ความคิดเห็นที่ 1 ขอถามเซียนจีนเพิ่มหน่อย พวกพระเอกหนังกำลังภายใน พวกหล่อหน้าหยกนี่จีนอะไร เค้าดูไม่"ตี๋" เหมือนจีนฮั่นเลย หน้าคมๆบางทีก็ดูคล้ายๆคนไทยอยู่เหมือนกัน จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:19:04

ความคิดเห็นที่ 2 จีนแท้ๆ ก็คงจะ mix กันแถวๆ นั้นเป็น subpopulation ไปหมดแล้วล่ะครับ เฉกเช่นเดียวกับไทย ปล. ภาพประกอบเหมือนกระเทยนะครับ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:23:36

ความคิดเห็นที่ 3 หากเรามองดูฝูงม้าลาย เราคงแยกความแตกต่างของแต่ละตัวลำบาก แต่สำหรับตัวม้าลายเอง สามารถแยกออกได้ง่ายเหมือนที่เราแยกคนที่เรารู้จักได้ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:32:27 A:223.204.246.158 X: TicketID:288503

ความคิดเห็นที่ 4 คนจีนร้อย 90 ของประเทศเป็นชาวฮั่นค่ะ แต่จะมีภาษาถิ่นแตกต่างดันเพราะประเทศใหญ่ละระบบอักษรเป็นอักษรภาพ มีความหมาย ไม่มีเสียงเฉพาะ ดังเป็นจีนใช้สำเนียงถิ่นแต้จิ๋วไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใช่ชาวฮั่นดั้งเดิม ส่วนประชากรอีก 54 เผ่าก็คือคนจีนเหมือนกันแต่ไม่ใช่ชาวฮั่น รัฐบาลจีนระบุไว้เลยว่า ประเทศจีนประกอบด้วยชน 55 เผ่า ทุกเผ่าค่าเท่ากัน ต่างกับไทยนะ ใช้หลักการคิดแบบประเทศไทยเรื่องอพยพผู้คนไปมาคงไม่ได้ เพราะอิทธิพลลัทธิขงจื้อไม่สนับสนุนให้ทิ้งถิ่นฐาน รัฐบาลจีนยุคโบราณก็ไม่มีนโยบายให้คนย้ายประเทศอยู่แล้วด้วย อีกอย่างการกวาดต้อนผู้คนเป็นปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรแรงงานในแถบภูมิภาคนี้ ซึ่งจีนไม่มีปัญหาเรื่องทรัพยากรแรงงาน คนเค้าเยอะมานานแล้ว อนึ่ง จีนโบราณเรียกชนเผ่าทางอาเชียนว่า "ไบ่เยว่" แปลว่า ร้อยพวกร้อยเผ่า แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 54 10:52:35 จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:40:46

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านมาเมื่อสองวันก่อน นักการศึกษาจีนกล่าวว่า สายเลือดฮั่นแท้เหลือแค่จีนแคะในจงหยวน และถุกจัดเป็นชนกลุ่มน้อย จีนในไทยถ้ายังคงวัฒนธรรมและภาษาเดิมไว้ได้ เป็นฮั่นแท้แน่นอน เกาหลีคงไม่ใช่แล้ว ญี่ปุ่นเป็นเกาะน่าคิดเหมือนกัน.... คนไทยแท้ก็คือคนพื้นเมืองและคนแต้จิ๋วแท้ไง ถ้านับตามประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์.... จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:51:07

ความคิดเห็นที่ 6 นักการศึกษาจีนที่พูดนี่ คนไทยหรือคนจีนคะ? ภาษาจีนแต้จิ๋วเป็นสำเนียงถิ่นนะคะ เหมือนกวางตุ้งอ่ะ สำเนียงคนกวางตุ้งแต่ไม่ใช่ภาษากลาง ภาษากลางของจีนที่รัฐบาลใช้คือภาษาฮั่น ซึ่งเป็นคนละสำเนียงกับแต้จิ๋ว ตัว wo 我 แต้จิ๋วอ่าน อั้ว, กวางตุ้งอ่าน หงอ, แต่จีนกลางอ่านหว่อ ซึ่งสำเนียงจีนกลางนี้นอกจากจะเรียกว่า แมนดารินแล้ว ยังเรียกว่า. ฮั่นหยูหรือภาษาฮั่น ดังนั้นการบอกว่าจีนแต้ อันหมายถึงคนจีนที่ใช้สำเนียงถิ่นแต้จิ๋วในไทยรักษาภาษาไว้ ก็จะเป็นฮั่นแท้ ซึ่งเคาว่ามันแปลกๆ นะ อ่านมาจากไหนอ่ะคะ จะหาอ่านมั่ง จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 11:19:51

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านจากเวปไทยจีน.เป็นนักการศึกษาจีน ..เมื่อวานลงวินโดว์7 Historyหายไปแล้ว..ถ้าว่างจริงจะหาให้นะครับ.. จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 11:36:53

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องจำกัดมาก่อน ว่า แบบไหนเรียกว่า จีนแท้ เพราะ จุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมจีน เกิดที่ภาคกลางของจีน แต่ช่วงนั้นก็มีการแบ่งดินแดนและภาษาต่างๆกันไปจนจิ๋นซีฮ่องเต้รวมประเทศและประกาศให้ใช้ภาษาเขียนเป็นมาตรฐาน และก็ได้ผ่านช่วงเวลาต่างเช่นการขยายอาณาเขตไปกลืนพวกชนกลุ่มน้อยทั้งใต้และเหนือ รวมถึงการถูกจู่โจมจากพวกนอกด่าน เช่นพวก มองโกล หรือชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือ และแมนจู แต่กลายเป็นว่า ชนเผ่าเร่ร่อนพวกนั้นก็ทิ้งภาษาและวัฒนธรรมของตัวเอง มาเป็นจีน หมด ที่เห็นชัดๆในปัจจุบัน คือ พวกแมนจู ทุกวันนี้ แทบสูญพันธ์ ขนาดตอนปลายราชวงศ์ ตระกูล อ้ายซินเจี๋ยหรอ แล้วก็พวกแมนจู เองยังพูดภาษาภาษาแมนจูไม่ได้เลย แต่พูดภาษาจีน แทน จากคุณ : เหล่าฟาง เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 11:38:42

ความคิดเห็นที่ 9 เวปนี้มีแต่หัวข้อข่าว พอเทียบเคียงได้..http://hakkapeople.com/node/362 จากคุณ : Alone among the crowd เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 11:42:09

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านละ เกทละ วัดจาก DNA งั้นถ้าจะบอกว่าคนจีนในไทยหรือพูดง่ายๆ คือ คนจีนฮากกาบอกว่าตนสืบจากชาวฮั่นแท้ ก็ควรจะสรุปผ่านหลักฐานทาง DNA นะ สรุป เอาดื้อๆ มันก็ยากจะเชื่อถือนะ อีกอย่างนี้เป็นงานของฝ่ายวิทย์ มันไม่มีรายละเอียดจากฝ่ายประวัติศาสตร์ของมหาวิทลัยนี้แถลงร่วมเลย j ง เผอิญเราเรียนประวัติศาสตร์จีนอยู่ ดังนั้นถ้ามีอะไรใหม่ๆ มันก็น่าสนใจ จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 12:11:03

ความคิดเห็นที่ 11 ลองอ่านที่ผมตัดมานี่ดูครับ เผื่อจะช่วยเพิ่มเติมข้อมูล เพราะมีเรื่อง DNA มาสนับสนุน จีน ชนชาติโบราณที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่โบราณนั้นจีนประกอบไปด้วยชนเผ่าต่างๆ หลายชนเผ่า ประกอบกันเป็นชาติรัฐมหาอำนาจที่ทรงพลังที่สุดในทวีป เก่าแก่และร่ำรวยศิลปวิทยาการอันลึกซึ้งหลายแขนง ชนเผ่าหลักที่ปกครองก็ เช่น ชนเผ่าฮั่น ชนเผ่ามองโกล ชนเผ่าแมนจู.. เมื่อผ่านกาลเวลายาวนาน คำว่าชาวฮั่นในปัจจุบันจึงไม่ได้หมายถึงชนเผ่าเชื้อสายจีนเพียงเผ่าเดียวแล้ว โดยเฉพาะในช่วงหลัง ก่อนสิ้นสุดยุคการปกครองโดยจักรพรรดิ ไปสู่ยุคจีนใหม่นั้น จีนถูกปกครองยาวนานโดยชนเผ่าแมนจู อย่างไรก็ดี ชาวฮั่นในวันนี้หลอมรวมชนเผ่าเชื้อสายจีนทุกชนเผ่าผนึกเข้าเป็นชนชาติเดียว (แต่ก็ไม่นับชนกลุ่มน้อยต่างๆ อยู่ดี) กลายเป็นชนเผ่าที่มีประชากรมากที่สุดในโลกไป ชาวจีนส่วนใหญ่ก็อยู่ในกลุ่ม O เหมือนกัน (O3) ก็พี่น้องกันอีก ศิลปวิทยาการจีนนั้นลึกล้ำและฝังรากลงในโลกทุกหัวระแหง ความรู้ของชาวจีนนั้นแผ่อิทธิพลครอบคลุมอุษาทวีปและขยายออกไปยังชนชาติอื่นๆ ที่ห่างไกล กองเรือมหาสมบัติที่นำโดยนายพลเจิ้งเหอนั้น พิชิตไปทั่วทุกท้องสมุทรก่อนนักเดินเรือยุคบุกเบิกชาติอื่นๆ จึงทำให้สินค้า งานฝีมือและความรู้ด้านต่างๆ ที่จีนคิดค้น กระจายออกไปยังส่วนต่างๆ ของโลก พร้อมกับอำนาจทางการเมืองและแสนยานุภาพทางทะเล แต่ภายใต้ความยิ่งใหญ่นี้ ก็ไม่ใช่ว่าอิทธิพลจีนจะเป็นฝ่ายแผ่ออกไปฝ่ายเดียว ในทางกลับกัน จีนเองก็รับเอาความรู้ ศิลปวิทยาการและอิทธิพลต่างๆ จากชนชาติอื่นที่จีนมีความสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน ผลจากการออกสำรวจโลกส่วนต่างๆ ก่อนใคร ทำให้จีนเก็บเกี่ยวความรู้จากดินแดนต่างๆ ที่ได้เดินทางไปถึงไว้อย่างมากมาย เหมือนกับชนเผ่ายิปซีเร่ร่อน ที่เดินทางไปค้าขายยังดินแดนต่างๆ ของโลกตามเส้นทางสายไหม ก็เป็นชนเผ่าที่มีความรอบรู้ในวิทยาการเก่าแก่มากมายเหมือนกัน เนื่องเพราะได้พบได้เห็นสิ่งต่างๆ มาแล้วในทุกดินแดนนั่นเอง ขณะที่ลูกหลานของเจงกิสข่านแตกแขนงออกไปในส่วนต่างๆ ของโลกด้วยพลังของกองทัพ แต่ลูกหลานชาวจีนแผ่ออกไปมากมายมหาศาลกว่าด้วยพลังทางการค้าขาย การดนตรีและนาฏศิลป์จีนนั้นก็หลากหลายเก่าแก่เฉกเช่นชนชาติ ย้อนถอยไปหลายพันปี เครื่องดนตรีอย่าง กู่ฉิน กู่เจิ้ง ผีผา.. นั้น อายุกว่าสองพันปีขึ้นไป ดนตรีและนาฏศิลป์จีนจึงทั้งประณีตบรรจง ไพเราะและลุ่มลึก ลองไปอ่านทั้งหมดในลิงค์นี้ดูครับ มีหลากหลายชนเผ่า รวมทั้งไทย ชื่อและชนเผ่า โดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา http://www.siameseproject.com/siamese/name.html จากคุณ : นกกินเปี้ยว เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 13:24:22

ความคิดเห็นที่ 12 จากเว็บเดียวกัน เกาหลี ชนชาติเกาหลีนี้ก็อยู่ในกลุ่มแฮปโพลหลักกลุ่มโอ เหมือนกัน (O2b) เกี่ยวโยงใกล้ชิดกับมิวเทชั่นที่เก่าแก่ในแมนจูเรีย เป็นเปอร์เซ็นต์สูงที่พบในชายเกาหลี เช่นเดียวกับที่พบในชาวยามาโตพื้นเมืองของญี่ปุ่น จากคุณ : นกกินเปี้ยว เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 13:25:54

ความคิดเห็นที่ 13 ญี่ปุ่น ชนชาติญี่ปุ่นนั้น ประกอบด้วยชนเผ่าหลายเผ่า ชนเผ่าดั้งเดิมที่บุกเบิกดินแดนเกาะญี่ปุ่นรุ่นแรกนั้น เป็นชนเผ่าไอนุที่เริ่มอารยธรรมโจมอน ดีเอ็นเอของชาวไอนุนั้นส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม Y-DNA D(M174) ถอยหลังไปได้ถึงช่วง 50,000 BC พบรองลงมาก็คือ Y-DNA C3(M217).. ในขณะที่ประชากรญี่ปุ่นใหม่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโอ เครือญาติใกล้ชิดชาวจีน ไท เยว่ ทั้งหลาย ยังมีชนเผ่าพื้นเมืองญี่ปุ่นอีกก็คือ ชาวเผ่าบูรากุมิน ชนเผ่าโบราณเก่าแก่รองจากไอนุ ที่ในอดีตเคยถูกเหยียดและกีดกัน มักยากจนและเกือบจะไร้สถานะทางสังคม แล้วก็ยังมีชนเผ่ายาโยอิ ที่คาดว่าจะเป็นชาวจีนใต้ที่อพยพเข้ามา แล้วก็มีชนเผ่าริวกิวอัน แห่งเกาะริวกิว ซึ่งนี่ก็อพยพเข้ามาจากจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน จากคุณ : นกกินเปี้ยว เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 13:27:14

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่าไม่... จากคุณ : chimpanz เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 14:49:40

ความคิดเห็นที่ 15 คำว่าฮั่น นั้นมีมาทีหลัง ที่จีนแคะบอกว่าตัวเองใกล้ฮั่นแท้ที่สุดนั้น คือว่าเพราะทางเหนือ หลังสมัยถัง มีการอพยพเข้ามาของพวกซงหนู เยอะมาก ทำให้คนจีนตอนเหนือ เชื้อสายปนกับพวกซงหนูไปราวครึ่งนึง ส่วนพวกจีนทางใต้ ก็ชาวฮั่นไปผสมกับพวกเยว์ร้อยเผ่า แต่พวกจีนแคะคือจีนตอนเหนือมาอยู่ตอนใต้ ที่อพยพมาก่อนที่พวกซงหนูจะมาปน และแต่งงานกันเองแต่ในกลุ่ม ดังนั้นจะบอกว่าใกล้เคียงกับชาว หัวเซี่ย华夏ดั้งเดิมสุดแล้วก็ไม่เกินเลยหรอกครับ และสมัยก่อนชาวหัวเซี่ย ที่บอกว่าสืบเชื้อสายจากหวงตี้นั้ันก็มีหลายเผ่าปนกันไปหมดแล้วเช่นกัน ดินแดนจงหยวนนั้นมีอายธรรมที่ยาวนาน ทำให้พวกต่างเผ่ารอบนอกที่ได้มาเยือน จะโดนกลืนเป็นชาวจีนไปแบบเต็มใจ ทั้งพวกแมนจู หรือมองโกล เองด้วย การอพยพของต่างเผ่า เข้ามาอยู่ในจงหยวน สมัยถังนั้นเยอะมากทีเดียว ตอนนี้โดนกลืนเป็นชาวจีนไปหมดแล้ว จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 16:00:02

ความคิดเห็นที่ 16 1. ไม่ครับ ไม่มีชนชาติใดที่มีสายเลือดแท้ๆโดยไม่ปะปนหน่ะครับ เพราะการก่อตั้งประเทศได้ ต้องการการรวบรวมชนเผ่าหรือกลุ่มชนต่างๆเข้าด้วยกัน และพอเป็นประเทศหรือรัฐก็ต้องมีการติดต่อกับเพื่อนบ้านหรือรัฐข้างๆ และมีการไหลไปไหลมาของประชากรเป็นปกติครับ 2. ถ้าในระดับชนเผ่า ขนาดเล็กๆ เช่นพวกเผ่าผีตองเหลือง อันนี้พอเป็นไปได้ เพราะพวกเขาไม่ค่อยติดต่อกับโลกภายนอก และไม่พัฒนาชุมชนเป็นหมู่บ้านหรือเมือง แต่ถ้าเมื่อใดระบบสังคมมีการพัฒนาขึ้นเป็นสังคมระดับหมู่บ้านหรือเมือง ก็ต้องมีคนกลุ่มอื่นเข้ามาร่วมด้วยแลครับ คนเผ่าเดียวสร้างเมืองไม่ได้ และก็อยู่แบบเมืองเดียวไม่ได้ มันต้องมีชุมชนคู่อื่นๆมาร่วมด้วยเสมอ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 16:43:46

ความคิดเห็นที่ 17 อย่างจีนฮั่นนี่ เป็นกลุ่มชนมองโกลลอยด์ผสมมากที่สุดชาติพันธุ์หนึ่ง เพราะรวมเอาสารพัดสายเลือดของมองโกลลอยด์โลกเก่าเข้าไว้ด้วยกัน คำว่าชาวฮั่นไม่ได้หมายถึงชาติพันธุ์ที่ร่วมกันทางสายเลือด แต่หมายถึงการยอมรับในอารยธรรมเดียวกัน ของกลุ่มคนหลากหลายชาติพันธุ์มากกว่า จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 16:45:20

ความคิดเห็นที่ 18 จีนใต้อย่างแต้จิ๋ว กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน น่าจะเป็นลูกผสม เกาหลี = แมนจู +มองโกล +จีน ญี่ปุ่น = ไอนุ+ เกาหลี+ จีนใต้ ประมาณนี้หรือเปล่า จากคุณ : swedishNO.1 เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 18:14:07

ความคิดเห็นที่ 19 แคะ หรือ ฮากกา (客家 คำว่า แคะ ในภาษาไทยถูกเรียกตามภาษาแต้จิ๋วว่า แขะแก ในภาษาจีนกลางเรียกว่า เค่อเจีย มีความหมายว่า ครอบครัวผู้มาเยือน ส่วนในภาษาจีนแคะเอง เรียกว่า หักก๊า หรือ ฮากกา) คือ ชนกลุ่มจีนฮั่นกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกล่าวกันว่ามีบรรพบุรุษที่มีต้นกำเนิดบริเวณมณฑลเหอหนานและซานซี ทางตอนเหนือของจีนเมื่อราว 2,700 ปีที่แล้ว บรรพบุรุษของชาวจีนแคะอพยพลงใต้ เนื่องจากความไม่สงบทางสังคม การลุกฮือ และการรุกรานจากผู้ยึดครองต่างชาติตั้งแต่ยุคราชวงศ์จิ้น (265-420) กระแสการอพยพครั้งต่อ ๆ มาเกิดขึ้นเมื่อยุคสิ้นราชวงศ์ถัง เมื่อประเทศจีนแตกออกเป็นส่วน ๆ และช่วงราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่ประชากรทางภาคเหนือลดลง. ช่วงที่สาม ที่ชาวจีนแคะอพยพลงใต้ คือช่วงที่ชาวหนี่ว์เจินสามารถยึดครองเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือไว้ได้. ช่วงที่สี่ เป็นช่วงที่ราชวงศ์ซ่งถูกโค่นล้มโดยชาวมองโกล ในสมัยราชวงศ์หยวน และช่วงสุดท้ายคือสมัยราชวงศ์หมิง ซึ่งถูกโค่นล้มโดยชาวแมนจูซึ่งก่อตั้งราชวงศ์ชิงในเวลาต่อมา ที่มาของคำว่า แคะ คำว่า เค่อ นั้นกล่าวกันว่าเป็นคำเรียกที่ค่อนข้างใหม่ ระหว่างรัชสมัยของพระจักรพรรดิ์คังซี ได้โปรดให้มีการอพยพผู้คนแถบภูมิภาคชายฝั่งเป็นเวลาเกือบทศวรรษ เพื่อลดอิทธิพลที่ยังหลงเหลือของราชสำนักหมิง ซึ่งหลบหนีไปยังดินแดนซึ่งกลายเป็นไต้หวันในปัจจุบัน หลังจากที่กำจัดภัยคุกคามได้แล้ว พระจักรพรรดิ์คังซีได้มีพระบรมราชโองการ โปรดให้มีการอพยพผู้คนเข้าไปในดินแดนนี้อีกครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก มีการมอบเงินให้ครอบครัวแต่ละครอบครัว ไว้สำหรับเริ่มชีวิตใหม่โดยลงทะเบียนว่าเป็น 'ครอบครัวผู้มาเยือน' (客戶 เค่อฮู่) ส่วนชนดั้งเดิมซึ่งอพยพกลับมายังถิ่นเดิม ก็ได้พบกับการเข้ามาของผู้มาอยู่ใหม่ ชนดั้งเดิมก็เกิดความหวงแหนในดินแดนที่อุดมสมบูรณ์กว่าของพวกเขา จึงผลักดันชนกลุ่มใหม่ออกไปรอบนอก หรือไปตั้งหลักทำมาหากินในเขตที่มีแต่ภูเขา เมื่อเวลาผ่านไปกระแสการต่อต้านในท้องถิ่นก็แผ่ขยาย และกล่าวกันว่าคำว่า แคะ กลายเป็นคำที่ชนดั้งเดิมใช้เรียกผู้มาอยู่ใหม่อย่างดูแคลน แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกสิ่งดังกล่าวก็จางลง และมีการยอมรับคำว่าแคะให้ใช้เรียกชาวจีนแคะได้ในที่สุด เป็นที่รู้กันดีว่าชาวนาจีนแคะ ใช้เท้าขณะอยู่ในท่ายืนดึงวัชพืชออกจากนาข้าว ซึ่งเป็นความหยิ่งในวัฒนธรรมของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ยอมคุกเข่า และคลานบนดินแดนที่เป็นของชาวแมนจู กรณีนี้ก็มีความน่าสนใจประการหนึ่ง เพราะว่าชนที่มาอยู่ใหม่อาจไม่ใช่บรรพบุรุษ ของผู้พูดภาษาจีนเค่อทั้งหมด เนื่องจากคำว่าเค่อเป็นคำที่เหมาคลุม จากการศึกษารากเหง้าสืบสายชาวกวางตุ้งและเค่อ พบว่าแซ่บางแซ่มีบรรพบุรุษเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มชนอื่น ดั้งนั้นบรรพบุรุษของชาวเค่อจึงเป็นชนกลุ่มหนึ่งซึ่งอพยพลงมาทางใต้ เราสามารถพบเห็นชาวเค่อเจียในมณฑลทางใต้ของจีน เช่น กวางตุ้ง ฮกเกี้ยนตะวันตก เจียงซี ตอนใต้ของหูหนาน กว่างซี ตอนใต้ของกุ้ยโจว ตะวันออกเฉียงใต้ของเสฉวน เกาะไหหลำและไต้หวัน แม้ว่าชาวเค่อเจียหรือหักก๋าจะมีวัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่างเฉพาะตัวจาก ประชากรโดยรอบ แต่ชาวเค่อก็ไม่ถูกจัดว่าเป็นชนกลุ่มน้อย และยังคงถูกจัดว่าเป็นชาวจีนฮั่น และยังถูกถือกันในหมู่นักมานุษยวิทยาจีนว่าชาวเค่อนั้นยังเป็นชาวฮั่น บริสุทธิ์เลยทีเดียวในความขัดแย้งนี้ ชนกลุ่มเดิมถือว่าชาวเค่อไม่ใช่คนจีนอย่างสิ้นเชิง แต่ว่าจากการสืบรากเหง้าซึ่งพบว่ามีบรรพบุรุษสายเดียวกันแถมยังลึกซึ้งกว่า ชาวจีนฮั่นกลุ่มอื่น ๆ อีกด้วย ชาวเค่อจึงเป็นชาวจีนเหมือนเพื่อนบ้านของพวกเขา ชาวจีนเค่อหรือฮากกายังมีบทบาทในการกบฎไท่ผิงซึ่งนำโดย หงซิ่วฉวนผู้ที่คิดว่าตนเองคือน้องชายของพระเยซู และเป็นผู้นำสาวกซึ่งก่อตั้งอาณาจักรแห่งสวรรค์ไท่ผิงซึ่งถือกันว่าเป็นกบฏ ชาวนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติจีน (ไท่ ผิง เทียน กั๋ว) *เครดิต http://hakkapeople.com/node/894 สังเกตุเชื้อสายฮากกาที่เค้าไล่เรียงลำดับในเวป เป็นอดีตนายกไทยถึง 3คน คุณทักษิณ คุณอภิสิทธิ์ คุณอานันท์(คุณแม่เป็นฮากกา) แสดงว่าชอบเล่นการเมือง - -" -------------------------------------------------------------- สายเลือดผมก็เป็นฮากกา สมัยนึงบรรพบุรุษอพยพทางเรือ ขึ้นบกแถวมาเลย์ สิงคโปร์(นายกรัฐมนตรีเก่าสิงคโปร์ ก็มีเชื้อฮากกาเหมือนกัน) ไทย ยังใช้ภาษาฮากกาเป็นภาษาที่ 2 เวลาคุยกับผู้ใหญ่  ยังพอพูดได้นิดหน่อย ส่วนจีนอื่นๆทางใต้ คงไม่ใช่ชาวฮั่น พวกนี้เก่งเรื่องทำการค้า เกาหลี สมัยก่อนน่าจะเป็นเผ่าเร่ร่อนเผ่านึง  แต่เกาหลี น่าสงสารกว่า เจอพวก มองโกล พวกฮั่น ที่มีกองกำลังทหารเข้มแข็งกว่า  เลยจำเป็นต้องอพยพไปยังเทือกเขาติดทะเลในปัจจุบัน แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 54 19:28:20 จากคุณ : หัวใจเดินทาง เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 19:11:09

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเป็น จีนแคะเหมือนกัน ^^ มีเพื่อน อยู่กทม หัวเถิกๆ ดันไว้ผมยาว มันพาไปรูปดูบรรพบุรุษที่บ้าน ตัดผมทรงแมนจูทั้งนั้น(ล้านครึ่งหัวถักเปีย) อันนี้ฟังคนขับ แทกซี่เล่า  แคะ = ขี้เหนียว เป็นนายธนาคาร,ข้าราชการ(นิสัยซื่อสัตย์มัธยัท) แต้จิ๋ว  =ค้าขายเก่ง,ใจกล้าได้กล้าเสีย ,พ่อค้าร้านทอง(ค้าขายเก่ง) จากคุณ : lazarn เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 19:41:55

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ถูกแล้วคุณ lazarn  จีนชุดแรกที่มาเมืองไทย ไว้ผมทรงแมนจู เพราะเป็นกฏหมาย  ผู้ชายทั้งประเทศเลยต้องทำตามโทษหนักด้วยนะ ใครไม่ทำ  ปู่ผมก็เคยไว้ แต่ตอนมาถึงไทยก็ไม่ได้ไว้ผมแบบนั้นอีก เหมือนโดนบังคับให้ไว้แบบนั้นมากกว่า   สรุปได้เลย จีนทางตอนใต้ไม่ใช่ชาวฮั่นดั้งเดิม   คนจีนฮากกา = ส่วนมาำกไปทาง ช่างฝีมือ   คนแต้จิ๋ว = ค้าขายเก่ง wo 我 แต้จิ๋วอ่าน อั้ว, กวางตุ้งอ่าน หงอ, แต่จีนกลางอ่านหว่อ,จีนฮากกา อ่านว่า ไหง่ กินข้าว=ซิด-ฟั้น นอนหลับ = ซ้อย มุ ทำอะไร = จ๊อ มะ ไก๊ คนแก่แถวนี้ เค้าก็ยังใช้ภาษาจีนฮากกาเป็นภาษาหลักอยู่   เลยต้องสอนให้ลูกหลานฟังออก พูดได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง คนแก่ๆอยู่ที่บ้าน เค้าจะไม่ใช้ภาษาไทยเลย  พูดจีนอย่างเดียว พูดมาตั้งแต่เด็ก หลอกให้เราพูดด้วย จนมันเรียนรู้เองโดยธรรมชาติ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 54 20:39:52 จากคุณ : หัวใจเดินทาง เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 20:23:28

ความคิดเห็นที่ 22 การที่ชายคนหนึ่ง มี โครโซม Y ที่มี O3a5 ก็ไม่ได้แปลว่า พันธุกรรมของคุณ เป็น คนจีนแท้ๆ ที่ไม่เคยปนเปกับชนเผ่าอื่น หากแต่ Mitochodrial DNA คุณอาจจะรับมาจากเผ่าอื่นทั้งหมด หรือ โครโมโซม อีก ๒๒ คู่ และ อีกหนึ่ง X อาจจะแทบ ไม่พบพันธุกรรม ที่เป็นลักษณะประจำ เผ่า จีน เลยก็ได้ เพราะ พันธุกรรม ประจำเผ่า มันไม่เคยมีจริงๆ เพราะอะไร ก็ต้องลองกลับไปอ่าน Species concepts & Speciation อีกทีครับ ลักษณะ ที่เห็น มันก็คือ Clinal distribution of a single species ครับ ส่วน Hakka ก็ไม่แท้เช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มทางใต้ใกล้ชายฝั่งที่อพยพไปทั่วโลก เขาพบพันธุกรรม ที่บ่งชี้ว่ามี กลุ่ม มอญเขมรโบราณ เข้ามาปนอย่างมากครับ และท้ายที่สุด ถึง แม้จะมีประชากรใดที่ Y-haplotype เป็นชนิดเดียวกัน 100% ก็ต้องมานั่งตรวจสอบ mitochodrial & autosomal DNA ด้วยครับ ว่าแท้จริงเปล่า งานนี้ปวดหัวกว่าเดิม อิๆๆ ว่าจะพิสูจน์ไงครับ จากคุณ : Paphmania เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 01:36:13

ความคิดเห็นที่ 23 ฮากกา ก็คือ ฮากกา ซึ่งคำว่า           ฮาก ที่แปลว่า แขก นั้น แต้จิ๋ว อ่านว่า     แคะ,แขะ จีนกลางอ่านว่า  เค่อ ในเมืองไทยซึ่งมีคนที่มาจากอำเภอแต้จิ๋วอยู่เยอะ เลยเรียก ฮากกา ว่า แคะ จนในปัจจุบัน คนไทยเรียก ฮากกา ว่าจีนแคะ (ไม่ใช่ จีนแคระ แบบที่ ร้านก๋วยเตี๋ยวชอบเขียนผิดนะครับ ก๋วยเตี๋ยวแคะ จะสังเกตุได้ง่ายก็คือ มักมีเต้าหู้ยัดไส้ อันเป็นอาหาร ที่พบง่ายใน กลุ่มฮากกา) ฮากกา เป็นกลุ่มคนจีนที่เคยอาศัยอยู่ภาคเหนือ แล้วย้ายถิ่นฐานลงมาทางตอนใต้ของจีน ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ซึ่งการย้ายถิ่นฐานนั้น แน่นอนก็จะมักกระทบกระทั่ง กับเจ้าของที่เดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่ซึ่งเหมาะแก่การอยู่อาศัย รวมถึงเพาะปลูกจะถูก คนกว้างตุ้ง และ คนแต้จิ๋ว จับจองแล้ว ดัง นั้นคนฮากกา (แคะ) ก็ต้องอยู่ที่สูง เป็นเขา  ซึ่งไม่เหมาะกับการเพาะปลูก จึงมีบางส่วนที่ลงมาที่ราบ จึ่งก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท กับเจ้าของที่เดิม  ซึ่งความรู้สึกต่อชาวฮากกา ของ ชนพื้นเมืองเดิมนั้น ยังปรากฏอยู่บ้างในเมืองไทย เช่น คนแต้จิ๋ว ก็มักจะบอกว่า คนแคะคบไม่ได้ คนแคะร้าย รวม ทั้งคนแคะเองก็จะไม่นิยมให้แต่งงานกับคนกว้างตุ้งเป็นต้นซึ่งบ่งบอกถึงความ ไม่ไว้วางใจ ซึ่งกันและกันอันสืบทอดมาเป็นเวลานาน(แต่ในเมืองไทยยุคสมัยนี้คงไม่มีใคร สนใจเรื่องนี้กันแล้ว) แคะบางพวกที่ใช้ชีวิตกลมกลืนกับคนแต้จิ๋ว ก็จะถูกเรียกเป็นสำเนียงแต้จิ๋ว ว่า ปั้วซัวแขะ  หรือทางฮากกา อ่านว่า ป้านซานฮาก  แปลว่า ฮากกาครึ่งภูเขา  ซึ่งสำเนียงของ ปั้วซัวแขะ ก็จะผสมแต้จิ๋ว กับ ฮากกา เป็นอีกสำเนียงนึง ซึ่งการที่เป็นกลุ่มที่มาใหม่นั้น ชาวฮากกา ก็จะรักพวกพ้องไม่ไว้ใจใครง่ายนัก จะมีลักษณะปกป้องพวกพ้อง ยก ตัวอย่างเช่น กบฎ ไท่ผิง  ที่แบบเรียนมันเขียนว่า ไต้เผ็ง นั้น กลุ่มกำลังหลักที่ก่อการพยายาม ล้มล้าง ราชวงศ์ชิง ของชาวแมนจูนั้น ก็คือ คนฮากกา  นำโดย หงซิ่วฉวน ก็เป็นฮากกาเหมือนกัน ลักษณะของคนฮากกา มักจะให้ ลูกหลานเรียนหนังสือรับราชการ หรือไม่ก็ทำงานที่เป็นงานฝีมือ ดังนั้นการค้าขายต่างๆ คนฮากกา มักไม่เด่นชัดเท่า  ชาวแต้จิ๋ว ชาวกว้างตุ้งที่เก่งเรื่องนี้ -------------------------------------------------------------------- จริงๆ ฮากกา ก็แบ่งได้แบบนั้น ฮากกาแท้   กับ ปั้น(ครึ่ง)ฮากกา  ภาษาที่ใช้จะแตกต่างกัน พอสมควร  สำหรับปั้นฮากกา  ผมเคยไปฟังแล้ว ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะภาษามันปนกับแต้จิ๋วแล้ว ส่วนฮากกา ที่ อ.เบตง ส่วนมากจะเป็นฮากกาแท้  เพราะภาษาที่พูดเหมือนกัน  ไปพูดกับใครในเมือง ก็สื่อกันได้เหมือนกันหมด คงเหมือนคห.22 ว่าไว้ ถ้าอยากรู้ว่าฮั่นแท้ๆไม่แท้ คงต้องตรวจย้อนไปเยอะเลย  แต่ที่จีนน่าจะมีคนทำเรื่องนี้พวกนี้แล้ว  ต้องให้คนไปหาบทความวิจัยเรื่องนี้ในจีน จากคุณ : หัวใจเดินทาง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 08:40:05

ความคิดเห็นที่ 24 บ้านเราเป็นคนจีนแต้จิ๋ว รูปของอาเหล่าม่าเค้าไว้ครึ่งหัว ถักเปียยาวด้านหลังเหมือนในหนังจีนเลย จากคุณ : Candy Shop เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 08:56:03

ความคิดเห็นที่ 25 #21 กินข้าวเนี่ยบ้านผมเรียก ซิด-ผ่อน ครับ ทำอะไรเนี่ย จ้อ หมัก ไก้ พอดีเจอมา 客家人 คนฮากกา ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากทางจุงเหงียน (จงหยวน) อันเป็นดินแดนของชาวจีนฮั่นในสมัยโบราณ และต่อมาได้แพร่กระจายอยู่หลายประเทศ แม้แต่ในจีนเองก็มีอยู่หลายมณฑน เช่น กวางตุ้ง ฝูเจียน ซึ่งยอมรับกันว่า ในแถบเหมยโจ มีชาวฮากกาอยู่หนาแน่นกว้างขวางมากที่สุด ด้วยความที่ ชาวฮากกาที่อพยบลงมาหลายยุค หลายสมัย  และถิ่นที่อยู่ปัจจุบันก็แตกต่างกัน จึงทำให้มีสำเนียงแตกต่างกันไปบ้าง ซึ่งในบางคำก็เสียงเหมือนกัน และมีไม่น้อยที่ต่างกันเพียงเสียงวรรณยุค แม้มีบางประโยคที่เรียงคำหรือใช้อักษรคนละตัวกัน แต่เป็นส่วนน้อย จึงทำให้ปันซันขัก และชิมฮัก สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้   ส่วนคำถามยอดนิยม เพื่อแยกว่า ใช้สำเนียงใด นิยมถามว่า กินข้าว ที่บ้านเรียกว่าอะไร?  เพราะเป็นคำพื้นๆ ที่อาจจะเคยได้ยินมาแต่เล็กๆ (แม้จะพูดฮากกาไม่ได้เลยก็ตาม) และโดยเฉพาะ คำว่า ข้าว (ฟ่าน/ผ่อน) เป็นคำที่เสียงเรียกต่างกันชัดเจน    * กินข้าวว่า ซึดฝ้าน - ชิมขัก เป็นสำเนียงทาง หม่อยแหย้น(เหมยเสี้ยน) ไท้ปู(ต้าปู) ซินหนิง เจียวเลี่ยง    * กินข้าวว่า ซิดผ่อน - ปันซันขัก   เป็นสำเนีบงทาง เฟิงซุ่น ทองคัง เกียดหยอง (เจียหยาง) หย่งติ้ง แต่ถ้าจะแยกโดยละเอียดแล้ว ชาวฮากกาในแต่ละตำบล อำเภอ ต่างก็มีสำเนียง/สำนวน ของตัวเองแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย จึงนิยมแบ่งเพียงสองสำเนียงหลักๆ ข้างต้น ซึ่งจะพบเห็นได้ว่า แม้เป็นภาษาปันซันขัก หรือ ชิมชัก ด้วยกันเอง บางคำ บางหมู่บ้าน ก็ออกสำเนียงแตกต่างกันไปบ้าง มากกว่า 5 สำเนียง ในที่นี้คำว่า 客家人 ไม่ว่าจะอ่านว่า เคอเจียเหยิน เคอเจียเหริน ฮักกาหยิ่น ขักกาหงิน แคะแกนั้ง หรือชาวฮากกา ต่างก็เข้าใจในที่นี้ว่า เป็นผู้ที่มีบรรพชนร่วมสายโลหิต มาจากชาวฮั้นทางจงหงวนด้วยกัน แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 21:03:52 จากคุณ : กฤตยฎีกา เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 20:54:03

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าคนแคระ สร้างบ้านอยู่รวมเป็นหมู่ป้อมปราการแบบ บ้านดินถู่โหลว แบบนี้คงไม่ใช่ชาวฮั่นแท้ซักเท่าไหร่ เพราะชาวฮั่น ไม่มีใครสร้างบ้านกันแบบนี้ ส่วนคำว่าชาวฮั่น เป็นชื่อเรียกรวมๆ ของชาวมองโกลอยด์ ที่มาตั้งรกรากอยู่ในจงหยวนแผ่นดินจีน และยอมรับใช้อารยธรรมและตัวอักษรเดียวกัน เหมือนที่ 16-17 ว่าไว้ คำว่าฮั่น คืออักษรชื่อเรียกของราชวงศ์ฮั่นของหลิวปัง ที่คนจีนเอามาใช้เรียกคนในแถบจงหยวนที่ใช้วัฒนธรรมเดียวกันเท่านั้นเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ DNA ของใครแต่อย่างใด เพราะแผ่นดินจีนแต่แรก ก็มีเป็นร้อยเป็นพันชนเผ่าอยู่แล้ว จากคุณ : x เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 23:01:47 A:61.90.69.144 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 27 พ่อตาผมเป็นแคะเหมือนกันครับ มาจากเมืองจีนเลย แต่เสียชีวิตไปนานแล้ว ภรรยาผมเล่าให้ฟังว่า พ่อเขาเรียนสูง ทางบ้านส่งเรียน จบมารับราชการเป็นนายร้อย แล้วเมืองจีนมีเหตุการณ์เลยหนีมาอยู่เมืองไทย (ผมเดาว่าเป็นกองพล 93 เพราะแกพยายามจะส่งลูกไปเรียนบนดอยทางเหนือ) อุปนิสัยเป็นอย่างที่ คห. ข้างบนบอกละครับ ไม่ชอบค้าขาย มีฝีมือทางช่างสูง อาชีพสุดท้ายคือช่างทำเหล็กดัด งานเยอะเพราะฝีมือดี ทำเหล็กดัดเป็นลวดลายได้ทุกแบบที่ลูกค้าสั่ง และเพราะเรียนสูง มาเมืองไทยใหม่ๆเลยทำงานเป็นผู้จัดการโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่ง จนโรงงานทอผ้าปิดตัวไปก็มาเอาดีทางด้านทำเหล็กดัดลวดลาย เรื่องหัวดี ก็นับว่าดีมาก ภรรยาผมบอกว่า คุณพ่อตามาอยู่เมืองไทยก็เรียนเขียนอ่านไทยด้วยตัวเอง ไม่มีใครสอน แกหาหนังสือมาอ่านเอาเอง หัดพูดเขียนอ่านได้ด้วยตัวเอง และรักพวกพ้องมาก ลูกสาว ไม่ยอมให้แต่งกับคนไทยหรือคนอื่นเด็ดขาด ต้องแคะด้วยกันเท่านั้น พอดีพ่อตาผมเสียชีวิตไปก่อนที่ผมจะรู้จักกับแฟนเลยรอดไป เคยคุยกับคู่เขย เขยใหญ่บอกว่าฝ่าฟันอุปสรรคพ่อตาอย่างมากมาย พ่อตาไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งกับคนไทย เล็กๆน้อยๆ มาแชร์กันอ่านเล่นๆครับ จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:22:43

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณ  คุณหัวใจเดินทาง ที่บอก แม่ ผม แคะ แม่บอก ฝั่งพ่อ คือโป๊ซัวแคะ แปลว่าครึ่งเขาผมก็ไม่เข้าใจ เพิ่งรู้ว่า ผสมกะแต้จิ๋ว นี่เอง ปล ฝั่งพ่อ ค้าขายเก่ง จริงครับ คนแคระ ไม่ยอมแต่งกะคนไทย ก็จริงอีกนั่นแหละครับ ถ้า โดนคนไทยด้วยกันหลอก จะเรียกพวกนี้ เสียมกุย (แปลเองแล้วกัน) 55+ แคะ เก่งงานด้านช่างก็จริงอีกนั่นแหละครบ พ่อ ตา พี่เขย งานช่างมาเลย จากคุณ : lazarn เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 22:00:59