ความคิดเห็นที่ 1 ลองดูวิดีโอนี้ครับ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 00:20:08

ความคิดเห็นที่ 2 และแสดงว่ากลไกสำหรับฆ่าแมวนั้นยังไม่ทำงานเลยครับ ซึ่งผมคิดว่า การตีความแบบโคเปนเฮเกนนั้นต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอนครับ อย่างเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการทดลองเพื่อวัดเส้นทางเดิน(Trajectories)ของโฟตอนแต่ละตัว ในการทดลอง สลิตคู่ ได้สำเร็จครับ ซึ่งการที่อนุภาคมีทางเดินนี้ขัดกับการตีความแบบโคเปนเฮเกนครับ ลิงค์ข่าว http://www.physorg.com/news/2011-06-quantum-physics-photons-two-slit-interferometer.html จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 00:30:14

ความคิดเห็นที่ 3 หลายคนอาจแย้งว่า การทดลองนี้ทำในเสกล ใหญ่(macro scale)แต่ทฤษฎีควอนตัมใช้สำหรับ(micro scale) แต่ลองไปอ่าน พอสซูเลต ของกลศาสตร์ ควอนตัมดูนะครับ ไม่มีบอกไว้เลยว่า ใช้สำหรับเลกลเล็กๆเลย(เพราะคนที่คิดมา ต้องการบอกว่านี่คือกฏธรรมชาติ ครับ) จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 00:35:35

ความคิดเห็นที่ 4 มาแล้วกระทู้วิทย์จ๋าสุดๆ จากคุณ : Zance เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 00:43:56 A:223.207.97.250 X: TicketID:316524

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่จำเป็นต้องตายแล้วฟื้นครับ แต่หมายถึง เราไม่รู้ว่ามันตายหรือไม่ตายจริงๆครับ มันมีโอกาสที่จะตายหรือไม่ตายก็ได้ แต่พอเราเปิดกล่องเข้าไปดูแล้วพบว่ามันตาย ความเป็นไปได้ในการที่มันจะอยู่รอดก็จะหมดไป ต้องบอกเป็นฟังก์ชันคลื่นอ่ะครับ - - รอผู้อธิบายได้จริงมาตอบดีกว่า หุหุ จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 01:04:49

ความคิดเห็นที่ 6 ปัญหานี้ ถ้าคนที่เรียนปรัชญา ประกอบด้วยจะไม่งง และ ไม่รู้สึกว่ามันย้อนแย้งยังไงเลยนะครับ เพราะ คำว่า "ตาย" ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ (ไม่เหมือน "อาการตาย") ดังนั้น คำถามที่เพิ่มมาว่า -ใส่แมวตายลงไป มันมีสิทธิคืนชีพขึ้นมาได้เมื่อเปิดกล่อง- จึงเป็นไปไม่ได้ครับ ชีวิต มันคืออะไรที่ ระบบกลไกต่างๆ ทำงานมากมาย แต่ความตาย คือการล้มระบบโดมิโนที่เรียงแถวทั้งหมด จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 01:07:58

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไมทุกคนเข้าข้าง โคเปนฮาเกนกันจัง ครับ เหมือนตั้งธงไว้ก่อนแล้ว ความคิดเห็นที่ 5:ถ้าเปิดมาแล้วพบว่าตาย โคเปนฮาเกน จะตีความว่า ตอนยังไม่ได้เปิดกล่องแมวจะอยู่ในสถานะsuperposition ระหว่างเป็นกับตายคือทั้งเป็นและตายในเวลาเดียวกัน แต่ถ้าเปิดกล่องมาแล้วพบว่ามันตายแสดงว่ามันเพิ่งอยู่ในสถานะตายขณะที่เราเปิดกล่อง นั่นคือการเปิดกล่องของเรานั่นแหละที่ฆ่ามัน ซึ่งเป็นความขัดแย้งตรงที่ว่า แค่เปิดกล่องเฉยๆจะฆ่าแมวได้อย่างไร ผมเข้าใจถูกมั๊ย? ที่ผมจะfocus คือ ?ตรงไหนล่ะที่ เขาเรียกว่า Schrodinger's cat paradox ครับ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 01:19:24

ความคิดเห็นที่ 8 ความคิดเห็นที่ 6 ครับผมอ่านของคุณแล้วผมงงครับ เพราะเท่าที่ผมเคยอ่านมาแม้แต่นักปรัชญา(ทางวิทยาศาสตร์) เขาก็รู้กันว่ามันเป็นparadox ครับ "เพราะ คำว่า "ตาย" ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ (ไม่เหมือน "อาการตาย")" --แต่คำว่าตายในที่นี้คือแมวตาย=อาการตาย-- ดังนั้น คำถามที่เพิ่มมาว่า -ใส่แมวตายลงไป มันมีสิทธิคืนชีพขึ้นมาได้เมื่อเปิดกล่อง- จึงเป็นไปไม่ได้ครับ" --ใช่ครับแมวตายแล้วปกติจะพื้นไม่ได้ครับ คือถ้าเปิดกล่องแล้วพบว่าแมวยังไม่ตายก็แสดงว่า ตอนปิดกล่องอยู่ เครื่องมือฆ่าแมวนั้นยังไม่ทำงานเลยครับ แต่โคเปนฮาเกนจะบอกคุณว่าเราไม่มีทางรู้ได้ว่ามันเป็นหรือตาย คุณว่าอันไหนมีเหตุมีผลกว่ากัน -- จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 01:30:35

ความคิดเห็นที่ 9 กรณีแมวชโรดิงเงอร์เป็นทั้งสิ่งที่เรียบง่ายและซับซ้อนในเรื่องเดียวกันครับ เหตุการณ์นี้ต้องการสื่อตรงๆอยู่เรื่องนึงคือ "ความไม่แน่นอน" ครับ เพราะทฤษฏีควอนตัมว่าไว้ว่า อนุภาคต่างๆจะมีสถานะแน่นอนก็ต่อเมื่อถูกสังเกตเท่านั้น หรือกับแมวนี้ก็คือ เราใส่แมวลงไปในกล่องปิดซึ่งมีกลไกที่ทำงานแบบสุ่มซึ่งสามารถทำให้แมวตายได้ ดังนั้นแมวจะตายหรือไม่ตายเราไม่สามารถรู้ได้เมื่อปิดกล่องสนิท ทำให้แมวตัวนั้นอยู่ในสถานะก้ำกึ่งระหว่างเป็นกับตายครับ เป็นสถานะที่ไม่แน่นอนในตัวเอง เมื่อเราเปิดกล่องนั้นขึ้นมา แล้วพบว่าแมวเป็น หรือตาย นั่นคือ "การสังเกต" ซึ่งจะทำให้สมบัิติของวัตถุที่สังเกตเปลี่ยนจากไม่แน่นอนเข้าสู่ความแน่นอนนั่นเอง เพียงแต่เราต้องถือว่าแมวเป็นอนุภาคทางควอนตัมนะครับ อีกอย่างที่ชัดเจนก็คือ เราจะไม่มีวัตรู้ "สถานะทางควอนตัม" ที่ชัดเจนของอนุภาคเลย จนกว่าจะถูกสังเกต พวกมันจะปรากฎตัวพร้อมสมบัติแบบสุ่ม มีแนวโน้ม มีความน่าจะเป็น แต่ไม่ระบุชัด ซึ่งเป็นหลักสำัคัญที่ใช้ในควอนตัมอยู่แล้วครับ ดังนั้นเราบอกไม่ได้ว่าแมวตายก่อนรึยัง เปิดแล้วรอดไม่ใช่ว่าแมวฟื้น แต่เป็นสถานะของแมวจาำก "ไม่รู้เป็นหรือตาย" กลายเป็น "ตาย" แล้วผ่านการสังเกต จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 01:39:49

ความคิดเห็นที่ 10 ผมไม่ได้บอกว่า ผมไม่เข้าใจเนื้อหาของทฤษฎี ควอนตัม แค่จะบอกว่ามันไม่ make-sense ตรงไหน ครับ เท่าที่อ่านความเห็นมาเหมือนคนตอบไม่ได้อ่านที่ผมเขียนเท่าไหร่แฮะมาอธิบายแต่หลักการควอนตัม สิ่งที่ผมเปิดปะเด็นคือ Schrodinger's cat มันเป็นparadox ยังไงเท่าที่ผมเข้าใจ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 01:56:23

ความคิดเห็นที่ 11 "ทำให้แมวตัวนั้นอยู่ในสถานะก้ำกึ่งระหว่างเป็นกับตายครับ" --ไม่ใช่ครับมันอยู่ในสถานะเป็นและตายในเวลาเดียวกันครับ-- "อีกอย่างที่ชัดเจนก็คือ เราจะไม่มีวัตรู้ "สถานะทางควอนตัม" ที่ชัดเจนของอนุภาคเลย จนกว่าจะถูกสังเกต" เราจะทดลองได้อย่างไรครับว่าเราไม่มีทางรู้ได้ ที่จริงเราไม่เคยครับ เพียงแต่เราตั้งมันเป็นพอสซูเลตไปเลย "ดังนั้นเราบอกไม่ได้ว่าแมวตายก่อนรึยัง เปิดแล้วรอดไม่ใช่ว่าแมวฟื้น " --งั้นสรุปว่าแมวอยู่ในสถานะเป็นตลอดไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าเปิดมาแล้วแมวยังมีชีวิตก็แสดงว่ามันอยู่ในสถานะมีชีวิตตลอดเวลาไง "แต่เป็นสถานะของแมวจาำก "ไม่รู้เป็นหรือตาย" กลายเป็น "ตาย" แล้วผ่านการสังเกต " --ควอนตัมบอกว่าทั้งเป็นและตายในเวลาเดียวกันครับ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเป็นคำกล่าวแบบคลาสสิค ครับ คือแบบคลาศศิค ก็ไม่รู้ว่าแมวเป็นหรือตายเหมือนกันเปิดกล่องดูถึงรู้ แต่ไม่ใช่การดูของเราที่ไปฆ่าแมว หรือไปคืนชีพให้แมว-- จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 02:11:40

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาเพราะคำว่า cat จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 02:40:34

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามารอฟังคำตอบครับ ในฐานะผู้ไม่รู้นี่ ผมคิดเอาว่าการตีความสำนักนี้มันมีอะไรให้งง ๆ ตรงที่ยอมให้ probability wave สามารถ collapse ได้หลังจากที่ถูกวัดหรือสังเกต โดยที่บอกไม่ได้ว่าทำไม อาจเป็นการให้เหตุผลแบบจากผลไปหาเหตุว่า ก็ในเมื่อสุดท้ายเราวัดหรือสังเกตได้แค่แบบเดียวนี่ (ผมตื่นเต้นกับการตีความแบบ Everett หรือ DeWitt มากกว่า) จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 02:43:59

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาลงชื่อ (ขอฟังอย่างเดียว) จากคุณ : nonlocality เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 02:44:54

ความคิดเห็นที่ 15 ขอตอบคำถามจากหัวกระทู้ก่อน "Schrodinger 's cat ผมเข้าใจมันถูกมั๊ย" คำตอบคือ ไม่ถูกครับ ความเข้าใจของเจ้าของกระทู้ไม่ถูกตั้งแต่ต้น Schrodinger 's cat  เป็นแนวคิดที่สร้างขึ้นมาเพื่ออธิบายสถานะของอนุภาคควอนตัมตามที่ คห. 9 บอกครับ เพียงแต่เปลี่ยนไปใช้ในรูปแบบแมวในกล่องที่ทำให้จินตนาการภาพได้ง่ายขึ้น แต่ตัวแนวคิดจำเพาะเจาะจงใช้อธิบายเรื่องสถานะทางควอนตัมของอนุภาคเท่านั้นครับ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีพาราดอกซ์อะไรตั้งแต่แรกอย่างที่เจ้าของกระทู้คิด สรุปใจความสำคัญของ Schrodinger 's cat  คือต้องการแค่จะบอกว่า สถานะทางควอนตัมของอนุภาคนั้นไม่แน่นอนจนกว่าจะเกิดการสังเกตุตรวจวัดที่อนุภาคนั้นขึ้นจึงจะกำหนดสถานะที่แน่นอนนั้นได้ ซึ่งหมายความว่าเราไม่สามารถคำนวณหรือคาดการณ์สถานะทางควอนตัมของอนุภาคหนึ่งๆล่วงหน้าได้ถูกต้องแน่นอน โดยที่ปราศจากการวัดหรือสังเกตุ จากคุณ : AlexW เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 04:38:14

ความคิดเห็นที่ 16 #8 คุณเข้าใจผิดแล้วครับ ผมแค่ บอกคุณว่า คุณเข้าใจผิดแล้ว ถ้าใส่แมวตายลงไป มันจะไปอยู่สถานะคืนชีพขึ้นมาได้ยังไง ไม่มีอะไรแปลกเลยนะครับ ผมมองว่า แมวชโรดิงเจ้อ นี่ ไม่ Paradox ครับ เพราะว่า อนุภาคในระดับควอนตัม เกิดและหายไปได้เอง ถ้าเอาแมวมาเปรียบ แมวตัวนั้นต้อง เกิดและตายได้เอง อยู่เป็นปรกติ (//เพิ่มเติม) โดยที่ยังเป็นแมวตัวนั้นอยู่ แถมยังหายจากจุดนึงไปโผล่ออีกที่นึงทันที และ ปรากฏอยู่พร้อมกันณ.ที่ใดในเอกภพก้ได้ หลายๆตัว โดยเป็นตัวเดียวกันหมด จึงเอาไปเข้ากล่องแล้วเป็นอย่างที่ สรุป ในความเป็นจริง แมวตายใส่ลงไปในกล่อง หรือตายในกล่อง ไม่คืนชีพ ไม่ว่ากรณีใดๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 54 05:13:06 จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 05:03:19

ความคิดเห็นที่ 17 ยอมรับว่าไม่มีความรู้เรื่อนี้เลย แต่น่าสนใจดี ^^ อยากเปิดคลิปใน คห. 2 ดู แต่อ่านไปเรื่อยๆ ทำไมต้องเอามาเทียบกับการเป็นหรือตายของแมวด้วยอ่ะครับ เลยไม่กล้าเปิดคลิปดูเลย (เอาเป็นแมงสาป ไม่ได้เหรอ) คนรักแมวกลัวทำใจไม่ด๊ายยย!!! T^T จากคุณ : ขอนอกเรื่องนิดนึง (ถุนคุง) เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 05:59:20

ความคิดเห็นที่ 18 ก่อนอื่นต้องเลิกพูดเรื่อง เอาแมวตายใส่ แล้วมันอาจจะเป็นกลับคืนชีพ ตามหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก ก่อนค่ะ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ตามหลักของความเป็นจริง ส่วนเรื่องกรณีแมวของโชรดิงเจอร์นั้น เขาแค่จะบอกว่า เราไม่รู้สถานะที่แน่นอน จนกว่าเราจะทำการสังเกตหรือทำการวัด ด้วยการเปิดกล่อง แต่การเปิดกล่อง ก็มีผลทำให้สภาพสภาวะภายในกล่องเปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นเมื่อเปิดกล่องแล้วพบแมวตาย เราก็ยังบอกไม่ได้อยู่ดีว่า แมวตายอยู่แต่เดิม หรือเพิ่งจะตายเพราะการเปิดกล่อง ปล. อย่าเอาไปสับสนกับกรณีของอนุภาคทางควอนตัม ที่มันสามารถมีอยู่และหายไปได้ในเวลาเดียวกัน แต่สำหรับกรณีแมว เป็นแล้วตายได้อย่างเดียวเท่านั้น ตายแล้วเป็นมันไม่มี จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 08:41:53

ความคิดเห็นที่ 19 จาก จขกท. อยากบอกว่าSchrodinger เขาเสนอการทดลองทางความคิดนี้มา เพื่อโจมตีการตีความแบบโคเปนฮาเกน นะครับทำไม แต่ละความเห็นจึงบิดเบือนมาบอกว่า เขาเสนอมาเพื่อสนับสนุนการตีความนั้นล่ะครับ หรือเพราะชื่อเขาเป็นชื่อของสมการหลักในกลศาสตร์ควอนตัม คนเลยคิดอย่างงั้น แม้แต่คนที่เคยเรียน? ไม่แปลกหรอกครับ เพื่อนผมที่เรียนฟิสิกส์ มันยังคิดอย่างงี้เลย  อยากบอกว่าSchrodinger เป็นคนคิดสมการเริ่มต้น แต่เขาไม่เห็นด้วยกับการตีความโดย Bohr;Heisenberg;และ Pauli นะครับ Schrodinger จะเป็นพวกเดียวกับ Einstein ,de Brogile ครับ   ตัวเขาเองยังเคยพูดว่า If we have to go on with these damned quantum jumps, then I'm sorry that I ever got involved. E. Schrodinger แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 54 10:17:13 จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 10:13:02

ความคิดเห็นที่ 20 "เอาแมวตายใส่ " ผมไม่เคยบอกเลยว่าเอาแมวตายมาใส่ ผมเอาแมวเป็นมาใส่ครับ ใครบิดเบือนนี่ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 10:27:25

ความคิดเห็นที่ 21 จาก จขกท. ความคิดเห็นที่ 18 คุณแตงกวา ครับ แล้วถ้าเปิดมาแล้วแมวเป็นสรุปว่าไงครับ ทำไมตอบแค่ครึ่งเดียว จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 10:29:11

ความคิดเห็นที่ 22 .... อ่าว แปปนะครับ งง ไม่ได้บอกว่า ใส่แมวตาย หรือ แมวตายในกล่องแล้วคืนชีพ เหรอครับ ? ผมอ่านก่อนแก้ไข เข้าใจอย่างนั้น เอาเป็นว่า ผมออกนอกประเด็น โดยการเข้าใจข้อมูล ผิด แล้วกันนะครับ จขกท. สงสัยไม่ได้ย้อนกลับไปอ่าน งั้นก็ไม่มีอะไรจะตอบแหละครับ เพราะว่า คนอื่นๆ รวมๆ ตอบไว้ดีแล้ว จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 10:43:45

ความคิดเห็นที่ 23 กล่องปิดอยู่ ผู้สังเกตไม่มี สถานะไม่แน่ชัดขึ้นกับกลไกภายในกล่อง ถ้ากลไกทำงานเนียน เราสามารถอนุมานได้เลยว่าแมวตาย แต่ถ้ากลไกทำงานแบบไม่แน่นอน เราจะไม่รู้สถานะของแมวจนกว่าจะเปิดกล่อง ทีนี้เราก็มาสงสัยกันว่ากลไกนั้นทำงานแบบแน่นอนหรือไม่แน่นอนกันแน่ บางฝ่ายก็บอกแน่นอนชัวร์ พระเจ้าไม่เล่นทอยลูกเต๋าหรอก บางฝ่ายก็บอกว่าไม่แน่นอนหรอก มันเป็นการสุ่มระดับควอนตัม เป็นทรูแรนดอม จากคุณ : spiderman เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 10:49:05 A:124.122.83.7 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 24 : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ กลับไปอ่านของผมดีๆ ดีกว่า จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 11:31:57

ความคิดเห็นที่ 25 ผมไม่ได้บอกว่า ใส่แมวตาย หรือ แมวตายในกล่องแล้วคืนชีพ ครับ ถ้าเปิดกล่องมาแล้วแมวมีชีวิตแสดงว่าแมวไม่เคยตายครับ ไม่ได้หมายความว่า แม้วฟื้น จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 11:33:56

ความคิดเห็นที่ 26 วิทย์สุด ๆ  ดูดิ๊จะขึ้นแนะนำมั๊ย จากคุณ : Zew เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 12:04:11

ความคิดเห็นที่ 27 แมวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เพราะมันฟื้นไม่ได้ quantum มีเกิดมีดับตลอดเวลา จากคุณ : bakasama เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 12:50:22

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าเปิดกล่องแล้ว มันจะตายหรือเป็น ก็ไม่ได้สำคัญอะไรค่ะ เพราะตอนนั้น สถานะมันชัดเจนแล้ว ตายก็คือตาย เป็นก็คือเป็น ไม่ใช่สาระที่จะถกกันต่อ แต่ประเด็นของมันคือ ระหว่างที่ยังปิดกล่องอยู่ เราไม่รู้ว่ามันตายหรือเป็น เราอาจจะคิดว่า สถานะความเป็นตายของมันมีอยู่อย่างก้ำกึ่ง ไม่มีใครบอกได้แน่ชัด เราอาจจะคิดว่า มันตายครึ่งนึง เป็นครึ่งนึงก็ได้ หรือตาย 70% เป็น 30% ก็ได้ เป็นคำตอบที่ถูกทั้งหมด จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 13:08:26

ความคิดเห็นที่ 29 # 19 Schrodinger เสนอทดลองนี้ เพื่อโจมตีการตีความแบบโคเปนฮาเกน การตีความแบบโคเปนฮาเกน ข้อนึงว่า ถ้าไม่รู้ค่าระบบ ให้พรรณนาเป็นความน่าจะเป็น 3 It is not possible to know the value of all the properties of the system at the same time; those properties that are not known with precision must be described by probabilities. (Heisenberg's uncertainty principle) http://en.wikipedia.org/wiki/Copenhagen_interpretation#Principles Schrodinger เสนอทดลองในจินตนาการว่า แมวในกล่องปิดตาย มีสารรังสีซึ่งสลายได้ ถ้าสลาย-เครื่องวัดรังสีจุดชนวน-ปล่อยยาพิษ-แมวตาย สารรังสีโอกาสสลาย 50 % ไม่สลาย 50 % ดังนั้นต้องบรรยายว่า ก่อนเปิดกล่อง แมวมีโอกาสตาย 50 % แมวมีโอกาสเป็น 50 % แมวจะตาย 50 % เป็น 50 % ได้อย่างไร เค้าเลยเรียกว่า superposition Schrodinger ไม่เห็นด้วยกับตีความแบบโคเปนฮาเกนแบบนี้ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 15:40:29

ความคิดเห็นที่ 30 ที่เป็นพาราด็อกซ์ ก็คือเมื่อเราเปิดมาแล้วพบว่าแมวตาย ใครคือคนที่ฆ่าแมว ยาพิษ หรือเรา คำตอบคือเราครับ เพราะก่อนหน้าที่เราจะเปิดกล่องฟังก์ชันคลื่นอยู่ในสภาวะ superposition ระหว่างสถานะเป็นและตาย จนเมื่อเราเปิดกล่อง ฟังก์ชันคลื่นก็ collapse ลงมาอยู่ในสถานะเดียว คือตาย นั่นคือเราเป็นคนที่ทำให้แมวตายไม่ใช่ยาพิษตรงนี้แหละที่ผมชี้ว่า มันเป็นพาราด็อกซ์ ไม่ใช่แค่ เพียงว่าอยู่ในสองสถานะในเวลาเดียวกันแล้วเป็นพาราด็อกซ์ ผมพยายามย้ำว่าผลที่สืบเนื่องต่างหาก เช่นการที่เราเป็นคนฆ่าแมว (ไม่ใช่ยาพิษ)ต่างหากที่เป็นพาราด็อกซ์ ไม่ใช่อย่างที่หลายความเห็นพูดย้ำๆซ้ำๆ ลอกกันมาว่า superposition มันคือ พาราด็อกซ์ ของ Schrodinger's cat แต่ผมย้ำว่าผลสืบเนื่องของมันต่างหาก จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 17:36:02

ความคิดเห็นที่ 31 คนที่อยากเชื่อโคเปนฮาเกน คุณก็ต้องพยายามมองไม่ให้มันขัดแย้งกันอยู่แล้ว นั่นคือคุณเข้าใจมันง่ายมาก แต่การที่คุณเข้าใจมันง่ายมาก มันหมายความว่าคุณไม่เข้าใจมันดีพอ เพราะถ้าเป็นไปตามการตีความแบบ โคเปนฮาเกน  เราเป็นคนฆ่าแมว ครับ ไม่ใช่ยาพิษ คุณมองไปในกล่องเห็นกลไกฆ่าแมวมันทำงานไปแล้ว ก็คือมันทำตอนคุณเปิดกล่องนั่นแหละครับ ไม่ว่าคุณจะตั้งกล่องทิ้งไว้นานเป็นล้านปี ถึงจะเปิด จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 17:46:25

ความคิดเห็นที่ 32 จาก Quantum Paradoxes โดย Aharonov ครับ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 17:56:35

ความคิดเห็นที่ 33 ต่อ... จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 17:58:49

ความคิดเห็นที่ 34 มึน.. จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 19:21:30

ความคิดเห็นที่ 35 ผมเห็นด้วยกับการตีความแบบโคเปนฮาเกนครับ คือ ถ้าไม่รู้ค่าของระบบก็ต้องบรรยายด้วยค่าความน่าจะเป็น ก่อนเปิดกล่องเราไม่รู้สถานะของแมว แมวมีโอกาสตาย 50 % แมวมีโอกาสเป็น 50 % และเมื่อเราเปิดกล่องเราจึงจะสามารถสังเกตุหรือได้รับค่าข้อมูลที่แน่นอนว่า แมวตาย 100%  หรือ แมวเป็น 100% ซึ่งผมมองว่าทุกอย่างเคลียร์นะในสภาวะที่เราไม่รู้สถานะที่แน่นอนของระบบก็ต้องคาดเดาเป็นโอกาสของความน่าจะเป็น แต่ในการทดลองของแมวชโรดิงเจอร์นี่ สิ่งที่ฆ่าแมวก็คือยาพิษครับ ไม่ใช่คนเปิด เพราะการที่กลไกของยาพิษทำงานหรือไม่มันก็คือการวัดได้ค่าที่แน่นอนแล้ว แต่ผู้สังเกตุการณ์หรือคนที่อยู่นอกกล่องยังไม่ได้รับข้อมูลที่แน่นอนของสถานะที่เกิดภายในกล่องก็ต้องอนุมานเป็นโอกาสของความน่าจะเป็นที่จะเปิดมาเจอ แมวเป็น 50% แมวตาย 50% ก็แค่นั้น แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 54 20:30:36 จากคุณ : AlexW เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 20:17:41

ความคิดเห็นที่ 36 # 31 ตีความแบบโคเปนฮาเกน  คนฆ่าแมว ไม่ใช่ยาพิษ # 35 ทดลองของแมวชโรดิงเจอร์ สิ่งที่ฆ่าแมวคือยาพิษ ตีความแบบโคเปนฮาเกน เช่นพรรณนา วงโคจรอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียสของอตอม ว่าเป็นเมฆอิเล็กตรอน(electron cloud) เมฆหนาคือโอกาสเจออิเล็กตรอนมาก และตรงข้าม แต่เมื่อเราตรวจวัด จึงรู้ตำแหน่งของอิเล็กตรอนแน่นอน ด้วยกฏไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก การตรวจวัดตำแหน่งอิเล็กตรอนที่แน่นอน ทำให้โมเมนตัมอิเล็กตรอนไม่ถูกต้อง ตีความแบบโคเปนฮาเกน เสนอว่าผู้ตรวจวัดมีผลต่อ ผลที่ตรวจวัดได้ ทดลองของแมวชโรดิงเจอร์ ไม่น่าอยู่ขอบเขตควอนตัมหรือตีความแบบโคเปนฮาเกน แมวไม่ใช่อิเล็กตรอน เมื่อตีความแบบโคเปนฮาเกน กลายเป็นคนฆ่าแมว หรือว่า คนเปิดกล่องมีผลต่อชีวิตแมว แต่สามัญสำนึก การเปิดกล่องไม่น่ากระทบชีวิตแมว นั่นคือ แมวในกล่องอาจเป็นหรือตายก็ตาม คนเปิดกล่องไม่มีส่วนต่อชีวิตแมว แต่ชโรดิงเจอร์ต้องการโจมตีตีความแบบโคเปนฮาเกน โดยผูกชีวิตแมวกับควอนตัม โดยใช้การสลายสารรังสี(ควอนตัม) ไปผูกกับชีวิตแมว(macro) ความเห็นส่วนตัว ตีความแบบโคเปนฮาเกน เหมาะกับอะไรเล็กๆ ถ้าอะไรใหญ่ๆ(macro) เช่นชีวิตแมว ไม่เหมาะจะใช้ตีความแบบโคเปนฮาเกน เพราะสามัญสำนึกบอกว่า ผู้สังเกตไม่มีผลต่อสิ่งที่สังเกต ในโลกที่ใหญ่ๆ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 21:46:55

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบอกสั้นๆว่า เป็นกระทู้ที่ดีครับ จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 00:09:09

ความคิดเห็นที่ 38 เหมียวขอชโรดิงเจอร์ เป็นคล้ายๆ คำเยาะเย้ยของ Copenhagen interpretation เหมือนความเห็นบนๆ บอก แล้วมี interpretation อื่นๆ ให้เลือกไหม ก็มี อันหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่สนใจมากๆ คือ Many-world interpretation หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของทฤษฎีโลกคู่ขนาน ของ Hugh Everett ตามทฤษฎีนี้ เหตุการณ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดเกิดพร้อมกัน แต่แยกกันไปคนละโลก กรณีแมวของชโรดิงเจอร์ แมวที่ไม่ ตายอาจจะเป็นเหตุการณ์ในโลกของเรา ในขณะที่แมวตายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในอีกโลกหนึ่งที่แยกกันออกไป จากคุณ : Geneticist เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 04:36:13

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเห็นรูป คห36 แล้วผมก็ไม่เชื่อว่าอิเลกตรอน มันจะเป็นเมฆอยู่ดี จริงๆนะ มันมหัศจรรย์ หรือ ทฤษฎีมันขี้โม้ กันแน่ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 16:08:29

ความคิดเห็นที่ 40 ทารุณ .. แมว!! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 17:15:41

ความคิดเห็นที่ 41 # 39 ผมไม่เชื่อว่าอิเลกตรอนจะเป็นเมฆ มหัศจรรย์หรือขี้โม้กันแน่ เมื่อก่อนบรรยาย อตอมไฮโดรเจน เป็นอิเล็กตรอนโคจรรอบโปรตอน คล้ายดวงจันทร์โคจรรอบโลก ปัจจุบันอตอมจะเป็นรูป เมฆอิเล็กตรอนรอบโปรตอน เพราะการทดลองยิงอิเล็กตรอนผ่านช่องเล็กๆ(slit) อิเล็กตรอนมีคุณสมบัติคลื่น ซึ่งเดอบลอยเสนอ ทวิลักษณ์คลื่น-อนุภาค(Wave–particle duality) http://en.wikipedia.org/wiki/Wave%E2%80%93particle_duality รูปอตอมในปัจจุบัน เป็นวงกลม/วงรีของเมฆอิเล็กตรอน http://www.youtube.com/watch?v=1bpG1lEjJfY&feature=related จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 19:24:30

ความคิดเห็นที่ 42 บอห์-ไฮเซนเบิร์ก ให้อิเล็กตอนเป็นอนุภาค ใช้คำนวน matrix ชโรดิงเจอร์ ให้อิเล็กตรอนเป็นคลื่น ใช้ partial differential equation ทั้ง 2 ทางต่างสรุปว่าอตอม มีเมฆอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 19:36:23

ความคิดเห็นที่ 43 ผมว่า แบบจำลองอะตอมกลุ่มหมอกน่า จะได้มาจากการตีความ ของ Max Born มากกว่านะครับ เพราะพวก โคเปนฮาเกน อ้างว่า ฟังก์ชันคลื่นนั้นไม่มีความหมายเชิงฟิสิกส์ Born เลยเสนอว่า norm(ขนาด) ของฟังก์ชันคลื่น {เปรียบคือถ้าฟังก์ชันคลื่นเป็นเวกเตอร์ norm ก้คือขนาดของมัน} คือ ความหนาแน่นของความน่าจะเป็น ในอาณาบริเวณหนึ่ง ซึ่งนอร์ม นี้เป็นฟังก์ชันของตำแหน่ง (และเวลาในกรณีระบบ ของเราเปลี่ยนไปตามเวลา) ซึ่งในกรณีอะตอม ไฮโดรเจน นี้ มันก็เป็นฟังก์ชันของตำแหน่งครับ ค่าของฟังก์ชันที่ตำแหน่งก็จะอยู่ระหว่าง (0,1)ครับ ซึ่งถ้าเรา plot รูป โดยให้น้วเคลียสอยู่กลางรูป เป็นตำแหน่ง (0,0,0)ค่าของฟังก์ชันที่ตำแหน่งต่างๆ แทนด้วยความเข้มของจุด (ค่าน้อย สีจาง ค่ามาก สีเข้ม) เราก็จะได้แบบจำลองอะตอมแบบนั้นครับ (กลุ่มหมอก) จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 11:21:43

ความคิดเห็นที่ 44 แต่อะตอมจริง มันเป็นอย่างงั้นจริงๆ หรือ  ครับ ? เทียบแบบจำลองนี้กับแมวของ Schrodinger นะครับ แมวที่อยู่ในกล่อง(กล่องแบบคลาสสิก) เปรียบกับอิเลกตรอน แมวในกล่องตามแบบจำลองนี้ จะอยู่เป็นกลุ่มหมอกของความน่าจะเป็น แน่นอนมันไม่ได้มีแค่เป็น เป็นกะตาย มันอาจจะ ตื่นอยู่ เลียขา นออนตะแคง... หรือ หลับ หลับแบบหน้าเครียด หรือ หลับฝันนดี หรือมันอาจจะตายในท่า ต่างๆ หรือมันอาจจะตายและมีขี้กองข้างๆ....ความน่าจะเป็นมหาศาล ตามแบบจำลองนี้แมวอยู่ในทุกสถานะสถานะที่เป็นไปได้มากแมวจะเห็นค่อนข้างเข้ม สถานะในความน่าจะเป็นน้อย เราจะเห็นจางๆ แต่บางทีก้จะมีแมว ทะลุออกมานอกกล่องด้วย(ตามหลัก กลศาสตร์ควอนตัม) แต่เราแทบมองมันไม่เห็นเลย  แต่เมื่อเราเปิดกล่องเราเห็นมันตัวเดียวครับในสถานะเดียว เช่นกัน แบบจำลอง อะตอมกลุมหมอก ถ้าเรามองมัน ผมว่าเราจะเห็น มันตัวเดียวแน่นอน แต่การมองแต่ละครั้งจะได้ตำแหน่งที่ต่างกันออกไป เมื่อ เรา มองมันเป้น ล้าๆครั้งแล้วนำมาวิเคราะห์ เชิง สถิติ เราจะได้ ภาพคล้ายๆ แบบจำลองกลุ่มหมอกครับ สรุป คือ แบบจำลองอะตอมกลุ่มหมอก มาจาก แนวคิด เชิงความน่าจะเป็น ตามBorn แต่ผมคิดว่ามันควรจะเป็นหลัก สถิติมากกว่า ที่make sense จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 11:34:21

ความคิดเห็นที่ 45 ซึ่งเดอบลอยเสนอ ทวิลักษณ์คลื่น-อนุภาค(Wave–particle duality) ที่เดอบลอย เสนอมา เขาตีความว่า อนุภาคมีสมบัติ คลื่นและอนุภาคพร้อมกันในเวลาเดียวกันนะครับ  ซึ่งขัดกับหลักของพวก โคเปนฮาเกนที่ว่า มันเป็นได้ทีละอย่าง เดอบลอยไม่เห็นด้วยกับแบบจำลอง กลุ่มหมอกแน่นอนครับ เพราะเขาเป้นคนคิด ควอนตัมอีกแนวหนึ่ง เรียกว่า Pilot wave theory ครับ ซึ่งในการประชุม Solvay ครั้งที่ 5 ปี1927 (on Electrons and Photons)เขาก้ไปพูดทฤษฎีนี้ครับ แต่โดน หักล้างโดย Pauli ครับ เรื่องที่ทฤษฎีนี้เอาไปประยุกต์กับระบบหลายอนุภาคไม่ได้ จนเดอ บรอยต้องยอมแพ้ไปครับ อย่าเอาแกมาอ้างผิด เลยครับ แนวคิด เดอบรอย คือ " wave and particle " ส่วนควอนตัม ของโคเปนฮาเกน คือ " wave or particle" ครับ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 11:45:49

ความคิดเห็นที่ 46 แล้วคุณคิดว่ามันจะเป็นแบบไหน " wave and particle " VS " wave or particle" ถ้าถามคนที่เรียนฟิสิกส์มา 99.9999% ตอบว่า " wave or particle" ครับ แต่จากข่าวที่ผมยกมาข้างบน http://www.physorg.com/news/2011-06-quantum-physics-photons-two-slit-interferometer.html จะให้ผมแปลมั๊ย มันไม่ใช่ซะแล้วครับ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 12:02:28

ความคิดเห็นที่ 47 # 44 แมวในกล่อง(กล่องแบบคลาสสิก) เปรียบกับอิเลกตรอน ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ควรเอาฟิสิกส์คลาสสิกไปปนกับฟิสิกส์ควอนตัม ฟิสิกส์ควอนตัม คือการศึกษาฟิสิกส์ระดับเล็กจิ๋วถึงอตอม ซึ่งมีกฏไม่แน่นอนอยู่ ทำให้บอกว่า การตรวจวัดกระทบต่อค่าที่ตรวจวัดได้ ฟิสิกส์คลาสสิก ไม่มีกฏไม่แน่นอนอยู่ การตรวจวัดไม่กระทบต่อค่าที่ตรวจวัด ฟิสิกส์คลาสสิกตัดสินว่า Schrodinger 's cat ถ้าตาย-ตายจากยาพิษ ไม่ใช่การเปิดกล่อง การเปิดกล่องไม่มีผลต่อชีวิตแมว การตรวจวัดไม่กระทบต่อค่าที่ตรวจวัดได้ Schrodinger 's cat เอาฟิสิกส์ควอนตัมมาอธิบายแมวในกล่อง แมวไม่ใช่อิเล็กตรอน คนทั่วไปอยู่ในโลกของฟิสิกส์คลาสสิก ไม่ใช่โลกของฟิสิกส์ควอนตัม จึงสับสน ความเห็นส่วนตัวคิดว่า  ไม่ควรอธิบาย Schrodinger 's cat ด้วยฟิสิกส์ควอนตัม เพราะแมวอยู่ในโลกของฟิสิกส์คลาสสิก ไม่ใช่โลกของฟิสิกส์ควอนตัม # 40 ทารุณ .. แมว!! ตำรวจแมวจับ Schrodinger ไปแล้ว ชะตากรรมไม่แน่นอน จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 13:20:36

ความคิดเห็นที่ 48 # 45 แนวคิดเดอบรอย คือ " wave and particle " ส่วนควอนตัมของโคเปนฮาเกน คือ" wave or particle" เดอบรอยคิดว่า อนุภาคมีคลื่นร่วมด้วย Originally, de Broglie thought that a real wave was associated with particles. However, until the end of his life de Broglie returned to a direct and real physical interpretation of matter-waves.The de Broglie-Bohm theory is today the only interpretation giving real status to matter-waves and representing the predictions of quantum theory. But, since it has some problems and doesn't go further in its predictions than the Copenhagen interpretation, it is little recognized by the scientific community. http://en.wikipedia.org/wiki/Louis_de_Broglie#Important_theories # 46 แล้วเป็นแบบไหน " wave and particle " VS " wave or particle" ทวิลักษณ์(duality) คล้ายเหรียญมี 2 ด้าน หัว/ก้อย เล่นปั่นแปะ-โยนเหรียญ ไม่ออกหัวก็ออกก้อย ออกหัว-ไม่สามารถออกก้อยได้ ออกก้อย-ไม่สามารถออกหัวได้ แสงเป็นทวิลักษณ์ คือมีคุณสมบัติคลื่น-อนุภาคตาม Copenhagen interpretation นั่นคือการทดลองเกี่ยวกับแสง เป็นคลื่น-ไม่เป็นอนุภาค เป็นอนุภาค-ไม่เป็นคลื่น แสงจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นในการทดลองหนึ่ง ไม่เป็น 2 อย่างพร้อมกัน " wave and particle " VS " wave or particle" ตอบ and เพราะแสงมีทั้ง 2 ลักษณะ คือคลื่นและอนุภาค แล้วแต่การทดลองใด ตอบ or เพราะการทดลองนึงแสงแสดงเป็นคลื่นหรืออนุภาค ได้อย่างเดียว แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 54 14:30:19 จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 14:18:24

ความคิดเห็นที่ 49 ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ควรเอาฟิสิกส์คลาสสิกไปปนกับฟิสิกส์ควอนตัม ฟิสิกส์ควอนตัม คือการศึกษาฟิสิกส์ระดับเล็กจิ๋วถึงอตอม ซึ่งมีกฏไม่แน่นอนอยู่ ทำให้บอกว่า การตรวจวัดกระทบต่อค่าที่ตรวจวัดได้ ฟิสิกส์คลาสสิก ไม่มีกฏไม่แน่นอนอยู่ การตรวจวัดไม่กระทบต่อค่าที่ตรวจวัด ฟิสิกส์คลาสสิกตัดสินว่า Schrodinger 's cat ถ้าตาย-ตายจากยาพิษ ไม่ใช่การเปิดกล่อง การเปิดกล่องไม่มีผลต่อชีวิตแมว การตรวจวัดไม่กระทบต่อค่าที่ตรวจวัดได้ -------------- ถ้าอย่างงั้นคุณก็เข้าใจโคเปนฮาเกนผิดแล้ว คำกล่าวข้างบนนี้เป็นของบอห์รครับ ซึ่งหลังๆพวกบอห์ร  ก็เปลี่ยนจุดยืนนะครับ เขาตีความใหม่ว่า ความไม่แน่นอน เป้ฯ intrinsic proerty ของธรรมชาติ ครับ การตีความแบบที่ยกมาข้างบน เป็นอะไร ที่ materialism มากๆครับ ซึ่งมันเหมือน ทฤษฎีของโบฮ์ม ทฤษฎีนี้ตีความทฤษฎีควอนตัมแบบคลาสสิก มากๆ แต่ก็มีหลักความไม่แน่นอนนะครับ แต่ความไม่แน่นอนนี้เกิดจาก interaction ระหว่างการวัดครับ บอห์รเขาเลยเปลี่ยนจุดยืนครับ แต่ก็อย่างแนวคิดนี้มันคลาสสิก และ make sense คนทั่วไปเป็นอันมาก มันเลยติดตลาดครับ จริงๆแล้วถ้าคุณเข้าใจแนวคิดของ ควอนตัมแบบมาตรฐาน คุณจะรู้ว่ามันไม่  make sense ------------------------------- จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 15:19:20

ความคิดเห็นที่ 50 แสงเป็นทวิลักษณ์ คือมีคุณสมบัติคลื่น-อนุภาคตาม Copenhagen interpretation นั่นคือการทดลองเกี่ยวกับแสง เป็นคลื่น-ไม่เป็นอนุภาค เป็นอนุภาค-ไม่เป็นคลื่น แสงจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นในการทดลองหนึ่ง ไม่เป็น 2 อย่างพร้อมกัน ------------------- จากการทดลองล่าสุด http://www.physorg.com/news/2011-06-quantum-physics-photons-two-slit-interferometer.html เราหาได้ทั้งเส้นทางเดินของ photon :เป้นอนุภาค และริ้วรอยการแทรกสอด ผ่าน ช่องสลิต คู่ :เป็นคลื่น ในเวลาเดียวกัน -----------------ถ้าเป็นการตีความแบบโคเปนฮาเกน ปรากฏการณ์ นี้จะเป็นไปไม่ได้ครับ ถ้าคุณวัดสมบัติคลื่น มันก็จะแสดงความเป็นคลื่นออกมา ถ้าวัดว่าอนุภาคจะไปทางไหน มันจะไม่เกิดการแทรกสอด ซึ่งการทดลองนี้มันเป็นปริศนามานานแล้ว โคเปนฮาเกนจะบอกว่ามันเป็นหลักพื้นฐานของธรรมชาติ ไม่สำคัญว่าเครื่องมือเราจะละเอียดซักแค่ไหน เขาพูดได้ครับ ในวันที่เทคโนโลยี ยังมาไม่ถึง .... จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 15:28:06

ความคิดเห็นที่ 51 # 50 การทดลองพบทางเดินโฟตอน(อนุภาค) และแทรกสอด(คลื่น) ตีความแบบโคเปนฮาเกน ปรากฏการณ์นี้เป็นไปไม่ได้ อ่านดูกลายเป็นว่า เดอบรอยคิดว่า อนุภาคมีคลื่นร่วมด้วย(ขี่กันไป) ถั่วต้ม..เอ้ย..ถูกต้องหรือ Originally, de Broglie thought that a real wave was associated with particles. ผมไม่แน่ใจการทดลองอันนี้ แต่การทดลองที่ผ่านมาเกี่ยวกับแสง เดิมพบว่าแสงเป็นคลื่นเช่นแทรกสอด ต่อมาแสงเป็นอนุภาคเช่น Blackbody Radiation ตีความแบบโคเปนฮาเกน จึงเสนอว่า แสงมีทวิลักษณ์คลื่น-อนุภาค # 49 คุณเข้าใจโคเปนฮาเกนผิด บอห์ร-โบฮ์ม ... # 47 ความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่เกี่ยวกับตีความแบบโคเปนฮาเกน ว่าตีความเช่นไร ผมคิดว่า Schrodinger 's cat ไม่ควรใช้ฟิสิกส์ควอนตัมมาอธิบาย เพราะแมวไม่ใช่อิเล็กตรอน ฟิสิกส์คลาสสิก-ไม่คิดว่าการตรวจวัดมีผลต่อค่าที่วัด คุณไม่เห็นด้วยกับตีความแบบโคเปนฮาเกนใน Schrodinger 's cat มิใช่หรือ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 17:37:51

ความคิดเห็นที่ 52 มิใช่ ครับ ผมไม่มีวันยอมรับ การตีความแบบโคเปนฮาเกนแน่นอนครับ ยกเว้นตอนที่ผม เพิ่งสนใจ QM ใหม่ๆ จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 14:57:42

ความคิดเห็นที่ 53 ต้องขอบคุณทุกคนนะครับ สำหรับการแลกเปลี่ยน เรื่อง ต่อไป ที่ผมจะคิดคือ ทำความเข้าใจ twin paradox ใน SR จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 15:39:46

ความคิดเห็นที่ 54 # 52  ผมไม่ยอมรับตีความแบบโคเปนฮาเกน ยกเว้นตอนเพิ่งสนใจ QM ใหม่ๆ ความเห็นส่วนตัวของผม ผมชอบนะ ตีความแบบโคเปนฮาเกน เฉพาะในโลกควอนตัม ถ้านอกควอนตัม ใช้ฟิสิกส์คลาสสิกง่ายกว่า เข้าใจง่ายกว่า ที่ชอบเพราะดูมีเล่ห์เหลี่ยมดี เช่นเรื่องทวิลักษณ์คลื่น-อนุภาค ถ้าเกิดมีการทดลองที่แสงเป็นทั้งคลื่น/อนุภาค ในการทดลองอันเดียวกัน บอห์ต้องแก้ตีความแบบโคเปนฮาเกนใหม่ว่า แสงอาจเป็นคลื่นหรืออนุภาค หรือแสงอาจเป็นทั้งคลื่น/อนุภาค พร้อมกันไปเลยในการทดลองเดียวกัน เห็นมั้ยครับ ตีความแบบโคเปนฮาเกน เล่นไม่ยากซักหน่อย จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 15:42:28

ความคิดเห็นที่ 55 ผมอยากให้ นีล บอห์ร กับ ไอน์สไตน์ ยังอยู่จัง จะได้ ถกเถียงกันต่อ แต่ ถ้าไม่มีนักฟิสิกส์คู่นี้ ผมว่าเราดูคู่นี้ไปพลางๆก่อนคงได้ Penrose VS Hawking ใน http://www.amazon.com/Nature-Space-Time-Stephen-Hawking/dp/0691037914 ---- แต่นั่นมันหมายความว่า เราอาจจะยังไม่เข้าใจธรรมชาติ ดีพอ ครับ เล่ห์เหลี่ยม ต่างๆที่เราใช้ เพื่อให้ได้การคำนวรออกมา ตรงกับการทดลอง เท่านั้น เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าในระดับขนาดที่เล็กไปกว่านั้นมากๆ กฎ เหล่านั้น จะยังเหมือนเดิม ยังใช้ได้ อยู่ ในเมื่อ กฎทางควอนตัม มันใช้ไม่ได้สำหรับทุกระดับขนาด ------ ผมว่าหน้าที่ของนักวิทยาศาสตร์ คือ พยายยามทำความเข้าใจธรรมชาติครับ คุณอาจจะเคยเห็นเด็ก สงสัยใคร่รู้ในเรื่องต่างๆ อยากรู้อยากเห็น นั่นแหละครับเป็นบ่อเกิดของ การคิดค้น สิ่งต่างๆ มันน่ารื่นเริงใจกว่าการไปเรียน วิชาช่างฝีมือเป็นไหนๆ  แต่การบอกว่า shut up and calculate มันทำลายสิ่งเหล่านี้หมดเลยครับ.... ... จากคุณ : Aloner เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 16:16:49