ความคิดเห็นที่ 1 เหมือนดูหนังแหละครับ ตัวละครจะมีหลายแบบ หลายหลาก ถ้าเป็นหนังที่ทุกคนพูดกันปกติ จนจบ  มันจะมี feel อะไร ปล. ว๊าก และ staff ในระบบที่ดี เมื่อสั่งทำโทษรุ่นน้อง เราต้องทำด้วย  เช่น วิดพื้นเท่าไหร่ ก็นำรุ่นน้องวิดเท่านั้น ให้น้องกินอะไรต้องกินด้วย จากคุณ : IRQ5 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:12:02

ความคิดเห็นที่ 2 คณะหนึ่งของมอผมเค้าไม่ได้ว๊ากครับ อย่างมากก็แค่พูดตำหนิ ตอนฝึกเชียร์ก็เหมือนฝึกร้องเพลงตามปกติ ก็เห็นน้องปีหนึ่งที่เข้าเชียร์ก็พากันเข้า และจบเชียร์มาก็มีสัมพันธ์กับรุ่นพี่ดีๆเหมือนกันนะ ส่วนคณะที่เหลือก็ว๊ากกันหมด หุหุ จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:16:15

ความคิดเห็นที่ 3 รับน้อง ถ้าทำให้ดี มันก็ดี น้องก็รู้สึกดี แต่ที่มันมีปัญหา เพราะมันเลยเถิด ตามความคึกคะนองของรุ่นพี่ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:17:18

ความคิดเห็นที่ 4 ว้ากดี ผมเคารพ ว้ากกวนตินๆ ผมถีบหน้าหงายมาคนนึงล่ะ จากคุณ : เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการโผ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:19:34

ความคิดเห็นที่ 5 ผมอย่างเบื่ออ่ะ รุ่นพี่ปี 4 มา ว๊ากทุกวัน รุ่นพี่ปี 2 ก็น่ารำคาญ ทำเป็นห่วงน้อง อยากถูกทำโทษแทนน้อง แต่ความจริงเล่นละครกัน... จากคุณ : chimpanz เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:20:58

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่มีประโยชน์ตั้งแต่อดีตแล้วล่ะครับ จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:22:42

ความคิดเห็นที่ 7 พวกบ้าอำนาจ มีปม ตอนเด็กสงสัยโดนกลั่นแกล้งบ่อย จากคุณ : nuimg เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:37:33

ความคิดเห็นที่ 8 ดูที่เจตนาครับ  ของแบบนี้ดูไม่ยากหรอก ผมเคยเจอมา  ปากบอก  "อยากให้รักกัน  อยากให้รวมกันได้"  แต่สิ่งที่เกิดเหมือนระบายอารมณ์  ความอัดอั้น  ที่ตัวเองโดนมาจากรุ่นก่อนมากกว่า  ประมาณใครแรงคนนึงที่เหลือแรงตาม  บ้าอำนาจ ฯลฯ ถามว่ามีประโยชน์ไหม?  ถ้ารับน้องกันดีๆ  ก็มีครับ  ทำให้น้องรู้จักกันดี  รุ่นพี่-รุ่นน้อง ใกล้ชิดกัน  แต่ถ้าทำแบบที่ผมเขียนข้างบน ถ้าแรงๆ มันก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบที่เคยเป็นข่าว เช่น น้องจมน้ำตาย ขึ้นมาได้ และพอเป็นข่าวขึ้นมา  สังเกตุดู พวกรุ่นพี่ที่ก่อเหตุมันจะชอบพูดว่า  "รุ่นผมเจอมาเยอะกว่านี้อีก" จากคุณ : Dreammaker_Toon เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:39:25

ความคิดเห็นที่ 9 สั้นๆง่ายๆนะครับ ผมไม่เคยร่วมรับน้อง แต่มีหลายคนให้ผมช่วย บางคนก็ให้ผมดูงานรับน้อง...ซึ่งจากที่สังเกตุด้วยวิธีต่างๆ "หลายๆคนไม่รู้วัตถุประสงค์ และหลายๆงานไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ จากคุณ : darkness2 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:41:21

ความคิดเห็นที่ 10 ไร้สาระ อยู่ๆไปก็รู้จักกันเอง จากคุณ : l6oyomk เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:46:41

ความคิดเห็นที่ 11 เสียเวลา เอาเวลาไปจีบเด็กใหม่ดีกว่า อยากกลับไปเรียนแฮะ ฟัน ฉับๆๆๆๆ จากคุณ : ผักชี เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:53:35 A:61.90.82.122 X: TicketID:197079

ความคิดเห็นที่ 12 ว้ากได้ แต่อย่าคึกคะนอง เหอๆ จากคุณ : Darth Aiglatson เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:54:26

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่ามันก็ดีนะครับ เพราะรุ่นผมร้อยกว่าคนรู้จักกันหมด ผู้ชายสนิทกันเยอะครับ ตบหัวกันได้ทุกคนครับ จากคุณ : Diamondoid เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:55:35

ความคิดเห็นที่ 14 ผมไม่ทำนะผมโดนว๊ากมาอะไรที่เราไม่ชอบเราก็ไม่ทำรุ่นน้อง ผมไม่ใช่พวกที่รุ่นน้องมาขอลายเซ็นแล้วเก๊กท่า ฟอร์มเยอะไม่ยอมเซ็นบ้าอำนาจ บางทีน้องมาเหนื่อยๆ เราก็ให้นั่งพักไปซื้อน้ำให้กินอีกแล้วก็ชวนคุย เซ็นใ้มันทุกคนและ หรือแล้วแต่คนแกล้งขำได้นะแต่แกล้งกวนติง บ้าอำนาจอะไรแบบนี้ไม่ทำอะ จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:57:17

ความคิดเห็นที่ 15 ก็สนุกดี เรียนจบไป ก็มีเรื่องให้เอามาคุยกันอีกเรื่อง อีก 1 วิธีละลายพฤติกรรม จากคุณ : เบค่อนไข่ดาว เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:58:24

ความคิดเห็นที่ 16 ผมคิดว่าการว๊าก เป็นอะไรที่ไร้สาระที่สุด ข้ออ้างที่บอกว่าอยากให้รักกัน แท้จริงคืออะไร   การรับน้องที่อยากให้เป็นคือความสนุกสนานระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องที่ได้มาทำความรู้จักกัน รุ่นน้องอะผมว่ามันเรียนด้วยกันมันก็รู้จักกันเอง สนิทกันเองตามแก๊งตามก้วนของเขา จากคุณ : Mr.Ti เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:58:25

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไม่ชอบอยู่ในภาวะกดดัน....ที่ไร้สาระแบบนี้ รุ่นพี่ บางคนบอกว่าเพื่อสปิริต แต่มันคือบังคับชัด ๆ ระวังเด็กสมัยนี้เอาไว้ก็แล้วกัน ใครที่คะนอง ๆ เด็กสมัยนี้ขนาดครู พ่อแม่ ยังไม่กลัว หึ ๆ จากคุณ : เทวดาน้อย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:03:52

ความคิดเห็นที่ 18 ผมไม่เคยไปรับน้อง ไม่ต้องรับน้องผมก็มีเพื่อนเยอะเหมือนเดิม ไม่ต้องไปตามประจบพวกรุ่นพี่ด้วย ผมเห็นเพื่อนผมบางคน ผ่านรับน้องมากลายเป็นคนขี้กลัวไปเลย พีธีรับน้องแบบสร้างสรรค์มีอีกเยอะ ไม่ต้องว๊ากกกกหรอก ทำเพื่อ จากคุณ : พริกเผาหมูกระเทียม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:06:46

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วแต่คนแล้วแต่คณะ ถ้าจัดระบบไม่ดีก็จะมีอคติกับการว๊าก ไม่เห็นด้วยกับการว๊ากเป็นเดือนๆ บ้าพลังเกินไป สัก 2-3 วันก็พอแล้ว ที่ผมเรียนเค้าว๊ากกันแค่วันเดียวเหนื่อยมากมีแรงเท่าไหร่ก็หมดแต่ก็จบด้วยความประทับใจ ตกดึกก็สังสรรค์ สนุกดี จากคุณ : mynameism เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:07:30

ความคิดเห็นที่ 20 สมัยนี้ จบมา มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่ เชื่อผมเหอะ ผมผ่านโลกมาครึ่งชีวิตแล้ว จากคุณ : นายสาระแน เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:13:19

ความคิดเห็นที่ 21 ตามนั้น คห 20 ไม่มีทั้งเงินทั้งทอง หน้ากรูมันยังไม่มองเลย 5555 จากคุณ : ผักชี เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:19:11 A:61.90.82.122 X: TicketID:197079

ความคิดเห็นที่ 22 ชีวิตการเีรียนในระดับอุดมศึกษา มันคบกันไม่ได้ลึกซึ้งอะไร ตั้งใจเรียน เอาเวลาที่ทำกิจกรรมพวกนี้ไปตั้งใจเรียน ไปปรับตัวในการเรียนจะดีกว่า บางคนต้องกู้เรียน บางคนพ่อแม่ต้องขวนขวยหาเงินส่้งลูกเรียน เจอข่าวเจ้าพวกนี้ทำให้ลูกเขาต้องออกจากการเรียนบ้าง ต้องมาเสียชีวิตบ้าง หรือทำอะไรแปลก ๆ บ้าง เฮ้อ แค่รู้จักกัน นั่งเรียน ๆ ก็สนิทกันไปเอง   เผลอ ๆ ต้องมาแข่งกันในการสมัครงานอีก จากคุณ : เทวดาน้อย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:25:02

ความคิดเห็นที่ 23 รับน้องของผม หน่ะเหรอ โน่นทะเล ภูเขา รับกันทีพุงปลิ้นเลย เหยียบโป่ง บอลชายหาด เปิดฟลอ 555+ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:27:19

ความคิดเห็นที่ 24 เคยไปดู มช.รับน้อง เขาทำได้น่ารักดี สนุกสนานกันทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง อยากให้สถาบันอื่น ๆ ที่ใช้ความรุนแรงรับน้องเป็นอย่างนี้บ้าง ตอน ม.ที่ผมเรียนรับน้องผมไม่ได้ไปเพราะป่วยนอนอยู่ รพ. แต่ก็เรียนจนจบไม่เห็นมีปัญหากับรุ่นพี่หรือเพื่อน ความผูกพันระหว่าง เพื่อนร่วมรุ่นที่เรียน ม.มาด้วยกัน ผมว่ายังสู้เพื่อนที่เรียนชั้นมัธยมมาด้วยกันไม่ได้ จากคุณ : คนข้างถนน เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:39:01

ความคิดเห็นที่ 25 แง่ดี -ทำให้รู้จักเพื่อนๆ ได้เร็วขึ้น ถามไถ่กัน ช่วยเหลือกัน -รู้จักคำว่าคนหมู่มาก ความสามัคคีสำคัญ -รู้จักรุ่นพี่เร็วขึ้น เจอกันไหว้ -ช่วยในการปรับตัวได้เร็วขึ้น แง่ไม่ดี -เหนื่อย เสียเวลาในการเตรียมตัวเรียน อ่านหนังสือมากๆ บางครั้งเหนื่อยจนตื่นไปเรียนไม่ทัน -บางกิจกรรมไร้สาระเกินไป -คุมการเลยเถิดในการจัดกิจกรรมไม่ค่อยอยู่ -มีการดื่มสุรา และทำอะไรพิเรนๆ เยอะมาก -อับอาย -บางกรณีรุ่นน้องร่างกายรับไม่ไหว ต้องหามส่ง รพ และอาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิต มองรวมในฐานะที่ผ่านการรับน้องมาแล้ว(หลายปีมากๆๆ) มีทั้งดีและไม่ดี จริงๆ น่าจะให้มีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยควบคุมด้วย บางกิจกรรมควรจัด บางกิจกรรมไม่ควรมี บางอย่างดี บางอย่างไม่ดี และควรส่งเสริมในเรื่องของรุ่นพี่แนะนำรุ่นน้องในเรื่องการเรียน การอ่านหนังสือ การเตรียมตัวในเรื่องการเรียนค่ะ สมัยเรายังมีที่รุ่นพี่คอยบอก คอยเอาหนังสือมาให้ แนะนำ แต่สมัยนี้ไม่แน่ใจค่ะ ว่ายังมีมั้ย อยากให้มีอยู่แต่ต้องเบาๆกิจกรรมแบบโหด มันส์ ฮา ออกไปบ้าง ไม่มีเลยมันไม่สนุกค่ะ สีสันของวัยรุ่นก็หายไปอ่ะ จากคุณ : แก้วหนึ่งใบกับเบียร์สองขวด เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:45:24

ความคิดเห็นที่ 26 มันไม่มีประโยชน์แล้วแหละ สมัยนี้ใครๆก็รู้ว่าเล่นละคร กิจกรรมที่ใช้เวลามากๆ ก็ซ้อมเพลงเชียร์ ซึ่งตั้งแต่จบมาไม่เคยร้องเลยสักครั้ง เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ร้บน้องน่าจะเป็นกิจกรรมที่ไม่มีการบังคับมากกว่า บางม.ใครไม่รับน้องโดนแบนเลย จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:13:38

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่รับน้อง แล้วน้องจะรู้จักพี่ รู้สึกตัวตนเพื่อนไหมครับ แต่มันก็ต้องอยู่ในขอบเขต มันมีทั้งข้อดี ข้อเสีย จากคุณ : adf7 (MazNis) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:25:07

ความคิดเห็นที่ 28 ถามว่าการว๊ากการรับน้องมีประโยชน์ไหม ก็ต้องมีตัวชี้วัด Indicators ต้องมีผลเปรียบเทียบ ยกตัวอย่าง เช่น เมหาลัยระบบอินเตอร์บางแห่งไม่มีการว๊าก เด็กจบมามีประสิทธิภาพแค่ไหน ประสบผลสำเร็จแค่ไหน กับอีกมหาลัยนึงมีการว๊าก มีการรับน้อง เด็กจบมาแล้วมันดีกว่ายังไง ต้องมีตัวชี้วัดเปรียบเทียบ หากเถียงกันด้วยอารมณ์ ต่างคนต่างก็คิดว่าความคิดตัวเองดี รุ่นพี่ก็บอกว่าปฏิบัติมาแบบนี้ทุกรุ่น รุ่นน้องก็ไม่อยากโดนว๊ากก็บอกว่ามันไม่เห็นจะดีอะไร วัฒนธรรมไทยบางอย่างควรมีการปรับเปลี่ยนหากมีการวิเคราะห์แล้วว่าไม่มีผลดี จากคุณ : Indicators compare เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:37:52 A:125.24.178.56 X: TicketID:317466

ความคิดเห็นที่ 29 ไร้สาระ ผมไม่เคยไปงานรับน้องเลย ถามว่าแล้วน้องจะรุจักรุ่นพี่เหรอ เอ่อ  ไม่รุจักแล้วไง ไม่เห็นอยากจะรุจักเลย  แต่ละคนแรดๆทั้งนั้น  ผู้ชายก็พูดจาไม่เพราะ ใครเค้าอยากจะรุจัก หรือแม้แต่งาน บายเนียร์ ไม่เคยคิดจะไป  เบื่อเซ็งมากๆ ปล. นั่นมัน 6ปีที่แล้วนิ oops!! จากคุณ : เปลี่ยนยังไง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:47:41

ความคิดเห็นที่ 30 ประกาศตัวก่อน เป็นวิศวะ ลาดกระบังรุ่น 36 แยกกรณีกันก่อน เพราะที่นี้ (ในสมัยผม) กระบวนการรับน้อง กับ เชียร์และว๊าก แยกกันอยู่ คือต้องผ่านเชียร์ (และว๊าก) ก่อนจึงจะต่อด้วยรับน้อง เพราะเหมือนเป็นการทดสอบถ้าผ่านได้จึงจะนับเป็งพวกเดียวกัน มันมีข้อดี และข้อเสีย ข้อดีคือ มันสร้างความสนิทสนมภายในรุ่นได้เร็วและวงกว้าง (สมัยผมมี นศ. 1000+ คน) คือ เชียร์ เป็นการกระตุ้นการบวนการให้เกิดขึ้น การตามเพลง (คือการเรียนวิธีการร้องเพลง) จากรุ่นพี่เป็นเหตุผลง่ายๆ ที่ทำให้เราได้เข้าไปหารุ่นพี่และทำความรู้จัก ถ้าไม่มีเชียร์เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง บางคนอาจจะบอกว่า ถึงไม่มีของพวกนี้ก็สร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้ ก็ไม่ผิดครับ แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้แบบนั้น ดังนั้นก็ต้องมีการบังคับกันบ้าง สมัยนี้น่ะ ถ้าอยากให้ร้องเพลงได้ ผม upload ขึ้น YouTube ก็ได้ ไล่ให้ไปฝึกกันเอง เพราะจุดประสงค์ของเชียร์มันไม่ใช่เพลง ถึงต้องทำแบบนี้ ข้อเสียคือ มันบังคับและริดรอนสิทธิ์ส่วนบุคคลบางอย่าง ทำให้ทั้งน้องและพี่ตกอยู่ในอันตราย หากมันเกิดเหตุการณ์แบบ worst case scinario เสียเวลาเรียน และทำ project ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ก็อยากจะบอกว่า มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีอันหนึ่ง ที่มองย้อนกลับไปแล้วไม่เสียใจเลยที่เข้าร่วม (และเคยเอาชีวิตไปเสี่ยง เพราะเกิดเหตุกับตัวเองจนต้องเข้าโรงพยาบาล) จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:52:36

ความคิดเห็นที่ 31 รับน้องดีนะครับ ทำความรู็จักกันมากๆ แต่ว้ากนี้ ผมยังไม่เคยเห็นข้อดีเลย จากคุณ : Alnilam เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:56:37

ความคิดเห็นที่ 32 แต่ถ้าใครบางคนบอกว่า ไม่รู้จักก้ไม่เห็นตาย ก้ไม่ผิด แต่โตขึ้นมาก็จะรู้ว่า ต่อไปน่ะเก่งคนเดียวไม่รอดหรอก คุณต้องการเครือข่าย คุณต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นทั้งนั้น facebook อาจถูกสร้างโดยมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก แต่ facebook ประสบความสำเร็จเพราะคนหลายร้อยล้านคนเข้าไปใช้ จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:57:14

ความคิดเห็นที่ 33 อ้อ ลืมพูดเรื่องว๊าก ว๊าก ผมคิดว่ามันเกิดจากสถานการณ์มากกว่า คุณควบคุมคน 1000 คนที่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร อย่างไร ให้ทำอะไรพร้อมเพรียงกัน คุณจะใช้กลยุทธ์อะไรล่ะ ด้วยเงื่อนไข ว่าพร้อมเพรียงและรวมเร็วที่สุดด้วย ถ้าตอบว่า ต้องใช้เสียงิันดัง ก็นั่นแหละครับ เพราะถ้าฟังลงไปในเนื้อหา มันไม่ใช่อารมณ์ มันคือเหตุผล (อาจจะมีหลุดกระแทกแกกดันบ้าง) แต่ก็ไม่ต่างกับในชีวิตจริงเท่าไหร่หรอก จริงมั๊ย จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:00:40

ความคิดเห็นที่ 34 รับน้อง  =>  ดีแน่นอน ว้าก =>  แย่  ไม่จำเป็น ที่คณะมีรับน้อง เข้าห้องซ้อมเชียร์ รุ่นพี่เข้ามาจะว้าก รุ่นผมวอล์คเอาท์ออกทั้งหมด เรื่องว้ากจึงล้มไป มีแต่ร้องเพลงเชียร์ แนะนำคณะ มหาวิทยาลัย แนะนำอาจารย์ เรียนจบ ทำงานมาหลายสิบปี  เพื่อนสมัยเรียนยังติดต่อกันอยู่ ไม่เห็นว่าจะไม่สนิทตรงไหน จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:06:05

ความคิดเห็นที่ 35 ถามว่ทำไมต้องบังคับ บางอย่างก็ต้องบังคับอ่ะ เดี๋ยวจะหาว่าสองมาตรฐาน พวกเข้าร่วมโดนกดบดบี้ทรมาน คนไม่เ้ข้าลอยตัวสบายใจ คุณมีลูก 2 คน ที่เก่งเท่ากัน แต่คุณบดบี้กดดันคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งคุณไม่ทำอะไรเลย คุณว่า 2 คนนั้นจะเป็นยังไง (ที่ใช้ลูกเพราะ ถ้าลูกน้องมันเลิกมีสัมพันธ์ต่อกันได้ -- คุณลาออกจากที่หนึ่ง คุณอาจจะไม่อยากนึกถึงที่ทำงานเก่าอีกก็ได้ -- แต่ชีวิตมหาลัยเรียนจบออกมาแล้วก็ยังได้ชื่อว่าจบจากที่นั่นเปลี่ยนไม่ได้) บางคนอาจจะบอกว่า รุ่นพี่รักรุ่นน้องเหมือนลูกเลยเหรอ.....ก็ไม่แน่คิแทนทุกคนไม่ได้ แต่ก็เคยเจอบางคนที่รักเหมือนน้องแท้ๆ ในสายเลือดก็มี จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:07:28

ความคิดเห็นที่ 36 รับน้องไร้สาระ มหาวิทยาลัยผมไม่อนุญาตให้จัด จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:08:42

ความคิดเห็นที่ 37 #34 ถ้าเกิดอย่างนี้ รุ่นพี่อาจจะมองว่า รุ่นคุณมันเกิด unity ขึ้นจริงๆ ก็ได้นะ ม. ผม ถือว่าเขาบรรลุวัตถุประสงค์การเชียร์และว๊ากแล้วล่ะ จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:09:31

ความคิดเห็นที่ 38 สนุกดีออก ทั้งว๊าก และ รับน้อง ไม่เห็นต้องคิดมากกันเลย เอาจริงๆมันก็แค่ประสปการณ์เล็กกกกกกกกกกๆๆๆ ในชีวิตเท่านั้นเอง จะกลัวกันไปใย ลองๆไปให้หมด ใช้ชีวิตให้คุ้ม เราโครตจะฮาเวลารุ่นพี่ว๊าก สรรหาคำสุดจะน้ำเน่า ดราม่าๆ มาว๊ากใส่น้อง แอบขำทุกที ไม่เคยจะกลัวจะกดดันอยู่แล้ว สุดท้ายมันก็แค่ละคร ดีซะอีกได้รู้จักคนเยอะๆ ยิ่งรู้จักคนเยอะเพื่อนติว หรือ รุ่นพี่ที่คอยช่้วยเหลือเรายิ่งเยอะ 4ปีในรั้วมหาลัยของเราสนุกมากจริงๆ หุหุ จากคุณ : Rusty nail เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:09:50

ความคิดเห็นที่ 39 #37 ผมว่าเป็นคำพูดปลอบใจตัวเองของคนหมดทางไปมากกว่ามั้ง เพราะตั้งท่าว้ากอย่างดี แต่รุ่นน้องเดินออกหมด เหลือแต่ห้องว่าง 5555555555555 จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:13:53

ความคิดเห็นที่ 40 ช่วย เพาะบ่ม เมล็ดพันธ์ เผด็จการไว้ ไม่ให้สูญหายครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:16:35

ความคิดเห็นที่ 41 เหตุผลเดียวที่เข้ารับน้อง และต่อมาต้องมีน้อง คือ อยากฟัดน้อง! จากคุณ : หนมกรุบ (Rinkub) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:20:11

ความคิดเห็นที่ 42 ไร้สาระ.... จากคุณ : firebell (firebell) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:28:18

ความคิดเห็นที่ 43 ไม่มีว้าก มีแต่รับน้องได้แง่ดีและไม่ดี จบมาแทบไม่อยากทักกันก็มี ประมาณว่าฟันเฟืองมันไม่ขบกัน จากคุณ : glock26gen4 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:36:48

ความคิดเห็นที่ 44 ร.ร. ผม มีรับน้องตั้งแต่ ม.1 เข้าเชียร์ โดนว๊าก ม.1 - ม.3 อันนี้เข้าใจ ว่ามันมีงานเชียร์ แปรอักษร จะได้มีระเบียบ ร้องเพลงเป็นกัน แต่ของ มหาวิทยาลัย ตอนอยู่ลาดกระบัง อันนี้ เห็นว่าไม่มีประโยชน์เท่าไร จากคุณ : durasail เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:37:59 A:58.181.157.122 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 46 ที่ลาดกระบัง การว๊ากเป็นเรื่องที่ไร้สาระ ส่วนใหญ่จะเฟคทั้งนั้น จากคุณ : 7days เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:00:37

ความคิดเห็นที่ 47 บอกตรงๆ ไม่เคยไปงานรับน้องเลย 555 จากคุณ : FFK-KZ@Fiesta เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:01:50

ความคิดเห็นที่ 48 เอางี้ .. อย่าหมั่นไส้ นะ .. โรงเรียนผม พี่น้องโคตรรักกัน  สร้า้งเน็ตเวิร์คที่เรียกว่าเหนียวแน่น สีแดง สีเหลือง ก็มาแบ่งเราไม่ได้ ( โรงเรียนผมมีทั้ง2สี ) รักครูอาจารย์  แต่ละรุ่น แย่งกันพาคุณครูไปเที่ยว เรียกว่าต้องจองคิว ชมพูฟ้า  เห็นที่ไหน ถึงไม่อยากกิน ก็ต้องแวะ  ถึงไม่อยากซื้อก็ต้องอุดหนุน ปีนี้ ตึกยาวครบ 100  ปี     ศิษย์เก่าถ้วนทั่วกลับมาช่วยงาน ... ไม่เคยว้ากน้อง ครับ .. หลังๆ น้องๆบอกว่ามีว้ากบ้าง  กำลังพยายามเข้าไปสอนไปเตือน ...   ดังนั้นผมไม่เห็นประโยชน์หรือความจำเป็นของการว้าก เลย.. จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:26:00

ความคิดเห็นที่ 49 447 ผมคงคิดไม่เหมือนคุณ ถ้าการกระทำมาจากทั้งรุ่นจริงๆ ไม่ได้มาจากอารมณ์ชั่ววูบ ผมว่ามันยอมรับได้นะ คิดเล่นๆ ถ้าคุณโน้มน้าวคน 1000 คนที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกัน ให้เห็นพ้องได้โดยไม่มีเงื่อนไข ผมว่าผมได้ผลที่ผมต้องการนะ ไม่ได้ปลอบใจตัวเอง เพียงแต่ผลลัพธ์มันไม่ได้ออกมาตามที่เราคิด แต่ก็อยู่ใระดับที่ยอมรับได้ จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:26:22

ความคิดเห็นที่ 50 จากประสบการณ์รับน้องมาทั้ง 2 แบบ คือรับแบบธรรมดานิ่มๆ รวมตัวกินข้าว ร้องเพลง ทำกิจกรรม และแบบว๊าก ผลที่ได้แบบแรก คือ มีน้องอยู่ครบจนถึงวันสุดท้าย แต่น้องมันอยู่แบบตัวใครตัวมัน ไม่เกรงใจรุ่นพี่ ไม่สนใจใคร แบบหลัง น้องอยู่กันไม่ครบจนวันสุดท้าย เพราะมันกลัวเหนื่อย กลัวเครียด เลยไม่มา แต่น้องที่เหลือ รวมตัวกัน สนิทกัน ช่วยเหลือกันตลอด เกรงใจรุ่นพี่ รักรุ่นน้องรุ่นต่อๆไป มันขึ้นอยู่กับว่าเอาแต่ความสะใจ หรือ ต้องการสอนให้น้องมันรู้จักความสามัคคี จากคุณ : xhai เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:33:52

ความคิดเห็นที่ 51 ประเพณีงี่เง่า พี่ปีสี่มันมีอะไรดีกว่าน้องปีหนึ่งเหรอ? มีอะไรดีกว่าน้องนักหนาถึงได้มาเบ่งใส่ ตะคอกใส่เค้า? ส่วนมากก็แบมือขอเงินพ่อเงินแม่เรียนทั้งนั้น คนมันจะรู้จักกัน แค่รับน้องธรรมดา กิจกรรมสนุก ๆ มันก็รู้จักรักกันได้ ส่วนมากเพื่อนที่มันสนิทกันนะเพราะการได้ทำอะไรร่วมกัน เรียนด้วยกัน กินด้วยกัน ไม่ใช่มาวิ่งควาย ปั่นจิ้งหรีดหมู่ หรือมาันั่งฟังพวก ปีแก่ อวดเบ่ง เพื่อนสนิททั้งหมดที่ผมมี แล้วก็คบกันมานานเป็นสิบกว่าปีหลังเรียนจบนะ ไม่เห็นผมรุ้จักมันตอกโดนว้ากซักคน ส่วนมากมาได้ใจกันตอนทำโปรเจค ตอนไปเฮฮาปาตี้นอกคณะ หรือในสโมสรนักศึกษาโน่น ที่สำคัญ มันไม่มีนัยสำคัญ หรือผลการศึกษาที่ไหนบ่งบอกเลยว่า การรับน้องด้วยวิธีป่าเถื่อน หรือการว้ากมันทำให้ผลการเรียน หรือสังคมของเด็กในมหาวิทยาลัยคณะไหนดีกว่า คณะที่เค้าไม่ทำเลยแม้แต่อันเดียว จากคุณ : น้ำลายบูด เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:35:10

ความคิดเห็นที่ 52 #49 รุ่นผมคุยกันว่า ถ้าร้องเพลง สนุกสนาน เราร่วมด้วย เพราะนี่คือการแนะนำโลกใหม่ในมหาวิทยาลัยให้กับน้อง แต่ว้ากเมื่อไหร่  พวกเราจะเดินออกทันที ร้องเพลงเชียร์ผิด ร้องใหม่อีก 5 รอบก็ได้ หรือวันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้ยังมี โลกคงไม่แตกเพราะร้องเพลงเชียร์ไม่ได้มั้งครับ ต่างคนต่างความคิด คุณมองว่าการว้ากเป็นเรื่องดี ฝึกความอดทน  ฯลฯ คุณก็เข้าร่วมไป แต่ผมมองว่า ไร้สาระ ไม่เห็นด้วย ผมไม่เข้าร่วม เรามีสิทธิทำตามความเห็นของตัวเอง โดย " ต้อง " ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น อย่าอ้างว่า ละเมิดเพราะหวังดีเลย รุ่นพี่แค่ 2 - 3 ปี ไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะใช้คำนี้หรอกครับ คุณทำงานแล้ว คงรู้ว่า ความเครียด ความกดดันในการทำงานมันคนละเรื่องกับห้องเชียร์ จริงหรือเปล่า จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:37:26

ความคิดเห็นที่ 53 แล้วคุณทราบ หรือไม่ว่า ทำไม การรับน้อง ถึงยังมีอยู่มาจนบัดนี้ เพราะว่า ในกลุ่มน้องๆที่โดนกระทำ  " เขาชอบ " ที่จะโดนกระทำ เขาสะใจ เขา สนุก พอเขาเป็นรุ่นพี่ เขาก็เลยทำต่อไป กับรุ่นน้อง สังเกตุ รุ่นพี่ ที่ใจดีๆ ไม่บ้าบอ  น้องๆไม่สนใจหรอก ไอ้รุ่นพี่ กวนติงๆ อะ น้องๆชอบมาก เรียกว่าป๊อบ เลยอะ พี่คนไหน กวนติงเก่งๆ คิดอะไรได้หลุดโลก ไอ้รุ่นน้องที่ชอบ ความซาดิส มันแทบจะกราบไหว้บูชา กันเลย.. แล้วมันก็สืบต่อกันมา เรื่อยๆๆๆ จากรุ่นน้องซาดิสๆ นั่นเอง จากคุณ : chan ty เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:38:50

ความคิดเห็นที่ 54 ผมว่ามีประโยชน์นะ.......มันทำให้จำนวนประชากรลดลง........ ไม่เชื่อคอยดูสิ  ต้องมีตายทุกปี.........ส่วนบาดเจ็บไม่นับ.........เพื่อสืบทอดประเพณีรุ่นพี่ รุ่นพี่เคยทำให้ตายมาทุกปี  ตกมาปีนี้จะไม่มีคนตาย  ทำไม่ได้หรอก........ เดิมพันล่วงหน้าได้เลย  ต้องมีคนตาย........ฟันธง.......... ส่วนจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร  ก็ค่อยมาร้องไห้ออกทีวีเอาแล้วกัน........... จากคุณ : อ้ายเซียงจ่อย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:48:42

ความคิดเห็นที่ 55 ไร้ประโยชน์ค่ะ ดุด่าตะโกนใส่เรามาเป็นเดือน มาวันสุดท้ายดับไฟแล้วมากอดน้อง           ร้องไห้แล้วบอกว่าทำเพราะรักน้อง แล้วก็เปลี่ยนจากดุเป็นตลกเฮฮาน่ารัก มันไม่ได้ประทับใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนั้นนั่งคิดว่า พวกนี้บ้าหรือเปล่านะ จากคุณ : fuji_fancy เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:53:40

ความคิดเห็นที่ 56 การรับน้องเนี่ย ผมว่า ควรจะ 1) ห้ามรุ่นน้อง กับ รุ่นพี่ ถูกต้องเนื้อตัวกัน 2) ห้ามพี่ว้าก พูดจาหยาบคาย หรือ ถากถางเพื่อให้เกิดความเกลียดชัง 3) หน่วยรักษาพยาบาล สำคัญมากๆ เพราะบางคนอาจจะไม่ค่อยแข็งแรง ข้อดีของว้ากเนี่ยหลายอย่างนะ 1) ได้ออกกำลังกาย 2) ได้รู้จักเพื่อนๆต่างกรุ๊ป 3) ได้รับรู้เรื่องการเรียน การวางตัว 4) ได้เรียนรู้เรื่องราวของ คณะ เช่น ก่อตั้งเมื่อไหร่ ใคร บลาๆ ซึ่งจะไม่มีใครสนใจหรอกถ้าไม่ได้เข้าว้าก ประโยชน์ มีเยอะนะ แต่ต้องไม่ให้มันเกินงาม หรือผิดศีลธรรม จากคุณ : สักวันฉันจะอ้วนกลม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:01:53

ความคิดเห็นที่ 57 ต้องแยกแยะก่อนนะครับ ระหว่างการรับน้อง กับ การว๊าก การรับน้องเป็นสิ่งดีครับ แต่ก็มีกลุ่มเด็กที่ไม่ทำกิจกรรม จะบอกว่าไม่ดี ไร้สาระ ซึ่งก็แล้วแต่ความคิดครับ ถ้ามองมหาลัยคือสถานที่ให้ความรู้อย่างเดียว จะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดครับ แต่ถ้ามองว่ามันคือสังคม เราก็ควรร่วมปฏิบัติและทำตามประเพณีที่เค้ามีกันมา กิจกรรมรับน้องทำให้คนในคณะได้รู้จัก เห็นหน้าเห็นตากัน พูดคุยกัน บางคนบอกว่าไม่จำเป็น ยังไงเราก็มีเพื่อนอยู่ดี ก็จริงครับ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน คนบางคนขี้อาย พูดน้อย คนกลุ่มนี้หาเพื่อนยากครับ ถ้าไม่มีกิจกรรมให้เค้าได้เข้าร่วม คนกลุ่มนี้ มีโอกาสสูงที่จะไม่มีคนคุยด้วยเลย   ส่วนการว๊าก เชื่อว่าแรกเริ่มเป็นวิธีการเพื่อให้คนกลุ่มมาก ที่มีความคิดต่างกัน ยอมร่วมทำตามไปในทางเดียวกัน โดยการใช้เสียงดัง บังคับให้ทำตาม  อาจเป็นวิธีดูป่าเถื่อน แต่ก็ได้ผลดีและเร็ว กว่ามาพูดเสียงนิ่มๆ เพราะคนบางคน พูดดีๆ แล้วไม่ทำตามครับ แต่หลังๆ มาการว๊ากเริ่มพัฒนาไปในทางที่ผิด เนื่องจากรุ่นพี่ไม่ได้มีจิตใจรักน้องจริงๆ บางคนว๊าก เพื่อระบายอารมณ์ส่วนตัวที่เคยโดนว๊ากมา  บางคนบ้าอำนาจ สั่งให้น้องทำอะไรแปลกๆ โดยไม่เกิดประโยชน์ และเกิดผลเสียตามมา สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดครับ ถ้ารุ่นพี่ได้รับการอบรมมาก่อน ไม่ใช่ว่าคัดใครก็ได้มาทำ ดาบสองคมครับ ใช้ให้ถูกก็มีประโยชน์ อย่าไปมองด้านคมที่เข้าหาตัวเราอย่างเดียว แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 15:17:27 จากคุณ : evilstep เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:15:45

ความคิดเห็นที่ 58 ไหน ๆ เย็นนี้ผมก็ว่าง อิอิ มาปั่นทู้ตอบชาวบ้านเล่นดีกว่า ถึง คห 56 1) ห้ามรุ่นน้อง กับ รุ่นพี่ ถูกต้องเนื้อตัวกัน = ถึงไม่ห้ามคุณก็ไม่มีสิทธิ์ 2) ห้ามพี่ว้าก พูดจาหยาบคาย หรือ ถากถางเพื่อให้เกิดความเกลียดชัง = คุยกันดี ๆ ก็รุ้เรื่องคนนะครับไม่ใช่หมูหมากาไก่ ถามจริง ถ้าคุณรู้ว่าในคณะคุณมีลูกคนใหญ่คนโต คุณกล้าทำหรือ? 3) หน่วยรักษาพยาบาล สำคัญมากๆ เพราะบางคนอาจจะไม่ค่อยแข็งแรง = การรับน้องที่ดี คือการให้ความสะดวก สบายใจ กับรุ่นน้อง ไม่ควรมีกิจกรรมใดที่จะทำให้เกิดผลกระทบกับสุขภาพ ถามจริงหน่วยรักษาพยาบาลนี่เค้ารู้ความแตกต่างระหว่าง เป็นลม กับหัวใจวาย หรือเปล่า? ข้อดีของว้ากเนี่ยหลายอย่างนะ 1) ได้ออกกำลังกาย = สนามกีฬาเค้าไม่ได้ห้ามเข้า ใครใคร่ออกก็ไปออกได้ทุกเวลา ทำไมต้องบังคับ 2) ได้รู้จักเพื่อนๆต่างกรุ๊ป = รับน้องธรรมดามันก็รู้จักกันได้ ไม่เห็นต้องว้าก 3) ได้รับรู้เรื่องการเรียน การวางตัว = บอกดี ๆ ก็ได้นี่นา พี่รหัส มีไว้ทำไม? 4) ได้เรียนรู้เรื่องราวของ คณะ เช่น ก่อตั้งเมื่อไหร่ ใคร บลาๆ ซึ่งจะไม่มีใครสนใจหรอกถ้าไม่ได้เข้าว้าก = ทราบแล้วมันได้อะไร? สำคัญกว่าการเรียนทั่วไปแค่ไหน คนสนใจเค้าก็หาอ่านเองได้ ตามเวป หรือว่าข้อมูลนี้มันต้องสืบทอดกันด้วยการตะคอกใส่กัน? ตั้งคำถามพวกนี้ชิงรางวัลจะดีกว่าด้วยซ้ำไป จากคุณ : น้ำลายบูด เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:20:44

ความคิดเห็นที่ 59 ระบบ SOTUS ในอดีตสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่เราน่ะมันจำเป็นครับ ถามว่าสมัยนี้สมควรใช้ไหม ก็ขอตอบว่าถ้าเข้าใจระบบนี้อย่างลึกซึ้งและใช้ตรงตามเจตนารมณ์ของระบบนี้มันก็ยังใช้ได้อยู่ครับ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:22:58

ความคิดเห็นที่ 60 ชอบไปรับน้อง แต่ไม่ชอบ การว๊าก จากคุณ : lovodath เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:25:12

ความคิดเห็นที่ 61 SOTUS = Stupid Outdated Tyranny Uncivilized Stop it! ประเทศไทยปกครองด้วย ระบอบประชาิธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่มีในรัฐธรรมนูญข้อไหน ยินยอมให้มีการละเมิด สิทธิและเสรีภาพ ด้วยระบบ SOTUS ใช้เมื่อไหร่ก็ผิด แล้วที่ว่าเข้าใจลึกซึ้งนี่ แค่ไหนครับ มีสอบใบอณุญาตด้วยปะ ;p จากคุณ : น้ำลายบูด เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:28:42

ความคิดเห็นที่ 62 พวกเค้าอาจมีปมมาก่อน  น่าสงสาร จากคุณ : rabbit hole เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:36:45

ความคิดเห็นที่ 63 ผมก็ว่างเหมือนกัน อิอิ ถึง คห 58  ผมเทียบกับ มหาลัย-คณะ ผมนะครับ เมื่อปี 1999 1) ห้ามรุ่นน้อง กับ รุ่นพี่ ถูกต้องเนื้อตัวกัน = ถึงไม่ห้ามคุณก็ไม่มีสิทธิ์ ====>อันนี้มีนัยคือ ห้ามชกต่อยนั่นแหละ ไม่ควรที่จะยืนอยู่ใกล้กันเกินไป เพราะ หากเกิดใครสติ ก็ต้องมีคนมาห้าม 2) ห้ามพี่ว้าก พูดจาหยาบคาย หรือ ถากถางเพื่อให้เกิดความเกลียดชัง = คุยกันดี ๆ ก็รุ้เรื่องคนนะครับไม่ใช่หมูหมากาไก่ ถามจริง ถ้าคุณรู้ว่าในคณะคุณมีลูกคนใหญ่คนโต คุณกล้าทำหรือ? ====> การพูดโดยไม่ใช้ไมค์ เพื่อให้ นักศึกษาได้ยิน ทั่วทั้ง 200-500 คนเนี่ย แน่นอน ต้องตะโกน การห้ามหยาบคายก็ เพื่อข้อ 1 เป็นหลักแหละครับ 3) หน่วยรักษาพยาบาล สำคัญมากๆ เพราะบางคนอาจจะไม่ค่อยแข็งแรง = การรับน้องที่ดี คือการให้ความสะดวก สบายใจ กับรุ่นน้อง ไม่ควรมีกิจกรรมใดที่จะทำให้เกิดผลกระทบกับสุขภาพ ถามจริงหน่วยรักษาพยาบาลนี่เค้ารู้ความแตกต่างระหว่าง เป็นลม กับหัวใจวาย หรือเปล่า? ====> สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพเนี่ย รุ่นพี่ จะทราบครับ เพราะเค้ามีแบบฟอร์ม ให้กรอก หากใครไม่ไหวจริงๆก็ไปนั่งที่หน่วยพยาบาลได้อยู่แล้ว ข้อดีของว้ากเนี่ยหลายอย่างนะ 1) ได้ออกกำลังกาย = สนามกีฬาเค้าไม่ได้ห้ามเข้า ใครใคร่ออกก็ไปออกได้ทุกเวลา ทำไมต้องบังคับ ====> หลายๆคนไม่ได้คิดจะออกกำลังกายหรอก แต่เมื่อมีการว้าก ก็จะเห็นความสำคัญ มีการนัดแนะกับ เพื่อนไปวิ่งบ้าง เล่นกีฬาบ้าง พี่ว้ากก็จะพยายามโน้นน้าว ให้เห็นความสำคัญ 2) ได้รู้จักเพื่อนๆต่างกรุ๊ป = รับน้องธรรมดามันก็รู้จักกันได้ ไม่เห็นต้องว้าก ====> อันนี้ มหาลัยผมเค้าจะให้แต่ละคนออกไปแนะนำตัว ซึ่ง ก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนุกอันนึง เพราะจะโดนแกล้ง แบบฮาๆแทบทุกคน 3) ได้รับรู้เรื่องการเรียน การวางตัว = บอกดี ๆ ก็ได้นี่นา พี่รหัส มีไว้ทำไม? ====> ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพี่ รหัส บางทีพี่รหัสก็ไม่สนใจ การว้ากเนี่ย สำหรับบางคนที่ยังไม่ชินกันการเรียนมหาลัย ก็จะเรียนไม่ทัน เพราะแป๊บเดียวก็สอบ กลางภาคแล้ว การมีพี่ว้าก นักศึกษาก็จะปรับตัว และได้ทราบแผนการเรียน วัน - เวลา *บางคนไม่รู้หรอก* 4) ได้เรียนรู้เรื่องราวของ คณะ เช่น ก่อตั้งเมื่อไหร่ ใคร บลาๆ ซึ่งจะไม่มีใครสนใจหรอกถ้าไม่ได้เข้าว้าก = ทราบแล้วมันได้อะไร? สำคัญกว่าการเรียนทั่วไปแค่ไหน คนสนใจเค้าก็หาอ่านเองได้ ตามเวป หรือว่าข้อมูลนี้มันต้องสืบทอดกันด้วยการตะคอกใส่กัน? ตั้งคำถามพวกนี้ชิงรางวัลจะดีกว่าด้วยซ้ำไป ====> ส่วนใหญ่ก็จะเป้นคำถามเมื่อเวลาที่ แต่ละคนออกไปแนะนำตัว ถ้าใครตอบไม่ได้ ก็จะให้เพื่อนช่วยตอบ หลายๆคำถาม เป็นที่สนุกสนาน ผมว่ามันดีกับส่วนรวม เพียงแต่ต้องทำให้มันดี เป็นมนุษย์ธรรม ไม่ป่าเถื่อน จากคุณ : สักวันฉันจะอ้วนกลม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:58:57

ความคิดเห็นที่ 64 พี่ว้าก แม่มตะคอก ขู่ตัดรุ่นๆ เจอพวกมันต้องใหว้ พอเรียนจบปี1 อยากจะ:-) เกรดไม่ถึง 2.5 ซักคนพวกที่มันว่าไม่เอาพี่ไม่เอาน้องเรียนเกรด 2.9 ขึ้นหมด คบพวกนี้ดีกว่ามั้ง            พอมาเรียนราม(มาเรียนใบ2ละ)ไม่มีการบังคับ บางคนรับบางคนไม่รับก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรียนดีหรือไม่ดีจบมามีเพื่อนช่วยรึเปล่าเรียนเองก็ได้ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:10:32

ความคิดเห็นที่ 65 มธ ไม่มีการว๊ากน้อง ก็เห็น พวก สิงห์แดง เหนียวแน่นกันดี ทั้งใน กต มท มากกว่า สิงห์ดำซะอีก จากคุณ : cdchd เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:10:46

ความคิดเห็นที่ 66 คิดว่าคนที่คิดระบบว้ากขึ้นมาก็เพื่อ....สร้างสถานการณ์ให้คนจำนวนมากที่ต้องมาอยู่ด้วยกัน ตกอยู่ในภาวะการถูกกดดัน บีบเค้น หรือพูดง่าย ๆ คือให้รู้สึกว่าลำบากด้วยกันนั่นแหละ มีคำพูดที่ว่า คนเราจะเห็นใจกันก็ตอนลำบากด้วยกันนี่แหละ หรือ เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก อะไรทำนองนี้ ถ้า นศ แต่ละรุ่นได้เคยผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมาด้วยกัน ก็น่าที่จะเกิดความรัก ความสามัคคีกัน ร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน พวกนี้ก็จะรักกันเหนียวแน่น ยาวนาน ส่วนข้อดี ก็พอมองเห็นอยู่บ้าง แต่มามองเห็นเมื่อผ่านไปหลายปี ก็คือ เราได้ฝึกความอดทน อดกลั้น ข่มใจต่อเอง ได้ฝึกการเอาชนะความโกรธ เรียนจบมาทำงาน เจอเจ้านายเกรียนกว่าพวกพี่ว้ากเยอะ จากคุณ : Kuruko เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:12:30

ความคิดเห็นที่ 67 ถึงคุณ 63 มหาวิทยาลัยมีให้เรียนรู้ แบบผู้ใหญ่ รู้จักรับผิดชอบตัวเอง สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือรู้จักรับผิดชอบตัวเอง ว้ากที่ผมเห็นมามันไม่เห็นจะได้เรื่องอะไร ไร้สาระกันทั้งนั้น ที่คุณตอบมามันก็แค่กระตุ้นให้ทำนั่นนี่ ถ้ารุ่นพี่ฉลาดพอ เรียนรู้มากพอที่จะสอนน้อง คนเป็นร้อยเป็นพันมันก็ทำให้ดีได้ โดยไม่ต้องว้าก ว้ากนะผมไม่เคยคิดว่ามันดีเลย ยังจำได้ดีด้วยตอนอุ้มรุ่นน้องที่มันชักตอนว้ากไปโรงพยาบาล แล้วต้องมานอนเฝ้ามันเกือบทั้งคืน พ่อแม่เค้ามาด่าพาลูกเค้าไปทำอย่างนั้นทำไม บางคนเค้าก็ไม่ได้กรอกข้อมุลครบ บางคนก็ไม่รู้ว่าัตัวเองเป็น หน่วยพยาบาลนะครับจบพยาบาลจบหมอมากันเหรอ? ถึงเวลาจริง ๆ ก็มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกกันซะมาก ลำบากไอ้คนไม่รู้เรื่องอะไรอย่างผม ที่ผ่านมานั่นแหละ แล้วรุ่นน้องทะเลาะกับรุ่นพี่แทบจะต่อยกัน สุดท้ายเกลียดหน้ากันยกรุ่น สิบกว่าปีมาแล้ว มันยังเกลียดกันอยู่เลย คุ้มเหรอครับกับการได้กิจกรรมนั่นนี่เพื่อความสนุกสนานของบางกลุ่ม แต่ถ้ามันออกมาทางร้าย เด็กอายุแค่ยี่สิบ ช่วยกันรับผิดชอบไหวเหรอ? จากคุณ : น้ำลายบูด เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:18:16

ความคิดเห็นที่ 68 447 ครับผมเคารพในความคิดเห็นของคุณ ผมไม่คิดจะไปเปลี่ยนความเห็นคุณด้วย แต่ละคนเลือกกลยุทธ์ที่จะเล่นต่างกัน แต่มุ่งหวังให้บุรรลุจุดประสงค์เดียวกัน ใครเห็นด้วยก็เข้ามา ใครไม่เห็นด้วยก็ออกไป (แต่บางครั้งก็อาจมีการบังคับฝืนใจให้ยอมรับหรือไม่ยอมรับบางอย่างด้วยเช่นกัน เช่น ลูกไม่อยากไปโรงเรียนแต่พ่อแม่บังคับให้ลูกไปโรงเรียน งานนี้ส่วนใหญ่คงไม่มีพ่อแม่คนไหนยอมโอนอ่อนตามลูกหรอกมั๊งครับ ยกเว้นว่าพ่อแม่ได้พิสูจน์แล้วว่าระบบการศึกษาของโรงเรียนนั้นมันล้มเหลวและไม่เกิดประโยชน์ต่อลูกใดๆ ทั้งสิ้นน่ะ) จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:20:00

ความคิดเห็นที่ 69 ตอนเรียนก็พอจะเห็นด้วยบ้าง ถ้าไม่ทำอย่างบ้าคลั่ง มีอาจารย์คอยดูแลห่างๆ ไม่ละเมิดสิทธิ์ของความเป็นคนมากไป แต่พอจบทำงานมาหลายปี ก็พบว่า มันช่างไร้สาระสิ้นดี ระบบรุ่นพี่รุ่นน้องที่ได้ช่วยเหลือกันจริง ก็คือคนที่ทำความรู้จักกันเอง ไม่ได้ผ่านระบบว๊ากระบบเชียร์เลยสักนิด แรงกดดันระหว่างการทำงาน ก็มากกว่าตอนว๊ากหลายสิบเท่า จะบอกว่าซ้อมไว้ก่อนคงไม่ได้ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย(ไม่ใช่ฝึกร่างกายไว้สักหน่อย) และเรามีกิจกรรมดีๆเชิงสร้่างสรรค์อีกหลายอย่าง ที่จะสามารถละลายพฤติกรรม และ brainstorming ทดแทนการเชียร์และการว๊ากได้อีกมากครับ สรุปสนับสนุนการรับน้องเชิงสร้างสรรค์มากกว่าครับ ป.ล. ระบบ SOTUS และการว๊ากมาจากการฝึกทหาร เพื่อการสั่งการผ่านสายบังคับบัญชา ทำตามทุกอย่างห้ามถามเหตุผล สร้างความเป็น UNITY เทียมระหว่างการฝึกร่วมกัน ซึ่งถ้าคุณไม่ใช่ทหารแล้วคุณจะยอมรับมันไปทำไม? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:23:24

ความคิดเห็นที่ 70 มันจะ ว๊าก ทำไม ไร้สาระ ใครว๊ากก็หาอะไรยัดปากมัน ไม่ก็ส่งมันไปเกณฑ์ทหารซะ เก่งนัก! จากคุณ : มุมม่วง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:35:45

ความคิดเห็นที่ 71 #63 เรื่องออกกำลังกาย ปี1 เกือบทุกที่ก็มีกีฬา freshy ก็ชวนๆกันไปเล่นสิ ไปเข้าห้องเชียร์จะเอาเวลาที่ไหนไปฝึกกันล่ะ? วิ่งๆ กลิ้งๆ ลุกนั่งในว๊ากทำแค่ให้เหนื่อย มันแทบไม่ใช่การฝึกฝนร่างกายกันสักเท่าไร ส่วนประโยชน์ข้ออื่นๆที่คุณยกตัวอย่างมา ใช้่การรับน้องสันทนาการธรรมดาก็ได้เหมือนกันแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องใช้ว๊ากเลยสักนิด โดยส่วนตัวได้เพื่อนสนิท ได้รู้จักรุ่นน้องต่างคณะมากมาย จากงานรับน้องมหาลัยมากกว่าเสียอีก รู้จักเพราะกิจกรรมสร้า่งสรรค์ผมว่ามันดีกว่ารู้จักเพราะโดนกดดันเหมือนๆกันนะ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:37:59

ความคิดเห็นที่ 72 #68 << แต่บางครั้งก็อาจมีการบังคับฝืนใจให้ยอมรับหรือไม่ยอมรับบางอย่างด้วยเช่นกัน เช่น ลูกไม่อยากไปโรงเรียนแต่พ่อแม่บังคับให้ลูกไปโรงเรียน งานนี้ส่วนใหญ่คงไม่มีพ่อแม่คนไหนยอมโอนอ่อนตามลูกหรอกมั๊งครับ ยกเว้นว่าพ่อแม่ได้พิสูจน์แล้วว่าระบบการศึกษาของโรงเรียนนั้นมันล้มเหลวและไม่เกิดประโยชน์ต่อลูกใดๆ ทั้งสิ้นน่ะ>> การยกตัวอย่างของคุณไม่เป็นเหตุผลครับ วุฒิภาวะของพ่อแม่กับรุ่นพี่ ต่างกันมาก คุณยกมาเทียบกันได้อย่างไร จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:54:05

ความคิดเห็นที่ 73 ( กระซิบถาม #69 ) ใช่คุณ ....4จุด   ตัวจริงรึัเปล่านี่ จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:56:09

ความคิดเห็นที่ 74 ^_^ ผมก็ไม่ได้เป็นพี่ว้ากมาก่อนนะ มหาลัย คณะผมว้าก กันสนุกครับ เครียด แค่ 1-2 session แรกที่จะออกแนวจัดระเบียบ มีอยู่ session นึงคนมาแค่ ร้อยกว่าๆ จาก 4ร้อยกว่า จำได้ว่าพี่ว้ากหลายคนร้องไห้เลย แต่ session นั้นซึ้ง และสนุกมากๆ เพราะมีเกมส์เล่น ^_^ ไม่ใช่ทุกคน ทุกคณะ ทุกมหาลัย ที่ว้ากกันแบบ ไร้สาระ ปล. พี่ว้ากเนี่ย ปรกติ จะเป็นพี่ ปี 2-3 ซึ่ง จะต้องถูกสอนแล้วก็แนะนำ โดย พี่ปี 4 มันเหมือนการสืบทอดนี่แหละ แล้วคณะผม คนจะมาว้ากได้ต้องเกรด 3.00+ ครับ เพราะมันกระทบผลการเรียน ขอบคุณครับ จากคุณ : สักวันฉันจะอ้วนกลม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:02:21

ความคิดเห็นที่ 75 447 อืม แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นพี่บังคับน้องล่ะครับ จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:09:19

ความคิดเห็นที่ 76 #75 พี่ร่วมสายเลือด หรือลูกพี่ลูกน้อง ที่มีวุฒิภาวะเพียงพอ สอนน้องด้วยความหวังดี รับได้ครับ แต่เด็ก 6 ขวบบังคับเด็ก 5 ขวบนี่ เ้อ้ออ จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:21:03

ความคิดเห็นที่ 77 มันอยู่ที่รู้รึว่าว่าทำไปทำไม รึว่าแค่ลิง จากคุณ : vermillion เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:32:38

ความคิดเห็นที่ 78 มีใครในนี้ เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงระบบห้องเชียร์ โดยการเข้าไปเป็นสต๊าฟเชียร์บ้างไหมครับ อยากจะบอกว่า ห้องเชียร์จริงๆ แล้ว วัตถุประสงค์ในตอนนี้ต่างจากตอนก่อตั้งเยอะมากเลยทีเดียว ห้องเชียร์ในยุคแรกๆ เท่าที่ทราบมา 1. ปกครองด้วยระบบ SOTUS ของทหาร แต่เป็น SOTUS ที่ไม่แรงขนาดที่คิดๆ กันไว้ 2. รุ่นน้องแย้งรุ่นพี่ได้ ถ้ามีเหตุผลชัดเจนและมีความกล้าที่จะแสดงตัวเพื่อแย้งในสิ่งที่ตนเห็นว่าถูก 3. รุ่นน้องสามารถรวมตัวกันขัดคำสั่งได้ แต่ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาด้วยกันทั้งรุ่น 4. ห้องเชียร์มีไว้อบรมสั่งสอนให้รุ่นน้องเข้าใจระบบ วิถีปฏิบัติและแนวคิดต่างๆ ในคณะ 5. สอนการร้องเพลงประจำคณะ สาขาวิชา เพื่อให้เข้าใจลึกซึ้งถึงประวัติความเป็นมา และชื่อเสียงที่มี 6. ฝึกระเบียบวินัยให้มีความพร้อมเพรียงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในรุ่น แต่ห้องเชียร์ในยุคนี้ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามันเป็นยังไง (เดี๋ยวค่อยมาพูดทีหลังแล้วกันครับ) ปล. หายไปนานหน่อยนะ ผมมีงานด่วนต้องรีบส่ง คาดว่าดึกๆ ถึงจะว่างมาตอบอีกรอบครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 17:43:41 จากคุณ : คนคลั่งนิยาย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:42:38

ความคิดเห็นที่ 79 ที่มาของระบบอุปถัมภ์ เพิ่มเติม กระทู้นี้น่าจะโดนลบในไม่ช้า.... แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 18:09:26 จากคุณ : บางนรา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:55:54

ความคิดเห็นที่ 80 มีอีกหลายวิธีที่จะทำให้รุ่นน้องรักเพื่อน รักคณะ นับถือรุ่นพี่ คือเกิดจากการสร้างความรัก ความศรัทธาในตัวน้องต่อเพื่อน คณะและรุ่นพี่ เกิดจากความร่วมมือร่วมใจกัน ความรักที่เกิดจากความกลัวมันจะหยั่งยืนหรอครับ ??? ผมก็เป็นเด็กกิจกรรมนะ ช่วงปี 1 - 3 ช่วยงานคณะอยู่ตลอดเพราะเพื่อนผมเป็นประธานรุ่น แต่ที่คณะไม่มีการว๊ากในห้องเชียร์ ในรอบ 2 ปีจะว๊ากเพียงครึ่งวันเท่านั้นจากรุ่นพี่ 4 - 5 คน แล้วตอนกลางคืนพี่ว๊ากก็จะโดนน้องๆทำโทษ น่ารักดี แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 18:00:15 จากคุณ : ต้อมติ้ว เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:58:55

ความคิดเห็นที่ 81 ไร้สาระที่สุด ถ้าอยากให้ร้องเพลงเชียร์ได้. ก็อัดเพลงลงยูทูป. แจกไฟล์ให้ฟังก็ได้ง่ายกว่าอีก ตอนซ้อมเชียร์. รุ่นพี่มีแต่พวกงี่เง่า. พ่อไม่สบายต้องกลับมาดูพ่อ. ก็ไม่ยอมให้กลับ บอกว่าเดี๋ยวร้องเพลงเชียร์ไม่ได้. พวกนี้ก็เอาสะใจตัวเองกันทั้งนั้นแหละ มันจะมีซักกี่คนที่ทำเพราะอยากให้น้องสามัคคีกันจริงๆ จริงๆก็แค่ข้องอ้างบังหน้าหาเรื่องเอาคืน. เหมือนที่ตัวเองเคยโดนทำเท่านั้นแหละ เรื่องเอาเหตุผลไปบอกไม่เคยมีความหมายต่อคนพวกนี้หรอก. เพราะเหตุผลฉันใหญ่สุด แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 18:32:05 จากคุณ : Ckii.u เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 18:29:45

ความคิดเห็นที่ 82 แปลกนะ ผมอยากให้มีรับน้องอารมณ์แบบค่ายอาสามากกว่า ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้าน อะไรเทือกนี้ เพราะผมรู้สึกว่านิสิตนักศึกษาเราทำตัว ห่างจากประชาชนหรือชุมชนมากเกินไป ด้วยจำนวนคนขนาดนี้ ผมเชื่อว่าเราสามารถสร้างสิ่งดีๆให้กับชุมชนรอบๆมหาลัยได้มากมายแน่นอน ถ้าเทียบกับการมารับน้องเมาะๆแมะๆความมันส์ความกดดันมันไม่สู้ไปออกค่ายของทหารด้วยซ้ำ สำหรับผมการรับน้องมันจึงไม่มีประโยชน์อะไร ช่วงนี้ที่มหาลัยมีโครงการให้ทำการลงพื้นที่คุยกับชาวบ้านเรื่องปัญหาต่างๆที่ชาวบ้านต้องเจอ และนำปัญหาเหล่านั้นมาเป็นหัวข้อโปรเจ็คจบของนักศึกษาปีสี่ ผมคิดว่าน่าจะดีมากเลยถ้าให้ปีหนึ่งเข้าใหม่มีส่วนร่วมในการนี้ด้วย จากคุณ : กินแสงโสมไปกลมนึง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 18:40:44 A:223.207.111.12 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 83 การรับน้องแบบที่คุณเห็นว่ามันให้ประโยชน์สูงสุดในแบบที่คุณต้องการ หน้าตาเป็นอย่างไร จากคุณ : กินแสงโสมไปกลมนึง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 18:48:44 A:223.207.111.12 X: TicketID:228785

ความคิดเห็นที่ 84 ส่วนตัวผมว่าไร้สาระมากอ่ะครับ ทำกิจกรรม เล่นเกมส์ เต้น ร้องเพลง เผลอๆดีกว่า -0- ไม่เห็นจำเป็นต้องพามาลำบาก วิดพื้น บลาๆๆ พ่อแม่ก็ไม่ใช่ บ้าอำนาจ(ให้ค.รู้สึกส่วนตัวมากไปนิด ฝังใจ -*-) แต่โชคดีที่มหาลัยผมทุกคณะไม่มีพี่ว๊าก ไม่มีการรับน้องแบบถ่อยๆ ลำบากๆ เฮฮา สนุก ได้รู้จักเพื่อน ได้ความรู้ ^_^ บ้านพี่ขาดคนหุงข้าว จงเจริญญญ!!(ชื่อบ้านตอนรับน้องครับ ^___^) จากคุณ : THANODOM (THANODOM) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 19:00:16

ความคิดเห็นที่ 85 ลางเนื้อชอบลางยาครับ จากคุณ : polyodon เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 19:27:54

ความคิดเห็นที่ 86 เวลารับน้องแบบว๊าก ผมจะบอกตลอดว่าใครทนไม่ได้ก็ไม่ต้องมา เอาแต่คุณภาพไม่เอาปริมาณ ซึ่งก็มีคนไม่มาจริงๆ แต่ผมก็ไม่แคร์ เพราะน้องที่เหลือเค้าอยากได้เพื่อน อยากได้พี่ครับ ทุกวันนี้ทำงานเรียนจบเพื่อนร่วมรุ่น น้องที่ผมรับ รุ่นพี่อีกเราก็ยังติดต่อกัน co งานกันอยู่ตลอดครับ จากคุณ : xhai เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 19:35:25

ความคิดเห็นที่ 87 รับน้องขึ้นดอย ม.ช. เป็นอะไรที่ประทับใจที่สุด !! จากคุณ : uPstreaM เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 19:35:57

ความคิดเห็นที่ 88 ความเห็น 84 จำได้นะว่ามาจาก มหาวิทยาลัยสีหวาน เป็นบ้านขนาดกลางค่อนไปทางเล็ก รบกวนบอกปีที่เข้าร่วมได้ไหมล่ะครับ ผมสามารถร่ายปัญหาออกมาได้เลย เพราะตอนที่ผมเป็นทีมงานจัดกิจกรรม ผมไปซัดกับบ้านนี้มาหลายคดีอยู่ ปล. ประเด็นที่อัดกันก็เรื่องความ "พี่บ้านเอาแต่ใจ + อยากเอาใจน้องบ้าน" ซึ่งดูแล้วเหมือนไร้สาระ แต่มันก็ไม่ไร้สาระซะทีเดียวเหมือนกันนะ จากคุณ : คนคลั่งนิยาย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:01:55

ความคิดเห็นที่ 89 กระทู้วิทยาศาสตร์ ?? จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:05:35

ความคิดเห็นที่ 90 รับน้อง "ไร้สาระ" จากคุณ : ลูนาร์ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:06:58

ความคิดเห็นที่ 91 ผมว่ามันก็ดีนะที่มีการรับน้องเพราะทำให้มีกิจกรรมทำร่วมกัน แต่อยากให้รุ่นพี่สอนรุ่นน้อง ช่วยเหลือเรื่องการเรียน ให้คำแนะนำแบบนี้จะดีกว่า เพราะเมื่อออกมาภายนอกคนท่มีความสามารถถึงจะเป็นคนที่สังคมยอมรับและนับถือมากกว่า อยากให้ช่วยเหลือเรื่องการศึกษาครับ  ผมเองได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อน ร่นพี่ อาจารย์ และครอบครัวอย่างมากมาย สักวันนึงในอนาคตผมก็จะช่วยเหลือสังคมเหมือนที่สังคมเคยช่วยเหลือผมมา จากคุณ : Mr.Feynman เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:22:18

ความคิดเห็นที่ 92 concept มันผ่าน แต่ method มันไม่ผ่าน ไม่ชอบค่ะ ที่มหาวิทยาลัยไม่มีพิธีชาบูเด็กปี 1 ด้วยการด่า ตวาด แล้วบังคับ ที่มหาลัยจัดงานรับเพื่อนใหม่ค่ะ ... ^^ จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:12:39

ความคิดเห็นที่ 93 เพื่อน น้อง และพี่ ที่ผมคบทุกวันนี้ เกือบสิบห้าปีมาเนี่ย ไม่ได้รุ้จักกันเพราะว้ากซักคน ผมเคยผ่าน เคยทำ แล้วก็เคยซวยกับว้ากมาเยอะ ทั้งที่คนอื่นทำโดยตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ ขอถามคำถามสุดท้ายละ ถ้ามันเกิดอันตรายถึงเจ็บ พิการ หรือตายมา ไม่ว่าด้วยสาเหตอะไรก็ตาม ใครรับผิดชอบ? เด็กเรียนปริญญาตรี ความรู้แค่หางอึ่ง พึ่งพาตัวเองยังไม่ค่อยได้จะทำยังไงครับ ไปกราบพ่อแม่เค้า หรือว่าบวชให้คงไม่พอกับความเสียใจของครอบครัวน้อง ๆ เค้าหรอก ระบบเก่าเหล่าเหย่ แบบนี้เลิกได้ก็เลิกเถอะ สมองก็มีคิดเอาวีธีดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องไปตามรุ่นก่อน ๆ ด้วย? ถ้าพวกคุณทั้งหลายคิดว่าว้ากมันปลอดภัย ผมคงไม่รู้จะว่าอะไรละนะ จากคุณ : น้ำลายบูด เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:15:15

ความคิดเห็นที่ 94 ตอนรุ่นผมไม่มีปัญหานะ ทำไมรุ่นนี้เป็นงี้ ??? สงสัยเค้าทำให้โหดขึ้น(มั้ง) รุ่นผม(50 พึ่งจบ)ตอนรับน้องได้อะไรเยอะเลยนะ จริงๆประโยชน์จากกิจกรรมนี้ มันได้อะไรเยอะมาก ทั้งเพื่อน ทั้งสาว (เน้น) ทั้งกิ๊ก (เน้น) ทั้งความสามัคคี รู้จักคนเยอะ ช่วยเหลือกันได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต(จริงๆนะ) แต่นี้อะไรกันงง ?? อะไรที่มันพอดีๆมันก็ดีนะผมว่าถ้ามากไปมันก็ไม่ดี ส่วนตัวผมชอบนะกิจกรรมรับน้องแต่ถ้ามันมากไปหนักไปบางคนรับแรงกดดันไม่ได้ ก็อาจชอคได้ เพราะคนเราต่างพ่อต่างแม่ต่างสังคมกันไงก็ทำให้พอดีๆ มันก็ออกมาดี จากคุณ : -POsSeSsiOnz- เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:22:25

ความคิดเห็นที่ 95 อาวุโสกว่าแล้วไง ตายคาตีนไม่ได้ใช่ม๊ะรุ่นพี่ครับ ไร้สาระฟ่ะ เลิกๆไปเถอะไอ้การรับน้องให้ดูเหมือนฝูงควายเนี่ย ระบบโซตัส ประเทศมันถึงไม่พัฒนา  มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไอ้การรับน้องเนี่ย มีแต่เอาให้สะใจเท่านั้นล่ะครับ มันคือความสนุกสะใจของรุ่นพี่เท่านี้น ที่ได้ดูรุ่นน้องตายคาตีนมันต่างหากฟ่ะ สมองมีแต่ไม่ใช้กัน ดีกันจริงๆเลยน่ะครับ เหอะๆ ให้ทำไร ร้องเพลง เต้นท่าประหลาดๆ วิดพื้น กลิ้งกับพื้น คลุกกับดิน สนุกมั้ย มีมากกว่านี้อีก ใครๆก็รู้ว่ามันโหด ไม่มีใครอยากรับหรอก แต่:-)บังคับฟ่ะ ไม่ได้รุ่นตรูก็ไม่ตายหรอกฟ่ะ ไม่ได้อยากได้ด้วย ไม่ทราบว่าพวกมึออกเกรดให้ตรูเรอะ ให้ตรูจบได้เรอะ ทำได้มั้ย ทำไมต้องฟังฟ่ะ  ตรูไม่เคยเคราพและศรัทธาพวกแกตรูมีจะแช่ง รับน้องแบบใช้สมองน่ะ หัดทำบ้างเหอะ ถ้าทำแบบนั้นจะไม่ว่าเลย แต่นี้อะไรกัน  ชิ ใครจะว่าไงก็ช่างหัวมันเถอะ ผมไม่สน จากคุณ : kioka เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:21:54

ความคิดเห็นที่ 96 ผมจบแล้วนะ แต่ผมคิดว่ามันเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างไร้สาระนะ ผิดจุดประสงค์กันไปหมดแล้วการว้ากสมัยนี้น่ะ บอกให้รับความกดดัน มันขึ้นกับคนต่างหาก แล้วก็จริงอย่างที่พูดคนที่ว้ากเคยทำงานแล้วหรือยังจึงกล้ามาบอก  = = จากคุณ : freeingtone เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:36:34

ความคิดเห็นที่ 97 "พวกคุณท้าทายอำนาจประธานเชียร์" ฟังแล้วอยาก ถรุย อีกคนกลัวเข้าคุก ออกไปในสังคมมันก็แค่ตัวเล็กๆคนนึงแหละ เก่งแต่ในนี้ มันหมดสมัยที่จะมาทำแบบนี้แล้ว ยุคมันเปลี่ยนไปแล้ว รวมกลุ่มกันออกไปช่วยเหลือสังคม พาน้องไปปลูกป่า ไปทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ช่วยเหลือชาวบ้านที่ลำบาก หรือที่ห่างไกลความเจริญกับน้องๆ "ดีกว่าไหม" จากคุณ : estalar (estalar) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:39:25

ความคิดเห็นที่ 98 ริดรอนสิทธิ์ส่วนบุคคล มีแค่นั้นแหละ จากคุณ : madaras เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:40:09

ความคิดเห็นที่ 99 อำนาจในมือของเธอก็เป็นแค่สิ่งลวงตา... จากคุณ : บรรเลงนิยม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:43:17

ความคิดเห็นที่ 100 ลาดกระบังเหมือนกัน... ตอนเชียร์ ก็เข้าเชียร์ตลอดนะ มีดีตรงแค่ ได้รู้จักชื่อสาวๆ ที่นั่งข้างๆ เท่านั้นอ่ะ... ส่วนอื่นๆ ไร้ประโยชน์มาก คนมันจะทำงาน มันไม่เข้าเชียร์มันก็ทำ คนมันจะรวมตัวกัน คบกัน ไม่เข้าเชียร์มันก็คบ แล้วก็จำใครไม่ได้หรอก แถมไม่รู้จักใครซักคนจากเชียร์หรอก...ถามไอ้พวกที่มากระแดะว๊ากเลยก็ได้...ว่าเมิงจำหน้าคนที่นั่งข้างเมิงวันที่เข้าเชียร์ครั้งที่ 5 ได้ครบ 8 คนไม๊...ก็ไม่...บางที่ จำแม่มไม่ได้เลยซักคน เพื่อนมันจะมาคบกันตอนเข้าภาค แล้วต้องฝ่าฟันอาจารย์ กับวิชาเรียนมหาโหดโคดลำเค็ญมากกว่านะ... จากคุณ : Adios2nd เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:46:23

ความคิดเห็นที่ 101 ไม่เห็นจะเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ตรงไหน แต่เห็นว่าฮิตกันจัง  ก็ขอแจมด้วยคนหละครับ ผมผ่านการรับน้องในยุค SOTUS มาแล้ว   ขออธิบายความรู้สึกดังนี้ 1.ตอนเป็นเฟรชชี่  หลังผ่านการรับน้องรู้สึกประทับใจและซาบซึ้งมาก 2.พอมาเป็นรุ่นพี่  ได้ทำการรับน้องรู้สึกว่าตัวเองเท่ห์จัง  เป็นกิจกรรมที่จำเป็นมากๆๆๆ ....... 3.หลังจากเรียนจบ และมองย้อนกลับไป....     โคตรไร้สาระ.... มีเกร็ดความรู้มาฝาก หนึ่งในคณะที่มีการรับน้องหนักที่สุดจนถึงปัจจุบัน คือ คณะ วนศาสตร์ แต่... หน่วยงานที่เหยียบหัวชิงดีชิงเด่นกันหน่วยนึงของเมืองไทยคือกรมป่าไม้   คนที่บูชาระบบรับน้องแบบ SOTUS ไปลองคิดเล่นๆดูครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 23:26:49 จากคุณ : todtoh เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:46:59

ความคิดเห็นที่ 102 รับน้องทำอย่างสร้างสรรค์ได้แน่นอน ประโยชน์คือสร้างความสนิทสนมอย่างเท่าเทียม ระหว่างรุ่นพี่น้องและระหว่างเพื่อน ละลายพฤติกรรม ซึ่งไม่จำเป็นต้องผูกกับระบบอาวุโส อำนาจนิยมก็ได้ ผมเห็นว่าไม่ควรเลิก แต่ควรดูแล วางแนวทางให้ เอาที่สร้างสรรค์ๆ มาเป็นแบบอย่าง ถ้าซี้ซั้วจัดการแบบผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็ก อาจกลายเป็นกำจัดกลุ่มที่เขาทำไว้ดีๆ แล้วผลักให้พวกเสื่อมๆ ไปแอบจัดกันชนิดที่ดูแลไม่ได้  เหมือนซุกปัญหาไว้ใต้พรม รับน้องแบบที่ดีๆ ก็มีถมไป อย่างคณะผมพี่น้องก็เสมอภาคกันดี ไม่เคยเห็นว่ารุ่นพี่บ้าอำนาจกับรุ่นน้อง มีแต่จะช่วยดูแลเรื่องต่างๆ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการเคารพรุ่นพี่เลย แต่ละสถาบัน แต่ละคณะ ก็ต่างกัน ไม่ได้มีปัญหาหมด เหมารวมไม่ได้ครับ จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:52:20

ความคิดเห็นที่ 103 เราอยู่คณะนึงที่เชื่อว่าทุกคนไม่คิดว่าจะมีการรับน้องแบบนี้เกิดขึ้นได้ เราเองก่อนเข้าไปก็ไม่เชื่อ มันดูไร้เหตุผลและไม่รู้ว่าจะทำเพื่ออะไร เอาเฟรชชี่มาทำอะไรให้เหนื่อย เพลียเปล่าๆ มีคนเป็นลมทุกครั้ง แต่ก็มีหน่วยปฐมพยาบาลนะคะ สรุปคือปลอดภัยแน่ จริงอยู่ที่ว่าการว๊ากไม่มีสคริป แต่ทุกอย่างมันก็เป็นไปแบบละครน้ำเน่า เดาบทได้ทั้งนั้น อย่างเช่น วันแรก ปีสองว้ากปีหนึ่ง วันต่อไป ปีสามมาว้ากปีหนึ่ง แต่ปีสองยอมโดนลงโทษแทน พร้อมน้อง อ้อ แล้วก็เพลงเชียร์ ก็เข้าใจว่ามันแสดงถึงความเป็น unity ค่ะ แต่ทุกวันนี้ทำไมตีค่าความสำคัญของมันเว่อซะเหลือเกินล่ะคะ ร้องไม่ได้ก็ไม่รับเป็นรุ่นน้องเลยหรอ อยากจะเล่าให้ฟังเรื่องคณะหนึ่ง ม.เรา ที่มีปัญหาไม่เข้าห้องเชียร์กัน สุดท้ายพี่ๆจะยอมรับน้องเป็นน้องถ้าน้องทำกิจกรรมหนึ่งซึ่งเป็นของปีหนึ่งต้องทำให้มันลุล่วงไปได้ นี่สิ ถึงจะทำให้รุ้จักคนและรักกันจริง เชื่อว่าจุดประสงค์ของกิจกรรมรับน้องต่างๆแต่แรกดีทั้งนั้น แต่ต่อมาเกิดการปรับเปลี่ยน มีการหลงอำนาจของบุคคลบางกลุ่ม สะสมกันมาเรื่อยๆ ทำให้การรับน้องกลายเป็นสภาพอย่างปัจจุบันนี่เอง จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:09:43

ความคิดเห็นที่ 104 การว้ากแบบมีเหตุผล ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดัง สอนก็ได้ คนเหมือนกัน มีที่ไหนกันน้องไม่สบายออกมานั่งหน่วยพยาบาล(บางคนเป็นไฮเปอร์มาวันก่อน เลยจับแยก) แล้วพี่ยังมาไซโค มาด่าน้องว่าลักไก่บ้างล่ะ ดราม่าบ้างล่ะ แอ๊บบ้างล่ะ ต้องให้น้องตายต่อหน้าใช่มั้ย ถึงจะสำนึก ถ้าน้องตายจริง จะรับผิดชอบมั้ย จะยอมติดคุกมั้ย(มันก็ข้อหาฆาตกรรมดีๆนี่เอง) คิดว่าพ่อแม่น้องจะยอมเหรอ(เอาอะไรส่วนไหนมาคิด ต้องมาด่าน้องแบบนั้น) ทุกวันนี้มีคนมาถามว่าจะว๊ากน้องมั้ย กล้าพูดเลยว่าไม่ น้องรู้เรื่องอะไรด้วยคะ น้องไปเหยียบตาปลาเหรอถึงต้องทำแบบนั้น ถ้าจะว๊าก จะว๊ากพี่มันนี่แหละ แล้วมาทำไม่พอใจเวลาเรื่องถึงอาจารย์ คณบดี อธิการบดี     ถามจริงๆนะพี่ที่ว๊าก ว๊ากทุกวันนี้เพราะด้วยเหตุผล หรือความสะใจ เก็บกด ตัวเองโดนยังไงต้องโดนแบบนั้น อ้างว่าทำงานต้องกดดัน คุณแน่ใจเหรอว่าเจ้านายมันจะมาทำอะไรโง่ๆแบบนั้น เมื่อมันถึงเวลา น้องก็จะรู้เอง ไม่ต้องมาทำเป็นจำลองสถานการณ์ล่วงหน้า4-5ปี ถ้าจะจำลอง เอาพวกที่จบไปแล้ว ทำงานไปแล้วมาว๊ากพวกปี4ดีกว่านะ จากคุณ : ยูคาริ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:17:07

ความคิดเห็นที่ 105 ผมไม่คิดว่าพี่ปี 4-3-2 จะมีวุฒิภาวะขนาดสั่งสอนปี 1 ได้ ดูจะเป็นเตี้ยอุ้มค่อมเสียมากกว่า จะว่าเอามาลำบากด้วยกันแล้วจะสามัคคีกัน คงต้องรับน้องต่อเนื่องทั้งปี ถึงจะวัดผลว่ารักกันได้กี่เปอร์เซนต์ คนเราพื้นเพต่างกัน ความชอบต่างกัน มาอยู่ในคณะใหญ่ๆ ก็จับกลุ่มย่อยเองตามความชอบ จะมาจับให้อยู่รวมกัน มันก็ได้เฉพาะกิจนั่นแหละ หลังจากนั้นก็แตกกลุ่มย่อยเหมือนเดิม แต่ถ้าทั้งคณะมี 10-20 คน ก็ไม่ต้องไปช่วยจัดกลุ่มก็ได้ เขารวมกลุ่มกันเป็นอัตโนมัติอยู่แล้ว จากคุณ : jaycee เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:22:34

ความคิดเห็นที่ 106 รู้แต่ตอนผมเรียน ผมกบฏว่ะ ก็เรียนจบมาได้ด้วยดี ดีหลายตัว ไม่เห็นมีรุ่นพี่จะกล้ามาทำอะไรผมด้วย แบบว่าแผลงฤทธิ์ไว้เล็กน้อย อีกสองปีก็ตาน้องผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยละนะ  รอดูอยู่ว่าน้องจะไปเข้าคณะอะไร ก็เริ่มวางแผนไว้แล้วว่าจะทำอะไรให้น้องบ้าง จะกบฏยังไง ไปพบอาจารย์คนไหน จากคุณ : DoraeMew เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:45:29

ความคิดเห็นที่ 107 ไร้สาระมากๆเลยเรื่องรับน้อง จบไปก็ตัวใครตัวมันทั้งนั้น แค่เป็นเรื่องลวงตาให้ดูดีว่ารักกัน จริงๆแล้วไม่สร้่างภาพทั้งนั้น ปกติถ้ารู้จักก็คุยทักทายบ้าง ไม่รู้จักแต่คุ้นๆหน้าก็ยิ้มให้ ก็เท่านั้นจริงๆ จากคุณ : LuckyRandom เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:46:54

ความคิดเห็นที่ 108 คนนะครับ ไม่ใช่สัตว์ สิ่งดี สิ่งสร้างสรรค์มีเยอะแยะ ทำไมไม่ไปทำกัน หวังดีกับบ้าอำนาจเส้นแบ่งมันนิดเดียว ต่างคนต่างอาจเห็นผลให้ตัวเองดูดี สรุปถ้าไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์ มันก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้น แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 23:56:32 จากคุณ : Mr.BlackSmith เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:55:58

ความคิดเห็นที่ 109 ถ้าจะรับน้อง ก็พาไปทำอะไรที่เกิดประโยชน์กับโลก การทำร้ายร่างกายหรือจิตใจกันมันเป็นการกระทำต่อสัตว์ ไม่ใช่ต่อคน และไอ้ตัวที่ทำต่อผู้อื่นนั่นก็เป็นสัตว์ ไม่ใช่คน จากคุณ : นายข่วย เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:15:13

ความคิดเห็นที่ 110 เราหนีมาเรียนเมืองนอกเพราะไม่อยากโดนรับน้องเมืองไทย จากคุณ : CryingAngeL เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:17:30

ความคิดเห็นที่ 111 ไม่เห็นด้วยอีกหนึ่งเสียงครับ จากคุณ : teeveez เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:33:58

ความคิดเห็นที่ 112 ในฐานะเคยเป็นพี่ว๊าก (แต่ตัวจริงไม่ดุนะ...ตะเอง ^^) ถ้ารู้จักพอ ไม่คิดว่าตัวเองมีอำนาจ ดุให้พอเป็นระเบียบ ให้รู้จักการรับผิดชอบร่วมกัน แทรกสันทนาการให้เกิดความสามัคคี มันก็เกิดประโยชน์กับทั้งน้องและพี่ แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณบ้าอำนาจ กดขี่ข่มเหง เมื่อนั้นทั้งพี่และน้องก็จะไม่ได้อะไรทั้งสิ้น และกลายเป็นกิจกรรมที่ไร้ประโยชน์ไป ==แก้คำผิด== แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 54 00:58:14 จากคุณ : NaTKuLaR เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:57:19

ความคิดเห็นที่ 113 เราเป็นศิษย์เก่ามหาลัยนี้ล่ะ เราไม่ชอบรับน้อง รู้สึกว่าทำไมพวกชอบว้ากนี่ น่ารำคาญจริงๆ แต่เพื่อนชวนเข้า ก็เข้า แล้วแกล้งทำเป็นไม่สบายดูเขารับน้องไป และอีกอย่าง เราเป็นรุ่นแรกของสาขา เลยไม่มีรุ่นพี่ช่วยเหลือ แต่ได้รุ่นพี่มาดูแล ซึ่งอยู่คนละคณะกันเลย ปัจจุบันพี่ว้าก เราไม่เห็นเคยติดต่อสักคน เพื่อนที่เข้ารับน้องก็ไม่รู้ว่า พี่ว้ากไปอยู่ ณ มุมใดของโลกนี้แล้ว ส่วนเพื่อนๆเรา ที่เรียนด้วยกันมายังคุยยังติดต่อเสมอ รุ่นพี่ที่ดูแลพวกเรา ได้ข่าวมั่งไม่ได้มั่ง คุยกับเพื่อนคณะอื่น ก็ไม่เห็นรุ่นพี่จะมาช่วยเหลืออะไรสักเท่าไหร่เลย เหอๆ จบมาแล้ว 6 ปี อยากบอกว่า ไม่จำเป็นเลยสำหรับการว้าก ไร้สาระ!! จากคุณ : HitGirl (Ludachrist) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 01:07:17

ความคิดเห็นที่ 114 พิจารณาและตัดสินใจเอง คนที่ถือไมค์อยากรู้จังว่าจบไปแล้วไปทำงานอะไร ตำแหน่งไหน เงินเดือนเท่าไหร่ มหาวิทยาลัยจุดประสงค์หลักคือการไปแสวงหาควารู้นะครับ เรื่องอื่นๆป็นเรื่องรอง จากคุณ : Mr.Feynman เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 01:29:50

ความคิดเห็นที่ 115 กล้าพูดว่า รุ่นผมนี้ละที่เจอรุ่นพี่รับ จนน้องแตกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งชอบว๊าก กับ แบนว๊าก กล้าพูดว่า การว๊ากนี้ละที่ทำให้เอกผม แตกแยกและหมั่นไส้กันจนถึุงทุกวันนี้ ปล.ยังเรียนอยู่ จากคุณ : St.yawn เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 01:32:54

ความคิดเห็นที่ 116 ว๊าก ระบบเชียร์ มีประโยชน์มากที่สุดหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ แต่การไม่ว๊ากนั้นจะทำให้ดีกว่าจริงหรือไม่ คำตอบคือไม่เชิง ประโยชน์มันขึ้นกับมุมมองของแต่ละคน คนที่ชื่นชอบ หลงไหลก็คิดว่ามันมีประโยชน์ คนที่ไม่ชอบ ไม่หลงไหลก็คิดว่ามันไม่มีประโยชน์ แล้วทีนี้จะทำยังไงให้เกิดประโยชน์กันล่ะ ?? ในฐานะรุ่นน้อง : หลายคนคงรู้ว่ามันแค่การแสดงละครเป็นส่วนใหญ่ แต่มันเป็นการแสดงละครที่ด่ากันจริงจัง บางคนอาจจะรับไม่ได้ แม้ว่าคำด่าจะมั่วก็ตาม สิ่งที่ทำได้ถ้ารู้วัตถุประสงค์ที่รุ่นพี่ต้องการได้ ก็พยายามทำให้ได้ดีที่สุดก็พอ แม้ว่าจะฝืนใจก็ตาม (เพื่อให้มันผ่านไปได้อย่างรวดเร็วและอาจจะหาประเด็นมาให้ด่าจนได้นั่นแหละ) ในฐานะรุ่นพี่ : ควรสร้างสรรค์หากิจกรรมหรือภารกิจที่จะเกิดประโยชน์กันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่มุ่งไปที่การนั่งล้อมวงและต่อว่าเพียงอย่างเดียว หรือแม้แต่การบังคับขืนใจอย่างไร้เหตุผล แต่อาศัยการแก้ปัญหารายบุคคลไปแทนมากกว่า หน้าที่ของพี่เลี้ยงสามารถมาช่วยเหลือให้คำแนะนำและให้กำลังใจได้ตลอดเวลา และสิ่งที่อยากให้ทำกันคือ ถึงจะจบงานรับน้องก็ตาม ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไปอย่างไม่สนใจ ไม่มีกิจกรรมอะไรนอกเหนือจากนั้นอีก เพราะมันยิ่งตอกย้ำว่ารุ่นพี่เองก็ไม่ได้ใส่ใจรุ่นน้องอยู่ดีนั่นแหละ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่คิดว่า ใช้การขู่บังคับกันง่ายกว่า มันไม่ได้ผลเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ถ้าเป็นรุ่นพี่จริงควรจะต้องใส่ใจ เอาใจใส่ ดูแล ให้คำปรึกษา คำแนะนำ ทั้งในด้านการเรียน ด้านกิจกรรม และด้านเพื่อนในรุ่น ไม่ใช่คิดแต่ว่าแค่ผ่านกิจกรรมนี้ไปเพียงเท่านั้น หรือทำเพราะความสนุก ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นน้องรู้อยู่แล้วล่ะว่า รุ่นพี่ทำหน้าที่ความเป็นรุ่นพี่ได้ดีแค่ไหน น่านับถือจริงๆหรือป่าว อีกอย่าง อย่ามัวคิดแต่ว่า ทำกิจกรรมสร้างสรรค์สิ ทำกิจกรรมให้มีประโยชน์สิ นามธรรมคืออะไรล่ะ ?? มันช่วยได้จริงหรือไม่อย่างไร เคยได้คิดวิเคราะห์ และสังเคราะห์กิจกรรมเหล่านี้กันบ้างหรือไม่ ?? เพราะสมองไม่ได้มีไว้คั่นหูนะครับ!!! จากคุณ : RakRok12 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 02:10:46