ความคิดเห็นที่ 1 แต่ในช่วงกลางปี 1943 เป็นต้นไป กองเรือดำน้ำเยอรมัน หรือกองเรืออู(U-Boat) ต้องเผชิญกับยากลำบากในการล่ากองเรือสินค้าของอังกฤษเป็นอย่างมาก ทั้งจากภัยคุกคามทางอากาศจากเครื่องบินคุ้มกัน ที่บินลาดตระเวนทางอากาศบ่อยขึ้น และเรือพิฆาตคุ้มกันที่คอยเฝ้าระวังภัยให้กับเรือสินค้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้จำนวนความสูญเสียของเรือดำน้ำเยอรมันมีจำนวนมากขึ้น --- จากรูป เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนักของอังกฤษแบบ แฮรีแฟค(Halifax) สังกัดกองทัพอากาศอังกฤษ(Royal Air Force หรือ RAF) ถือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อเรือดำน้ำเยอรมัน จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:49:24

ความคิดเห็นที่ 2 จากรูป เรือดำน้ำเยอรมัน หรือ เรืออู ขณะอยู่ภายใต้การยิงด้วยปืนใหญ่อากาศของเครื่องบินทิ้งระเบิด แฮรีแฟค(Halifax) จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:50:04

ความคิดเห็นที่ 3 จากรูป ในเดือนเมษายน ปี 1943 ลูกเรือจากเรือ USS Spencer กำลังทิ้งระเบิดน้ำลึก(Depth Charge) เข้าใส่เรืออู(U-Boat) ในเขตแอตแลนติกเหนือ ภายใต้การกดดันอย่างหนักของกองทัพเรือสหรัฐ(US Navy) ทำให้เยอรมณีต้องรีบพัฒนาตอร์ปิโดใต้น้ำชนิดใหม่ที่มีขีดความสามารถในการโจม ตีเรือรบได้ และ มีความเร็วในการเดินทางสูง จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:50:38

ความคิดเห็นที่ 4 ในตอนนั้นตอร์ปิโดใต้น้ำที่เยอรมันใช้อยู่เป็น ตอร์ปิโดที่ไม่นำวิถีด้วยเสียงครับ เป็นตอร์ปิโดในตระกูล G7e torpedo ซึ่งใช้กันมาแล้วหลายรุ่นตั้งแต่G7e/T2, G7e/T3 และรุ่นล่าสุดตอนนั้นคือรุ่น G7e/T4 หรือรุ่น Falke แต่ รุ่น G7e/T4 Falke นี้มีปัญหาในการใช้งานคือ ตัวตอร์ปิโดแม้จะมีระยะทำการไกลถึง 7 กม. แต่ก็มีความเร็วต่ำเพียง 20 น็อต หรือประมาณ 37กม/ชม เท่านั้นยังไม่เพียงพอต่อภัยคุกคามที่มาถึง และในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันในปี 1943 เยอรมันจึงพัฒนาตอร์ปิโดที่นำวิถีด้วยเสียงแบบแรกของโลกได้สำเร็จ โดยใช้ชื่อว่า G7es T-5 Zaunkonig ซึ่งข้อดีของตอร์ปิโดชนิดนี้คือ มันสามารถนำวิถีได้ด้วยตัวเอง โดยการตรวจจับสัญญาณเสียงที่แพร่ออกมาจากหางเสือเรือเป้าหมายได้(Passive Homing) และตอร์ปิโดมีความเร็วสูงกว่ารุ่นก่อนๆมาก เยอรมณีจึงนำอาวุธชนิดนี้มาใช้เสริมเขี้ยวเล็บให้กับเรือดำน้ำเยอรมันใน ทันทีเลยทีเดียว --- จากรูป แสดงส่วนประกอบของตอร์ปิโด G7es T5 จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:51:26

ความคิดเห็นที่ 5 การใช้งานจริง หลังจากที่ตอร์ปิโด G7es T-5 Zaunkonig ซึ่งเป็นตอร์ปิโดนำวิถีด้วยเสียงแบบแรกของโลกได้ถูกผลิตขึ้นได้นั้น ฝ่ายเยอรมันจึงได้นำมาใช้งานจริงในสงคราม โดยตอร์ปิโดเสียงรุ่นนี้ยังสามารถนำมาใช้โจมตีเรือลาดตระเวนและเรือพิฆาตได้อีกด้วย การตกตะลึงของฝ่ายสัมพันธมิตร เยอรมณีนำตอร์ปิโดแบบ G7es T-5 Zaunkonig มาใช้งานจริงในสงครามตั้งแต่ในปี 1943 ครับ และในปีเดียวกันนั้นก็สร้างความตกตะลึงให้แก่ฝ่ายพันธมิตรได้อย่างมาก ในเดือนกันยายน ปี 1943 เรือดำน้ำเยอรมันว่า 21 ลำ สังกัดกองทัพเรือเยอรมันหรือ Kriegsmarine(อ่านว่า ครีก-ซมา-รี-เนอร์ ) เรือ ดำน้ำเยอรมันชุดนี้ได้มีการติดตั้งตอร์ปิโดแบบ G7es T-5 ไว้ในท่อยิงด้วย และได้เดินทางข้ามมหาสมุทรเข้าโจมตีกองเรือสินค้าของฝ่ายพันธมิตรใน "เหตุการณ์การโจมตีกองเรือคอนวอย ONS 18 และ ON 202" ในเขตแอตแลนติกเหนือ ซึ่งการโจมตีกองเรือคอนวอย(Convoy)ในครั้งนี้ ฝ่ายเยอรมันได้มีการใช้ตอร์ปิโดแบบ G7es T-5 เป็นจำนวนมากในทะเล ซึ่งในท้ายที่สุดทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรต้องสูญเสียเรือสินค้าถึง 6 ลำ และเรือรบถึง 3 ลำ(โดยปกติเรือดำน้ำเยอรมันจะโจมตีเฉพาะเรือสินค้าของศัตรูเท่านั้น) โดยที่ฝ่ายเยอรมันสูญเสียเรือดำน้ำเพียง 3 ลำเท่านั้น(นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความสูญเสียจากหลายๆครั้งที่ผ่านมา) --- จากรูป ธงสัญลักณ์ของกองทัพเรือเยอรมัน หรือ Kriegsmarine ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 12:31:38 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 21:01:36 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 21:01:10 จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:52:16

ความคิดเห็นที่ 6 จากเหตุการณ์การรบในครั้งนั้นทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรตกใจมาก โดยเฉพาะอังกฤษ เพราะความสูญเสียในสมรภูมิเดียวมีจำนวนมาก และเรือรบทั้ง 3 ลำที่ถูกจมนั้น มีทั้งเรือ พิฆาต(Destroyer ) เรือฟรีเกต(Frigate) และเรือคอร์เวต(Corvette) รวมทั้งสิ้น 3 ลำที่ถูกจมทั้งหมดในเหตุการณ์ครั้งนั้น เรือทั้ง 3 ลำนั้นประกอบไปด้วยเรือสัญชาติต่างๆดังนี้ครับ 1 เรือพิฆาต HMCS St. Croix (I 81) สังกัดกองทัพเรือแคนาดา(The Royal Canadian Navy) 2 เรือฟรีเกต HMS Itchen (K 227) สังกัดกองทัพเรืออังกฤษ(The Royal Navy) 3 เรือคอร์เวต HMS Polyanthus (K 47)สังกัดกองทัพเรืออังกฤษ(The Royal Navy) --- จากรูป เรือพิฆาต HMCS St. Croix (I 81) สังกัดกองทัพเรือแคนาดา(The Royal Canadian Navy) ซึ่งถูกจมในเหตุการณ์ "การโจมตีกองเรือคอนวอย ONS 18 และ ON 202" แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 12:32:18 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 21:02:19 จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:53:20

ความคิดเห็นที่ 7 จากรูป เรือพิฆาต HMCS St. Croix (I 81) สังกัดกองทัพเรือแคนาดา(The Royal Canadian Navy) จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:53:56

ความคิดเห็นที่ 8 ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรประเมินถึงศักยภาพทางทะเลของเรือดำน้ำเยอรมันมากขึ้น และเริ่มค้นหาหนทางในการ "เอาคืน" การกระทำในครั้งนี้ของเยอรมันครับ --- จากรูป เรือคอร์เวต HMS Polyanthus (K 47)สังกัดกองทัพเรืออังกฤษ(The Royal Navy) ถูกจมในเหตุการณ์ "การโจมตีกองเรือคอนวอย ONS 18 และ ON 202" ในแอตแลนติกเหนือ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 21:02:35 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 20:54:53 จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:54:31

ความคิดเห็นที่ 9 การตอบโต้ของฝ่ายสัมพันธมิตร หลังเหตุการณ์ "การโจมตีกองเรือคอนวอย ONS 18 และ ON 202" ใน แอตแลนติกเหนือ ได้ผ่านพ้นไปแล้วนั้น ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงหาวิธีการในการตอบโต้ตอร์ปิโดเสียง โดยฝ่ายอังกฤษได้เรียกตอร์ปิโดแบบ G7es T-5 ว่า GNAT ( ย่อมาจาก German Navy Acoustic Torpedo)ซึ่งเป็นโคดเนมที่หมายถึง "ตอร์ปิโดนำวิถีด้วยเสียงของกองทัพเรือเยอรมัน"นั้นเองครับ สำหรับกลไกการทำงานของ G7es T-5 นั้นมีจุดแข็งก็คือ มันสามารถนำวิถีได้โดยอาศัย การตรวจจับลักษณะเฉพาะ(Characteristic)ของเสียงที่แพร่ออกมา จากบริเวณหางเสือเรือ(ตอร์ปิโดเสียงส่วนใหญ่ถึงได้ระเบิดใส่บริเวณส่วนหลังของเรือ) ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ตระหนักถึงจุดแข็งข้อนี้ดี และได้คิดหาวิธีแก้ได้อย่างชาญฉลาด ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงบอกว่า "ถ้าตอร์ปิโดเสียงบ้านั่นชอบเดินทางเข้าหาแหล่งกำเนิดเสียงดีนัก เราก็จะให้มันได้ฟังเสียงดังๆจนหนำใจไปเลย" --- จากรูป อธิบายการนำวิถีของตอร์ปิโดเสียงแบบ Passive      [รูป บน] เมื่อเสียงที่แพร่จากทั้ง 2 ด้านมีระดับความดังที่เท่ากัน ตอร์ปิโดจะไม่วิ่งเข้าหาที่ใด เพราะถูกดึงไว้ด้วยระดับเสียงทั้ง 2 ด้าน      [รูปกลาง] เมื่อระดับเสียงที่ด้านขวามีมากกว่า ตอร์ปิโดจะเคลื่อนที่ไปด้านขวา      [รูปล่าง]เมื่อระดับเสียงที่ด้านซ้ายมีมากกว่า ตอร์ปิโดจะเคลื่อนที่ไปด้านซ้าย แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 12:34:00 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 12:29:15 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 21:03:02 จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:55:37

ความคิดเห็นที่ 10 อุปกรณ์ต่อต้านตอร์ปิโดเสียง ฝ่ายสัมพันธมิตรได้คิดค้น "The Foxer" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ต่อต้านตอร์ปิโดเสียงแบบหนึ่ง โดยเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้จะมี ตัวส่งสัญญาณเสียง 1-2 ตัว โดยผูกติดไว้จากด้านหลังของเรือ โดยผูกให้ยาวห่างจากหลังเรือหลายร้อยเมตร และเรือก็ลากจูงมันไปทุกครั้ง มันก็จะจมอยู่ใต้น้ำแต่ถูกลากจูงไปโดยเรือครับ อุปกรณ์ตัวนี้จะส่ง เสียงที่ดังมากๆออกไปใต้น้ำ คลื่นเสียงที่แพร่กระจายออกไปจะดังมากจนดังกว่าเสียงที่ออกมาจากท้ายเรือ เสียอีก ทำให้ไอ้เจ้าตอร์ปิโดเสียงนั้นมันงงครับ เพราะตามกลไกการนำวิถีของมัน ตัวตอร์ปิโดที่นำวิถีด้วยเสียงจะเดินทางหาแหล่งกำเนิดเสียงที่มากที่สุด การใช้อุปกรณ์ The Foxer ซึ่งแพร่คลื่นเสียงที่ดังมากออกมาทำให้ตอร์ปิโดแทนที่จะพุ่งเข้าหาบริเวณหาง เสือเรือเหมือนแต่ก่อน แต่คราวนี้มันก็จะพุ่งเข้าไปวนรอบๆอุปกรณ์ให้กำเนิดเสียงนี่แหละครับจนมัน หมดเชื้อเพลิงไปเอง หรือถ้าเกิดตัวตอร์ปิโดเสียงมันสามารถเดินทางหาแหล่งกำเนิดเสียงได้จริงๆ มันก็จะพุ่งเข้าทำลายอุปกรณ์ Foxer แทน ซึ่งทำให้เรือต่างๆปลอดภัยยิ่งขึ้นเป็นการป้องกันแบบ 2 ต่อครับ ซึ่ง ปรากฎว่าการทำเช่นนี้ได้ผลจริงๆครับ จำนวนความสูญเสียที่เกิดขึ้นแบบเหตุการณ์การโจมตีกองเรือคอนวอย ONS 18 และ ON 202 ในแอตแลนติกเหนือจึงไม่เกิดขึ้นอีก นี่จึงเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ในด้านการยุทธวิธีการ "ลับ-ลวง-พราง" นั้นไม่ได้มีแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเคยมีใช้อยู่ในต่างประเทศด้วยครับ --- จากรูป ตอร์ปิโดเสียงแบบ G7es T5 จะเดินทางตามแหล่งให้กำเนิดเสียงที่ด้านท้ายเรือไป แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 12:34:44 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 21:03:57 จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:56:34

ความคิดเห็นที่ 11 จากรูป อุปกรณ์ Foxer หรืออุปกรณ์ให้กำเนิดเสียง ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงลวงตอร์ปิโด แทนที่มันจะเดินทางเข้าระเบิด้านหลังเรือ มันก็จะเดินทางหาอุปกรณ์ให้กำเนิดเสียงแทน จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:56:53

ความคิดเห็นที่ 12 การปรับปรุงตอร์ปิโดเสียงของเยอรมณี หลังจากที่ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนา The Foxer เพื่อ ให้สร้างเสียงลวงกลไกการนำวิถีของตอร์ปิโดเสียงได้นั้น สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ยังคงดำเนินต่อไปครับ เยอรมันเองก็ได้พัฒนาตอร์ปิโดเสียงรุ่นที่ 2 ออกมาอยู่ โดยได้พัฒนาเสร็จสิ้นและใช้ชื่อว่ารุ่น "T11 G7es Zaunkonig II" ครับ T11 G7es Zaunkonig II เป็นรุ่นที่ 2 ของตอร์ปิโดเสียงเยอรมันครับ โดยเป็นการปรับปรุงตัวตอร์ปิโดเพื่อเพิ่มระยะยิงให้ไกลขึ้น ปรังปรุงเซ็นเซอร์ให้สามารถตรวจจับเสียงได้ดีมากขึ้น และเรือดำน้ำสามารถยิงได้ที่ระดับความลึกที่มากขึ้นคือยิงได้ที่ความลึกกว่า 50 เมตร ดีกว่ารุ่นที่ 1(G7es T-5 Zaunkonig)ที่ยิงได้ที่ระดับความลึกไม่เกิน 15 เมตรเท่านั้นครับ อย่างไรก็ตาม T11 G7es Zaunkonig II หรือตอร์ปิโดเสียงรุ่นที่ 2 ก็ไม่เคยมีการนำมาใช้งานจริงในสงครามครับเพราะเยอรมันแพ้สงครามเสียก่อน --- จากรูป ภาพโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายเยอรมัน จะสังเกตเห็นธงของกองทัพเรือเยอรมัน(Kriegsmarine ) แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 12:35:25 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 21:04:20 จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:57:39

ความคิดเห็นที่ 13 จากรูป ภาพโฆษณาชวนเชื่อของเรือดำน้ำเยอรมัน จะสังเกตเห็นธงของกองทัพเรือเยอรมัน(Kriegsmarine ) จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 20:58:03

ความคิดเห็นที่ 14 เกร็ดจากประวัติศาสตร์ -หลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 หลักการนำวิถีตอร์ปิโดเสียงของเยอรมณีได้กลายเป็นหลักการพื้นฐานในการนำวิถี ของตอร์ปิโดเสียงใต้น้ำในทุกๆวันนี้ -การใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Foxer นั้น ในภายหลังได้กลายเป็นหลักการพื้นฐาน ของการต่อต้านตอร์ปิโดเสียงใต้น้ำในทุกๆวันนี้เช่นกัน -เมื่อ เยอรมณีแพ้สงคราม เทคโนโลยีของตอร์ปิโด G7es T-5 Zaunkonig ถูกโซเวียต และ อเมริกานำไปพัฒนาต่อเป็นตอร์ปิโดเสียงรุ่นสมัยใหม่ต่อไป คุณลักษณะของตอร์ปิโด G7es T-5 Zaunkonig ความยาวตอร์ปิโด: 7.163 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง: 53.34 ซม. น้ำหนักตอร์ปิโด: 1495 กก. กำลังขับ: 55 แรงม้า การนำวิถี: เดินทางตามแหล่งให้กำเนิดเสียง(Passive Acoustic Homing) การขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้า ระยะยิงไกล: 5.7 กม. ความเร็วในการเดินทาง: 24 น็อต หรือ 45 กม/ชม หัวรบหนัก: 275 กก. ยิงได้ที่ระดับความลึกไม่เกิน: 15 เมตร การ ที่เราได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของตอร์ปิโดเสียงรุ่นแรกของโลก นี้ แม้มันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของสงครามก็ตาม แต่มันก็จะทำให้เราได้เรียนรู้ถึงแนวคิด(Idea)ในการทำสงครามมากขึ้น และเมื่อเราเรียนรู้แนวคิดในการทำสงครามมากขึ้น เราก็จะเข้าใจธรรมชาติของสงครามมากขึ้น เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติของสงครามมากขึ้น เราจะเข้าเข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น และเมื่อเราเข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น เราจะเข้าใจโลกนี้มากขึ้นนั่นเอง... สำหรับใครที่สนใจอ่านแบบภาพสวยๆ ผมขอแนะนำให้เข้าไปอ่านที่ blog ของผมด้วยก็ได้ครับ เพราะปรับแต่งได้สวยงามดี และถ้าท่านใดมีคำถามก็ขอเชิญเขียนลงมาได้เลยครับ ถ้าผู้เขียนทราบผู้เขียนก็จะมาตอบให้ครับ บทความหน้าจะพาไปรู้จักระบบยิงอวป.แบบ Mistral แบบเดียวกับบนเรือหลวงจักรีที่เคยโพสไปนั่นเองครับ แต่ผมจะเอามาขยายความต่อว่ามีระบบอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร ขอเชิญติดตามได้ที่หน้า Blog ของผู้เขียนครับ เพราะบทความหน้าจะไม่โพสลง pantip.com ครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hacker-mi6&month=17-07-2011&group=1&gblog=29 สำหรับวันนี้ก็ขอจอบบทความลงแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 12:39:08 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 12:38:35 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 21:08:29 จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 21:00:30

ความคิดเห็นที่ 15 แถมให้ครับ จากคุณ : Napoleonic เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 21:07:43

ความคิดเห็นที่ 16 แถมอีกนิดครับจาก slogan ของผม "กองทัพใดมีหลักนิยมใ้ประโยชน์ทางทะเล กองทัพนั้นจะมุ่งพัฒนาเรือผิวน้ำเป็นหลัก.แต่หากกองทัพใดไม่มุ่งเน้นการใช้ ประโยชน์ทางทะเล กองทัพนั้นจะเน้นเสริมสร้างกำลังด้วยเรือดำน้ำเป็นหลัก(นักวิเคราะห์ ยุทธศาสตร์การทหารสหรัฐ)" อธิบายเพิ่มครับ -การใช้ประโยชน์ทางทะเล หมายความว่า กองทัพนั้นมุ่งเน้นการใช้ทะเลให้เป็นประโยชน์ต่างๆ เช่น ขนส่งเสบียง ขนส่งสัมภาระ ขนส่งยุทโธปกรณ์หนัก ขนส่งกำลังพล สนับสนุนการกู้ภัย การลาดตระเวนชายฝั่ง การป้ิองปรามศัตรู สนับสนุนการยุทธ์แบบสะเทินน้ำสะเทินบก การครอบครองผืนน้ำ การครอบครองน่านฟ้า(เพราะสิ่งพวกนี้ทำใต้น้ำได้ลำบาก) กองทัพที่ใช้หลักนิยมนี้เช่น สหรัฐ และอังกฤษ ในยุคสงครามเย็น เป็นต้น -แต่หากกองทัพใดไม่มุ่งเน้นการใช้ ประโยชน์ทางทะเล กองทัพนั้นจะเน้นเสริมสร้างกำลังด้วยเรือดำน้ำเป็นหลัก หมายความว่ากองทัพนั้นมุ่งเน้นการใช้ทะเลเพียงเพื่อดำเนินการทางยุทธวิธีเป็นหลัก แตกต่างจากด้านบนที่กล่าวไป กองทัพที่ใช้หลักนิยมนี้เช่น โซเเวียตสมัยสงครามเป็นเป็นต้น จริงๆแล้วการใช้ประโยชน์ทางทะเลกับไม่ใช้ มีข้อดี-เสียแตกต่างกันครับ คำพูดนี้เป็นการวิเคราะห์ของ นักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์การทหารสหรัฐ ท่านสมาชิกจะเป็นด้วยหรือไม่ก็นานาจิตตั้งครับ จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 21:19:02

ความคิดเห็นที่ 17 นาซีนี่ยังไงๆก็เจ๋งอยู่วันยังค่ำ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 54 22:19:08 จากคุณ : ชิงแมวเกิด เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 22:17:53

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ อดคิดต่อไม่ได้ว่าสมัยนั้นอิเลคทรอนิคส์ยังไม่เจริญ ยังไม่มี transistor ดังนั้นวงจรทั้งหมดในตอร์ปิโด คงทำงานด้วยหลอดสูญญากาศ (vacuum tube) มีแหล่งจ่ายไฟสูง มีอะไรต่อมิอะไรซึ่งซับซ้อนในเชิงกลไกจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันถูกทดแทนด้วยอิเลคทรอนิคส์เกือบหมด จากคุณ : KWM-2A (KWM-2A) เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 23:56:47

ความคิดเห็นที่ 19 ตราสัญลักษณ์เรียบง่ายแต่ทรงพลังมากอ่ะ  ชอบจัง ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ นะคะ ^^ จากคุณ : XziBitch เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 09:17:27

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับที่นำบทความดีๆ มาแบ่งกัน อ่านดูหลายๆ ครั้งอดคิดไม่ได้ว่าหากเยอรมันไม่แพ้สงครามซะก่อน ยังมีอาวุธอีกหลายชนิดที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้ หากยืดเวลาไปได้อีกนิด ดูท่าฝ่ายที่แพ้อาจจะไม่ใช่เยอรมันก็เป็นได้ จากคุณ : papos เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 14:11:55

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนเครื่องเจ็ตก็ยังไม่ทันได้ใช้แพ้ซะก่อน จากคุณ : PaND@_BIG เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 14:48:53

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแสดงความเห็นครับ ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีคนมาแล้ว ขออธิบายเพิ่มเติมครับ จริงๆแล้วการใช้หลักการนำวิถีด้วยเสียงของฝ่ายเยอรมัน มีมาก่อนหน้ารุ่น T5 อีกครับ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จมาก ก็คือรุ่น G7e T4 หรือรุ่น Falkeแต่พวกเยอรมันไม่ค่อยปลื้มกับรุ่น T4 อย่างที่ผมบอกไปคือรุ่น T4 มีปัญหาด้านวิศวกรรม  คือความเร็วต่ำ การนำวิถีที่ไม่น่าเชื่อถือ ฝ่ายเยอรมันจึงไม่ค่อยได้นำไปใช้  มีเรืออูเพียงไม่กี่ลำเท่านั้นที่ได้ใช้ตอร์ปิโดรุ่น T4 ในสงคราม ถือว่าการพัฒนาไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ เยอรมันจึงเลือกนำพื้นฐานของตอร์ปิโดรุ่นเก่ากว่ามาพัฒนาใหม่เป็นรุ่น T5 แหล่งข้อมูลหลายแหล่งจึงจัด G7es T5 เป็นตอร์ปิโดเสียงเรือดำน้ำรุ่นแรกของโลกครับ เพราะพัฒนาสมบูรณ์และมีการใช้กันมากมาย ส่วนฝ่ายสัมพันธมิตรก็มีตอร์ปิโดเสียงเช่นกันครับ เริ่มเข้าประจำการปีเดียวกัน(1943) แต่ของสหรัฐเป็นแบบใช้ในภารกิจ ปราบเรือดำน้ำ(Anti Submarine Warfare หรือ ASW)  เป็นแบบใช้ปล่อยจากอากาศ-สู่-ใต้น้ำ  ส่วนรุ่นที่ยิงเหมือนเรืออูเข้าประจำการในสหรัฐอีก 1 ปีต่อมา(MK28) แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 17:03:44 จากคุณ : Hacker-MI6 เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 16:59:35

ความคิดเห็นที่ 23 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 17:05:41 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 17:05:29 จากคุณ : Auswart Trikot (เชียงคำ) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 17:04:58

ความคิดเห็นที่ 24 Deutschland, Deutschland uber alles, uber alles in der Welt จากคุณ : Auswart Trikot (เชียงคำ) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 17:06:52

ความคิดเห็นที่ 25 สนุกมากครับ ขอบคุณมาก จากคุณ : Alice_Nine เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 17:28:08

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณมากครับ :D ชอบๆ จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 21:05:12

ความคิดเห็นที่ 27 นาซี ถ้าไม่ ไล่พวกยิว หรือ ฆ่ายิว  ตอนนั้นน่าจะ ชนะ สงครามไป แล้ว แล้วใครจะ ไป นึกว่า สาเหตุ ที่ ฮิตเลอร์ ฆ่ายิวเป็นล้านๆ สาเหตุ แต่ เล็กนอย แค่ ปู่ กับหลานแค่นั้นเอง แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 21:21:33 จากคุณ : thanapatpp เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 21:20:01

ความคิดเห็นที่ 28 ที่ฮิตเลอร์ฆ่ายิวมันไม่ได้มีแค่เหตุผลเดียวหรอกครับ สมมุติว่าจะฆ่าใครสักคน เราคงจะหาเหตุผล108มา เพื่อที่จะเพียงพอให้เราฆ่าคน ฮิตเลอร์เขาก็คงจะคิดแบบนี้หล่ะมั้งครับ จากคุณ : JackRabbit เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 21:41:01

ความคิดเห็นที่ 29 อยากรู้กลไกการนำวิถีของยุคนั้นครับ ที่ไม่ีมีโปรเซสเซอร์ แต่นำวิถี ควบคุมยังไงครับ คิดไม่ออก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 22:19:52

ความคิดเห็นที่ 30 คงใช้หลักการง่ายๆ ขยายสัญญาณจากเซนเซอร์ซ้ายขวาแล้วไปดันหางเสือบังคับทิศทางตามสัญญาณที่ได้ เดาเอาจากความน่าจะเป็นนะครับ จากคุณ : แมวเกาะ เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 54 12:58:51

ความคิดเห็นที่ 31 โดยส่วนตัวผมว่านาซีเป็นกองทัพที่มีพลังอยู่ในตัว โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนาซีต่อชนชาติยิวครับ แต่โดยส่วนตัว  ผมรู้สึกสะใจลึกๆทุกครั้ง  ที่ได้ดูภาพฮิตเลอร์  และนายทหารนาซีระดับสูง   ใส่ชุด Erste Garnitur ยืนคุยกัน  โดยมีทหารนาซีกำลังสวนสนามเป็นฉากหลัง  และฉากหลังต่อไปอีกคือหอไอเฟล   ครับ  ผมรู้สึกสะใจลึกๆ  ที่นาซีไปเดินสวนสนามประกาศชัยชนะ  ณ กรุงปารีส  ดดยมีหอไอเฟลเป็นฉากหลังครับ จากคุณ : Die Marine เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 54 13:54:56

ความคิดเห็นที่ 32 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 21:13:30

ความคิดเห็นที่ 33 จากที่ติดตาม ฮิสทรีชาแนล มานาน นาซีจะชนะถ้าไม่มี ตาแก่อย่างฮิตเลอร์ ที่ไร้ความสามารถในการบังคับบัญชา จากคุณ : โจ (ฉันมันตัวเปล่า) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 23:54:05

ความคิดเห็นที่ 34 เราก็คิดว่านาซีและศักยภาพของเยอรมันจะไปได้อีกไกลถ้ามีผู้นำที่ดีกว่าฮิตเลอร์ ดูจากปัจจุบัน  เยอรมันผงาดในด้านอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ  ทั้งๆ ยังต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามอยู่เลย จากคุณ : XziBitch เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 08:58:29

ความคิดเห็นที่ 35 แวะเข้ามาอ่านครับ เล่าได้สนุกดี จากคุณ : MondayCool เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 09:48:56

ความคิดเห็นที่ 36 กลับกัน... ผมกลับคิดว่าถ้าไม่มีฮิตเลอร์ เยอรมันอาจจะไม่แม้แต่จะลุกขึ้นมาทำสงครามโลกครั้งที่สองได้ด้วยซ้ำ จากคุณ : ดอกไม้ไฟสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 18:14:03