Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มีหลักฐาน ผลวิจัย ข้อมูลทางสถิติมายืนยันเรื่องกรุ๊ํปเลือดมีผลกับนิสัยมั้ยครับ{แตกประเด็นจาก X10700629} ติดต่อทีมงาน

Forward mail, บทความการทายนิสัยด้วยกรุ๊ปเลือดเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาที่สนุกดี โดยเฉพาะเมื่อเราคิดถึงเพื่อนสักคนแล้วนึกสงสัยว่า อ๋อ..ไอ้หมอนี่ชอบผายลมตอนนั่งด้วยกันเพราะมีเลือดกรุ๊ป A ซึ่งตามตำราบอกว่ามีข้อเสียคือ เห็นแก่ตัว เอาความสบายหูรูดตัวเองเป็นใหญ่แน่ๆ

แต่ทราบไหมว่าวิชาทายนิสัยผ่านหมู่เลือดมีต้นกำเนิดที่ชั่วร้ายขนาดไหน?
และกลุ่มคนต้นคิดนำมันไปประยุกต์ใช้อย่างน่าสยดสยองเพียงใด?

มาย้อนรอยประวัติศาสตร์กันอีกทีดีกว่า

กรุ๊ปเลือด A, AB, B, O ถูกค้นพบเมื่อปี 1901 นี่เอง โดยนักชีวะออสเตรีย (Austria) ชื่อ Karl Landsteiner



สังคม ในยุคนั้นเป็นช่วงที่ความรู้วิทยาศาสตร์ทุกแขนง  (ไม่เว้นแม้แต่ทฤษฏีวิวัฒนาการ) ถูกนำมาใช้สนับสนุนข้ออ้างทางศาสนาและวัฒนธรรม เกี่ยวกับแนวคิดเหยียดเชื้อชาติ  จึง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าอีกไม่กี่ปีต่อมาผลการค้นพบนี้จะถูกนำไปใช้โดยรัฐบาลที่ หมกมุ่นกับความศักดิ์สิทธิ์ของเลือดและเผ่าพันธุ์มากที่สุดในศตวรรษที่ 20

นาซีเยอรมันนั่นเอง



ในปี 1926 Otto Reche นักเผ่าพันธุ์วิทยาชาวเยอรมันได้ตั้งสมาคมค้นคว้าหมู่เลือดแห่งเยอรมันขึ้น โดยมีจุดประสงค์คือ "ใช้หมู่เลือดค้นหาความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์" พวกเขาพบว่า "ยอดมนุษย์" ชาวอารยัน (เชื้อสายเยอรมันผิวขาว ผมทอง ตาฟ้า บลาๆ) มักมีเลือดกรุ๊ป A ส่วนพวกยิว ยิปซีหรือ "เผ่าพันธุ์ต่ำ" ซึ่งมาจากทวีปเอเชียกลางมักมีกรุ๊ปเลือด B
Otto จึงสรุปว่าแต่เดิมชาวอารยันคงมีกรุ๊ปเลือด A แต่เนื่องจากมีการผสมกับพันธุ์ที่ต่ำกว่า
จึงมีอัตราส่วนกรุ๊ป B ปะปนเข้ามาด้วย

ฉะนั้นถ้าอยากเป็นยอดมนุษย์อารยันบริสุทธิ์ก็ควรมีเลือดกรุ๊ป A เท่านั้นนะจ๊ะ


Otto Reche

ถ้าคิดตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ไอเดียของตา Otto ค่อน ข้างเพี้ยนอยู่มากเพราะไม่มีกรุ๊ปเลือดไหนที่พิเศษเฉพาะเผ่าพันธุ์ ซึ่งพวกนาซีก็รู้ข้อนี้ดีจึงทิ้งความคิดเรื่องกรุ๊ปเลือดมีผลต่อความเหนือ กว่าของเผ่าพันธุ์ไป (ถึงจะเอาความคิดเสียสติพอๆกันไปเขียนกฏหมายกีดกันเชื้อชาติชื่อ Nuremberg law) แต่น่าเสียดายที่มีมส์ทางสังคมชั่วร้ายนี้ยังลอยข้ามโลกไปฝังตัวกับอีกสังคม ที่บ้าเรื่องเชื้อชาติสายเลือดสูสีกันได้

อารยันกิตติมศักดิ์ (เยอรมันให้ตำแหน่งนี้จริงๆนะ) ...จักรวรรดิอาทิตย์อุทัย



เมื่อ ลงจอดที่แดนซากุระ ความคิดเกี่ยวกับกรุ๊ปเลือดก็กลายพันธุ์ไปนิดหน่อย จากการบ่งบอกลักษณะของเผ่าพันธุ์ไปเป็นการบ่งบอกลักษณะทางนิสัยในรายงานปี 1927  ชื่อ "การศึกษาอารมณ์ผ่านกรุ๊ปเลือด"  โดย ศจ.ทาเคจิ ฟุรุคาวะแห่งมหาวิทยาลัยสตรีโตเกียว

บทความของฟุรุคาวะได้รับการยอม รับอย่างรวดเร็ว แม้ตะแกจะทดลองแบบชุ่ยๆโดยใช้กลุ่มตัวอย่างเพียง 20 คน เท่านั้น รัฐบาลแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่นยังโดดมาร่วมวงไพบูลย์โดยประกอบแนวคิดกรุ๊ปเลือด บอกนิสัยเข้ากับการจัดกำลังทหารว่าเลือดกรุ๊ปไหนควรทำหน้าที่อะไร รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างทหารที่ห้าวหาญขึ้นผ่านการผสมพันธุ์ใน หมู่เลือดที่เชื่อกันว่ามีลักษณะนิสัยนั้นอีกด้วย

ฟุ รุคาวะเองก็ยังไม่หมดไอเดียบวมๆ ประจวบเหมาะว่าเวลานั้นญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาเรื่องการลุกฮือของประชาชนใน ดินแดนยึดครองอย่างจีน ไต้หวัน (สมัยนั้นเรียกฟอร์โมซา) และเกาหลี
ตะแกเลยตั้งเป้าศึกษาครั้งใหม่เพื่อ
"ค้นหาปัจจัยหลักในชาติพันธุ์ชาวไต้หวันที่ทำให้พวกเขาลุกฮือและทำตัวป่าเถื่อน"

พูดง่ายๆคืออยากรู้ว่าคนกรุ๊ปเลือดใดมีแนวโน้มว่านิสัยเป็นกบฏต่อต้านอุ้งบาทาของญี่ปุ่นบ้าง

เมื่อฟุรุคาวะพบว่าคนไต้หวันกว่า 41% มีกรุ๊ปเลือด O แกจึงทึกทักเหมาเอาว่าคนเลือด O นี่แหละจะมีนิสัยต่อต้าน โดยให้เหตุผลว่าชาวไอนุบนฮอกไกโดซึ่งมีเลือด O แค่ 23.8% ไม่เห็นจะก่อกบฏญี่ปุ่นเลย
(ก็แหง ท่านกลืนฮอกไกโดไปกี่ศตวรรษแล้วล่ะ)

ฟุรุคาวะจึงแนะนำได้น่าสยองว่า...คนญี่ปุ่นควรกลืนชาติพันธุ์ชาวไต้หวันผ่านการแต่งงานให้มากกว่านี้เพื่อลดจำนวนคนเลือดกรุ๊ป O ลง

...

จริงๆ เรื่องกรุ๊ปเลือดทายนิสัยซาไปในช่วงปี 30 เพราะจักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มเอะใจว่ามันไม่เป็นเหตุเป็นผลสักเท่าไหร่ แต่พอยุค 70 นัก กฏหมาย มาซาอิโกะ โนมิ ก็ขุดผลวิจัยของฟุรุคาวะมาเขียนเป็นหนังสือขายดีหลายเล่มทั้งที่ตัวเองไม่มี พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์มาก่อน ด้วยความดังนี่เองมีมส์ทางสังคมตัวนี้จึงกลับมาระบาดในสังคมญี่ปุ่นและ เอเชียอีกครั้ง หนักถึงขนาดว่าเด็กถูกจับนั่งด้วยกันด้วยกรุ๊ปเลือด แฟนเลิกกันเพราะเลือดเราเข้ากันไม่ได้ ซาลารี่แมนสัมภาษณ์งานอาจปิ๋วเพราะกรุ๊ปเลือดไม่ถูกกับบริษัท จนสุดท้ายรัฐบาลต้องออกกฏแบนการพูดถึงทฤษฏีนี้ ทั้งในวิทยุและโทรทัศน์เพื่อช่วยลดปัญหา

ปิดฉากวิชาอ่านนิสัยจาก กรุ๊ปเลือดที่มีประวัติมืดหม่นไม่น่าอภิรมย์นักลง...แต่จะเป็นอย่างนั้นจริง เร้อ เพราะกรุ๊ป O เลยไว้ใจอะไรง่ายๆมากกว่ากระมัง

ส่วน ตัวยังคิดว่าการทำนายนิสัยตามกรุ๊ปเลือดเป็นอะไรที่ขำๆ ช่วยฆ่าเวลา เรียกเสียงเฮฮาจากเพื่อนฝูงอยู่ล่ะนะ ก็เหมือนกับเปิดหน้าดวงในหนังสือพิมพ์โดยรู้ว่า 12 ราศี 60 กว่าล้านคน (6 ล้านคน ต่อ 1 ราศี) ต้องมีใครตรงคำทำนายบ้างและวันนี้อาจเป็นตาเราเอง

แต่ เมื่อไหร่ที่คนใช้เรื่องกรุ๊ปเลือดไปด่วนสรุปเกี่ยวกับบุคลิกผู้อื่น ตั้งกฏขึ้นมาในใจจากข้อมูลที่ไม่ได้รับการพิสูจน์เหล่านี้ เราก็กำลังก้าวข้ามเส้นของเหตุผลไปสู่ความบ้าบวมเหมือนนาซี ฟาสซิสต์และญี่ปุ่นผู้ก่อตั้งศาสตร์นี้แล

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=319299


http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0191886901000642

ขอ อภัยที่มาเบรก ไม่คิดว่ามีผลวิจัยอะไรเป็นทางการมายืนยนันเรื่องกรุ้ปเลือดกับนิสัย รวมถึงหนังสือที่บอกว่าคนกรุ้บไหนควรกินอะไร นั่นก็สรุปได้ว่าจังค์ไซน์ไปเรียบร้อย

เรือ่งนี้มันเรื่องที่คนญี่ปุ่นสมัยก่อนเชื่อกัน แล้วมันก็เป็นเรื่องตลก สนุกในการเอามาขบคิดเหมือนดูดวงรา่ยสัปดาห์น่ะแหล่ะ

และก็ยังอธิบายไม่ได้เลยว่าจะไปเกี่ยวกันอีท่าไหน ใครมีข้อมูลอาชีพกับกรุ้ปเลือดมาก็ขอดูหน่อย ผมหาไม่เจอ

สำหรับเคสนี้ที่น่าสนใจในการศึกษาคือ คนเราจะเลือกมองสิ่งที่ตัวเองอยากจะเห็นมากกว่า
ไม่น่าแปลกใจที่ทำให้อาชีพหมอดู ยังฮอตอยู่ได้ เพราะคนเรามักจะเลือกจะเห็น เลือกจะมอง และเลือกเชื่อว่ามันจริง

(เหมือนการตีความนอสตราดามุสแหล่ะ พยายามตีแถให้ได้ว่ามันเป็นภาษาอะไรยังไง แล้วก็เลยบอกว่าโดนทำนายไว้เรียบร้อย)

ตั้งกระทู้นี้มาดีเบท เผื่ออีกฝ่ายจะมาอ้างอิงได้

ถ้าไม่ได้ มันก็ความเชื่อที่ไม่ต่างกับการดูดวงนัก


เครดิต ของคุณ
กิทอว์

"ลมเพลมพัด"  เจ้าของบทความนั้นนะครับ

ขออนุญาตนำมาลงครับ

แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 17:52:29

แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 15:07:50

จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน
เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 18:40:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com