ความคิดเห็นที่ 1 black Hole สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์และเราก็สามารถ สังเกตเห็นมันได้จาก สิ่งที่อยู่รอบๆมันแทนที่จะสังเกตตัวมันที่เรามองไม่เห้นนะครับ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 07:55:33

ความคิดเห็นที่ 2 จากเหตุผลที่คุณยกมาอ้าง คุณก็สามารถสรุปได้เช่นกันว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่มีจริง มันแค่อยู่ในจินตนาการและคาดการณ์ แค่การอนุมานเอาเอง จากคุณ : ped cad เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 08:16:23

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วเจ้าของกระทู้เชื่อไหมครับว่าคนมีจริง?? สิ่งที่เราเห็นแล้วเรียกกันว่าเป็นคน (สัตว์ สิ่งของ ฯลฯ) ก็คือการมาประชุมกันของธาตุต่างๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปมันก็เปลี่ยนสภาพไป  บางท่านกล่าวว่าคน สัตว์ สิ่งของนั้นไม่มีอยู่ ไม่มีตัวตน อธิบายถึงเรื่องความว่าง... black hole ก็คือคำที่เรานิยามขึ้นมาใช้เรียกสิ่งหนึ่ง  ซึ่งมีลักษณะตามที่มีผู้พรรณนาไว้ด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ  คนที่เขามีข้อมูลเขาก็อ้างอิงจากการวัดด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ หรือภาพถ่าย(ของสิ่งแวดล้อมรอบๆ สิ่งที่คิดว่าเป็นหลุมดำ) ถ้าถามท่านว่าท่านเชื่อว่าสมาธิมีจริงไหม  ท่านจะเอาข้อมูลอะไรมาแสดง  ถ้าจะอธิบายก็คงเป็นคำพรรณนาถึงลักษณะต่างๆ ซึ่งจับต้องไม่ได้ มองไม่เห็นด้วยตา  (นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มอาจจะมีเรื่องของการวัดคลื่นสมองเข้ามาอธิบาย แต่มันก็คงเป็นข้อมูลลักษณะเดียวกันกับเรื่องขอ black hole คือไม่ได้สัมผัสจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของผู้สังเกต) ผมไม่ได้ต้องการที่จะพิสูจน์ความจริงความเท็จในเรื่องเหล่านี้ เพราะมันไม่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิต  เพียงแต่รับรู้แล้วก็ปล่อยวาง  อะไรที่ทำแล้วเราดำรงชีวิตอยู่ได้เป็นปกติก็ทำไป แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 08:22:50 จากคุณ : rujipars (rujipars_a) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 08:21:48

ความคิดเห็นที่ 4 หลุมดำมองเห็นได้ด้วยกล้องดูดาวขนาดยักษ์นะครับ   มันแค่อยู่ไกลเฉยๆ ไม่ได้แค่อยู่ในจินตนาการ จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 08:22:13

ความคิดเห็นที่ 5 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันสามารถเอาเครื่องมือมาพิสูจน์ได้ไม่ยาก แต่หลุมดำมันเป็นเพียง ทฤษฏี ที่รอทฤษฏีใหม่มาหักล้างในอนาคต นักวิทยาศาสตร์ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป ้เวลาเปลี่ยนไป หลายทฤษฏีก็ต้องทิ้งถังขยะ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 08:23:52

ความคิดเห็นที่ 6 หลุมดำเป็นชื่อเรียกปรากฎการณ์ที่ค้นพบนะครับท่าน สามารถตรวจสอบ พิสูจได้ด้วย วิทยาศาสตร์ แต่ยังไม่ยืนยัน 100% อาจจะมีการแก้ไขทฤษฎีได้ อ่านในเนทก็ได้ครับ มันมีวิธีการค้นหาและตรวจพบ แต่เรื่องที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่บุคคลครับ ถ้าไม่มีอยู่จริงของท่านหมายถึงต้องสัมผัสทางกายได้ทางต่าง ๆ ละก็ งั้นรังสี เกือบทุกชนิด อนุภาค เกือบทุกอย่างไม่มีอยู่จริงแล้วครับ เพราะมันใช้ ความรู้สึกทางกายสัมผัสไม่ได้ ต้องใช้เครื่องมือ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 08:25:52 จากคุณ : NeoTokyo เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 08:24:09

ความคิดเห็นที่ 7 จขกท.อย่าไปยึดติดกับชื่อนักเลย มันเป็นปรากฏการณ์หนึ่ง ที่เวลาเราเรียกให้เข้าใจตรงกันก็ต้องมีการตั้งชื่อเท่านั้นเอง เพราะปรากฏการณ์นั้นมันมีอยู่ ต่อให้เราไม่เรียกหลุมดำ ก็ต้องมีคนตั้งชื่ออื่นให้เรียกอยู่ดี แล้วก็หลุมดำ มันไม่ได้หมายถึง "หลุม" ที่เป็นรูนะครับ เอาเป็นว่าผมตั้งชื่อใหม่เป็น "ดาวลูกอีช่างดูด" เป็นไงครับ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 08:43:48

ความคิดเห็นที่ 8 จขกทเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ จินตนาการ?  คาดการณ์? อนุมาน? ภาพถ่ายปรากฏการณ์นี้ก็มีเยอะแยะ เลยต้องตั้งชื่อให้มัน จากคุณ : KeyboardWarrior เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 08:59:42

ความคิดเห็นที่ 9 ....      อย่างแรก เราต้องยอมรับก่อนว่า ในทางวิทยาศาสตร์ "เรามีความรู้เกี่ยวกับเอกภพแค่เม็ดทรายเม็ดเดียวในหาดทรายเท่านั้น"  นั่นก็หมายความว่า เราแทบจะไม่รู้อะไรเลย มันเป็นเพียงแต่การตั้งสมมุติฐาน แลพยายามหาคำอธิบาย   วันๆ สตีเวน ฮอกกิ้น ก็เปลี่ยนจินตนาตัวเองไปเรื่อยๆครับ แกเป็นคนที่ ศึกษาเรื่อง Black Hole มานาน และเป็นผู้นำทางความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เราต่างเชื่อกันตามที่แกว่ามา คือ หลุมดำคือบริเวณที่มีความหนา แน่นสูงมากและทุกสิ่งที่ตกอยู่ภายใต้รัศมีของมัน จะถูกดูดไปรวมกับมัน แม้แต่ กระทั่งแสง ชาวบ้านอย่างเรา ก็ร้องเฮ....... จริงด้วย ในกาลต่อมา แกก็ไปศึกษาต่อ คำนวณๆสูตรสมการมากมาย แล้วแกก็ออกมาประกาศว่า ที่เราเชื่อๆกันว่า หลุมดำมีแรงดึงดูดมหาศาล ที่ไม่มีอะไรสามารถหลุดรอดออกมาได้นั้น มันไม่จริง แกคิดใหม่แล้วบอกว่า หลุมดำสามารถแผ่รังสีออกมาได้ด้วย เรียกว่า Hawking's radiation ชาวบ้านอย่างเรา ก็ร้องเฮ....... จริงด้วย เมื่อเร็วๆนี้ แกก็ประกาศใหม่ว่า ไอ้ที่เคยเชื่อกันมาเกี่ยวกับหลุมดำนั้นว่า หลุมดำจะดูดสิ่งต่างๆรอบตัวเข้าไป กินอาณาบริเวณใหญ่ขึ้นๆเรื่อยๆนั้น ไม่เป็นความจริงเสียอีกแล้ว เมื่อหลุมดำแผ่รังสีออกมาเรื่อยๆ หลุมดำก็จะสูญเสียมวลไป เรื่อยๆด้วยและมันจะมีขนาดเล็กลง ซึ่งนั่นก็จะทำให้แรงดึงดูดไม่เพียงพอที่จะดูด แสงไว้ได้ ชาวบ้านอย่างเรา ก็ร้องเฮ....... จริงด้วย สรุปว่า เรายังรู้อะไรเกี่ยวกับหลุมดำน้อยมาก และยังต้องศึกษาต่อไป ชาวบ้านอย่างเรา ก็ร้องเฮ....... จริงด้วย ปล.บทความบางตอนคัดลอกมาจาก คำพูด ของ login "ช่างไฟ"     นั่นก็หมายความ หลุมดำยังเป็นแค่จินตนาการครับ ยังหาข้อสรุปอะไรไม่ได้ และมีอยู่จริงไม่นั้น ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนฟันธงครับ       สำหรับ บิกแบง แล้ว นั่นเป็นจินตนาการล้วนๆ ครับ มาจากความคิดที่ว่า Quantum fluctuations were the FIRST CAUSE and PRIME MOVER of the universe.    การกระเพื่อมควอนตัม(Quantum fluctuations) เป็นเหตุแรกสุดการเกิด จักรวาล(หรือความไม่เสถียรของควอนตัม)     เนื่องจาก สสารก่อนหน้าที่จะเกิดบิกแบงนั้น ไม่ได้ประกอบไปด้วย อะตอม เป็นแค่ อนุภาคที่วิ่งอย่างอิสระ       และหลังจากเกิดบิกแบงแล้ว จึงทำให้ควาร์กรวมตัวกัน กลายเป็นโปรตอน นิวตรอนและอนุภาคอื่นๆ ซึ่งประกอบเป็นสสารต่างๆ ที่เราเห็นในปัจจุบัน        สรุปว่า ทั้งหมดยังเป็นแค่จินตนาการเหมือนกันครับ ถ้าพูดง่ายก็คือ "เรื่องเพ้อฝัน ของนักวิทยาศาสตร์" หรือ "ความงมงายทางวิทยาศาสตร์" ก็ว่าได้นะครับ เพราะเราไม่รู้อะไรเลย แต่เราก็เชื่อว่ามันน่าจะมีจริง       เหมือนกับ ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ท่านที่ตอบว่า "ไม่มี" อ้าว.....แล้วรู้ได้อย่างไร ท่านที่ตอบว่า "มี"     อ้าว......แล้วรู้ได้อย่างไร              สรุปว่า เดาด้วยกันทั้งคู่ครับ นั่นก็ต้องว่ากันไปตามความเชื่อของตนเองแล้วครับ                                                                                                          ++ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 09:22:36 จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 09:22:09

ความคิดเห็นที่ 10 คุณสองนิ้วชี้  ชัดเจนที่สุด ^^ จากคุณ : สมบัติดี เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 09:29:51

ความคิดเห็นที่ 11 ทฤษฏีต่างของไอน์ไตน์ ทำให้การสอนวิทยาศาสตร์แบบเก่าล้าสมัย[สังเกต ค้นคว้า ทดลอง] กลายเป็นจินตนาการ และมีการหักล้างความเชื่อเดิมได้ตลอด การคำนวนนอกจักรวาลอาจผิดพลาดไป1000ล้านปีแสง เป็นเรื่องปกติ แสงจากดาวที่เห็น กลายเป็นแสงสุดท้ายของดาวที่แตกไปแล้ว10ปี หลุมดำคิดว่ามี การเคลื่อนไหวทั้งแผงของดาว สนามแม่เหล็กต้องมหาศาล ไม่คิดว่าเป็นความหนาแน่นของดาวนิวตรอน. แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 09:39:31 จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 09:38:42

ความคิดเห็นที่ 12 อืมม  งานนี้ คุณสองนิ้วชี้  อธิบายได้สุดยอด ...   จากคุณ : ศิษย์พระป่า เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 09:47:36

ความคิดเห็นที่ 13 1915 ไอน์สไตน์เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ต่อมา Schwarzschild จึงเสนอว่าถ้าแสงโค้งตาม spacetime ได้ ดาวฤกษ์ที่มวลมหึมา อาจโค้ง spacetime จนแสงตกลงดาวนั้น ไอน์สไตน์ได้ยินไอเดียนี้ แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้อมูลดาราศาสตร์ปัจจุบันเชื่อกันว่า มีหลุมดำจริง สอดคล้องกับทฤษฎี จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 09:50:48

ความคิดเห็นที่ 14 มันเกิดจากการแก้สมการของไอน์สไตน์   ที่เจอจุดsingularityถึง2จุด     เป็นคำตอบที่ไอน์สไตน์ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ จากคุณ : Meredith R. McKay เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 10:04:19

ความคิดเห็นที่ 15 การอธิบาย อะไรก็ตาม บางที อาจไม่เกี่ยวกับ เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ แต่เป็นการอธิบายเพื่อ ตอบคำถาม ไปทีละจุด ทุกคำถามที่เกิดจากความสงสัยของมนุษย์ มาจาก การตีกรอบใดๆขึ้นมาอย่างนึงเสมอ เช่น เราต้องตั้ง กรอบว่า มนุษย์ อุปกรณ์ ภาษา การปฏิสัมพันธุ์ เชิงวัด ไม่เช่นนั้นเราอาจไม่ได้คำตอบเลย เพราะว่า ถ้าไม่มีเงื่อนไขว่า เราเปรียบเทียบกับอะไร เราก็ไม่มีทางนิยามคำตอบขึ้นมาได้ เมื่อ ไม่มีคำตอบ สิ่งนั้นจึงไม่มี เมื่อสิ่งใดไม่มี ความเชื่อก็ไม่มี ความไม่เชื่อก็ไม่มี (ถ้า งง ย้อนกลับอ่านบรรทัดแรกอีกที) วิทยาศาสตร์ เป็นศาสตร์นึงที่ใช้การอธิบายที่ไม่ตายตัว ไม่ขึ้นกับความเชื่อ เมื่อไหร่ที่มีข้อมูลที่มี Proof ที่มั่นคงมากกว่า ความเข้าใจเดิม อาจเป็นเรื่องที่ผิดทันที แม้จะมีคนเชื่อมากมายยังไงก็ตาม การด่วนเชื่อว่า ทฤษฏีใดๆทางวิทยาศาสตร์ เป็นความจริง ก็นับว่า เขลา การด่วนไม่เชื่อ กลับเขลากว่า เพราะว่า ทฤษฏีทางวิทย์ ไม่ได้ลอยๆขึ้นมา สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิเวสายะ - ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น วิทยาศาสตร์ ก็บอกเสมอว่า การถือมั่นข้อมูลเก่า หรือ หลักฐานใหม่ ก็ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ดังนั้น หลุมดำ จะ มี ไม่มี ใครจะเชื่อ ไม่้เชื่อ ขอให้แสดง Proof ออกมา หลุมดำ เป็นแค่ หัวข้อ จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 10:19:59

ความคิดเห็นที่ 16 คือเห็นบางกระทู้ โพสทำนองว่า ทำไมคนหว้ากอไม่เชื่อชาติหน้า แต่ไปเชื่อเรื่องหลุมดำ ความจริงแล้วทั้งชาติหน้าและหลุมดำนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ใช้ความเชื่อนะ ใช้คำว่าสนใจศึกษาอยู่มากกว่า แต่ตามแนวทางวิทยาศาสตร์แล้วเรื่องหลุมดำมันศึกษาง่ายมีวิธีมีเครื่องมือและทฤษฏีมากกว่า สำหรับเรื่องชาติหน้านั้นต้องหาวิธีศึกษาและลองปฏิบัติต่อไป ความจริงถ้ามีนักวิทยาศาสตร์ ตรัสรู้ได้อย่างพระพุทธเจ้า(ถ้าเชื่อว่าจริง)จะดีไม่น้อย โลกคงวิวัฒนาการไปเยอะ แต่เคยถามแล้วมีคนตอบว่าไม่ได้เพราะจะได้ฌานอย่างนั้นเขาละหมดแล้วไม่เอาอะไร แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 54 10:31:51 จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 10:31:21

ความคิดเห็นที่ 17 ผมคิดว่า จขกท เชื่อเป็นอย่างอื่นเพราะมีคนอื่นบอกมา ทั้งที่มันยังไม่ได้รับการพิสูจย์ จากคุณ : อิทธิพงษ์ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 10:49:07

ความคิดเห็นที่ 18 ผมก็ยังไม่เชื่อ 100% จากคุณ : พิซซ่าหน้าปลาเค็ม เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 11:10:24

ความคิดเห็นที่ 19 ธค. 2008 นักวิทยาศาสตร์อ้างว่าหลุมดำมีจริงๆ 16 ปีแห่งความหลังศึกษา นักวิทยาศาสตร์ศึกษาหลุมดำมวลมหึมา ที่ใจกลางทางช้างเผือก ไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดูจากดาวฤกษ์ 28 ดวงที่โคจรรอบศูนย์กลางทางช้างเผือก คำนวนได้ว่าดาวฤกษ์โคจรรอบมวลมหึมา 4 ล้านสุริยะมวล(solar mass) คาดเดาว่าเป็น หลุมดำมวลมหึมา ห่างโลก 27000 ปีแสง "Undoubtedly the most spectacular aspect of our long term study is that it has delivered what is now considered to be the best empirical evidence that super-massive black holes do really exist," said study leader Professor Reinhard Genzel. http://www.telegraph.co.uk/science/science-news/3690822/Proof-that-Albert-Einsteins-black-holes-do-exist-claim-scientists.html จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 11:18:37

ความคิดเห็นที่ 20 หลักฐานหลุมดำอันใหม่ 12 มค. 2001 Hubble Space Telescope - Chandra X-ray Observatory พบหลักฐานขอบฟ้าเหตุการณ์(event horizon) ศึกษาดาวคู่-หลุมดำ/ดาวฤกษ์ ศึกษา"X-ray novae" พบดาวคู่ที่สงสัยเป็นหลุมดำ ปล่อยพลังงานแค่ 1% แสดงว่ามีขอบฟ้าเหตุการณ์ เพราะถ้าเป็นดาวนิวตรอนยังปล่อยแสงออกมา "The most straightforward explanation for our observations is that these objects have event horizons and, therefore, are black holes." http://science.nasa.gov/science-news/science-at-nasa/2001/ast12jan_1/ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 11:34:43

ความคิดเห็นที่ 21 หลักฐานมีหลุมดำ 1 Accretion of matter 2 X-ray binaries 3 Galactic nuclei 4 Gravitational lensing 5 Alternatives http://en.wikipedia.org/wiki/Black_hole#Observational_evidence จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 11:49:08

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าอยากรู้ว่าหลุดดำมีมั้ยก็ส่งใครสักคนไปลงหลุมแล้วกลับมาบอก ใช่มั้ยถึงจะยอมรับกัน -__-" ผมเชื่อว่ามีปรากฏการณ์หลุมดำ เพราะสามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ (ทำซ้ำได้ การทดลองภายใต้เงื่อนไขเดิมให้ผลลัพท์เหมือนเดิม และผลลัพท์ไม่ขึ้นอยู่กับบุคคลผู้ทดลอง) ส่วนจะมีรูปร่างหน้าตาแบบไหนตรงนี้ก็ต้องรออนาคนให้ช่วยตอบ จากคุณ : bakasama เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 11:51:59

ความคิดเห็นที่ 23 โอเคว่ามันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ตราบเท่าที่เรายังไม่เห็นมันจะๆตา แต่หลายปรากฏการณ์ก็สอดคล้องกับทฤษฎีหลุมดำ แล้วทำไมถึงจะบอกว่ามันไม่มีซะล่ะ นักวิทยาศาสตร์กว่าเค้าจะคิดอะไรออกมาแต่ละอย่าง ผ่านการพิสูจน์ ผ่านการสังเกต ผ่านข้อโต้แย้งจากพวกหัวกะทิมามากมาย จนเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง วันดีคืนดีชาวบ้านที่ไหนไม่รู้อยากจะอวดภูมิ ว่าทฤษฎีนั้นมันไม่จริง ไม่ได้ใช้ความรู้อะไรหรอก แค่ใช้ความรู้สึกเท่านั้นเอง ตลก จากคุณ : Mea Culpa เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 12:07:16

ความคิดเห็นที่ 24 ชาวบ้านอย่างเรา ก็ร้องเฮ....... จริงด้วย จากคุณ : My membery เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 12:49:39

ความคิดเห็นที่ 25 เฮ... จริงด้วย จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งบนดวงดาวสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 13:04:54

ความคิดเห็นที่ 26 สรุปว่า ทั้งหมดยังเป็นแค่จินตนาการเหมือนกันครับ ถ้าพูดง่ายก็คือ "เรื่องเพ้อฝัน ของนักวิทยาศาสตร์" หรือ "ความงมงายทางวิทยาศาสตร์" ก็ว่าได้นะครับ เพราะเราไม่รู้อะไรเลย แต่เราก็เชื่อว่ามันน่าจะมีจริง      เหมือนกับ ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ท่านที่ตอบว่า "ไม่มี" อ้าว.....แล้วรู้ได้อย่างไร ท่านที่ตอบว่า "มี"     อ้าว......แล้วรู้ได้อย่างไร             สรุปว่า เดาด้วยกันทั้งคู่ครับ นั่นก็ต้องว่ากันไปตามความเชื่อของตนเองแล้วครับ ไม่เห็นด้วยกับข้างต้นคำอธิบายเรื่องหลุมดำมันมีปรากฎการณ์ที่สอดคล้องกับทฤษฎีให้เราสังเกตเห็นได้ นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้หลับตาแล้วบอกว่าหลุมดำมีจริงนะครับ มันมีที่มาที่ไปจากสมการทางคณิตศาสตร์ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปรากฎการณ์ที่สังเกตได้ในธรรมชาติ หลุมดำไม่ใช่ความเชื่อแต่เป็นการคาดการณ์ว่าน่าจะมีตามพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เหมือนกับเรามั่นใจแล้วว่า 1+1 = 2 เราก็สามารถอนุมานได้ว่า 100000000000000000000000000 + 1 = 100000000000000000000000001 หากแต่เรายังไม่สามารถหาตัวอย่างที่พิสูจน์มันได้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 13:19:52

ความคิดเห็นที่ 27 เฮ... จริงด้วย จากคุณ : ชาวบ้าน เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 13:21:36 A:115.87.107.218 X: TicketID:288727

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ผมว่าต่างกันเยอะนะครับ หลุมดำสามารถสังเกตได้ พอจะศึกษาหาร่องรอยได้ ทำซ้ำเผยแพร่ให้คนอื่นๆสืบทอดศึกษาต่อยอดได้เรื่อยๆ และอีก 100 ปี 1000 ปี ก็คงสามารถสรุปได้ว่ามีจริงหรือไม่มีจริง แต่ความเชื่อหลังความตาย รู้เอง ชงเองกินเอง ไม่รู้จะ บอกคนอื่นได้ยังไง และก็อีก 10000 ปีก็วนอยู่แค่นี้ จากคุณ : 3N เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 13:57:54

ความคิดเห็นที่ 29 เหอะ จขกท.ไปอยู่ไหนมาครับเนี่ย เค้าไม่ได้นั่งเทียนเขียนเอานา จากคุณ : ผมไม่เกี่ยวผมมาซื้อลูกชิ้น เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 14:46:00

ความคิดเห็นที่ 30 อีกเรื่องที่ผมสงสัยมานาน  และยังคิดว่า  ทำไมชาวหว้ากอเชื่อที่นักวิทย์บอก อันนี้ไม่ได้ตั้งแง่หาเรื่องนะ  แต่สงสัยมานานแล้วว่า ระยะทางในอวกาศ....ที่บอกว่า  ห่างจากโลก  หลายหมื่นปีแสง  อะไรทำนองนี้น่ะ เช่น...กาแล็คซี่....ห่างจากโลก  27,000  ปีแสง........... ที่อยากทราบคือ   ใครเป็นคนวัด  ใช้อะไรวัด......... เพราะขนาดแสงยังต้องเดินทางถึง 27,000  ปี   แล้วคนวัดใช้อะไรวัด แล้วไม่คิดหรือว่า  เค้าเดา...เพราะไม่มีใครหน้าไหนบอกได้ว่าจริงๆแล้ว มันไกลเท่าไหร่กันแน่ บางคนยังถึงกับบอกอีกด้วยว่า  มันประกอบไปด้วย แร่ธาตุอะไร  ความร้อนกี่องศา นี่แหละที่ผมงง  และคิดว่า  ใครยืนยันว่า  สิ่งที่เค้าบอก  มันจริง... อะไรคือสิ่งยืนยันว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง............ จากคุณ : อ้ายเซียงจ่อย เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 14:51:33

ความคิดเห็นที่ 31 ให้มันมาบอก"มันมีจริงๆ นะคุณ มันเป็นอย่างนี้..... นั่งยานไปดูได้เลย" ค่อยว่ากัน จากคุณ : นาฬิกาปลาดาว เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 15:01:07

ความคิดเห็นที่ 32 # 30 ระยะทางในอวกาศใครเป็นคนวัด  ใช้อะไรวัด...วัดได้หลายวิธี ไม่ไกลเกิน 100 ปีแสงใช้วิธี Parallax ไกลๆใช้อีกหลายวิธี http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/astro/distance.html Parallax http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/astro/para.html#c1 Cepheid Variables http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/astro/cepheid.html#c3 Planetary Nebulae Most luminous supergiants http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/astro/dist2.html#c2 Most luminous globular clusters http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/astro/dist2.html#c3 Most luminous H II regions http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/astro/dist2.html#c4 Supernovae http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/astro/dist2.html#c5 Hubble constant and red shifts http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/astro/hubble.html#c3 จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 16:04:21

ความคิดเห็นที่ 33 พวกที่จับผิดแบบไ้ร้สาเหตุแบบนี้ อาจใช้พฐ ความคิดแบบเดียวกับสิ่งที่ตนเชื่อ เพราะสิ่งที่ตนเชื่อนั้นต่างหากที่มาจากการนั่งเทียนเขียนมาหน่ะครับ เอาจริงแล้วความซับซ้อนในการวัด ปรากฏการ์ณต่างๆ ทั้งการเลี้ยวของแสง แรงดึงดูดมหาศาลที่กระทำต่อดาวอื่น... ทำให้หลุมดำเป็นสิ่งที่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนที่สุด เหมือนกับบอกว่า ดาวพลูโต นั้นหนาว อุณหภูมิติดลบอื้อ ทั้งที่ไม่มีคนเคยไป แต่ก็คาดคะเนจากหลักฐานที่มีอยู่ที่ชัดเจนที่สุด ว่ามันอยู่ไกลดวงอาทิตย์ ถ้าจะคิดแบบ จขกท ก็คงไม่ต้องเชื่ออะไรทั้งนั้น จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 16:13:48

ความคิดเห็นที่ 34 จะบอกว่าเมื่อคืนผมก็เห็นหลุมดำ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่ยักกะดำ.. ฟิ๊ว......ไปดีกว่า จากคุณ : เบิ้มจัง เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 16:16:28

ความคิดเห็นที่ 35 คห 33 เห็นด้วย {พวกเรามันแค่นั่งเทียน (เราด้วย)} จากคุณ : yaithan เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 16:35:05 A:223.205.80.204 X: TicketID:311809

ความคิดเห็นที่ 36 คาดว่ารู้ไม่พอ แล้วคิดว่าตนรู้พอ จึงด่วนสรุปครับ ผมก็คนนึงหล่ะ จากคุณ : น้ำนอง เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 17:35:03

ความคิดเห็นที่ 37 การคาดเดาตามทฤษฎีมันจะมีจุดด้อยคือองค์ความรู้ทางทฤษฎีมันมีจำกัด หลุมดำที่มีการคาดเดาในปัจจุบัน ก็อาจถูกหักล้างได้ด้วยทฤษฎีในอนาคตก็ได้ไม่แปลกอะไร จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 08:16:41

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่า จขกท สับสนบางอย่างอยู่นะครับ 1. คุณรู้นี่นาว่าหลุมดำมีบางอย่างให้ตรวจจับได้ เช่น การที่มีแรงดึงดูดกระทำต่อวัตถุจากพื้นที่ที่ดูเหมือนจะว่างเปล่า 2. ฉะนั้นไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากอะไร แต่ต้องมีบางอย่างสร้างแรงดึงดูดต่อวัตถุเหล่านั้นจริง เพราะเหตุการณ์ใน 1. ไม่ใช่การอนุมาน แต่มาจากการสังเกตข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ได้ 3. นักวิทยาศาสตร์เรียกสาเหตุในข้อ 2. ว่า "หลุมดำ" คำว่าอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้นั้นฟังไม่ขึ้น เพราะไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม สิ่งนั้นแหละที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่าหลุมดำ และจุดที่มีแรงดึงดูดดังกล่าวคำนวณได้ด้วยสมการ หากถือเป็นการอนุมาน ก็เป็นการอนุมานที่เชื่อถือได้พอๆ กับการอนุมานว่า 1+1 = 2, 1+2+3+...+10 = 55 , ฯลฯ เวลาคุณบวกเลขคุณก็อนุมานเอาหรือไม่? จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 15:06:15

ความคิดเห็นที่ 39 กระทู้ ฆ่าตัวตาย จากคุณ : ReHeat เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 21:11:52

ความคิดเห็นที่ 40 เฮ้...... มานั่งอ่าน คน ทะเลาะกัน ทั้งๆที่ไม่รู้ จริง ทั้ง สองฝ่าย ไปแระ......ฟิ้ววววววววว จากคุณ : Whalephant เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 22:03:13

ความคิดเห็นที่ 41 เออ แต่คุณ สองนิ้วชี้ ไอสิ่งที่เราอนุมานเรียกว่าหลุมดำเนี้ย มีอยู่จริงๆนะครับ เพียงแต่เรายังไม่ทราบคุณสมบัติที่แท้จริงของมันเท่านั้นเอง ดังนั้น ถ้าคำถามว่าหลุมดำมีจริงไหม อันนี้ตอบได้เลยว่ามี ไม่ใช่ความงมงายทางวิทยาศาสตร์นะครับ แต่ไอเรื่องหลุมดำทำอะไรได้บ้าง ข้างในเป็นยังไง แผ่รังสีออกมาไหม มันเล็กลงเพราะแผ่รังสีหรือปล่าว บิ็กแบงเป็นยังไง จักรวาลเกิดเพราะบิ็กแบง อันนี้พอจะเรียกว่างมงายได้ เพราะเราพูดโดยใช่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันรองรับ โดยไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เป็นแค่ทฤษฎีล้วนๆ แต่มีหลักฐานแวดล้อมสนับสนุน(มีแต่หลักฐานแวดล้อมซะส่วนใหญ่) แต่คำพูดว่าหลุมดำยังเป็นแค่จินตนาการอันนี้ไม่ถูกนะครับ เพราะมันพิสูจน์ได้ว่ามีอยู่จริงๆ แถมมีหลายอันซะด้วย ส่วนเรื่องหลุมดำแผ่รังสีรู้สึกว่าจะแผ่จริงๆ แต่เขายังไม่รู้และไม่แน่ใจว่ามันแผ่ได้ยังไง มีแต่ทฤษฎีว่ามันแผ่ได้ยังไง ปล.แต่ถ้าเป็นคำพูดของคุณช่างไฟก็ขออภัยที่เข้าใจผิด ปล.2ไม่ได้มีเจตนาก่อความรำคาญหรือก่อดราม่านะครับ ปล.3 ผมชอบประโยคที่ว่า "ความงมงายทางวิทยาศาสตร์" นะครับ อันนี้เห็นด้วยเลย^^b ถ้าผมเข้าใจอะไรผิดก็ขออภัยมา ณ. ที่นี้ จากคุณ : Ken Akamatsu เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 11:53:41

ความคิดเห็นที่ 42 ตั้งกระทู้ได้ หลุมดำมากๆเลย คับ จากคุณ : Ballmakoto2 เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 54 21:31:56

ความคิดเห็นที่ 43 ผมว่า ต้องถึงเวลาพวกที่อยากคิดนอกกรอบ แต่กลวงไว้บ้างแล้ว พวกนี้ล้างสมองคนไม่รู้จริงได้อีกมาก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 03:45:16