ขอความเห็น ในแง่ เหตุผล ตรรกะ และจิตวิทยา [ย้ายจาก : คณิตศาสตร์]
|
 |
อนึ่ง รู้ว่า คำถามนี้ เข้าใกล้ หัวข้อศาสนามาก ดังนั้นข้อชี้แจงก่อนว่า ผมยืมคำ 2 คำ จาก ศาสนา คือ ปัญญา และ วิญญาณ แต่ไม่ได้ ใช้ความหมาย จากตำราทางศาสนาไหนๆมาอ้างอิง โดย คำถามนี้ เป็นความข้องใจจากภายในจิตใจของผมเอง เรียบเรียงด้วยตรรกะของตัวเอง ออกมา แล้วใช้ คำ จาก ศาสนา มาใช้เรียก 2 คำ ผมได้ถามคำถามนี้ที่ห้องศาสนาแล้ว แต่อยากทราบความเห็นในแง่มุมของนักคิดนักตรรกะ และในแง่ของจิตวิทยาด้วย จึงมาตั้งที่ห้องนี้ด้วย ดังนี้ครับ ------------------------------------------------------------------------
{รู้เหตุรู้ผล,รู้ประมาณ,รู้อุปมาอุปมัย} กับ {รู้ชอบ,รู้ชัง,รุ้สุข,รู้ทุกข์} แยกออกจากกันได้หรือไม่ครับ ------------------------------------------------------------------------ อนึ่ง คำถามผม ไม่ได้อิงพระไตรปิฏก นะครับ ผมถามความเห็นทุกท่าน ทุกศาสนา น้อมรับทุกความเห็นและคำวิจารณ์ ------------------------------------------------------------------------
{รู้เหตุรู้ผล,รู้ประมาณ,รู้อุปมาอุปมัย} ขอขยายความว่า 1. รู้สิ่งนี้เกิดได้เพราะมีเหตุปัจจัยนี้เกิด และ รู้ว่าเหตุปัจจัยนี้จะทำให้ได้ผลอย่างนี้ 2. รู้ประมาณ คือรู้จำนวน รู้คำนวน รู้ปริมาณกะเกณโดยประมาณ รู้คณิตศาสตร์ ว่าด้วยการคำนวน อนึ่ง สุมไฟไล่ความหนาว ผู้รู้ประมาณย่อมได้รับความอบอุ่น ผู้ไม่รู้ประมาณ อาจหนาวเย็นก็ได้ อาจถูกไฟลวกไฟเผาก็ได้ นี้คือตัวอย่างของ รู้ประมาณ 3. รู้อุปมาอุปมัย คือ รู้จักอาคำตอบสิ่งหนึ่ง จากอีกสิ่งหนึ่งที่เข้าใจง่ายกว่า รู้จักหาคำตอบของสิ่งที่มีรูปแบบซับซ้อนจากสิ่งเดียวกันที่ซับซ้อนน้อยกว่า
สามอย่างที่กล่าวมานี้รวมแล้วผมขอเรียกว่า "ปัญญา" ปัญญานี้ ทำให้เรา "สามารถ" ปัญญามากก็สามารถมาก ทำให้เรากระทำการอันมีประโยชน์ต่อตนเอง และต่อผู้อื่น ------------------------------------------------------------------------
{รู้ชอบ,รู้ชัง,รุ้สุข,รู้ทุกข์} ขอขยายความว่า 1. รู้ว่านี้ชอบ อาทิเช่น ภาพในจิต นี้เราชอบ , เสียงในจิตนี้ เราชอบ , ความคิดในจิตนี้ เราชอบ (และ กลิ่น รส สัมผัส) 2. รู้ว่านี้ชัง อาทิเช่น ภาพในจิต นี้เราชัง , เสียงในจิตนี้ เราชัง , ความคิดในจิตนี้ เราชัง (และ กลิ่น รส สัมผัส) 3. รู้ว่านี้สุข อาทิเช่น สภาวะนี้เราสุข เราเพลิดเพลิน เราอยากอยู่อย่างนี้ 4. รู้ว่านี้ทุกข์ อาทิเช่น สภาวะนี้เราทุกข์ เราไม่อยากทน เราไม่อยากอยู่อย่างนี้
สี่อย่างที่กล่าวมานี้รวมแล้วผมขอเรียกว่า "วิญญาณ" วิญญาณนี้ ทำให้เรา "ดิ้นรน" วิญญาณมากก็ดิ้นรนมาก ทำให้เรากระทำการอันเป็นประโยชน์ต่อตนเองบ้างเป็นโทษต่อตนเองบ้าง ทำให้เรากระทำการอันเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้างเป็นโทษต่อผู้อื่นบ้าง ------------------------------------------------------------------------
ทั้ง ปัญญา และ วิญญาณ นี้ คือ เครื่องตัดสินใจ และ ใจ คือเครื่องนำการกระทำ ในยามที่ {รู้สติ} "ปัญญา" เป็นใหญ่ในใจ ปัญญามีกำลังมาก ในยามที่ {ขาดสติ} "วิญญาณ" เป็นใหญ่ในใจ วิญญาณมีกำลังมาก ในบางคน บางครั้ง {รู้สติ} แต่ "ปัญญาเบา" ปัญญาก็ปล่อยให้ "วิญญาณ" ขึ้นมานำการกระทำได้อีก
ที่ยกมากล่าวนี้ เพราะผมมีความเห็นว่า ปัญญาและวิญญาณ นี้ แม้แต่ละคนจะมีกำลังไม่เท่ากัน แต่ มีฐานะเสมอกัน มีหน้าที่เดียวกัน เมื่อปัญญามีกำลังมาก วิญญาณ ก็จะหลีก เมื่อวิญญาณมีกำลังมาก ปัญญาก็จะหลีก (ปัญญา และวิญญาณ ในความหมายที่ยกมา) ------------------------------------------------------------------------
อธิบายคำถามแล้ว ก่อนจะย้ำคำถามอีกครั้ง ผมคิดว่า ปัญญาเป้นใหญ่ได้ด้วย {รู้สติ} แต่คำถามคือ
"เป็นไปได้ไหมที่เราจะแยก ปัญญา กับ วิญญาณ ออกจากกันสิ้นเชิง กำจัดวิญญาณทิ้งไป แล้วเหลือแต่ ปัญญา ไว้ชี้นำการกระทำของเรา ?"
จากคุณ |
:
Humandroy
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ก.ค. 54 09:51:30
|
|
|
|