้าที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนแต่ละ Pod เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสาหร่ายที่ปลูกจะได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึง จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:26:27

ความคิดเห็นที่ 11 น่าสนใจคับ สามอันที่กิฟนี่อยากให้มันมีจริงเร็วๆ จากคุณ : ตามน้ำ (wipeout) เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:47:14

ความคิดเห็นที่ 12 #1 - #5 - #9 มันสามารถ ดัดแปลงตึกแถวมาทำได้ค่ะ................... ถ้ามีงบ ก็อยากจะเริ่มทำเลยเหมือนกันค่ะ ดัดแปลงให้เป็นธรรมชาติ บ้านจะได้เย็น ๆ จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 12:56:48

ความคิดเห็นที่ 13 O_o? จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 13:03:52

ความคิดเห็นที่ 14 อุส่าทำเป็นแนวตั้งทั้งที แต่หลายตึกออกแบบมาเน้นประหลาดมากกว่าให้คุ้มพื้นที่ใช้สอยนะ ของจริงคงไม่เป็นแบบนี้ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 14:15:48 A:10.0.1.156 X:180.183.137.27 TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 15 พื้นที่ใช้สอยไม่คุ้มเอาซะเลย โลกนี้ มีพื้นที่เกษตรกรรมอีกเยอะให้ทำ ไม่จำเป็นต้องไปทำการเกษตรกลางมืองบนตึกสูงๆ ราคาที่ดินแพงระยับ ถ้าจะทำพื้นที่สีเขียวในเมือง แค่กำหนดพื้นที่สีเขียวแนวราบให้มากพอ แทรกตามตึกต่างๆ รวมไปถึงมีสวนสาธารณะกลางเมืองเป็นหย่อมๆ คุ้มกว่ากันเยอะ จากคุณ : Sial เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 15:18:25

ความคิดเห็นที่ 16 บ้านตึกแถวเหมือนกัน ถ้ากลับไปว่าจะหาพืชไม้เลื้อยดอกสวยๆวนรอบบ้าน แล้วดาดฟ้าก็ปลูกผักกินเอง ถ้ามีเวลานะ ฮ่าๆ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 15:23:47

ความคิดเห็นที่ 17 เคยคิดแบบ อันแรก ทำเป็นสวนไฮโดรพอนิกส์ และให้มีระบบน้ำครบวงจรเลย เช่นน้ำจากการซักผ้ามีฟอสฟอรัสสูงก็เอาไปวนใช้แนวนี้ หรือสิ่งปฏิกูลก็รวมกันไปหมักปุ๋ย หรือก๊าซ ชีวภาพก่อน คิดว่าอนาคตที่สวยงาม คนในเมืองจะโหยหา และกระทำเพื่อให้เมืองนั้นดูเข้าใกล้กับธรรมชาติมากขึ้น จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 15:26:13

ความคิดเห็นที่ 18 เข้าเห็นแบบแรกแล้ว รู้สึกว่าแนวนิดน่าสนใจ เพราะคิดว่าเป็นการใช้พื้นที่ส่วนระเบียงที่ยื่นออกมาจากคอนโดให้เกิดประโยชน์ในเชิงเพาะปลูก แต่พออ่านดูดีๆ อ้าว ไม่ใช่นี่หว่ะครับ นี่มันทำคอนโดเพื่อปลูกผักชัดๆ แล้วลองไล่อ่านแบบอื่นๆต่อจนครบ แล้วแทบต้องกุมขมับ อุตส่าห์หวังว่าจะได้อ่านแนวคิดการใช้สอยพื้นที่ที่จำกัดในตัวเมืองให้เป็นประโยชน์ กลับมาเจอแนวคิด การใช้สอยพื้นที่อย่างไม่คุ้มค่าเอาซะเลย แนวคิดนี้ ไม่เวิร์คอย่างแรงครับ ทำไมเราจะต้องใช้พื้นที่ในตัวเมืองเพื่อทำการเกษตร ถ้าหากเรามีพื้นที่สำหรับทำการเกษตรในเขตเกษตรกรรมอยู่แล้ว การเกษตรกรรมนั้น ต้องการทั้งพื้นที่ และทรัพยากรน้ำเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการจะจัดการให้การเกษตรกรรมให้ได้ผลผลิตจำนวนมากและคุ้มค่ากับต้นทุนการผลิต ควรที่จะต้องจัดการในพื้นที่ที่เหมาะสม หรือก็คือเขตพื้นที่สำหรับเกษตรกรรมโดยตรงนั่นเอง แต่ทว่าในตัวเมืองนั้น ไม่เหมาะสมแก่การเกษตรกรรมเลย เนื่องจากมีพื้นที่ที่จำกัด หากจะต้องจัดแบ่งพื้นที่เหล่านั้นไปเพื่อการเกษตร เราจะต้องทุ่มงบประมาณไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้ผลิตจำนวนมากพอในพื้นที่ที่จำกัด ไม่ว่าจะค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ค้าใช้จ่ายในการขนส่งน้ำจำนวนมากเพื่อหล่อเลี้ยงพืชผล ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสิ่งก่อสร้างๆนั้นๆ ไหนจะค่าเสียโอกาสในการที่จะใช้พื้นที่นั้นเพื่อกิจกรรมด้านอื่นอีก ซึ่งโดยรวมแล้ว ต้นทุนที่ใช้ กับ ผลผลิตที่ได้ หาความคุ้มค่าไม่ได้เลยครับ นี่จึงเป็นได้เพียงแนวคิดในอุดมคติ ที่เป็นได้ยากมากในความเป็นจริงครับ อ้อ แต่ก็ใช่ว่าจะแนวคิดนี้ไม่คุ้มค่าเลยนะครับ แนวคิดนี้จะคุ้มค่ามาก ถ้าหากว่า เราไม่เหลือพื้นที่อื่นใดที่จะสามารถทำเกษตรกรรมได้อีกแล้ว เท่านั้น แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 54 16:44:01 จากคุณ : Singster เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 16:32:33

ความคิดเห็นที่ 19 แล้ว ถ้า ดัดแปลงที่อยู่อาศัย แล้ว ต่อเติม ให้เป็นแบบธรรมชาติ และ สามารถปลูก พืชได้เอง ก็น่าจะเข้าท่านะ.............. จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 16:46:32

ความคิดเห็นที่ 20 โห มีคนคิดอย่างคห 18 นี่เอง กทม.ถึงได้ดูทมึนทึนอย่างงี้ เมืองใหญ่อย่างโตเกียว นิวยอร์ค ลอนดอน พยายามที่จะให้มีพื้นที่สีเขียวในเมืองให้มากที่สุด เข้าเรียกมันว่า พื้นที่หายใจ (breathing space) ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวกันขนาดนั้น ไม่แปลกที่แนวคิดสวนแนวตั้ง ผุดขึ้นมาในวงการสถาปนิก ใช้พื้นที่ใช้สอยไม่คุ้มค่านี้จะบอกอะไรฤ?  สำหรับเรา การเปลียนพื้นที่ไหน เป็นพื้นที่สีเขียว มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว ไหนจะใช้ปลูกผักปลูกพืชกิน ไหนจะเป็นที่พักผ่อน เป็นที่เล่นของเด็ก ๆ เป็นแหล่งผลิตออกซิเจน เป็นพื้นที่ซับน้ำและระเหยน้ำ เพื่อให้เมืองเย็นขึ้น ฯลฯ  คนเมืองก็ต้องการของพวกนี้เช่นเดียวกัน ถ้าจะพูดถึงการใช้พื้นที่ไม่คุ้มค่า กทม. ก็ยังใช้ไม่คุ้ม สามารถเก็บพื้้นที่อีกตั้งเยอะมาทำเป็นสวนสาธารณะไ้ด้ ไมต้องแนวตั้งก็ได้ แนวนอนนี่แหละก็ทำได้ ติดตรงที่...  คนกทม.อีกหลายคนยังคิดว่าพื้นที่สีเขียวไม่จำเป็นละมั้ง จากคุณ : Black-White&Gray เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 18:05:32

ความคิดเห็นที่ 21 เข้าใจ แนวคิดของคห 18 นะครับ อาคารในกระทู้นี้ เหมาะที่จะสร้างในกรณีที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในตัวเมือง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีน่าสนับสนุน แต่หากพูดถึงกรณีที่ต้องการเพิ่มผลผลิตเพื่อรองรับความต้องการ แนวคิดสร้างแปลงผักในเมืองก็ยังนับว่าไม่ค่อยคุ้มค่า ควรออกแบบพื้นที่การเกษตรที่มีอยู่เดิม ให้ใช่อย่างคุ้มค่าจะดีกว่า เป็นต้นว่า ภาคอิสานของเรากว้างใหญ่ไพศาล แต่ผลผลิตต่ำ หากมีวิศรกร -สถาปนิก-เกษตรกร ท่านใด สามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้ดีขึ้น ออกแบบระบบชลประทานให้ดีขึ้น ก็นับว่าเป็นจะประโยชน์มากกว่า ในแง่ของผลผลิต จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 20:18:03

ความคิดเห็นที่ 22 อยากให้กิ๊ฟความเห็น 20 "การเปลียนพื้นที่ไหน เป็นพื้นที่สีเขียว มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว "  ถูกต้องนะคร๊าบ.. จากคุณ : กะต่อ เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 22:05:33

ความคิดเห็นที่ 23 ต้องแยกให้ออกว่าสร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อความร่มรื่นสวยงามกับสร้างเพื่อใช้สอยทำเกษตรกรรม แนวคิดสร้างเพื่อความรื่นรมย์กำลังมาแรงและน่าสนับสนุนมาก อย่างในนิวยอร์กก็สร้างสวนสาธารณะบนทางรถไฟลอยฟ้าเก่า แต่ถ้าจะเอามาทำพื้นที่เกษตรกรรมมองว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะการเกษตรต้องใช้พื้นที่เยอะมาก แค่เพียงตึกใหญ่ ๆ ตึกหนึ่งอาจจะเลี้ยงประชากรได้ไม่กี่พันคน ถ้าจะเอาตึกจริง ๆ คงต้องสร้างตึกทั้งเมืองทำการเกษตร แล้วย้ายคนไปอยู่อาศัยชนบทแทน ทางที่ดีควรเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่มากกว่าครับ จากคุณ : ต้อมติ้ว เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 22:26:13

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบ ตึกกระบองเพชรมาก ที่สุดครับ เพราะมีความเป็นไปได้สูงสุด จากคุณ : มวยมีค่าย เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 22:27:07

ความคิดเห็นที่ 25 20# อ่านหัวกระทู้ กับ เนื้อหารึยังครับ แล้วก็ อ่านที่ผมแสดงความเห็นได้เข้าใจประเด็นแน่รึยังครับ ที่ จขกท เอามาแปะ เป็นแนวการทำเกษตรนะครับ ถ้าจะทำเกษตร มาทำในตัวเมืองยังไงก้ไม่คุ้มค่าครับ แต่ถ้าเป็นแนวคิดสร้างพื้นที่สีเขียวในเมืองบนพื้นที่ที่จำกัด แนวนี้ผมสนับสนุนครับ ถึงแม้แต่เป็นการสร้างสิ่งก่อสร้างมาเพื่อจัดทำพื้นที่สีเขียวโดยเฉพาะ โดยมุ่งหวังเพื่อเป็นสถานที่ผ่อนคลาย พักผ่อน หรือได้เที่ยวเล่นสำหรับคนในสังคมเมือง แม้จะใช้งบประมาณจำนวนมากในการสร้าง แต่ก็ยังมีมุมมองความคุ้มค่าครับ แต่ถ้าเป็นเพื่อการเกษตร ผมไม่สนับสนุนครับ ขอยืนยันคำเดิม การเกษตรกรรม ก็ควรจัดทำในพื้นที่สำหรับเกษตรกรรม ไม่ใช่พื่นที่ในตัวเมือง ขอบคุณ #21 ที่เข้าใจประเด็นของผม แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 54 22:39:56 จากคุณ : Singster เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 22:33:11

ความคิดเห็นที่ 26 #2 ทำไมผมถึงมองเป็นปีกผีเสื้อละเนี่ย ><' จากคุณ : Aoitori เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 22:50:38

ความคิดเห็นที่ 27 สวนในกรุงใช้พื้นที่แนวตั้งต้องเอาแบบทางเท้าตรงสยาม ตอนนี้...เน่าสุดๆ -*- จากคุณ : Papercut เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 23:11:30

ความคิดเห็นที่ 28 คห 25 แต่ผมเคยเห็นในสารคดี เกี่ยวกับเนวคิดการเกษตรแนวตั้งแบบนี้ ถ้าใช้เทคโนโลยีช่วย อย่างการปลูกพืชแบบออแกนิก (จริงๆในสารคดีเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่กว่านั้น ผมจำชื่อไม่ได้ แต่แนวๆเดียวกัน) ที่ใช้น้ำและพลังงานน้อยมาก คำนวนออกมาว่าจะใช้ทรัพยากรน้อยกว่า (น้ำ ปุ๋ย น้ำมัน ยาปราบศัตรูพืชและอื่นๆ) และเมื่อเทียบกับพลังงานที่ต้องใช้เพื่อขนผลผลิตการเกษตรจากแหล่งผลิตเข้ามาในเมือง แนวคิดนี้จะใช้พลังงานน้อยกว่าซะอีก(อย่างน้อยก็จากที่ในสารคดีคำนวนให้ดูน่ะนะ) และจากการคำนวนแค่3-4 ตึกก็เพียงพอที่จะเลี้ยงคนทั้งเมือง ต้นกำเนิดแนวคิดนี้ในสารคดีมาจากประเทศอย่างสิงคโปร์ ที่การนำเข้าอาหารนั้นสิ้นเปลือง จะเอาพื้นที่ไปทำการเกษตรก็เปลือง ยอมเสียพื้นที่สร้างตึกแบบนี้ไปเลย รวมกับใช้เทคโนโลยีเดียวกันเปลี่ยนพื้นที่บนหลังคาตึกที่มีอยู่แล้วเป็นแปลงเกษตร จากการคำนวณ(ของนักวิทยาศาสตร์ในสารคดี)ก็จะเพียงพอเลี้ยงคนทั้งเกาะสิงคโปร์ แต่ก็เมื่อเทคโนโลยีนี้สมบูรณ์แล้วมันถึงจะคุ้มค่า ซึ่งในปัจจุบันยังไม่พอที่จะใช้ได้ทั่วไปน่ะนะ เท่าที่ดูความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีนี้และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทุกวัน คงจะไปกระตุ้น ความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าสถาปนิกและวิศวกรณ์เข้าน่ะแหละครับ ฉะนั้นผมว่าใช้คำว่า แนวคิดในอุดมคติ คงจะเกินไปนิดนึง เพราะมันเป็นเป็นแนวคิดที่เป็นไปได้และเข้าท่า แค่เทคโนโลยียังไม่พร้อม ปล.การเกษตรแนวตั้งแบบนี้ ให้ลืมภาพการเกษตรแบบเดิมได้เลยครับ เพราะเท่าที่อ่านดูหลายคนยังนึกภาพว่าแค่เป็นการยกแปลงนาขึ้นไปไว้บนฟ้าเฉยๆ ซึ่งมันไม่ใช่เลย อย่างเช่น การใช้น้ำการเกษตรแบบนี้ใช้น้ำน้อยกว่ามาก+ระบบน้ำแบบปิด ทำให้อาจจะใช้น้ำไม่ถึง1ใน20ของแบบปรกติ ซึ่งถ้าได้แบบในสารคดีล่ะก็ ไฟฟ้าก็ใช้แค่นิดเดียวในการเลี้ยงระบบ จากคุณ : NOVA เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 23:15:31 A:14.207.219.24 X: TicketID:237558

ความคิดเห็นที่ 29 คือที่มาแปะนี่ มันคือต้นแบบของแนวคิด เกษตร แบบใหม่ที่เค้าวางโครงการกัน แต่ถ้า คนไทย นำมันมาดัดแปลง ให้มันเป็นอาคารสีเขียว ร่มรื่น เป็นจุดหายใจ เป็นพื้นที่ที่ สดชื่น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการเกษตรอย่างเดียว จะปลูกต้นอะไรก็ปลูกไป อาจปลูกไว้กินด้วยก็ดี เราว่า มันน่าสนใจนะคะ...................... จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 23:21:45

ความคิดเห็นที่ 30 ที่แน่ ๆ น่าจะเริ่มด้วยการ ดัดแปลงเป็น อาคารสีเขียวกัน สถาปนิก อาจจะนำเป็นต้นแบบความคิด อาคารสีเขียว ถ้าทั้งเมือง อาคารทุก ๆ อาคาร ปลูก ต้นไม้แบบในรูป เราว่า แม้รถติดเยอะยังไง ก๊าซ คาบอน ก็โดนดูดไปเกือบเกลี้ยงเลยนะคะ สดชื่นดีนะ...................ว่ามั้ย..??? จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 23:24:09

ความคิดเห็นที่ 31 สำหรับเมืองไทย ลดทิ้งขยะไม่เป็นที่ก่อนเถอะครับ คุ้มกว่าทำคอนโดต้นไม้ หรือว่าเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่ว่ายังไงก็คุ้มอีก แค่นี้ยังทำกันไม่ได้เลย คนไทยเอ๋ย แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 54 23:36:30 จากคุณ : ปืนเถื่อน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 23:36:19

ความคิดเห็นที่ 32 #31 มันเป็นนิสัยที่ฝังลึกลงไปในส่วนลึกสุด ของสมองไปแล้ว.....หึหึ ถ้าให้ได้ดีเลยเรื่องนั้น ต้องเริ่มฝึกกับเด็กอนุบาล............. และสอนให้มองว่า เวลาผู้ใหญ่ทิ้งนั้น มันไม่ดี .................................... จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 23:38:25

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบไอเดียนะ ^ ^ ว่าแต่มีความเป็นไปได้แค่ไหน คุ้มทุนไหม ราคาสินค้าคงจะแพง ผลผลิตคงจะไม่เต็มที่ เพราะตั้งในสภาพเกาะร้อนและมลพิษ ซึ่งเป็นสภาพโดยทั่วไปของเมืองใหญ่ ไหนจะกลิ่นจากมูลสัตว์อีก จากคุณ : G. เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 54 23:50:42 A:58.9.25.187 X: TicketID:115608

ความคิดเห็นที่ 34 #33 เริ่มด้วยการ ดัดแปลง ต่อเติม บ้าน ตึกแถว หรือ ห้องคอนโดไงคะ ปลูกอ่ะไรก็ได้ที่มันเขียว ๆ สำหรับที่สร้างไปแล้ว ก็ ต่อเติมดัดแปลง ยื่นออก หดเข้า หรือ ปลูกมันตรงระเบียงเลย สำหรับเพิ่งสร้างก็ง่ายเลย ง่ายกว่า ต่อเติมนะ จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 00:00:55

ความคิดเห็นที่ 35 คห.18 ใครบอกในเมืองต้นทุนการทำเกษตรสูงครับ น้ำก็มีตลอดไม่มีขาด ความเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมต่ำที่สุด ผู้บริโภคอยู่ใกล้ๆ ค่าขนส่งต่ำ จากคุณ : ชีวิตคือชีวิต เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 00:42:33

ความคิดเห็นที่ 36 ผมคิดแนวทางเดียวกับ #18 ครับ คือถ้าจะปลูกแบบนี้มันไม่เหมาะ    กำลังการผลิตมันไม่ได้    หรือได้ไม่คุ้มเสียนั่นเอง     ถึงในเมืองในประเทศใด ๆ ก็ตามก็ต้องการพื้นที่สีเขียว   แต่จังหวัดหรือรัฐในชนบนก็มีพื้นที่ที่มีกำลังการผลิตเหลือเฟือ ถ้าจะทำเป็นไอเดีย  งานอดิเรกปลูกพืชผักสวนครัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้กินแบบสนุก ๆ นั่นได้ครับ   แต่จะทำให้เป็นสายหลักเลยยังไงพื้นดินในแต่ละประเทศมีรองรับกำลังการผลิตแน่นอนครับ ส่วนพื้นที่สีเขียวทุกทั่วมุมโลกกำลังต้องการ   มีช่องว่างตรงไหนก็ยัดต้นไม้ใส่ไปเลย แต่เพื่อความร่มรื่น  สบายตา  และประโยชน์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภค!! ลองนึกถึงสวนสาธารณะ  มีมุมสบาย ๆ ไว้อ่านหนังสือแล้วปลูกต้นทุเรียนดูครับ   หึหึ จากคุณ : siLvan เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 00:57:20

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณสำหรับบทความและคำแปลครับ เป้าหมายของการทำเกษตรในเมืองไม่ใช่การผลิตต่อพื้นที่ที่มากสุดหรือปลูกพืชเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด แต่เกษตรในเมืองมองความสุมดุลของทั้งด้านของเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และทางด้านสังคมของคนในชุมชนเมือง อีกด้วยครับ มองในรูปแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากกว่าการทำเกษตรกรรมเหมือนที่เป็นอยู่ เพราะแนวโน้มคนย้ายเข้าเมืองกันมากขึ้นเรื่อยๆครับ  จึงมาการศึกษาเรื่องพวกนี้มากขึ้นตาม     แนวคิดนี้มีประมาณกว่าสิบปีแล้วครับ ลองหารายละเอียดเกี่ยวกับVertical farm หรือ Urban Agriculture ได้ครับ  ทั้งอเมริกา ยุโรป รวมทั้งในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น และจีน  จริงๆไทยก็มีแล้วครับ แต่เป็นแค่ Urban agriculture  ยังไม่เห็นในลักษณะเป็น Vertical farm มากนัก ขอติดไว้ก่อน แล้วจะเอารายละเอียดมาให้ดูครับ ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์เรื่องการผลิตอาหารมากครับ เราเลยไม่คิดว่าเรื่องการผลิตอาหารจะเป็นปัญหา จนเราต้องมาผลิดอาหารในเมือง แต่ในหลายๆประเทศเค้าไม่สามารถผลิตอาหารได้หลากหลายอย่างเราครับ จำเป็นต้องนำเข้าและขนส่งมาจากหลายๆที่ทั่วโลก  ดังนั้นเรื่องการผลิตอาหารในเมืองจึงเป็นหัวข้อที่พูดกันอย่างมากในช่วง10ปีที่ผ่านมานีครับ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 01:42:54 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 01:39:58 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 01:27:56 จากคุณ : landon เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 01:24:34

ความคิดเห็นที่ 38 28# ขอบคุณครับ แล้วก็ ขอถอนคำพูดที่ว่า เป็นแนวคิดในอุดมคติ ครับ แนวคิดนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้คุ้มค่าต้นทุนการผลิต แต่ทว่า ยังไม่ได้ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ถ้าในอนาคต มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถเพิ่มผลิตได้จำนวนมากด้วยต้องการพื้นที่ใช้งานน้อย อีกทั้งใช้ทรัพยากรน้อย แนวคิดนี้จะน่าสนใจมากครับ เพียงแต่ว่าปัจจุบัน ความคุ้มค่าที่ได้ยังไม่คุ้มกับผลเสียและต้นทุน คงต้องติดตามกันต่อไปครับ ว่าเทคโนโลยีการเกษตรจะพัฒนาไปในทิศทางใด จากคุณ : Singster เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 01:28:27

ความคิดเห็นที่ 39 ลองคำนวณความเป็นไปได้ออกมาก่อน แล้วค่อยบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยังไม่ได้ลองคิดเลย ก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 02:12:18

ความคิดเห็นที่ 40 เรามาเริ่มทำกันเองแบบเล็กๆ กันดีมั้ย อย่างเค้าว่า " โลกสวยด้วยมือเรา " ไม่ต้องรอโครงการ เริ่มจากการทำที่บ้านตัวเองเลยก็น่ารักนะ บ้านไหนมีดาดฟ้าก็ลุยเลย บ้านไหนระเบียงว่าง ก็จัดการ ดีมั้ยคะ เพื่อน ๆ สมาชิกที่น่ารักในห้องหว้ากอ....... ไม่ต้องเป็นพืชสวนครัวก็ได้มั้ง ให้เป็นต้นไม้สีเขียว เป็นจุดหายใจยามเช้า ยามเย็น ก็โอ นะ เราเริ่มทำกันเอง ให้เป็นต้นแบบเมืองสีเขียว แก่ประเทศอื่นไปเลยก็เข้าท่านะ จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:02:22

ความคิดเห็นที่ 41 มันเป็นอนาคตครับ แล้วก็เป็นแนวคิด ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ แบบร่างที่ออกแบบมามันไม่ได้ดีไปหมดทุกแบบครับ ก่อนสร้างเขาก็ต้องมีนำเสนอแบบ ถกเถียงกันต่างๆ นานา ให้มันได้สิ่งที่ลงตัวที่สุด จริงอยู่ว่าวันนี้เรามีพื้นที่เพาะปลูกเพียงพอ แต่อนาคตล่ะครับ (ถ้าโลกไม่แตกก่อน) คนที่เพิ่มมากขึ้น ก็ย่อมขยายพื้นที่ออกไปมากขึ้น พื้นที่อยู่อาศัยจะมากขึ้น พื้นที่เกษตรกรรมน้อยลง สุดท้ายก็จะไปเบียดพื้นที่ป่า แล้วตอนนี้ก็เริ่มเกิดวิกฤตอาหารขึ้นแล้วครับ โชคดีบ้านเราไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไหร่ แต่สักวันมันอาจจะต้องเจอ ในเมื่ออาหารต้องการมากขึ้น แต่พื้นที่ปลูกกับลดลงเรื่อยๆ การเกษตรแบบแนวตั้งมันก็เลยคิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งมันเอาไปต่อยอดได้ครับ อย่าเพิ่งคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ครับ คิดป้องกันไว้ ดีกว่ามาแก้ทีหลัง จะไม่ทันการณ์เอา จากคุณ : MoonGlade เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:04:02

ความคิดเห็นที่ 42 บ้านใครทำปุ๊ป ก็ถ่ายมาอวดโฉม มาเป็นแนวคิดสำหรับคนอื่น มาสอนมาปรึกษากัน มาชวน ๆ กันทำ ก็สร้างสรรค์ดีนะคะ ตั้งกลุ่มกัน สร้างด้วยมือเราเองเลย.... ตอนนี้เราก็มองๆ ดาดฟ้าเราอยู่ กำลังจินตนาการแบบอยู่..... ส่วนข้างบ้าน กำลังติดระแนง ว่าจะเอาพันธุ์ไม้ แบบเลื้อย มาพันไว้ ปล. ขอให้มองเป็นเรื่อง วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม รวมกับ การตกแต่งบ้านนะคะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 54 10:15:31 จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:08:57

ความคิดเห็นที่ 43 #41 ถูกใจเลยคเ เรากำลังเริ่มที่บ้านเราเองนี่ละ ว่าจะปลูกไปพร้อม ๆ กับ ผักสวนครัวด้วย ปลูกเอง ปลอดสารพิษ และ ประหยัดด้วยนะคะ ส่วนของเกษตรกร ก็ปลูกส่งนอกไปขาย สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกอย่างมีมาตรฐานการส่งออก ปล. รูปที่มาแปะ ๆ ไว้ เราก็เอามาเป็นต้นแบบ แต่งที่บ้านเรา ทั้ง ดาด ฟ้า ชานพัก และข้างบ้านที่กำลังติดระแนง เดี๋ยวเสร็จแล้ว จะถ่ายมาให้ดูนะคะ จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:13:56

ความคิดเห็นที่ 44 โครงการ วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม กับ พื้นที่สีเขียว และ การเกษตร ในเมือง จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:17:22

ความคิดเห็นที่ 45 เนอะ บางทีคิดว่าจะมาลงทุนแพงๆๆเพื่อปลูกผักทำไมหว่า ถึงยังไงมันในเมืองเราว่าสารพิษมันเยอะอยู่แล้ว ถ้ามีพื้นที่เกษตรกรรมเราว่าแบบนี้ได้ไม่คุ้มเสียค่ะ จากคุณ : nuanapa เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 10:26:10

ความคิดเห็นที่ 46 ก็ ... ปลูกเป็นพืชพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับก็ได้น๊าา ลดมลพิษไง ดีปะ แต่ที่บ้านเราก็กำลังทำอยู่นะ เน้นปลูกเพื่อธรรมชาติ และแซม ๆ พืชการเกษตรลงไป เราปลูกไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อคนอีกหลาย ๆ คน และมันก็สร้างสรรค์ดีนะ...^^ จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:26:08

ความคิดเห็นที่ 47 ลองมองโลกในแง่ดีนิดนึง ทำเพื่อลูกหลานไง .... อิๆ ^^ จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 11:29:52

ความคิดเห็นที่ 48 หากราคาน้ำมันขึ้นไปถึงลิตรละ 300 บาท เมื่อไหร่การปลูกพืชในใืนเมืองก็จะเริ่มมีความคุ้มค่าล่ะครับ จากคุณ : ชีวิตคือชีวิต เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:41:20

ความคิดเห็นที่ 49 เอาตึกร้างพวกนี้มาทำปลูกผักดีไหมคะ...ผลผลิตจากวิกฤติฟองสบู่ จากคุณ : ชีนะ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:56:14

ความคิดเห็นที่ 50 ดูแล้วเพื่อความเก๋ไก๋ซะมากกว่า จากคุณ : yatiko เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:58:29

ความคิดเห็นที่ 51 ปี 2050 พื้นที่การเกษตรที่ว่าเหลือเยอะๆ อาจจะเหลือไม่เท่าไหร่ เมื่อถึงตอนนั้น จากคุณ : ณปัณณ์ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 15:45:46

ความคิดเห็นที่ 52 อ่านมาถึง #28 แล้วบางอ้อ สิงคโปร์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากครับ เกี่ยวกับการพัฒนาในด้านนี้ ผมก็นึกถึงประเทศตัวเองจนลืมไปว่าพื้นที่แต่ละประเทศแตกต่างกัน จากคุณ : Don'move เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 16:16:56

ความคิดเห็นที่ 53 ของไทยเราก็ "สวนเกษตรดาดฟ้าหลักสี่" ไงครับ จากคุณ : ST.Exsodus เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 18:01:19

ความคิดเห็นที่ 54 เน้นสวยงามมากกว่าใช้ประโยชน์นะนี่ ถ้าปลูกต้นไม้ใหญ่ๆจะมีที่พอให้รากของต้นไม้อยู่ไหมครับ แล้วตึกต้องแข็งแรงขนาดไหนถึงจะรับน้ำหนักของดินและต้นไม้ได้ จากคุณ : นายชอล เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 22:42:42

ความคิดเห็นที่ 55 เหมาะสำหรับอาณานิคมมยุษย์บนดวงจันทร์ ปล:ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ จากคุณ : ชีวิตจะรุ่งอย่ามายุ่งกับผม เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 09:52:20

ความคิดเห็นที่ 56 จาก #53 สวนเกษตรดาดฟ้าหลักสี่ ลองไปค้นข้อมูลมา http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2008/04/J6530031/J6530031.html จากคุณ : ชีวิตจะรุ่งอย่ามายุ่งกับผม เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 09:58:28

ความคิดเห็นที่ 57 บ้านเรา ที่รกร้าง ยังเหลือมากมาย จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 11:04:21

ความคิดเห็นที่ 58 ล้ำลึกครับ อนาคตได้เห็นแน่ๆ จากคุณ : nabim_pk เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 17:52:47

ความคิดเห็นที่ 59 สรุปว่า ทำได้จริง และทำให้คุ้มค่าได้ แต่ต้อง ทำบนหลังคา ใต้หลังคาใช้งานปกติ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 19:18:29

ความคิดเห็นที่ 60 คห 54 ปลูกแบบออแกนิค ไม่ใช้ดินครับ ส่วนของ สวนเกษตรดาดฟ้าหลักสี่ ยังเป็นการเกษตรแบบปรกติที่ยกขึ้นไปไว้บนตึกเท่านั้นเองนี่ครับ จากคุณ : NOVA เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 23:41:59 A:14.207.219.24 X: TicketID:237558

ความคิดเห็นที่ 61 นึกถึงรูปนี้.. จากคุณ : Caramelman#21 เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 23:49:53

ความคิดเห็นที่ 62 คนทำตึกก็เก่งเนอะ...ให้ความหวังกับคนเมืองได้อย่างดีเลย ...คนชนบทอย่างเราก็ยินดีด้วยนะครับ....สู้ๆ ...(ว่าแล้วก็ก้มหน้าทำไร่ทำสวนต่อไปเนอะเรา) จากคุณ : ยอดเงินของคุณใกล้จะหมด เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 04:05:17

ความคิดเห็นที่ 63 นึกภาพซื้อที่ดินทองหล่อมาปลูกผัก =[]= มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 ร้อยละ 80 ของประชากรโลกจะอาศัยอยู่ในตัวเมือง <<<< อ่านแล้วรู้สึกหดหู่จังเลยค่ะ แต่ก็จริงแหละ เราเป็นเด็กบ้านนอกเข้ามาเรียนที่ กทม เรียนจบก็ต้องทำงานในเมืองอยู่ดี ไม่มีวี่แววจะได้กลับไปอยู่บ้านนอกเลย จากคุณ : โรตีรสนม เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 11:50:23

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้าผมจะเอาแนวคิดนี้มาทำ ผมคงไม่ได้มองที่ว่าทำแล้วสวนของผมจะมีผลผลิตที่ได้ราคาดีกว่าสวนที่อยู่พื้นที่ธรรมดาแถวต่างจังหวัดครับ แต่ผมจะมีจุดขายที่ว่าสวนของผมเป็นเกษตรแนวใหม่ อยู่ในพื้นที่ปิดไม่ต้องกลัวแมลงเลยไม่ต้องใช้สารฆ่าแมลง ควบคุมสภาพอากาศได้สามารถปลูกพืชเมืองหนาวได้  เปิดให้คนเข้าชม เปิดเป็นสวนอาหารลอยฟ้า แค่นี้ผมก็ว่าคุ้มค่าแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 54 18:20:07 จากคุณ : นายกานต์ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 17:19:16

ความคิดเห็นที่ 65 กำหนดแหล่งเพาะปลูกแล้วทำเป็นคอนโดแทนสิ   ในเมืองใหญ่ๆเขามีแนวคิดนี้เพราะมันแทบไม่มีที่ให้ปลูกผักไง   เขาถึงสร้างตึกไว้ปลูกผักเพื่อช่วยเหลือตัวเอง จากคุณ : fdX3S เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 18:08:03

ความคิดเห็นที่ 66 จะมีสักกี่คนกันเชียวที่ยอมลงทุนสร้างอาคาร หลักร้อยล้านพันล้านเพื่อปลูกผักชีขายกำล่ะ 10 บาทแข่งกับผลิตผลทางเกษตรที่ยังปลูก ได้อยู่บนดิน มันน่าจะเป็นแนวคิดที่ทำได้เมื่อดินที่มีอยู่มัน ปลูกอะไรไม่ได้แล้ว สภาพอากาศแปรปรวน จนทำการเพาะปลูกแบบปกติไม่ได้ หรือไปตั้ง อาณานิคมในดาวดวงอื่นแล้วมากกว่าครับ ถ้าปลูกเป็นสีสันของเมืองก็ว่าไปอย่างครับ จากคุณ : Demilo เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 19:22:45

ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อวันนึงถึงจุดที่ว่าหาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการขนส่งยากยิ่งกว่าทอง เมื่อนั้นแนวคิดนี้คงจะเกิดในประเทศที่นำเข้าสินค้าเกษตรกรรมเป็นหลัก จากคุณ : เจ้ากระจิ๊ดริ๊ด เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 10:16:47

ความคิดเห็นที่ 68 อืม เอาแค่ในประเทศไทย   ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ เนื่องจาก  ผมไม่ได้มองเรื่องความคุ้มทุน  เป็นหลักครับ ประโยชน์ที่น่าจะได้คือ 1. สังคมคนเมือง กับ สังคมชนบท จะถูก ทำให้ใกล้ชิด เนื่องจาก เราได้เห็น  "กระบวนการจริง"  มากขึ้น  ไม่ใช่แค่เห็นผลผลิตที่ขายในตลาด หรือ  เห็นแต่ในตำรา หรือภาพถ่าย     บางคนอาจจะบอกว่า ของแบบนี้่  สามารถหาในได้ อินเตอเนท  หรือ ศูนย์การเรียนรู้   ผมคิดว่ามันต่างกันมาก  ระหว่าง การที่ได้เห็นปลูกข้าว กว่าจะโตซึ่งใช้เวลา 3-4เดือน  กับ ดูคลิป ที่เค้าตัดย่อมาใน 10 นาที      ความรู้สึก และการได้ัสัมผัสสิ่งเหล่านี้  ผมมองว่าจะทำให้ คนในสังคม มีความรู้สึกว่า"ต่างกัน" น้อยลง เพราะ  สังคมชนบทที่ทำเกษตรก็จะรู้สึกว่า สังคมเมืองได้ให้ความสำคัญ  สังคมเมืองก็จะได้รู้ถึงความยากลำบาก และอยากจะแก้ไขปัญหา    การลดความต่างกันตรงนี้ค่อนข้างจำเป็นมาก  เพราะบ้ายเรา สำลังประสบปัญหาแบบนี้อยู่ 2. เป็นศูนย์การเรียนรู้   ที่เป็นรูปธรรมมากกว่าเดิม  (ไม่ใช่ แค่สวนเล็กๆ เหมือนแปลงทดลอง ) ทุกวันนี้  คนเมือง อยากไปทำอาชีพเกษตรแต่พวกเค้าไม่สามารถจะ สละเวลาได้ยาวๆ เพื่อไปเรียนรู้  ตรงนี้จะช่วยได้มากครับ จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 10:50:54

ความคิดเห็นที่ 69 การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในโครงสร้างเดิมโดยสวนแนวตั้ง ที่ MBK Center จากคุณ : We build it green (By The Bay) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 12:17:55

ความคิดเห็นที่ 70 คือผมดูดีไซน์แล้ว เห็นได้ชัดเลยนะครับว่าจุดประสงค์ของแต่ละดีไซน์มันไม่ได้ออกแบบมาเพิ่มพื้นที่สีเขียวเลย มันออกแบบมาสร้างผลผลิตชัดๆ ถ้าจะบอกว่าพวกนี้มีประโยชน์ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ผมเอาสวนบ้านๆ ที่สร้างบนหลังคาสูงแบบเดิมน่ะแหละสวยกว่ามาทำตึกเป็นกระบองเพชรทำเป็นปีระมิดหรือโดมกระจกเยอะแยะเลยครับ ถ้าจะสร้างเป็นตึกพักผ่อนหย่อนใจเลยผมว่าดีไซน์มันไม่น่าจะออกแบบมายังงี้ครับ จากคุณ : Mariel เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 20:52:57

ความคิดเห็นที่ 71 #69 กำลังฮิตเลยแนวนี้ จากคุณ : chalagenan เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 20:55:53

ความคิดเห็นที่ 72 การที่พืชอาศัยแสงอาทิตย์ ซึ่งจะมีในตอนเช้าเท่านั้น เราจึงอาศัยจุดนี้ในการทำประโยชน์ได้ จากคุณ : ชื่อนี้ไม่มีคนรู้จัก เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 54 23:34:29

ความคิดเห็นที่ 73 ^^ จากคุณ : starjoke20 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 10:55:50