ความคิดเห็นที่ 1 พอดีเห็นในกระทู้นี้คุณ Nexus อ้างถึงข้อมูลจาก FAO http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A10599295/A10599295.html ผมจึงลองไปค้นบ้าง เพราะอยากรู้มานานแล้วที่ว่ากันว่าข้าวไทยผลผลิตต่อไร่ต่ำมาก และต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านนั้น มันต่ำขนาดไหน ที่จริงยังมีประเทศอียิปต์กับออสเตรเลีย ที่ yield ตั้ง 100,000 และ 90,000 ตามลำดับ แต่ตัวเลขผลผลิตกับจำนวนไร่มันกลมๆ แปลกๆ Egypt 100000 750000 7500000 Australia 90000 30000 270000 เลยตัดมาเฉพาะประเทศที่พื้นที่ปลูกข้าวมากกว่าอียิปต์ขึ้นไป แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 22:55:49 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:12:05

ความคิดเห็นที่ 2 ฝรั่งไม่กินข้าว จากคุณ : naka เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:15:15 A:118.172.130.104 X: TicketID:319049

ความคิดเห็นที่ 3 ก็แค่แพ้เพื่อนบ้านหมดเท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 21:20:21 จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:16:55

ความคิดเห็นที่ 4 ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 17 แพ้แม้แต่ลาวและมาดากัสกา+++ ทำไมเราใช้แรงงานและพื้นที่เพาะปลูกได้สิ้นเปลืองอย่างนี้เล่า น่าตกใจว่าทำไมผิดกับความเชื่อที่ว่า เราเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีการปลูกข้าวเป็นอันดับต้นๆของโลก !?!?!?!?!? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:19:48

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นได้ว่าผลผลิตข้าวไทยต่อไร่นั้นต่ำมากจริงๆ อยู่รั้งอันดับท้ายๆ ทีเดียว ประเทศเพื่อนบ้านมีแต่เขมรที่แพ้เรา ที่เรามูลค่าส่งออกอันดับหนึ่งได้นั้น แสดงว่าเราใช้แรงงานจำนวนมากอย่างไม่มีประสิทธิภาพ อย่างที่คุณ Nexus บอก ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับสายพันธุ์ข้าวด้วยหรือไม่ ผมไม่รู้ว่าชาวนาเราทำนาถูกต้องตามวิชาการมากน้อยแค่ไหน เชื่อฟังแต่พ่อค้าปุ๋ยเคมีจริงหรือเปล่า ปัญหาปริมาณผลผลิตนี้น่าจะแก้ด้วยวิชาการเกษตรเท่านั้น จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:26:01

ความคิดเห็นที่ 7 พอมีรายการที่พยายามเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร เอาดารามาทำนา ก็โดนด่าว่า เสนอแต่ภาพชาวนาในอุดมคติอันสวยงาม ไม่มีความลำบาก ไม่มีความฟุ้งเฟ้อ ไม่มีภาพชาวนาเล่น BB พอรายการเอาความรู้จากวิทยากร นักวิชาการเกษตร และชาวนาที่ประสพความสำเร็จมาสอน ก็หาว่าเขาบังอาจไปสอนชาวนา ผมรู้สึกว่า "นักวิจารณ์" พวกนี้นั่นแหละที่เป็นนักอุดมคติฉาบฉวย ไม่ใช่รายการนั้นหรอก อีกรายการ คนค้นคน ที่นำชาวนาเงินล้านมาออก นั่นก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ แต่รายการนี้ได้รับแต่คำชม เพราะรูปแบบการนำเสนอต่างกัน แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 22:57:11 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 21:31:48 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:30:34

ความคิดเห็นที่ 8 แต่มันก็มีส่วนจริงนะ ผมเคยลองกินข้าวพันธุ์ super high yield ระดับสองตันต่อไร่ของฟิลิปปินส์ รู้สึกถึงความแตกต่างเลยครับ จากคุณ : Cyber Sage เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:31:12

ความคิดเห็นที่ 9 #8 อันนี้คงต้องเทียบราคาขายแล้วว่า เราผลิตข้าวหอมมะลิได้เท่าไร ขายได้ราคาเื่ท่าไร คุ้มค่ากับสัดส่วนการผลิตที่ต่ำกว่าประเทศที่เจริญแล้วถึง 1/3 หรือไม่ คงต้องมองภาพรวมว่า ชาวนาส่วนใหญ่ ผลิตข้าวอะไรกันแน่ครับ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:34:04

ความคิดเห็นที่ 10 เรากับเพื่อนบ้าน จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:34:11

ความคิดเห็นที่ 11 กระทู้แบบนี้เดาไม่ผิดเลยมักจะมีคนอย่างคห.3และ4 เข้ามาเห่าเอ้ยพูดในทำนองนี้เสมอๆ จากคุณ : Toh loneliness เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:39:08

ความคิดเห็นที่ 12 ชักอยากรู้ว่า คุณลุงชาวนาเงินล้าน ได้ผลผลิตต่อไร่ซักเท่าไหร่ เป็นตัวชี้วัดได้เลยว่าผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย นั้นยังต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริงอีกประมาณเท่าไหร่ จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:41:10

ความคิดเห็นที่ 13 #11 ช่วยแย้งข้อเท็จจริงด้วยครับ ไม่ใช่มา"เห่า"ลอยๆอย่างไร้ตรรกะเหตุผล จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:41:21

ความคิดเห็นที่ 14 #11 ผมก็กะแล้วว่าต้องมีคนแบบคุณเข้ามาด่าคนที่ตำหนิประเทศตัวเอง ความเห็นแบบคุณนี่แหละที่ไม่มีประโยชน์ ผมไม่เห็นจะมีอะไรผิด กับการพูดถึงข้อบกพร่อง (หรืออีกนัยหนึ่งคือสิ่งที่ยังสามารถพัฒนาได้) ของประเทศเราเอง จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:44:45

ความคิดเห็นที่ 15 #12 กระทู้ชาวนาเงินล้าน ลุงแกมีที่นา 100ไร่ครับ ย้ำ 100ไร่ จะบอกให้ว่าทั้งอำเภอที่บ้านนอกผม ไม่มีใครที่มีที่นาคนเดียวมากขนาดนั้นหรอก นอกจากเจ้าสัวlandlordระดับจังหวัดปล่อยที่นาเช่าครับ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:45:10

ความคิดเห็นที่ 16 #11 แล้วข้อความที่เขาพูดกัน มันใช่ความจริงไหม ? ผมคิดแล้วว่าถ้ามีกระทู้แบบนี้แล้วต้องมีคนอย่างคุณเข้ามาทำบอดใส่ จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:49:18

ความคิดเห็นที่ 17 #4 เขาเรียก "อวย" เดี๋ยวจะมีคนเข้ามาบอกว่า อย่าไปเทียบข้าวสายพันธุ์กากๆ ของประเทศเพื่อนบ้านกับข้าวสายพันธุ์ เทพประทานอย่างหอมมะลิ ผลผลิตต่อไร่มันจึงต่ำกว่า จากคุณ : tomorrow night ------------------------------------------------------------------------- มันคือความจริงเพียวๆหรือบวกด้วยอคติในใจของคุณด้วย จากคุณ : Toh loneliness เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:52:00

ความคิดเห็นที่ 18 มันยากมากที่จะยอมรับความจริง -*- แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 22:00:24 จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:55:50

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้ข้าวกระทู้ก่อนๆ มีแต่ความเห็นส่วนตัว กับดราม่า โดนลบไปก็เยอะ คุยกันยาวแต่ "ข้อมูล" น้อยมากจนน่าผิดหวัง อย่าด่ากันมันส์ปากจนเกินไป มาถึงก็ด่าก่อน ไม่เสียเวลาวกเข้าสาระเลย ผมเองอยากให้กระทู้เป็นวิชาการมากเท่าที่เป็นไปได้ ข้อมูลชิ้นหนึ่งที่ไม่เห็นมีใครเอามาลงซักทีก็คือผลผลิตต่อไร่นี่แหละ ที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้จะไปหาที่ไหน ขอบคุณคุณ Nexus ที่นำทางจนเจอครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 22:01:47 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 21:58:15 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:56:41

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าผลผลิตต่อไร่เราเท่าอเมริกา และให้ปริมาณที่ผลิตได้ทั้งหมด เท่าเดิม คง เหลือ พื้นที่ ปลูกอย่างอื่น ได้อีกเยอะ ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : ..... (@Ble) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 21:58:58

ความคิดเห็นที่ 21 นั่งเปิดเอกสารข้าว เปิดเว็บ http://www.brrd.in.th/rkb/data_002/rice_xx2-02_New_index.html ไม่เห็นมีข้าวพันธุ์ไหน มีผลผลิตเกิน  1000 กก. ต่อไร่ สักพันธุ์เดียว ฝากหาข้อมูลหน่อยว่า ปกติ ชาวนาตามที่ต่างๆ เขาปลูกข้าวได้ กี่ กก./ไร่ แถวบ้านผม (ภาคกลาง)  ฝีมือหน่อยก็ 900 - 1000 กก. ผมปลูกเอง(อ่อนประสบการณ์) ได้ 600 - 750 กก. (ซึ่งก็อยู่ในค่าผลผลิตของพันธุ์) ทั้งนี้ไม่ต้องถามหาต้นทุนนะครับ เพราะไม่เกี่ยวกับ ผลผลิตต่อไร่ ตามที่ถกเถียงกันอยู่ จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:02:26

ความคิดเห็นที่ 22 #17 ไม่ได้อคติเลยครับ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนพูดเรื่องผลผลิตข้าวของบ้านเรามันต่ำมาก ก็มีคนเข้ามาแย้งว่าเป็นเพราะ ข้าวสายพันธุ์ของเรามันให้ผลผลิตต่อไร่ได้น้อยกว่าอยู่แล้ว แต่ว่าอร่อยกว่า จะไปเทียบกับข้าวสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง แต่รสชาติเห่ยแบบของเพื่อนบ้านไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าของตนเองมีคุณภาพมากกว่า รสชาติอร่อยกว่า แต่ไม่มีการส่งเสริมให้ ขายเป็นของระดับคุณภาพดี ขายน้อยแต่ได้กำไรมาก กลับไปตีตลาดระดับล่างกับข้าวกากๆ ที่ตัวเองดูถูกเขาไว้ มันทุเรศ ไหมแล้วจะไม่ให้ชาวนาตัวเองจนได้อย่างไร บ้านเราไม่อวยเรื่องเกษตรกรจริงเหรอ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แต่นโยบายเพื่อเกษตรกรอย่างเช่นโรงงานปุ๋ยแห่งชาติยัง ไม่มีเลย ทุกวันนี้ปุ๋ยบ้านเราก็ผลิตเองไม่ได้ ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ยังไม่รวมปัญหาชลประทานอีกมากมาย ก่ายกอง สภาพเช่นนี้จะไปเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลกอย่างที่โฆษณาได้อย่างไร ในเมื่อพื้นฐานมันไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างแถม ยังสนับสนุนให้ชาวนาเลิกใช้เครื่องจักรหันกลับมาใช้ควายอีก แล้วจะสมน้ำหน้าให้ถ้าเวียดนามหรือเพื่อนบ้านส่งข้าวออก มากกว่า แถมราคาถูกกว่า ก็จงภูมิใจไปกับข้าวสายพันธุ์เทพของตัวเองไปเถอะ ปัจจุบันนี้ที่เขาส่งออกน้อยไม่ใช่เพราะเขา ผลิตได้น้อย แต่เพราะผลิตได้ไม่พอกับกำลังการบริโภคภายในประเทศ คนไทยร่ำรวยมีทางเลือกอื่นนอกจากข้าวมาก- มาย เอาไว้เพื่อนบ้านเราเหลือกินเหลือใช้บ้างแล้วส่งออกทีนี้หละจะคอยดู รับรองว่าชาวนาไทยสูญพันธุ์จริงๆ แน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็มีเหตุผลว่าทำไมชาวนาไทยต้องโง่ จนและเจ็บ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 22:11:25 จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:08:24

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่าเลิกพูดถึงปุ๋ยเคมีกับยาฆ่าแมลงเลยดีกว่าเพราะมันมีแต่จะทำให้ดินเสื่อมคุณภาพต้อง ส่งเสริมปุ๋ยอินทรีย์นี่ถึงจะเหมาะ ผมละเซ็งกับรัฐบาลเป็นตัวตั้งตัวตีขายปุ๋ยเคมี จากคุณ : can't buy my love เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:21:03

ความคิดเห็นที่ 24 เออ ผมว่าข้อมูลมันแปลกๆสักหน่อย คือผมเพิ่งย้อนไปอ่านเนื้อหาถึงการแปลงค่าผลผลิต โดยการเอา 62.5 หาร ผลผลิตของไทยได้ 459 กก./ไร่ ซึ่งถือว่าน้อยมากจริง ผมเพิ่งเริ่มทำนาเองได้ 2 ปีกว่า ยังไม่เคยได้ข้าวน้อยขนาดนั้นเลย จะมีก็ครั้งล่าสุดนี้ ที่ลดปุ๋ยเคมีลง แล้วซื้อปุ๋ยอินทรีย์ผสมเคมีหว่าน เกี่ยวแล้วก็ยังได้ 560 กก./ไร่ อาจจะเพราะผมอยู่ภาคกลาง น้ำดีมีตลอดปี ดินดีไหม ไม่ได้ตรวจมา 2 ปีแล้ว เลยไม่รู้ ภาคอื่นเค้าปลูกข้าวได้ กี่กก./ไร่ กันบ้างครับ ใครรู้ บอกที จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:23:42

ความคิดเห็นที่ 25 เอาข้อมูลมาก่อน เริ่มจาก http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic=4041.0 เป็นปริมาณกับมูลค่าของข้าวส่งออกแบ่งตามประเภท ป.ล. ลองเอาปริมาณที่ส่งออกหารด้วยมูลค่าการส่งออกของข้าวแต่ละประเภทผลที่ได้ต่างกับที่ผมคาดแฮะ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:26:03

ความคิดเห็นที่ 26 เวียดนามก็ไม่ได้บริโภคมากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับผลผลิต แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 22:29:45 จากคุณ : Toh loneliness เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:26:32

ความคิดเห็นที่ 27 มีข้อมูลมาแชร์ครับ ................................................. กระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริการายงานว่าพื้นที่ผลิตข้าวในปี 2553 ทั่วโลกมีพื้นที่ 975.94 ล้านไร่ ผลผลิตข่วเปลือกเฉลี่ย 677 กิโลกรัมต่อไร่ และทำนายในเดือนมกราคม 2554 ว่า ในปี 2554 จะมีพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวรวมประมาณ 992.50 ล้านไร่ ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็น ประวัติการณ์ของประวัติการผลิตข้าวของโลก โดยจะมีผลผลิตข้างเปลือกเฉลี่ย 682 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยประมาณ 0.74% ส่วนผลผลิตข้าวโดยรวมทั่วโลก ปีการผลิต 2552/53 มีผลผลิตข้างเปลือกรวม 660.51 ล้านตัน หรือ 440.94 ตันข้าวสาร คาดว่าในปีการผลิต 2553/2554 จะมีผลิตข้าว เปลือก 676.49 ล้านตัน หรือ 452.36 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้น 11.42 ล้านตันข้าวสาร หรือ 2.59% เมื่อพิจารณาแยกกำลังการผลิตข้าวของแต่ละประเทศ ผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกคือ ประเทศจีน 136.57 ล้านตันข้าวสาร ตามมาด้วยอินเดีย 89.13 ล้านตันข้าวสาร อินโดนีเซีย 36.37 ล้านตันข้าวสาร  บังคลาเทศ 31 ล้านตันข้าวสาร  เวียดนาม 24.98 ล้านตันข้าวสาร และไทย 20.26 ล้านตันข้าวสาร (ทั้งหมดเป็นข้อมูลของปีการเก็บเกี่ยว 2552/53) อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกอันดับหนึ่งและสองยังคงเป็นไทยและเวียดนาม เนื่องจากประเทศอื่นๆ มีความต้องการภายในประเทศสูง รวมทั้งบางประเทศมีปัญหา เรื่องความแห้งแล้งอย่างอินเดียหรือปัญหาอุทกภัยอย่างหนักในปากีสถาน จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:26:35

ความคิดเห็นที่ 28 ต่อ .................... หลังจากที่อินเดียระงับการส่งออกข้าวขาวมาตั้งแต่ปีเพาะปลูก 2551/52 หากอินเดียกลับสู่ตลาด จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของไทยและอาจทำให้ราคาข้าวในประเทศไทยมีความผันผวนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณสต็อกข้าวของอินเดียมีปริมาณสูงขึ้น จึงอาจทำให้เริ่มการส่งออกอีกครั้งทำให้กระทบกับตลาดข้าวเหนียวในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ........................ ผลผลิตข้าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:27:54

ความคิดเห็นที่ 29 ต่อ ......................... ในปี 2533 ไทยส่งออกข้าวได้ราย 9.03 ล้านตันข้างเปลือก เวียดนามส่งออก 6.83 ล้านตัน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเวียดนามขยายตัวจากปี 2552 คิดเป็น 14.6% ไทยขยายตัว 5.1% โดยอนาคตเวียดนามน่าจะเป็นผู้ท้าชิงที่แข่งแกร่งของไทย เนื่องจากยังมีความสามารถในการขยายพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งต้นทุนรวมที่ต่ำกว่า (ไทยมีต้นทุนต่อไร่เฉลี่ยสูงกว่าเกือบ 2 เท่า) ทำให้ได้เปรียบในสงครามราคา ที่น่าสนใจคือ เวียดนามไม่ได้มีนโยบายห้ามการนำเข้าข้าว ทำให้มีการนำเข้าข้าวราคาถูกจากกัมพูชาเพื่อนำไปบริโภคในประเทศหรือส่งออกได้อีก จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:28:49

ความคิดเห็นที่ 30 ตามด้วยข้อมูลราคาส่งออกข้าว http://www.thairiceexporters.or.th/price.htm ทำไมผมเห็นข้อมูลสองชุดนี้แล้วมันดูไม่เข้ากันยังไงก็ไม่รู้ ราคาต่อหน่วยของข้าวเจ้าอื่นๆ มากกว่าข้าวหอมมะลิ แต่ราคาขายของข้าวหอมมะลิมากกว่าข้าวธรรมดา (หรือข้าวหอมปทุม) เกือบสองเท่า จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:29:00

ความคิดเห็นที่ 31 ต่อ .............. จากการสัมมนา International Conference on Agriculture and Agro-Industry (ICAAI) 2010 ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเมื่อปลายปีที่แล้ว เหงียน ลอง บัค ได้นำเสนอผลการวิเคราะห์จุดอ่อน-จุดแข็ง ของอุตสาหกรรมการผลิตข้าวของไทยและเวียดนาม เห็นได้ว่าไทยจะได้เปรียบเวียดนามในเรื่องของเทคโนโลยีและคุณภาพของข้าว แต่เวียดนามจะได้เปรียบไทยด้านต้นทุนการผลิตและทรัพยากร (โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญอย่างน้ำคุณภาพของดินและต้นทุนแรงงาน) สุดท้ายแล้ว ข้าวของประเทศไทยจะมีราคาแพงกว่าโดยเฉลี่ย เวียดนามจึงสามารถนำเสนอข้าวของตนเองในฐานะสินค้า Commodity ได้ดีกว่า เนื่องจากมีลูกค้าที่ต้องการข้าวราคาถูกอยู่มาก เช่น ลูกค้าแอฟริกา และฟิลิปปินส์ จุดอ่อน-จุดแข็งของการผลิตข้าวของไทยและเวียดนาม                       คาดการณ์ปริมาณการส่งออกในปี 2553-2563* ..........ไทย ผลผลิตต่อไร่** ..........เวียดนาม พื้นที่เพาะปลูก               ..........ไทย แรงงาน ..........เวียดนาม ชลประทาน*** ..........เวียดนาม คุณภาพข้าว                       ..........ไทย ภัยธรรมชาติ ..........เวียดนาม รอบการปลูกต่อปี ..........เวียดนาม การใช้เครื่องจักรกล       .........ไทย การใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง        .........ไทย โรงสี                      .........ไทย ราคาขาย               .........ไทย ต้นทุนการผลิต               .........ไทย *ปริมาณการส่งออกของไทยมีแนวโน้มลดลง 14% (8.6-10 ล้านตัน) ส่วนเวียดนามมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 25% (6-6.75 ล้านตัน) **ผลผลิตต่อไร่ของไทยต่ำกว่าเวียดนามประมาณ 50% ***ภูมิภาคที่มีปัญหาเกี่ยวกับชลประทานของไทยคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 22:35:18 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 22:35:00 จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:33:27

ความคิดเห็นที่ 32 อยากทราบข้อมูลเรื่อง ปริมาณผลผลิต ต่อ พื้นที่ เพิ่มเติมครับ เพราะอยากรู้ว่า ทำไม ค่าเฉลี่ย เราถึงน้อยมาก ส่วนมูลค่า และการส่งออก ต้องให้คนขาย จัดการ ผมคนปลูก อยากเพิ่มผลผลิต โดยใช้ พื้นที่ให้น้อยลง มากกว่า  (ค่าใช้จ่ายไม่เพิ่มมาก ยิ่งดี 5555) จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:34:02

ความคิดเห็นที่ 33 ต่อ ............. ปัจจัยที่ทีผลต่อการส่งออกสินค้ากลุ่ม Commodity คือราคา เพราะสินค้ากลุ่มนี้สามารถทกแทนกันได้อย่างสมบูรณ์หรือเกือบสมบูรณ์ และเมื่อไทยไม่สามารถตัดราคาแข่งกับคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามได้ จึงจำเป็นต้องนำเสนอสินค้าในลักษณะ Specialty ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยจึงต้องเน้น การผลิตและส่งออกข้าวกลุ่มราคาสูงมากขึ้น ส่วนพื้นที่ที่เพาะปลูกข้าวราคาสูงไม่ได้ก็ อาจจะต้องเน้นการผลิตเพื่อการบริโภคในครัวเรือนหรือในประเทศ รวมทั้งการผลิตเพื่อเป็น วัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปข้าวต่างๆ สัดส่วนการส่งออกข้าวไทยในปี 2550 ข้าวราคาสูงได้แก่ข้าวหอมมะลิและข้าวขาว 100% และ 5% จะส่งไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และประเทศในสหภาพยุโรป ข้าวราคาปานกลางและราคาถูกมีลูกค้าได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบางประเทศในแอฟริกา ส่วนข้าวเหนียวมีปลายทางคือบางประเทศในแอฟริกาเช่นกัน อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ไทยน่าจะต้องพัฒนาคือผลผลิตต่อไร่ เนื่องจากเมื่อ เปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ  ซึ่งน้อยกว่าประเทศอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม เป้าหมายอาจไม่ใช่ผลผลิตที่สูงที่สุด แต่เป็นรายได้ต่อไร่ที่ดีกว่า จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:37:38

ความคิดเห็นที่ 34 ผลผลิตข้าวในประเทศไทย - ตัวหนังสือเล็กหน่อยนะครับพอดี Cap มาใหญ่ http://www.thairiceexporters.or.th/production.htm จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:37:51

ความคิดเห็นที่ 35 ต่อ ............ ปริมาณการผลิตข้าวของไทย พื้นที่เพาะปลูกทั้งข้าวนาปีและข้าวนาปรัง และผลผลิตของข้าวรวมในปีเพาะปลูก 2553/54 มีแนวโน้มลดลงแต่ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่จะเพิ่มขึ้น โดยมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวรวม 69.51 ล้านไร่ ลดลง 2.03 ล้านไร่ คิดเป็น 2.84% ผลผลิต 31.26 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลง 0.24 ล้านตัน คิดเป็น 0.77% ส่วนผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 450 กิโลกรัมต่อไร่เพิ่มขึ้นจำนวน 10 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.27 ............. การส่งออกแยกตามราคา จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:38:59

ความคิดเห็นที่ 36 แนวโน้มข้าวไทยปี 2554 ในปี 2553 ไทยส่งออกข้าวได้ถึง 9.03 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเหนียว 37% ข้าวขาว 30% ข้าวหอมมะลิ 18% โดยส่งออกได้มากเป็นพิเศษในไตรมาศสุดท้าย ส่วนในปี 2554 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 9.0-9.5 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ราคาข้าวของไทยยังขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงช่วงไตรมาสแรกปี 2554 หลังจากนั้นต้องรอดูปริมาณผลผลิตข้าวนาปรัง โดยถ้ามีผลผลิตมากขึ้นจะกระทบต่อราคาข้าวขาว แต่ข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียว จะยังมีราคาสูงต่อเนื่องทั้งปี 2554 ราคาขายเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ 11,000-11,500 บาทต่อตัน สูงกว่าราคาในปี 2553 ซึงอยู่ที่ 10,500 บาทต่อตัน ส่วนราคาส่งออกจะอยู่ที่ 14,500 - 15,000 บาทต่อตัน สูงกว่าในปี 2553 ที่ราคาประมาณ 14,000 บาทต่อตัน จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:40:10

ความคิดเห็นที่ 37 จริงๆ แล้วผลผลิตตอพื้นที่ก็เพิ่มตลอดนะครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 22:50:58 จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:45:30

ความคิดเห็นที่ 38 แต่เมื่อเทียบกับเขา......... จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:46:18

ความคิดเห็นที่ 39 ข้อมูลเยี่ยมมากครับ คุณ สันป่าตอง จากตาราง ที่ #34 ทำให้เห็นว่า ภาคอีสาน และภาคใต้ ดึงค่าเฉลี่ยผลผลิตต่อไร่ลง คงเป็นทเพราะการชลประทานไม่ทั่วถึง อย่างที่ว่าไว้ที่ #31 ส่วนหนึ่ง และจะเห็นว่า ข้าวนาปรัง ดีกว่าข้าวนาปี ด้วย ฉะนั้น ชาวนาจึงควรหันมาปลูกข้าว นาปรัง หรือไม่ ??????? จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:46:45

ความคิดเห็นที่ 40 ที่บ้านเรา (จ.เพชรบุรี) ปลูกข้าวได้อย่างแย่สุดคือประมาณ 800 ก.ก./ไร่ แต่พอเฉลี่ยกับผลผลิตที่ได้ทั้งหมดแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ก.ก./ไร่ ถ้าใครจำได้เมื่อ 2 ปีที่แล้วเราเคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับต้นทุนการปลูกข้าวทั้งหมดไว้ และมีบอกผลผลิตของที่นาแต่ละผืนอยู่ด้วย (ดูรูป-ข้าวนาปรัง ปี 2552) ส่วนเรื่องที่ผลผลิตข้าวต่อไร่ของไทยต่ำนั้นไม่แปลกหรอก เพราะบางพื้นที่ทำนาได้ปีละครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อนำมาเฉลี่ยกับผลผลิตจากพื้นที่อื่นๆ มันก็ต้องน้อยเป็นธรรมดา แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 23:00:28 จากคุณ : Aristolochia เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:50:44

ความคิดเห็นที่ 41 แถม.... มีตัวเลขอื่นด้วย จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:52:27

ความคิดเห็นที่ 42 โอ้ ดีใจจัง กระทู้นี้ข้อมูลดีๆ เพียบ จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:52:39

ความคิดเห็นที่ 43 #40 "วนเรื่องที่ผลผลิตข้าวต่อไร่ของไทยต่ำนั้นไม่แปลกหรอก เพราะบางพื้นที่ทำนาได้ปีละครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อนำมาเฉลี่ยกับผลผลิตจากพื้นที่อื่นๆ มันก็ต้องน้อยเป็นธรรมด" ตัวเลขเป็นผลผลิตต่อพื้นที่ต่อรอบ เฉลี่ยครับ จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:53:23

ความคิดเห็นที่ 44 นอกเรื่อง ............ เรื่องน่าหวาดเสียวของปีนี้น่าจะเป็นปริมาณผลผลิต มันสำปะหลัง (เพลี้ยแป้ง) กุ้งขาว (น้ำท่วม) แล้วก็ปาล์ม (น้ำท่วม + Biofuel) มากกว่าที่จะเป็นข้าวนะ ผมว่า... ปูลู จะด่าใครก็ได้ไม่ว่า แต่ด่าแล้วเปิดตูดหนีไป ข้อมูลก็ไม่มี (ตอนที่เขาดูข้อเท็จจริงกัน) ไม่เรียกนักวิทยาศาสตร์นะจ้ะ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 23:01:08 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 23:00:10 จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:58:03

ความคิดเห็นที่ 45 ข้อมูลของ FAO มาเก็บตอนนาปีแน่ๆ เพราะข้อมูล ผลผลิตนาปรัง พุ่งกระฉูด (แต่ก็แพ้ เวียด อยู่ดี) จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 22:58:18

ความคิดเห็นที่ 46 #43 งั้นเราคงเข้าใจผิด ถ้ายังงั้นก็คงเป็นเพราะระบบชลประทานในบางพื้นที่อย่างที่ความเห็นอื่นๆ บอกแหล่ะค่ะ จากคุณ : Aristolochia เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:03:27

ความคิดเห็นที่ 47 ข้อมูลจาก.......... กรมการข้าว FAO ASEAN food security Information System (AFSIS) กระทรวงพาณิชย์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:04:34

ความคิดเห็นที่ 48 จากข้อมูลหลายท่านพอจะเห็นความแตกต่างของผลผลิต ที่มีแนวโน้มมาจากปัจจัยทางด้านระบบชลประทานอย่างมากเลยทีเดียว เอาเงินประกันราคาข้าว จำนำข้าว ปีละหลายหมื่นล้านไปลงทุนระบบชลประทานทั่วประเทศจะดีกว่าไหม สักสิบปีน่าจะเห็นผลต่างแบบชัดเจน จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:06:04

ความคิดเห็นที่ 49 ก็ชาวบ้านเขาไม่เอาเขื่อนไม่ใช่เหรอครับ แล้วจะพัฒนาระบบชลประทานยังไง ขนาดฝายยังค้าน จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:07:03

ความคิดเห็นที่ 50 ในฐานะที่พ่อและแม่ เป็นนักวิชาการเกษตร  กรมการข้าว  (เกษียณแล้ว) เราต้องเลือกครับ  ว่าจะเอาปริมาณ หรือคุณภาพ เพราะว่า  ข้าวขาวดอกมะลิ 105  ที่อร่อยที่สุดของเรานั้น ให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำครับ ภาคกลางเลยนิยมปลูก  พวกข้าวหอมอื่นๆ  แทน  ไม่อร่อยเท่าแต่ผลผลิตสูงกว่า หรือถ้าจะเลือกพวกที่ให้ผลผลิตสูงๆ  มากๆ  เลยก็มีหลายพันธุ์ครับ  พวกที่ใช้เวลาปลูกน้อยก็มี  ปีนึงปลูกสามครั้ง  ก็จะยิ่งให้ผลผลิตต่อไร่มากขึ้นไปอีก   แต่ก็ไม่อร่อยเท่าขาวดอกมะลิ  ครับ ข้าวเรายังได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกอยู่ครับ  ตอนนี้  แต่ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะแพ้  แจสแมน  หรือข้าวที่ปรับปรุงพันธุ์ หรือพวก GMO  อื่นๆ  ในอนาคตได้ครับ จากคุณ : Triceratops เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:08:49

ความคิดเห็นที่ 51 ^ ^ ชี้ไป #48 คุณ 4จุด ---ถูกต้องที่สุด แต่เมื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเกิดขึ้นแล้ว บรรยากาศโรแมนติคอย่างการรับจำนำข้าว หรือการให้เงินชดเชยก็ไม่เกิดขึ้นสิครับ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช้เรื่องของความมั่นคงอาหารหรอก แต่เป็นความมั่นคงของอะไรก็ไม่รู้ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 23:11:10 จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:10:11

ความคิดเห็นที่ 52 สรุปเอาเองง่ายๆ ก่อนเลยละกัน สำหรับผม ข้าวไทยพันธุ์ดี ชาวนาไทยเก่งพอประมาณ ขาดแต่ชลประทานที่ดี ไปที่ภาคอีสาน ที่มีพื้นที่มากที่สุด แต่ได้ผลผลิต น้อยที่สุด ถ้าอีสานมีการจัดการน้ำที่ดีได้ ผลผลิตข้าวไทย ต่อ พื้นที่ จะได้ดีกว่านี้แน่ๆ อีกนิด เพิ่งเห็นที่ #50  ข้าวหอมมะลิ ปลูกได้ดีที่ ยโสธร ร้อยเอ็ด เป็นที่พื้นดินครับ ภาคกลางปลูกได้ ไม่หอมอร่อย เหมือนที่อีสานแน่นอน   ต้องเพิมการปรับปรุงพันธุ์ให้ปลูกได้ทั่วไปด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 23:15:30 จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:11:26

ความคิดเห็นที่ 53 แรกๆๆๆเหมือนจะเป็นกระทู้ดราม่า...แต่หลังๆๆๆวิชาการและข้อมูลทางสถิติเพียบ ยอดเยี่ยม...นี่แหละกระทู้หว้าก้อ ขอติดตามต่อไป จากคุณ : Mr.Mango เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:13:21

ความคิดเห็นที่ 54 จริงๆ คนไทยเก่งกว่าชาติใดๆ ในโลกนี่แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่เรากำลังซุ่มอยู่เท่านัั้นเอง จากคุณ : อิอิ (patham) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:13:36

ความคิดเห็นที่ 55 #50 ึคงต้องดูความคุ้มค่า หากผลผลิตข้าวหอมมะลิได้น้อยกว่าข้าวอื่น 50% แต่ราคาขายรวมทั้งหมดแล้วมีรายได้มากกว่าเท่าตัว อันนี้ถึงมองว่าคุ้มค่า แต่ประเด็นคือมองภาพรวมของประเทศแล้ว รายได้ของชาวนาไทยโดยเฉลี่ย"คุ้มค่า"กับแรงงานและพื้นที่การเพาะปลูกที่ลงทุนไปจริงๆหรือเปล่า? ยังมีประเด็นในเรื่องของชลประทานอีก ที่ทำให้ชาวนาในจ.ใหญ่ๆในภาคกลาง มีศักภาพที่จะทำรายได้มากกว่า เพราะผลผลิตที่ดีกว่าภาคอื่นอย่างมาก(ตรงนี้อยากทราบว่า มีการเก็บภาษีนา ค่าน้ำอะไรที่แตกต่างจากพื้นที่ขาดชลประทานบ้างไหม ใครช่วยบอกที?) แนวคิดของผมก็คือ จะทำข้าวอร่อยหรือไม่อร่อยยังไงไม่ใช่ปัญหา แต่ประเด็นคือจะทำอย่างไร ให้ชาวนาไทยส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีัทัดเทียมชนชั้นกลางในเมือง แบบชาวนาในประเทศที่เจริญแล้วได้บ้างครับ? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:14:51

ความคิดเห็นที่ 56 อีกประเด็นหนึ่งที่ผมอยากเปิดก็คือ ทำไมที่ลุ่มดีๆ อย่าง อยุธยา ปทุมธานี บางนา (ชื่อก็บอก) สมุทรปราการ นนทบุรี เราเอาไปปลูกบ้าน-ทำโรงงานหมด แต่ที่สูงๆ ดอนๆ เรามาทำการเกษตร ใครวางแผนมากันหนอ? ทำไมไม่วางพื้นที่โรงงานไว้ Zone 3 ตั้งแต่แรก จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:15:04

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้าอยากได้การชลประทานดีๆก็เก็บเงินค่าน้ำสิครับ แต่ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าผลักดันขึ้นมา ถ้ากลัวสร้างภาระให้คนยากจนก็เก็บค่าน้ำเฉพาะคนที่ใช้เกินกว่ากำหนดก็ได้ (อาจจะเกิด Nominee ทำนาขึ้นมาก็ได้ นั่นก็เป็นปัญหาที่ต้องแก้ต่อปาย lol) จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:21:26

ความคิดเห็นที่ 58 จาก #55 คุณภาพไม่ต้องขนาดในเมืองก็ได้ (จริงๆ บ้านนอกผม อากาศดีกว่าเยอะ) ผมอยากให้ชาวนาไทยส่วนใหญ่ หันมากร่วมมือกันเองมากขึ้น มากกว่า ไม่ใช่รอความช่วยเหลืออย่างเดียว รอให้มีคนมาป้อนอย่างเดียว รอของฟรี เหมือนแถวบ้านผม กำลังรอเงิน........ กันอยู่ จะมาก็ก่อนวันกา มาจากพวกที่มีป้าย มีเบอร์(อยู่ข้างถนน) คุยกันใหญ่เลยครับ คนนี้ หลักร้อย คนโน้นให้หลักพัน ผมฟังหละเซ็ง (ขออภัย ที่เข้าเรื่องน่าเบื่อ) จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 23:24:17

ความคิดเห็นที่ 59 เราถูกสั่งสอนให้รู้จักว่าบ้านเราเป็นนัมเบอร์วันเรื่องข้าว ตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนี้โลกมันหมุน อะไรก็หมุนตาม บางครั้งเราเองก็ต้องยอมรับครับ ว่าเราคงเป็นนัมเบอร์วันไปไม่ได้ตลอด แต่ในขนะที่เรื่องข้าว เราลดลง เด็กรุ่นหลังๆ กำลังถูกปลูกฝังว่าบ้านเราเป็นนัมเบอร์วันเรื่องอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ ครับ ผ่านไปอีก 10-20 ปี เมื่อเด็กเหล่านั้นโต วันนั้นก็คงจะมีกระทู้เรื่องอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ แบบกระทู้ข้าวนี้เกิดขึ้นครับ จากคุณ : CaminoReal เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 00:19:19

ความคิดเห็นที่ 60 ในความเห็นผมคิดว่าเป็นเพราะระบบชลประทานของไทยโดยเฉพาะภาคอีสานไม่ดีพอ ในขณะที่เวียดนามถึงแหล่งปลูกข้าวเขาจะน้อยกว่า แต่ที่ที่ปลูกเนี่ยอุดมสมบูรณ์มาก แค่ปากสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงเวียดนามใต้เนี่ย ก็สุดๆ แล้ว ผมเคยไปเที่ยวเวียดนามกลางตอนเมษา ขณะที่นาอีสานแล้ง ไม่มีน้ำ แต่พอเข้าเวียดนาม น้ำไม่รู้มาจากไหนเยอะแยะ ปลูกข้าวเขียวเต็มเลย แม่น้ำเขาเยอะนะเวียดนาม ถ้าใครมีข้อมูลเจ๋ง ๆ อยากให้ลองเปรียบเทียบแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ ๆ ของเวียดนามว่า เป็นแหล่งใดบ้าง พื้นที่เพาะปลูกของเขาเป็นอย่างไร ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 00:22:02 จากคุณ : นภาอากาศ (นภาอากาศ) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 00:20:41

ความคิดเห็นที่ 61 "แต่ประเด็นคือจะทำอย่างไร ให้ชาวนาไทยส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีัทัดเทียมชนชั้นกลางในเมือง แบบชาวนาในประเทศ ที่เจริญแล้วได้บ้างครับ?" มันมีเหตุผลที่ชาวนาต้องทน จน และเจ็บ ปัญหานี้แก้ไม่ได้หรอก จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 00:21:30

ความคิดเห็นที่ 62 พูดตามตรงนะพื้นที่อีสานมันไม่เหมาะจะปลูกข้าวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ก็ยังดันทุรังอยู่ร่ำไป ผลผลิตก็ได้ไม่เท่าที่ควรจะได้ เหมือนตักน้ำใส่โอ่งที่รั่ว เหนื่อยแทบขาดใจน้ำยังไม่มาก เผลอหยุดตักน้ำก็หมด เด็กเล่นซิมส์ซิตี้มันยังรู้เลยว่าการจัดสรรใช้ประโยชน์จากที่ดินของไทย มันมั่วแค่ไหน จากคุณ : กองกำลังธัญพืช เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 00:21:48 A:125.25.60.150 X: TicketID:315997

ความคิดเห็นที่ 63 ไม่มีคนเจ็บ ก็ไม่มีพระเอกสิครับ....คุณคืนพรุ่งนี้ เก็ทมุขผมป่าว จากคุณ : ผักชี เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 00:43:18 A:125.25.111.95 X: TicketID:197079

ความคิดเห็นที่ 64 ดูตามตารางนี้ เรื่องระบบชลประทานบางพื้นที่ก็ช่วยได้ไม่มากครับ เรื่องสภาพดินมีผลมากกว่าอีก จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 01:37:04

ความคิดเห็นที่ 65 นาปรังให้ผลผลิตมากกว่านาปี ถ้าอยากเพิ่มค่าเฉลี่ยโดยรวมคงต้องเปลี่ยนจากข้าวหอมมะลิเป็นข้าวหอมปทุมกระมัง เพราะนาปรังจะไม่ปลูกข้าวไวแสง (จริง ๆ ก็ปลูกได้แต่ต้องควบคุมมากหน่อย ชาวนาจะกล้าทำหรือเปล่าแต่นั้น) แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 02:02:53 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 01:44:42 จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 01:42:38

ความคิดเห็นที่ 66 ยิ่งรณรงค์ให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างเดียวไม่เอาปุ๋ยเคมี อย่าหวังเลยว่าผลผลิตเราจะมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แค่เรื่องการใส่ปุ๋ย ก็ยังไม่เข้าใจกันเลย จากคุณ : earth world เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 01:46:59

ความคิดเห็นที่ 67 #50 ข้าวหอมจังหวัดไม่ใช่ข้าวขาวดอกมะลิ 105 หรือครับ ถ้าใช่ก็เท่ากับคุณภาพข้าวแปรผกผันกับปริมาณผลผลิต แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 01:51:52 จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 01:51:28

ความคิดเห็นที่ 68 สรุปคือเลิกด่ากันเองแล้วแก้ไขทั้งระบบ แต่อันนั้นนั่นแหละคือสิ่งสุดท้ายที่จะทำกันได้ จากคุณ : VeryBadman เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 02:05:33 A:76.103.220.80 X: TicketID:310253

ความคิดเห็นที่ 69 ที่ข้างบนบอกว่าประเทศไทยมีผลผลิตต่อไร่ต่ำเพราะว่า  การชลประทานไม่ดีทำให้บางที่ปลูกได้แต่นาปี (ครั้งเดียว) แล้วต้องมาเฉลี่ยเป็นทั้งปี อันนี้ไม่จริงนะคะ ตารางข้างบนเค้าไม่ได้เอามาหารเฉลี่ยทั้งปี ดูได้จาก ญี่ปุ่นมีผลผลิตต่อไร่สูงมาก ทั้งที่เค้าทำนาได้ปีละครั้งเ่ท่านั้น อีกครึ่งปีทำไม่ได้เพราะอากาศหนาว จากคุณ : Black-White&Gray เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 02:08:49

ความคิดเห็นที่ 70 กด like คห.68 สัก 1,000,000 ครั้ง จากคุณ : earth world เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 02:20:31

ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อต้นเดือน ไปประชุมวิชาการเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยในประเทศไทย มีรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร นายธีระ วงศ์สมุทร มาเป็นประธานพูดเปิดงาน ทนฟังจนจบ สรุปมีแต่น้ำไม่ได้สาระอะไรเพิ่มขึ้นเลย แค่อยากจะรู้นโยบาย ที่ชัดเจนยังให้ไม่ได้ บ่นเสร็จก็กลับเลย ไม่เคยที่จะอยู่รับฟังความคิดเห็น ของผู้ประกอบการหรือเกษตรกรที่เค้ามาร่วมประชุม แล้วจะจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อ ??? จากคุณ : earth world เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 02:28:11

ความคิดเห็นที่ 72 เรื่องระบบชลประทานภาคอีสานทำได้ก็ดีแต่ปัญหาคือจะเอาน้ำมาจากไหน เพราะสภาพภูมิประเทศมันต่างจากภาคกลางที่แม่น้ำหลายสายไหลมาลงที่ภาคกลาง (แต่ก็ยังมีบางพื้นที่ขาดน้ำตอนหน้าแล้ง) จะสร้างเขื่อนคงไม่มีหวัง อ่างเก็บน้ำเล็ก ๆ คงได้แค่พอกินพอใช้ จะผันน้ำจากแม่น้ำโขงมาดูตอนหน้าแล้งคงมีน้ำให้พอใช้กระมัง ลาวกับจีนก็ขยันสร้างเขื่อนกันดีจัง จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 02:36:25

ความคิดเห็นที่ 73 ไปอินโดมาทำให้รู้ว่าที่นั้น นั่งรถไปทางไหน ออกไปนอกเมืองหน่อย เห็นนาข้าวเต็มไปหมด บ้านเราเดี๋ยวนี้ยังไม่เยอะท่าที่อินโดแล้ว เป็นเมือง เป็นตึก เป็นโรงงาน โลตัส คาร์ฟูร์ เต็มไปหมด ส่วนข้าวที่อินโด ก็ต้องบอกว่ากากสมอย่างที่ TN บอกครับ แข็ง ๆ หยาบ ๆ ผิดกับข้าวเมืองไทยลิบเลย แปลกใจทำไมเค้าไม่ปลูกข้าวพันธุ์ดี ทั้งที่น้ำเค้าสมบูรณ์กว่าบ้านเรา จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 02:44:13 A:183.89.224.135 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 74 แปลกใจกับตารางหัวกระทู้ในส่วนของบังคลาเทศ     บังคลาเทศผลิตข้าวได้มากกว่าไทยและเวียดนาม        ทั้งๆที่บังคลาเทศเป็นประเทศเล็กมาก    เล็กกว่าภาคอีสานของไทย    เล็กกว่าเขมร       แถมประชากรเกือบๆ150ล้านคน     แค่ที่อยู่อาศัยก็หนาแน่นพอดูแล้ว       เอาพื้นที่จากไหนมาปลูกข้าวได้มากมายขนาดนั้น เคยได้อ่านรายงานการเกษตรฉบับหนึ่งว่า     สาเหตุที่ผลผลิตในไทยมีแนวโน้มต่ำลงไปเรื่อยๆ     เป็นเพราะคนไทยใช้ปุ๋ยกันไม่เป็น     ซื้อมาแล้วก็มาประโคมใส่      แต่ไม่เคยตรวจสอบสภาพดินว่าดินในที่ของตนนั้นมีสารอะไรอยู่บ้าง    และขาดสารอะไร      ดังนั้นเมื่อใส่ไปโดยไม่รู้ความต้องการของดิน      สารบางอย่างที่จำเป็นแต่ไม่ได้รับการเติมบำรุงอย่างเพียงพอก็จะค่อยๆหมดไป     ทำให้การเพาะปลูกได้ผลผลิตปริมาณไม่เป็นไปตามที่ควร จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 03:02:06

ความคิดเห็นที่ 75 ข้าวเรายังอร่อยที่สุด อร่อยกว่าเพื่อนบ้าน มันก็มีปัจจัยมาจากสภาพแวดล้อมด้วยนะ ดิน น้ำ แร่ธาตุ ภูมิอากาศ เราเสียดายที่ดินแถบปริมณฑลมากๆ นนทบุรี ปทุมธานี  ดินดี น้ำถึง  แต่เอาไปสร้างบ้านจัดสรรกันหมด ที่ดินแถบนี้เหมาะกับการเกษตรมากกว่านะคะเนี่ย  แต่ทำไงได้ ก็มันดันติดเมืองหลวง แถมผังเมืองก็สนับสนุนการพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยมากกว่าเกษตรกรรม อีกหน่อยข้าวเราจะยังอร่อยที่สุดหรือเปล่าก็ไม่รู้ จากคุณ : น้ำชายามเย็น เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 03:16:28

ความคิดเห็นที่ 76 ก่อนทำนา  มีการวัด/วิเคราะห์ ดินก่อนหรือไม่? หลังทำนา เลิกเผากันแล้วหรือยัง? น้ำไม่พอใช้ เราจะผันน้ำจากไหนมาได้บ้าง  สร้างเขื่อน ฝายแม้ว  รับได้ไหม? จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 03:41:08

ความคิดเห็นที่ 77 56 ที่ลุ่มน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ครับ ที่ดอนมันแล้ง ชลประทานไม่ดี ประเทศไทยมัวแต่ไปทำเขื่อนกับเอาใจชาวเขาชายแดน ชาวนาเลยเป็นอย่างที่เห็น จากคุณ : Ni-MH เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 06:05:21

ความคิดเห็นที่ 78 ยืนยันอีกเสียง  ข้าวหอมมะลิไทย (ไม่รู้พันธ์อะไร) ที่ส่งมาอเมริกาอร่อยที่สุดในโลก  ข้าวไทยชนะเลิศ  แต่ราคาแพง  ยิ่งข้าวกล้องหอมมะลิ  แพงไปใหญ่ ข้อเสียอย่างเดียวของข้าวไทยคือ  เก็บนานไม่ได้  จะมีต้วคล้ายหนอนแล้วกลายเป็นแมลงบินได้ (ไม่รู้เรียกแมลงอะไร)  ทีวัดไทยจะมีคนถวายข้าวสารไว้มาก  กินไม่ทันก็เป็นอย่างนี้มีแมลงบิน  ไม่รู้จะช่วยกำจัดอย่างไรดี ตั้งแต่ Vancouver ยันลงมาถึง California ข้าวไทยเด่นมาก  บางร้านอาหารจะขึ้นป้ายเลยว่า เสริฟด้วยข้าวหอมมะลิจากไทย   เทียบกับข้าว Jasmin Rice ที่ปลูกในอเมริกา ราคาปานกลางแพงกว่า long grain นิดเดียว  เวลาหุงไม่หอม ไม่นุ่มนวลเนียน คล้ายข้าว long grain เลยนุ่มกว่าเพียงเล็กน้อยและเวลาหุงต้องใช้น้ำเยอะหน่อย  หุงออกมาแล้วจะแน่นไม่ฟู  ไม่เหมือนข้าวไทยที่เรียกว่า หุงขึ้นหม้อมั๊งคะ  อธิบายไงดี  ฟู ๆ ร่วน ๆ ไม่เกาะติดกัน เทียบกับข้าวจากเวียดนาม  หุงอย่างไรก็แฉะ  ไม่หอมเลย  ใส่น้ำน้อย มีกรุบ ๆ ในเนื้อ น้ำเยอะแฉะเลย  ต้องเก็บไว้หุงข้าวต้มจะดี  หรืออีกทีต้องนึ่ง  ยุ่งยากมาก  ข้อดีคือ ถูกมากกกกก เทียบกับข้าวจากอินเดีย  อันนี้เป็นแค่เฉพาะกลุ่ม  ไม่น่าจะเป็นคู่แข่งข้าวไทย  ราคาแพงกว่าข้าวเวียดนามแต่ถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทย เทียบกับข้าวญี่ปุ่น เกาหลี  2 ชาตินี้คล้าย ๆ กัน  เป็นแค่กลุ่มชาติ  ไม่กว้างไกล  ราคาแพงพอกับข้าวหอมมะลิไทยค่ะ ที่ไม่เคยเห็นเลย  ก็คือข้าวจากจีน  Rice ที่เป็น Product of China  หลายอย่างที่เป็นของกิน  เดี๋ยวนี้อเมริกานำเข้าน้อยลงแล้ว  หันไปทางประเทศที่เชื่อถือเรื่องของกินได้มากกว่าค่ะ จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 06:45:06

ความคิดเห็นที่ 79 #78 เขาเรียกว่ามอดครับ ข้าวประเทศอื่นไม่มีมอดเหรอ หรือว่าเขามีวิธีกำจัดมอดในข้าวสาร ----- ผมก็เชื่อว่าพันธุ์ข้าวหอมที่ว่าผลผลิตต่ำแต่คุณภาพและราคาสูง มันมีผลเช่นนั้นจริง คำถามคือ เรายังมี yield gap อีกเท่าไหร่ ที่สามารถปรับปรุงปริมาณผลผลิตต่อพื้นที่ได้ ชาวนาก็ควรได้รับรู้ด้วย ว่าผลผลิตต่อไร่สามารถเพิ่มได้อีกเท่าไหร่ จะได้มีการตั้งเป้าหมายพัฒนา yield gap คือผลผลิตสูงสุดตามศักยภาพของพื้นที่ เทียบกับผลผลิตที่เกิดจริง ตารางค่า Yield gap บางประเทศ ปี 2004 (ไม่มีประเทศไทย) ประเทศเกาหลี yield gap ต่ำมาก แทบจะทำได้เต็มศักยภาพ ประเทศ Egypt นี่มันจะศักยภาพสูงไปไหน ทำไมถึงเยอะกว่าชาวบ้านขนาดนั้น http://www.fao.org/rice2004/en/f-sheet/factsheet5.pdf แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 07:58:33 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 07:54:59

ความคิดเห็นที่ 80 ใครเคยปลูกข้าวบ้าง ผมนี้ พ่อให้ไป หว่าน เมล็ด เหนื่อยชิบ จะไป ป้อสาวก็ไม่ได้ เดียวอดตาย พอหว่านก็ต้องเก็บ เอามาปลัก อีก ปลักไป ปลักมา ได้ไอ ช่อนมากินอีก ปลูกออกมา นา 1 ไร่ ได้แค่ 500 กิโล ไร่ไหนดีหน่อยก็ได้ 540 เยอะสุดละ ไม่เคยได้เกินนี้หรอก มีประมาณ 10 ไร่ ขายส่งซัก นิดหน่อย ที่เหลือเก็บเข้ายุ้ง แต่ตอนนี้ เลิกทำละ ผมมาอยู่ในเมือง นาปล่อยเช่าไป จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 08:25:48

ความคิดเห็นที่ 81 จะเอาข้าวไทยไปเทียบกับจีน กับ ญี่ปุ่นก้ไม่ถูกอีกอันนั่นมันเป็น  Japonica ของเรากับทางเอเซียใต้ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้มัน Indica คนละตระกูลกัน ผมมองว่าที่ผลผลิตเราต่ำ เพราะเราเฉลี่ย ทั้งประเทศ ทางอีสานกัยใต้มันต่ำ มันเลยดึงผลผลิตเฉลี่ยลง บ้านผมอยู่เหนือ พ่อปลุกหอมมะลิ 105 ไม่เคยได้ต่ำกว่า 700 โล เคยเล่นพวกสุพรรณบุรี 1 กับข้าวปทุม ได้เกิน 1000 โล ครับต่อไร่ แต่ที่อีสานแถบทุ่งกุลา ทำหอมมะลิ 105 ได้คุณภาพสุดๆเหมือนกันชนิดที่โรงสียอมตกเขียวให้เลย แต่ผลผลิตก็ต่ำสุดๆ จากคุณ : sayanjo65 เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 08:36:11

ความคิดเห็นที่ 82 คห. ที่อยากดราม่า มีอะไรที่สร้างสรร แบบนี้ไหมครับ จากคุณ : บ่าวจ่อย เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 08:58:02

ความคิดเห็นที่ 83 เน้นปริมาณหรือจะเอาคุณภาพครับ ข้าวที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงจะเป็นนาปรังซะส่วนใหญ่ และข้าวนาปรังจะไม่ค่อยนำมาบริโภคโดยตรง จะถูกนำไปแปรรูปเป็นพวกแป้งต่างๆ และชาวนาไทยส่วนใหญ่ จะปลูกข้าวเพื่อบริโภค มะลิ 105 มีถิ่นกำเนิดจาก บางคล้า แปดริ้ว และที่แปดริ้วเองจะทำทั้งนาปรังและนาปี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะทำนาปรังมากขึ้น ตั้งแต่ได้มีเขื่อนแควระบม สียัด ที่อ่างฤาไน นอกเรื่องมาเยอะครับ ทุกวันนี้ชาวนาไทยขายข้าวได้ ก็นำเงินไปซื้อรถปิ๊กอัพ รถไถ รถไถเดินตาม เครื่องพ่นยาและเครื่องหว่านข้าว เครื่องสูบน้ำ รถเกี่ยวข้าว ทั้งหมดนี้ ใช้น้ำมันซึ่งเราต้องนำเข้ามาครับ จากคุณ : piyabhut เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 08:58:34

ความคิดเห็นที่ 84 เข้าใจแล้วครับว่าข้าวหอมมันผลผลิตต่ำแต่คุณภาพสูง แต่ไม่ทราบว่าทางวิชาการเกษตร มีข้อมูล Yield Gap หรือเปล่า ว่าผลผลิตต่อไร่มันมีศักยภาพที่จะเพิ่มได้อีกเท่าไหร่ในแต่ละพื้นที่ของไทย จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 09:06:04

ความคิดเห็นที่ 85 และยังมี เรื่องให้กลับมาใช้ควายอีก  แทนที่จะให้ใช้เครื่องจักรสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิต ผมดูข่าวว่าที่ประเทศญี่ปุ่น  วัยรุ่นในเมือง  ออกมาทำนากันมากขึ้น  รัฐบาลก็ส่งเสริม เห็นเครื่องไม้เครื่องมือแล้ว  น่าไปทำมาก  นาเล็กๆ   เครื่องมือเล็กๆ แต่ดี ส่วนของไทย  ถ้าตอนนี้ไม่รีบกระตุ้น หรือดำเนินนโยบายเกี่ยวกับเกษตรกร  ผมว่าอนาคตอีก 10-20 ปีจะแย่ นาข้าวหายหมด  ทีนี้ล่ะสนุก  แต่ยังไม่เห็นผู้นำประเทศคนไหน จะมองไกลไปขนาดนั้นเลย จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 09:11:49

ความคิดเห็นที่ 86 มันก็ต้องเฉลี่ยทั้งประเทศน่ะถูกแล้ว เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังมีชาวนาส่วนใหญ่(เพราะดึงค่าเฉลี่ยลงได้เยอะ) ยังมีผลผลิตต่ำมาก และน่าจะมีรายได้น้อยตามไปด้วย ไม่ใช่ยกตัวอย่างชาวนาภาคกลางเจ้าของที่ดินหลายสิบจนเป็นร้อยไร่อยู่ท่ามกลางการชลประทานสมบูรณ์แบบ ที่ประสบความสำเร็จมา แล้วบอกว่านี่ไง เราทำได้่มีประิสิทธิภาพแล้วนะ ส่วนที่บอกว่าได้น้อย เพราะข้าวคุณภาพดีแปรผกผันกัน ก็อย่างที่ถามไปว่า คิดออกมาแล้วมันคุ้มค่ากันหรือไม่ ทำแล้วทำให้รายได้ของชาวนามากขึ้น จนสามารถมีุคุณภาพชีวิตที่ดีพอจริงหรือเปล่า? ทำไมชาวนาไทย กับชาวนาญี่ปุ่น มีคุณภาพชีวิตต่างกัน ทั้งๆที่เขาว่าไทยผลิตข้าวคุณภาพดีที่สุึดในโลก? #83 ผมมองไม่ออกว่าเราจะเลิกใช้เครื่องจักร แล้วหันมาใช้กระบือไถนา ให้ทันทำนาปรังหรือทำนาอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรครับ อย่างกระทู้ก่อนลุงชาวนาเงินล้านมีที่นา100 ไร่ จะต้องใช้กระบือกี่ตัว และแรงงานกี่คนในการควบคุมดูแล? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 09:26:40

ความคิดเห็นที่ 87 การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ สามารถทำได้ครับ แต่ที่จะตามมาด้วยคือ ต้นทุนที่สูงขึ้นตามมาด้วย ผมเคยไปฟังนักวิชาการท่านนึง เป็นนักเศรษฐศาสตร์ แกพูดถึงเรื่องที่ว่า ผลผลิตต่อไร่สูง อาจไม่ได้สะท้อนถึงรายได้ที่แท้จริงที่สูงขึ้น ผมคิดว่ามันก็จริงบางส่วน แกพูดเรื่องนี้เป็นชั่วโมงเลย แต่ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว ผมเองทำงานอยู่ในแวดวงเกษตรนี่แหล่ะ ปัญหาอย่างนึงคือ นิสัยของเกษตรกร ส่วนมากแล้วทำเกษตรโดยสัญชาติญาณ ทำให้ไม่สามารถทำคุณภาพและปริมาณ ให้ได้ max ที่สุด อีกอย่างคือมักง่าย เอาง่ายเข้าว่า ใครแนะนำอะไรฟังนะ แต่ไม่ทำ อีกอย่างนึงที่ทำให้วงการเกษตรไม่พัฒนาก็คือไอ้นโยบายแทรกแซงสินค้าเกษตร ทั้งหลายนั่นแหล่ะ ตัวถ่วงเลย อันนี้ความคิดผมนะ จากคุณ : King Bamboo เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 09:43:48

ความคิดเห็นที่ 88 #84 น่าจะมีกระมังครับ นาปีตามข้อมูลนี้บางจังหวัดถึง 500 กก./ไร่ เลยครับ http://www.opm.go.th/guarantee/1/documents/05_30October2552.pdf ส่วนนาปรังนี่ยังไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ ข้อมูลยังมีน้อยอยู่ บางที่ได้ถึง 600 แต่บางที่ก็ได้ 100 กว่า srn-rrc.ricethailand.go.th/srrc/textpdf/kdml%20naprung2.xls จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 09:45:52

ความคิดเห็นที่ 89 #85 ใช้ควายไถนาก็ดีครับ แต่เหมาะสำหรับพื้นที่น้อย ๆ นะครับ ถ้าพวกร้อยไร่แบบบางคนไถยังไม่ทันหมดก็เกี่ยวข้าวได้แล้ว จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 09:52:49

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณ สำหรับ ข้อมูลดี ๆ ของทุกท่าน ทำให้ผมหู ตาสว่างขึ้นมาก ครับ บ้านผม อุบลราชธานี ผลผลิตต่อไร่ต่ำมากครับ ผมดู จากข้อมูล การประกันรายได้  กำหนด 210 - 315 กกต่อไร่ เท่านั้น ชาวนาที่นี่ ทำ เพื่อ รัปทาน ไม่ต้องซื้อ น้ำ ท่าก็ใช้ได้ แต่ 70 % อยู่นอกเขตชลประทาน ปัญหาของเขาคือ  1.  น้ำ  2. พันธ์ ข้าวปลูก  3. ค่าปุ๋ย ค่า ยา ฆ่าแมลง  4. ปัญหาระหว่างรอเก็บเกี่ยว ไม่มีเงินใช้ ก็ไปเอา โรงสี หรือนายทุน มาใช้  5. โรงสี เอารัดเอาเปรียบ การรับซื้อ ( อ้างว่า ความชื้นสูง อยากได้มากก็ไปเอากับรัฐ )  นี่คือทุกข์ของชาวนาบ้านผม  ทำอย่างไรครับ จะให้ เขามีความรู้เกี่ยวกับ การทำนา ให้ได้ผลผลิตสูง หาทุนในการทำนา หาปุ๋ย ยา ในราคายุติธรรม การรับซื้อที่ ยุติธรรม พวกเขาขยัน มาก นะครับ ว่างจาก ลงนา ก็มารับจ้างเป็ยช่าง กรรมกร ในตัวเมือง  ผมอยากให้ นักวิชาการทั้ง เรื่องน้ำ เรื่อง ข้าว ช่วยเหลือ ให้ความรู้กับ เขาอย่างทั่ว ถึง จากคุณ : pongsri เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 09:54:41

ความคิดเห็นที่ 91 ปัญหาหลักๆคือ เราส่งเสริมการศึกษา ไปผิดทาง ? เยาวชนส่วนใหญ่ของไทย เรียนหนังสือไปเพื่อ ? -เป็นลูกจ้างตามโรงงาน เงินใช้เดือนชนเดือน -เป็นข้าราชการกินตามน้ำทวนน้ำไปตามเรื่องตามราว -เป็นพนักงานตามออฟฟิศ ผ่อนรถผ่อนบ้านผ่อนอิออนและผ่อนเมีย จากคุณ : แล้วใครจะไปทำนา ? (ชีวิตจะรุ่งอย่ามายุ่งกับผม) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 10:00:07

ความคิดเห็นที่ 92 สมมติราคาข้าวคร่าว ๆ ตามนี้ละกัน http://www.dit.go.th/Rice_Product_Bag/2554/300554.pdf ข้าวหอมมะลิ 13700 บาท/ตัน ข้าวหอมจังหวัด 12500 บาท/ตัน ข้าวพันธุ์เดียวกัน อยู่ในเขตชลประทาน ต่างกันแค่พื้นที่ปลูก ชาวนาภาคอีสานปลูกข้าวได้ผลผลิต 350 กก./ไร่ จะได้เงิน 4795 บาท ชาวนาภาคกลางปลูกข้าวได้ผลผลิต 600 กก./ไร่ จะได้เงิน 7500 บาท รายได้ต่างกัน 2000 กว่าบาท เรื่องนี้จะแก้ไงดีล่ะ จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 10:07:48

ความคิดเห็นที่ 93 จัดเป็นความรุ้ใหม่ของผมเลยนะเนี้ย จากคุณ : Iheringi เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 10:32:06

ความคิดเห็นที่ 94 ตอนที่ผมไปช่วยงานท่าข้าว เป็นนาภาคกลาง ปลูกกันสามครั้ง/ปี สอบถามจากชาวนาได้ความว่า ผลผลิตต่อไร่ 600-900kg/ไร่ ขึ้นกับความเอาใจใส่ดูแล ปุ๋ย-ยา ใส่กันแค่ไหน บางรายไม่รู้โม้หรือเปล่า บอกว่าได้ไร่ละ 1ตัน ก็มี ถ้าคิดกันต่อปี ลองเอา 700x3 ก็ได้ไร่ละ 2100kg แล้วถ้าจะเทียบกับในตารางนั่นก็ 2100x62.5=131,250 เลยทีเดียว มากกว่าอันดับแรกของตารางแบบไม่ทิ้งฝุ่น แต่ข้อมูลผลผลิตข้าวไทยข้างบน อาจจะมาจากข้าวหอมมะลิ ที่ปลูกปีละครั้งก็เป็นได้ ดังนั้นผมคิดว่า ข้อมูลในตารางมันผิดครับ เขียนเอาตามใจคนเขียนมากกว่า จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 10:35:50

ความคิดเห็นที่ 95 ผมว่าทางสายกลางของพระพุทธเจ้า กับทฤษฎีใหม่ (เก่าแล้ว) ของในหลวงน่าจะเอามาใช้ได้นะครับ ถ้ ถ้าเรามีที่ 10 ไร่ แบ่งไปปลูกข้าวคุณภาพสูง (หอมมะลิ) แต่ผลผลิตต่ำ ซัก 1-2 ไร่ ที่เหลือก็ปลูกข้าวคุณภาพปานกลาง (ข้าวขาว) ซัก 7-8 ไร่ ทำให้ได้ปริมาณสูง และปลูกข้าวเหนียวสำหรับบริโภคเองอีก 1-2 ไร่ หรืออาจจะแบ่งออกนิดหน่อยไว้ทำระบบชลประทานส่วนตัว เช่น บ่อขุด (เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ด้วยก็ได้) ไว้กักเก็บน้ำฝน จะได้ไม่ต้องพึ่งน้ำจากรัฐบาล เพียงอย่างเดียว น่าจะดีนะครับ เรื่องปุ๋ย ก็น่าจะทำได้ เคมี 50 อินทรีย์ 50 ลดต้นทุนได้ตั้งครึ่ง ผลผลิต อาจจะน้อยกว่านิดหน่อย หรือเผลอๆ อาจจะเท่ากัน แถมยังดีต่อธรรมชาติในระยะยาวด้วยนะ จากคุณ : double22 เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 10:38:37

ความคิดเห็นที่ 96 ลองเอาราคาจำนำปีการผลิต 2548/49 บ้าง ข้าวหอมมะลิ 10000 บาท/ตัน ข้าวหอมจังหวัด 8500 บาท/ตัน ชาวนาภาคอีสานปลูกข้าวได้ผลผลิต 350 กก./ไร่ จะได้เงิน 3500 บาท ชาวนาภาคกลางปลูกข้าวได้ผลผลิต 600 กก./ไร่ จะได้เงิน 5100 บาท รายได้ต่างกัน 1600 บาท -*- ยังไงชาวนาภาคกลางก็รายได้ดีกว่าภาคอีสานอยู่ดี http://www.dit.go.th/uploads/DD1F6_Mali48_49.pdf http://www.dit.go.th/uploads/Z367Z_%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B548-49(%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%94_50).pdf จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 10:40:49

ความคิดเห็นที่ 97 ปัญหาหลักๆคือ เราส่งเสริมการศึกษา ไปผิดทาง ? เยาวชนส่วนใหญ่ของไทย เรียนหนังสือไปเพื่อ ? -เป็นลูกจ้างตามโรงงาน เงินใช้เดือนชนเดือน -เป็นข้าราชการกินตามน้ำทวนน้ำไปตามเรื่องตามราว -เป็นพนักงานตามออฟฟิศ ผ่อนรถผ่อนบ้านผ่อนอิออนและผ่อนเมีย จากคุณ : แล้วใครจะไปทำนา ? (ชีวิตจะรุ่งอย่ามายุ่งกับผม) ตอบคำถามเดียวที่ว่า แล้วใครจะไปทำนา ขอตอบว่า คนทำนาเมืองไทยมีเยอะเกินไปแล้วครับ มากเกินกว่าที่ส่วนอื่นๆจะอุ้ม ไหว จริงๆต้องลดปริมาณชาวนาลงอีก 50%-70% จะดีกว่านี้ แน่นอนลดจำนวนแต่ต้องไม่ลดปริมาณการผลิต โดยการเอาเทคโนโลยีมาช่วย และเพิ่มจำนวนพื้นที่ทางการเกษตรต่อหัว แต่....เราจะไม่มีชาวนารายย่อยๆยากจนใช้ควายทำนามาให้คนเมืองโรแมนติคนี่สิเรื่องใหญ่ หุหุ ประเทศพัฒนาแล้วมีสัดส่วนแรงงานภาคการเกษตร 10 นิดๆเปอร์เซนต์ ไม่เกิน 20 เท่านั้นเอง ส่วนประเทศไทยล่อไป 40 เปอร์เซนต์แล้ว จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 11:16:25

ความคิดเห็นที่ 98 ถ้าเลือกดูผลผลิตต่อไรก็คงเป็นแบบที่คุยกันมาครับ ชลประทานไม่พอ แต่ถ้าจะดูทางรอดชาวนา หรือเกษตรกร ผมว่ามันมีปัจจัยหลายอย่างครับ ดูต้นทุนการผลิด ดูราคาขาย อะไรเราทำได้อะไรทำไม่ได้ การใส่ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง มันทำให้ได้ผลกำไรตามปริมาณที่ใส่หรือเปล่า ได้ผลผลิด 900-1000 แต่ทำแล้วขาดทุน ได้ผลผลิต 500-600 แต่กำไร ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นไปได้เปล่า แต่ถ้าดูจากรายการ คนค้นคน กับที่บ้านทำสวนยางยกตัวอย่างปุ๋ย ปุ๋ยเคมีสูตรต่างๆ ก็ถุงละ 900 ขี้นไป ปุ๋ยอินทรีย์ ก็มีตั้งแต่ 300-500 แต่ที่บ้านใช้ปุ๋ยอินทรีย์ผสมแม่ปุ๋ย 46-0-0 0-0-60 ก็ได้ผลผลิตดี ราคาปุ๋ยก็ถูกลง เหลือประมาณ 700-800 หรือสวนข้างๆก็ใส่ปุ๋ยขี้ไก่ ราคาน่าจะถูกลงไปอีก แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 11:22:46 จากคุณ : 821 (บัตรผ่าน 821) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 11:20:13

ความคิดเห็นที่ 99 "แต่ประเด็นคือจะทำอย่างไร ให้ชาวนาไทยส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีัทัดเทียมชนชั้นกลางในเมือง แบบชาวนาในประเทศ ที่เจริญแล้วได้บ้างครับ?" อัตตาหิ อัตโนนาโถ + กัมมุนา วัฏฏี โลโก #66 "ยิ่งรณรงค์ให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างเดียวไม่เอาปุ๋ยเคมี อย่าหวังเลยว่าผลผลิตเราจะมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แค่เรื่องการใส่ปุ๋ย ก็ยังไม่เข้าใจกันเลย" เขาทำเพื่อลดต้นทุน ซื้อปุ๋ยเคมีลงกระเป๋านายทุนหมด อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี่ไง ส่วนผลผลิต/ไร่/รอบการปลูก มันเป็นเพียง criteria ตัวหนึ่ง ที่ใช้วัดศักยภาพของการผลิตข้าว ถ้าจะเอาให้สรุปกันได้จริงๆต้องเอา indicators ตัวอื่นมาร่วมในการตัดสินใจด้วย เช่น คุณภาพผลผลิต (ซึ่งวัดยากมาก) ต้นทุนการผลิต/ไร่/รอบ ต้นทุนค่าบำรุงรักษา/ไร่/รอบ ฯลฯ ก็เหมือน นสพ ฉบับหนึ่งออกมาแถเมื่อเร็วๆนี้ ว่าเมืองไทยอุดมสมบูรณ์ที่สุดได้ยังไงในเมื่อยอดการส่งออกน้อยกว่าประเทศอื่น (ไม่ได้อ่านหมดหรอกไม่มีเวลา) มันก็ตลกสิ แต่ก็ไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์ของกระทู้นี้คืออะไรนะ แต่ก็มีข้อมูลเยอะดี (คนอ่านก็ต้องพิจารณาเองด้วย ไม่ใช่เขาเอาอะไรมายัดให้เชื่อหมด) แต่ที่เห็นด้วยมากๆคืออีสานนี่แล้งบัดซบจริงๆ (รู้เพราะอยู่มาตั้งแต่เกิด) พอฝนมาก็มาแบบน้ำท่วม เขาจะสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำม่างก็ประท้วงทุบทิ้ง มันเป็นวัฏจักรอยู่อย่างนี้ เลยไม่รู้จะทำอย่างไร ส่วนเรื่องเกษตรกรจะรวยอย่างไร ผมว่าต้องมองข้ามเรื่องการปลูกข้าวอย่างเดียวไปเป็นแบบผสมผสานได้แล้ว เขาทำกันเป็นตัวอย่างให้เห็นทั่วประเทศ ถ้ายังดักดานอยู่ก็ตัวใครตัวมัน วีดิโอข้างล่างน่าสนใจดี จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 11:41:47

ความคิดเห็นที่ 100 94 ข้างบนเขาคุยกันไปแล้วนะว่า ผลผลิตต่อไร่ มันเป็นต่อไร่ต่อการเก็บเกี่ยวรอบเดียวทั้งหมด การเอาของเรามาคูณสามแล้วบอกว่าตัวเลขสูงกว่า มันไม่ใช่เรื่อง ยิ่งเอาข้อมูลภาคกลางภาคเดียวที่ทำนาได้สามครั้งมาคิดแทนทั้งประเทศ แล้วบอกว่าเขาผิดมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ จากคุณ : Deckard เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 11:42:33

ความคิดเห็นที่ 101 ถ้าอยากให้เกษตรกรรวย ต้องจับเกษตรกรมาเปลี่ยนวิธีคิดหลายๆอย่างซะใหม่ เลยครับ ตัวอย่างชาวนาไทยที่ประสบความสำเร็จ อ่านดูแล้วจะเห็นปัญหาหลายๆอย่าง ของชาวนาไทยที่ไม่ประสบความสำเร็จ เช่น ใจร้อนอยากเห็นผลเร็วๆ การ ทำการเกษตรแบบจ้างวานและการก่อหนี้ การฝากชีวิตไว้กับ ราคาขายโดยไม่ ใส่ใจต้นทุนเป็นต้น และอื่นๆ อีกหลายอย่าง http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A10599295/A10599295.html แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 12:36:31 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 12:34:12 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 12:33:11

ความคิดเห็นที่ 102 เรื่องผลผลิตข้าว ผมว่าน่าจะเอาเรื่อง กำไรขั้นต้น-กำไรสุทธิ มาวิเคราะห์ด้วย จะเห็นแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนขึ้นครับ ส่วนเรื่องรายได้เกษตรกร ความเห็นผม นอกจากจำนำ-ประกัน ที่ทำ ๆกันมาแล้ว ทำไมรัฐไม่ลองทำเพิ่มพวก นโยบายโรงสีแห่งชาติ-โกดังเก็บข้าวแห่งชาติ (หรือหนึ่งตำบลหนึ่งโรงสี-หนึ่งโกดัง) ล่ะครับ (โดยค่าสี-ค่าฝาก อาจตัดกับราคาจำนำ-ประกันไป) เพราะส่วนต่างระหว่างข้าวเปลือกกับข้าวขาว มันค่อนข้างเยอะ (ตัดเรื่องหัวคะแนน ,อิทธิพล ,คอร์รัปชัน ฯลฯ ออกไปอะเน้อ :) แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 12:38:29 จากคุณ : Ethan_Ko เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 12:36:34

ความคิดเห็นที่ 103 นาที่นึง ปลูกข้าวผสมผสานได้หรือเปล่าคะ จากคุณ : กระบองเพชรยังตาย เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 13:28:46

ความคิดเห็นที่ 104 รอมานานมากแล้ว... ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความกระจ่าง...นี่หล่ะ หว้ากอ จากคุณ : Sudjarid_sai เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 13:40:07

ความคิดเห็นที่ 105 เท่าที่ฟังลุงชาวนาเงินล้านนะต้นทุนลุงเค้าน้อยกว่าคนอื่นมากๆ เช่นใช้ขี้หมูเป็นปุ๋ยกระสอบละไม่กี่สิบบาท ส่วนคนอื่นใช้ปุ๋ยเคมีกระสอบละเกือบพัน ก่อนปลูกข้าวก็เอาข้าวไปแช่เชื้อราอะไรสักอย่าง ข้าวก็หว่านเอง เวลาปลูกเสร็จก็ไถกลบและปล่อยน้ำออกไม่เผาไม่มักง่าย adapใช้อุปกรณ์ต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอนแรกก็มีที่ไม่มากแต่ทำการเกษตรแบบนี้ทำให้มีที่ดินเพิ่มขึ้นได้เป็นร้อยไร่ ผลผลิตต่อไร่ไม่ทราบแต่ต้นทุนต่ำกว่าชาวบ้านเขาเลยทำให้มีกำไรเยอะ จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 13:43:47

ความคิดเห็นที่ 106 สมัยเด็กๆ ฟังเพลงนี้   ของวงคาราบาว ฝังใจเลยทีเดียว วิถีชาวนาไทยโดยนักการเมือง ขออนุญาต อาจจะไม่เกี่ยวกับข้อมูลประโยชน์ ข้าว ...ชาวนาคือผู้ทํานาปลูกข้าว เลี้ยงเรามาจนเป็นหนุ่มสาว ยันจนเราเฒ่าแก่ชรา แต่เหตุไฉนชาวนาไทยอับจนเรื่อยมา เผชิญดินนํ้าลมฟ้า เผชิญปัญหาชะตากรรม ถามคุณพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของเรา ลองกระซิบถามท่านเบาๆ ท่านโตด้วยข้าวมือใคร ตอนเราเป็นเด็กเราได้ดื่มนํ้านมมากมาย นมจากเต้าเอามาจากไหน ใช่หรือไม่เหงื่อไคลชาวนา วิงวอนฝากมาถึงรัฐสภาจากชาวนาไทย คุณนั่งห้องแอร์มันคงสบาย กลิ่นโคลนสาบควายยังนองนํ้าตา ร่างนโยบายซื้อขายข้าวเปลือกประกันราคา เกษตรกรเขานอนผวา รายได้ตํ่ากว่าราคาลงทุน  ดีชั่วตัวคุณเขาสนับหนุนคุณเป็นผู้แทน เลือกเอาไปเป็นขาเป็นแขน อย่าปล่อยแฟนๆ ทิ้งไร่ทิ้งนา หายหัวกบาลจนชาวบ้านเขาเอือมระอา เลือกตั้งครั้งสมัยหน้า ใครเขาจะกล้าไปลงคะแนน การเมืองเป็นร่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ผมพูดความจริงขอจงอย่าโกรธ ภาษาที่ใช้คําไทยโดดๆ ขอโทษทีครับแบนหําทําไม หําคนทํากินใช่อันธพาลประเทศไทย หําคําเดียวจําง่าย ชื่อจริงชื่อนายหําเทียม นักเขียนนักข่าวหําขอร้องกล่าวปรับความเข้าใจ อย่านึกว่าเป็นนักเขียนมันง่าย เขียนสุ่มกันไปรับเงินลูกเดียว งานจับปากกาก็เหมือนชาวนาเขากําด้ามเดียว ขีดเขียนเก็บเกี่ยวไม่ต่างกันตรงที่ความจริงใจ เพลงหําครํ่าครวญชักชวนให้คุณเห็นความเป็นไทย อย่าเอาหนังสือพิมพ์บ่อนทําลาย ควํ่ากระจาดตลาดลงทุน อย่ายอมรับใช้เขียนซ้ายเลียขวาจนวุ่น กวนบ้านเมืองจนขุ่น กวนโอ๊ยกวนส้นTeen ยังมีอีกมากที่ลากออกมาพอเป็นกระสัย แต่หําต้องขอทิ้งท้าย ศิลปินไทยฟังหําหน่อยซี อย่าร้องอย่ารําอย่านําทางมั่วโลกีย์ สร้างตัวอย่างไม่ดี ให้ลูกให้หลานให้เยาวชน ใช่ร้องใช่รําทําด้วยแรงขนมปัง จะร้องจะเล่นเห็นความจริงบ้าง ชาวนาเคว้งคว้างขัดสน แหกปากเข้าไปเอาแต่จะได้ประโยชน์ใส่ตน ถึงหําจะแปลว่าสัปดน ยังดีกว่าคนที่เนรคุณ... ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรชาวนาไทยที่โดนเอาเปรียบจากนายทุนพ่อค้าปุ๋ยพ่อค้ายาฆ่าแมลง ให้ยืนหยัดต่อไป จากคุณ : ปันเชน (เชนชัย) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 13:56:54

ความคิดเห็นที่ 107 ผลผลิตต่อไร่นี่สงสัยมานานแล้ว ขอข้อมูลอีกเรื่องครับ คือผลผลิตต่อไร่นี่ต่อระยะเวลาเท่าไหร่ ต่อหนึ่งรอบการปลูก, ต่อสามเดือน, หรือว่าต่อปี (คือจะได้มองภาพออกว่าปัญหามันอยู่ที่พันธ์ข้าวให้ผลผลิตน้อย หรือว่าปัญหาเรื่องน้ำ หรือว่าเรื่องอื่น) จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 13:57:07

ความคิดเห็นที่ 108 ผมว่าปัญหาส่วนหนึ่ง เกิดจากเกษตรกร ไ่ม่มีที่นาเป็นของตัวเอง เลยขาดแรงขับดัน ตั้งตัวยังไม่ได้ เลยยังไม่ได้คิดด้านการพัฒนามากนัก ถ้ามีที่ทางเป็นของตัวเอง เกิดตรงนั้นอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องคอยกังวลกับรายรับรายจ่ายเกินไป น่าจะเกิดการพัฒนาไปได้ดีกว่า (คล้ายๆวิวัฒนาการของคน เริ่มรุ้จักตั้งถิ่นฐาน ทำเกษตรกรรม ไม่ต้องย้ายไปย้ายมา) จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 14:04:29