ความคิดเห็นที่ 1 -*- แค่ตรงเวลาก็ สาธุแล้วคราบแค่นี้เศรษกิจไทยจะเจริญมากมายแล้วครับ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:42:54

ความคิดเห็นที่ 2 ถนนโล่งขึ้น โตเกียวเมืองใหญ่ คนเยอะแต่รถไม่ติดเท่า กทม. จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:43:26

ความคิดเห็นที่ 4 โรงงานtoyota,izuzu,Honda และอืนๆๆๆจะย้ายไปอยู่ที่อื่นทันที จากคุณ : korpphaibun เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:52:54

ความคิดเห็นที่ 5 คห. 3 หายไปไหน จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:53:23

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาต่ออีกหน่อย สมองกำลังแล่น คุณ จขกท เคยสังเกตไหมว่า ทำไมรถไฟฟ้าสายแรกในประเทศ แทนที่จะไปผ่านย่าน ชุมชน ย่านที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น หรือย่านชานเมืองที่มีหมู่บ้านมากมาย แต่กลับไปผ่านย่านธุรกิจกลุ่มนายทุน ย่านที่- ดินของกลุ่มแลนลอร์ด ผ่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ทำกำไรให้ทั้งเจ้าของที่ดินที่ราคาที่พุ่งสูงขึ้นมาก และเจ้าของห้างที่รถ- ไฟฟ้าตัดผ่าน ลาดพร้าว รังสิต เพชรเกษม บางใหญ่ ลำลูกกา ฯ นี่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ปัจจุบันนี้ยังไม่มีแม้แต่โครงการของรถไฟฟ้า ไปผ่าน สำหรับประเทศไทยแล้วโครงการในแผ่นกระดาษอย่าไปเชื่อถือมันมาก เพราะขนาดตอ สถานี และระบบที่สร้าง เสร็จแล้วอย่างรถไฟฟ้าสำโรงมันยังเลื่อนเปิดมากกว่าเวลาที่ใช้สร้างมันอีก เลื่อเปิดตั้งแต่ปี 52 นี่กลางปี 54 แล้วยังไม่ได้ใช้ ตกเสาไฟฟ้าที่ฝั่งธนบุรีก็ล่วงเข้ามา 10 ปีแล้วถึงจะสร้างต่อ รถไฟฟ้าเมืองไทยมีไว้เพื่อใคร มันน่าคิด ? จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:53:31

ความคิดเห็นที่ 7 ที่เปลี่ยน แน่ๆ คือ ราคา ครับ ^^ คนไทย เรียกร้องให้อยากทำแบบญี่ปุ่น คิดไว้หรือยังครับ ว่าจะไม่ร้อง เรื่ือง ราคา จากคุณ : เบื่อเนอะ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:54:01

ความคิดเห็นที่ 8 #3 ของผมเอง สงสัยติดคำต้องห้าม ทำไงดีขี้เกียจพิมพ์ใหม่ อุตส่าห์พิมพ์ตั้งยาว T-T จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:54:32

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าถ้าเค้าสร้า่งได้ ค่่าโดยสาร คนไทย ก็ต้องบ่นอีกไม่จบไม่สิ้น เอาง่ายๆ ค่ารถบัสที่ญี่ปุ่น 210 เยน ตลอดทั้งสาย อย่างผม ขึ้นแค่้ ป้ายเดียว ก็ต้องจ่าย 210 เยน ถ้าเป็นที่ไทย ผมคิดว่าเดียวก็มีคนบ่นอีก จากคุณ : เบื่อเนอะ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:58:00

ความคิดเห็นที่ 10 แพงแน่ๆ ขึ้นไป 50 นาที ค่ารถ 620 เยน จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:03:37

ความคิดเห็นที่ 11 #9 ข้อนี้แหละที่สหภาพเอามาเป็นข้ออ้างเสมอเวลาจะทำอะไร ผมเคยนั่งรถไฟจากเกาชงไปไถ้หนาน ระยะทางประมาณ นั่งจากกรุงเทพไปแปดริ้ว ราคาตั๋วมันประมาณ 110 บาท ถ้าเป้นเมืองไทยไม่นับรถไฟฟรีนั่งไปแปดริ้วค่าตั๋ว 13 บาท!!! เรื่องคุณภาพไม่ต้องพูดถึงของเขาตรงเวลามากเป๊ะะะะะ ...สุดๆ ตู้ขบวนอาจจะไม่ได้ทันสมัยมาก สถานีก็ไม่ได้เลิศหรู อลังการอะไรมากมายแต่ตรงเวลาและสะอาด ที่สำคัญเขาไม่ได้ใช้ดีเซลรางเขาใช้ไฟฟ้า นี่รถไฟท้องถิ่นนะไม่ใช่รถไฟฟ้า แบบในเมือง ดีเซลรางน่ะมันน่าเอาเข้าพิพิธภัณฑ์ได้แล้ว จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:06:42

ความคิดเห็นที่ 12 ประเทศอื่นอาจมียานขับแล้วมั้ง 5555555 จากคุณ : นนร่างเทพ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:18:58

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าทำได้ดีเหมือนบ้านอื่นเมืองอื่น แล้วใครบางคนบางกลุ่ม จะแหลกอะไรละคะ ดังนั้น ถ้าถามว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลง ก็อาจจะเป็น พวกที่ชอบแหลกงบประมาณ ไม่มีจะแหลกมั๊งคะ ทุกวันนี้ใครที่เคยขึ้น BTS, MRT และ Airport Link ก็คงพอจะมองออกแล้วว่า ใครบริหารงานแบบมืออาชีพมากกว่ากัน เริ่มตั้งแต่ก้าวขาแตะสถานี ก็มองเห็นความแตกต่างแล้วค่ะ จากคุณ : ปูน้อยลอยลม เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:19:21

ความคิดเห็นที่ 14 เอาสิ ครับ เดียวถ้าเค้าจะสร้างรถไฟฟ้า แบบญี่ปุ่น ให้หลายๆสายเลย เดียวเค้าจะอ้าง ว่ากลัวไฟฟ้าไม่พอ จะเอาหาข้ออ้าง สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีก แล้วอย่ามาบ่นนะครับ^^ ช่วงนี้ชอบความเห็น ของtomorrow night  ครับ อยากจะกดถูกใจหรือเกิน ไม่ทราบว่ามีfb ป่าวครับ จะได้ไปกดlike ให้แทน^^ จากคุณ : เบื่อเนอะ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:27:09

ความคิดเห็นที่ 15 ก็จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นครับ รถเมล์ตีนผีอาจจะต้องปรับปรุงตัวไม่ให้เจ๊ง นักท่องเที่ยวจะเดินทางสะดวกขึ้นไม่ต้องพึ่งตุ๊กๆแทกซี่ขูดเลือด (จริงๆก็ถูก เทียบกับบ้านมัน) อีกอย่างครอบคลุมแล้วต้องคงระดับคุณภาพไว้ด้วยนะครับ อย่างน้อยตอนไปขึ้นรถไฟฟ้า NYC ก็คุยได้ว่า BTS บ้านตรูสะอาดกว่า สวยกว่าล้านเท่า ^^ จากคุณ : monopod เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:30:54

ความคิดเห็นที่ 16 สาย 8 จะเจ๊ง และไม่ต้องมาวิ่งบนท้องถนน คนกรุง ก็จะปลอดภัยขึ้นอีกในระดับนึง จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:35:17 A:183.89.219.117 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 17 #9 ตั้งใจไปป่าว ทำมัยไปพูดถึงรถบัสหล่ะ? รถไฟที่โตเกียว คิดตามระยะทาง ถูกสุด 120 เย็น นับว่าถูกเมื่อเทียบกับค่าครองชีพนะ จากคุณ : outsider_from_within เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:35:47

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องรถไฟฟ้าสายแรกนี่ ดูเหมือนพูดเหมือนจะพูดว่า วิ่งเข้าที่ดินต่างๆ ตรงนั้น เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ผมอยากจะรำลึกอดีตซักนิดว่า ช่วงที่เขาก่อสร้างนั้น ห้างสรรพสินค้า เหล่านั้นออกมาบ่นกันสุดเสียง เพราะระยะเวลาก่อสร้างหลายปี ต้องปิดหน้าห้างไปนับปีทีเดียว และรถไฟฟ้าสายแรกที่ว่านั้น เอกชนเป็นคนสร้างลงทุนเองทั้งหมด โดยใช้เกาะกลางของถนนเป็นที่สร้างตอม่อ และใช้ทางเท้าสำหรับสร้างชานชาลา จำได้ว่ารัฐบาลกลางไม่ได้ออกตังค์เท่าไหร่ (กทมอนุมัติ) ช่วงแรกของการประกอบการก็ขาดทุนย่อยยับ แน่นอนเอกชนเขาก็ย่อมเลือกสร้างสายที่คิดว่าจะให้ผลตอบแทนดีที่สุด เขาก็เลือกวิ่งไปในที่ที่ควรจะได้รายได้สูงสุด ก็ไม่ผิดที่จะเลือกย่านที่ดีที่สุดของประเทศ โดยสรุปคือ ที่ดินที่เขาวิ่งไปมันมีศักยภาพสูงอยู่แล้ว ส่วนสถานที่ที่ว่าว่าราคาเพิ่มขึ้นอะไรนั้น ผมคิดว่า ต่อให้ไม่สร้างเขาก็ราคาเพิ่มได้มากอยู่ เพราะมันเป็นย่านธุรกิจที่ใคร ๆ ก็อยากจะเอารถวิ่งเข้าไป ลองดูรถไฟฟ้าสายที่สองของประเทศซิครับ เอารถวิ่งไปย่านธุรกิจอันดับรองบางส่วนราคาที่ดินก็ไม่ได้สูงเท่าสายแรก เพราะศักยภาพของที่ดินที่สายแรกวิ่งผ่านมันเป็น prime ของประเทศนี้อยู่แล้ว ส่วนรถไฟฟ้าสายที่สามของประเทศไม่ต้องพูดถึง ราคาที่ดินก็ไม่ได้ขยับมากมายเท่าสายแรก อันที่จริง สายแรกนั้น ต้องยอมรับว่า ที่ดินเขาศักยภาพสูงมากอยู่แล้ว เป็นย่านที่เป็นย่านธุรกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศ อย่างสีลม หรือสยาม เป็นต้น แน่นอน เมื่อประเทศมันพัฒนาไป คนย่อมต้องการการคมนาคมที่ดีขึ้น ในที่สุดมันก็ต้องสร้างต่อออกไปในย่านต่าง ๆ ศักยภาพของทำเลต่าง ๆมันต่างกัน แน่นอน ตรงสถานีมันสะดวกสบาย มันย่อมต้องพัฒนาไป (ซึ่งเมืองนอกที่เขามีผังเมือง มันก็ไม่อาจจะเละเทะเหมือนบ้านเรา นึกอยากสร้างห้างสร้างตึกก็สร้างกันไป) อย่างกรณีญ๊่ปุ่น แน่นอน ระบบคมนาคมสาธารณะเขาครอบคลุม ราคารถแพง แต่เวลาจะซื้อคุณก็ต้องแจงว่าคุณมีที่จอดมั้ย มันไม่ได้อิสระเสรีเหมือนบ้านเรา นึกจะซื้อก็ซื้อจะจอดที่ไหน อะไรอย่างไร เดี๋ยวค่อยคิดทีหลัง จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:39:17

ความคิดเห็นที่ 19 #6 แสดงว่าเกิดไม่ทัน BTS สร้าง สมัยที่สุขุมวิท-อนุเสาวรีย์ เป็นเส้นที่รถติดที่สุดในประเทศ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 54 20:40:46 จากคุณ : Lancaster เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:40:37

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้ามี GDP สูงขึ้นแน่นอนครับ จากคุณ : กระป๋องด๋อย เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:41:39

ความคิดเห็นที่ 21 #19 ปัจจุบันนี้ก็ยังติดที่สุดอยู่เหมือนเดิม จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 20:49:23

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าไม่เกิด กีฬาสี ตอนนี้ เมืองไทยเจริญ รถไฟฟ้า 10 สาย น่าจะกำลังสร้างแล้วว อาจจะเสร็จไป หลายสายแล้วว จากคุณ : thanapatpp เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:00:22

ความคิดเห็นที่ 23 สมัยตอนก่อนที่จะสร้าง BTS ขณะนั้นก็มีการถกกันถึงเรื่องเส้นทางที่สร้างนี่แหล่ะว่าจะ เอายังไงดีจะสร้างในเมืองหรือเส้นนอกเมืองดี พวกที่สร้างในเมืองเค้าก็จะบอกว่าเส้นที่ จะสร้างนี่มันผ่านย่านธุรกิจและมีการจราจรคับคั่งมากที่สุด  ถ้าสร้างในเมืองมันจะช่วย ลดปัญหาการจราจรไปได้เยอะ        ส่วนพวกที่บอกให้สร้างนอกเมืองก่อนเค้าก็ให้เหตุ ผลว่า  ก็รถในเมืองมันติดอยู่แล้วถึงสร้างรถมันก็ติดอยู่ดีสู้ไปสร้างเส้นนอกเมืองเพื่อขน คนเข้าและออกเมืองไม่ดีกว่าหรือสุดท้ายคือสร้างในเมืองก่อนก็แล้วกัน   ส่วนกรณี BTS นี่ต้องบอกว่าตอนที่เค้าขอสัมปทานนั้นทาง BTS บอกว่าเดี๋ยวเค้าจะสร้าง ส่วนต่อขยายไปเรื่อยๆไปต้องห่วง แล้วทุกว้นนี้เป็นไงไอ้ที่สร้างอยู่นี้แล้วกำลังจะใช้นี่เงิน หลวงของ กทม เค้านะครับ  ถ้าตอนนั้นทางการรู้ว่า BTS มันจะสร้างแค่ส่วนเดียวแล้วไม่ สร้างอีกอาศัยเป็นเสือนอนกินเหมือนตอนนี้ ใครจะสร้างยังไงไม่สนยังมันก็ต้องใช้ร่วม กันกับเส้นของตรูอยู่แล้ว  ผมเชื่อว่ารัฐเค้าไม่ให้สัมปทานไปหรอก จากคุณ : ไหปลาร้า เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:06:20

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่า รถ ก็ยังติดเหมือนเดิม เพราะว่าคนไทยชอบขับรถตรับ จากคุณ : SuperunknowN เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:09:14

ความคิดเห็นที่ 25 คนจะย้ายไปอยู๋นอกเมืองนั่งรถไฟมาทำงานกัน จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:12:07

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าราคาโดยสารทางไกล อยู่กึ่งกลางระหว่าง รถทัวร์กับเครื่องบิน คนจะหันมาใช้รถไฟมากขึ้น ธุรกิจการบินอาจหดตัวลง  เพราะรถไฟความเร็วสูง ถึงแม้จะช้ากว่าเครื่องบิน  แต่การขึ้นลงไม่ต้องเสียเวลากับกระบวนการสนามบินที่ยืดยาว และหลายคนยังพึงพอใจกับการโดยสารทางบกมากกว่าทางอากาศ หากไม่เสียเวลามากนัก ค่าตั๋วที่แพงขึ้นจะทำให้กลุ่มลูกค้าย้ายฐานจากคนยากจน มาสู่กลุ่มคนวัยทำงาน แต่คนจนยังมีทางออกในการเดินทางไกลกับระบบ บขส. นอกจากใช้ระบบรถไฟส่งคนแล้ว  ควรนำมาใช้ในเรื่อง Logistic ด้วย ตั้งศูนย์กระจายสินค้าทางรถไฟศูนย์ใหญ่ที่แถวๆวงแหวนตะวันตกของกรุงเทพ มีระบบรางย่อยวิ่งไปท่าเรือ และสนามบินสุวรรณภูมิ การส่งสินค้าเกษตรกรรม-ปศุสัตว์-ประมง จาก DCเชียงใหม่ และ DCสุราษฏร์ ถึง DCกรุงเทพ ได้ใน 4-5 ชั่วโมง  ประชาชนภาคเหนือสามารถรับประทานอาหารทะเลสดๆได้ ผลไม้ส่งออกมีความสดฉ่ำ ฯลฯ ลดปริมาณรถบรรทุกบนถนนลงไปได้มาก ลดการใช้น้ำมัน ลดปัญหาซ่อมถนน  ลดปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ผู้ประกอบการรถบรรทุกจะได้รับผลกระทบเต็มๆ ก็ต้องไปหาทางเยียวยากันต่อไป ทั้งหมดคือความฝันของผมครับ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 54 21:23:19 จากคุณ : todtoh เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:15:23

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ todtoh ทำผมเคลิ้มเชียว T-T จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:36:48

ความคิดเห็นที่ 28 #21 ลองนึกภาพที่ติดตอนนี้ แล้วเอาคนที่ขึ้น bts เป็นปลากระป๋องทุกเช้าสักครึ่งนึงมานั่งในรถคันละ 1-2 คนแทน จากคุณ : Lancaster เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 21:37:28

ความคิดเห็นที่ 29 ตกเย็นพาครอบครัวนั่งรถไฟไปกินข้าวดูพระอาทิตย์ตกแถวจันทบุรี แถวประจวบ กลับมาทันดูแก๊ง 3 ช่า อยากให้ถึงวันนั้นไวไว จากคุณ : เวลาที่หายไป เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 23:12:20

ความคิดเห็นที่ 30 #26 เคลิ้มเลยครับ จากคุณ : Thongchai เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 23:12:40

ความคิดเห็นที่ 31 ก็ต้องให้พวกทำงานไม่เป็น  เก่งแต่ประท้วงนัดหยุดงานตกงานกันนับหมื่นคน แล้วค่อยฝันดีกว่ามั๊ย จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 23:36:46

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าเมืองไทยมีระบบรถไฟฟ้าทั่วถึงใน กทม และระบบรถไฟความเร็วสูง คนต่างจังหวัด  ในรัศมี 300 กม.รอบๆ กรุงเทพ เขาจะรู้สึกทันทีเลยว่า พวกเขาอาศัยอยู่จังหวัดใกล้ๆ กรุงเทพนิดเดียวเอง คล้ายกับอยู่แถว นนทบุรี หรือ สมุทรปราการ จะเข้ามาเที่ยว สยามพารกอน ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ก็ง่ายนิดเดียว จะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่ยาก มีแต่ความสะดวก จากคุณ : ton T-Square เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 23:36:53

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องรถไฟฟ้านี้ ที่เคยได้ยินมานานมากครับ แล้วก็สร้างกันไม่ค่อยจะได้เสียที สายแรกนี้ผมจำได้ว่า อนุมัติกันครั้งแรกเมื่อ พล.ต.จำลอง เป็นผู้ว่า ส่วนสายที่สองผมจำไม่ได้เสียแล้ว แต่คาดว่าจะเกิดก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งไม่นาน สายนี้ ผมว่าค่อนข้างจะดี คือเป็นใต้ดินสายแรก ไม่เกะกะรกตา แต่ค่าสร้างแพงมากเหลือเกิน (ในสมัยนั้น) ส่วนสายที่สาม ก็น่าจะนายก ทักษิณ ก็ใช้เวลาก่อสร้างยาวนาน เรียกว่าต่อสัญญาแล้วสัญญาอีก เพราะว่าไม่ได้พิจารณาผลกระทบเกี่ยวกับการย้ายผู้บุกรุก และราคาวัสดุกระโดดขึ้นมาก อย่างไรก็ตามที่คุยว่าจะสร้างสิบสายอะไรนั่น ผมว่า มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ตอนนั้นเห็นว่าจะมีผู้ลงทุนต่างประเทศ หลายเจ้า แต่เจ้าดัง ๆ คาดว่าจะเป็นดูไบ ก็เจ๊งหลังจากนั้นไม่นานครับ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 54 01:36:20 จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 01:30:41

ความคิดเห็นที่ 34 BTS เป็นสัมปทานของกทม.ค่ะ ความดีความชอบต้องยกให้กทม. BTS ดำเนินงานโดยเอกชน ซึ่งย่อมต้องการผลตอบแทนที่คุ้มค่าการลงทุน เขาไม่ใช่มูลนิธีการกุศลแต่อย่างใด บางคนก็จะให้ BTS ไปวิ่งราชพฤกษ์อยู่นั่นแหละ ก็ลงขันควักเงินให้เขาไปสัก 5หมื่นล้านสิคะ เขาจะได้ขมีขมันสร้างไวๆ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 08:07:13

ความคิดเห็นที่ 35 บ้านเรา ที่เจริญๆ ถึงมีรถไฟวิ่งไป บ้านอื่นเขา มองเป็น เครือข่าย สร้างเพื่อรองรับความเจริญ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 09:49:46

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่ได้ผลอะไรหรอกครับ คนไทย ขึ้ร้อน อวดรถ มีรถ นั่งเย็น ๆ จอดใต้ตึก ไม่โดนแดด คนที่ทำงานเงินเดือนแค่หมื่นกว่า ๆ ก็ออกรถแล้ว ค่านิยม ต้องขับรถ แอร์เย็น ช้าก็ช่างมัน เป็นข้ออ้างเข้างานสายได้ เพราะไทยไม่ค่อยสนใจเรื่องเวลา นัด 10 โมงเช้า มันก็คือเวลาตั้งแต่ 10.00 น. - 10.59 น. คือปกติ จากคุณ : {M}-มดนะจ๊ะ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:11:32

ความคิดเห็นที่ 37 เจ๊ ก. เจ้าของรถทัวร์ คงดิ้นพล่าน จากคุณ : ARMIERO เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:41:41

ความคิดเห็นที่ 38 เมืองไทยเป็นสวรรค์ของคนขายรถ การไปโจมตีว่าคนไทยขี้ร้อน ขี้เกียจ ชอบนั่งรถยนต์ ถ้ามองให้กว้างจะรู้เหตุผลว่าทำไม อากาศร้อนนี่ก็ส่วนหนึ่ง อากาศร้อนๆชื้นๆ แดดเปรี้ยงๆตั้งแต่เที่ยงยันบ่ายสอง เป็นใครก็ไ่อยากเดิน แล้วทางเท้า ทางเดินก็คับแคบ เฉอะแฉะ เต็มไปด้วยร้านค้า หลุม บ่อ ความไม่ราบเรียบ ถ้าคุณเป็นคนพิการ ก็คือห้ามออกจากบ้าน ถ้าคุณขาดีปกติ มันก็ไม่น่าอภิรมย์ในการเดินเท้าเลย ระบบตรอก ซอกซอย ลึก และไม่มีขนส่งมวลชน บ้าน ที่ทำงานอยู่ห่างจากถนนใหญ่ เป็นร้อยๆเมตร หรือเป็นกิโล โดยไม่มีทางเท้า เกิดระบบมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ขับซิ่งยังไงทุกคนก็รู้อยู่ แล้วถ้าดึกๆดื่นๆ ก็ไม่ใช่จุดปลอดภัยเลย รถเมลล์ ก็อย่างที่ทุกคนรู้ๆกันอยู่ ระบบราง ไม่มี รถไฟฟ้าไปถึงทุกที่ยกเว้นบ้านคุณ สรุป ชีวิตคนไทย ไปทำงานใน 1 วัน เดินออกจากบ้าน --- ต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ---- ต่อรถเมลล์ ----- ต่อรถไฟฟ้า -----ต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ----- ที่ทำงาน ชีวิตคนญี่ปุ่น คนจีนในเมืองใหญ่ๆ เดินออกจากบ้าน ----- ต่อรถไฟฟ้า -----ที่ทำงาน สรุป ซื้อรถยนต์ส่วนตัวน่ะถูกแล้ว เพราะรัฐสนับสนุนทางนี้ ดูนโยบายหาเสียงสิ รถคันแรก ยกเว้นภาษีเอย จะสร้างถนนเพิ่มเอย ดีๆทั้งนั้น หน่วยงานราชการ ที่ทำงานไว และเป็นระบบที่สุดในประเทศนี้คือกรมขนส่งทางบก ใครเคยไปทำใบขับขี่ คงเห็นว่าทำงานกันสะดวก รวดเร็วแค่ไหน ไม่มีชักช้ายืดยาด ข้าราชการโคตรแอคถีฟมาก เหมือนจะบอกว่า พวกคุณ ช่วยรีบๆเอาใบขับขี่ไปเร็วๆทีเถอะ แล้วรีบๆไปซื้อรถยนต์มาขับกันมากๆนะ จากคุณ : Sial เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 11:41:10

ความคิดเห็นที่ 39 #36 ช่วยไปแหกตาดูถนนราชพฤกษ์ กัลฟพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ และอีกหลายๆ เส้นว่ามันมีระบบขนส่งมวลชนให้ใช้ไหม ? หมู่บ้านเป็นแสนคนอยู่เป็นล้าน แต่ถนนข้างละ 2 ช่องจราจร ไม่มีแม้กระทั่งรถเมล์ ไม่ซื้อรถจะไหวเหรอ ทำงานในเมือง จะให้ขับรถไฟจอดสถานีรถไฟฟ้า แล้วสถานีรถไฟฟ้ามันมีที่จอดให้หรือไง ? คิดตื้นเขิน จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 12:09:49

ความคิดเห็นที่ 40 ผมเชื่อว่า รถจะเลิกติดประมาณ 2 เดือน จากนั้น พวกมีรถเห็นว่าถนนโล่ง ก็จะเอารถออกมาขับอีก เพราะคิดว่าเร็วกว่า และไม่ต้องไปมั่วปะปนกับคนอื่น จากนั้นอีกไม่เกิน 1 เดือน รถก็จะกลับมาติดอีก จากคุณ : SuperTee (itCrazy) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 20:49:37

ความคิดเห็นที่ 41 #40 ผมว่าไม่นะครับ ขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพมันก็มีจุดแข็งของมันอยู่ ทั้งถนนสุขุมวิท หรือรัชดาภิเษก จะเห็นว่ารถน้อยลงมาก แต่ถ้าสามารถทำให้มีจำนวนสายได้มาก ครอบคลุม เหมือนของญี่ปุ่น จะยิ่งลดไปได้มากขึ้นอีกครับ เพราะขึ้นรถไฟ ก็ไปได้เกือบทั่วเมืองแล้ว เดินเอาอีกนิดหน่อยก็ถึง ถ้าขนส่งมวลชนมีประสิทธิภาพ ความจำเป็นที่จะต้องมี หรือจะต้องใช้รถส่วนตัวก็จะมีน้อยลงครับ . . . ส่วนตัวผมขอแค่ให้รถไฟไปได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ก็เยี่ยมแล้วละครับ พอทางรถไฟไปถึง เดียวความเจริญก็จะตามไปเอง ทีนี้คนก็ไม่จำเป็นจะต้องมาแออัดอยู่ในตัวเมือง และไม่จำเป็นต้องอยู่ที่กรุงเทพมากเกินไป คนสามารถทำงานที่ภูมิลำเนาเดิมของตัวเองได้ เพราะรถไฟไปถึงไหน ความเจริญไปถึงนั่น จากสภาพเมืองใหญ่แค่กรุงเทพในปัจจุบัน จะกลายเป็นเมืองขนาดเล็กๆ กระจายไปอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการกระจายความเจริญ ที่เห็นผลชัดกว่าปัจจุบันครับ จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 00:09:56

ความคิดเห็นที่ 42 1. ต้องเข้าใจว่าโครงสร้างประชากรด้านการใช้พื้นที่อยู่อาศัยของคนไทยและญี่ปุ่นแตกต่างกันครับ ประชากรญี่ปุ่นส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตเมือง แต่ประชากรไทยส่วนใหญ่อาศัยกันกระจัดกระจายในพื้นที่ชนบท (เพราะพวกเขาผูกติดกับระบบเกษตรกรรมที่ต้องใช้ที่ดินจำนวนมาก) ดังนั้นการสร้างระบบรถไฟผ่านตัวเมืองต่างๆจึงเป็นไปได้ยาก เพราะตัวเมืองของเรามีขนาดเล็กกว่าชนบท และมีประชากรน้อยกว่ามาก ยกตัวอย่างเช่น เขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน มีประชากรแค่ 6000 กว่าคน เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร 2.4 แสนคนของทั้งจังหวัด หรือเขตเทศบาลนครพิษณุโลก ก็มีประชากรแค่ 79000 คน จากจำนวนประชากร 8.5 แสนคนของทั้งจังหวัด เรียกว่าประชากรที่อาศัยในเขตเมืองของเรา มีแค่ 3-4 ใน 10 ของประชากรทั้งประเทศหน่ะครับ 2. อย่าเอาระบบรถไฟชานเมือง และรถไฟในเมือง ไปปนกับระบบรถไฟข้ามจังหวัดหรือภูมิภาค ผู้ใช้บริการเป็นคนละส่วนกันโดยสิ้นเชิง เพราะไม่มีใครจะยอมจ่าย 1200 บาท (ราคาที่เขาหาเสียงไว้) เพื่อนั่งรถไฟจากเชียงใหม่ตอนตี 4 มาทำงานที่กรุงเทพตอน 7 โมงเช้า และจ่ายอีก 1200 บาท เพื่อนั่งรถไฟจากกรุงเทพตอน 5 โมงเย็น กลับไปถึงเชียงใหม่ตอน 1 ทุ่มเพื่อเข้าบ้าน ทุกๆๆๆวันหรอกครับ 3. ที่ชาวบ้านในหัวเมืองต้องมีรถส่วนตัวหรือพาหนะส่วนตัวนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเขาอาศัยกันกระจัดกระจายในพื้นที่กว้างขวางของจังหวัดต่างๆ ทำให้ยากที่จะมีระบบขนส่งสาธารณะรองรับนั้นเป็นความจริง แต่ก็มีความจริงอีกด้านคือ หลายๆพื้นที่เป็นชุมชน และเคยมีระบบขนส่งสาธารณะมาก่อน แต่เมื่อการออกรถส่วนตัวหรือพาหนะส่วนตัวกระทำได้ง่ายขึ้น ชาวบ้านก็หันไปใช้พาหนะส่วนตัวกันหมด จนระบบขนส่งสาธารณะนั้นอยู่ไม่รอด และม้วนเสื่อหรือเลิกกิจการไปในที่สุด ขอยกตัวอย่างเช่น - รถสองแถวสาย แพร่-ป่าแดง-ช่อแฮ สมัย 10 กว่าปีก่อน มีอยู่เกือบ 20 คัน วิ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็นเพื่อพาผู้โดยสารจากชุมชนแถววัดพระธาตุช่อแฮและบ้านป่าแดง มายังตลาดชมภูมิ่ง แถมพอถึงงานที่วัดพระธาตุ จะวิ่งกันเกือบทั้งคืนเพื่อพาคนไปเที่ยวงาน แต่ปัจจุบันเหลือกันอยู่ 3-4 คัน เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่มีมอเตอร์ไซด์หรือรถกันหมด การเดินทางในระยะใกล้ๆแค่ 10 กิโลเมตรอย่างนี้ เลยไม่ค่อยมีใครจะมาใช้บริการรถสองแถวกัน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 07:48:16

ความคิดเห็นที่ 43 ผมคงไปทำงานต่างจังหวัดได้อย่างไม่ต้องห่วงที่บ้าน เพราะเดินทางไปกลับสะดวกรวดเร็ว จากคุณ : p@tt@y@ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 14:57:51