ความคิดเห็นที่ 1 เคยมีแนวคิดนี้ กับคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต มีมากจะทำให้เด็กไทยเปิดโลกทัศน์มากขึ้น แต่ดูจากปริมาณร้านเน็ตคาเฟ่ ที่มีทั่วทุกมุมเมือง แต่ละร้าน ก็มีเด็ก เยาวชนใช้งานอยู่ไม่ขาดสาย ผมก็ไม่รู้ว่า เด็กไทยฉลาดขึ้นหรือเปล่า จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:14:58 A:183.89.145.123 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าใช้เอาไว้อ่านหนังสือคงดีกว่า ถ้ามีให้อ่านหมดทุกเล่ม ไม่ต้องยกไปมา เป็นกองๆ แต่พอมีแล้ว เด็กก็จะอยากมี สามจีเล่นเน็ต เล่นแต่เกมส์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์รวย แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 23:17:44 จากคุณ : - B i g T o w - เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:16:35

ความคิดเห็นที่ 3 ตัดฟังค์ชั่นส่วนเกินออกไป เน้นใส่ตำราเรียน ผมว่าถ้าได้มาซัก5พัน อายุการใช้งาน5ปี ประหยัดกว่าหนังสือเรียนอีกนะครับ พวกหนังสือแบบฝึกหัดไม่เท่าไหร่ แต่ตอนผมเรียน เทอมนึงเสียไม่ต่ำกว่า2พัน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:16:53

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าใช้ให้เป็น มันก็ทำให้ฉลาดขึ้นอะครับ จากคุณ : matsurii เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:20:18

ความคิดเห็นที่ 5 บางคนใช้ อย่างฉลาด เอามาหาประโยชน์ ต่อยอดในการเรียนรู้ได้สะดวกขึ้น ก็ฉลาดขึ้น ถ้าใช้แต่บันเทิง จนละเลยการหาความรู้ ก็ถือว่าโง่ จากคุณ : Mdiic~* เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:22:58

ความคิดเห็นที่ 6 แจก ipad ก็เล่นกันแต่ facetime สิคร้าบ ใครจะหาว่ามองโลกในแง่ร้ายก็เถอะ หนังสือเรียนปกติมันยังไม่อยากจะอ่านกันเลย แจก ipad ไป มีหรือจะอ่านกัน จากคุณ : oppertunity เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:23:35

ความคิดเห็นที่ 7 แค่ความคิดของคนที่ฝากความหวังไว้กับเทคโนโลยีมากกว่าคน จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:24:32

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าใช้ให้เป็น แจกกระดาษกับดินสอมากขึ้น ก้ทำให้บางคนฉลาดขึ้นได้ครับ ไม่ว่าจะจดหรือวาดภาพ หรือคำนวน ของแบบนี้อยู่ที่คน จากคุณ : xnone เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:35:23

ความคิดเห็นที่ 9 3G ยังไม่มีใช้จะแจกทำไมครับ ใช้ประโยชน์ได้แค่ครึ่งๆกลางๆเท่านั้นละ จากคุณ : xhai เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:35:56

ความคิดเห็นที่ 10 ผมอ่านการ์ตูนจาก ipad นานๆ ปวดหัว เวียนหัว  ไม่ไหวเลย จากคุณ : installation เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:38:05

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าคนคิดแบบนี้ได้ คงโง่พอสมควร ไม่รู้ใครเป็นคนคิดแนวคิดแบบนี้ จากคุณ : King Bamboo เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:44:40

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนคอมพิวเตอร์เข้ามาใหม่ๆ คนที่ใช้ไม่เป็นยังต้องพยายามเรียนรู้จนใช้เป็น พอมายุคอินเตอร์เน็ตมันก็ต้องเอาความรู้จากคอมพิวเตอร์มาต่อยอดจนตอนนี้มากลายเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงาน ipad มันก็คล้ายๆ กัน อนาคตมันก็ต้องต่อยอด จนกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันและการทำงาน แล้วคุณจะไปสร้างข้ออ้างเรื่องแชตเพื่อไม่ให้เด็กเข้าถึง ipad อีกหรือ เทคโนโลยีมันมีทั้งดีและไม่ดีแต่สุดท้ายยังไงมันก็จำเป็นต้องเรียนรู้ อีกอย่างมันไม่ได้ใช้แค่อ่านหนังสือ จากคุณ : mynameism เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:48:36

ความคิดเห็นที่ 13 "...อินเตอร์เน็ตความรู้มีเป็นกิโล นั่งดูแต่รูปโป๊ ขอให้ยกมือขึ้น..." จากคุณ : ลูกกระจ๊อกของโฮกุโตะ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:54:58

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าจะอ่านหนังสือ Kindle ถูกกว่า ประหยัดกว่า ใช้ได้นานกว่า จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 23:58:57

ความคิดเห็นที่ 15 ต่อให้เป็นหนังสือฉบับ PDF file หรือหนังสือเล่มโต แต่ถ้าหยิบไอแพดมาแล้วไม่เปิดดูเลย... มันก็เท่านั้นแหละครับ มันแทบจะคนละประเด็นเลยด้วยซ้ำ...  "ความสะดวกสบาย มันเกี่ยวอะไรกับ ความฉลาด??" จากคุณ : AjuntaPall เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 00:05:30

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้ามองว่าเป็นการหยิบยื่นโอกาสให้จะดีกว่ามั้ยครับ เพราะเรื่องฉลาาด จริง ๆ มันก็อยู่ที่ตัวบุคคลด้วยส่วนหนึ่ง นัย ๆ ว่า จากการศึกษาในปัจจุบัน สอนให้เด็กท่องจำ จบออกมาส่วนมาก (สมมุติ) เลยไม่ฉลาด กลายเป็นเราไม่สมควรให้การศึกษา เพราะมีไป มันก็ไม่ฉลาดขึ้น... ในทางกลับกัน เด็กที่จะหาโอกาสในการพัฒนาตัวเองจากอุปกรณ์ทางด้าน IT ก็มีอยู่จำนวนนึง ถึงแม้ว่าจำนวนที่ว่าจะไม่มากเท่าเด็กเอามาเล่นแต่เกมก็เถอะ แต่การเปิดโอกาสมันมี่ามหาศาลกับคนที่รอคอย ผมเทียบเอาจากประสบการณ์ตัวเอง ถ้าผมมีโอกาสเข้าถึง IT เร็วกว่านี้ ณ เวลานี้ ผมคงไปได้ไหลว่าที่เป็นอยู่ แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่อง การจัดสรรงบประมาณ หรือความเหมาะสมทางด้านวันเวลาและความจำเป็น ก็ว่ากันอีกเรื่องนะครับ จากคุณ : SuperTee (itCrazy) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 00:06:15

ความคิดเห็นที่ 17 โครงการเค้าหมายถึงอย่างงี้หรือเปล่าครับ http://www.geek.com/articles/gadgets/india-create-a-30-tablet-pc-for-students-20100723/ จากคุณ : Desperado Dejavu เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 01:08:31

ความคิดเห็นที่ 18 อยากได้นะ555+ จริงๆมันไม่จำเป็นเลยครับ แต่นักบินก็ใช้ipadประกรอบกับอุปกรณ์การบินได้ อุปกรณ์การเดินเรือก็ได้สุดยอดสุดๆนะครับ ต่อกับAISบนเรือ ใช้แทนmonitor Radar ARPA ECDIS ตรวจวัดมาตราน้ำ ทำดาราศาสตร์ เปิดreference book rule regulationต่างๆ เยอะแยะมากมาย ทางทหารใช้ได้หรือป่าวไม่รู้นะครับ ทุกวันนี้ผมก็เหมือนเรียนทางคอมพิวเตอร์แล้วครับจะว่าเป็นความผิดของระบบการศึกษาไทยหรือไม่ ไม่ทราบจริงๆ แต่หนังสือของผมทุกเล่มที่เรียนมาไม่มีภาษาไทยสักเล่ม ถ้าไม่บอกทางบริษัท ให้ชื้อจากอินเดีย สิงคโปร์ผมก็ต้องเก็บ soft copyมาอ่านในคอมในโทรศัพท์ เวลาจะฝึกเพิ่มเติมก็เปิด computer base training ถามคนที่เรียนสาขาเฉพาะขั้นสูงๆ ทุกคนนะครับ หนังสืออุปกรณ์ช่วยการเรียนคุณมีภาษาไทยหรอ การศึกษจะมีผลดีต้องมี1.ผู้เรียนดี 2.อุปกรณ์ในการเรียนดี 3.อาจารย์ดี มันก็แค่อุปกรณ์ช่วยอันหนึ่งที่ทำให้ทุกอย่างมันง่าย และก็ไม่ผิดหรอกที่คุณจะใช้กัน เขาดูกันที่ผลลัพครับ แต่ทุกอย่างมันก็สร้างขึ้นจากทฤษฏีพื้นฐานที่หาอ่านได้หนังสือละครับ ถ้าสาขาการเรียนคุณอุปกรณ์อื่นมันเข้าถึงง่ายราคาถูกก็อย่าดั้นด้นไปหามาเลยครับ เอาที่มันราคาถูกเข้าถึงง่ายไปก่อน มาให้เด็กป.1 มัธยมถือipadไปเรียนนะ มันไม่สมกับหรอกครับผมไม่สนับสนุน คนที่ใช้แล้วได้ประโยชน์มีเยอะแยะไปครับ ไม่งั้นก็ขายม่ออกล้มละลายไปแล้ว แต่จะไปเห่อตามเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวก็คิดดูดีๆนะครับ หมื่นหนึ่งไปลงทุนสร้างความรู้ ได้เท่าไหร่ แล้วที่คุณจะได้จากipadเท่าไหร่ จากคุณ : Gecko_navigate เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 01:22:39

ความคิดเห็นที่ 19 แพ้แล้วซิท่า!!!!! จากคุณ : Dinsosamsi เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 01:28:39

ความคิดเห็นที่ 20 แหมมันต้องเป็นแบบนี้ซิ่ สิงคโปร์โชว์ไฮเทค แจกไอแพด2 ให้ทหารเกณฑ์ซ้อมรบ กลาโหมสิงคโปร์ไอเดียล้ำเกินใคร แจกไอแพด2 ทหารเกณฑ์ใช้ซ้อมรบ 8 พันเครื่อง นอกเหนือจากอาวุธปืนและระเบิดมือ ใช้ในภารกิจฝึกซ้อมและปฏิบัติการภาคสนาม สื่อดัง เผยทหารลอดช่องใช้ไอแพด2ถ่ายทอดสดการรบแบบออนไลน์... สำนัก ข่าวต่างประเทศ รายงานว่าทหารเกณฑ์ชุดใหม่ของสิงคโปร์ที่จะเกณฑ์รับใช้ชาติรุ่นต่อไป จะได้ รับอุปกรณ์ใหม่ใช้ในภารกิจฝึกซ้อมและปฏิบัติการภาคสนาม เป็นแท็บเล็ตพีซีแบบหน้าจอสัมผัสอย่าง “ไอแพด2” นอกเหนือจากอาวุธปืนและระเบิดมือ โดยเรื่องนี้ กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ แถลงเมื่อ 27 มิ.ย.ว่า จะมีการแจกจ่าย “ไอแพด2” ที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วในหมู่วัยรุ่นที่มีราคาขายปลีกในสิงคโปร์เครื่อง ละประมาณ 16,700 บาท จำนวน 8,000 เครื่อง ให้กับเหล่าทหารชุดใหม่ที่มีกำหนดเกณฑ์เข้ามานับจากเดือนพ.ย.เป็นต้น ไปและในปีหน้ายังมีแผนแจกทหารกองอื่นๆด้วย นีโอ เกียน ฮอง รมว.กลาโหมของสิงคโปร์ เผยว่าการปรับใช้ไอแพดจะช่วยกองทัพใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านเทคโนโลยี ของคนรุ่นใหม่ ด้านนสพ.เดอะ สเตรทส์ ไทม์ส รายงานว่าทหารสามารถใช้กล้องดิจิตอลของไอแพด ถ่ายภาพหรือวีดิโอ บันทึกภาพภาคสนามก่อนส่ง หรืออัพโหลดเข้าระบบออนไลน์กองทัพ หรือใช้ภาพประเมินผลหลังปฏิบัติภารกิจ และยังติดต่อฝ่ายบังคับบัญชาผ่านระบบข้อความสั้นหรือแม้แต่สนทนาออนไลน์ วัน เดียวกัน โทรทัศน์ช่องเอบีซีของออสเตรเลีย เผยแพร่ภาพวีดิโอที่ได้จากนักข่าวลับชาวเกาหลีเหนือที่เข้าไปลอบถ่ายเก็บ ข้อมูลในเกาหลีเหนือช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่าเกาหลีเหนือกำลังเผชิญภาวะขาดอาหารเลี้ยงกำลังพล ทหารหนุ่มนายหนึ่งบอกว่าในกองของเขามีทหาร 100 นาย แต่ครึ่งหนึ่งในนี้ขาดสารอาหาร โดยยังมีภาพเจ้าหน้าที่สั่งผู้ค้าขายบริจาคข้าวให้กองทัพด้วย และยังมีภาพคนงานง่วนอยู่กับการสร้างทางรถไฟส่วนตัวที่ผู้นำ คิม จอง-อิล สร้างเป็นของขวัญให้คิม จอง-อุน บุตรชายคนเล็กว่าที่ผู้สืบทอดอำนาจคนต่อไป ข่าวไทยรัฐ จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 01:30:35

ความคิดเห็นที่ 21 ตัวคุณจะเป็นยังไงขึ้นอยู๋กับหนังสือที่คุณอ่านและเพื่อนที่คุณคบ ถ้าอ่านแต่หนังสือที่คุณชอบเล่มเดิมๆ ต่อให้มี Internet 3G iPad ชีวิตคุณก็คงไม่เปลี่ยนแปลง... จากคุณ : bakasama เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 01:35:36

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนตัวผมเลยนะ ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับคนที่ไม่มีตังค์ซื้อไอแพด ก็ มักจะไม่มีเงินซื้อคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน คอมพิวเตอร์ที่ ร.ร. ก็มักจะมีน้อยนิด แถมยังต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ ผมมองว่า แท็บเบล็ท ก็เหมือน คอมพิวเตอร์แบบ light-weight ที่ดูแลน้อยลง ค่า maintenance ก็ลดน้อยลง ถามว่าฉลาดขึ้นมั๊ย ผมว่าของแบบนี้มันขึ้นกับคนใช้ และการสอนให้ใช้อย่างน่าสนใจ ถ้าอาจารย์สอนว่า ใช้พิมพ์งานได้ เข้าเวบเล่นเน็ตได้ -> จบเห่ ครับ เด็กก็ไม่เห็นประโยชน์มากไปกว่า เครื่องเล่นเกม เปิดเวบโป๊ แหงแซะ ถ้าอาจารย์กระตุ้นให้น่าสนใจ ให้ลองกล้าทำอะไรบ้าง (ภาษาอังกฤษเรียกว่า encourage)  หาgoogleเพื่อทำความเข้าใจบทเรียนได้  ขายของออนไลน์ได้  เขียนแอพลงมือถือหาตังค์ได้(อาจจะเวอร์ไปนิด แต่เป็นไปได้ในอนาคต) ->  ไปต่อได้ครับ มีลุ้นแน่นอน (แต่ผมก็กลัว mlm นะ 555 "ใช้คอมวันละไม่กี่ชม. รายได้เป็นแสน" เมล์มาชวนทุกวันเลย ) หลายคนบอกว่า เห็นร้านเนตเต็มบ้านเต็มเมือง เด็กโดดเรียน นั่งเล่นเกม แคมฟร็อก เฟซบุ้ค เด็กกลุ่มนั้น ผมว่าต่อให้ไปอยู่ เมกา ญี่ปุ่น มันก็คงไม่ฉลาดไปกว่านี้หรอกครับ เป้าหมายของการศึกษา คงไม่ใช่ บัวเต่า:-) (อาจารย์ผมชอบดุนักเรียนพวกนี้ว่า เต่าเคี้ยวแล้ว ถึงกับต้อง:-)ออกมา) มันคือการเปิดช่องทางใหม่ให้กับเค้าครับ ประเทศเราเราต้องการคนที่หาวิธีให้มันไปเป็นไปได้ คนที่คอยบอกแต่ว่าไม่ได้ๆๆ มีเยอะมากพอแล้ว ถ้าจะมองแต่ด้านลบผมก็ว่า อะไรๆมันก็เลวร้ายทั้งนั้นแหละครับ ต่อให้แจก textbook encyclopedia อุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์ เด็กมันก็เอาไปขายแล้วซื้อตังค์มาเสพยาได้ครับ จากคุณ : BLiNDiNG เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 03:00:43

ความคิดเห็นที่ 23 ความคิดเห็นที่ 20 ...ผมว่าถ้าจะใช้ Tablet ติดกล้อง ออกสนามรบจริงๆ ...ผมว่าเล็กๆอย่าง iphone, ipod Touch หรือใหญ่ขึ้นมานิดอย่าง Android Tablet size เล็ก 7" หรือ SS Galaxy Tab จะเหมาะกว่าเยอะเลย ...เพราะมีขนาดเล็กกระทัดรัด พกใส่กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง ได้ง่าย, รวดเร็ว สามารถใช้งานมือเดียวได้ (ขณะที่อีกมือถืออาวุธ), OS เป็น Android ที่นักพัฒนาเขียน App ใช้งานกับอุปกรณ์ืเสริมพวก USB ได้ง่ายกว่า ...ขณะที่ IPAD มันใหญ่เทอะทะ ดูเก้งก้างสำหรับภาคสนาม ...เอา ipad2 มาใช้ถ่ายรูปเนี่ยนะ !! คิดกันได้ไง กล้องก็ห่วยกว่ามือถือถูกๆ หลายเท่า ...OS ก็เป็นระบบปิด แบตก็เปลี่ยนไม่ได้ ...โดยเฉพาะในการรบจริง ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ความบอบบางและขนาดใหญ่ของมัน จะกลายเป็นตัวถ่วงด้วยซ้ำ ...แต่ถ้าต้องการเพียงเพื่อจะทำ "การตลาด" หรือ "โฆษณาชวนเชื่อ" เสริมภาพลักษณ์ในองค์กร ...IPAD2 เหมาะที่สุดแล้ว ครับ จากคุณ : sungod เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 03:02:00

ความคิดเห็นที่ 24 จริงๆแล้วมีคนที่ใช้ไอทีในการพัฒนากันซักแค่ไหน แค่ใช้ gui เป็น ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าถึงระดับ hardware ได้ ถ้าคุณไม่ได้ใช้ dos หรือ text base os มาก่อน คุณจะรู้อะไรมากกว่า คนที่ใช้งานเครื่อง 8 บิทได้ บางครั้งผมก็สมเพชตัวเองว่าจริงๆกรุไม่ได้เข้าถึงแก่นของมันเล้ย เล่นแต่เกมส์ ดูแต่หนัง ฟังเพลง ใช้แต่ app สำเร็จรูปกันหมด สมองผมกลวงไปหมดเรย เพราะฉะนั้นจะไปอิจฉาทำไม ผมอิจฉาคนที่ใช้จอเขียวแต่เขียนโปรแกรมควบคุมเครื่องจักรได้มากกว่า จากคุณ : kraab เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 03:22:00 A:124.120.18.129 X: TicketID:211923

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่ได้จะต่อต้านอะไรนะ แต่ต้องดูจุดประสงค์ก่อนว่าจะเอามาทำไร เอามาอ่านหนังสือ --> e-book reader เหมาะกว่า เอามาจด lecture พิมพ์รายงาน --> netbook notebook เหมาะกว่า ส่วน ipad ก็มีจุดเด่นของมันตรงจอสัมผัส พกพาสะดวก เอาหน้าจะมาประยุกต์ทำอะไรได้หลายอย่าง จากคุณ : madcatzz เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 04:22:32

ความคิดเห็นที่ 26 e-book ภาษาไทยมีน้อยแทบจะนับได้ ipad มีมาก็เอามาลงแต่ app เกมส์กับท่องเน็ทแค่นั้นแหละครับ จากคุณ : นายขนมหวาน เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 04:27:44

ความคิดเห็นที่ 27 มันเป็นแค่อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ไม่ใช่สิ่งที่เป็น "ปัจจัย" สำหรับการหาความรู้เลยค่ะ ถ้าอยากค้นหาความรู้ เอามาใช้ทำงาน ทำการบ้านจริงๆ สู้เป็นคอมพิวเตอร์ยังได้อะไรเยอะกว่า แต่ถ้าเลือกได้จริงๆ ช่วยเอางบที่จะซื้อแทบเลต ไปสร้างห้องสมุดให้ครอบคลุมทั่วถึง หรือ ไม่ก็สร้างพิพิธภัณฑ์ยังได้ประโยชน์ต่อส่วนรวมมมากกว่าอีกมั้งคะ จากคุณ : SICKHEART เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 04:59:26

ความคิดเห็นที่ 28 เด็กยุคนี้และยุคหน้าจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ถ้ารู้จักแต่สมุดหนังสือคงไม่เพียงพอต่อโลกทุกวันนี้แล้ว จากคุณ : เด็ก ป.6 เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 05:25:37

ความคิดเห็นที่ 29 เปรียบกับสมัยนี้มีใครใช้นาฬิกาแดดอยู่มั่งละ จากคุณ : Ballmakoto2 เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 07:02:05

ความคิดเห็นที่ 30 จะ IPAD หรือหนังสือถ้าอ่านก็จะทำให้ฉลาดขึ้น IPAD แค่ย่อหนังสือทั้งหมดเป็น PDF ไฟล์ ทำให้อ่านสะดวกและพกพาง่ายขึ้นเท่านั้น แถมถ้าสงสัยก็ค้นหาจาก youtube ได้เลย ถ้าตรองผ่านสมองซักนิดนึงก็จะเห็นข้อดี ป.ล บางทีอาจขจัดมาเฟียกระดาษของประเทศไทยไปได้เลยนะเนี่ย จากคุณ : devil amature2 เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 07:37:06 A:182.255.9.34 X: TicketID:321081

ความคิดเห็นที่ 31 ผมสนับสนุนให้เรียนรู้จากงานจริงเรียนรู้นอก ห้องเรียนครับเพื่อให้มั่นใจใด้ว่าเค้าเข้าไจเรื่องนั้นๆ จริง เคยเห็นเค้าธํากับธําเองมันต่างกันครับ จากคุณ : มุดสลัม sillyfoo เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 07:45:00 A:110.169.82.50 X: TicketID:267004

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องนี้ถ้าทำให้ดี ผมว่ามีประโยชน์นะ ส่วน content ไม่ห่วง ถ้าทำจริงจัง ก็ต้องมีชุดการเรียนในแต่ละเรื่อง หรือมีคนทำออกมาขาย มันเป็นสื่อการเรียนเสริมใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ตัวหนังสืออย่างเดียว แต่สามารถใส่ รูป เสียง ภาพเคลื่อนไหว หรือการโต้ตอบ ที่ดีกว่า สื่อการเรียนแบบเดิมๆ   ถ้าเป็นเด็ก ผมว่า น่าสนุกดีนะ เรื่องยากๆ อาจจะเป็นเรื่องที่เด็กเข้าใจได้ง่าย สนุกกับการเรียน สมมติ เรียนเรื่องสุริยุปราคา การระเบิดภูเขาไฟ โครงสร้างทางเคมีของธาตุ เรียนดนตรีก็กดฟัง  ฯลฯ ดีกว่าหนังสือเดิมๆ แน่นอน อยากให้มองว่า เป็นอีกขั้นในการพัฒนาการศึกษา จากคุณ : บางนรา เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 07:46:26

ความคิดเห็นที่ 33 Kindle อ่านหนังสือแล้วสะดวกขึ้นมาก เพราะคำไหนไม่เข้าใจก็เปิดดิก หรือ search คำนั้นใน google หรือ wikipedia ได้เลย แค่เลื่อนเคอร์เซอร์ไปชี้ที่คำั้นั้น iPad ก็คงเป็นไปในทำนองเดียวกันค่ะ จากคุณ : Namby-Pamby เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 07:55:11

ความคิดเห็นที่ 34 คนที่คิดนโยบายนี้มีความคิดที่เคารพประชาชน เห็นว่าประชาชนมีความคิดที่ดีมีความสามารถจึงให้เครื่องมือไปช่วยต่อยอดความคิด แต่คนที่เห็นว่าเอา tablet ไปแล้วเล่นแต่บันเทิง คือคนที่กำลังดูถูกประชาชนว่าโง่ดักดาน แจก tablet มันมีทั้งข้อดีข้อเสีย ขึ้นอยู่กับการจัดการ ไม่ใช่ว่าแจกแล้วแจกเลย แจกแล้วต้องต่อยอดการใช้งานให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีประโยชน์ จากคุณ : Ni-MH เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 07:58:12

ความคิดเห็นที่ 35 คนที่คิดเขาคงมองว่า 1 เด็กไม่ต้องหิ้วกระเป๋าหนักๆ ไปโรงแเรียน พกแค่ tablet ใช้ได้ทุกงาน 2 เด็กสามารถใช้เขียนการบ้านส่งครูได้ ไม่ต้องกลัวว่าอนาคตเ็ด็กจะเขียนหนังสือไม่เป็น ต้องใช้แต่แป้นพิมพ์ 3 หนังสือมีราคาแพงต้องเปลี่ยนทุกปี โดยเฉพาะเล่มที่ต้องเขียนแบบฝึกหัดส่ง ใช้ tablet อันเดียวใช้ได้ตั้่งแต่           ป1 จนจบมหาวิทยาลัย 4 สื่อการสอนทำให้เป็น video หรือมีเสียงประกอบได้ การเรียนรู้ที่ดีต้องมีการใส่องค์ประกอบในการกระตุ้นประสาทมากกว่า 1 ทางครับ จะได้ทั้งสมาธิและความจำ (ความเข้าใจอยู่ที่คนสอน) 5 ลดค่าอุปกรณ์เครื่องเขียน เช่น สี สมุด ดินสอ ปากกาไปได้ครับ 6 กลัวเด็กไปเล่นเกม ก็ใช้อันอื่นที่ไม่ใช่ ipad ก็ได้ครับ พวก e-reader ปิด wifi ไป ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงเด็กต่างจังหวัดที่ไม่มีเงินซื้อหนังสือกันด้วยครับ อุปกรณ์นี้ถ้าให้ยืมใช้ไปเรื่อยๆ น่าจะช่วยพวกเขาได้มาก เรื่องค่าหนังสือและสมุด และเครื่องเขียน จากคุณ : ผ่านมาเห็น เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 08:21:58

ความคิดเห็นที่ 36 . . อยู่ที่คนใช้ค่ะ...แต่โดยส่วนตัวชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มเล่มมากกว่า ชอบเสน่ห์ของหนังสือ กลิ่นหนังสือ รูปแบบหนังสือ จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 08:41:45

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นแต่เล่นเกม จากคุณ : Napoleonic เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 08:45:37

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าราคาเครื่องมันเกินพันนึง ก็ไม่น่าเอามาแจกแล้วละ มีใครที่ฉลาดๆซื้อของมูลค่ามากๆ ให้เด็กประถมดูแลบ้าง จากคุณ : master foo bar เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 08:52:10

ความคิดเห็นที่ 39 มีแล้วไม่อ่านก็ไร้ค่าเหมือนเดิม - -" จากคุณ : Houdini เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 08:53:47

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านจากหนังสือมันได้สมาธิมากกว่านะ เรารู้สึกอย่างนั้น จากคุณ : สดใสซาบซ่า เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 09:06:56

ความคิดเห็นที่ 41 แค่หามาตรการหาเสียงล่ะ ไม่เกี่ยวหรอก จากคุณ : เด็กฉลาด ชาติเจริญ ??? เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 09:08:33 A:124.121.173.89 X: TicketID:320015

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้ารู้จักใช้ก็เรียกว่าฉลาดแล้วค่ะ เมื่อรู้จักใช้ ไม่ว่าจะ ipad หรือ หนังสือ ในทางที่มีประโยชน์ของมัน ipad มีประโยชน์ยังไง หนังสือมีประโยชน์ยังไง ก็ใช้ให้ถูกประโยชน์ บางอย่างมันทดแทนกันไม่ไ่ด้ บางอย่างจำเป็นบางอย่างไม่จำเป็น ไม่ใช่เอา ipad ไปเปิดนั่งเล่นในโรงหนัง ให้แสงแยงตาคนอื่น อย่างนั้นนอกจากไม่เกิดประโยชน์ ยังสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เผลอๆอาจได้ของแถมเป็น รองเท้า อีกด้วย จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 09:21:31

ความคิดเห็นที่ 43 คนที่เคยอ่าหนังสือ ก็จะชินกับการอ่านหนังสือ แต่ผมว่า ความรู้ในกูเกิ้ลตอนนี้ มีบทบาทมากกว่าหนังสือแล้วครับ สมมติอยู่มหาวิทยาลัย เรียน เคมี แล้วอยากรู้ว่า ทำไมวงแหวนเบนซินถึงต้องเป็นหกเหลี่ยม กว่าจะเดินไปหาหนังสือเจอ มันจะเสียเวลาซักแค่ไหน พอเจอหนังสือยังต้องหาหน้าที่เขียนไว้ให้เจออีก ถ้าพิมพ์ลงคอมหาในกูเกิ้ล แป๊บเดียวเจอ ยังไงยังไงก็เร็วกว่า เสียเวลาน้อยกว่า ได้ความรู้เท่ากัน ดีไม่ดีเจอหน้าที่เป็นแอนิเมชั่นอีก ได้ความรู้มากกว่าเลย อีกอย่าง ค่าหนังสือเล่มนึงเป็นร้อย ถ้าหาอ่านในเน็ต ที่เขาสรุปเนื้อหา ทฤษฏีจากหนังสือมา ก็อ่านได้ฟรี ได้รู้ทฤษฏีฟรีๆไม่ต้องเสียตังค์ โดยเฉพาะเรื่องหนังสือเรียน ถ้ามาแบบนี้จะสามารถลดค่าหนังสือเรียนได้มากมาย และประหยัดกระดาษที่จะต้องใช้ในการพิมพ์ได้เยอะด้วย ผมคิดว่า ไม่ต้องเป็นของแพงๆ อย่างไอแพดก็ได้ครับ ถ้าเป็นของอินเดีย แต่ทนทานใช้ได้นาน ตัดออปชันที่ไม่จำเป็นออกไป แล้วสั่งทีละเยอะๆ น่าจะได้ในราคาไม่ถึงพันบาท ใช้ได้ปีเดียวก็คุ้มแล้ว ถ้าใช้ได้ซัก 5 ปีก็แจ่มเลย แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 54 09:22:44 จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 09:21:36

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่กลัวโดนขโมย ไม่กลัวหาย ไม่กลัวโจรปล้นเด็กบ้างหรือไงครับ ให้เด็กถือของราคาเป็นหมื่นติดตัวไปไหนมาไหน เป็นการขายเด็กทางอ้อมเปล่าๆ สมัยผมเด็กๆ เห็นแค่เด็กคนหนึ่งมีเกมบอย อยู่ดีๆ โดนเพื่อนเกเรตบเอาไปเฉยเลย หรือไม่ก็ของหายในห้องเป็นประจำ จากคุณ : durasail เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 09:43:21 A:58.181.157.122 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 45 บางคนคิดว่าจะใช้แทนหนังสือจนเรียนจบมหาวิทยาลัย(หรือสายอาชีพ) มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ สำหรับของเทคโนโลยี ไม่คิดเผื่อว่า มันจะเสีย มันจะหาย ผ่านไปปี 2ปี มันก็ตกรุ่นแล้ว แล้วก็อยากได้ของใหม่กัน ขนาดมือถือมีใครใช้เครื่องเดิมเกิน 5 ปีมั้ง ยังไม่ค่อยจะมี ส่วนใหญ่พวกนี้เป็นแค่สินทรัพย์เสื่อมราคาครับ ยิ่งนานไปยิ่งถูกลง จากคุณ : durasail เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 09:48:55 A:58.181.157.122 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 46 ไร้สาระครับ ไอแพดไม่ใช่ของจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันมากกว่าคอมพิวเตอร์(เพราะมันก็แค่ E-Book และอินเตอร์เนทเหมือนๆกัน) ที่สำคัญมันไม่ได้ใช้ยากกว่าคอมพิวเตอร์ อย่าอ้างว่าต้องเรียนรู้เทคโนโลยีเลย แทนที่จะเอาเงินไปถมที่เทคโนโลยี ผมว่าเอาไปสร้าง"กิจกรรมชุมชน"ให้เด็กๆได้ออกไปเรียนรู้นอกห้องเรียน สัมผัสโลกภายนอกที่ไม่มีในตำรา รู้จักความเป็นจริงที่ไม่อยู่ในตัวอักษรจะดีกว่า จากคุณ : YF-01 เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 11:03:54

ความคิดเห็นที่ 47 กลัวมันจะกลายเป็นว่า เด็กไม่สนใจสิ่งรอบข้างอะดิ จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 11:35:49

ความคิดเห็นที่ 48 มันคงไม่เห็นผลปุบปับหรอก แต่มันก็เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสื่อความรู้ ได้ง่ายขึ้นกว่าหนังสือเป็นเล่มๆจริงๆ เพราะ ebook หรือแม้่แต่ google ทำให้การสืบค้นข้อมูลง่ายขึ้นกว่าไปนั่งเปิดสารบัญเยอะครับ ทุกวันนี้เวลาผมหาข้อมูลทำงานจริง ก็หาจากเนทกับ ebook นี่แหละ หนังสือhandbook เป็นเล่มๆมีไว้ตั้งโชว์ แต่เวลาอ่าน search ข้อมูลจาก ebook เล่มเดียวกัน เร็วกว่าเยอะครับ แปลไม่ออก copy ใส่โปรแกรม dictionary ทันทีได้อีก ชีิวิตคุณง่ายขึ้นเยอะ ส่วนเทคโนโลยียังไม่ทนหรือไม่คุ้นเคย มันก็พัฒนาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้มีใครยอมเสียเวลาไปล้างฟิล์มบ้างไหม? ขนาดช่างภาพมืออาชีพ นักข่าวยังใช้กล้อง DSLR กันหมดแล้วเลย ยกเว้นศิลปินที่เน้นความ ART ถึงจะยังใช้กล้องฟิล์มอยู่ อะไรที่มันไม่คุ้นเคย ถ้าให้เวลากับมัน ก็จะชินไปเองนั่นแหละครับ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 11:39:11

ความคิดเห็นที่ 49 เชื่อไหมว่าในอนาคตสักวันมันต้องเป็นส่วนหนึ่งนชีวิตประจำวันเหมือนกับคอมพิวเตอร์นั่นแหละ มันเหมือนผลักให้ใช้ได้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง จากคุณ : TE เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 11:43:39 A:119.42.102.198 X: TicketID:235955

ความคิดเห็นที่ 50 คำว่าฉลาด   นาย A  มีเบ็ดหาปลา นาย B ไม่ มีเบ็ดหาปลา ถามว่า  ใครมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ในการจับปลา นาย A เป็นคนฉลาดหรือไม่  ก็ไม่แน่   แต่นาย A จะรู้หรือไม่ว่าเบ็ดนั่นใช้หาปลา   ...แต่ที่แน่ๆ  นาย B รู้ว่าเบ็ดนั่นสามารถทำให้เขาจับปลาได้เยอะ     นาย B อยากได้เบ็ดของนาย A เพื่อนำมาจับปลา   ...แต่นาย A  ไม่รู้ว่าอุปกรณ์นั่นใช้หาปลา   นาย A เอาไปทำเป็นไม้จิ้มฟันซะงั้น สรุป  ฉลาดหรือไม่ฉลาด สาเหตุไม่ได้อยู่ที่ตัวเบ็ด    .. จากคุณ : ดอกไม้ในหมู่ดง (Zaytsev) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 12:49:46

ความคิดเห็นที่ 51 ผมมองเป้นเหมือนสะพานมากกว่าที่จะเป็นเป้าหมาย วิธีการหาเสียงของพรรค ก็มองใกล้เคียงกันแบบนั้น แต่ยังทำให้ IPAD มีความเห็นเป้าหมายมากเกินไป และ !!! มันยังมีจุดบกพร่องคือ Content ที่ไม่เห็นมีกล่าวถึง เอา iPAD มาเป็นเครื่องมาเป็นเครื่องมือในการจัดการเชิงนโยบาย ถ้าไม่ได้พูดถึง Content ด้วยเนี่ย ผมว่ามันเป็นการทำอะไรเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ นะครับ จากคุณ : Capo เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 12:57:42

ความคิดเห็นที่ 52 อย่างน้อยๆ เลยก็ต้องเด็กชั้นมัธยมขึ้นไป ถ้าเด็กประถม ไม่จำเป็นความรับผิดชอบยังไม่พอ จากคุณ : puylogin เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 13:15:45

ความคิดเห็นที่ 53 ประเดนมันเปิดเกินไป ข้อดี5ข้อ ข้อเสีย5ข้อ ใช้ไม่เป็น ก็รับแต่ข้อเสียไป5ข้อ ใช้ให้เป็น ก็หาทางเปิดข้อดี5ข้อไว้ กำจัด ดัก กัก ข้อเสียอีก5ข้อไว้ บางคนใช้กระดานชนวน อาจจะทำได้ดีกว่า หลายๆคนใช้ ipad จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 13:59:43

ความคิดเห็นที่ 54 ข้อดีมันมีอยู่แล้วหล่ะครับ อ้างคำกล่าว "บางคนใช้กระดานชนวน อาจจะทำได้ดีกว่า หลายๆคนใช้ ipad" ถ้าอย่างนั้น.. -ผมจะต้องไปหาเงินมาซื้อกระดานชนวนวิชาภาษาไทยมาอันนึง -ผมจะต้องไปหาเงินมาซื้อกระดานชนวนวิชาอังกฤษมาอันนึง -ผมจะต้องไปหาเงินมาซื้อกระดานชนวนวิชาคณิตศาสตร์มาอันนึง -ฯลฯ -ผมจะต้องไปหาเงินมาซื้อ Liquid  ยางลบ ดินสอ  ปากกา ไม้บรรทัด  สี  ดินสอ  เป็นชุดๆ เลย  กระดาษปอนด์ไว้วาดภาพวิชาศิลปะ  แบกเต็มบ่า -ทุกๆวันผมจะต้องมาจัดตารางเรียน เข้ากระเป๋าวันละ 3 กิโล แบกไปโรงเรียน -ผมจะต้องไปหาเงินเครื่องเล่นบันทึกกรณีที่ผมอยากจะบันทึกเสียงบรรยายหน้าห้องด้วยนะ -และทุกๆ เปิดเทอมผมจะต้องพาผู้ปกครองไปซื้อตำราเรียนเล่มหนาๆ  สำนักพิมพ์คุ้นเคย  แต่ข้างในมีแต่ Text   4 สีทั้งเล่มไม่มีแน่นอน   ..ผมอยากมีตำราแบบ Interactive โต้ตอบกับผมได้ด้วยอ่ะ  ไม่มีเลย กระดานชนวน -ผมอยากจะให้กระดานชนวนของและเพื่อนๆของผมนับร้อยกระดาน  ไปโชว์ที่หน้าจอกระดานชนวนของคุณครูจัง  คุณครูจะได้ไว้ดูพวกเด็กเกเรหลังห้องไม่ชอบตั้งใจเรียน   เห้อ  กระดานชนวนในยุคดิจิตอล  ปัญหาทั้งหมดมันตอบโจทย์ได้หมดเลยครับบ...   รึใครจะเถียง ?!! แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 54 15:33:08 จากคุณ : ดอกไม้ในหมู่ดง (Zaytsev) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 14:22:48

ความคิดเห็นที่ 55 พูดตามตรงผมสนับสนุนความคิดนี้นะ แต่ผมไม่สนับสนุน Ipad - ถ้าจะเอาเอาเป็น e-book Reader ดีกว่า (ถูก เบา ประหยัดพลังงาน) หรือถ้าอยากได้จอสีผมว่าพวกที่เป็น Android จะดีกว่า Ipad เพราะความเปิดของ OS - การใช้อุปกรณ์ประเภทนี้เราสามารถลดน้ำหนักของหนังสือที่เด็กต้องถือลงไปได้อย่างมหาศาล ตอนเด็กๆต้องแบกกระเป๋ากันหลังแอ่น พวกที่ฉลาดหน่อยก็ตัดแบ่งหนังสือเป็นบทๆถือไปเรียนทีละบท - ประหยัดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์และกระจายหนังสือ โรงเรียนอาจจะซื้อ License สำหรับการเข้าถึงหนังสือแล้วให้นักเรียนโหลดมาเรียนเอง แบบเดียวกับที่มหาวิทยาลัย Subscribe พวกแหล่ง Paper ต่างๆ แน่นอนว่ามันต้องมีผลกระทบต่อสำนักพิมพ์และโรงพิมพ์มาก(ซึ่งน่าจะได้รับการต่อต้านอย่างสูงจากสำนักพิมพ์ที่ผลิตตำราเรียน) แต่ผลที่ได้รับมันน่าจะมากกว่า - ความรวดเร็วในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล แน่นอนว่ามันย่อมเร็วกว่าปัจจุบันหลายเท่าถ้าเราทำให้แบบเรียนเป็นอิเลกโทรนิกส์แล้ว เราก็ต้องพัฒนา Infrastructure เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 14:39:31

ความคิดเห็นที่ 56 สำหรับคนที่คิดว่ามันจะปวดตา ลองมองหาพวก E-book Reader ที่ใช้ E-ink Technology ดูครับ อ่านง่านสบายตาเหมือนอ่านจากกระดาษเลยทีเดียว จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 14:40:28

ความคิดเห็นที่ 57 กระดานชนวนทำสื่อแบบ อินเตอร์แอคทีฟไม่ได้นะครับ หรือจะบอกว่าให้ไปวาดรูปใส่สมุดแล้วบิดให้มันเปิดเร็วๆ ให้ดูว่าเหมือนเคลื่อนไหว เด็ก ป. 1 จะเอา content แบบไหนละครับ ถ้ามี demand เดี๋ยวก้มี supply บริษัทไอทีเตรียมรออยู่เยอะแยะ ถ้าเป็นพวกหนังสือนี่ไม่ต้องห่วง ต้นฉบับเป็น electronic ทั้งนั้นครับ ปล. ช่วยกันอัดนะครับข้อดีข้อเสีย เวลาเค้าทำจริงๆ จะไม่ได้ไม่ต้องไปเถียงกันให้เสียเวลามาก จากคุณ : เมาหมัด เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 14:45:15 A:124.120.67.106 X: TicketID:322411

ความคิดเห็นที่ 58 แบตหมด ก็จบ................จะหาปลั๊กที่ไหนเสียบชาร์จไฟ ? จากคุณ : ฟหกด 2 เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 14:47:34 A:180.183.228.231 X: TicketID:318712

ความคิดเห็นที่ 59 ipad เป็นเครื่องมือสร้างการเรียรู้... ไม่ใช่เครื่องมือเรียนรู้าสำเร็จรูป จากคุณ : ปีศาจตาเดียว เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 14:56:57

ความคิดเห็นที่ 60 ขณะที่หลายๆคนใช้ ipad เพื่อเข้ามาทะเลาะกันในโลกออนไลน์ มีบางคนใช้กระดานชนวนสร้างประเทศมาแล้ว ไปจับอะไรมาเป็นประเดนหละเนี่ย ที่เขียนอยู่9บรรทัด ไม่สนใจ เอาแต่อีกบรรทัดมาขยายเป็น20บรรทัด คุยด้วยแล้วเหนื่อยใจ จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 15:33:36

ความคิดเห็นที่ 61 ขณะที่หลายๆคนใช้ ipad เพื่อเข้ามาทะเลาะกันในโลกออนไลน์ มีบางคนใช้กระดานชนวนสร้างประเทศมาแล้ว ไปจับอะไรมาเป็นประเดนหละเนี่ย ที่เขียนอยู่9บรรทัด ไม่สนใจ เอาแต่อีกบรรทัดมาขยายเป็น20บรรทัด คุยด้วยแล้วเหนื่อยใจ สงสัยใช้กฎ 10/90 อยู่ อย่าสนใจ 90 แล้วเอา10แยกความจาก90 มาขยายเป็นข้อบกพร่องอีก9เท่า จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 15:35:35

ความคิดเห็นที่ 62 แค่คิดแบบนี้ ก็เริ่มโง่ละครับ จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 16:05:08

ความคิดเห็นที่ 63 ใครกลัวเด็กใช้ไม่เป็นไม่ต้องห่วงครับ เด็กสมัยนี้ได้จับคอมตั้งแต่อนุบาลแล้ว สิ่งสำคัญคือตัวครูเองนั่นแหละที่ต้องเรียนรู้เทคโนโลยีให้่เท่าทัน และฝ่ายผลิต content ต้องรีบผลิตมารับรองให้เพียงพอ ส่วนประเด็นเด็กจะไปใช้ในทางดีหรือไม่ดี อันนี้คงขึ้นกับการสั่งสอนตัวเิด็ก เพราะ tablet เป็นแ่ค่เครื่องมือ ไม่ใช่ของวิเศษครับ เหมือนให้ปากกาเด็ก ถ้าเด็กขยัน เอาไปจดความรู้ เด็กเกเรก็เอาไปแทงเพื่อนต่างอาวุธนั่นแหละ แต่ถามว่าปากกามีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากันล่ะ? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 16:06:31

ความคิดเห็นที่ 64 ปัจจุบันใช้คอมพิวเตอร์กัน เด็กส่วนมากก็ถนัด copy & paste มากกว่าการอ่านเนื้อนหาและคิดวิเคราะห์ข้อมูลอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องการเขียนนี่แทบจะลืมกันไปเลย คนรุ่นใหม่สะกดคำไม่ถูก เพราะถนัดแต่อ่านจับใจความจากหน้าจอ พอรู้ว่าเป็นเรื่องที่สนใจก็ copy นำไป paste และก็สั่ง print ทุกอย่างมันมีสองด้าน ประโยชน์ก็ย่อมมีมากมายมหาศาล ความรวดเร็ว ความสะดวก แหล่งข้อมูลที่มีมากมาย ลดเวลาในการทำงานลง มีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น เช่น การแชท การเล่นเกมส์ ปัจจุบันนี้คอมพิวเตอร์ก็มีกันแทบทุกบ้าน มีให้เด็กใช้ทุก รร เท่าที่ได้พูดคุยกับผู้ปกครองที่ซื้อคอมพ์ และต่ออินเตอร์เนตให้ลูกใช้ ก็ซื้อให้เพราะหวังว่าลูก ๆ จะใช้เพื่อการศึกษ แต่พอได้มาหน้าที่หลักของมันคือการใช้เล่นเกมส์ การแชทกับเพื่อน การทำงานเพื่อการศึกษาถือว่าเป็นผลพลอยได้ สำหรับเด็ก ๆ วัยเรียน คนที่ใช้มันสำหรับการทำงานจริง ๆ จัง ๆ ก็พวกคนในวัยทำงาน ถ้าจะแจกจริง ๆ ก็คงเป็นเรื่องใหญ่ล่ะค่ะ คุณครูทั้งหลายพร้อมรึยัง (เอาทั้งประเทศนะคะ) มีระบบแผนการสอนที่จะใช้สอนด้วย iPad กันไหม .....ฯลฯ จากคุณ : Kuruko เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 16:23:38

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่รู้ใช้อะไรคิด  เอางบประมาณมาจ้างครูดีๆได้ไม่รู้ตั้งกี่คน จากคุณ : Kay (จริงด้วย) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 16:30:05

ความคิดเห็นที่ 67 ipad เนี้ยนะของเทพ พูดยังกะสาวกของแอปเปิ้ล เอาจริงๆ คอมยังมีประโยชน์มากกว่าเลย ต้องมีเนตอีก 3G ไวไฟ -.- ค่าโทรศัทพ์เดือนเท่าไร มันยังเป็นแค่ของเล่นนะผมว่า ถ้าใช้ประโยชน์จริงๆๆต้องโตระดับหนึ่งแล้ว อย่างมหาลัย หรือ มัธยมว่าไปอย่าง ฺเหมือน BB คนเมกาใช้รับส่งเมลล์ คนไทยเอามา Chat -.- แล้วข้อมูลส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษน้อยมากที่เป็น ภาษาไทย คนบางคนในห้องนี้ ชอบเอาการบ้านมาถาม แทนที่จะพยายามคิดเอง คนซื้อ Ipad มาก็เอามาแค่ดูหนัง อ่านการ์ตูน เล่นเกม ถ้าเป็นของส่วนตัวนะ จากคุณ : taecu เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 16:35:39

ความคิดเห็นที่ 68 จริงๆในนโยบาย เขาก็ไมไ่ด้บอกว่าเอา ipad นะ น่าจะเป็น android tablet มากกว่า ของจีนราคาสองสามพัน หรือแม้แต่ของอินเดีย ราคาแค่พันเดียวก็ยังทำได้ เทคโนโลยีถูกลงมากแล้ว สั่งที่หลายแสนเครื่อง ราคาก็ถูกลงครึ่งนึงแล้วล่ะ ส่วนประเด็นเด็กเอาไปเล่นอย่างเดียว ก็ต้องถามผู้ปกครองแหละครับว่าสั่งสอนบุตรหลานกันยังไง แต่อย่างที่บอกไป มันสร้างโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ให้เพิ่มมากขึ้นได้ แต่จะไขว่คว้าหรือไม่ ก็ขึ้นกับตัวเด็กและผุ้ปกครองเองนั่นแหละไม่ต้องไปโทษตัวเทคโนโลยีเลยครับ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 19:12:30

ความคิดเห็นที่ 69 ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ครับ... ถ้ามีแล้วไม่อ่านเลย เล่นแต่เกม แอพอื่นๆ ก็นะ... แต่ถ้ามุ่งใช้ประโยชน์จริงๆ ผมว่ามีข้อดีกว่าหนังสือในส่วนที่หนังสือทำไม่ได้ครับ เช่น พวก VDO ประกอบ หรือภาพเคลื่อนไหวอะไรพวกนี้ ที่ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้มากขึ้น จากคุณ : ::humAn_nAture:: เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 19:37:43

ความคิดเห็นที่ 70 จริงๆถ้ามันราคา 2000 - 3000 แล้วใช้ได้สัก 5-6 ปีก็สมเหตุสมผลนะ เพราะหักกลบลบค่าหนังสือในช่วง 6 ปีแล้วมันก็น่าจะได้ประมาณนั้นแหละ อาจจะแพงกว่านิดหน่อยผมยอมรับได้นะ อย่างเช่นรัฐสนับสนุน Tablet ราคาสัก 2000 บาท สั่งทำเองหรือพัฒนาเองจำนวนมาก รุ่นถูก ตัดฟังก์ชั่นเพื่อความบันเทิงออกไปให้เหลือการทำงานขั้นพื้นฐาน ถ้าได้อย่างนี้ผมว่าคุ้ม คุ้มกว่าซื้อหนังสือ อาจจะออกแบบให้สามารถสอบวัดผลผ่านทาง Tablet เลยแล้วหน่วยงานทางราชการสามารถวิเคราะห์ผลได้ทันทีเพื่อดูความสัมฤทธิ์ผลทางการศึกษาฯลฯ เรื่องพวกนี้คนที่คิดไม่ถึงยังไงก็คิดไม่ถึง เหมือนกับสมัยที่รถยนต์เพิ่งออกมาใหม่ๆ คนที่ใช้รถม้าก็พูดคล้ายๆอย่างนี้แหละ หรือตอนที่หลอดไฟเพิ่งออกมาใหม่ๆ คนที่ใช้ตะเกียงก็พูดคล้ายๆกัน คือเขามองไม่ออกว่าของพวกนี้มันมีความเป็นไปได้อะไรบ้างที่นอกเหนือกว่าแบบเดิม จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 20:47:43

ความคิดเห็นที่ 71 ผมมาลองนั่งคิดเล่นๆสัก 20-30 นาที ก็เห็น Application ของระบบนี้หลายอย่างเช่น เราสามารถทำการทดสอบเด็กโดยใช้ข้อสอบมาตรฐานได้ดีขึ้น อย่างเช่นวิชาบางวิชาที่ต้องการข้อสอบมาตรฐาน เราก็สามารถ Upload ข้อสอบไปยังเครื่องของเด็กได้โดยตรงทำให้ลดการรั่วไหลของข้อสอบ และสามารถตรวจคำตอบได้อย่างรวดเร็วและส่งผลคืนไปได้อย่างรวดเร็ว ข้อมูลด้านการศึกษาของเด็กสามารถประมวลผลได้โดยตรง โดยรัฐบาลอาจจะตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประมวลผลโดยเฉพาะ เอาไว้ตรวจสอบว่าอาจารย์สอนได้ เร็ว-ช้า ขนาดไหน เด็กเรียนได้แค่ไหน อาจจะถึงขั้นตรวจได้ว่าเด็กคนไหนมีปัญหาและแนะนำครูผู้สอนได้ทันท่วงทีเลยก็ว่าได้ อาจารย์สามารถเข้าถึง Log ของเครื่องเด็กได้ทำให้สามารถรับรู้ได้ว่าเด็กมีกิจกรรมอะไรบ้าง ซึ่งอาจจะมีประโยชน์ในการปรับการศึกษาให้เข้ากับตัวเด็ก จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 20:56:24

ความคิดเห็นที่ 72 UN เอา OLPC ไปแจกที่ไนจีเรีย ปรากฎกว่าเด็กเอาไปค้นเว็บ porno ซะงั้น จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 21:06:22

ความคิดเห็นที่ 73 ยังย้ำอีกครั้งว่าไร้สาระครับ เอาเทคโนโลยีมาก่อนInfrastructure ถ้าสร้างตามไม่ทันก็ล่ม นอกจากคนตั้งนโยบายจะตั้งใจจริงและได้อยู่ยาวๆ แทปเลทราคา3พัน ถ้าใช้ได้เกิน3ปีนี่ถือว่าโชคดีมากๆ ผู้ใหญ่บางคนยังใช้ไอแพดได้ไม่ถึงปีเลย สมมติแบบเพ้อๆว่าข้างบนที่ว่ามามีครบ ได้แทปเลทเทพราคา3พันที่ทนมือทนเท้าเด็กได้ถึง6ปี มีเนทความเร็วสูงทั่วทุกโรงเรียนในประเทศ แล้วอ.ผู้สอนจะตามทันทุกคนรึเปล่า อ.เก่งๆหลายๆท่านไม่ถนัดด้านเทคโนโลยีเลย ที่สำคัญสุดๆคือหลักสูตรการศึกษา สรุปว่าคุณภาพการศึกษาเราจะดีขึ้นได้ถ้ามีสื่อดิจิตอลให้เด็กใช้ แต่คุณภาพของหลักสูตรพร้อมแล้ว? เอาเงินไปแก้ต้นเหตุก่อนดีกว่ามั้ยครับ เห็นๆอยู่ว่ารากมันเน่าแต่จะไปเสริมกิ่ง เสริมให้ตายมันก็เน่าอยู่แบบนั้นแหละ จากคุณ : YF-01 เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 21:55:26

ความคิดเห็นที่ 74 อย่างที่ผมบอก ตอนที่ลอนดอนจะเปลี่ยนไฟถนน (Street Lamp) จากตะเกียงเป็นหลอดไฟก็มีคนออกมาพูดประมาณนี้แหละ แต่ในที่สุดก็ต้านทานการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีไปไม่พ้น ขึ้นอยู่กับว่าจะทำช้าหรือทำเร็วเท่านั้นแหละ ทำเร็วก็ได้ทำก่อน ได้ลองก่อน ได้พัฒนาก่อน ทำช้าก็ตามเขา เทคโนโลยีที่จะทำให้มันทนมือทนเท้ามันมีอยู่แล้วอย่างที่เขาใช้ทำ OLPC และจริงๆมันไม่ได้ใช้งบประมาณเพิ่มเลย ถ้าบริหารจัดการดีๆน่าจะใช้งบประมาณเดียวกับที่ใช้ซื้อหนังสือเรียนให้เด็กได้ (เรียนฟรีนี่รวมค่าหนังสือใช่ไหม) แล้วทำไมเราต้องทำอย่างเดียว คุณภาพหลักสูตรก็พัฒนาไปสิ (มันใช้เงินเพิ่มจากปกติด้วยเหรอการพัฒนาหลักสูตรเนี่ย) การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในทางการศึกษาก็ทำต่อไป ผมเห็น Dilemma นั่นคือพอจะพัฒนาอุปกรณ์ก็บอกว่า Content ยังไม่มี ส่วนคนที่จะพัฒนา Content ก็บอกว่าอุปกรณ์ยังไม่มีจะทำไปทำไม ความก้าวหน้าต่างๆในโลกนี้ส่วนใหญ่มันเริ่มจากอุปกรณ์ก่อนแล้ว Content มันถึงตามมาทั้งนั้น ดูตัวอย่างง่ายๆ Applestore กับ Android ตอนแรกๆ App มีสีกกี่อย่างเชียว พอมีคนใช้อุปกรณ์มากขึ้น Dev ก็เข้ามาพัฒนา App กันเอง จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 22:56:12

ความคิดเห็นที่ 75 จริงแนวคิดนี้ก็ไม่เชิงเกี่ยวกับ Ipad หรือ Tablet โดยตรง ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะเป็นโมเดลของ OLPC ขนาดเล็กมากว่า โดยตัดฟังก์ชัน Touchscreen ออกไป (เพราะมันเป็นส่วนที่เสียง่ายและราคาแพง) แล้วเพิ่มการเชื่อมต่อกับ Keyboard และ Mouse ยกตัวอย่างโต๊ะในห้องเรียนอาจจะมี Keyboard กับ Mouse วางเอาไว้ ส่วนเด็กก็เอาตัว Tablet มาอย่างเดียวที่บรรจุหนังสือเรียน ฯลฯ เอาไว้ (อาจจะมี Keyboard เล็กๆแบบ Kindle ติดไว้บน Tabletก็ได้ เผื่อไว้ใช้งานเล่นๆ) จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 23:02:19

ความคิดเห็นที่ 76 ไม่ครับ จะอนาลอกหรือดิจิตอล มันก็เป็นแค่ "สื่อ" ที่สำคัญคือ "สาร" ต่างหากเล่า จากคุณ : oryze เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 23:16:16

ความคิดเห็นที่ 77 รัฐบาลอินเดียโชว์แท็บเล็บรากหญ้าในราคาพันเดียว !! รัฐบาลอินเดียเปิดแท็บเล็บราคาประหยัดโดยหวังจะให้เทคโนโลยีเข้าถึงประชากรทุกชนชั่น สำหรับตัวเครื่องใช้ระบบปฎิบัติการ Linux หน้าจอสัมผัสความละเอียด 7 นิ้วรองรับ Wi-Fi, USB port หน่วยความจำในตัว 32 GB RAM 2 GB รองรับมัลติมีเดียอย่างเครื่องเล่นเพลง, วิดีโอ พิมพ์ช้อความผ่านคีย์บอร์ดจำลอง การสนทนาผ่าน video conferencing พร้อมรองรับการใช้งานโปรแกรมพื้นฐายอย่างอินเตอร์เน็ต, SciLab หรือ การใช้เอกสารผ่าน Open Office โดยรัฐบาลอีนเดียเตรียมวางจำหน่ายแท็บเล็บในราคาสุดถูกเพียง $35 หรือประมาณ 1,000 บาทในช่วงปลายเดือนนี้ http://news.siamphone.com/news-03978.html จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 23:54:40

ความคิดเห็นที่ 78 ประเด็นคือ 1) แทปเลทคือ"อนาคตของเทคโนโลยี" จริงหรือ? 2) มันต้อง"ใช้เวลาในการเรียนรู้"มากขนาดนั้น จริงหรือ? 3) มันเหมาะกับการศึกษา จริงหรือ? พูดถึงน้ำหนักโดยรวม แน่นอนว่าแทปเลทเบากว่าหนังสือทั้งกอง แต่ถ้าเทียบต่อเล่ม(ซึ่งต้องถืออ่าน) แทปเลทก็หนักกว่า ซึ่งน้ำหนักนั้นก็จะตามไปเรื่องปัญหา Angle of view ที่ทำให้เด็กต้องถือเอียงเล็กน้อยตลอดชั่วโมงการสอน ยังไม่นับเรื่องความสบายตาในการอ่านอีก โอเค ถ้าบอกให้ใช้จอแบบE-Ink ปัญหาคือราคาจออีกนั่นแหละ แต่ถ้าบังคับขาวดำก็อาจจะถูกอยู่ แล้วเรื่องพลังงานอีกล่ะ ตกลงการที่ทุกโรงเรียนต้องเดินสายไฟเพิ่มเพื่อรองรับการชาร์จแทปเลท ไม่เป็นค่าใช้จ่ายหรือ แต่ถ้าวันนึงปัญหาทั้งหมดนี้ถูกแก้ได้ก็ทำสิครับ มันไม่ใช่ของยากขนาดต้องเสียเวลาเรียนรู้กันเป็นเดือนๆ แต่ถามว่าตอนนี้มันพร้อมแล้วจริงๆเหรอ? ตอนลอนดอนจะเปลี่ยนจากตะเกียงเป็นหลอดไฟ เขามีความพร้อมในการเดินสายไฟแล้วค่อยเปลี่ยน หรือเปลี่ยนหลอดค่อยเดินสายไฟครับ ถ้าจะพูดถึงเทรนที่มีอยู่และเป็นจริง จัดทำการศึกษาบนกลุ่มเมฆก่อนดีกว่ามั้ย เด็กสามารถทำการบ้านผ่านคอมที่บ้านได้เลย ส่วนเด็กที่บ้านไม่มีคอมก็ให้ใช้กระดาษปากกาได้ เพราะเด็กที่บ้านไม่มีคอมก็คงไม่มีเนทให้ต่อแทปเลทอยู่ดีล่ะ ทุกวันนี้คอมพิวเตอร์ตามบ้านก็มีไม่น้อยแล้วยังไม่มีปัญญาทำคอนเทนท์ความรู้เลย ทำไมต้องไปฝากความหวังว่ามีแทปเลทแล้วมันจะมีคอนเทนท์? ถ้าจะฝันว่าเมื่อเด็กทุกคนมีแทปเลทแล้วทุกโรงเรียนจะมีไวไฟใช้ตามมาเองผมว่ายิ่งไกลไปน่ะ ทุกวันนี้โรงเรียนตามเขตไกลๆบางโรงเรียนยังไม่มีคอมให้เด็กเล่นด้วยซ้ำ ไม่ใช่ไม่สนับสนุนการใช้แทปเลทนะครับ แต่ก่อนจะทำน่ะช่วยนึกถึงการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานก่อน ไม่ใช่ซื้อแจกเสร็จไม่มีที่ชาร์จมั่ง ไม่มีเนทใช้มั่ง ได้มาเป็นภาระซะเปล่าๆ จากคุณ : YF-01 เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 01:19:02

ความคิดเห็นที่ 79 ตอบ 78 ขอเอา บางข้อมาตอบเด้อ วิเคราะห์ โครงการอินเทอร์เน็ทไร้สายในที่สาธารณะฟรี (Free WiFi) ของพรรค.... 6. แผนงานโครงการ ■ติดตั้ง Free WiFi ในที่สาธารณะ เช่นสถานศึกษา สถานที่ท่องเที่ยว โรงพยาบาล สถานีรถ สนามบิน ฯลฯ หลายแสนจุดทั่วประเทศ (ยังไม่รวมของหน่วยงานท้องถิ่นและเอกชนนับหมื่นๆจุด) ■รองรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 4 ล้านเครื่อง คอมพิวเตอร์มือถือ 500,000 เครื่อง โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน 3 ล้านเครื่อง และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 600,000 คนต่อปี (ส่วนใหญ่มีอุปกรณ์) บวก โครงการคอมพิวเตอร์มือถือนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) ร่วม 10 ล้านเครื่อง รวมกลุ่มเป้าหมาย 18 ล้านเครื่อง และมีแนวโน้มขยายตัวเร็วมาก เป็นการลงทุนที่เหมาะสมและคุ้มค่าและไม่เป็นภาระงบประมาณหรือภาษีเพิ่ม 7. เป็นการลงทุนที่เหมาะสมและคุ้มค่าและไม่เป็นภาระงบประมาณหรือภาษีเพิ่ม ■ลงทุนไม่มากเมื่อเทียบกับประโยชน์ต่อประชาชน เช่น หากติดตั้ง 400,000 จุด สมมติค่ารายเดือนแบบเดียวกับ ADSL ที่บ้าน 500 บาทต่อเดือน ก็จะใช้เงิน 2,400 ล้านบาทต่อปี แต่ให้บริการกลุ่มเป้าหมายได้ถึง 18 ล้านเครื่อง ให้เข้าเน็ทตามที่สาธารณะได้สะดวกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายเงินเติมเงิน เฉลี่ยเพียง 11 บาทต่อเครื่องต่อเดือน (เมื่อดำเนินการจริงควรถูกกว่านี้เพราะจัดหาปริมาณมาก) ■กทช. เองมีเงินกองทุนที่เก็บ 4% จากรายได้ของผู้ให้บริการโทรคมนาคมทุกปี มียอดเงินหลายพันล้านบาท ในอนาคตควรนำมาใช้ในโครงการเหล่านี้ได้ เป็นเงินที่มีอยู่แล้ว ไม่เป็นภาระงบประมาณหรือภาษีเพิ่ม หรืออาจให้เอกชนทำแล้วหักลบจากเงินจ่ายกองทุน และยังอาจหารายได้เสริมเพื่อช่วยชดเชยค่าใช้จ่าย เช่น การโฆษณา หรือ บริการเสริมอื่นๆ ■กรณีเปรียบเทียบ: รัฐบาลออสเตรเลียมีโครงการเครือข่ายบอร์ดแบนด์แห่งชาติ NBN (National Broadband Network) โดยจัดงบประมาณถึง 43,000 ล้านเหรียญ หรือ 1.2 ล้านล้านบาท สำหรับ  20 ล้านคน น้อยกว่า 10 ล้านบ้าน เฉลี่ย 5 ปีเท่ากับ 83 บาทต่อคนต่อเดือน ลงทุนมากกว่า Free WiFi  ของไทยมาก แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 01:47:28 แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 01:46:13 จากคุณ : Namtaothong เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 01:39:28

ความคิดเห็นที่ 80 google ก็คือหนังสือแบบหนึ่ง น่าแจกให้ทหารบ้าง จะได้เหมือนสิงโป จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 05:56:39

ความคิดเห็นที่ 81 พรบ.ความผิดคอมฯ 50  ทำให้ Free Wifi ลำบากมากขึ้น และอีกอย่าง การติดตั้ง wifi ใหม่ ในที่ๆ มีอยู่แล้ว เช่น สถานศึกษาต่างๆ เป็นการลงทุนซ้ำซ้อน ยังไม่พอ การไปติด wifi ในที่ๆ มีอยู่แล้วอย่างหนาแน่น เช่น มหาวิทยาลัย เป็นการไปทำลาย wifi เดิมของสถานที่นั้น เพราะ  spectrum ของ wifi 2.4ghz  สามารถติด wifi 802.11b/g ได้แค่ 3 ตัวในบริเวรเดียวกันเท่านั้น ผมว่า แทนจะติดเพิ่ม น่าจะทำ ระบบ roaming wifi ดีกว่า โดนมี กระทรวง MICT รับผิดชอบการเก็บ log และ authentication ไปเลย จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 06:01:19

ความคิดเห็นที่ 82 เอากรณีของหลอดไฟ มา เทียบกับ IPAD ผมว่ามันมาคนละเรื่องเลยนะ ปัญหาคือว่าทำไมต้อง IPAD Galaxy tab แทนได้ไหม จากคุณ : durasail เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 09:41:35 A:58.181.157.122 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 83 กำลังคิดว่า  หลายคน เข้าใจผิดว่า teblet คือ Ipad เลยหลงประเด็น กันจน แสดงความไม่รู้ออกมาซะอย่างนั้น ได้แต่เอวัง ถ้าคิดเป็นวิทยาศาสตร์หน่อย น่าจะมองออกว่า ถ้าเลิกถือหนังสือ แล้วเอาหนังสือมาเป็น ebook ให้ใช้  อะไรมันจะดีกว่ากัน และคิดว่า ผลิตทีจำนวนมากๆ จะเหลือเครื่องละเท่าไหร่เชียว  และรัฐสั่งผลิต ผู้ผลิตที่ไหน ก็ยอมขาดทุนทำ จากคุณ : Night_Angel เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 10:02:11

ความคิดเห็นที่ 84 ผมเล่นมุขครับ จากคุณ : durasail เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:46:05 A:58.181.157.122 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 85 พูดถึงน้ำหนักโดยรวม แน่นอนว่าแทปเลทเบากว่าหนังสือทั้งกอง แต่ถ้าเทียบต่อเล่ม(ซึ่งต้องถืออ่าน) แทปเลทก็หนักกว่า ซึ่งน้ำหนักนั้นก็จะตามไปเรื่องปัญหา Angle of view ที่ทำให้เด็กต้องถือเอียงเล็กน้อยตลอดชั่วโมงการสอน ยังไม่นับเรื่องความสบายตาในการอ่านอีก โอเค ถ้าบอกให้ใช้จอแบบE-Ink ปัญหาคือราคาจออีกนั่นแหละ แต่ถ้าบังคับขาวดำก็อาจจะถูกอยู่ แล้วเรื่องพลังงานอีกล่ะ ตกลงการที่ทุกโรงเรียนต้องเดินสายไฟเพิ่มเพื่อรองรับการชาร์จแทปเลท ไม่เป็นค่าใช้จ่ายหรือ แต่ถ้าวันนึงปัญหาทั้งหมดนี้ถูกแก้ได้ก็ทำสิครับ มันไม่ใช่ของยากขนาดต้องเสียเวลาเรียนรู้กันเป็นเดือนๆ แต่ถามว่าตอนนี้มันพร้อมแล้วจริงๆเหรอ? อันนี้เป็น Technical Difficulty ที่ต้องพิจารณาและจัดการแต่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราไม่ควรใช้ Tablet ในการเรียนรู้ จอแบบ E-ink ถูกกว่าเบากว่า แต่ยังไม่มีสี (ซึ่งผมคิดว่าเพียงพอกับการอ่านหนังสือ) แต่ถ้าจะเอาสีก็ต้องไปใช้พวก LED ซึ่งแน่นอนราคาแพงขึ้น (แต่อินเดียทำได้ในราคา 1000 บาท เราก็ต้องไปพิจารณาดูว่าเขาทำได้อย่างไร) ปัญหาเหล่านี้มีเอาไว้แก้ไขครับ และจะยิ่งแก้ไขได้เร็วขึ้นเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น แต่ไม่ใช่สาเหตุที่เอาไว้ปฎิเสธ ถ้าคุณจะปฎิเสธมันเพียงเพราะปัญหาด้าน Technical (โดยยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม) ผมว่ามันแปลกๆนะ  ส่วนผมยอมรับว่ามันให้ผลที่ดีขึ้น แต่ว่ามีปัญหาทางด้าน Technical บางประการที่ต้องศึกษา และแก้ไข ตอนลอนดอนจะเปลี่ยนจากตะเกียงเป็นหลอดไฟ เขามีความพร้อมในการเดินสายไฟแล้วค่อยเปลี่ยน หรือเปลี่ยนหลอดค่อยเดินสายไฟครับ ตอนนั้นบ้านคนยังไม่ค่อยจะมีไฟฟ้าใช้เลยครับ เขาก็เดินสายไปพร้อมๆกับติดตั้งหลอดไฟนั่นแหละ ถ้าจะพูดถึงเทรนที่มีอยู่และเป็นจริง จัดทำการศึกษาบนกลุ่มเมฆก่อนดีกว่ามั้ย เด็กสามารถทำการบ้านผ่านคอมที่บ้านได้เลย ส่วนเด็กที่บ้านไม่มีคอมก็ให้ใช้กระดาษปากกาได้ เพราะเด็กที่บ้านไม่มีคอมก็คงไม่มีเนทให้ต่อแทปเลทอยู่ดีล่ะ ทุกวันนี้คอมพิวเตอร์ตามบ้านก็มีไม่น้อยแล้วยังไม่มีปัญญาทำคอนเทนท์ความรู้เลย ทำไมต้องไปฝากความหวังว่ามีแทปเลทแล้วมันจะมีคอนเทนท์? ที่มันไม่มี Content เพราะมันไม่คุ้มที่จะทำเพราะคอมมันน้อยยังไงครับ ถ้าคอมมันมีเยอะขึ้น ใช้คอมมากขึ้นการ Migrate มันก็ต้องเกิดขึ้นเพราะมันจำเป็นต้องเกิด โลกมันก็ง่ายๆอย่างนี้แหละ เหมือนกับที่ว่าทำไม App บน Mac มันน้อยกว่า Windows ก็เพราะเหตุผลเดียวกัน ถ้าจะฝันว่าเมื่อเด็กทุกคนมีแทปเลทแล้วทุกโรงเรียนจะมีไวไฟใช้ตามมาเองผมว่ายิ่งไกลไปน่ะ ทุกวันนี้โรงเรียนตามเขตไกลๆบางโรงเรียนยังไม่มีคอมให้เด็กเล่นด้วยซ้ำ ไม่ใช่ไม่สนับสนุนการใช้แทปเลทนะครับ แต่ก่อนจะทำน่ะช่วยนึกถึงการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานก่อน ไม่ใช่ซื้อแจกเสร็จไม่มีที่ชาร์จมั่ง ไม่มีเนทใช้มั่ง ได้มาเป็นภาระซะเปล่าๆ แล้วเราจะต้องเตรียมความพร้อมกี่ชาติครับกว่าจะพร้อมทั้งประเทศ ส่วนไหนที่ไหนที่พร้อมก็ดำเนินการไปเลย (ซึ่งผมคาดว่าส่วนมากของประเทศก็พร้อมแล้วเหลือแต่โรงเรียนที่ห่างไกลชุมชนมากๆ) ส่วนเรื่องงบประมาณก็ใช้งบประมาณตามปกติเพียงแต่โยกค่าหนังสือเรียนของเด็กมาเป็นค่า Tablet เท่านั้นเอง (ตรงนี้มีเรื่องต้องพิจารณาอีกว่าควรให้เด็กตั้งแต่อายุเท่าไหร่ถึงพอจะมีความรับผิดชอบของอย่างนี้ได้ หรือเด็กและผู้ปกครองต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้าง อันนี้เป็นปัญหาทางการจัดการที่ต้องพิจารณากันต่อไป) จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 12:06:50

ความคิดเห็นที่ 86 อยากให้มองการเปลี่ยนแปลงนี้เหมือนการเปลี่ยนวิถีชีวิตจากการใช้จดหมาย มาเป็นโทรเลข มาเป็นโทรศัพท์บ้าน แล้วก็มาใช้มือถือ แล้วจะเห็นภาพชัดเจน แล้วที่สำคัญนะครับ ครั้งแรกเริ่มที่ ป.1 content ปีหน้าคุณก็เริ่มที่ ป.1 พอปีถัดไป เป็น ป. 2 ถ้ามองแบบพื้นๆ เด็กรุ่นนี้โตขึ้น content ก็จะผลิตออกมารองรับเด็กกลุ่มนี้ ภายใน 10 หรือ 20 ปี ประเทศไทยจะมีฐานความรู้ที่อาจจะเพรียบพร้อมที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้นะครับ นี่ถ้าอยู่ๆ โครงการนี้มัน work ปีที่ 2 เค้าอาจจะประกาศเพิ่มเป็น on labtop per child สำหรับ เด็กมัธยมขึ้นมาอีก ข้อสังเกตุนะครับ เด็ก ป.1 ไม่ต้องถึงกับเอา ebook ลงไปอะไรมากมายหรอกครับ ลำพังอ่านหนังสือยังอ่านไม่ค่อยออกเลย น่าจะเป็นพวกสื่อ Interactive ช่วยการพัฒนาทักษะให้สมบูรณ์มากกว่า จากคุณ : ช้างน้อย เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 13:32:54 A:124.120.66.171 X: TicketID:322411

ความคิดเห็นที่ 87 ประเด็นคือก่อนจะเดินสายไฟน่ะ มี"ความพร้อม"ในการเดินสายไฟแล้วหรือยังครับ งบประมาณ เทคโนโลยี แผน ถ้าพร้อมก็เดิน ถ้าไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องเดิน ไม่ใช่ว่าเทคโนโลยี สายไฟ โรงงานผลิตไฟฟ้า ค่าแรงคน มันงอกมาจากพื้นดินให้เก็บเกี่ยวได้ฟรีๆเมื่อไหร่ ผมไม่เชื่อว่าเทศบาลเมืองลอนดอนพิจารณาไว้แค่พอซื้อหลอดไฟ แล้วอย่างอื่นไปหาเอาดาบหน้าหรอกนะครับ แล้วมันไม่จำเป็นต้องทำ Content เป็นแอปฝังเครื่องเลยแม้แต่น้อย แค่เวบธรรมดาก็เพียงพอต่อการทำคอนเทนท์เพื่อการศึกษาแล้ว ซึ่งทีนี้ไม่ว่าคุณจะอยู่หน้าคอม แทปเลท หรืออะไรมันก็ใช้่งานได้เหมือนกันด้วยการลงทุนที่น้อยกว่า ไม่ว่าจะความยืดหยุ่นหรือความพร้อมในเทคโนโลยีตอนนี้ก็ทำได้แล้ว แล้วจะให้เหตุผลว่าต้องมีแทปเลทเพราะจะเสริมการสร้างคอนเทนท์? ทุกวันนี้คอมพิวเตอร์มีไม่พอ? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องงบประมาณที่คุณลืมไปว่ามันไม่ใช่แค่ตัวเครื่อง แต่ยังรวมไปถึงค่าปรับปรุงพื้นที่ ค่าโต๊ะ ค่าเดินสาย ค่าไฟ ค่าซ่อมแซม ซึ่งต้องเอากลับมาถามก่อนว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี่ช่วย"พัฒนา"การศึกษาของบ้านเราเท่าไหร่ ถ้ามันคุ้มก็น่าทำเพราะมันง่ายต่อการให้เด็กเข้าถึง"ข่าวสาร" แต่สรุปว่าเรามีปัญหาการศึกษาจากความยากลำบากในการป้อน"่ข่าวสาร"เข้าไปในหัวเด็กจริงๆหรือ? ปัญหาคือเราแทบไม่ได้ให้เด็กได้เข้าไปรับ"ข้อมูล"ด้วยตัวเองแล้วสอนให้แปลงมันเป็น"ข่าวสาร"ไม่ใช่หรือ? ยังย้ำอีกครั้งว่าถ้าจะทำแบบนั้น เอางบไปจัดกิจกรรมชุมชน ทัศนศึกษา ซื้อชุดคิทอิเลคโทรนิคส์สำหรับเด็ก ให้เด็กได้ออกไป"เรียนรู้นอกห้องเรียน"ให้มากกว่านี้ยังคุ้มกว่า จะได้ไม่โตเป็นผู้ใหญ่ที่อ่านดาร์วินชีโค้ดแล้วเอามาโม้ให้เพื่อนๆฟังว่ารู้"ความจริงที่ีผู้มีอำนาจปกปิด" ทั้งที่โดนป้อนข่าวสารมาอย่างเดียวไงครับ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 14:42:04 จากคุณ : YF-01 เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 14:40:49

ความคิดเห็นที่ 88 อย่าลืมว่ามนุษย์ถูกผลักดันด้วยแรงจูงในทางเศรษฐศาสตร์เป็นหลัก ถ้าปราศจากการจูงใจทางเศรษฐศาสตร์ มันก็โตช้า ก็เช่นเดียวกันกับคำถามที่ว่าทำไมคอมมีมาตั้งนานสองนานแล้ว Content ทางการศึกษามันไม่ค่อยมี คำตอบเดิมก็คือมันไม่มีแรงจูงใจทางเศรษฐศาสตร์ ส่วนเรื่องปรัชญาทางการศึกษา ฯลฯ ก็ว่ากันไปก็แล้วกัน แต่ในทางเทคโนโลยีแล้วผมว่ามันคุ้มและใช้งบประมาณไม่เกินไปกว่าที่ปัจจุบันใช้ๆกันอยู่ ส่วนพวกกิจกรรมชุมชน ฯลฯ มันก็มีงบมีการจัดการของมันอยู่แล้ว เจ้าตัว Tablet นี่ก็แค่มาแทนหนังสือ และใช้งบในส่วนของหนังสือ หรือคุณจะบอกว่าไม่ต้องซื้อหนังสือให้เด็กใช้กันล่ะ เอางบหนังสือไปจัดกิจกรรมแทน ป.ล. เห็นไหมว่าคนมันจะติ เรื่องที่มันไม่เกี่ยวกันมันก็เอามาติได้ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 19:47:45

ความคิดเห็นที่ 89 ยกตัวอย่างนะครับ คุณมีลูก เข้าเรียน ป.1 ผมก็คิกว่าคุณคงอยากให้ลูกของคุณได้รับสิ่งที่ดีที่สุดนะครับ แน่นอนว่าสิ่งที่ดีที่สุดยังต้องตีความกันอีก แต่การที่คุณรับสิ่งหนึ่งเข้าไป ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องตัดอีกสิ่งหนึ่งทิ้งไป การนำแท็บเล็ตมาช่วยในการเรียนการสอน การวัดค่า การประเมินผล เราก็ยังสามารถพาเด็กไปทำเกษตรได้ ยังพาเด็กไปทัศนะศึกษาได้ ยังมีวิชาพละศึกษา ยังกิจกรรมอื่นๆที่ทำได้ ยิ่งหากมองในในมุมของผู้สอน หากแท็บเล็ตมันจะมาช่วยให้ระบบการประเมินผล การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถตอบโต้กับเด็กๆ ได้มันจะไม่ดีกว่าหรอครับ คุณอาจจะประยุกต์ในรูแบบอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เวลาเด็กทำแปลงเกษตรก็ให้ถ่ายรูปลงในแท็บเล็ต แล้วเขียนบันทึกประจำวัน แล้วตกเย็นผู้ปกครองหยิบแท็บเล็ตมานั่งดูว่าวันนี้ลูกทำกิจกรรมอะไรบ้าง แน่นอนว่ามันก็ไม่สามารถทดแทนได้หมดทุกอย่าง มันสื่อได้ทั้งภาพและเสียงนะครับ เด็กๆอาจจะได้รับการบ้านให้ไปทำกิจกรรมแล้วบันทึกกิจกรรมลงแท็บเล็ต เพื่อให้ผู้ปกครองกับคุณครูช่วยกันตรวจสอบและแสดงความคิดเห็นก็ได้นะครับ จากคุณ : ช้างน้อย เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 20:10:55 A:124.120.66.171 X: TicketID:322411

ความคิดเห็นที่ 90 ตกลงคุณก็"แกล้ง"มองข้ามค่าใช้จ่ายอื่นๆไปอยู่ดี ค่าไฟล่ะ?ค่าจัดสภาพพื้นที่ล่ะ?ค่าบำรุงรักษา"ตัวสนับสนุน"ทั้งหลายล่ะ? งบส่วนนี้ต่างหากที่ผมจะให้เอาไปใช้กับกิจกรรมนอกสถานที่(ซึ่งถ้าคุณไม่ได้หลอกตัวเอง คุณต้องไม่ได้มีเด็กอยู่ในบ้านและได้เรียนในโรงเรียนที่ดีมากแน่นอน ถึงไม่รู้ว่าของพรรค์นั้นมันแทบไม่มีในระบบการศึกษาไทย) ถ้าจะ"แกล้ง"มองผ่านๆเอาแค่ว่าแทปเลทVS.หนังสือ มันก็คงคุ้มอยู่หรอกครับ (อ้อ ต้องแกล้งทำเป็นลืมว่าเวลาหนังสือขาดหรือหายเล่มนึงมันไม่ถึงร้อย แต่แทปเลทพังตัวนึงมันหลักพันด้วยล่ะ) แล้วจะเอาอะไรมายืนยันว่าเมื่อเด็กทุกคนมีแทปเลทแล้วคอนเทนท์ทางการศึกษามันจะมากขึ้นจริง ไม่ใช่หยุดอยู่ที่คอนเทนท์ประจำเครื่องซึ่งก็จะถูกผูกขาดไม่ต่างจากสำนักพิมพ์ที่ผูกขาดหนังสืออยู่ไม่กี่ชุดละครับ โดยฝันกับทฤษฎีว่าปริมาณคอมที่มีในตอนนี้มันมีไม่พอต่อ Demand ในการเรียนรู้จึงต้องสร้างสื่อใหม่มาเสริม เมื่อมีสื่อที่เข้าถึงได้อย่างแทปเลทแล้ว Demand ที่รออยู่เหล่านี้จะทำให้ปริมาณ Content การศึกษาเติบโตขึ้น งั้นหรือ? เห็นไหมล่ะว่าพออคติบังตา คนฉลาดก็แกล้งตาบอดได้เหมือนกัน นอกจากจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นข้อจำกัดแล้วยังแกล้งไม่อ่านว่าผมสนับสนุน"ถ้า"นโยบายนั้นแสดงให้เห็นว่ามันคุ้มด้วยแน่ะ จากคุณ : YF-01 เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 22:34:34

ความคิดเห็นที่ 91 ออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นตัวแทนพรรคไหน แล้วก็เป็นคนละคนกับคุณ nexus ผมจับประเด็นว่าคุณ YF-01 คือถ้าพิสูจน์ว่ามันคุ้มกับการลงทุน เมื่อเทียบกับการนำเงินส่วนนั้นไปลงทุนด้วยวิธีอื่น ก็สนับสนุน ? ปล. กลัวคนมาต่อจะงง จากคุณ : ช้างน้อย เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 23:22:39 A:124.120.65.143 X: TicketID:322411

ความคิดเห็นที่ 92 ไม่งงหรอกครับ ^^" กระทู้ก่อนๆผมก็มาแวะเวียนอยู่ ตอนนี้ติดประเด็นนึง ถ้าแทบเล็ตพังจะทำอย่างไร? มีให้เปลี่ยนมั้ย? ใช้เวลาหาอันใหม่มาแทนอันเก่าเท่าไหร่? ใครรับผิดชอบค่าใช้จ่าย? คำถามพวกนี้ยังไม่มีคำตอบชัดเจนครับ มองข้อดีมันมีแน่นอน แต่ข้อเสียมันไม่ใช่ไม่มี ถ้าวางแผนรับมือปัญหาไว้เรียบร้อยก็โอเคนะครับ แต่ถ้าจะให้ดุ่มๆไปเจออะไรค่อยว่ากันทีหลังนี่ผมว่านโยบายมักง่ายเกินไปครับ จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 00:10:55

ความคิดเห็นที่ 93 นโยบายแจก แจกโน้น แจกนี้ สร้างความมักง่ายให้กับคน ทำอย่างกับเป็นขอทาน ต่อไปอยากได้อะไรก็รอเขาแจกอย่างเดียว ได้มาแล้วใช้เรียนจริงหรือ เอามาเล่น เอามาดูหนังมากกว่า ได้มาแล้วเอาไปขายก็มี เห็นว่าดี เห็นว่าควร อยากได้ก็ซื้อเองสิครับ แล้วลูกจะเป็นยังไง เครื่ิองจะหาย เครื่องจะโดนขโมยไหม ก็รับผิดชอบเอาเอง จากคุณ : ช้างใหญ่ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 14:07:59 A:58.181.157.122 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 94 น่ากลัวจริงๆครับกับประเด็นของหาย เพื่อนขู่กันโชก ลักขโมย เอาไปขาย เอาไปตีหัวเพื่อนแตก ประกันซ่อมกันบาน ไหนยังสิ่งอบายมุกต่อเด็กๆ ตอนเด็กๆ ปากกาผมตั้งไว้แปปเดียวยังโดนขโมยเลย ถ้าแจกของมั่วๆสั่วๆ มักง่้าย พังกับพังคับ พังลูกเดียว ไหนยังคอรัปชั่นจัดซื้อ กินกันบานครับ ที่จริงถ้ามีนโยบายโต๊ะเรียนที่เป็นจอคอมยังเวิร์คกว่าอีก - -" iPad ไปเรียนนี้ น่าจะเหมาะกับเด็กมหาลัยมากกว่า จากคุณ : ตาโต้งติ้งต๊อง (ตาโต้งติ้งต๊อง) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 15:56:00

ความคิดเห็นที่ 95 น่ากลัวจริงๆครับกับประเด็นของหาย เพื่อนขู่กันโชก ลักขโมย เอาไปขาย เอาไปตีหัวเพื่อนแตก ประกันซ่อมกันบาน ไหนยังสิ่งอบายมุกต่อเด็กๆ ตอนเด็กๆ ปากกาผมตั้งไว้แปปเดียวยังโดนขโมยเลย ถ้าแจกของมั่วๆสั่วๆ มักง่้าย พังกับพังคับ พังลูกเดียว ไหนยังคอรัปชั่นจัดซื้อ กินกันบานครับ ที่จริงถ้ามีนโยบายโต๊ะเรียนที่เป็นจอคอมยังเวิร์คกว่าอีก - -" iPad ไปเรียนนี้ น่าจะเหมาะกับเด็กมหาลัยมากกว่า จากคุณ : ตาโต้งติ้งต๊อง (ตาโต้งติ้งต๊อง) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 15:56:16

ความคิดเห็นที่ 97 ลองใหม่ๆ http://fb.me/OkvetlPq จากคุณ : ช้างน้อย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 21:16:46 A:124.122.132.98 X: TicketID:322411

ความคิดเห็นที่ 98 ในความหมายนึงก็ใช่ครับ ถ้าดูแล้วมันคุ้มก็สนับสนุน แต่ถ้าจะให้พูดให้ตรงจุดคือ ถ้านโยบายมัน"รอบคอบ"และ"รอบด้าน" โดยมีการวางนโยบายเพื่อเตรียมความพร้อมในองค์รวมแล้ว(งบประมาณในการปรับพื้นที่ห้องเรียน,งบประมาณของตัวสนับสนนุนต่างๆ ฯลฯ) และคำนวนความคุ้มค่าของนโยบายเมื่อคิดจากทั้งหมดนี้แล้วมัน"น่าจะคุ้ม" ก็จัดเลยครับ ถือว่าเราพร้อมแล้ว แต่ถ้าจบแค่ที่บอกว่านโยบายนี้เราคำนวนแล้วว่าพอๆกับค่าหนังสือเรียน(ซึ่งการคำนวนตรงนี้ ต้องมาหลังจากได้"ของ"ที่ดูทนทานพอจะอยู่ได้ถึง3ปี และราคาพันต้นๆ แถมต้องคำนวนโอกาสพัง/เสีย/หายไว้แล้วด้วยนะ) แล้วที่เหลือไปตายเอาดาบหน้า ผมก็คงไม่สนับสนุนครับ ที่แย่คือเท่าที่เห็นตอนนี้ ทั้งตัว"ผู้เสนอนโยบาย"และ"ผู้สนับสนุน" มองแค่จัดให้"มี"แทปเลทด้วยซ้ำ ความพร้อมของเทคโนโลยี การคำนวนความเสี่ยงและประเมินความคุ้ม การจัดทำecosystem ว่ากันทีหลัง ก็คงไม่พ้นได้เห็นมหกรรมตำน้ำพริกละลายแม่น้ำครั้งใหญ่นั่นละครับ ปล. แต่ถ้าเป็นอีกพรรคพูดคงไม่ต้องห่วง ต่อให้ได้เป็นรัฐบาล8ปีก็คงไม่มีแทปเลทหลุดมาซักเครื่องหรอก :P จากคุณ : YF-01 เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 10:45:06

ความคิดเห็นที่ 99 ผมก็ว่าไม่เหมาะกับเด็กประถมหรอก ให้พวกเด็กหัดเขียนหนังสือ กันบ้าง เดี๋ยวโตขึ้นมาจะเขียนหนังสือกันไม่เป็นพอดี และอบายมุขมันเยอะ ได้มาก็เอาไปเล่นเกม แชท กันมากกว่าอ่านหนังสืออยู่ดี จากคุณ : neomagic เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 13:09:27