ความคิดเห็นที่ 1 อันนี้บอกคนไม่รู้นิดนึงว่า มันมี ปัญหาหนึ่งล้านยูเอส อยู่ในโลก คือเป็นปัญหาที่นักคณิตศาสตร์แก้ไม่ตก เลยตั้งค่าหัวปัญหาไว้ ใครแก้ได้ก็ได้รางวัล ดูรายละเอียดที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Millennium_Prize_Problems จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:05:38

ความคิดเห็นที่ 2 ออกแนวบรรลุธรรมขั้นสูงนะครับ ทุกอย่างคือความว่างเปล่า จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:30:28

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วคำถามคำตอบมันคืออะไรครับ จากคุณ : omega. เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:31:50

ความคิดเห็นที่ 4 อุดมการณ์มันกินไม่ได้หรอก จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:34:42

ความคิดเห็นที่ 5 ที่เมืองไทยก็มี ครูมวยคนหนึ่ง ถูกรางวัลที่ 1 เป็นสิบล้านบาท เอาเงินนั้น นั่งแจกอยู่หน้าค่ายมวย จนหมดภายในสองสัปดาห์ เขาบอกว่า ชีวิตที่อยู่ ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องใช้เงิน ที่อเมริกา มีสามี ภรรยา คู่หนึ่ง ถูกรางวัลลอตโต้ 20 ล้านดอลล่าร์ ทั้งสอง ยกเงินรางวัลทั้งหมด ให้มูลนิธิการกุศล ทั้งๆที่ซื้อล็อตเตอรี่มาทั้งชีวิต โดยบอกว่า ที่ซื้อเพราะอยากให้ชีวิตมีความหวัง  แต่เมื่อมาถูกรางวัลตอน 70 ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร หลวงตามหาบัว ได้รับทองคำเข้าบริจาค ประมาณ 2 ตัน !!! (ย้ำ 2 ตัน ไม่ใช่ 2 กิโล) พร้อมเงินอีกพันกว่าล้านบาท  มีอยู่คนหนึ่งท่าทางไม่ได้ร่ำรวย บริจาคถึง 25  ล้าน พร้อมทองคำ 1 กิโล วอร์เรน บัฟเฟตน์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ประกาศยกทรัพย์สินของเขา 98% เข้ามูลนิธิการกุศล เช่นเดียวกับ บิล เกตต์  บอกว่า เงินของเขาจะเหลือไว้ให้ลูกเพียง 5% ที่เหลือทั้งหมดจะคืนกลับให้สู่สังคม เฉินหลง ประกาศกลางงานมอบรางวัลภาพยนตร์ ณ กรุงปักกิ่งว่า ถ้าเขาเสียชีวิตลง ทรัพย์สินของเขาทั้งหมด จะขอบริจาคให้องค์กรการกุศลเช่นกัน  ครั้งเกิดแผ่นดินไหวที่จีน เฉินหลงบริจาคในปีนั้นไปถึง 1,500 ล้านบาทให้องค์การท้องถิ่นของจีน โลกนี้ ยังมีคนไม่เห็นแก่เงินอีกเยอะ จากคุณ : รักหลอกจึงบอกให้ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:36:09

ความคิดเห็นที่ 6 รับเงิน มาต่อยอด ทำประโยชน์ให้มนุษยชาติต่อไปก็ได้ ดูเหมือนคิดอะไรได้กว้างไกลสุดโต่ง แต่ที่จริงแล้ว คิดได้แค่มุมเดียว มองโลกแคบ แบบสุดๆ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:41:33

ความคิดเห็นที่ 7 ขอโทษ ข้อมูลผิดพลาด  หลวงตามหาบัว รับบริจาคทองคำได้ถึง 13ตัน  (13,000 กิโลกรัม) พร้อมเงินดอลล่าร์สหรัฐ อีกประมาณ สิบล้านดอลล่าร์  ส่วนเงินไทยยังประมาณไม่ได้ ลองคิดดู ถ้าคุณมีทองแค่หนึ่งบาท (สองหมื่นสาม) คุณกล้าถอดจากคอ แล้วมอบให้วัดหรือไม่ แต่นี่ รับบริจาคได้ถึง 13 ตัน  คนไทยใจบุญ ยังมีอีกเยอะ ถ้าคิดแบบ วิทยาศาสตร์ ไม่มีทางบริจาคแน่นอน โลกหน้าไม่มีจริง เอาเงินมาแสวงหาความสุขดีกว่า จากคุณ : รักหลอกจึงบอกให้ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:45:13

ความคิดเห็นที่ 8 ข่าวไม่น่าจะจริง ไม่น่ามีคนเพี้ยนขนาดนี้ จากคุณ : spiderman เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:45:53 A:unknown X:124.122.115.16 TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 9 "ในเมื่อผมเข้าใจจักรวาล จะเอาเงินหนึ่งล้านดอลล่าห์ไปทำไม " เป็นความคิดที่เท่สุดๆ แต่ถ้าใช้มาตรฐานคนโง่หรือปุถุชนธรรมดาไปตัดสินก็ต้องคิดว่าเขาโง่ จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:54:13

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเอง ก็เคยเจอศัลยแพทย์ คนหนึ่ง อยู่โรงพยาบาลรัฐ ผ่าตัดทั้งคืน เรียกว่า ถ้ามีคนไข้ฉุกเฉินมา แล้วไม่มีหมอ  เรียกหมอคนนี้ รับรองไม่ผิดหวัง คลินิกไม่ทำ ขี่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ กินข้าวปิ่นโตจากแม่บ้านที่แบ่งมาจากอาหารในวอร์ด Refer x-ray คอมพิวเตอร์ ไปที่ศูนย์เอกชน จะได้ค่า refer 3,000 ต่อเคส แกก็คืนให้คนไข้ทุกราย (แถมยังบ่นว่า ใครสร้างระบบนี้วะ ไม่เอาก็ไม่ยอมลดค่า x-ray ) บางวันผ่าเสร็จ ไม่แน่ใจผลงาน แกเอาเก้าอี้มาต่อกันยาวๆ นอนข้างเตียงคนไข้เลย เคยไปหาที่บ้านพักแพทย์ ไม่มีสมบัติอะไรเลย มีกระเป๋าอาดิดาสเก่าๆใบหนึ่ง เสื้อผ้าสามสี่ชุด แกบอก ความสุขของแก คือการได้ช่วยคนไข้  บางวันชวนออกไปกินข้าวข้างนอก แกบอกไปไม่ได้  เผื่อมีคนไข้ฉุกเฉินมา (ทั้งๆที่วันนั้น ไม่ได้อยู่เวร) เคยเจอหมอแบบนี้ อยู่เยอะมาก ใน รพ.ต่างจังหวัด  ถามว่า เงินเดือนเยอะไหม ในสมัยที่เป็นข้าราชการ เงินเดือนก็เท่าราชการ ประมาณหมื่นกว่าบาท  แต่แกบอกพออยู่ พอกีนแล้ว ลองคิดดู  ถ้าประเทศเรา มีตำรวจ มีแพทย์ มีครู มีผู้พากษา มีนักการเมือง มี.... แบบนี้เยอะๆ จะดีแค่ไหน อย่าคิดแบบวิทยาศาสตร์   พรหมวิหาร4 ไม่มีในสูตรวิทยาศาสตร์ จากคุณ : รักหลอกจึงบอกให้ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:54:48

ความคิดเห็นที่ 11 เอ่อ คห.7 เข้าใจอะไรผิดแล้วหรือเปล่า ผู้ที่บริจาคเงิน คือ ผู้ที่หวังในโลกหน้า ? ผู้บริจาคเงินให้วัด คือผู้ใจบุญ ? ผู้ไม่บริจาคเงิน คือ ผู้ที่คิดแบบวิทยาศาสตร์ ? ถ้าคิดแบบวิทยาศาสตร์ จะไม่บริจาคเงินแน่นอน ? คำว่า "คิดแบบวิทยาศาสตร์" ในความหมายของคุณ คืออะไร แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 54 12:07:17 จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 12:02:59

ความคิดเห็นที่ 12 ฝ่ายคนให้รางวัลก็ใช้ความพยายามอย่างสูงส่งมากเพื่อให้ท่าน Parelman มารับรางวัล ตื๊อแล้วตื๊ออีก จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 12:11:52

ความคิดเห็นที่ 13 #7 บริจาคเงินก็เหมือนซื้อความสุขนะครับ ความสุขหาง่ายๆ ราคาถูกด้วย จากคุณ : ตื่นแล้วจะกินอะไร เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 12:14:39

ความคิดเห็นที่ 14 เพราะแกเขาใจจักรวาล หรือจะบอกใบ้ว่า เอาเงินไปก็อาจ ไม่ได้ใช้ อิๆๆๆ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 12:22:26

ความคิดเห็นที่ 15 คห. 11  คำตอบก็คือ  เห็นแก่ตัวครับ การบริจาคคือการช่วยเหลือผู้อื่น  คิดแบบสัตว์ประเสริฐ    ส่วน คำตอบของค.ห.11 ก็คือ ผู้ที่เห็นแก่ตนเองไม่สนผู้อื่น เอาเงินของเราไปสนองสิ่งเร้าตนเองดีกว่า ใครจะเป็นไงก็ช่างไม่เกี่วกับฉัน ผมอยากจะบอกว่า พวกคุณที่เป็นนักวิทย์ทั้งหลายอย่าคิดว่าพวกคุณเก่งที่สุดรู้ทุกอย่างเข้าใจในระบบทุกอย่างของเอกภพ  ไปหน่อยเลย  สิ่งที่พวกคุณรู้อาจจะเยอะสูงแต่เทียบกับสิ่งที่มีอยู่ทั้งหมดในเอกภพพนี้มันก็แค่เศษเสี้ยว ทุกๆอย่างที่พวกคุณร่ำเรียนมาโดยส่วนมากจะขึ้นคำว่า ทฤษฎี เป็นส่วนมาก   สนามฮิก สสารมืด แรงโน้มถ่วง มิติที่4 การแผ่รังสีฮอร์คิง ทฤษฏีสตริงค์ สิ่งเหล่านี้พวกคุณพวกคุณพิสูจน์จนเข้าใจแน่แท้แล้วหรือยัง ดังนั้นการที่คุณออกมาว่าสิ่งอื่นที่ไม่เข้าพวกกับพวกวิทย์หรือความคิดที่แย้งกันอย่างแรง เป็นสิ่งที่ไร้สาระ มันก็ไม่ถูก จากคุณ : kanawit เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 12:29:42

ความคิดเห็นที่ 16 เศรษฐีที่ติดอันดับโลกของไทยทำไมมันไม่บริจากเงินเหมือนพวกบิลเกต หรือวอร์เรน บัฟเฟตบ้างก็ไม่รู้ เห็นวันๆมันพูดแต่ให้คนอื่นๆพอ แต่ตัวมันเองไม่เ็ห็นจะพอเลย หุหุ.... จากคุณ : หมี เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 12:48:39 A:216.66.45.182 X: TicketID:309930

ความคิดเห็นที่ 17 มันดราม่าได้ไงเนี่ย T_^ จากคุณ : Pigusto เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 12:52:26

ความคิดเห็นที่ 18 ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง ปล.แต่กะตังค์ ผมก็ยังต้องการนะครับ ^ ^ จากคุณ : เปลวเพลิงสีฟ้า เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 12:59:48

ความคิดเห็นที่ 19 คห15 คุณเข้าใจคำว่าวิทยาศาสตร์ผิดรึเปล่า สิ่งที่กล่าวๆออกมานั่นเป็นแค่ผลลัพท์จากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์คือแนวคิดในการคิดและทำความเข้าใจสิ่งต่างๆอย่างเป็นกระบวนการเป็นเหตุเป็นผล ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องบริจากเงินเลยซักนิด แล้วจะไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องโลกหน้าหรือความเห็นแก่ตัว อย่างนักคณิตศาสตร์ต้นเรื่อง ก็ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธสักหน่อย (และคนที่เคร่งคริสน์ก็คงไม่พูดแบบนั้น) ผมกลับมองว่าถ้าคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ยิ่งควรจะมีแนวคิดในการใช้เงินเพื่อช่วยเพื่อสังคม หรือโครงการเพื่อมนุษย์ชาติ เพราะถ้าคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ของนอกกายมีมากไปก็ไม่ได้อะไร ตายไปก็หายเก็บเยอะไปก็ไม่มีประโยชน เอาไปพัฒนามวลมนุษย์ไม่ดีกว่าหรือ ประมาณนี้ เป็นการเหลืออะไรให้ลูกหลานและเผ่าพันธุ์โดยรวม (เข้ากับแนวคิดการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์เห็นๆ) ส่วนคนที่คลั่งศาสนา(แต่ไม่ยอมใช้เหตุผล)ก็อาจจะเอาไปสร้างโบสถ์สร้างวัดใหญ่โต และการบริจากโดยคิดว่าเพื่อชีวิตหน้า ไม่ว่าจะดูยังไงมันกเป็นการบริจากจากความโลภเห็นๆ เอาอย่างคนที่โดนหลอกไปกับลัทธิสร้างUFO นั่นก็เห็นได้ชัดเลย (ย้ำอีกทีผมหมายถึงบางคนนะ) จากคุณ : NOVA เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:00:45 A:180.183.111.135 X: TicketID:237558

ความคิดเห็นที่ 20 อืม ได้อ่านข่าวนี้เมื่อเดือนที่แล้ว nobel physics 2010 ก็ได้ชาวรัสเซีย ( น้องใบเฟิร์นก็ชอบเครื่องบินรัสเซีย !!! http://www.youtube.com/watch?v=TJYqu--gt2I ) จากคุณ : Simple Math .. เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:02:52 A:204.45.133.74 X: TicketID:317890

ความคิดเห็นที่ 21 คห.10  ถ้ามีหมอแบบนั้นเยอะๆคงจะดีไม่น้อยครับ แต่พูดก็พูดเถอะ แบบที่คุณว่ามาน่ะ มีไม่เยอะหรอก ยังไงเรื่องเงินก็สำคัญน่ะครับ จากคุณ : Diamondoid เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:03:27

ความคิดเห็นที่ 22 ^ คห. 17 สงสัยโดนนักวิจัยแย่งเมียไปมั้งครับ  ถึงบ้าบอคอแตกขนาดนี้ อ่านแล้วไม่รู้จะขำหรือสงสารดี  อยากจะบอกว่าไอ้นักวิจัยนี่แหละที่งงกับไอ้เรื่องที่ตัวเองศึกษาที่สุดแล้ว ถึงมานั่งวิจัย..... ถ้ารู้หมดไม่สงสัยแล้วจะวิจัยไปทำเกลืออะไร (วะ) แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 54 13:04:36 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 54 13:04:09 จากคุณ : Munch เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:03:43

ความคิดเห็นที่ 23 บางคนบริจาคหวังสุขชาติหน้า  บางคนหวังสุขชาตินี้ เห็นคนที่ด้อยกว่ามีความสุข ตนก็มีสุข การทำบุญไม่จำเป็นต้องเงินเยอะหรือน้อย การทำบุญคือการทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนโดยเราไม่หวังผลตอบแทน ผลบุญไม่ต้องรอชาติหน้าชาตินี้ก็เห็น เพราะมันอยู่ในใจคุณแล้ว ขอมาม่าด้วยคน ^^ จากคุณ : idolking เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:15:44

ความคิดเห็นที่ 24 ดราม่าเฉยเลย แกปฏิเสธไม่รับเงินและรางวัลเพราะมันเป็นเรื่องการเมืองในวงการนักคณิตศาสตร์ครับ ไม่ใช่เรื่องของความเพี้ยนหรือใจบุญแต่อย่างใด ลองคิดดูปัญหาคณิตศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 7 ปัญหาของโลก ที่คำตอบอาจจะไขปริศนาจักรวาลได้ และโดยเฉพาะปัญหานี้ตั้งมาเกือบร้อยปีแล้ว (ตอนที่ perelman แก้ปัญหาได้) จริงๆแล้วแกเป็น dr. นะครับ และอัจฉริยะมาตั้งแต่เด็กแล้ว หลังจากที่แกส่งคำตอบไปพิสูจน์ (ปี 2002-3) ก็มีคนพยายามกล่าวหาและไม่ซื่อสตย์กับคำตอบของแก จนในที่สุดแกก็ออกจากวงการไปเลย หลังจากนั้นเกือบ 4 ปี ถึงได้รับการยืนยันว่าคำตอบของแกนั้นเป็นของแท้และถึงได้รับการยอมรับจากวงการโลก ถึงตอนนั้น perelman ก็เอียนและตอบปฏิเสธทุกรางวัลไปหมดแล้วครับ จากคุณ : underX เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:16:15

ความคิดเห็นที่ 25 ไอน์สไตน์ ก็ไม่ได้นับถือพุทธ พอได้รางวังโนเบล ไม่ยอมไปรับ แล้วยังยกเงินรางวัลทั้งหมดให้อดีตภรรยา พอตาย ทำพินัยกรรมยกสูตร งานเขียน บ้าน สมบัติ ที่มี ให้มหาวิทยาลัย แต่เขาบอกว่า ชื่นชอบศาสนาพุทธ อาจเป็นไปได้ว่า แนวคำสอนของพุทธใกล้เคียง กับวิถีชีวิต หรือ ความจริงจักรวาลที่เขาค้นพบ เขาอาจจะพูดเหมือนกันว่า "ในเมื่อผมเข้าใจจักรวาล จะเอาเงินรางวัลโนเบลไปทำไม " จากคุณ : ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:16:51 A:124.120.104.169 X: TicketID:246265

ความคิดเห็นที่ 26 สุดๆเลยอ่ะ จากคุณ : โคอิจิ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:18:09 A:58.64.111.70 X: TicketID:295959

ความคิดเห็นที่ 27 บางคนยิ่งมีเงินเยอะความสุขก็ลดลง ความสุขอาจจะไม่ได้มากจากต้องมีเงินเยอะๆ ถ้าคิดว่าเงินสร้างความสุขอันนั้นมันความคิดของพวกหลงมัวเมาในวัตถุ วันใดหาเงินไม่ได้ก็คงต้องทุกข์ และการที่นิยมวัตถุก็ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาปรนเปรอความอยากของเราเองอีก เพราะอยากมีเงินไปซื้อความสุขมาปรนเปรอให้ตัวเอง เป็นรูทีนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าลองมองให้ดี มีความสุขที่เกิดจากการทำความดี การเป็นคนดีประพฤติดี ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน อันนี้นี่น่าจะเป็นความสุขที่แท้จริงที่พวกวัตถุนิยมอาจจะเข้าไม่ถึงและจะไม่มีวันพบ แม้จะเข้าใจแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะติดบ่วงของมันไปแล้ว บางคนอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิต กว่าจะพบความสุขที่แท้จริงก็เกือบเข้าโลง เห็นมาเยอะ ไม่ต้องดูไกล ส่วนใหญ่แก่ๆทั้งนั้นที่เข้าวัด เพราะมันใกล้จะตายจึงพบสัจธรรมของชีวิต พวกคนวัยหนุ่มๆ สาวๆ คิดว่าเรื่องแบบนี้ไร้สาระ ก็ทำตัวเป็นมดงานในสังคมต่อไป ใครอยากเป็นมดวรรณะไหนก็เลือกเอาครับ เช้าทำงาน เย็นกลับบ้าน วันหยุดไปใช้เงิน เงินเหลือก็เก็บเงินให้ลูกหลานใช้ไม่ก็ผลาญ บางคนก็สร้างหนี้ไว้ให้ลูกหลาน เกิดจากการนิยมวัตถุมากเกินไป ไม่มีธรรมะมาควบคุม เหมือนมีปัญญา แต่ไม่มีสติ จากคุณ : ขำว่ะ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:33:05 A:101.108.119.71 X: TicketID:318644

ความคิดเห็นที่ 28 เดวถ้าหิวก็คงคิดได้เอง.... จากคุณ : tkung13 เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:34:34

ความคิดเห็นที่ 29 -*- รู้กันหรือเปล่าที่เขาบริจาคทอง เขาบริจาคเพื่อไคร คนที่เอาแต่ว่าเขา เนรคุณจริงๆ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:35:41

ความคิดเห็นที่ 30 ตอบ คห.15 เราไม่อาจรู้ได้ว่าทั้ง คห.7 และ คห.15 เข้าใจคำว่าศาสนาแค่ไหน แต่คิดว่าท่านทั้งสองเข้าใจคำว่า "คิดแบบวิทยาศาสตร์" ผิดไปไม่น้อย ผู้ที่คิดแบบวิทยาศาสตร์ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคำว่าเห็นแก่ตัวเลย และในทำนองเดียวกัน การบริจาคเงินหรือทรัพย์สินใดๆ มากแค่ไหน ก็ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ของการเป็นสัตว์ประเสริฐ (ไม่ว่าศาสนาหรือความเชื่อใด) จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:44:58

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าพวกคุณใช้ความเชื่อกันมากไปละ เอาแต่จะเชื่อในความคิดตัวเองโดยไม่ดูความเป็นจริง ตลกอะ จากคุณ : underX เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 13:57:20

ความคิดเห็นที่ 32 โจทย์ผมยังอ่านใม่เข้าใจเลย จะมีคนใทย เก่งๆ แก้ปัญหาพวกนี้ใด้ใหมนะ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 14:05:28

ความคิดเห็นที่ 33 คห 16 หมายถึงใครครับ กล้าๆพูดหน่อย จากคุณ : PP เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 14:18:27 A:58.11.1.166 X: TicketID:281593

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาของเขา แล้วเขาจะเอาเงินมาสร้างปัญหากันทำไมครับ ผมมีเงิน 1 ล้านดอลล์ ผมขอใช้แค่หมื่นก็พอ จากคุณ : ปัญหาโง่ๆ (คนเลวไม่มีดี) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 14:25:13

ความคิดเห็นที่ 35 เค้าพิสูจน์ The Poincaré conjecture (proven) ครับ อย่างที่ 24 พูด ดูใน วิกิพีเดีย ตามความเห็น 1 หัวข้อ The Poincaré conjecture (proven) เค้าดูเหมือนจะแย้งว่าอีกคน John Milnor. เคยพิสูจน์แล้ว เค้าอาจจะต้องการให้คนยอมรับอีกอย่างว่า John Milnor. ไม่ได้พิสูจน์สำเร็จ ก่อนจะยอมรับเงินก็ได้ The Poincaré conjecture ใครอ่านรู้เรื่องโปรดตั้งกระทู้อธิบาย http://en.wikipedia.org/wiki/Poincar%C3%A9_conjecture ปล ดราม่าได้งัยหว่า จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 14:26:11

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามา เห็นมีเข้าท่าอยู่ คห เดียว จากคุณ : Retire Young เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 15:28:11

ความคิดเห็นที่ 37 มนุษย์นี้ ดราม่า ได้ 2อย่าง 1. ผลประโยชน์ 2. ความเห็น ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ยันเรื่องใหญ่ๆอย่างสงครามโลก ก็มีแต่ 2 อย่างนี้ ชีวิตเป็นสิทธิของบุคคล ถ้าใครคนนึงลุกมาบอกว่า   เงินสำคัญ ก็ถูกของเขา เงินไม่คัญ ก็ถูกของเขา ความสุขของคนเรา ไม่ขึ้นกับอะไรทั้งนั้น ถูกทั้งสิ้น ตราบใดที่ไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่น จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 15:28:44

ความคิดเห็นที่ 38 เงินมันต้องมีครับ จะีมีน้อย มีมาก แต่มันก็ต้องมีบ้าง ใครว่ามีเงินเยอะๆ แล้วทุกข์  แต่ผมว่า ไม่มีเงินให้ ลูกให้เมีย นี่ผมว่าทุกข์กว่าแน่นอน ขอแย้ง # 27 ครับ ถ้าช่วงหนุ่มสาว ไม่ยอมทำงาน วันๆ เอาแต่เกาะ พ่อ แม่กินผมว่า  คุณค่า ไม่ต่างจากหมาที่บ้านผมเลยครับ จากคุณ : Bigkub เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 15:34:31

ความคิดเห็นที่ 39 ^ ^ แล้วถ้า คนๆ นั้น ที่ไม่ต่างจากหมาที่บ้านคุณ ทุกวันตอนเช้าไปวัด ตอนสายถึงเย็น ไปช่วยสอนหนังสือเด็กด้อยโอกาสที่ไม่มีอนาคตทางการศึกษา ค่ำมา กลับบ้าน จัดการงานบ้านทุกอย่าง ทำกับข้าว ให้พ่อแม่ กิน พ่อแม่เค้าก็ไม่ได้เดือดร้อน อะไร แล้วหมาบ้านคุณทำได้ไหมคะ? แค่มองต่างมุม ในมุมๆ หนึ่งก็มีอะไรที่แตกต่างอยู่ สิ่งที่คุณพิมพ์มานั้น ก็แค่โลกแคบ เอาตัวเองตัดสินคุณค่าคนอื่น แค่นั้นเอง จากคุณ : Antbadtz เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 15:54:32

ความคิดเห็นที่ 40 ถึงผมจะบรรลุแล้วผมไม่ต้องการเงินแล้ว ผมก็จะเอาให้แม่ครับ หรือ เอามาทำประโยชน์ได้อีกเยอะครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 54 16:01:51 จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 16:01:30

ความคิดเห็นที่ 41 คห. 39 เขากำลังพูดถึงเรื่องว่า อยู่ในสังคมยังไงก็ต้องใช้เงินครับ.. คุณบอกไม่มีเงินคุณไม่เดือดร้อน   แต่ถ้าทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยการไปรบกวนเรื่องเงินนี่ถือว่าทำดีได้เหรอครับ ?  ที่คุณพูดนี่เหมือนกับว่าทำดีกับชั่วมันมาหักลบกันได้อย่างนั้นแหละ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 54 16:28:04 จากคุณ : Munch เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 16:27:01

ความคิดเห็นที่ 42 เฮ้อ!!! -_-" จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 16:53:31

ความคิดเห็นที่ 43 หรือที่เขาทำเพื่อจะประท้วงที่นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากต้องตกงาน คนหันไปทำงานที่ไม่สนุกอย่างอื่น เพราะเงินๆๆๆๆ การให้เงิน กับเขาคนเดียวแก้ปัญหานี้ไม่ได้ และที่จริงต้นเหตุของปัญหาคือเงิน เขาไม่ได้ต้องการเงิน เขาแค่สนุกกับมัน ที่เขาพูดมา ว่า'ในเมื่อผมเข้าใจจักรวาล จะเอาเงินหนึ่งล้านดอลล่าห์ไปทำไม' เขาแค่จะบอกว่าเงินมันไม่สำคัญ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 17:49:37

ความคิดเห็นที่ 44 เฮ้อ !! ^^ จากคุณ : Axiom of Choice เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 17:54:50

ความคิดเห็นที่ 45 จาก11 :/ลองคิดดู  ถ้าประเทศเรา มีตำรวจ มีแพทย์ มีครู มีผู้พากษา มีนักการเมือง มี.... แบบนี้เยอะๆ จะดีแค่ไหน อย่าคิดแบบวิทยาศาสตร์   พรหมวิหาร4 ไม่มีในสูตรวิทยาศาสตร์/ วิทยาศาสตร์ ก็ไม่ได้มีบอกว่า คุณต้องเลว ต้องโลภนี่ครับ คิแบบวิทยาศาสตร์ดีแล้วแต่ขอให้เป็นคนดี จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 17:57:58

ความคิดเห็นที่ 46 น่าจะเป็นข่าวเก่าแล้วนะครับ ตามบทความด้านล้างนี้ บอกว่าข่าวปี 2002 Poincare Conjecture ในปี 1904 Poincare ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยเกี่ยวกับ คุณสมบัติของรูปทรง และมิติสัมพันธ์ขึ้นมาฉบับหนึ่ง ในตอนท้ายของรายงายฉบับนั้น มีข้อติดข้องประการหนึ่งที่ Poincare หาคำตอบไม่ได้ จน Poincare เสียชีวิตและนักคณิตศาสตร์หลายต่อหลายคนพยายามหาคำตอบให้กับปัญหานั้น แต่ไม่มีใครทำสำเร็จ ปัญหานั้นจึงได้รับการขนานนามว่า Poincare Conjecture แปลห้วนๆก็คือ ข้อคาดเดาของ Poincare นั่นเอง ซึ่งอธิบายตัวอย่างได้ง่ายๆ คือ รูปทรงกลมแบบบอล ถ้าขีดเส้นรอบวงกลมนั้น 1 เส้น และสมมุติเส้นเป็นพื้นผิวของทรงกลม และเปรียบเส้นที่เขียนเป็นยางเราสามารถดึงเอายางออกได้โดยวงกลมนั้นไม่ขาดหรือมีลักษณะเหมือนเดิม แต่รูปทรงโดนัท ถ้าขีดเส้นวงกลมรอบในแนวขวาง และสมมุตเส้นที่เขียนเป็นยาง เราจะไม่สามารถดึงยางออกได้ โดยที่โดนัทยังมีลักษณะเดิมเพราะหากดึงออกโดนัทก็จะขาดหรือมีบางส่วนหายไป และแล้ว Poincare Conjecture ที่มีไม่มีใครให้คำตอบได้นานถึง 100 ปี ก็ถูกเฉลยและอธิบายจนเป็นที่ยอมรับโดย นายGrigori Perelman ชาวรัสเชียในเดือนพฤศจิกายน 2002 โดยสถาบันคณิตศาสตร์เคลย์ มอบรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐให้ แต่ นายGrigori Perelman ปฏิเสธเงินรางวัลดังกล่าว ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในแฟลตเก่าๆ ในรัสเซีย ภายในห้องมีเพียงโต๊ะ เตียง และ ม้านั่ง อย่างละตัวเท่านั้น ซึ่ง มีรายละเอียดการเฉลย ที่ Perelman's proof and elaborations เขียนโดย อรุณ อ่อนลำ ที่ 9:02 ป้ายกำกับ: Grigori Perelman, Poincaré conjecture, คณิตศาสตร์น่ารู้, คณิตศาสตร์ยาก จากคุณ : Q.E.D. (Axiom of Choice) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 18:00:12

ความคิดเห็นที่ 47 เคยเชื่อว่า ถ้าทุกคนในประเทศไทย ที่รายได้ ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี ยอมลดค่าใช้จ่ายตัวเองต่อวัน วันละ แค่ 15-20 บาท ก็สามารถช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส 1 คน ผ่านทางมูลนิธิต่างๆได้ ทุกเดือนต่อเนื่องกัน และถ้าทุก generation ทำได้อย่างนี้ ประเทศไทย จะเป็นสังคมที่พัฒนาและเจริญขึ้น แต่พอเอาแผ่นพับไปให้คนรู้จักต่างๆ เพื่อสมัครเป็น พ่อ แม่ อุปถัมภ์ กลับพบแต่ความว่างเปล่า จากคนเหล่านั้น ทั้งๆที่ แค่ลดความอยาก ต่อวัน เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง จากคุณ : กุ้ยเหลียง เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 18:10:16

ความคิดเห็นที่ 48 มีก็ไม่บริจาคให้วัด ไม่มีวัน ถ้ามีจะไปเลี้ยงเด็ก ให้ทุกการศึกษา ไม่ให้วัด เด็ดขาด จากคุณ : จิม เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 18:31:33 A:124.120.192.175 X: TicketID:316036

ความคิดเห็นที่ 49 เคยอ่านใน A day เมื่อสองสามปีก่อน เห็นเขาบอกว่า อีกสาเหตุที่แกไม่ไปรับรางวัล เพราะไม่อยากโดนหักภาษีครับ โดนรัฐหักแบบเหลือติดมือไม่เท่าไหร่ เลยไม่เสียเวลาดีกว่า จากคุณ : Verm เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 18:47:38

ความคิดเห็นที่ 50 ทองคำ 1 กิโล = ทอง 65.6 บาท ทองคำ 13000 กิโล = ทอง 852,800 บาท ทองคำ 1 บาท = 21,900 บาท ทองคำ 852,800 บาท = 18,676,320,000 บาท จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 20:37:03

ความคิดเห็นที่ 51 ความคิดเห็นที่ 7     บลาๆๆๆ...ถ้าคิดแบบ วิทยาศาสตร์ ไม่มีทางบริจาคแน่นอน โลกหน้าไม่มีจริง เอาเงินมาแสวงหาความสุขดีกว่า.... จากคุณ : รักหลอกจึงบอกให้ ''''''''''''''''''''' คุณเข้าใจคำว่าคิดแบบวิทยาศาสตร์ผิดครับ คนที่คิดแบบวิทยาศาสตร์บริจาค และช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มีอยู่แน่ แต่ไม่ได้บริจาคเพราะหวังรับผลชาตินี้ชาติหน้า แต่ที่ทำเพราะเพื่อช่วยคน ช่วยเพื่อช่วย ไม่ใช่ช่วยแบบหวังผลตอบแทน อย่างคุณหมอที่คุณยกมาในความเห็นถัดไป นั่นท่านก็ช่วยเพื่อช่วย ไม่ใช่ช่วยเพราะโลภหวังเรียกทุนคืนชาติหน้าเกิดมารวยๆแบบคุณ เข้าใจคำว่าคิดแบบวิทยาศาสตร์ซะใหม่นะครับ จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 22:03:23

ความคิดเห็นที่ 52 บ้า? จากคุณ : Man1251 เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 22:41:55 A:125.24.216.65 X: TicketID:313023

ความคิดเห็นที่ 53 ส่วนตามหัวกระทู้ และที่เจ้าของกระทู้พิมพ์ไว้ ว่าเขาไม่รับเงินแล้วเขาบ้า คนเราให้คุณค่ากับสิ่งต่างๆไม่เหมือนกันน่ะ คุณเจ้าของกระทู้อาจชื่นชอบเงินและต้องการได้มาอย่างมาก แต่นักคณิตศาสตร์ตามข่าวเขาไม่ได้หลงเงินเช่นเดียวกับคุณ หากคิดอย่างคนหลงเงินและใจแคบ ก็จะกลายเป็นมองว่าเขาบ้า จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 23:09:32

ความคิดเห็นที่ 54 อาทิตย์ก่อนเพิ่งฝันถึงในหลวงพรุ่งนี้ว่าจะไปซื้อหวยซักหน่อย... จากคุณ : Catwater เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 00:37:21 A:192.168.4.1 X:58.137.99.76, 110.171.37.140 TicketID:311423

ความคิดเห็นที่ 55 พูดถึงตอนหักภาษีมันน่าจะให้ติ๊กบริจาคให้การกุศลมากกว่าบริจาคให้พรรคการเมืองนะ เสียดายเงินภาษี จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 01:25:10

ความคิดเห็นที่ 56 คิดแบบวิทยาศาสตร์ ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับการไม่ทำบุญ มั่วแล้ว จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 09:37:11

ความคิดเห็นที่ 57 แกเกิดรู้แจ้งเห็นจริง เพราะ จักรวาลเกิดจากตัวเลขที่ซับซ้อนก็ได้ จากคุณ : โลกกว้างใกล เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 11:34:40

ความคิดเห็นที่ 58 กลายเป็น"หลายเรื่องเดียวกัน"  ซะแล้ว มองกันหลายมุมดี     ชอบหว้ากอ จากคุณ : labor_pu เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 13:48:42

ความคิดเห็นที่ 60 ผมละงงว่า มันเรื่องของเขา จะด่าหรือนินทาเขาทำไมหว่า เงินก็สิทธิ์ของเขาแท้ๆนะนั่น จากคุณ : FreedomOne เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 20:04:51 A:110.168.115.215 X: TicketID:318510

ความคิดเห็นที่ 61 คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การเมือง ศาสนา และมาม่าอีกหนึ่งชาม จากคุณ : Always Keep The Faith เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 13:57:48

ความคิดเห็นที่ 62 อัตตานี่แตะกันไม่ได้เลยนะ จากคุณ : นิยมวัตถุ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 11:02:55

ความคิดเห็นที่ 63 he is not crazy, he is just not like you. จากคุณ : LostprophetZ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 00:29:31