ความคิดเห็นที่ 1 คนพวกนี้ไม่มีทางได้แอ้มเงินผมหรอก เสียดายเงินตั้ง 450 บาทเติมแก๊สวิ่งได้หลายวันเลย จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:41:14

ความคิดเห็นที่ 2 ภาวะจำใจครับ เคสนี้ต้องใช้หลักจิตวิทยายังไง ถึงจะต่อสู้ให้ออกมาจากบรเวณพลังจิตนั้นได้ครับ ผมไม่จับปากกาแล้วนะ มันเอามากองตรงหน้าให้เขียน โน้มน้าวจนเรามึน ไม่รู้มันพูดยังไง จากคุณ : กระดาษซับมัน เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:43:16

ความคิดเห็นที่ 3 เคยเจอเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เจ้าเดียวกะ จขกท นะ พวกนี้พูดให้เคลิ้มได้จริงๆ เคยเจอมาแล้ว แต่เราไม่เคลิ้มนะ สมัยเรียนฮิตมากช่วงนึง มีเพื่อนบางกลุ่มทำ แล้วก็จะชวนเพื่อนบางที่พอมีแววไปฟัง แต่ไม่มีใครชวนเราเลย (จะดีใจหรือเสียใจดี) พอดีเพื่อนสนิทโดนชวนเลยไปฟังเป็นเพื่อนมัน เราฟังแล้วก็ขำในใจ ทำแล้วจะมีบ้าน มีรถ ได้เที่ยวรอบโลก ยกตัวอย่างคนที่ทำสำเร็จ (แล้วไม่ยกไอที่ทำไม่สำเร็จบ้างหล่ะ เทียบ % กันไม่ได้เลย) แต่เพื่อนเราตอนแรกเฉยๆ ฟังแล้วเคลิ้ม มุ่งมั่น เราก็เออ ไม่กล้าขัด เพื่อนกำลังมีไฟ แต่ทำไปสักพัก ไม่ใช่ มันก็เลิก แต่คนที่ทำจริงได้จริง ก็มีนะ เพื่อนอีกคน แต่มาทำตอนจบแล้ว กลางวันทำงานออฟฟิต เลิกงานไปหาลูกค้า ยังเคยมานวดหน้าให้เรา 5 ทุ่มเลย (ตรูง่วงจะนอน แงๆ) กลับห้องนอน ตี 1-2 ทุกวัน เช้าก็ต้องออกไปทำงาน วนอย่างนี้ไม่เคยหยุด นับถือในความขยัน อย่างนี้ก็สมควรให้เค้าหล่ะ จากคุณ : Judy Abbott เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:44:51

ความคิดเห็นที่ 4 อ้อ ๆ แต่เคยเจอโดนซื้อของหน่ะ แบบว่าเป็นพี่ในแผนก เค้าขายแล้วก็ใช้เอง แล้วก็จะนำเสนอว่ามันดีมากๆ โปรตีนเนี้ย เค้ากินให้ดูทุ๊กวัน แต่ไม่ได้บอกขายเรานะนะ แต่แบบมันดีจริงๆ ให้ชิมด้วย เราก็เออเกรงใจอ่ะ ชิมไปแล้ว ซื้อหน่อยละกัน จากคุณ : Judy Abbott เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:46:35

ความคิดเห็นที่ 5 คนพวกนี้โดนล้างสมองซะแระ จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:52:12

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ได้แอมผมหรอก เลิกคบเป็นเลิกคบ แต่ไมเพื่อนตูโดนกันทุกคนว้า ทั้งๆที่ทำงานฝ่ายขายเหมือนกัน เรื่องธุระกิจแค่นี้ มองเองไม่ออกรึยังไง จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:53:46

ความคิดเห็นที่ 7 อยู่ที่คนครับ ถ้าคุณคิดว่าทำธุรกิจนี้ได้ คุณก็ไม่โง่หรอก วิธีที่พื้นฐานที่สุดคือการซื้อสินค้ามาใช้ก่อน ถ้าดีจริงก็แนะนำให้เพื่อนใช้ต่อ จะยากก็ตรงนี้แหล่ะ ทำยังไงไม่ให้เสียเพื่อน จังหวะและความไว้ใจเป็นสิ่งสำคัญมาก และที่สำคัญไม่แพ้กันคือความจริงใจ ถ้าของไม่ดีจริงก็อย่าแนะนำ ธุรกิจพวกนี้สร้างรายได้จริงครับ ถ้าคุณทำได้ และผมก็เป็นอีกคนที่ทำไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 54 22:57:26 จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:56:24

ความคิดเห็นที่ 8 ที่ไม่ชอบตรงที่ มันไม่มีเวลาให้คิดและตัดสินใจ ไม่เปิดช่องว่างให้เราได้ไตรตรองครับ ผมมองสินค้าก็มีไม่กี่อย่างเอง ไอ้น้ำมันรำข้าวไรนั่น 1 แหละ ยังมีอีกนิดหน่อยแต่ไม่ค่อยพูดถึง เค้าพยายามพูดข้ามๆ  ผมละเซ็ง พูดแต่เรื่องรายได้มหาศาลบานตะไทกับรถและบ้านและเที่ยว และอื่นๆ ตกลงเอ็งขายบ้านขายรถหรือขายของใช้วะ จากคุณ : กระดาษซับมัน เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:59:24

ความคิดเห็นที่ 9 อ่อ ใช่ ต้องรักษายอดตัวเองด้วยนะ ซื้อของเดือนละ 900 ไม่งั้นแต้มจะเป็น 0 เฮ่อๆๆๆ แค่คิดก็กลุ้มใจ ต้องซื้อน้ำมันรำข้าวกับผงซักฟอก ยี่ห้อเดิม เหมือนๆเดิม ทุกเดือน เพื่อรักษาแต้มและความโลภ 55+ จากคุณ : กระดาษซับมัน เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 23:03:30

ความคิดเห็นที่ 10 นี่คือ grey area ไม่ขาว - ไม่ดำ เหมือนธุรกิจตัวอื่นนั่นแหละ ทำก็คือทำครับ แต่อย่าคิดว่าจะรวยด้วยโมเดลนี้ โมเดลนี้จะทำให้เรามีทุนก้อนหนึ่งสำหรับไปเริ่มอะไรอย่างอื่นๆเท่านั้นแหละ ไอ้เรื่องที่ว่าจะทำแล้วรวยจนไม่ต้องหาเงินเพิ่มเลยในชาตินี้ มันคือเรื่องโกหก อย่างไรก็ตามกลไกธุรกิจแบบนี้ก็มีข้อดีอยู่ในตัวมัน ไหลไปตามกระแสแต่อย่าโดนครอบงำครับ ทำให้มีเงินเข้ามานิดหน่อย แล้วเอาเงินนั้นไปทำอย่างอื่นต่อ สมมติว่าผมเสนอโมเดลชีวิตใหม่ให้ จขกท. พิจารณาดู 1. แบ่งเวลาหนึ่งส่วนไปทำเครือข่าย กำหนดว่าให้ได้เท่าไร พอ ไม่ปฏิเสธ แต่ไม่โง่ขนาดมองว่ามันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับมัน "ใช้ประโยชน์จากมัน" ในแง่มุมต่างๆ (เสนอสินค้าเข้าไปใน supply chain ของเขาให้ได้ หรือสร้างเครือข่ายของตัวเองให้ได้ระดับหนึ่งแล้วพอ) 2. แบ่งเวลาส่วนใหญ่ไปทำงานอาชีพปกติ หม้อข้าวของตัวเอง อย่าทุบนะครับ 3. แบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปหาความสามารถที่ซ่อนอยู่ สิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่เราทำได้ แล้วเอาอันนั้นออกมาขาย 4. แบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปศึกษากลไกการเงิน และหาประโยชน์จากมัน ด้วยต้นทุนที่เราได้มาในข้อ 1. - 3. 5. ออมเงินที่ได้มาจากข้อ 1. - 4. เก็บไว้ส่วนหนึ่ง 6. คิดรูปแบบธุรกิจแบบใหม่ที่ยังไม่เคยมีคนทำมาก่อน หรือนำเสนอ ธุรกิจแบบเดิม ในแง่มุมใหม่ๆ ให้เหมือนที่ True ทำกับร้านกาแฟ หรือให้เหมือนกับที่ 7 - 11 ทำกับร้านโชว์ห่วย หรือค้นคิด know how ทางเทคโนโลยี ที่ไม่เคยมีคนทำมาก่อน และนำมันมาใช้เชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเครือข่าย กลไกการเงิน ธุรกิจปกติ ต่างเล่นกับ "ปริมาณ" ทั้งสิ้น ถ้าเราสามารถรวม "ปริมาณ" กับ "เทคนิคการนำเสนอ" และ "know how" ได้ เกิดครับ. จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 23:07:37

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเคยเกือบเลิกคบเพื่อนเพราะยังงี้แหละ จากคุณ : คนไร้สมอง เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 23:08:35

ความคิดเห็นที่ 12 ในข้อ 6. ตัวอย่างเช่น สำหรับผมแล้ว ตอนนี้มีไอเดียการนำเสนอธุรกิจน้านอินเทอร์เน็ตและเกมในแง่มุมใหม่อยู่ ซึ่งผมจะลองทำดู ถ้ามันดี ก็คงดี ถ้ามันไม่ดี ก็หาอะไรอื่นทำใหม่ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 23:09:11

ความคิดเห็นที่ 13 และก็ อย่าดูถูกความเป็นไปได้ในการแบ่งทรัพยากรส่วนหนึ่งที่เราหาได้ มาคิดค้นอะไรใหม่ๆ สิ่งที่จะทำให้เราได้เงินมาก ในยุคที่จะมาถึงคือ - know how เรื่องวัสดุศาสตร์ - know how เรื่องการเกษตร - know how เรื่องสาธารณูปโภค - know how เรื่องการขนส่ง โดยเฉพาะพลังงานทดแทนสำหรับยานพาหนะ และการส่งสิ่งของจากอีกที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งในต้นทุนต่ำ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 23:11:24

ความคิดเห็นที่ 14 วิธีของผม.... ถ้าไม่คบแล้วก็ด่าให้เปิงไปเลยครับ.... แต่ถ้ายังอยากคบ ก็บอกว่าพี่สาวก็ทำอยู่ไม่สมัครดีกว่า..... จากคุณ : ลุงบุญคำ เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 23:12:41

ความคิดเห็นที่ 15 ธุรกิจพวกนี้ใช้ key เดียวกันคือความโลภในใจของมนุษย์ครับ ถ้าคุณรู้จักคำว่า "พอ" คุณจะไม่หลงทางไปกับคำพูดหว่านล้อมของคนเหล่านั้นง่ายๆ แต่ถึงจะหลงไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะมนุษย์ส่วนใหญ่แล้วลึกๆก็โลภกันทั้งนั้น ผมเคยหลงไปฟังหนนึงแต่ไม่ได้กินเงินผมไปมากกว่าค่าเข้าหน้าประตู(จริงๆกะจะหนีกลับแล้วแต่เกรงใจคนที่ไปด้วยกัน) ผมไม่เห็นอะไรไปมากกว่ากลุ่มคนที่โดนจิตวิทยาหมู่เลย พูดๆไปซักพักก็พากันเฮเพื่อให้เกิดอารมณ์ร่วมจนกระทั่งกำแพงในใจมันทลายลงและเห็นดีเห็นงามไปด้วย ส่วนผม...ก็แค่กำแพงในใจมันสูงและหนาเกินกว่าที่วิธีชักจูงง่ายๆแบบนี้จะทะลุเข้ามาได้ก็เท่านั้นเอง จากคุณ : VeryBadman เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 23:20:16 A:76.103.220.80 X: TicketID:310253

ความคิดเห็นที่ 16 มีเพื่อนโดนพวกนี้พาเข้ารีต ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก กลายเป็นพวกหน้าเงิน จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 23:37:03

ความคิดเห็นที่ 17 ชีวิตในอุดมคติของนักธุรกิจ MLM บางคน คือภาวะ Parasitic แต่สำหรับผม ชีวิตที่ประสบความสำเร็จ อยู่ที่คุณมีคุณค่าต่อโลกนี้แค่ไหน ไม่ใช่มีชีวิตที่สบายแค่ไหน.... ดังนั้น MLM ขายผมไม่ได้เลย เพราะไม่สามารถทำให้ชีวิตผมประสบความสำเร็จได้.... จากคุณ : (oidutS skcarT eriT) (Tire Tracks Studio) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 00:02:40

ความคิดเห็นที่ 18 มองมุมมองในแง่คนปกติ มันก็ รู้สึกไม่ดี แต่ ถ้ามองในมุมมองแง่คนทำธุรกิจ มันก็เป็นจุดเริ่มของเขา ครับ วันนึงถ้าคุณต้องทำงาน Sale คุณก็จะเข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำตรงนี้ จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 00:07:18

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่พูด ไม่ว่า ไม่ด่า ไม่อะไรทั้งสิ้น มือของเรา เงินของเรา ไม่ซะอย่างใครก็มาจับมือเราเขียน ดึงเงินในกระเป๋าเราออกไปได้ เคยมีเพื่อนชวนไปนั่งคุยกัน แล้วก็มีมาแบบนี้ล่ะครับ ผมเองนั่งฟังเงียบๆ แล้วพูดแค่สองคำว่า ยังก่อนครับ ไม่ครับ ทำแบบนั้นอยู่กว่าชั่วโมง สุดท้ายเขาก็ทำอะไรผมไม่ได้ ปัจจุบัน เพื่อนคนนี้ก็ยังคุยกันดีอยู่ครับ เรื่องงานกับเรื่องเพื่อนมันคนละเรื่องกัน อย่าเอามาเกี่ยวกัน จากคุณ : นาย X-MAN เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 00:38:41

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเสียใจมากเพื่อนสนิทผม ก็โดนทำไอพวกนี้ เพราะมันเป็นคนขาดความอบอุ่นจากทางบ้าน ลากๆ  ผมเข้าไปฟัง บอกฟังธุรกิจ ธุรกิจ พ่อง มิง  บอกกุตรง ๆ   ไม่ใช่เกลียด แต่มันเสียเวลาให้นั่งรถไปนั่งรถมามา อยากได้ไหม BMW อยากได้ไหม บ้าน อยากได้แฟนสวย ๆ ไหม ....กุอยากได้เพื่อนที่เข้าใจกุว่า  อย่ามาหลอกกุก่อนได้ป่าววว จากคุณ : puri puri pon pon เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 00:48:29

ความคิดเห็นที่ 21 เขียนได้ฮา ดี ดีแฟน ไม่ถามว่า ที่เคลิ้มเพราะนางฟ้าสวย ใช่มั้ย ผมเองก็เคยโดนเพื่อนชวนแบบนี้หลายครั้งแล้ว (จากหลายคน) แต่ก็ข่มจิตข่มใจตัวเองรอดมาตลอด..... เดี๋ยวนี้ ถ้าใครโทรมาบอกว่าอยากคุยอะไรด้วยหน่อย ก็ถามเลยว่าขายตรงใช่มั้ย หรือ ค้ำประกันรถเหรอ ก็ตอบว่า บริษัทมีกฎไม่ให้ทำ เข้าใจนะ จบ... จากคุณ : h (hhh) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 00:49:57

ความคิดเห็นที่ 22 แฟนเคยโดนหลอกไปเหมือนกัน แต่แฟนเราหนีบเราไปด้วย เราก็ฟังๆๆๆนะ แต่ตอนเราฟังอยู่ แฟนเราก็ถามว่า คิดว่ายังไง เราก็เลยตอบไปว่า มันเป็นหลักการทางจิตวิทยา เรียกว่า tooken economy เป็นหลักการง่ายๆ เหมือน สแตมป์เซเว่นอ่ะ คิดว่าซื้อของเพื่อเอาสแตมป์เซเว่นไปสะสมแลกของคุ้มไหมล่ะ คนข้างหน้ากับคนที่ชวนแฟนเราไปก็หันมามอง พอจบการบรรยาย เขาก็มาสาธยาย บลาๆ เราก็ฟัง แต่เราตอบไปประมาณว่า มียี้ห้อประจำอยู่แล้ว(ของใช้) พวกวิตามินเสริมบางตัวร่างกายมันสกัดเองได้  ---> ของๆเค้า ครอบจักรวาลจริงๆ แนะนำเราตั้งกะ นำยาถูพื้น ยันอาหารเสริมกินแล้วขาว สรุป ปิดท้ายด้วยการเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ วันนั้นเรากับแฟนได้กินฟรี แต่ไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปจริงๆ จากคุณ : pitchayapatsorn เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 00:51:58

ความคิดเห็นที่ 23 ใครมาชวนผมขายตรง - อย่างแรกเลย ผมปฏิเศษ ไม่ทำธุรกิจขายตรง เหตุผลที่ให้ง่ายๆ เลยครับ สมาชิกขายตรงของคุณมีทั้งหมดเท่าไร ประสบความสำเร็จไร สุดท้ายผมก็บอกไปว่าผมไม่สามารถประสบความสำเร็จกับธุรกิจนี้ได้ - แผนการตลาดไม่สนใจ ผมขอดู รายสินค้าเท่านั้น ขายอะไร มีอนาคตไหม และสำคัญผมจะใช้มันหรือเปล่า - ราคาสินค้า หักลบส่วนลด ต่างๆ แล้วแพงกว่าสินค้าชนิดเดียว ระดับเดียวกัน กับที่มีขายทั่วไปไหม - สุดท้าย ถ้าตื้อไม่เลย ก็บอกไปว่า จ่ายค่าสมัครให้สิ ผมจะสมัครให้ ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ ให้พูดต่อ จบ จากคุณ : อิทธิพงษ์ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 01:32:53

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นคนนึงที่เคยสมัครเจ้านี้ไปค่ะ เคยลองพยายามทำตามที่่ผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายแนะนำมา แต่ก็รู้ๆอยู่ว่าตัวเองทำไม่ได้หรอก สรุปแล้ว ก็เป็นสมาชิกแค่ปีเดียว ไม่ต่อ แล้วอาศัยเลขสมาชิกพี่ชายซื้อน้ำมันรำข้าวกินเอาเดือนละขวดพอ เพราะรู้สึกว่ากินแล้วสุขภาพที่เคยแย่ๆดีขึ้นค่ะ คิดว่าMLMเป็นอะไรที่แล้วแต่ความสามารถคนจริงๆนะ แต่ทางที่ดีถ้าไม่อยากเสียเพื่อน อย่าทำเลยจะดีกว่า เห็นมาเยอะแล้วค่ะ เสียเพื่อนเพราะพยายามขายตรงเนี่ย จากคุณ : momotachi15 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 01:44:29

ความคิดเห็นที่ 25 ประสบการณ์การเข้ารีต เจอพวกประกาศศาสนาแบบนี้ เสร็จมาหลายรายแล้วครับ จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 02:12:21 A:14.207.230.154 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 26 ผมยังคิดไม่ตกกับเรื่องนี้ อยู่เลยครับ พี่รหัสผมชวนจะให้ทำให้ได้ ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง หมดไปหลายมุก แล้ว เฮ้ออ จากคุณ : Endlesslife เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 03:00:44

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อวานก่อน เพื่อนชวนทำแอมเวย์ มาวันนี้ เพื่อนอีกคนก็มาตื้อให้ทำ เอมสตาร์ ตูจะบ้า จากคุณ : Eisenheim87 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 03:42:14

ความคิดเห็นที่ 28 เคยเจอสมัยเรียนน่ะครับ แนะนำว่าถ้าจะไปเจอไอ้พวกนี้ต้องลืมกระเป๋าตังค์ไว้บ้านครับ หรืออ้างว่าไม่มีเงินรับรองเลยว่า เห็นความเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใดเลยครับ โดยมากแล้วก็จะขอเบอร์โทรเราเอาไว้แล้วก็จะโทรมาตื้อเราในวันหลัง เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง รำคาญเพื่อนมากๆชอบอวยพวกแอมเวย์ คลั้งใคล้เหลือเกินดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ อีกฝากนึงก็เจอ พวกหาสมาชิกตื้อให้สมัครให้ได้ สุดท้ายเลยนัด 2 คนมาเจอกัน ให้เพื่อนมันสมัครสมาชิกกับไอ้คนที่โทรมาตื้อซะเลย ได้ผลชะงักเลยครับ ไอ้ที่โทรมาตื้อก็เลิกโทรไปเลยเพราะได้ยอดไปแล้ว  ไอ้เพื่อนที่เคยเห็นแอมเวย์เป็นเทวดา ก็เงียบกริบเลยเพราะว่าโดนไปหลายบาท ถือว่าสอนมวยให้เพื่อน ได้บุญดีครับ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 54 05:22:00 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 54 05:18:44 จากคุณ : Beastie_Thai เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 05:12:18

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่เคยเจอเลยอ่ะ เพราะไม่ค่อยโผล่ไปไหน แต่เวลาไปเดินห้างแล้วเดินดู (ตั้งใจดูเฉยๆ) เวลาพนักงานมายืนกดดันมันจะมีมนต์มาสะกดหนู.......ซื้อสิ ซื้อสิ -*- ซื้อมาแล้วก็ไม่ได้ใช้เยอะแยะ หลังๆเวลาเดินชมนกชมไม้ พอมีเงาไล่หลังมา ชิ่งก่อน ไม่งั้นเสียตัง หนูเป็นโรคห้ามทัก ไม่งั้นซื้อ - - ล่าสุดปลายเดือนที่แล้ว อยากรู้ว่าผมดัดที่เป็นลอนใหญ่ๆเค้าทำกันยังไง เดินผ่านบูท เลอซาชา กำลังงสะดวกไหมคะ พี่ลองทำให้ - -* โดนไปสามพัน เหอๆ จากคุณ : ช้ำใจ (ynwtf) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 06:23:48

ความคิดเห็นที่ 30 ท่านเจ้าของกระทู้น่าจะมีความสามารถในการหาเงินมากได้ง่าย จึงยอมให้เงินแก่ผู้อื่นง่ายๆดังกล่าว อะไรก็ตามที่ได้มาง่าย มันก็ไม่ค่อยมีค่าครับ จากคุณ : สุเชษฐ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 06:45:02 A:125.25.112.21 X: TicketID:303142

ความคิดเห็นที่ 31 ขอเดาว่านางฟ้าทั้งสองสวยมั่กๆ เซ็กซี่ขี้เล่นเป็นกันเองและหน้าอกใหญ่ๆ ชิมิคะ ถึงทนฟังอยู่ได้ตั้งนาน ถ้าเป็นหนู หนูจะบอกว่า ที่พูดมานั้น เห็นดีด้วยทุกอย่าง แต่ไม่มีตังค์ ถ้ายังคะยั้นคะยอให้ทำ ก็จะขอยืมเงินคนที่ชวนนั่นแหละ มาสมัคร แล้วบอกว่า ถ้าทำแล้วมีรายได้เมื่อไหร่จะมาคืนให้ ฮิฮิ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 08:28:00

ความคิดเห็นที่ 32 555+ อ่านแล้วสารพันปัญหาและต่างคนต่างความคิด ขอบคุณทุกความเห็น สรุปว่า แม้ว่าจะสติดีแค่ไหน แต่จิตใต้สำนึกผมมันก็แอบอยากได้ไอ้พวก เงินทอง บ้าน รถราคาแพงลิบ เลยสมัครไปเพราะตกหลุมอากาศแอบเพ้อเล็กน้อย พอได้สติก็ อ๊อ มันไม่มีจริง จากคุณ : กระดาษซับมัน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 08:48:32

ความคิดเห็นที่ 33 ปล. ที่ไม่ชอบไม่ใช่เพราะสินค้าหรือระบบอะไร เพราะเรื่องพวกนี้ถ้าเห็นว่ามันดี เราจะทำเอง แต่นี่มันบังคับฉันนี่ !!!!!!! จากคุณ : กระดาษซับมัน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 08:55:09

ความคิดเห็นที่ 34 มีเพื่อนคนนึง ไม่ได้เจอกันนานมากกกกก วันนึงโทรหาเรา.. อยากเจอเรา อยากเจอเพื่อนๆแถวๆนี้ นัดกันไปเจอที่ห้องเพื่อนคนนึง เราติดธุระ ไปไม่ได้ เพื่อนมาบอกทีหลัง ว่ามันแทบยก Store  AW ไปเลยทีเดียว รอดไปตู จากคุณ : paefah เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 09:02:05

ความคิดเห็นที่ 35 555+ ฟังประสบการณ์แต่ละคนแล้วเพลียแทน 555+ จากคุณ : กระดาษซับมัน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 09:08:49

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าสนิทกัน  -  มรึงพูดต่อกุเลิกคบ ถ้าต่ออีก  2 ขาคู่เลย ถ้าไม่สนิท  -  ไม่ครับ ไม่ครับ ไม่ครับ  ตอบครบ 3 ครั้ง ยังไม่หยุด เฮ้ย ไม่ออกกุยิง ฮา ฮา ฮา เคยใช้มุขนี้กะอาบังพลังจิต เข้ามาที่ร้าน จากคุณ : สิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 09:25:48

ความคิดเห็นที่ 37 ในธุรกิจนี้(ที่เข้าไปทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่แบบ จขท.ที่เผลอไปสมัคร ) มีคนอยู่แค่ 2 พวก 1. คนโง่ 2. คนโกง ที่คอยหลอกคนโง่เข้ามา จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 09:41:40

ความคิดเห็นที่ 38 ธุรกิจนี้ทำได้จริงครับ ถ้าคุณมีทักษะด้านการขายนะครับ (ถ้าขายได้ ก็ได้เงินจริง) ซึ่งก็เป็นจริงกับเกือบทุกสาขานะ ถ้าคุณมีทักษะ คุณก็มีโอกาสสำเร็จ ตั้งบริษัทให้สำเร็จยังยากกว่านี้อีก จากสถิติของหนังสือ Hi-tech startup 6 ไอเดีย จาก 1 ล้านไอเดียเข้าตลาดหุ้น 1 จาก 10,000 บริษัทที่ตั้งเอง เข้าตลาดหุ้น คิดสถิติแล้ว ยากกว่าไปทำขายตรงเยอะฮะ จากคุณ : คุณชินโซ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 11:08:14

ความคิดเห็นที่ 39 ผมไม่เคยตกเป็นเหยื่อคำพูดของ"นักขาย" เพราะผมถือหลักว่านอกจากพ่อแม่เราไม่มีใครที่จะหวังดีกับเราถึงกับเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเรามากกว่าเป็นประโยชน์กับตัวเขามาเสนอให้กับเรา อะไรที่เราไตร่ตรองแล้วว่าจะเป็นประโยชน์กับเราๆจะเป็ฝ่ายไปแสวงหาเอาเอง เช่นถ้าเราต้องการเครื่องอุปโภคบริโภคชนิดใหนเราก็จะเป็นฝ่ายไปซื้อตามศูนย์การค้า แต่ถ้ามีคนเสนอขายถึงบ้านละก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะพยายามพูดให้เราหลงซื้อในสิ่งที่เราไม่จำเป็นและไม่ต้องการ ดังนั้นคนที่ลงทุนมาหา เสนอ หว่านล้อม ชักชวนให้เราทำอะไรก็ตาม เขาจะต้องได้ประโยชน์จากสิ่งนั้นมากกว่าเรา จากคุณ : Cyber Sage เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 11:37:07

ความคิดเห็นที่ 40 เพื่อนทำกันหลายคน ตอนนี้เงียบๆกันไปหมดแล้ว บางคนหมดไป5-6หมื่นกว่าจะรู้สึกตัว จากคุณ : FlyingChicken เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 11:57:42

ความคิดเห็นที่ 41 ผมขอตอบว่า... ขายตรงไม่ใช่อาชีพลวงโลก เพราะแฟนผมทำอยู่และได้เงินทุกเดือน 100K ขึ้นไป (บวก-ลบ 10K แล้วแต่เศรษฐกิจ) แต่ ย้ำนะครับว่าแต่ แต่บางคนเท่านั้นที่จะทำได้เช่นนั้น ผมเคยนั่งวิเคราะห์กับแฟนแล้ว จขกท ไม่ได้เสียทีหรอกครับ แค่มาผิดจังหวะ และยังไม่รู้ว่าจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสยังไง ^^ จากคุณ : เชิ้ตดำ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 00:26:56

ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อวานเพิ่งโดนเพื่อนหลอกให้ไปนั่งฟังบรรยายมาเหมือนกัน ตอนแรกนัดว่าพาไปคุยงานอื่น  ไหงไปๆมาๆจับพลัดจับพลูยังไงไม่รู้โดนลากเข้าห้องประชุมไปแบบงงๆ  ก็นั่งฟังเค้าพล่ามไปไม่อยากออกมาทันที เดี๋ยวจะเสียน้ำใจเพื่อน แต่อดทนได้แค่ชม.กว่า ต้องแกล้งทำเปนคุยโทรศัพท์แล้วเดินออกมาเลย แบบว่าพีคสุดๆแล้ว ในใจมีแต่สรรหาคำหยาบคายที่จะพูดกะเพื่อนที่หลอกมา....แต่ก้อนะ เอาจริงๆก้อไม่ได้พูด มันอยากทำช่างมัน แต่อย่ามายุ่งกะเราอีกละกัน ไม่งั้น คำที่คิดไว้จะพรั่งพรูออกมา -*- พูดแล้วยังหงุดหงิดไม่หาย.... ไอธุรกิจขายตรง...เครือข่าย...บลาๆๆๆอะไรก็แล้วแต่ อาจจะรวยจริงก็ได้ เราก็ไม่รู้ ไม่เคยลองเเละไม่อยากลอง ...แต่ที่แน่ๆมัน...."รวยแบบไร้ศักดิ์ศรี ขอโทษทีเรามันอีโก้สูง!!!"...ขอค่อยๆทำงานด้วยสมองและอาชีพที่อุจส่าร่ำเรียนมา ได้เงินพอกิน แต่สบายใจดีกว่า...สวัสดี จากคุณ : เซ็งสุด (K F Panda) เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 20:23:05

ความคิดเห็นที่ 43 ในมุมมองของผมนะครับ ปกติผมก็เป็นคนอีกหนึ่งคนที่ไม่ชอบงานเครือข่าย เพราะคิดว่าต้องไปชวนคนขายของ แต่ในแง่ความเป็นจริง เราตกอยู่ในเครือข่ายมานาน ห้างไม่ใช่เครือข่าวเหรอครับ 7 ไม่ใช่เครือข่ายเหรอครับ ชาย 4 ไม่ใช่เครือข่ายเหรอครับ ปกติเราซื้อของใช้ผ่านทาง ห้าง หรือร้านสะดวกซือกันอยู่แล้ว บางที่เราโฆษณาสินค้าให้เขาด้วยซ้ำว่าสินค้าตัวนั้นตัวนี้ดี แต่ลองเคยคิดมั๊ยครับว่า เราเคยได้อะไรจากการซื้อสินค้าในสถานที่นั้นๆ ห้างร้านหรือร้านสะดวกซื้อเคยแบ่งส่วนกำไร จากการที่เราไปซื้อ หรือไปโฆษณาให้เขามั๊ยครับ (เช่น ลองใช่ยาสีฟัน S แล้วดีมากเลย เมื่อวานพึ่งไปซื้อที่ห้างดังมา) มั๊ยเลยใช่มั๊ยครับ จะแบ่งให้เราทำไม่เพราะเราไม่ใช่หุ้นส่วน ธุรกิจ MLM เป็นธุรกิจ แบบ การเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทผู้ผลิตสินค้า โดยเปลี่ยนช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า และเปลี่ยนช่องทางการซื้อสินค้าของผู้คน โดยไม่ผ่าน ห้างร้านต่างๆ แต่อาศัยผู้คนเป็นผู้บอกเล่าสินค้าและชวนมาเป็นเจ้าของร่วมกันเหมือนสหกรณ์ แต่การให้ผลตอบแทน ก็แล้วแต่แต่ละบริษัทย์จะมีวิธีการจัดสรรรายได้ให้กับสมาชิก ส่วนตัวผมชอบการให้รายได้ของเอมสตาร์ มันแฟร์ดี คนมาก่อนมาหลังไม่สำคัญ เพราะไม่มีการให้รายได้เป็น สเตปของเปอร์เซนต์ และแค่เปลี่ยนช่องทางการซื้อสินค้าโดยเริ่มจากตัวเราก่อน โดยเปลี่ยนที่ซื้อกินใช้แค่ 900 บาท สินค้าตัวไหนดีเราก็บอกต่อญาติพี่น้องเพื่อน ถ้าวันนี้คุณมีเลขเด็ด หรือ งานที่คุณรู้สึกว่าดี วันนี้คุณจะไม่ยอมบอกเพื่อนสักคำเลยหรือ หรือการบอกสิ่งที่คุณคิดว่าดูให้กับเพื่อนนั่นคือสิ่งที่ผิด การทำงานของคนบางคนอาจผิดไปบ้าง แต่ต้องดูแผนและนโยบายของทางเจ้าของเป็นหลัก ว่ามีหลัการและเหตุผลเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นเหมือนผิดคนเดียวประหารทั้งครอบครัว คนที่จับเครือข่ายคือคนรวยในอนาคตแน่นอน คุณเรียนเก่งถ้าคุณคุยกับคนเรียนเก่งเสมอ คุณทำได้ถ้าคุณอยู่กับคนทำได้ จากคุณ : n.suchart@yahoo.com เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 13:48:28 A:118.174.90.4 X: TicketID:323673

ความคิดเห็นที่ 44 ความคิดเห็นที่ 43 ที่ผมเกลียด MLM น่ะ ไม่ใช่เพราะความขี้ตื้อของพนักงานอย่างเดียว แต่รู้ว่าไอ้ของที่มันขายน่ะมันตั้งราคาเกินควร โมเดลของ MLM น่ะมันต้องตั้งราคาให้สูงกว่าต้นทุนอย่างน้อย 5 เท่าเพื่อไปแบ่งกันกับพวกระดับตัวใหญ่ๆ และไอ้คุณสมบัติของสินค้าน่ะก็ไม่ได้ต่างจากของปกติ ผมทำเทรดดิ้งอยู่ และ ซัพพลายเออร์ของผมหลายๆแห่งก็ผลิตสินค้าให้ MLM ด้วยเช่นกัน ผลิตออกมาแบบเดียวกันแต่ราคาที่ผมขายกับ MLM ขายน่ะมันคนละเรื่องกันเลยหล่ะ ส่วนถ้าเป็นผมเจอนางฟ้าทั้งสองคนนั้นนะ ผมจะถามว่าถ้าอยากได้เงินจากกระเป๋าผมวันนี้จริงๆล่ะก็ คืนนี้ตามผมกลับบ้านสิ จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 01:14:18