ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มจากสไลด์ของศูนย์วิจัยข้าวฟิลิปปินส์ เค้าเน้นว่าข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญมากของประเทศเค้า และก็ภูมิใจที่เดียวที่ผลผลิต (yield) ของเค้าสูงไม่แพ้ชาติอื่นๆ ในเอเชีย ทางไทยเรา ก็รู้จักจ๋อยๆ ไปหน่อยที่ค่อนข้างต่ำ ... ส่วนทำไมถึงต่ำ ก็คงดูได้ที่กระทู้ที่แตกมานะ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:12:57

ความคิดเห็นที่ 2 แต่เค้าก็ยอมรับว่า ถึงจะได้ค่า yield (ปริมาณการผลิต ต่อพื้นที่) สูง แต่ปริมาณการผลิตของเค้ายังน้อยมาก ทำให้ชาติเค้ายังต้องมีการนำเข้าข้าวจากต่างชาติอีก ซึ่งเป็นผลเสียต่อความมั่นคงทางอาหารของเค้า (food security) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:16:10

ความคิดเห็นที่ 3 ดังนั้นเค้าจึงหาทุกวิถีทางที่จะพัฒนาพันธุ์ข้าวเค้าให้ดีขึ้น โดยร่วมมือกับ IRRI และชาติอื่นๆ ในการใช้ทุกเทคโนโลยีในการพัฒนาพันธุ์และวิธีการเพาะปลูก ทั้งให้ผลผลิตสูงขึ้น ต้านทานโรคและแมลงมากขึ้น ทนต่อสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน และมีคุณภาพของเมล็ดข้าวดีขึ้น รวมถึงมีคุณค่าทางอาหารมากขึ้นด้วย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:19:48

ความคิดเห็นที่ 4 แน่นอนว่าเทคนิคจีเอ็มโอ ตัดแต่งพันธุกรรม เป็นเทคนิคหลักทางไบโอเทคที่ฟิลิปปินส์และหน่วยงานวิจัยทางเกษตรกรรมทั่วโลก พยายามแข่งขันกันอย่างมาก (ยกเว้นในไทย เพราะเราถูกเอ็นจีโอโจมตีหนัก จนการวิจัยด้านจีเอ็มโอของไทยล้าหลังชาติอื่นๆ มาก ) เค้าก็ได้แนะนำให้ทางผู้เข้าดูงานได้ดูความก้าวหน้าของข้าวจีเอ็มโอที่เค้าพัฒนากันอยู่ ซึ่งมีทั้งที่เป็นแบบพื้นๆ เช่น ทำให้มียีน บีที ให้ต้านทานหนอนแมลงเจาะลำต้น และ ทำให้มียีนต้านยาปราบวัชพืชไกลโฟเซต (ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม) และแบบที่ล้ำสมัยขึ้นไปอีกเยอะ ที่อยากจะแนะนำให้ท่านทั้งหลายรู้จักกัน เช่น ข้าวทนแล้ง จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:25:20

ความคิดเห็นที่ 5 และข้าวที่มีโปรตีนไลซีนสูง ตลอดจนโปรเจ็คอลังการ คือ เปลี่ยนให้ข้าวที่เป็นพืช C3 ให้กลายเป็นพืช C4 ซึ่งจะมีศักยภาพในการสังเคราะห์ด้วยแสงเพิ่มขึ้นมหาศาล จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:27:40

ความคิดเห็นที่ 6 ที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ ประเด็นเรื่องสารอาหารในข้าว ซึ่งชัดเจนว่าข้าวเป็นแหล่งของแคลอรีก็จริง แต่มีสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่ำมาก ทำให้คนในประเทศเค้าที่ยากจนและกินแต่ข้าวโดยมีกับข้าวคุณภาพต่ำ เป็นโรคขาดสารอาหารกันเยอะ (คนไทยเอง ก็ยังมีปัญหาทุกขโภชนาการกันเช่นกัน ตัวอย่างเช่น โรคเอ๋อ จากการขาดสารไอโอดีน) ข้าวจีเอ็มโอ ที่ทำให้มีเหล็ก สังกะสี และวิตามินเอ สูง จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่เค้าพยายามทำกันขณะนี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 18:32:18 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:30:02

ความคิดเห็นที่ 7 ทางฟิลิปปินส์จึงได้แนะนำให้ดูข้าวจีเอ็มโอ ที่เป็นไฮไลต์ ของที่นั้น คือ ข้าวสีทอง ซึ่งตัดต่อยีนที่ทำให้เกิดเบต้าแคโรทีนจากข้าวโพดมาใส่เอาไว้ ทำให้ได้ข้าวที่มีสารตั้งต้นของวิตามินเออยู่ด้วย ช่วยแก้โรคตาบอดตั้งแต่เด็กเพราะขาดวิตามินเอ ซึ่งเป็นกันมากในหลายประเทศของเอเชีย ผมตื่นเต้นมากเลยที่ได้มาเห็นของจริง หลังจากที่ได้เรียนแต่ในห้องเรียนมานานแล้ว ข้าวสีทองที่เค้าโชว์ให้เรา เป็นรุ่นที่ปรับปรุงใหม่ล่าสุดโดยความร่วมมือแบบให้ฟรีจากบริษัทซินเจนต้า (บริษัทที่ทำวิจัยและขายพืชจีเอ็มโนในโลกนี้มีเป็นร้อยบริษัท ไม่ใช่แค่มอนซานโต้อย่างที่พวกเอ็นจีโอชอบป้ายสีกัน) เม็ดข้าวจริงสีเหลืองสวยมาก มีวิตามินเอสูงมากด้วย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:37:48

ความคิดเห็นที่ 8 ข้าวสีทองนี้กำลังได้รับการผสมข้ามกลับมายังข้าวที่นิยมบริโภคในแต่ละประเทศที่เข้าร่วมโครงการของ IRRI  ซึ่งไม่ได้มีไทยอยู่ด้วยนะ จากนั้นก็จะแจกจ่ายโดยทั่วไปฟรี ไม่มีการเก็บค่าสิทธิบัตรใดๆ ผลการทดสอบในภาคสนามก็ได้ผลดี และคาดว่าอย่างเร็วก็น่าจะประมาณห้าปีจากนี้ที่จะออกสู้ท้องตลาดได้ เพราะต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมให้เรียบร้อยก่อน จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:42:36

ความคิดเห็นที่ 9 ที่นี้ก็มาดูสถานการณ์ของการเพาะปลูกพืชจีเอ็มโอจากทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งมีถึงกว่า 29 ประเทศทั่วโลกที่ปลูกเพื่อการค้า ซึ่งมีทั้งประเทศในอียู ออสเตรเลีย รวมถึงสมาชิกน้องใหม่สุด คือ พม่า (นำหน้าเราไปไกลแล้ว เพราะเป็นพันธุ์ที่วิจัยเองด้วย ไม่ใช่แค่นำพันธุ์เข้ามาอย่างเดียว) ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนานั้นเป็นกลุ่มหลักที่ยอมรับเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้ และทำให้หลายประเทศเปลี่ยนจากประเทศผู้นำเข้าทางการเกษตร กลายเป็นผู้ส่งออกไปเรียบร้อยแล้ว (แน่นอนว่าไม่ใช่ไทย) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:46:53

ความคิดเห็นที่ 10 ปล.ขอโทษ ไม่ได้อ่านหมดว่าห้ามปาดดดดดด แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 19:05:01 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 18:49:48 จากคุณ : zardic เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:48:55

ความคิดเห็นที่ 11 แน่นอนว่า พืชจีเอ็มโอที่กำลังปลูกมากที่สุดตอนนี้คือ ข้าวโพด ฝ้าย และถั่วเหลือง ตามลำดับ แต่ในไม่ช้านี้ ข้าวจีเอ็มโอ (รวมทั้งมันฝรั่งจีเอ็มโอ) จะออกสู่ตลาดและน่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายประเทศที่เคยสั่งซื้อข้าวจากเรา จะกลายเป็นสามารถปลูกได้เองและอาจจะไม่ต้องนำเข้าในอนาคต (มีความจริงอย่างว่า เค้าไม่ได้เน้นกินข้าวคุณภาพสูงมากอย่างที่เราเชื่อๆ กัน) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:50:50

ความคิดเห็นที่ 12 อันนี้เป็นรูปการคาดการณ์ในอนาคตอีกไม่กี่ปีนี้ว่าจะมีชาติไหนในเอเชียบ้างที่จะปลูกพืชจีเอ็มโอ ค่อนข้างชัดจากการถามตัวแทนแต่ละชาติว่าน่าจะเป็นอย่างนี้จริงๆ โดยเฉพาะเวียดนามกับอินโดเนเซีย ... ถ้าคิดว่าในลาวกับกัมพูชาคงมีลักลอบปลูกแน่ และมาเลเซียเองก็พัฒนาเทคโนโลยีไปเยอะแล้ว ก็คงเหลือแค่ไทยชาติเดียวที่ถูกล้อมอยู่และไม่พร้อมจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้เลย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:53:56

ความคิดเห็นที่ 13 ที่น่าเกรงขามที่สุดในเขตเอเชียนี้ก็คงเป็นพี่ใหญ่ จีน ที่มีวิศัยทัศน์ชัดเจนมากทั้งจากประธานิบดีปัจจุบัน และผู้นำอาวุโส ที่สั่งให้ใช้พืชไบโอเทคนี้ในการพัฒนาเกษตรกรรมประเทศ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 18:56:02

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อปีก่อนพี่จีนก็ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาและจดทะเบียนพันธุ์ข้าวจีเอ็มโอเรียบร้อยแล้ว แซงหน้าทุกๆ ชาติเลย และก็จะปลูกเป็นการค้าในไม่กี่ปีนี้ ... คาดการณ์กันว่า แค่จีนปลูกได้ดีขึ้นแค่ห้าถึงสิบเปอร์เซนต์จากปัจจุบันนี้ รวมพื้นที่ทั้งหมด ก็จะมีปริมาณมากกว่าข้าวที่ไทยเราปลูกได้รวมกันอีก น่าขำที่ภาครัฐเคยพูดว่าเราจะไม่ปลูกข้าวจีเอ็มโอ เพราะกลัวจะไปขายจีนไม่ได้ (ลุกค้ารายใหญ่ของไทย) ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:00:55

ความคิดเห็นที่ 15 จริงๆ มีข้อมูลอีกเยอะ แต่น่าจะพอแค่นี้ก่อน เปิดโอกาสให้แสดงความเห็นกันดีกว่า ที่จริงแตกกระทู้นี้มาเพราะเจอตา Pastelsalad เมล์มาแกล้งให้เคืองด้วยข่าวนี้ ฮะฮะ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:03:19

ความคิดเห็นที่ 16 ข้าวหอมมะลิไทยไง สู้ญี่ปุ่นได้สบาย ไม่งั้นอเมริกามันไม่มาขโมยไปแล้วจดลิขสิทธิ์หรอก ส่วนจีนจะทำข้าวGMO ก็ปล่อยมาน มันบ้าไปแล้วประเทศชูชก อย่างนี้ จากคุณ : อ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:05:34 A:192.168.1.109 X:58.8.87.209 TicketID:319328

ความคิดเห็นที่ 17 เพื่อนผมมันชอบบอกว่าข้าวไทยนั้นเยี่ยมที่สุดในโลก จะตีตลาดญี่ปุ่นอยู่แล้ว ตอบว่า ไม่จริงเลย ผมอยู่ญี่ปุ่นมา 6 ปี ตอนกลับไปไทย  นี่ แทบกินข้าวไทยไม่ได้  แข็งมากๆเมื่อเทียบกับข้าวญี่ปุ่น วันรุ่งขึ้น พอซื้อข้าวมาให้ใหม่  แต่ก็ยังแข็งอยู่ดี เพื่อนก็บอกว่าผมไปเจอข้าวถูกๆมา(แพงที่สุดเท่าที่มันมีขายแล้ว) ซึ่งผมและพี่สาวก็บ่นแบบเดียวกันเลย  คือยังไม่ชินกับข้าวไทย  ไปกินที่ร้านไหนๆก็แข็ง ไม่นุ่มแบบที่เห็นโม้เลย ไม่มีทางที่ข้าวไทยจะตีตลาดญี่ปุ่น  แต่ก็ใช่ว่าข้าวญี่ปุ่นจะเอาไปทำอะไรก็อร่อย ถ้าจะอร่อยครบจักรวาลก็เน้นไปที่ผงชูรสเหอะ แต่ข้าวของอินเดียที่ชื่อ(อะไรๆ ปิฮามาส นี่แหละ  ลืมแล้ว) มันแข็งมัน กินแล้วทิ่มเหงือไปกระตุ้นน้ำลายให้ออกมาดีจัง ปล.1 ขอโทษ#10    ไม่ได้อ่านหมดว่าห้ามปาดดดดดด ปล.2 เพื่อนผมที่ว่าไม่ใช่ #16 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 19:24:07 จากคุณ : zardic เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:06:30

ความคิดเห็นที่ 18 ผมคิดว่ายังไงของดั่งเดิมจากธรรมชาติก็ยังคงดีกว่าที่มนุษย์เราๆ ทำขึ้นมาครับ ถามมองแบบประเทศไทยก็ชอบอนุรักษ์ของดั่งเดิมไว้นะครับ เรื่องข้าวโยงเรื่องการเมืองได้ครับแต่ไม่พูดดีกว่า ล้อเล่นนะ มองแบบคนกินข้าวธรรมดาคนนึง เราคงเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่องข้าวมายาวนาน + กับระดับของเทคโนโลยีเป็นอยู่ + ความจำเป็นในการบริโภคข้าวของคนไทย ก็เลยถูกเอ็นจีโอต้านใว้ ให้เราได้เพราะปลูกข้าวแบบเดิมๆทาน ไปตลอดชีวิต ตลาบใดที่ คนไทยยังมีข้าวทานเอย่างไม่ขัดสน เราคงไม่ได้ทานข้าว GMO ในประเทศที่ว่ามีข้าวกินตลอดปีและอร่อยที่สุดในโลกหรอกครับ(เค้าว่ากันว่านะ) แต่ผมสนับสนุนนะ GMO นะถ้าเพราะบนโลกเรายังมีคนที่อดยากอีกมากมาย สำหรับผมและคนทัวนั้นคงไม่มีอะไรมีความสุขไปกว่าตื่นมามีข้าวกิน อิ่มท้องตอนเข้านอนหรอกครับ นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ จากคุณ : amino OK? เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:16:23 A:182.53.80.82 X: TicketID:314123

ความคิดเห็นที่ 19 เมืองไทย กว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ต่อเมื่อเผชิญหน้าวิกฤติเต็มๆนั่นแหละ ระวังมันจะไม่ทันการนะเจ้านายยยย จากคุณ : erkDaZe เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:28:17

ความคิดเห็นที่ 20 ผมบังเอินมีโอกาสได้กินอาหารภัตตาคารในโรงแรมที่ทำงาน กินในขณะปฏิบัติงาน (duty meal) ผมรับประทานมื้อกลางวันทุกวันที่ห้องอาหารญี่ปุ่นสามสี่ปี เคยชินกับข้าวญี่ปุ่น และบอกตรงๆว่าติดมันแล้ว ถ้ามีให้ผมเลือกระหว่างข้าวญี่ปุ่น กับข้าวอื่นๆ ผมต้องเลือกกินข้าวญี่ปุ่นแน่นอน เพราะมันอร่อย นิ่ม รสชาติข้าวมะลิก็สู้ไม่ได้! (ความเห็นส่วนตัวแท้ๆครับ) จากคุณ : ซ่อนรอยยิ้ม เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:30:52

ความคิดเห็นที่ 21 ยังไงเราก็ไม่มีปัญหาเรืองผลิตอาหารได้ไม่พออย่าง ฟิลิปปินส์   จีน  อินเดีย อยู่แล้ว      ถ้ายังไงเราส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตแต่อาการออแกนิคส์  เกษตรอินทรีย์เป็นจุดขายของเราไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ พวกเกษตรอินทรีย์นั้นขายในเรื่องสุขภาพ   และราคาดีกว่า    เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ     ยังไงก็ขายได้     ต่างไปจากพวก GMO   แข่งกันผลิตไปให้ได้มากๆเพื่ออะไร      สุดท้ายผลิตมาได้ปริมาณมหาศาลของก็ล้นตลาด     ราคาตกอีก    กลายเป็นว่าผลิตได้มากๆก็กำไรลดลง    อยากได้กำไรมากๆก็ต้องผลิตเพิ่มขึ้น   ผลิตมากขึ้นราคาก็ยิ่งตกลงไปอีก   ในที่สุดต้นทุนก็จะไม่คุ้มกับราคาที่ขายได้    ลงท้ายก็จะขาดทุน แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 19:35:00 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:34:14

ความคิดเห็นที่ 22 ในอนาคตข้าวGMOกับข้าวจากธรรมชาติอาจจะแบ่งเป็นคนละตลาดก็ได้ ของถูกๆ ก็ขายให้กลุ่มหนึ่ง ของดีๆแพงๆเราว่าก็ยังไงก็มีคนยอมซื้ออยู่แล้ว โดยส่วนตัวเราแล้ว ยังไม่แน่ใจเลย อนาคตอาหารGMOมันจะมีผลกระทบอะไรหรือเปล่า.... ดูกันต่อไป จากคุณ : J-shock เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:36:25

ความคิดเห็นที่ 23 #17 ข้าวไทยแข็ง ถ้าข้าวดีๆ พวกหอมมะลิ ยังแข็ง ผมว่า คุณต้องกินแต่ข้าวต้มแล้วมั้ง หรือ หุงไม่เป็นครับ จากคุณ : NightWolf เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:36:57

ความคิดเห็นที่ 24 ฮ่า ฮ่า ฮ่า PastelsaladจะJD300ให้ร่วมแทนหรอครับ  เพราะติดภาระกิจซุ่มโป่งที่เฟรนเกียน่า จากคุณ : หัวปลาทู เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:41:37

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาลงชื่อไว้ก่อน จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:42:16

ความคิดเห็นที่ 26 ปัญหาคือเริ่มตามตอนนี้ก็อาจช้าไปแล้ว และเรามีปัญหาเรื่องต้นทุน ไปตลาดข้าว Mass ยังไงก็ไม่น่าจะรุ่ง เรามุ่งเน้นไปตลาดข้าว Non GMO Non Chemical เลยอาจจะรุ่งกว่า ร่วมมือกับเอกชน สร้างตรา มาตรฐานผลิตภัณฑ์ Oganic ที่ทั่วโลกเชื่อถือ ถ้าผู้บริโภค OKก็จะมีตลาดให้เราอยู่ได้ แต่ทั้งนี้ท้งนั้นต้องเข้มงวด เรื่องคุณภาพและนโยบายต้องเอาจริงเอาจังด้วยทั้งการตลาดและ การผลิต และจริงจังเรื่องการลดต้นทุนด้วย ส่วนข้าว ผมกลับชอบข้าวไทยมากกว่านะครับ ผมรู้สึกข้าวญี่ปุ่นนุ่มเกินไป กินกับอาหารญี่ปุ่นก็อร่อยดี แต่มากินกับอาหารไทยไม่ได้เรื่องเลย ข้าวสาวไห้ ยิ่งแล้วใหญ่กินกับแกงเนื้ออร่อยมากๆ ผมว่าเรื่องความอร่อยบางทีมันก็ เป็นเรื่องของรสนิยมคนเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 19:56:11 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 19:54:09 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 19:53:07 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:52:55

ความคิดเห็นที่ 27 #23  คุณเคยกินข้าวญี่ปุ่นหรือปล่าว ข้าวญี่ปุ่นล้วนๆ ไม่ใช่อันที่ผสมข้าวไทยลงไป เพื่อนผมมันก็พาไปร้านที่ว่าดีๆ  มันว่านุ่ม  แต่ก็ยังแข็งอยู่ดี คนที่อยู่ญี่ปุ่นมานานหลายปีจะรู้ได้เลย และเรื่องความสดของอาหารที่เอามาทำพวกซาชิมิ ซูชิ ร้านดังๆ ที่ต้องต่อแถวจองคิวกันก็ไม่ได้สดเลย  แต่คนพาไปกินมันบอกว่าสด เถียงตูฉอดๆเลย คุณว่าข้าวดีๆ พวกหอมมะลิ นุ่มแล้ว แต่โลกนี้มันมีที่นุ่มกว่าหอมมะลิอีก อย่างเนื้อ US ออสซี่ นิวซีแลนด์ที่ว่านุ่มและดีสำหรับคนไทย แต่มันก็ยังมีที่เหนือระดับนั้นไปอีกคือเนื้อวัวญี่ปุ่น มัตสึซากะ โกเบ จากคุณ : zardic เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:53:10

ความคิดเห็นที่ 28 ผมสนับสนุนเกษตรออร์แกนิคและสนับสนุนการวิจัยพืชจีเอ็มโอครับ   คืองี้มุมมองผมนะครับ  พืชที่เราเน้นออร์แกนิคก็ทำไปตามปกติ เน้นตามนโบบาย เป็นพวกพืชที่ใช้รับประทานพวกผัก ผลไม้ พวกธัญพืชครับ กลุ่มนี้ไปเน้นเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์คัดเลือกสายพันธุ์ เลือกเอาที่สมบูรณ์และอนุรักษ์สายดั้งเดิมไว้ด้วย ส่วนพืชที่จะทำจีเอ็มโอนั้นควรเน้น พืชที่ควรสงเสริมปลูกนำส่วนของพืชมาแปรรูปเป็นของใช้อีกที เช่น พวกฝ้าย ปอ ยาพารา ยูคา พืชพลังงานบางตัวอย่างสบู่ดำ เป็นต้นครับ  ส่วนพืชที่ใช้รับประทานควรทำในระดับแปลงทดลอง เพื่อคัดเลือกพันธุ์ไว้สำหรับแนวโน้มในอนาคตครับ ในใจผมนะครับ ที่อย่างให้ทดลองแล้วเอามาใช้จริงๆ คือ ยาง ปอ อ้อย ปาล์ม ในส่วนข้าวนั้นขอเป็นแค่แปลงทดลองเก็บผลไว้ใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขาดแคลนในอนาคตครับ ยังคิดอยู่ไม่ว่ายาง หรือ ปาล์ม ไทยเราทดลองพันธุ์น้อยมาก  มาเล อินโด มีเป็นร้อยสายพันธุ์ มีพันธุ์ที่ออกมาใหม่ๆเกือบทุกปี  แต่เทียบกับไทยออกมาน้อยมากแถมไปขโมยพันธุ์เขามาอีก แถมปลูกแล้วขึ้นดีกว่า แต่เรื่องระยะเวลาในการเกือบและกรีดยางยังอยู่ที่อายุ 5-8 ปีเหมือนเดิม ของมาเลพยายามทำให้เปิดกรีดน้ำยางให้เร็วที่สุด 3-4 ปี ส่วนปาล์มก็ 2-3 ต้องทำให้ตัดได้แล้วผลใหญ่ทลายใหญ่ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 21:25:29 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 20:04:51 จากคุณ : หัวปลาทู เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 19:58:21

ความคิดเห็นที่ 29 ได้ชิมข้าวสีทองรึยังครับ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 21:48:09 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 20:45:06 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 20:43:40 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:00:45

ความคิดเห็นที่ 30 ที่ไปกินมา ข้าวเกาหลีอร่อยที่ซู้ด จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:06:40

ความคิดเห็นที่ 31 โหวตให้คะ ข้าวไทยเราอร่อยมาก ข้าวหอมมะลิ105ทุ่งกุลา  สกต ร้อยเอ็ด  ขายในธนาคาร ธกส อร่อยมากๆ หอม นุ่ม หุงขึ้นหม้อ กินอิ่มท้องมาก เอามาขายไม่เคยพอ ปอลิง. เราคนใต้ไม่ได้ปลูกข้าว ดังนั่นไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับข้าวหอมมะลิอันนี้ เป็นแค่ผู้บริโภค คคหสต ปัญหาของเรา คือภาครัฐไม่ให้ความสำคัญกับชาวนากับเกษตกรเลยมากกว่า ดีแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ อะไรก็ดีแต่ประกันราคา แต่ไม่เคยมาเหลียวแลเกษตกรอย่าจริงจัง  ก็ลองตั้งเป็นวาระแห่งชาติซิ แก้ไขปัญหาแบบจริงๆจังๆซะที นี้อะไรมัวแต่อุ้มแต่โอ๋นักลงทุนต่างชาติ  รู้แหละว่าเขาเอาเงินมาให้ แต่ของดีของเด่นเราคือละไรละ??? ไม่คิดสนับสนุนมั่งเลยหรือ คิดแล้วมันเจ็บปวดนะ ย้ำเป็น คคหสต ผิดอะไรยังไงก็ขอโทษด้วยคะ และขอโทษอีกที่ ที่เข้าไปเกี่ยวกับการเมือง จากคุณ : Manta Ray กระเบนราหู เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:07:28

ความคิดเห็นที่ 32 ข้าวอะไรอร่อยกว่าข้าวอะไรมันเป็นเรื่องรสนิยมค่ะ ข้าวญี่ปุ่นกินกับอาหารญี่ปุ่นก็อร่อย แต่เอามากินกับอาหารไทยไม่เหมาะ และไม่เข้ากันอย่างแรงค่ะ ข้าวหอมมะลิไทยหุงดีๆจะนุ่มและอร่อย แต่จากที่สังเกตมา คนทางภาคกลางจะหุงข้าวสวยพอสมควร เพราะนิยมกันแบบนั้น ส่วนเรามาจากทางเหนือ ที่บ้านจะหุงข้าวนิ่มกว่า ตอนมาอยู่ กทม ใหม่ๆ ทานข้าวไม่ค่อยอร่อยเพราะรู้สึกว่ามันแข็ง นานๆไปก็ชิน แต่ถึงยังไงก็ชอบข้าวนิ่มๆมากกว่า นี่ขนาดคนในประเทศเดียวกันนะคะ ยังชอบกินข้าวในแบบที่ต่างกันเลย ก็เหมือนกันล่ะค่ะคุณ zardic ให้คนไทยกินข้าวไทย มากินข้าวญี่ปุ่น หลายคนไม่ชิน ย่อมบอกว่า ข้าวไทยอร่อยกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่า ข้าวของประเทศไหนจะดีกว่ากัน มันแค่รสนิยมที่แตกต่างกันก็เท่านั้นเอง เราเข้าใจคุณนะ แต่แหม... อ่านที่คุณบลัฟข้าวไทยแล้วมันอดเข้ามาอธิบายไม่ได้จริงๆค่ะ จากคุณ : fingers-crossed เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:08:13

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าเน้น GMO เพื่อแก้ไขการขาดแคลนของอาหาร ก็น่าสนับสนุนนะครับ ส่วนเรื่องข้าวญี่ปุ่น ข้าวไทย ถ้าเอาข้าวญี่ปุ่นมากินกับกับข้าวไทย ๆ ผมว่าไม่เข้ากัน ส่วนเอาข้าวไทย ไปกับกับกับข้าวญี่ปุ่น ก็ไม่ค่อยเข้ากันเหมือนกัน ส่วนเรื่องนุ่มไม่นุ่ม ขึ้นอยู่กับการหุง อายุข้าวสาร ด้วยนะครับ จากคุณ : I^^ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:12:59

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาเก็บข้อมูล จากคุณ : กำนันเชียร เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:13:56

ความคิดเห็นที่ 35 อาจเป็นความชอบส่วนตัวด้วยมั๊งครับเรื่องข้าวนิ่มหรือแข็งเนี่ย ผมเองชอบข้าวหอมมะลิของทางอีสานครับ เนื่องจากพ่อเป็นคนอีสาน ที่บ้านเกิดก็ยังทำนากันอยู่ เกี่ยวข้าวเรียบร้อยเขาก็จะส่งข้าวใหม่มาให้กินกัน ผมและพ่อชอบแบบแข็งหน่อยๆ ครับ เวลาหุงก็จะใส่น้ำลงไปแค่พอท่วมข้าวไม่มาก ข้าวก็จะออกมาเมล็ดสวย หนึบๆ หน่อย เคี้ยวเพลินทีเดียว ข้าวกล้องผมก็ชอบครับ เคี้ยวเพลินดี เวลาหุงผมก็จะใช้น้ำน้อยและไม่ผสมข้าวขาวเลย แต่คนอื่นๆ ในครอบครัวกับว่าแข็งไปซะงั้น -_-'' จากคุณ : นาย X-MAN เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:20:55

ความคิดเห็นที่ 36 ข้าวอร่อย ไม่อร่่อย อยู่ที่ความชอบของคนทาน มากกว่า มั้งครับ... ทำไมไม่ถกกันเรื่อง คุณประโยชน์ที่ได้จากข้าวแต่ละชนิดล่ะครับ ว่าพวกข้าวจีเอ็มโอ กับ ข้าวที่ปลูกอยู่ทุกวันนี้ อันไหนมีประโยชน์มากกว่า+ควรเพิ่มผลผลิต มั้ย จากคุณ : Sylphs เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:22:24

ความคิดเห็นที่ 37 GMO ไม่ใช่แก้ความขาดแคลนอาหาร เพิ่มผลผลิตอย่างเดียวนะครับ ใครยังไม่ได้อ่าน ลองกลับไปอ่านสรุปเป็นภาพในความเห็นที่ 3 ว่าเขาทำไปทำไม แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 20:32:28 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:31:53

ความคิดเห็นที่ 38 ข้าวในไทยตอนนี้คงยังไม่ถึงขั้นต้องเป็น GMOs ในด้านผลผลิตหรอกครับ ที่มีอยู่ก็โคตรล้นตลาดอยู่แล้ว แต่ควรไปด้านต้านทานโรคและแมลงมากกว่าแต่ถ้าเล่นปลูกติดกันทั้งปีแบบไม่พักนี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่เนื่องจากไม่มีการตัดวงจรอาหารของโรคและแมลงเลย จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:41:36

ความคิดเห็นที่ 39 ลงชื่อไว้ ต้องไปธุระ เดี๋ยวมาอ่านต่อ ขอบคุณเรื่องดีๆนะครับ กำลังสงสัยเรื่องทิศทางของข้าว ในอนาคตอยู่พอดี จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:45:05

ความคิดเห็นที่ 40 รบกวนสอบถาม ตอนนี้มีผลวิจัยยืนยันผลเสียของพืช GMO ต่อผู้บริโภครึยังครับ? จากคุณ : eumatee เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:45:55

ความคิดเห็นที่ 41 กระทู้ดี ผมสนับสนุน GMO เพื่อประเทศที่ขาดแคลน และสนับสนุน พืชออแกนิกส์ เพื่อขายคนมีอันจะกิน จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:47:15

ความคิดเห็นที่ 42 คิดว่าเรื่องประกันราคาและจำนำ ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเกี่ยวกับการพัฒนาพันธุ์ข้าว เป็นเพียงการหาเสียงทางการเมือง (ขอโทษที่เกี่ยวกับการเมือง) ซึ่งสิ่งที่ควรทำคือพัฒนาพันธุ์ข้าว เช่นให้ต้านทานกันแมลงศัตรูพืช หรือเพิ่มผลผลิต แก้ปัญหา แสงแดงที่แรงมากไป หรือุณหภูมิที่สูงขึ้น การทำ GMO แม้บางคนจะบอกว่า เพื่อแก้ปัญหา เช่นขาดวิตามินต่างๆ  แต่ทำไมไม่รับประทานอาหารแบบที่มีวิตามินเหล่านั้นหล่ะ ทั้ง ๆ ที่ราคามันก็คงไม่ต่างกันมาก เช่น อยากได้เบต้าแคโรทีน ก็รับประทานข้าวโพด หรือพืชสีเหลือง แต่กลับไปหาข้าวตัดแต่งพันธุรกรรมมารับประทาน ในความคิดคิดว่าแปลกอยู่ เพราะว่าใช่ว่า ไม่มีอะไรทดแทน แต่ใช้การรับประทานอาหารตกแต่งพันธุกรรมแทน ส่วนตัวคิดว่าผิดธรรมชาติมากกว่าไปหาพืชชนิดนั้น ๆ รับประทาน อีกหน่อย ไม่ลองตัดแต่งให้มีโปรตีนแล้วรับประทานแทนเนื้อแทนไก่ไปเลย ผมคิดว่าแปลกมาก คราวนี้กลับมาดูปัญหา ว่าจริงๆ ปริมาณไม่พอจริงมั้ย อย่างประเทศฟิลิปปินเนื้อที่น้อยเป็นเกาะเป็นเขาเยอะ ปลูกข้าวตามเชิงเขา ก็ตัดต้นไม้ไปเท่าไหร่ ฝนตกหนักที ก็แผ่นดินถล่มมีข่าวตลอด เพราะมีมรสุมหนักตลอด แต่จะปลูกข้าว คือว่าใช้ความมั่นคงทางอาหารเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจริง โลกไม่เคยขาดแคลนข้าว เพราะคิดว่าในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านไม่เคยขาดแคลนอาหารอย่างจริงจังเลย มีแต่ราคาแพงขึ้นบ้าง (อย่างประมาณซักสามปีที่แล้ว) แต่ไม่ได้ขาดแคลน เพียงแต่สต๊อกลดลง และการผลิตลดลงเท่านั้น การผลิตอาหารที่มากมายเกินไป สิ้นเปลืองทั้งทุน ทั้งเงิน ทั้งธรรมชาติที่ถูกทำลาย แต่ผลผลิตล้นเหลือ ทำให้ล้นตลาด ราคาข้าวก็ตกต่ำอยู่เรื่อยไป กลับกันขณะนี้ พืชพลังงานมาแรง ก็แห่กันปลูก อย่างนี้ มนุษย์ไม่ได้กิน น่าทำจีเอ็มโอ หรืออย่างยางพารา ส่วนตัว ผมคิดว่า น่าจะพัฒนา ส่วนสายพันธุ์ข้าวน่าจะใช้การผสมพันธุ์ใหม่ๆ มากกว่าการตัดแต่งพันธุกรรม เพราะมนุษย์ต้องรับประทาน แถมชาวเอเชียเนี่ยแหละที่รับประทานมาก เสียยิ่งกว่าชาวยุโรป หรือฝรั่ง จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 20:55:40

ความคิดเห็นที่ 43 #27 เนื้อวากิว สมัยยังกินเนื้ออยู่กินประจำครับ ขี้เกียจเถียงเรื่องความรู้สึก มันต้องวัดกันทางวิทยศาสตร์ไปเลย ว่าใครนุ่มไม่นุ่ม ข้าวไทย ยังไง ผมว่า ระดับ top โลก ถ้านึกถึงไทย ก็ต้องข้าว เยอรมัน รถ นาฬิกา สวิส  จริงบ่อ จากคุณ : NightWolf เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 21:13:28

ความคิดเห็นที่ 44 ผมทานข้าวหอมมะลิตราเบญจรงณ์อยู่ นิ่มและอร่อยมากๆหุงขึ้นหม้อครับ ถ้าจะเอาทำข้ามผัดก็รอให้ข้าวเย็นก่อนและนำมาผัดสุดยอดเลยครับ ข้ามหอมมะลิไทย ให้คะแนน 100 จากคะแนนเต็ม 100 ข้ามญี่ปุ่น ให้คะแนน 100 จากคะแนนเต็ม 1หมื่น จากคุณ : khonneinet เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 21:28:25

ความคิดเห็นที่ 45 ต่อไปเราก็จะมีข้าวกินเยอะเพราะ GMO ช่วยเพิ่มผลผลิต ประเทศต่างๆก็จะมีข้าวกินครบไม่ต้องสั่งซื้อ เมื่อไม่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศราคาข้าวก็คงจะถูกลงมากๆ อนาคตชาวนาคงต้องเตรียมสำรองอาชีพอื่นๆแล้ว อีกอย่างประเทศเพื่อนบ้านปลูกข้าว GMO ต่อไปข้าวไทยก็จะได้ยีน GMO ปนมาจากข้าวประเทศเพื่อนบ้าน ต่อไปก็จะเป็นข้าว GMO หมดค่อยๆกลายพันธุ์ไป ...เหนื่อยแน่ชาวนา จากคุณ : เบญจมาส เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 21:45:17

ความคิดเห็นที่ 46 ผมว่าข้าวไทยกับข้าวญี่ปุ่นนี่มันคนละเรื่องกันเลยนะ มันทดแทนกันไม่ได้หรอก ข้าวญี่ปุ่น ก็ต้องเอามากินกับอาหารญี่ปุ่น มันถึงจะอร่อย ถ้าเอามากินกับอาหารไทยก็ไม่ได้เรื่อง ข้าวไทย ก็ต้องเอามากินกับอาหารไทย มันถึงจะอร่อย ถ้าเอามากินกับอาหารญี่ปุ่นก็ไม่ได้เรื่องเช่นกัน จากคุณ : มดทอง เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 21:47:16

ความคิดเห็นที่ 47 #42 เหตุผลเพิ่มวิตามิน หรือแร่ธาตุต่างๆไปในข้าว แทนที่จะกินสิ่งที่มีอยู่แล้ว ก็เหมือน กับ โทรศัพท์ หรือ ปริ๊นเตอร์นั้นแหละ โทรศัพท์+เล่นเนท+ดูทีวี+ถ่ายรูป       ปริ๊นเตอร์+แสกนเนอร์+ส่งแฟ๊ก ใช้อย่างเดียวได้หลายอย่้าง แม้จะสู้สิ่งที่ทำมาโดยเฉพาะไม่ได้ แต่มันก็สะดวกดีมิใช้รึ อีกอย่าง ของธรรมชาติจริงๆ ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยทั้งหมดหรอก ไม่งั้นจะมีพืชที่เป็นพิษ เช่นเห็ด บางชนิดรึ จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 21:56:13

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่น่ามาอ่านตอนดึกเลย หิวข้าวขึ้นมาทันที จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:00:35

ความคิดเห็นที่ 49 การตัดต่อพันธุกรรมก็เหมือนกับการลัดวงจรวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ให้สั้นลงและแม่นยำตรงเป้า อยากได้อะไรใส่เข้าไป อยากให้ทนกับอะไรก็ใส่เข้าไป อยากให้มันฆ่าอะไรก็ใส่เข้าไป ถือเป็นความก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์ ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราคงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลทั้งสองด้านแล้วช่วยกันตัดสินใจ ผมสนับสนุนให้ประเทศมีการวิจัย แต่ก็มีความกลัวไม่อยากให้ปลูกในแปลง เป็นความรู้สึกของคนธรรมดาที่ไม่รู้ข้อมูล เท็จจริง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเหลือคือ ความกลัวในหัวใจของมนุษย์ที่ไม่ได้กุมข้อมูลเท็จจริงอย่างผู้เชี่ยวชาญ  ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ในสังคมโลก ธรรมชาติอยู่อย่างเพิ่งพาอาศัยกันตลอดมา แต่ปัจจุบันนี้  วิทยาศาสตร์ได้เดินข้ามทุกอย่าง มนุษย์สามารถลิขิตเองได้ไม่ต้องรอให้ฟ้าลิขิต และไม่เหลือความลี้ลับให้มนุษย์ได้ฉงน อีกต่อไป แต่จะทำอย่างไรจะขจัดความกลัวจากหัวใจของคนส่วนใหญ่ออกไปได้ หรือว่าความกลัว นี่เองเป็นสิ่งที่ช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากหายนะ มาหลายต่อหลายชั่วอายุคน จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:13:29

ความคิดเห็นที่ 50 แว้บไปทานข้าวเย็นแป้บเดียว กลายเป็นกระทู้ข้าวไทยอร่อยกว่าข้าวญี่ปุ่นไปแล้ว ค่อยๆ ตอบทีละประเด็น ... ยังไม่ได้ชิมข้าวสีทองที่เค้ามาโชว์ครับ แต่เท่าที่ทราบ พันธุ์ย่อยที่พัฒนาอยู่ขณะนี้สามารถหุงบริโภคได้ตามปรกติ ตามพันธุ์ที่แต่ละประเทศชอบครับ ตอบเรื่องความปลอดภัยก่อนครับ อันนี้ก็เป็นประเด็นที่เราถูกพวกเอ็นจีโอปั่นหัวกันมานาน ให้กลัว "ผี" กลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น กลัวเป็นแฟรงเกนสไตน์ตามอาหารแฟรงเกนสไตน์ (ตามที่พวกเค้าเรื่องอาหารจีเอ็มโอ) ... อะไรเราก็เข้าไป จะดีเอ็นเอตัวอะไรก็ตาม กินไปแล้วก็ย่อยหมด ไม่งั้นป่านนี้ ผมกินปูไปเมื่อคืนก็กลายเป็นปูไปแล้ว เอาเป็นว่าผลสรุปจากการวิจัยต่อเนื่องกว่า 15 ปี ไม่พบหลักฐานใดๆ ที่จะบอกว่าอาหารจีเอ็มจะมีอันตรายต่อผู้บริโภค มีองค์กรทางวิทยาศาสตร์หลักๆ ของโลกออกมาการันตีเรื่องนี้ รวมถึงองค์การอนามัยโลก และสำนักงานอาหารและเกษตรสหประชาชาติด้วย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:16:16

ความคิดเห็นที่ 51 ข้าวและพืชออกานิกส์ เป็นเรื่องดี แต่ไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาความขาดแคลนพืชอาหารในขณะนี้และในอนาคตอันใกล้นี้ ที่จำนวนประชากรคนในโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการที่เราเอาพืชอาหารมาใช้เป็นพืชพลังงานด้วย โลกกำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลนพืชอาหารจริงๆ ครับ เห็นได้จากราคาพืชอาหารทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีการเกิดจราจลในหลายประเทศด้วยอันเกิดจากปัญหานี้ รวมทั้งไทยที่อยู่ๆ ราคาน้ำมันปาล์มก็สูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งสาเหตุนึงก็เกิดจากการนำมาใช้เป็นพลังงานด้วย ดูกราฟการเพิ่มขึ้นของความขาดแคลนพืชอาหารครับ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:21:56

ความคิดเห็นที่ 52 ก็แปลกดีทีพืช GMOs บางคนโดนปั่นจนกลัว แต่ข้าวรังสีกลับไม่กลัวเพราะไม่ได้โดนปั่นหัว ถ้ากลัวว่าจะได้รับ DNA ไวรัสล่ะก็ ปกติมันก็มีแทรกอยู่ใน DNA ของคนอยู่แล้ว จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:25:41

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้าเราใช้การผลิตแบบปัจจุบันที่เราใช้ ผลผลิตที่ได้ (จากรูปเป็นของข้าวโพด) นั้นก็เพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่ทันกับการเพิ่มของประชากรแน่ๆ ... ถ้าใช้วิธีออกานิกส์ ก็จะยิ่งลดลงไปกว่านี้อีก ขณะที่ราคาอาหารก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ถ้าใช้การปรับปรุงพันธุ์โดยการทำเครื่องหมายพันธุกรรมเพื่อการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ ก็จะได้ผลผลิตที่ดีขึ้นอีก และถ้าใช้เทคนิคจีเอ็มโอ ผลผลิตก็จะสูงขึ้นอย่างมากกก จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:25:48

ความคิดเห็นที่ 54 ส่วนทำไมต้องทำข้าวสีทอง ให้มีวิตามินเอ ไปกินอาหารอย่างอื่นๆ ที่มีผักสีเหลืองเพื่อให้ได้วิตามินเอ ได้มั้ย ... คำตอบคือแต่ละประเทศก็มีปัญหาทุกขโภชนาการของตัวเอง ในฟิลิปปินส์และในอินเดีย มีปัญหานี้หนักมาก เพราะเค้าไม่ได้นิยมกินและหาพืชผักสีเหลืองกินไม่ได้ด้วย การทำให้ข้าวมีสารอาหารดีขึ้นแต่แรกจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ลองคิดถึงโรคเอ๋อบ้านเรา คนกรุงเทพฯก็พูดได้ง่ายมากว่า ก็แค่กินอาหารทะเลเพิ่มสิ หรือกินเกลือทะเลเพิ่มสิ แต่คนจนทางภาคเหนือ ภาคอีสาน ไม่สามารถหาอาหารพวกนั้นในราคาที่รับได้ ... ถ้ามีโอกาสในทำวิจัยได้ ก็น่าจะทำวิจัยข้าวจีเอ็มโอที่มีไอโอดีนสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางที่การผสมพันธุ์ธรรมดา จะสร้างสิ่งหลายนี้ได้ สไลด์นี้อธิบายว่า เทคนิคจีเอ็มโอ ควรเอามาใช้ในกรณีใดบ้าง (เช่น ทำได้ยากมาก หรือใช้เวลานานมาก ถ้าใช้เทคนิคผสมพืชแบบดั้งเดิม) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:31:39

ความคิดเห็นที่ 55 แถมกรณีการทำวิจัยพืชจีเอ็มโอในประเทศเอเชียอื่นๆ บ้าง อันนี้เป็นของอินโดนีเซีย ทำเต็มไปหมดเลย ทั้งถั่้วเหลือง มะละกอ มันฝรั่ง ข้าวโพด มะเขือเทศ รวมถึงข้าวด้วย เป็นการปรับปรุงให้ทนแมลง ทนโรคระบาด และตรึงไนโตรเจนได้ดีขึ้น ถ้าเมืองไทยให้ทำ ผมก็อยากให้วิจัยสร้างข้าวจีเอ็มโอที่ต้านเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ ซึ่งถ้าเราไม่วิจัยกันเอง ก็คงไม่มีชาติไหนมาวิจัยให้หรอก แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 22:36:30 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:34:40

ความคิดเห็นที่ 56 อันนี้ของเกาหลี เค้ายังไม่ได้ปลูกพืชจีเอ็มโอเป็นการค้า แต่ทำวิจัยเอาไว้เยอะมากๆ (เหมือนกับกรณีของญี่ปุ่น และประเทศยุโรปอื่นๆ เช่นกัน) ในสไลด์นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ตัวแทนชาติเค้ามานำเสนอ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:38:10

ความคิดเห็นที่ 57 อันนี้เป็นสไลด์ของเวียดนาม ที่ประกาศว่าจะปลูกพืชจีเอ็มเป็นการค้าในไม่กี่ปีนี้แน่ๆ และจะเพิ่มปริมาณเป็น ยี่สิบ สามสิบ เปอร์เซนต์ในสี่ห้าปีนี้ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:39:52

ความคิดเห็นที่ 58 อ่านถึงนี่ จากคุณ : โสดเสมอเมื่อเจอผู้ชาย เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:42:15

ความคิดเห็นที่ 59 ส่วนท่านที่กลัวว่าปลูกพืชจีเอ็มโอ แล้วจะทำให้ผลผลิตล้นตลาดจนราคาตก และขาดทุน ... วิธีอธิบายที่ดีที่สุดถ้ากลัวในประเด็นนี้ คือ ให้ดูการเพิ่มขึ้้นของการเพาะปลูกพืชจีเอ็มโอทั้่วโลก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงว่ามันต้องสร้างผลกำไรให้เกษตรกรได้ดี คุ้มค่ากับราคาเมล็ดพันธุ์ ผมเชื่อว่าเกษตรกรไม่ได้โง่นะครับ เพราะฉะนั้นมันต้องสร้างผลกำไรให้เค้าจริงๆ และความต้องการในตลาดยังสูงมากจริงๆ (จากจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สภาพดินฟ้าอากาศเลวร้าย ทำให้ผลผลิตทั่วโลกต่ำลงด้วย) เอาง่ายๆ ถ้าประเทศไทยเรายอมให้ปลูกพืชไร่จีเอ็ม เราก็จะลดการนำเข้าถั่วเหลืองมหาศาลในแต่ละปี ที่เอามาทำน้ำมันทำอาหารสัตว์ (เราปลูกเองไม่ค่อยได้) และเราจะลดการนำเข้าฝ้ายอีกมหาศาล ที่เอามาทำสิ่งทอเพื่อส่งออก (ปลูกเองก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะหนอนดื้อยาเยอะมาก พวกที่ทนได้ก็ฝ้ายบีทีที่แอบๆ ปลูกกันอยู่) ดูกราฟแสดงอัตราส่วนระหว่างพืชไร่ทั่วไปกับพืชไร่จีเอ็มจะเห็นว่า ถั่วเหลืองที่เรากินๆ กันอยู่ก็น่าจะเป็นจีเอ็มโอทั้งนั้นแหล่ะ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:49:21

ความคิดเห็นที่ 60 จากที่ผมเคยทำงาน คอม และเรียน ที่ ม.เกษตร มานะครับ อ. คณะเกษตร เคยมาสอนในวิชานึง  เขาพูดถึงอันตรายของพืช GMO คือ อย่างข้าวเนี่ยครับ มันก็มีแต่แป้ง  คาร์โบไฮเดรตแต่ถ้า เกิดเขาตัดต่อไปใส่ยีน ถั่ว เพื่อจะเพิ่มโปรตีนในข้าว มันก็จะเกิดปัญหาสำหรับคนที่แพ้ถั่ว แต่ไม่รู้ไปกินข้าว GMO ที่ตัดต่อยีน ถั่วเ้ข้าไปอยู่ดี ทำให้ถึงตายได้ สำหรับพืช GMO ในประเทศไทยเขาก็ทดลองใน LAB นะครับ  ทดลองกันเยอะด้วย  กลางแจ้งก็มี มะละกอ ที่เคยโดน NGO บุก เข้าไปตัดที นึง พวกผมเคยแอบเอามาทำส้มตำกันด้วย(โดนจับได้นี่ทัณฑ์บนแน่) แต่อยากลองก็ไม่มีใครเป็นอะไร แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 22:54:37 จากคุณ : Bigkub เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:50:48

ความคิดเห็นที่ 61 มาลงชื่อไว้ในก่อน หุหุ จากคุณ : ผมไม่เกี่ยวผมมาซื้อลูกชิ้น เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 22:56:41

ความคิดเห็นที่ 62 อยากพูดอย่างหนึ่งอาจจะแรงหน่อย    คุณ JD300 อย่าถือเลยนะครับ อาหารไม่เพียงพอต่อประชากรโลก     แล้วมันเป็นหน้าที่อะไรของประเทศไทย    ที่จะต้องพยายามเพิ่มผลผลิตไปขายคนชาติอื่นที่ขาดแคลน      เราชูธงว่าไม่เอา GMO ผลิตแต่เกษตรอินทรีย์ไม่ดีกว่าเหรอ    ในอนาคตเราจะได้มีจุดแข็ง  เป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่ผลิตอาหารแบบธรรมชาติ     ถ้าเรามัวแต่ไปคิดจะช่วยประเทศที่ขาดแคลน   เมื่อไหร่เราจะเปลี่ยนเป็นประเทศที่อยู่หัวแถวได้ซักที   เตี้ยอุ้มค่อมกันอยู่อย่างนี้    ยังไงผลประโยชน์ของชาติเราก็ต้องมาก่อนสิ       ประเทศไหนอยากช่วยคนขาดแคลนก็เชิญช่วยไป     เราผลิตของเราไปแต่มีจุดเด่นเหนือกว่าประเทศอื่นดีกว่า แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 23:05:11 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:02:04

ความคิดเห็นที่ 63 คห 60 ถ้าอาจารย์เกษตรที่เคยเรียนด้วย ชื่อขึ้นต้นด้วย ส. ก็พอเข้าใจได้ว่าเค้าให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเค้าเป็นฝ่ายต้านจีเอ็มโอครับ ในความจริง เทคโนโลยีนี้จะต้องผ่านการพิจารณาอย่างเข้างวดมากครับ กว่าจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ในบริโภคได้ ซึ่งในแง่ดีคือเรารู้ล่วงหน้าหมดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง (เช่น เอายีนจากถั่วบราซิลนัท มาใส่ในถั่วเหลือง (อันนี้คือเรื่องจริงๆที่เกิดแล้ว ไม่ใช่ในข้าว) เพื่อเพิ่มโปรตีน ซึ่งมีการคาดการณ์ก่อนแล้วว่าอาจเป็นปัญหาต่อฝรั่งที่แพ้ถั่วได้ พอสร้างขึ้นมาก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ จึงยังไม่เคยออกจากสถาบันวิจัยเลย) แต่ในกรณีของการเพาะปลูกพืชด้วยการปรับปรุงพันธุ์แบบดั้งเดิม เราจะไม่รู้เลยว่ามีการผสมทางพันธุกรรมโดยสุ่มอะไรเกิดขึ้นบ้าง .. แต่กลับไม่กลัวกันนะ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:08:34

ความคิดเห็นที่ 64 #62 ผมกลัวว่าถ้าวันนึงความหวาดกลัวต่อพืช gmo มันหมดไป จุดเด่นของการเป็นออแกนิกมันจะไม่เพียงพอที่จะพยุงราคาที่แตกต่างให้คุ้มค่าผลิตครับ ถ้าถึงวันนั้น เราจะตามเค้าไม่ทันเลย จริงๆควรทำควบคู่กันไป แต่การควบคุมไม่ให้ gmo ไปปนเปื้อนนี่ ท่าจะยาก จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:15:26

ความคิดเห็นที่ 65 คห 62 ถ้าประเทศไทยอยู่คนเดียวในโลก และไม่ได้เป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าทางการเกษตรรายใหญ่ เราก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรของเรา ให้สามารถส่งไปขาดประเทศที่ขาดแคลนพืชอาหารหรอกครับ แต่ที่ผมเน้น คือ ตอนนี้ประเทศที่เคยขาดแคลน เค้ากำลังแก้ปัญหาโดยการใช้เทคนิคจีเอ็มโอนี้ในการลดการนำเข้าสินค้าอาหารจากต่างประเทศ ... ขณะนี้ ผ่านมาแค่สิบปีที่ฟิลิปปินส์เริ่มปลุกข้าวโพดจีเอ็ม ตอนนี้เค้าเปลี่ยนจากประเทศผู้นำเข้าข้าวโพด มาเป็นไม่ต้องนำเข้าแล้วเมื่อสองปีก่อน และตั้งเป้าจะส่งออกในอนาคต  ... ซึ่งไทยก็อาจจะกลายมาเป็นผู้ซื้อข้าวโพดฟิลิปปินส์แทน เพราะเราต้องนำเข้าอีกเยอะสำหรับทำอาหารสัตว์ บราซิลเคยนำเข้าถั่วเหลือง ตอนนี้เป็นผู้ส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากอเมริกา / อินเดียเคยนำเข้าฝ้าย ตอนนี้เป็นผู้ส่งออกฝ้ายรายใหญ่ / จีน ... เจ้านี้ต่อไปคงส่งออกได้ทุกอย่าง แม้แต่ข้าว (ทราบกันมั้ยครับว่า คนส่วนใหญ่ในโลกชอบกินข้าวร่วนๆ เมล็ดยาวปานกลางแข็งปานกลาง ไม่ใช่เหนียวนุ่มเม็ดยาวแบบข้าวหอมมะลิไทย เค้าถึงอยากได้ข้าวบาสมาตีที่มีกินหอมแทน) พูดง่ายๆ ประเทศที่ทำเทคนิคใหม่ๆ พวกนี้มาใช้ จะกลายเป็นประเทศผู้นำทางการเกษตรในอนาคต ขณะที่ประเทศที่หยุดอยู่กับที่อย่างไทยเรา จะกลายเป็นประเทศล้าหลังแทน (แถมจะกลายเป็นประเทศที่ต้องซื้อสินค้าทางเกษตรจากชาติอื่นด้วย เหมือนกับกรณีของถั่วเหลืองกับฝ้ายในขณะนี้) ปล. ทางอินเดียประกาศความสำเร็จในการทำยางตัดต่อพันธุกรรมเสร็จแล้วปีนี้ ขณะที่ของมาเลย์เซียจะออกมาในอีกห้าปีข้างหน้า ... แต่ไทยเรายังไม่ได้ทำอะไร แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 23:19:48 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:15:33

ความคิดเห็นที่ 66 ตอบ# 62 นแบบความเห็นส่วนตัว เพราะเราอยู่บนโลกใบเดียวกัน สำหรับผม ถ้าเรามี เราก็ช่วยไม่ให้คนอื่นขาดแคลนจนเกินไป เพราะถ้าเรามีมาก และคนอื่นขาด มันจะเกิดปัญหาขึ้นสักวันแน่ๆ  (ความขัดแย้ง สาเหตุหนึ่งเกิดจากความขาดแคลน) อีกอย่าง เรื่องข้าว เราไม่เตี้ยแน่ แค่ตอนนี้และในอนาคต เราอาจตามเค้าไม่ทัน (ในสิ่งที่เราทำได้) อย่าถือสาผมนะ แต่ผมคิดว่า คุณค่อนข้างใจดำ จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:17:14

ความคิดเห็นที่ 67 สำหรับผมนี่ต้องข้าวเสาไห้เท่านั้นครับ ข้าวหอมมะลิกินเข้าไปแล้วรู้สึกมันแปลกๆ ฮ่าฮ่า คงเป็นเรื่องของความเคยชินอย่างว่านั้นแหละ จากคุณ : [D]iffind[O] เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:29:54

ความคิดเห็นที่ 68 จากคห.65    นั่นเหมือนจะยิ่งเป็นการตอกย้ำนะครับ      ว่าอนาคตผลผลิตเกือบทั้งหมดจะเป็น GMO     แต่มองในทางกลับกัน      คนที่ไม่ต้องการ GMO ก็มีไม่น้อย     ซึ่งอาหารที่ไม่ใช่ GMO ต้องมีราคาสูงขึ้นแน่นอน          สำหรับประเทศไทยมีแค่บางอย่างเท่านั้นที่เราผลิตได้ไม่พอ    แต่ส่วนใหญ่เราผลิตได้เกินความต้องการในประเทศทั้งนั้น       ดังนั้นเราเน้นการผลิตแบบเพิ่มมูลค่า     ผลิตแบบขายแต่น้อย   แต่ได้ราคาดีกว่าไม่ดีกว่าหรือ       ขนาดปัจจุบันอาหารขาดแคลนอย่างมาก    แต่เกษตรกรไทยก็ยังหมดตัวกันอยู่ตลอด     ถ้าในอนาคตผลิตได้มากขึ้นโอกาสที่ราคาพืชผลจะสูงขึ้นมันจะมีแค่ไหน    สุดท้ายเกษตรกรไทยก็ยังคงยากจนกันต่อไป    ไม่มีวันที่จะร่ำรวยขึ้นมาได้ แต่ผมไม่ได้ว่าให้ไทยปฏิเสธ GMO ไปทั้งหมด     ถ้าสิ่งไหนที่ไม่มีผลกระทบรึไม่เกี่ยวกับอาหาร   เราก็น่าจะทำเหมือนกัน    เช่นฝ้าย    ปาล์มที่เอาทำน้ำมันเชื้อเพลิง    ไม้แปรรูป    ยาง คห.66   จะคิดอย่างนั้นก็ได้ครับ      แต่คำว่าผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน    ผมเชื่อว่าไม่ว่าประเทศไหนก็ปฏิเสธไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 23:35:26 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 23:31:49 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:29:54

ความคิดเห็นที่ 69 เรื่องข้าวไทยข้าวญี่ปุ่นนี่ผมว่าเป็นความชอบส่วนตัว+ความคุ้นเคยมากกว่า เพราะผมเห็นคนที่ชอบกินข้าวเสาไห้มากกว่าข้าวหอมมะลิก็มี จากคุณ : ~Lonely_Fox~ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:37:09

ความคิดเห็นที่ 70 ที่หาข้าวไทยนุ่มกินไม่ได้เพราะตลาดไม่นิยมจ้า เขาต้องปล่อยให้เก่าถึงจะขายได้ราคา ถ้าข้าวใหม่ๆจากท้องนาเลยนี่ หุ่งไม่ค่อยขึ้น และเกินคำว่านุ่มไปแล้ว เพราะหุงพลาดมันจะเหลวๆไปเลย 555 จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:44:42 A:10.0.1.96 X:180.183.109.231 TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 71 ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่าคุณคิดแบบนักวิชาการของรัฐที่นั่งอยู่ในห้องแล้วฝันเอาอย่างเดียวอ่ะ จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 54 23:48:36

ความคิดเห็นที่ 72 ผมห่วงเรื่องการปนเปื้อนทางพันธุกรรมกับพืชธรรมชาติ รองลงมาก็คือ ปัญหาด้านการวิจัย สมมติคุณวิจัยGMOจนนำมาใช้งานได้จริง แล้วการคัดเลือกสายพันธุ์หรือการเร่งการกลายพันธุ์ด้วยรังสีล่ะ มันก็จะหยุดชะงักลง แล้วก็เรื่องตลาด เท่าที่อ่านมาพืชGMOจะเน้นเรื่องการขาดแคลนอาหารในประเทศ นั้นหมายถึงพืชGMOสามารถปลูกได้ทุกแห่งในโลกตามแต่เราจะเลือกที่จะปรับแต่งมัน แต่อย่าลืมว่าข้าวไทยคุณภาพเยี่ยมพันธุ์แท้มันไม่ใช้ว่าจะสามารถปลูกที่ไหนก็ได้ คิดดูเวียดนามจะปลูกข้าวGMOเพื่อการส่งออก ถ้าอยู่มาวันหนึ่งลูกค้าของเวียดนามสามารถปลูกได้เองอย่างเพียงพอจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเทียบกับว่าเราเน้นแนวเดิมแต่ไปเน้นเทคนิคทางด้านอื่นเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตแต่ยังรักษาคุณภาพเดิมเอาไว้ ผมเชื่อแน่ว่าตลาดบนยังไงก็ซื้อ เหมือนกับปัจจุบัน เวียดนามส่งออกข้าวได้มากกว่าแต่ราคายังถูก ตลาดก็ตลาดระดับต่ำกว่าเราที่ข้าวของเราคุณภาพสมราคา เน้นขายตลาดบน อาจจะแพงแต่ก็พร้อมที่จะมีเงินจ่าย จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 00:09:23

ความคิดเห็นที่ 73 เข้ามาบอกว่าเห็นด้วยกับคุณ zodiac28 ครับ แต่ขี้เกียจออกความเห็น รู้สึกว่าหว้ากอจะเป็นถิ่น GMO เพราะไม่ว่าจะพูด ว่าอะไร ก็คงไม่แคล้วโดนย้อนว่า ไปถูกพวก NGO กรอกหูมาล่ะสิแหงๆ ทั้งๆ ที่พวกที่สนับสนุน GMO ความจริงก็โดนพวกบริษัทมันกรอกหูมาเหมือนกัน เพราะเค้าก็ต้องบอกแต่ข้อดีของเขา เขาคงไม่บอกหรอกว่า... - ข้าวพันธุ์วิเศษของเขาเมล็ดพันธุ์ราคาเท่าไร ต้องซื้อทุกครั้งรึเปล่า - ต้องใช้ปุ๋ยอะไร ใช้ขี้หมูได้มั้ย - ต้องใช้ยาอะไรพ่นหรือเปล่า เราผลิตเองได้มั้ย - ผลผลิตได้เยอะจริงแต่ต้นทุนต่อไร่ล่ะเท่าไร - แล้วประเทศที่มีความหลากหลายทางอาหารอยู่แล้วของเราจำเป็นหรือที่จะต้องปลูกข้าวที่มีคุณสมบัติทดแทนอาหารอื่น - แล้วถ้าจะหันมาวิจัยพืช GMO มันจะง่ายกว่าอนุรักษ์พันธุ์ดั้งเดิม และใช้การควบคุมโรคและศัตรูพืชด้วยวิธีธรรมชาติ จริงหรือ - แล้วเราจำเป็นต้องเพิ่มผลผลิต ปลูกข้าวเพื่อให้ขายได้เงินเยอะๆ จริงหรือ แล้วเพื่อใคร? ฯลฯ จากคุณ : ปลาแสนกวน เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 00:40:49 A:223.204.18.42 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 74 เราตรงกันข้ามกับที่เถียง ๆ กันอยู่ข้างบนค่ะ คือ เรา ทานข้าวนิ่มไม่ได้ มันไม่เต็มปากเต็มคำ และความรู้สึกเหมือน กินข้าวเหนียวใหม่ และการที่มันนิ่มฟู ทำให้รู้สึกเหมือนกินเนื้อขนมปังนิ่ม ๆ ที่กลืนหาย ทำให้เรา ทานข้าวได้แต่ ข้าวตาแห้ง จะว่าจนก็ได้ค่ะ..... อ่านกระทู้นี้ และเห็นเถียง ๆ กันข้างบน นึกถึงคำสุภาษิตคำนึง ส่วนเรื่อง GMO หรือไม่ ไม่มีความคิดเห็นค่ะ..... จากคุณ : กุ๊กไก่ไม่ขันมาหาฉันจะกระต๊าก เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 00:40:52 A:223.207.12.244 X: TicketID:191399

ความคิดเห็นที่ 75 ^ ^ ไม่ล๊อกอินมาตอบอ่ะ จะให้กิฟ  ตากแห้งแล้วเอามาตำใส่น้ำตาลปึ๊ก ผมทานได้ทุกรูปแบบแม้กระทั้งข้าวที่หุ้งแล้วไม่ค่อยสุก เพื่อความอยู่รอด ปัจจุบันคุณแน่ใจแค่ไหนว่าไม่เคยทานอาหารที่เป็นจีเอ็มโอ ผมว่าเคยแน่นอน ไม่ว่าจะข้าวโพด ถั่วเหลือง มะละกอ โดยเฉพาะถั่วเหลืองเรานำเข้ามาในปริมาณที่เยอะมาก แล้วก็ฝ้ายด้วยที่นำมาทอผ้าก็เยอะเช่นกัน หรือทางอ้อมคือพวกเนื้อสัตว์ที่เราทานแต่ใช้พวกพืชที่เป็นจีเอ็มโอเลี้ยง เมกาตัวดีเลย ฮ่าๆ สำหรับผมอยากให้เราศึกษาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร  อย่างน้อยเราก็จะได้มีเทคโนโลยีและความรู้ที่ทันเขา  ส่วนพืชที่ควรทำจริงๆก็ตามความก่อนของผมครับ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่มั่นใจหรือระแวงในเรื่องการทดลอง(รวมทั้งผมด้วย)อยากให้มีกฏหมายที่ชัดเจนไปเลย จะให้ทดลองได้แค่ไหนก็ว่ากันไป  และต้องมีองค์คู่ขนาน(ตรงข้าม)เข้าไปร่วมด้วยในการติดตามการวิจัย และควบคุมพืชที่ต้องการวิจัยเป็นชนิดๆไปในส่วนที่เราคิดว่ามีความจำเป็น เช่น ข้าว ฝ้าย แล้วองค์ที่จะทดลองได้ต้องเป็นของรัฐเท่านั้น จากคุณ : หัวปลาทู เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 01:10:31

ความคิดเห็นที่ 76 ตัวผมเองไม่มีความรู้มาก เคยอ่านข้อมูลของกรีนพีซบ่อยๆ ทั้งเรื่องมะละกอและเรื่องข้าว ยอมรับว่าตกใจมากอยู่เหมือนกัน พอมาอ่านข้อมูลของอาจารย์เจษ ก็ตกใจในความล้าหลังของเราเหมือนกัน ส่วนตัวมองเห็นความจำเป็นของ GMO และยอมรับว่าจะต้องมีวันหนึ่งในอนาคตที่เราไม่สามารถปฏิเสธเทคโนโลยี GMO ได้อย่างแน่นอน (อารมณ์ประมาณเทคโนโลยีพลังงานจากนิวเคลียร์) จากข้อมูลในกระทู้นี้ ทำให้ตระหนักถึงข้อดีและความจำเป็นของพืช GMO แต่กระนั้นข้อโต้แย้งของกลุ่ม NGO ต่างๆ (ทั้งที่เป็นวิทยาศาสตร์และไม่เป็นวิทยาศาสตร์) ส่วนมากก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงอย่างชัดเจน จึงอยากให้อาจารย์ลองโต้แย้งคำกล่าวอ้างพวกนี้อย่างละเอียดในเชิงวิทยาศาสตร์ (หรือเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ) และมีอ้างอิง เป็นข้อๆ ไป (ถ้าอาจารย์ว่างพอ ฮ่าๆ) เพราะข้อมูลเรื่องความปลอดภัยที่เคยอ่านส่วนมากเป็นข้อมูลสำหรับชาวบ้านทั่วไป ไม่ค่อยลงลึกเท่าไหร่ อ่านแล้วบางทีก็รู้สึก ลอยๆ ไม่ต่างกับข้อมูลเรื่องอันตรายของ NGO เท่าไหร่ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 54 01:35:54 จากคุณ : PastelSalad เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 01:22:52

ความคิดเห็นที่ 77 เพลาๆ ความเห็นเรื่องอร่อย/ไม่อร่อย ดีมั้ยครับ เราเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่ง แต่ผลผลิตต่อไร่ต่ำรั้งท้าย สาเหตุเพราะพันธุ์ข้าว ชลประทาน และวิธีการเพาะปลูก ซึ่งแม้ข้าวของเราจะคุณภาพสูง แต่ผลผลิตต่อพื้นที่เฉลี่ยต่ำมาก เห็นหลายๆ คนกลัวว่าผลผลิตสูง แล้วล้นตลาด จะทำให้ราคาตกต่ำ การเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ ก็เท่ากับเพิ่มผลผลิตต่อต้นทุน เพิ่มผลผลิตต่อแรงงาน ทำให้ใช้แรงงาน ทุน และทรัพยากรในการเกษตรได้อย่างคุ้มค่าขึ้น สมมุติว่าเราลดพื้นที่ทำการเกษตรลง เราก็จะได้ข้าวเท่าเดิมด้วยต้นทุนที่ต่ำลง การป้องกันข้าวล้นตลาด ก็อยู่ที่การวางแผนจัดการพื้นที่เกษตร ลดการอุดหนุนการทำนาที่ล้มเหลว จูงใจให้ไปทำการเกษตรที่เหมาะกับพื้นที่ หรืออุตสาหกรรมอื่นแทน ปรับโครงสร้างราคาให้ผลประโยชน์ตกกับชาวนามากกว่าพ่อค้นคนกลาง ควบคุมราคาด้วยวิธีต่างๆ เช่นใช้ตลาด Future เป็นตัวฉุดราคา อย่างที่รัฐบาลหนึ่งในอดีตเคยทำสำเร็จ ถ้าชาวนาขายข้าวราคาดี การอุดหนุนก็จะลดความจำเป็นลง แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 54 01:29:33 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 01:28:29

ความคิดเห็นที่ 78 # 72 แล้วถ้าเรามีทั้งสินค้าคุณภาพดีขายตลาดบน พร้อมกับสินค้าแบบ GMO ขายตลาดอื่น จะดีกว่าไหมครับ ไม่ต้องกลัวเลยว่าตลาดไหนจะเจ๊ง เหมือนรถยนต์เฟอรารี่ที่ให้คนรวยขับ และมี ECO car ให้คนรายได้น้อย(อย่างผม)พอซื้อได้ไงครับ #73 พืช GMO เขาทดลองปลูกในสภาพเดียวกับพืชปกติอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าปัจจัยเดียวกัน ผลผลิต GMO ย่อมแตกต่างในทางบวกแน่นอน  และถ้าประเทศเราผลิตเองได้ ก็ไม่ต้องไปซื้อพันธุ์จากที่อื่นไงครับ ตอนนี้เราเหมือนมีเหลือกินเหลือใช้ แต่ถ้าวันนึงเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ถึงขั้นขาดแคลนกันทั่วโลก เราอาจจะไม่มีผลผลิตพอเพียงแค่สำหรับแค่ตัวเราเองก็ได้นะครับ ใครจะรู้ ปีนี้ผมปลูกข้าวเองโดยลดการใช้ยาฆ่าแมลงลง ผลผลิตลดลง กำไรลดมาเกือบ 30% มีนักอนุรักษ์ท่านใดพอจะบอกได้ไหมว่า ถ้าผมยึดแนวทางเดิมอย่างนี้ไปอีกกี่ปี ผมถึงจะมีกำไรเท่าเดิม เพื่อที่จะมีเงินไปขอแฟนแต่งงาน (อิอิ) แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 54 01:35:56 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 54 01:33:38 จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 01:31:21

ความคิดเห็นที่ 79 คห. 78 คือถ้าปลูกควบคู่กันอย่างที่บอกคือ ผมกลัวว่ามันจะมีการปนเปื้อนทางพันธุกรรมกับพืชดั้งเดิมครับ คิดดูถ้ามีนา2แปลง อีกแปลงหนึ่งปลูกหอมมะลิ อีกแปลงปลูกข้าวสีทอง พอคุณเก็บเมล็ดไปทำพันธุ์ปรากฏว่าเมล็ดพันธุ์หอมมะลิที่คุณจะรักษไว้เป็นพันธุ์แท้ดันมีบางอันผสมกับ GMO แล้วถ้ามันไม่ได้เป็นแค่ข้าวแต่มันดันลามไปถึงพืชในป่า มันจะเกิดอะไรขึ้น จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 01:45:23

ความคิดเห็นที่ 80 #79 ขึ้นกับการจัดการพื้นที่ปลูกและเทคโนโลยีของ GMO แล้วหละครับ (ถึงว่าควรจะมีการพัฒนาต่อไปไง ให้เป็นรูปธรรมเยอะขึ้น จะได้คลายความกลัว)  อีกอย่างพันธุ์ข้าวหอมมะลิ ปลูกได้ดีแค่ที่อีสาน มาปลูกภาคกลางที่ผมอยู่ ไม่ได้เรื่องหรอกครับ แถวนี้ไม่ปลูกกันสักคน จะปนได้ก็ถ้าที่ยโสธรแหล่งข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุด มีการปลูกข้าวสีทอง นั้นก็อาจจะเป็นอย่างที่คุณกลัวหรือไม่ก็ได้ รอคนรู้มายืนยัน  ชาวนารอฟังนะ แต่คืนนี้ขอตัวนอนก่อนครับ โชคดี แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 54 02:03:13 จากคุณ : เป่าหิมะ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 01:59:42

ความคิดเห็นที่ 81 ผมว่า โลกมันเริ่มแบ่งเป็นทางสองแพร่งที่กำลังขยายไปพร้อมๆกันนะครับ   คือฝั่งหนึ่งก็ คือทางสาย GMO นี่ล่ะ  ที่ตอบสนองต่อความหิวโหยของมนุษย์โลกที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และอาจเกิดการขาดแคลนอาหาร  การฝืนธรรมชาติ เพื่อให้มนุษย์เรารอด(ชีวิตอื่น ยังไม่มีผลการศึกษาชัดเจน) ก็เป็นทางหนึ่ง   หลายประเทศก็กำลังเดินทางนี้   อีกสายคือ สายธรรมชาติ  ออร์กานิก ซึ่งสายนี้ก็เติบโตขึ้นมากเหมือนกัน  ยิ่งบ้านเรายิ่งเห็นชัด สี่ห้าปีหลัง  ผักออร์กานิกเริ่มวางขายทั่วไปในห้าง ในร้านต่างๆ  และถูกใช้เป็นจุดขายหนึ่ง และตลาดนี้เองก็กำลังเติบโต   ความคิดผมเอง ผมว่าไหนๆ  ไทยเราก็มีแนวโน้มจะเดินมาในทางสายที่สองมากกว่าอยู่แล้ว  ก็น่าจะทำให้มันชัดเจนไปเลย ยังไง เราก็ไม่น่าจะขาดแคลนอาหาร ก็หันมาใส่ใจเรื่องของคุณภาพ  ส่วนหน้าที่เลี้ยงผู้หิวโหย ก็ปล่อยให้ GMO ทำหน้าที่ไป  เพราะยังไง  พืชตัดต่ออีกหน่อยก็คงปรับให้เข้ากับสภาพต่างๆของโลกได้อยู่แล้ว   ทำไมเราต้องการ GMO ?   ส่วนตัวผมเอง ถ้าเลือกได้ ก็ขอเป็นแบบออร์กานิกมากกว่า ขอแบบธรรมชาติ  คนแบบนี้ก็ยังมีเยอะ และก็เยอะขึ้น   สิ่งที่น่าห่วงเรื่องหนึ่งของ GMO เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม  ผมไม่ห่วงว่ามันจะทำลายระบบนิเวศน์อะไรหรือไม่  แต่หากพืช GMO แพร่ไปทั่วโลกจริง จะเกิดการสูญหายของสายพันธ์เก่าแก่อีกมากมาย  หมายถึงว่า โลกจะปกคลุมไปด้วยพืช GMO  อยู่อย่างเดียวหรือไม่  ยกตัวอย่างเช่น  อเมริกาเอง แต่ก่อนเคยมีถั่วเหลืองมากกว่า 600 สายพันธ์  แต่ทุกวันนี้ที่ปลูกคือสายพันธ์ที่ตัดต่อ ของบริษัทยักษ์ใหญ่ อยู่แค่ 4 สายพันธ์ (ข้อมูลจากหนังเรื่อง Food Inc. ) ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ  กินอาหารออร์กานิก  เอาออร์กานิกนี่ล่ะเป็นจุดขาย  เหมือนจะดูเป็นอุดมคติไปหน่อย   แต่นอกจากคนที่ต้องการอาหารเพื่ออยู่รอด ก็มีบางคนต้องการอยู่แบบอุดมคติเหมือนกัน จากคุณ : คุ้มข้าวกล้อง เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 02:08:30

ความคิดเห็นที่ 82 น่าแปลก  คนไทยบอกว่าข้าวญี่ปุ่นนุ่มกว่าข้าวไทย แต่คนญี่ปุ่นที่ทำงานด้วยกัน  กลับบอกว่าชอบข้าวไทย  เพราะข้าวไทยนุ่มกว่า   แกบอกว่าหอมมะลิไทยหุงแล้วนุ่มกว่าข้าวญี่ปุ่นเม็ดป้อมๆ  ( ซาซานิชิกิ )  นานาจิตตัง พูดเรื่องข้าวของไทยกับการพัฒนาสายพันธุ์  ก็นึกถึง  โครงการของสองมหาวิทยาลัยทำร่วมกันคือ การพัฒนาข้าวให้มีสารอาหารและวิตามินเพิ่มมากขึ้น  ของมหิดลกับเกษตรศาสตร์ พอดีตัวเองไม่ได้ตามงานวิจัยสายนี้  เลยไม่ทราบความคืบหน้าของโครงการ แต่รู้สึกจะมีแปลงนาทดลองที่กำแพงแสน นครปฐม จากคุณ : bailie เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 03:27:56

ความคิดเห็นที่ 83 ไม่ทราบพอมีไฟล์pptให้ดาวน์โหลดไหมครับ จากคุณ : cometz เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 04:36:32

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณคะทั้ง 2 กระทู้ข้าวไทย  มีความรู้ขึ้นเยอะเลยค่ะ อ่านข้างบนแล้วตกใจข้าวอินเดียแข็ง   บาสมาติ (Basmati Rice) เป็นข้าวอินเดียชนิดส่งออก หุงข้าวชนิดนี้ใช้หม้อไฟฟ้าหุงไม่ได้เละเลย  ข้าวชนิดนี้ผอมกว่าข้าวไทยมากและตัวยาวกว่า  หุงออกมาร่วน ๆ ไม่มียางนุ่ม ๆ เหมือนหอมมะลิ  ผัดกันน้ำมันเนยจะอร่อย   เวลาหุงก็เอาผัดเนย  ใส่น้ำปิดฝาไฟอ่อน 20 นาที คลุกสัก 2 หนได้กินแล้ว พี่เขยและครอบครัวท่านเป็นชาวญี่ปุ่นก็ชอบข้าวหอมมะลิไทย  ยิ่งชอบใหญ่ถ้าเวลาหุงใส่ข้าวเหนียวเขี้ยวงูลงไปสักกำมือกับข้าวสาร 4 ถ้วย  หุงหม้อไฟฟ้านี่แหละ  ลำขนาดเน้อ  ^^ ต่างคนต่างใจ  เพราะพี่ชายชอบข้าวหยาบ ๆ หุงขึ้นหม้อร่วน ๆ (ข้าวเสาไห้) อย่างข้าวแกงปากซอยบ้านที่เมืองไทย  ท่านว่าทั้งอร่อยทั้งเคี้ยวมันมาก เวลามีญาติมาเที่ยวหา  ก็เคยบอกว่าข้าวที่ส่งมาขายที่อเมริกเหมือนคุณภาพดีกว่าที่ไทย  เพราะหุงแล้วหอมทั่วบ้าน  นุ่มอร่อยกว่าด้วย  ยืนยังเองไม่ได้ไม่ไปไทยหลายปีแล้ว จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 06:14:23

ความคิดเห็นที่ 85 เท่าที่อ่านๆ ความกลัวที่ไม่มีมูลแต่ชอบเอามาใช้กันบ่อยๆ "ของธรรมชาติย่อมดีกว่าของที่ทำขึ้น" มีอะไรมายืนยันหรือครับนอกจากรู้สึกไปเอง แผนการตลาดที่จะขึ้นโฆษณาว่า เป็นพืชออแกนิก ในขณะที่ทั้งตลาดล้วนมีแต่พืชGMO อาจจะเข้าท่า แต่ว่า มันก็ขายได้แต่กับคนขี้กลัวเหมือนๆกันน่ะแหละ กะตีตลาดว่าข้าวธรรมชาติ ตีตลาดของคุณภาพดีราคาแพง มันจะใช้ได้ตราบใดที่โลกยังกลัวพืชGMOอยู่ แต่เมื่อใดที่ความกลัวพืชGMOหมดไป ก็จะเป็นเหมือนอย่างพวก ตลาดเครื่องเสียง ที่ยังมีบริษัทผลิตหลอดสูญญากาศเหลืออยู่ กับพวกร้านรับอัดรูปที่อัดรูปจากฟิล์ม น่ะแหละ สินค้าคุณภาพเป็นเอกลักษณ์ไร้คู่แข่ง แต่ขอบข่ายตลาดเล็กนิดเดียว อ้างแต่ว่าของไทยรสชาติดีกว่า แล้วทำไมเราไม่ทำการตัดแต่ให้รสชาติเหมือนเดิม(หรือดีขึ้น) แต่ได้ผลผลิตมากขึ้นทนแล้งมีสารอาหารเพิ่มขึ้นล่ะ บอกว่าของไทยคุณภาพดีอยู่แล้วผลผลิตเพียงพอแล้ว งั้นทำไมถึงยังมีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน ออกมาเป็นพันธุ์ต่างๆเยอะแยะ แค่ใช้วิธีผสมข้ามพันธุ์ ผสมพันธ์พื้นเมืองบ้างผสมพันธุ์ต่างประเทศบ้าง แล้วก็ออกมาประกาศทางช่องข่าวเกษตร เราประสบความสำเร็จ ทำพันธุ์ข้าวที่ทนแล้งขึ้น ได้ผลผลิตมากขึ้น รสชาติดีขึ้น (ดีขึ้นอย่างละนิดนึง แล้วก็ทำท่าภูมิใจกันซะเหลือเกิน) ส่วนเรื่องชาวนาไทยจะไม่มีกินเพราะสินค้าราคาตก ปัจจุบันก็จะแย่อยู่แล้ว ถ้าราคาตกมากกว่านี้ ชาวนาคงจะอดตาย คุณคงมองปัญหาเกษตรกรไทยผิดจุดแล้วล่ะครับ กรุณาไปดูมาดีๆก่อนเถอะว่า ทำไมเกษตรกรไทยจะอดตายทั้งๆที่เกษตรกรหลายประเทศอยู่กันได้อย่างสบายๆ ถ้ากลัวบริษัทที่วิจัยพวกนี้จะผูกขาดเมล็ดพันธุ์ งั้นทำไมหน่วยงานไทยไม่ทำวิจัยเองเล่า ให้ทุนเต็มที่ไปเลยแล้ววิจัยขึ้นมาเองเลย (การวิจัยแบบเล็กน้อยๆ ทุนนิดๆหน่อย ให้พอพูดได้ว่า เราก็ทำ แบบนั้นไม่นับนะ) ปล.ถามจริงเถอะครับการผสมพันธุ์ข้าวมันต่างจากการตัดต่อตรงไหน ถ้านับตามมาตรฐานที่ว่าๆกันมามันก็นับว่าฝืนธรรมชาติเหมือนกันแท้ๆ แถมการผสมพันธุ์ข้าวผลลัพท์ที่ได้ออกมายังยากที่จะควบคุมมากกว่าพืชGMOซะอีก หรือกล่าวอีกอย่างมันคือการตัดต่อพันธุกรรมแบบสุ่มน่ะแหละ ไม่เห็นต่างกันตรงไหน จากคุณ : NOVA เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 08:11:53 A:180.183.110.37 X: TicketID:237558

ความคิดเห็นที่ 86 เรื่องการขาดแคลนที่พยายามบอก ผมถึงถามว่า ก็อาหารชนิดนั้นก็ทดแทนกันได้ ถามว่า ถ้าปลูกข้าว GMO สมมุติว่าเป็นข้าวตัดแต่งมีไอโอดีนด้วยเลย แล้วคิดว่าราคาจะเป็นเท่าไหร่ บางที สู้หาเกลือไปแจกเลยดีกว่ามั้ย หรือรณรงค์ให้เขาทานอาหารทะเลดีกว่ามั้ย ผมไม่ได้ต่อต้านจนหัวชนฝานะ ใครอบากรับประทานจีเอ็มโอก็ทานไป แต่ต้องบอกเค้าว่า จีเอ็มโอ ให้สิทธิ์ผู้บริโภคเลือก ไม่ใช่แอบเอามาให้รับประทานโดยไม่บอก (สำหรับผม คิดว่า ในอนาคต อาหารออแกนิกส์ ต้องแพงเพราะว่าคนถ้ามีตังค์ เขาคงเลือกธรรมชาติจริง ๆ มากว่า เหมือนผักใส่ยาฆ่าแมลง ที่ถ้าเราเลือกได้ คงเลือกแบบที่ปลูกแบบไม่ใช่ยาฆ่าแมลง มันอาจจะไม่สวย ไม่อวบใหญ่ แต่น่าจะปลอดภัยกว่า)  ส่วนตัว คิดว่าถ้าจะทำทำกับพวกฝ้าย ปอ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ฯลฯ ที่มันไม่ต้องกินดีกว่ามั้ย เพราะคนถ้ากินเข้าไปก็ไม่รู้เป็นไง หรือแม้แต่อาหารสัตว์ก็ตามแต่ เพราะที่สุดคนก็ต้องกินเข้าไปอยู่ดี แล้ววิจัยกันบ้างหรือเปล่าว่าคนกินแล้วเป็นไง ไม่ใช่อ้างว่าดีแก้ปัญหา แต่จริงๆ ฝรั่งไม่กิน แต่ให้คนเอเชียกิน กลายเป็นหนูทดลองยาอีกแล้ว พวกบริษัทฝรั่งชอบนักเรื่องแบบนี้ และส่วนตัวยอมรับว่า ราคาพืชมันอาจจะแพงขึ้นบ้าง แต่พูดตามตรงมันไม่เคยขาดแคลน แต่มันเป็นปัญหาเรื่องการเข้าถึงอาหาร หรือรายได้มากกว่า ตราบใดที่คนยังยากจน เขาก็ไม่สามารถซื้ออาหารอะไรที่ดี ๆ ได้อยู่ดี จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 08:13:59

ความคิดเห็นที่ 87 เข้ามากวนดีก่า ความเห็นดีๆ เยอะแล้ว.. สงสัยจัง ไอ่พวกชีวิตนี้ไม่เคยออกไปเจออะไรข้างนอกเลย รู้ได้ไงนะ ว่าเราเป็นที่หนึ่ง ไม่คิดบ้างหรือว่า ข่าวสารที่ได้รับภายในประเทศ โดยเฉพาะในสื่อ "สาธารณะ" หน่ะ มันเป็นข่าวสารที่ผ่าน "การเลือกสรร" แล้ว เฮ้อ จากคุณ : outsider_from_within เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 08:31:49

ความคิดเห็นที่ 88 #78 การบอกว่า "ถ้าต่อไปเราผลิตเองได้" ก็ไม่ต่างกับบอกว่า "ถ้าต่อไปเรามียานอวกาศ" น่ะครับ การวิจัยปรับปรุงพันธุ์ข้าวแบบธรรมชาติ มันต่างกับ GMO ตรงที่ - เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อไปได้ โดยที่ไม่ต้องไปซื้อใหม่ทุกครั้ง - ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี หรือยาฆ่าแมลง ที่พวก NGO เค้าต่อต้านกัน เพราะพันธุ์ GMO ของที่ไหนๆ มันไม่เคยให้สองข้อที่ว่านี้เลย (ไม่ใช่เพราะกลัวผี) และถ้า หากไทยจะสามารถวิจัยพืช GMO ที่มีคุณสมบัติดี และมีคุณสมบัติสองข้อนี้ด้วย นั่นก็คือที่เค้ากำลังทำกันอยู่ทุกวันนี้นี่ แหละครับ ผสมพันธุ์แบบอืดอาดด้วยวิธีธรรมชาตินี่แหละ และผมคิดว่า ถ้าเกิดวิกฤติการณ์จริงๆ ประเทศที่จะปรับตัวอยู่ได้ก่อน (หรือพูดอีกทีคือตายหลังสุด) น่าจะเป็นประเทศ แบบเรามากกว่าครับ อย่างเลวสุดเราก็แค่ไม่มีข้าวส่งออกไปขาย (คนอื่น) แต่เรามีข้าวกินเองแน่ๆ และแนวทางของพวก NGO ก็คือการอยู่รอดมีข้าวกิน มากกว่าค้าขายส่งออกเอากำไรให้ได้มากๆ และปัญหาหลักไม่ใช่ การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ แต่เป็นความอยู่รอดของชาวนา การให้ชาวนามีอำนาจกำหนดราคาข้าวได้เอง ไม่ใช่เห็นชาวนา เป็นแม่ไก่ ทำไงให้ออกไข่ได้เยอะๆ (แต่แม่ไก่จะตายหรือเปล่า...ไม่รู้) มันเป็นการมองปัญหาจากคนละมุมกันแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าบอกว่าเราต้องเพิ่มผลผลิตส่งออกๆๆ มันก็ต้องไม่ใช่แนวทางของพวก NGO และการปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีธรรมชาติ ก็ไม่ใช่คำตอบอยู่แล้วล่ะครับ จากคุณ : ปลาแสนกวน เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 08:51:08 A:223.204.18.42 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 89 ผลิตเชิงคุณภาพ(อินทรีย์) เพื่อราคาต่อหน่วยสูง สำหรับลูกค้ากลุ่มบน ก็ทำไปครับ ผลิตเชิงปริมาณเพื่อความอยู่รอดของคนทั้งหลายที่เป็นกลุ่มกลางและล่างๆ ก็ต้องทำ เพราะว่า หลายคนไม่มีความสามารถพอที่จะจ่ายเงินซื้อข้าวแพงๆมากินได้ ดังนั้นดีกว่าใหม ที่จะให้ผู้บริโภคเป็นคนเลือกว่าอยากเลือกแบบใหน หรือจะบังคับทำอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วอีกอย่างนำเข้าเอา...ครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 09:13:59

ความคิดเห็นที่ 90 อยากให้  ตัดต่อ ให้ ข้าวเบากว่านี้(ระยะเวลาหว่านถึงเก็บเกี่ยว) ใบน้อย เมล็ดเยอะ ใหญ่  ให้สร้างโปรตีนที่เป็นอันตรายต่อแมลง  นำไปผลิตเอธานอล  ซัก 10 ล้านตัน ต่อ 1 ฤดู ดึง อุปสงค์ และดูดซับอุปทาน ดึงราคา โครงการประกัน-จำนำ จะได้น้อยลง ไม่เป็นภาระต่อรัฐ ขายได้ราคาใครก็อยากปลูก จากคุณ : นายเชน เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 09:28:36

ความคิดเห็นที่ 91 #62 อาหารไม่เพียงพอต่อประชากรโลก     แล้วมันเป็นหน้าที่อะไรของประเทศไทย ที่จะต้องพยายามเพิ่มผลผลิตไปขายคนชาติอื่นที่ขาดแคลน >>ถูกต้องครับ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่มันเป็นผลประโยชน์ของเราครับ ขายไม่ได้ก็ไม่ได้เงิน เราชูธงว่าไม่เอา GMO ผลิตแต่เกษตรอินทรีย์ไม่ดีกว่าเหรอ    ในอนาคตเราจะได้มีจุดแข็ง  เป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่ผลิตอาหารแบบธรรมชาติ >>เกรงว่า ผลิตอาหารแบบธรรมชาติ มันจะไม่มีข้อดีไปกว่า GMO นะสิครับ เพราะอะไร อ.เจษฐ์ ก็ตอบไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อดีกว่าแล้วจะเป็นจุดแข็งยังไงครับ ถ้าเรามัวแต่ไปคิดจะช่วยประเทศที่ขาดแคลน   เมื่อไหร่เราจะเปลี่ยนเป็นประเทศที่อยู่หัวแถวได้ซักที   เตี้ยอุ้มค่อมกันอยู่อย่างนี้    ยังไงผลประโยชน์ของชาติเราก็ต้องมาก่อนสิ       ประเทศไหนอยากช่วยคนขาดแคลนก็เชิญช่วยไป     เราผลิตของเราไปแต่มีจุดเด่นเหนือกว่าประเทศอื่นดีกว่า >>เราไม่ได้ช่วยครับ เราขายเอาตังเค้าครับ #73 - ข้าวพันธุ์วิเศษของเขาเมล็ดพันธุ์ราคาเท่าไร ต้องซื้อทุกครั้งรึเปล่า >>ผมอยากให้ รัฐวิจัย หรือให้ทุนวิจัย ทำข้อตกลง และแจก/ขายราคาถูกให้เกษตรกรครับ - ต้องใช้ปุ๋ยอะไร ใช้ขี้หมูได้มั้ย >>ผมไม่มีความรู้แต่เชื่อว่าทำให้ใช้ได้ก็ได้ครับ - ต้องใช้ยาอะไรพ่นหรือเปล่า เราผลิตเองได้มั้ย >>ผมไม่มีความรู้แต่เชื่อว่าทำให้ไม่ต้องใช้ก็ได้ครับ - ผลผลิตได้เยอะจริงแต่ต้นทุนต่อไร่ล่ะเท่าไร >>ต้นทุนส่วนไหนต้องดูเป็นแต่ละส่วนครับ ถ้าทำแล้วไม่คุ้ม คงไม่ทำกัน - แล้วประเทศที่มีความหลากหลายทางอาหารอยู่แล้วของเราจำเป็นหรือที่จะต้องปลูกข้าวที่มีคุณสมบัติทดแทนอาหารอื่น >>หลากหลายไม่ได้แปลว่าเข้าถึงได้ครบถ้วนครับ - แล้วถ้าจะหันมาวิจัยพืช GMO มันจะง่ายกว่าอนุรักษ์พันธุ์ดั้งเดิม และใช้การควบคุมโรคและศัตรูพืชด้วยวิธีธรรมชาติ จริงหรือ >>แต่ละแบบต่างมีข้อดีข้อเสียครับ เลือกข้อดีของแต่ละแบบมาทำดีกว่าครับ อย่าพึ่งอคติแล้วทิ้งแบบใดแบบหนึ่งไปเลยครับ - แล้วเราจำเป็นต้องเพิ่มผลผลิต ปลูกข้าวเพื่อให้ขายได้เงินเยอะๆ จริงหรือ แล้วเพื่อใคร? >>อันนี้ถามแปลกนะครับ ได้เงินเยอะๆ ก็เพื่อคนปลูกแหละครับ ใครๆก็อยากได้เงินเยอะๆทั้งนั้น จากคุณ : eumatee เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 10:02:24

ความคิดเห็นที่ 92 ประชากรมนุษย์ทั่วโลกเราเพิ่มขึ้นทุกปีๆ สักวันหนึ่ง อาหารที่ผลิตขึ้นตามธรรมชาติอาหาร ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ มันจะไม่เพียงพอต่อการบริโภค สุดท้าย GMO น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายในการอยู่รอด ถ้าคุณไปจ่ายตลาดบ่อยๆ แล้วลองเทียบดูว่า คุณภาพและปริมาณของอาหารที่มีขายในตลาดสมัย 10 ปี ก่อน เทียบกับปัจจุบัน แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอาหารจากทะเล ทุกวันนี้อาหารทะเลในตลาดหาซื้อได้ยากขึ้น หรือไม่ก็มีราคาแพงขึ้นมาก ทั้งๆที่ จังหวัดที่ผมอยู่นั้นก็ติดทะเล มีท่าเรือประมงเยอะแยะมากมาย ปลากระพงที่เลี้ยงในกระชังกับปลากระพงที่มาจากทะเล คุณภาพของเนื้อและรสชาติต่างกันฟ้ากับเหว แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 54 10:04:56 จากคุณ : มวยมีค่าย เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 10:03:55

ความคิดเห็นที่ 93 ข้อเสียของ GMO ในหนัง food inc คือ เกษตรกร โดนฟ้องถ้าเก็บเมล็ดพันธุ์เอง โดนผูกขาดจากเจ้าของลิขสิทธิ์ บางพืชไม่มีเมล็ด  เก็บไม่ได้ ต้องรอซื้อจากบริษัทเขาอย่างเดียว   น่ากลัวตรงนี้มาก ความมั่นคงเรื่องเมล็ดพันธุ์หายไป   ผมว่าเกษตรกรไทย โดนฝังหัวเรื่อง ยาฆ่าแมลง กับปู๋ยเคมี มากเิกินไป  ลองทำแบบ ลุงชัย ในรายการคนค้นคนดูสิครับ รวยขึ้นแน่ เพราะลดต้นทุนทุกอย่าง  แถมข้าวยังสวยและอร่อยกว่าแบบใช้เคมี  อีก จากคุณ : Zhounat เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 10:08:16

ความคิดเห็นที่ 94 ผมไม่สนใจประเด็นอะไรทั้งสิ้น     ผมสนแค่ว่า ข้าวตัวใหน ทำกำไรให้ชาวนาไทยมากกว่ากัน แบบใหนสนองได้ผมเอาแบบนั้น เท่านั้นแหละ จากคุณ : precham เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 10:23:18

ความคิดเห็นที่ 95 #93 ท่าน คห.บนๆถึงว่าไงครับ ถ้ากลัวบริษัทผูกขาด ทำไมรัฐเราไม่ทำล่ะครับ จริงอยู่ รัฐทำ อาจจะได้คุณภาพไม่เท่าเอกชน แต่ในแง่ของความมั่นคงและต้นทุน อาจจะสู้เอกชนได้ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 10:34:17

ความคิดเห็นที่ 96 คิดแบบทุนนิยม ปลูกข้าวไปขายแล้วเอาเงินมาซื้อกินก็ได้แค่นี้แหละ ส่วน GMO จริงๆแล้วมันปล่อยออกมาปลอมปนตามท้องทุ่งตั้งนานแล้ว ใครคิดว่าที่กินๆอยู่ทุกวันนี้ปลอดพืช GMO 100% ผมว่าไม่น่าจะใช่ ส่วนเรื่องวิกฤติอาหารโลก ก็ตัวใครตัวมันครับ สัตวโลก (สำนวนอีตาเหวง) ย่อมเป็นไปตามกรรม เกิดมาแล้วก็ตายห่ทุกคนนั่นแหละขึ้นอยู่กับว่าจะตายยังไง จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 10:42:47

ความคิดเห็นที่ 97 #91 เมล็ดพันธุ์สุดวิเศษหนึ่งกระสอบ มันมักจะมาพร้อมกับปุ๋ย(ราคา)พิเศษ อีกหนึ่งกระสอบเสมอครับ และพันธุ์ข้าวที่ใช้แต่ ขี้หมูก็งาม ไม่ต้องใช้ยา และมีต้นทุนต่อไร่ถูก เรามีอยู่แล้วครับ! การที่บอกว่า อยากให้รัฐวิจัย มันก็ไม่ต่างอะไรกับบอกว่า อยากให้รัฐสร้างรถไฟความเร็วสูงเองหรอกนะครับ รัฐไม่มีเงิน จะสร้างหรอก มันต้องให้เอกชนสร้าง และเมื่อเอกชนสร้างมันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย อ้าวลืมไปพูดเรื่องข้าว มันเป็นไปไม่ได้ที่ให้บริษัทเอกชนร่วมวิจัย แล้วจะให้แจกเมล็ดพันธุ์ฟรี หรือขายในราคาถูก เงื่อนไขแบบนั้นไม่มีใครเอาด้วยหรอก เค้าก็ต้องทำกำไรให้ได้สูงสุดสมกับที่ลงทุนวิจัยอยู่แล้ว และถ้าต้องการการวิจัยพืช GMO ให้ได้อย่างเขาเร็วๆ ก็คงไม่พ้นต้องเปิดทางให้บริษัทข้ามชาติเข้ามามีเอี่ยว แล้วหอบ เงินกลับไป พูดง่ายๆ เอาเฉพาะหน้าว่ารัฐต้องทำเองๆๆ (เพื่อเลี่ยงประเด็นการพึ่งพาเมล็ดพันธุ์ GMO จากต่างชาติ) แล้วสิ่งที่ตามมา มันจะดีหมด แบบนี้ใครก็พูดได้สิครับ ถ้ารัฐทำเองได้ขนาดนั้น ทำระบบชลประทานทั่วประเทศไม่ง่ายกว่าหรือครับ แทนที่จะทำระบบชลประทานให้ดีๆ เรากลับไปมองหาพันธุ์ข้าวใช้น้ำน้อย แทนที่จะควบคุมแมลงด้วยวิธีธรรมชาติ เรากลับไปมองหาพันธุ์ GMO ต้านแมลง แทนที่จะควบคุมโรคพืชด้วยสมุนไพร เรากลับตัดต่อพันธุ์ให้มันทนโรค เราแก้ปัญหาแบบเอาหัวเดินต่างเท้าแบบนี้มาตลอด ก็เหมือนกับใช้ชีวิตกินเหล้าสูบบุหรี่เที่ยวกลางคืน แล้วตื่นเช้ามาซัด แบรนด์ซุปไก่ วันไหนแบรนด์มันขึ้นราคา หรือโรงงานแบรนด์มันเจ๊งเราก็คงตายกันหมด เราไม่ได้กลัวผี เราไม่ได้กลัวว่ากินแบรนด์แล้วจะมีสารพิษตกค้าง แต่เรามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าการอัดแบรนด์อยู่แล้ว ต่างหาก จากคุณ : ปลาแสนกวน เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 10:55:47 A:223.204.18.42 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 98 #97 เมล็ดพันธุ์สุดวิเศษหนึ่งกระสอบ มันมักจะมาพร้อมกับปุ๋ย(ราคา)พิเศษ อีกหนึ่งกระสอบเสมอครับ >>ถูกต้องครับ ในภาวะปัจจุบันที่เราต้องซื้อพันธ์และปุ๋ยจากบริษัทที่เค้าต้องการกำไรครับ ใครๆก็ต้องการกำไร และพันธุ์ข้าวที่ใช้แต่ขี้หมูก็งาม ไม่ต้องใช้ยา และมีต้นทุนต่อไร่ถูก เรามีอยู่แล้วครับ! >>แบ่งเป็น 2 ประเด็นครับ - ถ้าดีอยู่แล้วเราก็อยากให้มันดียิ่งขึ้นไปอีก(ถ้าทำแล้วคุ้มนะครับ) - แต่เกรงว่าจะไม่ได้อย่างที่บอกจริงนะสิครับ ไม่งั้นข้อมูลในกระทู้แนะนำคงไม่เป็นจริง การที่บอกว่า อยากให้รัฐวิจัย มันก็ไม่ต่างอะไรกับบอกว่า อยากให้รัฐสร้างรถไฟความเร็วสูงเองหรอกนะครับ รัฐไม่มีเงิน จะสร้างหรอก มันต้องให้เอกชนสร้าง และเมื่อเอกชนสร้างมันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย อ้าวลืมไปพูดเรื่องข้าว มันเป็นไปไม่ได้ที่ให้บริษัทเอกชนร่วมวิจัย แล้วจะให้แจกเมล็ดพันธุ์ฟรี หรือขายในราคาถูก เงื่อนไขแบบนั้นไม่มีใครเอาด้วยหรอก เค้าก็ต้องทำกำไรให้ได้สูงสุดสมกับที่ลงทุนวิจัยอยู่แล้ว >>งบประมาณรัฐน่ะมีครับ ถึงไม่มีแต่รัฐก็สามารถจัดหามาส่งเสริมได้สะดวกกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ปัญหาอยู่ที่การจัดการมากกว่า.. จะว่าไปเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเชิงเทคนิคนิครับ? ไม่เกี่ยวกับ GMO ถ้าบอกไม่มีตังจะเรื่องอะไรก็ไม่มีตังทั้งนั้น แล้วเราจะจ่ายภาษีให้รัฐไปทำไม และถ้าต้องการการวิจัยพืช GMO ให้ได้อย่างเขาเร็วๆ ก็คงไม่พ้นต้องเปิดทางให้บริษัทข้ามชาติเข้ามามีเอี่ยว แล้วหอบ เงินกลับไป >>รัฐต้องกำกับ ควบคุม และดูแลครับ ตรงนี้ต้องดูกึ๋นของการเจรจาต่อรองและมองทั้งเทคโนโลยีและผลประโยชน์ให้ออก เราอาจจะไม่ต้องรีบ แต่เราก็ต้องมีการเริ่มต้นครับ พูดง่ายๆ เอาเฉพาะหน้าว่ารัฐต้องทำเองๆๆ (เพื่อเลี่ยงประเด็นการพึ่งพาเมล็ดพันธุ์ GMO จากต่างชาติ) แล้วสิ่งที่ตามมา มันจะดีหมด แบบนี้ใครก็พูดได้สิครับ ถ้ารัฐทำเองได้ขนาดนั้น ทำระบบชลประทานทั่วประเทศไม่ง่ายกว่าหรือครับ >>ชลประทานก็ต้องทำครับ อันไหนทำแล้วคุ้มก็ทำหมดแหละครับ ถ้าทำ GMO แล้วคุ้มสู้ชลประมานไม่ได้ก็ทำชลประทานเป็นหลักดีกว่า GMO ไว้เป็น knowhow แทนที่จะทำระบบชลประทานให้ดีๆ เรากลับไปมองหาพันธุ์ข้าวใช้น้ำน้อย แทนที่จะควบคุมแมลงด้วยวิธีธรรมชาติ เรากลับไปมองหาพันธุ์ GMO ต้านแมลง แทนที่จะควบคุมโรคพืชด้วยสมุนไพร เรากลับตัดต่อพันธุ์ให้มันทนโรค >>ทำมันทั้งสองอย่างสิครับอันไหนดีกว่าคุ้มกว่าก็ทำเป็นหลัก ส่วนอันไหนไม่คุ้มก็ทำเฉพาะความรู้หรือส่วนที่คุ้มก็พอ เราแก้ปัญหาแบบเอาหัวเดินต่างเท้าแบบนี้มาตลอด ก็เหมือนกับใช้ชีวิตกินเหล้าสูบบุหรี่เที่ยวกลางคืน แล้วตื่นเช้ามาซัด แบรนด์ซุปไก่ วันไหนแบรนด์มันขึ้นราคา หรือโรงงานแบรนด์มันเจ๊งเราก็คงตายกันหมด >>เช่นกันครับ ไม่ฝึกกำลังแขนไว้วันนึงเราขาขาด นั่งรถเข็นก็ไม่มีแรงหมุนล้ออยู่ดี เราไม่ได้กลัวผี เราไม่ได้กลัวว่ากินแบรนด์แล้วจะมีสารพิษตกค้าง แต่เรามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าการอัดแบรนด์อยู่แล้ว ต่างหาก >>มีทางเลือกที่ดีกว่า แต่ทางเลือกนั้นไม่เพอเฟคเสมอหรอกครับ ต้องพิจรณากันดีๆ เหมือนเรามีไฟแช๊ค แต่ก็ต้องรู้จักไม้ขีดไว้บ้างครับ ...นอกเรื่องแบรนด์นี่ตัวไม่คุ้มเลยครับถ้าคิดเรื่องโภชนาการ ห้องนี้เคยคุยไปแล้ว แต่ถ้าป่วย ร่างกายมีปัญหาย่อยอาหารไม่ได้ กินแบรนด์ก็คงดีกว่ากินน้ำเปล่า(แต่ผมว่าหาอย่างอื่นดีกว่าถ้าไม่อยากทรัพย์จางซะก่อน 555) จากคุณ : eumatee เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 11:29:13

ความคิดเห็นที่ 99 คห 97 การวิจัยพวกนี้ไม่ต้องใช้ทุนสูงแบบการสร้างรถไฟความเร็วสูงซักหน่อย ไม่งั้นประเทศเล็กที่อยู่รอบๆเราหลายประเทศจะวิจัยขึ้นมาเองได้ยังไง (หลายๆประเทศเป็นประเทศที่เราไปดูถูกเค้าไว้อีกต่างหาก) อย่างทางฟิลิปินยังได้เลยไม่ใช่หรือครับ ภาครัฐของแต่ละประเทศ(เฉพาะแถวๆนี้)ก็ยอมให้ศึกษาเปิดเผยข้อมูลกันปรกติ อย่าลืมนะครับว่าที่ จขกท ไปมาน่ะไม่ใช่งานสัมมนาของบริษัทGMOแต่เป็นของ หน่วยงานวิจัยของประเทศต่างๆ และหน่วยวิจัยที่ร่วมทุนจากหลายประเทศอีก ปุ๋ยพิเศษนั้นไม่จำเป็นซักหน่อยไม่อย่างนั้นพวกประเทศอื่นๆที่ใช้ก็คงจะล่มจมหมดแล้ว ส่วนแนวคิดสวยงามที่พูดๆมาน่ะผมว่ามันเป็นการวาดวิมานบนอากาศยิ่งกว่า การให้ภาครัฐพัฒนาGMOขึ้นมาเองจากศูนย์ซะอีก แถมวิธีเลิศหรูที่คุณกล่าวมา ถ้ามันใช้ได้จริงทำไมผลผลิตต่อไร่ถึงต่ำ เกษตรกรขาดทุนจนต้องไปขวนขวายหาปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงมาใช้ล่ะ นอกนั้นGMOไม่ได้มีบริษัทเดียวซักหน่อย มีตั้งหลายร้อยบริษัท มันก็เหมือนการค้าปรกติที่มีการแข่งขันสัญญาหรือสินค้าเอาเปรียบขนาดนั้น ขายไม่ออกหรอกโดยเฉพาะการที่ประเทศต่างๆในเอเชียทั้งประเทศเล็กประเทศน้อย(ยกเว้ณไทย) หันมาศึกษาวิจัยด้วยตัวเองกันหมดแล้วใครเค้าจะไปยอมทำสัญญาเสียเปรียบขนาดนั้น แล้วมันเป็นวิธีเหนือธรรมชาติตรงไหน เราแค่ศึกษาว่าพืชชนิดอื่นต้านแมลงยังไง เราก็เอาคุณสมบัตินั้นมาใส่พืชของเรา ไม่เห็นต่างจากการผสมข้ามพันธุ์ ที่เราเอาพันธุ์พืชจากต่างประเทศที่มีคุณสมบัติต้านแมลง มาผสมกับพืชพันธุ์พื้นเมืองเพื่อให้ต้านแมลง แถมการผสมข้ามพันธุ์ยังได้DNAส่วนที่ไม่ต้องการติดมาด้วย(เช่นอาจจะทำให้รสชาติแย่ลง) จากคุณ : NOVA เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 11:30:52 A:58.137.21.49 X: TicketID:237558

ความคิดเห็นที่ 100 การปรับปรุงระบบชลประทาน ไม่ใช่ได้แค่ข้าว มันได้ปลา ได้พืชสวน พืชยืนต้น น้ำกิน น้ำใช้ ฯลฯ ถ้าเงินลงทุนเท่ากัน ผลตอบแทนที่ได้ย่อมมากกว่าการลงทุนแค่พันธุ์พืช GMO แน่นอน จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 12:51:55

ความคิดเห็นที่ 101 ยืนยันอีกเสียงคับ ตอนนี้ที่กิน ข้าวญี่ปุ่น อร่อยนิ่มกว่าไทย จากคุณ : เบื่อเนอะ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 12:55:23

ความคิดเห็นที่ 102 ร้านข้าวแกงในกรุงเทพ ขายแต่ข้าวห่วยๆ ข้าวแข็ง ในร้านใหญ่ๆยังใช้เลย อย่างเก่างก็ใช้ข้าวปทุมเท่านั้น ไม่รู้คิดไงใช้แต่ข้าวแข็ง ข้าวหอมมะลิเอาไปส่งขายนอกหมด ห่วยสิ้นดี สรุปข้าวไทยก่อนไปแข่งต่างประเทศ ทำข้าวบ้านตัวเองให้กินได้ก่อนไหม จากคุณ : SkillFull เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 13:05:00

ความคิดเห็นที่ 103 ผมชอบข้าวญี่ปุ่นนะ มันนุ่ม อร่อย มากๆ ข้าวหอมมะลิผมก้ชอบเช่นกัน และเมื่อเพื่อนผมจับข้าวญี่ปุ่น ผสม ข้าวหอมมะลิ แล้วหุง ผลที่ได้คือ ผมซัดกับต้มยำหมดหม้อเลย 555 จากคุณ : ปลาวัวตัวอวบอัด เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 13:11:26

ความคิดเห็นที่ 104 ข้าวญี่ปุ่น นิ่ม ชอบกินเหมือนกัน แต่ถ้าต้องกินกับ กับข้าวไทยๆ ยังไงก็ต้องข้าวหอมบ้านเรานี่ละ แหล่มสุดละ จากคุณ : สีใบตอง จัดกลางหน้า เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 14:48:46

ความคิดเห็นที่ 105 ใครว่าชาวนาจน แถบบ้าน ขี่วีโก้ป้ายแดงกันให้พรึบ จากคุณ : joe_pim เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 15:33:24

ความคิดเห็นที่ 106 เข้ามาอ่าน เก็บความรู้ จากคุณ : starjoke20 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 15:34:04

ความคิดเห็นที่ 107 อยากกินข้าวไทยดีๆก็ยอมจ่ายสิครับ ถ้ามีคนยอมจ่ายมากพอเขาก็เอามาขายเองแหละ แต่ถ้าอยากกินของดีๆแต่ไม่อยากจ่ายแพงก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 16:05:34