ความคิดเห็นที่ 1 คอนดักเตอร์เป็นผู้คุมภาพรวมและควบคุมจังหวะของเพลงครับ[ตรงนี้ละสำคัญมาก] คอนดักเตอร์คนละคน  นักดนตรีวงเดียวกัน ชุดเดียวกัน เพลงออกมาต่างกันเยอะครับ ที่เห็นๆ โบกไม้โบกมือเนี่ย เขาซ้อมร่วมกันมาก่อนเยอะนะครับ ตอบในมุมของผุ้ฟังครับ ไม่ใช่นักดนตรี จากคุณ : w|N เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:15:56

ความคิดเห็นที่ 2 อยากได้คำตอบแบบวิทยาศาสตร์แต่คำถามนี่เฉลิมกรุงล้วน ๆ จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:24:00

ความคิดเห็นที่ 3 นักดนตรีเล่นกันเองแหละครับ ไม่เคยเห็นนักดนตรีมองไม้คอนดักเตอร์เลย จะว่าต่างคนต่างบรรเลงก็ไม่ใช่พระต้องซ้อมกันหนักเหมือนกัน ไม่มีคอนดักเตอร์ คุณภาพเสียงไม่ได้ด้อยลงไปเลย แต่ ความไพเราะในมุมมองของคนฟัง จะลดลงเพราะไม่ได้เห็นไม้คอนดักเตอร์ แกว่งไปมานี่แหละ ลองเอาคนไปฟังปิดตา แล้วให้ทายว่าเพลงที่บรรเลงอยู่นี่มีคอนดักเตอร์หรือเปล่า อันนี้ วงการสะเทือนแน่ๆ จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:26:40

ความคิดเห็นที่ 4  ผมพยายามถาม นักร้องนำวงดนตรี (เพื่อนผมที่เคยร้องนำวง ??? ) เขาเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า วงดนตรีนี้มีเครื่องดนตรีจำนวนมาก วงใหญ่มีเป็นร้อยชิ้น การจัดวางตำแหน่งเครื่องเสียงสูงอยู่ทางซ้าย ไล่ไปเรื่อยๆ เสียงทุ้มทางขวามือ นึกภาพเป็น คีย์เปียนโน ที่จะเรียงกันตามลำดับ คอนดักเตอร์ จะต้องดูโน๊ต 3 แถว (นักดนตรี โน๊ตแถวเดียว) คอนดักเตอร์มีไม้ Baton คอยควบคุมให้ ดนตรีแต่ละตัวเล่น หนัก เบา ตามสัญญานไม้บาตองนี้ จนจบเพลงจะให้สัญญาน วนเป็นวงๆ (ผมอาจจำผิด) จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:29:29

ความคิดเห็นที่ 5 ผมก็อยากจะเชื่อนะ แบบที่ มีคนบอกว่า Conductor สำคัญมากๆ แต่ดู คอนเสริท ทีไร ไม่เห็นคนเล่น จะมองดู Conductor เลย... เห็นต่างคนต่างเล่น มองโน๊ต กันไป...... มันเหมือนกับว่า ให้ Conductor มายืนเพื่อเป็นเกริยติ แบบครูบาอาจารย์ มากกว่าอะครับ หรือไม่ให้การเล่นดนตรี มันดูแห้งแล้งไป แต่เพิ่งคิดได้ตามที่ คห.1 บอก เออใช่..... ก่อนแสดงเขาซ้อมกับ Conductor มาหลายสิบรอบแล้วนี่น่า เวลาเล่นจริงก็อาจจะไม่ต้องดู Conductor ก็ได้ ผมเลย คิดว่า Conductor มีความสำคัญมากๆเลย ตั้งแต่การเริ่มซ้อมแล้วด้วยซ้ำ ส่วนที่มายืน ควบคุมวง ก็ถือเป็นการ ออกแสดงพร้อมกับวงดนตรี นั่นเอง..... จากคุณ : chan ty เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:31:27

ความคิดเห็นที่ 6 ลองเอาคนไปฟังปิดตา แล้วให้ทายว่าเพลงที่บรรเลงอยู่นี่มีคอนดักเตอร์หรือเปล่า อันนี้ วงการสะเทือนแน่ๆ >>>>>>>>>>>>>>  มีเพลงหลายเพลง ที่ต้องบรรเลงด้วยเสียงที่ผสมกลมกลืนกัน คือ ดนตรีแบบนี้ไม่ใช่ Solo ที่จะฟังจะเดรื่องดนตรีเครื่องเดียว อย่างนั้น หลับตา จะทายถูก แต่ถ้าเครื่องดนตรีเล่นแบบทีมเวิร์ค มีลูกเล่น ตอดนิด ตอดหน่อย คนเคยฟังหลับตาจะทายถูกว่า นี่เป็น ... นาย... ควบคุม เขาว่าเป็นเสน่ห์ของคอนดักเตอร์ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:33:55

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนที่มายืน ควบคุมวง ก็ถือเป็นการ ออกแสดงพร้อมกับวงดนตรี นั่นเอง >>>>>>>>>>>>>>  ประโยคนี้ เข้าประเด็นที่ผมตั้งใจถามห้องนี้ ... ขอแรงคนห้องนี้ช่วยถกกันต่อ ผมจะเล่าทีหลัง แต่เพื่อนนักดนตรี เขาบอกให้คอยดู คอนดักเตอร์ บางที บางจังหวะ จะชี้บาตองให้เสียงนั้นดัง เสียงนี้เบา ... ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:38:07

ความคิดเห็นที่ 8 Conductor ให้ dynamic จ้า เล่นโดยไม่มี Conductor ก็ได้ แต่ ทิศทางของ dynamic และอารมณ์ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมันก็จะเป็นไปทางทางใครทางมัน ก็คือ ไวโอลินอกหักมาเล่นอารมณ์เศร้า ดับเบิลเบสเพิ่งขอแฟนแต่งงานก็เล่นอารมณ์สนุกสนาน ซึ่งการที่แต่ละคนเล่นอารมณ์ใครอารมณ์มันทำให้ขนาดความเป็นหนึ่ง จึงต้องมี Conductor คอยกำกับ มีคนบอกว่า การมี Conductor คุมก็อาจให้ทั้งผลดีและผลเสีย เช่น อารมณ์ของบทกวีที่ถูกหยิบยกมาเล่นจะขึ้นอยู่กับการตีความ ความรู้สึกของ Conductor คนเพียงเดียว นักดนตรีขาดอิสระ แต่ถ้าไม่มี Conductor นักดนตรีก็อิสระ เล่นบทเพลงตามความรู้สึกของนักดนตรีแต่ละคน จากคุณ : มีล็อกอินแล้วฮะ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:49:59

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ เสริมอีกนิด Conductor คอยให้ sig(nal)กับนักดนตรีด้วย เพราะวง Orchestra เป็นวงใหญ่ คนเยอะ เครื่องดนตรีเยอะ ในบางช่วงจะมีเครื่องดนตรีบางชิ้นที่ไม่ได้เล่น นักดนตรีที่ซ้อมมาหนัก ก็อาจจะง่วง มึน ลืมคิวของตนเอง พอถึงช่วงที่เครื่องดนตรีชิ้นใดจะเล่น Conductor ก็ต้องคอยสอดส่องดูว่า "เห้ยมันยังอยู่ดีป่าว หลับไปยัง" แล้วก็ส่ง sig(nal) ไปให้ว่า "ต่อไปตานายเล่นละนะ" จากคุณ : มีล็อกอินแล้วฮะ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:54:47

ความคิดเห็นที่ 10  สรุป   พอจบเพลง คอนดักเตอร์ จะโบกไม้บาตองอย่างไร ? มีใครรู้จักสัญญานไม้บาตอง บ้างครับ ?  โบกไม้บาตองเป็น วงกลม ให้เบาเสียง หรือ โบกตอนจบ ครับ ?   จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:56:07

ความคิดเห็นที่ 11 ปล.มันผิดห้องอะเน้อออ แต่เห็นคนสนใจดนตรีละมันอดตอบไม่ได้จริง ๆ แฮะ ๆ จากคุณ : มีล็อกอินแล้วฮะ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:56:38

ความคิดเห็นที่ 12  ผมลองค้น Baton Signal http://www.ehow.com/video_2373301_stopping-orchestra-closing-palm.html ประเด็นกระทู้นี้ คือ ตอนจบเพลง คอนดักเตอร์ เป็นคนส่งสัญญานจบเพลง ใช่ไหมครับ  ? จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 13:58:23

ความคิดเห็นที่ 13  คุณ มีล็อกอินแล้วฮะ  ครับ คือ ผมอยากให้ช่วยกัน ถก ด้วยเหตุผล ถ้าผมถามห้องอื่น ผมคงไม่ได้คำตอบมากมายอย่างนี้ครับ ประเด็นคำถามนี้  มาจากความสงสัยข้อความที่ปรากฏข้างล่างนี้ ครับ The Ninth Symphony had begun to take shape; by the following year (1824) it was finished and was performed, together with movements from the Missa Solemnis and the overture from Opus 124, with great success at the Kaerntnertor Theatre. The composer, who conducted the symphony's premiere, remained unaware of the applause until one of the soloists made him turn to face the audience. จะเห็นได้ว่า เขาใช้ composer เป็น conductor  คงไม่ใช่เอา Composer ไปยืนโบกเฉยๆ โดยไม่หวังคุณภาพของเพลงนี้ ยิ่งท่อนสำคัญ ที่ผู้แต่งจงใจ "ทำให้เสียงเงียบ" เพื่อตั้งใจให้ผู้ฟัง เข้าถึงอารมณ์ของคนหูหนวก เป็นจุดสำคัญของเพลงนี้ จุดหนึ่ง จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:03:55

ความคิดเห็นที่ 14  ประเด็นที่ผมตั้งข้อสงสัย คือ 1) Composer ระดับนี้ จะไม่รู้เชียวหรือว่า ดนตรีจบแล้ว เป็นไปได้หรือ ? 2) ดนตรีจบ เมื่อ conductor signal จบเพลง ไม่ใช่หรือ ? จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:06:01

ความคิดเห็นที่ 15 ได้ครับเดี๋ยวมาถก ขออนุญาตไปหาข้าวกินก่อน จากคุณ : มีล็อกอินแล้วฮะ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:10:10

ความคิดเห็นที่ 16  ผมลองค้นข้อมูล ประกอบความเข้าใจของผม ดังนี้  1. วงดุริยางค์ (Orchestra) คำว่า ออร์เคสตรา เป็นภาษาเยอรมันตามความหมายรูปศัพท์ หมายถึง สถานที่เต้นรำ ซึ่งหมายถึงส่วนหน้าเวทีของโรงละครกรีกสมัยโบราณที่ใช้เป็นที่เต้นรำและร้องเพลงของพวกนักร้องประสานเสียง                1.1 วงดุริยางค์ซิมโฟนี (Symphony Orchestra)                1.2 วงดุริยางค์แชมเบอร์ (Chamber Orchestra / Chamber Music )            1.1 วงดุริยางค์ซิมโฟนี (Symphony Orchestra) วงดุริยางค์ชนิดนี้เป็นวงที่มีขนาดใหญ่มาก ประกอบด้วยกลุ่มเครื่องดนตรี 4 กลุ่ม คือ เครื่องสาย เครื่องเป่าลมไม้ เครื่องเป่าลมทองเหลือง และเครื่องประกอบจังหวะ บรรเลงเป็นแนวๆ  แต่ละแนวจะมีนักดนตรีเล่นดนตรีชนิดเดียวกันหลายคน  โดยมีกลุ่มเครื่องสายเป็นเครื่องดนตรีหลัก  และเป็นกลุ่มเครื่องดนตรีที่มีความสำคัญมากในวงดุริยางค์  วงดนตรีในลักษณะนี้จะมีผู้อำนวยเพลงถือไม้  (ไม้ที่ถือเรียกว่า  “Baton”)  ยืนอยู่บนแท่นเล็กๆหน้าวง     ผู้อำนวยเพลงจะมีหน้าที่ควบคุมการบรรเลงของนักดนตรีทั้งหมด ในส่วนขนาดของวงจะเล็กหรือใหญ่ขี้นอยู่กับจำนวนผู้เล่นในกลุ่มเครื่องสาย  การจัดวง Symphony Orchestra คำนึงถึงความกลมกลืน ความสมดุลของเสียงเครื่องดนตรีแต่ละกลุ่ม โดยทั่วไปกลุ่มเครื่องสายจะอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนเครื่องลมทองเหลืองและเครื่องกระทบจะอยู่ด้านหลังสุด บริเวณกลางของวงจะเป็นเครื่องลมไม้           วงดุริยางค์ตามลักษณะนี้จะบรรเลงเพลง  ซิมโฟนี่ เป็นหลัก (ซิมโฟนี่ คือ เพลงเถาที่มี 3-4 ตอน)  เพลงซิมโฟนี่เป็นเพลงที่บรรเลงยากมาก นักดนตรีที่บรรเลงเพลงประเภทนี้จะต้องเป็นผู้มีความสามารถสูง  วงดุริยางค์ซิมโฟนี่ยังแบ่งออกเป็นวงขนาดเล็ก  มีนักดนตรีประมาณ40-60 คน  วงขนาดกลาง  มีนักดนตรีประมาณ 60-80 คน  และวงขนาดใหญ่ มีนักดนตรีประมาณ 80-110 คน ขอบคุณ ... .http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/sunisa_r/music/band/sec01p02.html จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:11:15

ความคิดเห็นที่ 17  คือ ประเด็นนี้ ผมอ่านแล้ว ผมไม่เชื่อว่า คอนดักเตอร์ จะไม่รู้ว่า เพลงจบแล้ว เป็นไปได้ยาก ถึงเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าอ่านประวัติ composer คนนี้เขาแต่งเพลงท่อนนี้ในขณะที่หูหนวก หรือ ต้องใช้เครื่องช่วยฟัง เขายังแต่งได้ นับประสาอะไรที่ มายืนหน้าวงดนตรี อย่างนั้น จะไม่รู้ว่า เพลงจบ แล้ว The composer, who conducted the symphony's premiere, remained unaware of the applause until one of the soloists made him turn to face the audience จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:15:55

ความคิดเห็นที่ 18  ผมต้องเตรียมตัวไปออกกำลังกาย ผมจะรีบกลับมาอ่านคำตอบนะครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:16:37

ความคิดเห็นที่ 19 จริงๆ วาทยากร (conductor) ถ้าเทียบแล้วก็คล้ายๆ กับโค้ชฟุตบอลครับ งานหลักๆ จะทำตั้งแต่อยู่นอกเวทีแล้ว คือเริ่มตั้งแต่ศึกษาบทเพลง ตีความหมายของเพลงที่ผู้ประพันธ์แต่งไว้ ซึ่งตรงนี้จะสร้างความแตกต่างอย่างมากระหว่างเพลงที่บรรเลงโดยวงซิมโฟนีแต่ละวง วาทยากรแต่ละคน สมมติอย่างผู้ประพันธ์เขียนว่าให้บรรเลง "ช้า" วาทยากรก็ต้องตีความว่า "ช้า" ที่ว่า ช้าแค่ไหนจึงจะเหมาะกับอารมณ์ของเพลง พอตีความเพลงแล้ว ก็ถึงขั้นซ้อมเพื่อทำความเข้าใจกับนักดนตรีในวง ส่วนพอลงสนาม ขึ้นเวทีจริง วาทยากรก็จะคอยกำกับการเล่นนักดนตรีให้เล่นตามจังหวะตามระดับที่ได้ซ้อมมา ไม่ใช่ต่างคนต่างเล่นตามใจตามอารมณ์สุนทรีย์ของนักดนตรีแต่ละคนในเวลานั้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมารับรองวันนั้น "วงแตก" แน่นอนครับ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:21:05

ความคิดเห็นที่ 20 ขาด Conductor ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ เครื่องเล่นหลายชิ้นมาก  ปล่อยให้รอฟังอีกคนเล่นแล้วรอสอดจังหวะโดยฟังหรืออายคอนแทคส์กันเองจะพัง พังจริงๆ - -" จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:36:18

ความคิดเห็นที่ 21 ขออนุญาตตอบนะครับ ผมไม่ทราบว่าผมจะตอบแบบจับแพะชนแกะหรือเปล่า (ขี้เกียจกลับไปค้น) คือวาทยากรที่คุณ TinyNu พูดถึง เหมือนผมเคยอ่านเจอว่า เป็น Beethoven มั้งครับ ซึ่งตอนนั้นแกหูหนวกไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียนโมซาร์ท ทำให้แกไม่ได้ยินเสียงปรบมือของผู้ชม ย้ำว่าจากที่อ่าน เขาไม่ได้ยินเสียงปรบมือของผู้ชมเท่านั้นครับ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ว่าเพลงจบแล้ว ปล. ย้ำอีกครั้งครับว่า ผมขี้เกียจกลับไปค้นหนังสือ คำตอบของผมอาจจะจับแพะชนแกะเอาคนละเหตุการณ์มารวมกัน อย่าเพิ่งเชื่อนะครับ แหะๆ จากคุณ : ดอลลี่ (^^PIANIST^^) เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:50:47

ความคิดเห็นที่ 22 พอดีชอบฟังอยู่เหมือนกัน  ครับ ตย. เพลงบรรเลงจาก   เรื่อง  Schildler's List ใช้วงซิมโฟนี  เป็นแบ๊คอัพ  แต่ให้ไวโอลินเด่น ร่วมกับ ฮาร์พฯ ช่วงนาทีที่ 2.54  วาทยากรส่งสัญญาณมือ ร่วมกับ ไม้ให้จังหวะ สำหรับ  การหรี่เสียงต่างๆลงในระดับ เงียบ และในตอนจบ   ก็ใช้ภาษามืออย่างเดียว  เพื่อ  การตัดบทอย่างอ่อยอิ่งตามการสั่นคลายของเสียงหลักไวโอลิน จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:51:05

ความคิดเห็นที่ 23 Conductor สำคัญครับ เอาจริงๆถ้าเพลงจังหวะง่ายๆคิวง่ายๆไม่ต้องมีก็ได้Conductor นักดนตรีให้คิวกันเองยังได้เลย  แต่ถ้าเพลงยากๆ Conductorสำคัญมากๆเลยครับ ไหนจะเรื่องจังหวะ อารมณ์ ไดนามิก ฯลฯ ส่วนคนที่บอกว่า นักดนตรีไม่ดูConductorเลย อันนั้นก็ไม่เชิงครับ ส่วนใหญ่เค้าก็ชำเลืองๆกันอ่ะ ถ้ามัวแต่มองConductor ก็ไม่ได้ดูโน้ตกันเลย ผมเคยเล่นวงพวกนี้อยู่ครับ ความจริงก็ยังเล่นอยู่  พอจะให้คำตอบได้บ้าง จากคุณ : pathara เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 14:59:18

ความคิดเห็นที่ 24 มีหน้าที่เยอะมาก - ตีความเพลง โน๊ตเพลงมันไม่ได้บอกทุกอย่างของการเล่นดนตรี ช่วงไหนเล่นเบาดัง ช่วงไหนอารมณ์เป็นยังไง คอนดักเตอร์ต้องเป็นผู้ตีความ ดังนั้นถ้าเอาโน๊ตชุดเดียวกันให้คนดักเตอร์ต่างคน เพลงก็ออกมาไม่เหมือนกัน (คล้ายๆผู้กำกับหนังต่างคนถือบทเล่มเดียวกัน แต่หนังจะไม่มีวันออกมาเหมือนกันแน่นอน) - กำกับการซ้อม นักดนตรีมันก็อาทติสคนหนึ่งนี่เอง คนหนึ่งเกิดวันหนึ่งทะเลาะกับแฟน เลยเล่นใส่อารมณ์โหด เป่าหนักๆ ตีแรงๆ อีกคนกำลังอินเลิฟเลย เล่นหวานๆ โลกสีชมพู เพลงก็ล่มแน่เพราะเล่นกันคนละทิศละทาง คอนดักก็ต้องคอยบอกว่าท่อนนี้เล่นอารมณ์ไหน ใครบังอาจตามใจ คอนดักก็ต้องคอยควบคุมให้อยู่กับร่องกับรอย - วันแสดงจริง ก็ต้องคอยคุมให้อะไรต่อมิอะไรให้เป็นไปด้วยดี นักดนตรีวงหนึ่งหลายสิบถึงร้อยคน ต่อให้มือดีแค่ไหน มันก็ต้องมีปัญหายุกยิกๆ นิดๆหน่อยๆบ้างล่ะ คอนดักก็ต้องคอยส่งซิกแก้ไขประคับประคองกันไป ตอนวัยรุ่นโรงเรียนผมมีประกวดดนตรี มีวงหนึ่งเล่นหลุด คือกลองหลุดก่อนทีนี้เลยพากันหลุดทั้งวง แต่ละเครื่องเล่นคนละจังหวะกันเลย แล้วก็มีเด็กคนนึงไปแซวพวกนี้โดยการไปยืนโบกมือเป็นคอนดักมั่วๆ ประวาณว่าโชว์เก๋ากะเอาฮา แต่วงดนตรีกลับเล่นเข้าจังหวะกันเฉยเลย ถ้าคุณอยากเห็นพลังของคอนดักเตอร์ลองแบบเด็กคนนี้ก็ได้ คือเจอวงดนตรีไหนเล่นห่วย ลองไปโบกไม้โบกมือมั่วๆก็ได้ วงดนตรีจะเล่นดีขึ้นมาเอง (ถ้าเค้าไม่โดดถีบคุณซะก่อนนะ) จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 15:03:25

ความคิดเห็นที่ 25 ที่เห็นว่าเค้าไม่มองคอนดักเตอร์กัน จริงๆมองนะครับ สำคัญมาก แต่ตาก็ต้องอ่านโน๊ต เลยจะเป็นการมองด้วยหางตาเป็นส่วนใหญ่ครับ เลยดูเหมือนไม่ได้มอง.. สมัยที่ยังเล่นอยู่ในวงนี่ไม่มองไม่ได้ครับ พังแน่นอน -*- บางทีเพลงยาวมากๆ มีท่อนที่ไม่ได้เล่น ต้องมีคอนดักเตอร์คอยให้สัญญาณครับ และสำคัญอีกเรื่องคือการให้อารมณ์ของเพลง ท่าทางและสีหน้าของคอนดักเตอร์ก็จะปรับไปตามอารมณ์เพลงด้วยครับ เพื่อเป็นการเข้าใจง่ายของนักดนตรี และบรรเลงออกมาได้ถูกต้อง จากคุณ : BoAtGiggs เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 15:27:20

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ TinyNu แปลผิดแล้วครับ Beethoven ไม่รู้ตัวว่าได้รับเสียงปรบมืิอครับ เพลงจบต้องรู้อยู่แล้วเพราะ conduct ก็ต้อง conduct ตามสกอร์เหมือนกันแต่ว่า conduct หันหลังให้คนดูเลยไม่รู้ว่าเขาปรบมือให้ครับซึ่งจริงๆแล้วผมว่าเรื่องนี้ออกจะโม้นิดๆ แต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดเพราะ beethoven ยังได้ยินเสียงอยู่บ้าง ถ้าตามคำบอกเล่าคนดูพอใจปรบมือลั่นโรงนี่น่าจะได้ยินบ้าง เรื่องนักดนตรีไม่ได้ดูคอนดัคเตอร์นี่จริงๆแล้วต้องดูแน่นอนครับเพราะว่าไม่มีทางที่่จังหวะัของเพลงจะเป็นไปตาม metronome เป๊ะๆ ท่อนนี้ allegro เล่นบีท 132 แต่ว่าเขาใช้วิธีชำเลืองเอาผมว่าใครเคยเล่นวงมาก็น่าจะรู้ดี แล้วก็ดูกันเต็มๆ ตอนจังหวะหยุดและเริ่มท่อนซึ่งเขาก็รู้กันอยู่แล้วว่าเ็ป็นตอนไหนเพราะซ้อมกันมาก่อน จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 15:34:44

ความคิดเห็นที่ 27 ตอบในฐานะคนเคยเล่นดนตรีมาก่อน นักดนตรีมองคอนดักเตอร์ค่ะ  คือก็ต้องมองทั้งโน้ตและวาทยากร เวลามองวาทยากรจะใช้แค่หางตามอง ดูเผินๆอาจเหมือนไม่ได้มอง สัญลักษณ์มือวาทยากรไม่ใช่ตัวหนังสือที่จะต้องเงยหน้าขึ้นไปจ้องแบบจดจ่อค่ะ  เราแค่เล่นให้ความเร็วเข้ากับมือที่ไหวๆอยู่ที่หางตา วงก็เล่นพร้อมกันแล้วค่ะ  (อาจารย์ผู้คุมวงจะบอกตลอดว่าตาอยู่ที่โน้ต 75 คอนดักเตอร์ 25) ดังนั้นวาทยากรจึงเป็นชายที่มีคนแอบเหล่มองมากที่สุดในวง 555      อีกอย่างเสียงที่นักดนตรีได้ยินในตำแหน่งที่ตัวเองนั่ง มันไม่ใช่เสียงที่ผู้ฟังได้ยินค่ะ เราจะไม่รู้ตัวว่าเราเล่นดังเบาแค่ไหนเมื่อฟังจากข้างนอก      มีครั้งนึงจัดที่นั่งในวงใหม่ เราไปนั่งหน้าทรัปเปต ไม่ได้ยินไรเลยค่ะนอกจากเสียงทรัปเปตโซโล ก็เลยเป่าดังขึ้นตามสัญชาตญาณ (เหมือนพวกใส่หูฟังแล้วตะโกนพูด...) จนกระทั่งวาทยากรชี้บอกให้เบาลง      จังหวะของแต่ละคนแม่นไม่เท่ากันนะคะ ทุกคนคงเคยได้ยินพวกร้องคาราโอเกะที่ร้องเร็วกว่าหรือช้ากว่าดนตรี... ต่อให้เป็นนักดนตรี จังหวะในตัวก็ยังสม่ำเสมอไม่เท่ากัน พอถึงท่อนที่ตัวเองเล่นได้คล่อง บางครั้งจะเผลอเป่าเร็วขึ้นนิดนึง แต่แค่นิดเดียวก็พอทำให้เพื่อนที่นั่งข้างๆเผลอเร่งจังหวะไปด้วยอีกคนได้แล้ว จากนั้นก็จะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ เร่งตามกันไปทั้งวง ยิ่งเล่นยิ่งเร็ว จนสุดท้ายเพลงหวานซาบซึ้งตรึงใจกลายเป็นแรพโย่ไปเลยก็มี ซึ่งถ้าวาทยากรเก่งพอ หูดีพอ เค้าจะเอาไม้บาตองชี้หน้าไอ้คนเริ่มเร่งจังหวะทันทีเลย นั่นไ่ม่ใช่อะไรที่มนุษย์ธรรมดาเค้าทำได้นะคะ คนพวกนี้มี metronome อยู่ในตัว แถมหูผีอีกต่างหาก นั่งกันติดๆกันเป็นแถว รู้ได้ไงฟะว่าคนไหนเป่าเร่ง หรือคนไหนยืดจังหวะ       เพลงหลายเพลงมีเปลี่ยนความเร็วกลางเพลง ไปสังเกตดูได้ค่ะ พอถึงท่อนเปลี่ยนเทมโป้ นักดนตรีทุกคนจะเหลือบตามองวาทยากร ไม่งั้นไปไม่ถูก  ยิ่งเวลามีเครื่องหมายตาไก่ในโน้ต ถ้าไม่มีวาทยากรให้จังหวะว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ มันไ่ม่มีทางที่นักดนตรีจะซี้ซั้วขึ้นเองได้พร้อมกันหรอกค่ะ       บางครั้งดนตรีเค้าเอาไว้เล่นคั่นรายการ (ถ่วงเวลารอประธานหรือวิทยากร) ถ้าประธานมาเมื่อไหร่ เพลงยังไม่จบก็ต้องหยุด วาทยากรจะรอจนจบท่อนที่เล่นอยู่ แล้วหมุนมือให้หยุดในจังหวะสุดท้ายของท่อน ถ้าใครไม่มองวาทยากร แหลมเป่าท่อนต่อไปออกมาคนเดียวก็เอาหน้าแทรกเวทีไปได้เลยค่ะ เป็นตราบาปไปชั่วชีวิต     สรุปว่าถ้าขาดเฮียคอนดักเตอร์ไป คุณภาพไม่เท่าเดิมจริงๆนะเออ เล่นๆอยู่ล่มกลางเพลงไปเลยก็มี  ส่วนวาทยากรเก่งๆ จะทำให้วงที่กำลังจะล่มบรรเลงต่อจนจบได้ค่ะ จากคุณ : หลั่นฉง เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 16:02:23

ความคิดเห็นที่ 28 ลองจินตนาการ... Beethoven conduct เสร็จปุ๊บ ในเสี้ยววินาที คนดูลุกมาปรบมือปั๊บ Beethoven กำลังเก็บไม้บาตอง จัดแจงเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย soloist เห็น เห้ย คนดูปรบมือให้เป็นคำชม ต้องหันหน้าไปรับสิ Beethoven ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ยินว่ามีคนปรบมือให้ soloist ก็เลยเดินไปจับตัว Beethoven ให้หันหน้าไปทางคนดู Beethoven เห็นสีหน้า ท่าทาง ก็รู้ได้ว่าคนดูหมายถึงอะไร ก็น้อมรับคำชม โอ้ ช่างจินตนาการ ประมาณนี้มั้งครับ จากคุณ : มีล็อกอินแล้วฮะ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 16:07:37

ความคิดเห็นที่ 29 เคยดูหนังทหาร ไฮเทคหน่อยไหมครับ เค้าจะมีผู้บัญชาการ คอยดูการเคลื่อนไหว ของทางเราและศัตรู  แล้วสั่ง  หมู่นั้นบุก  หมู่นั้นเฝ้าระวัง  ตอนนี้ถอยไปไหน ฯลฯ นั่นแหละครับ หน้าที่ของคอนดักเตอร์ นักดนตรีเหมือนทหารมีฝีมือ  แต่ ถ้าต่างคนต่างแสดงฝีมือ ภาระกิจอาจจะไม่ลุล่วง ต้องมีคนควบคุม สั่งการอย่างที่ว่า บทเพลงเดียวกัน .. เปลี่ยนคนคุม..  ก็จะเปลี่ยนไปด้วย เพราะ เค้าเป็นคนตีความบทเพลง  ( โอ้ ..นี่แตกกระทู้ได้ยาวๆกระทู้นึงเลยนะ ) ดังนั้นเวลาเลือกฟัง เค้าจะดู คอนดักเตอร์ด้วยครับ คารายาน คุม . คนตรึม ... นายทุ่มเทคุม .. คนตบ(ยุง) ..  อะไรแบบนั้น อ่ะ ... และ นักดนตรีเค้าก็ดูนะครับ  แต่ เค้าใช้หางตามอง  ไม่ได้จ้องเขม็งที่คอนดักเตอร์ สงสัยกระทู้อาจจะโดนอุ้ม  แต่ ไม่เป็นไร อยากตอบ ..   กลับมาบอกว่า  มองด้วยหางตา ก็คล้ายๆกับเวลาเราขับรถ แล้วสังเกตุ ความเร็ว  เตือนเครื่องร้อน  มองกระจกมองหลัง กระจกข้างอ่ะครับ แว๊บๆ เวลาเราต้องการ หรือ ถึงช่วงที่ต้องดู ... ครับ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 54 16:48:37 จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 16:37:29

ความคิดเห็นที่ 30  ผมรีบกลับมาเร็วกว่าปกติ ผมเชื่อมือคนห้องนี้ จะต้องมีความคิดเห็นอะไรให้ผมเป็นแน่ และก็ไม่ผิดหวัง ผมได้รับความกรุณามากมายจากผู้มีประสบการณ์ ตลอดจนนักดนตรีที่เคยเล่นในวง สนับสนุนความเข้าใจของผม ตอนร้องเพลงหมู่ คนร้องจะไม่ได้ยินเสียงคนร้องข้างๆ ตรงกับข้อความของคุณ หลั่นฉง  ที่ว่า ...เสียงที่นักดนตรีได้ยินในตำแหน่งที่ตัวเองนั่ง มันไม่ใช่เสียงที่ผู้ฟังได้ยินค่ะ.. ดังนั้น เพลงที่บรรเลงทั้งวง จะขาดคอนดักเตอร์ไม่ได้ เพราะเพลงประเภทนี้ต้องเล่นเป็นทีมโดยประสานกัน ไม่ได้เล่นแบบพร้อมเพรียงกัน ไม่ทราบผมเข้าใจถูกไหม ? จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 19:01:08

ความคิดเห็นที่ 31  ผมจำได้ว่า ตอนที่เพลงจบคอนดักเตอร์ ใช้บาตองให้สัญญานจบแล้ว จึงหันมาโค้งคนดู แล้วคนดูจึงปรบมือสนั่นหวั่นไหว มีการลุกขึ้นยืนด้วย บางทีปรบมือนานๆ ส่งเสียง "เอาอีกๆๆ" encore จนวาทยากร ออกมาโค้งแล้วโค้งอีก นี่คงจะเป็นธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมของชาวยุโรป เพลงพวกนี้มี 3-4 movements บางครั้ง เมื่อจบ movement ใดๆ  คนฟังไม่เป็นจะเผลอปรบมือ ... เป็นที่ขบขันของคนที่ฟังเพลงเป็น จึงมีข้อแนะนำในการปฏิบัติ ... รอให้คอนดักเตอร์ หันกลับมาโค้งค่อยปรบมือ จากข้อมูลเหล่านี้ จึงไม่น่าเชื่อ ที่ผู้ชมระดับนี้จะต้องรีบปรบมือ มันไม่มีเหตุผลสนับสนุนให้เชื่อว่า การปรบมือจะต้องเร่งรีบขนาดนั้น  ใช่ไหมครับ ? จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 19:13:20

ความคิดเห็นที่ 32  อย่าอุ้มกระทู้ผมเลย ผมตัดสินใจไม่ผิดที่มาตั้งห้องนี้ ถ้าผมตั้งที่อื่นผมคงไม่ได้รับคำตอบหลากหลาย มากมายอย่างนี้ กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นมา ทำความเข้าใจเรื่อง Conductor แล้วจึงจะบอกว่า ข้อความที่ปรากฏในเวปฝรั่งหลายเวป ... น่าจะมีความคลาดเคลื่อน คลาดเคลื่อน เพราะ conductor เป็นผู้ส่งสัญญานจบเพลง ไม่ใช่นักดนตรีเล่นเอง จบเอง โดย conductor ไปยืนโชว์ตัวเฉยๆ ที่สำคัญ ผู้ชมไม่มากก็น้อยเขาดู Baton signal  ออก Conductor ไปยืนเฉยๆ ไม่ได้หรอกครับ (Ref  คห. 13  ความสำคัญท่อนนี้ ครับ) The composer, who conducted the symphony's premiere, remained unaware of the applause until one of the soloists made him turn to face the audience.   จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 54 19:21:29