ความคิดเห็นที่ 1 เพราะมีการลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เริ่มต้นเลยจักรยานไม่มีที่ปั่น และไม่สามารถหมุนแฮนด์ได้ นึกสภาพเอาแล้วกัน ส่วนตัวแล้วผมสงสัยในกีตาร์มากกว่า จากคุณ : annalog เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 01:02:08

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นคำถามเลยเอาไปหาดูใน wiki ตอนแรกเค้าไม่ได้เอาไว้ปั่นครับ เครื่องแรกนี้เรียกว่า walking machine ( ปี 1817) เอาไว้ช่วยเดินมากกว่า ไถๆ ไปเรื่อยๆ ต่อมาค่อยพัฒนาเป็นระบบส่งกำลังด้วยโซ่ทีหลัง (ปี 1880 ผ่านไป 60 ปี ) ซึ่งเป็นโซ่ นี่ก็เพราะเรื่องความปลอดภัย เป็นสำคัญเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี่ เป็นแบบปั่นไปที่แกนล้อเลย คงทำให้ปั่นยาก ควบคุมรถยาก เดี๋ยวกลับไปอ่านต่อก่อนครับ :) อ้ออ กลับมาที่คำถามของ จขกท. เค้าไม่ได้คิดอย่างที่ท่านคิดนะครับ แต่มันเกิดมาจากสิ่งหนึ่ง แล้วค่อยพัฒนามาเป็นจักรยานปั่นแบบขาลอยจากพื้น ต่อไป ตอนแรกผมก็เอะใจ ในประเด็นที่ท่านถามมา พอเห็นรูป walking machine แล้ว ก็ร้องอ๋อเลย ว่าเค้าไม่ได้กลัวล้ม เพราะมันเอาไว้เดินลากๆ ไถๆ ไป คงงั้นนะ :) ภาพ จาก wiki http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_the_bicycle จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 02:18:43

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อความต่อจากนี้ไป ก็หาข้อมูลจากเวปนู้น นี้ไปเรื่อย ผมอ่านบ้าง แปลบ้าง เดาบ้าง โม้บ้าง นะครับ แต่คิดว่าพอได้ใจความ มันยังไม่เกี่ยวกับคำถามของเจ้าของกระทู้เท่าไหร่ แต่ก็เป็นเรื่องประวัติการวิวัฒนาการของจักรยานนะครับ จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 05:24:53

ความคิดเห็นที่ 4 The walking Machine (1817) ปี 1817 Baron von Drais ชาวเยอรมันได้คิดค้นเครื่องช่วยเดิน ( walking machine เรียกว่างี้ละกัน) การใช้งาน เมื่อขึ้นคร่อมแล้ว ก็ใช้เท้าดันไปที่พื้น แล้วเจ้า walking machine ก็จะเคลื่นไปข้างหน้า ช่วยผ่อนแรงได้หน่อย ไม่นานต่อมาก็รู้จักกันในชื่อ Draisienne (ตามชื่อผู้คิดค้น) หรือ hobby horse (ม้างานอดิเรก แปลโดย google translate) แต่เจ้าเครื่อง walking machine  นี้ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ใช้อยู่ในวงจำกัด จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 05:27:42

ความคิดเห็นที่ 5 2. The Velocipede or Boneshaker (เดี๋ยวค่อยหาคำแปล) ต่อมา ปี 1865 ก็เกิดอะไรที่คล้ายๆจักรยานสมัยนี้ขึ้นมา โดยมีบันไดอยู่ที่แกนล้อหน้า ส่งแรงไปที่ล้อหน้าโดยตรง สมัยนั้นเรียกว่า velocipede (fast-foot ไม่ใช่ fast food) แต่ก็เรียกกันทั่วไป อีกชื่อหนึ่งว่า "bone shaker" (ขอเดาว่า "เครื่องสั่นกระดูก" สงสัยเพราะว่าเครื่องทำจากไม้ทั้งคัน ปั่นไปก็สะเทือนไปทั้งร่าง) ต่อมาจึงคิดค้นล้อ ที่ทำจากเหล็กทั้งแท่ง แต่สมัยนั้น ถนนที่ดีที่สุดคือถนนเรียงหิน เมื่อประกอบกับยางเหล็กหล่อ แล้ว คงได้รสชาติที่มิอาจบรรยายได้ … จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 05:30:28

ความคิดเห็นที่ 6 3. The High Wheel Bicycle จักรยานยุคโลหะ ล้อหน้าใหญ่ ล้อหลังเล็ก ปี 1870 เป็นครั้งแรกที่จักรยานทั้งคันประกอบขึ้นจากโลหะ เนื่องจากยุคนั้นเทคโนโลยีการหล่อโลหะ ถือว่าได้พัฒนามาสูงแล้ว สามารถรีดเหล็กให้มีขนาดเล็กลง เบาขึ้น แต่ยังคงความแข็งแรง พอที่จะนำมาทำจักรยาน ทนไม้ทนมือของคนได้ แต่ตอนนี้ได้มีการใช้ยางแข็ง (rubber) มาเป็นวัสดุประกอบล้อแล้ว จึงให้ความนุ่มนวลมากขึ้น ส่วนระบบขับเคลื่อน ยังคงเป็นแบบเดิม คือ ขับเคลื่อนล้อหน้า บันได กับ ล้อ ยึดติดตายไปด้วยกัน ขาปั่น 1 รอบ ล้อก็หมุน 1 รอบ และ ล้อหมุน 1 รอบ ขา ก็หมุน 1 รอบ เช่นเดียวกัน จากจุดนี้เอง ที่ทำให้เห็นว่า จักรยานยุคนี้ ทำไมล้อหน้าจึงใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น เพราะการหมุน 1 รอบ ล้อที่ใหญ่กว่า ก็ไปได้ไกลกว่า นั่นเอง จึงมีการผลิตล้อหน้า ออกมาหลายขนาดมาก ขึ้นอยู่กับว่า ขาเรายาวแค่ใหน ก็ซื้อล้อใหญ่เท่านั้น เพื่อให้ได้ระยะทางใน 1 รอบขา มากที่สุดนั่นเอง เครื่องรุ่นนี้ เริ่มเรียกว่า bicycle แล้ว (two wheel) เริ่มเป็นที่แพร่หลายในหมู่วัยรุ่น (เฉพาะผู้ชาย) ราคาสมัยนั้น ก็ประมาณเงินเดือน 6 เดือน ของคนงาน (ไม่ได้บอกว่าเท่าไหร่ ถ้าเทียบกันตอนนี้ ค่าแรง 300 บาทต่อวัน (อุ๊ย) ก็เดือนละหมื่น 6 เดือน ก็ หกหมื่น อืมมม ก็ไม่แพงเท่าไหร่นะ ) จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 05:33:03

ความคิดเห็นที่ 7 การลงทุนมีความเสี่ยง เมื่อล้อหน้าใหญ่ขึ้น ได้ระยะทางมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ ตัวคนปั่นก็อยู่สูงขั้น เห็นวิวชัดขึ้น และที่สำคัญ จุดศูนย์ถ่วงก็สูงขึ้น ตามไปด้วย หากล้อหน้าตาย หรือสะดุดก้อนหิน หรือควายวิ่งตัดหน้า หรือตัวเอ้ วิ่งออกมาจากคลองข้างทาง เบรคกระทันหัน จักรยานจะล้มคะมำ หัวทิ่มไปด้านหน้า โดยอัติโนมัติทันที จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 05:34:06

ความคิดเห็นที่ 8 4. The High Wheel Safty เมื่อล้มไปข้างหน้าบ่อยๆ แก้ไงละ ก็เอาล้อเล็กไว้ด้านหน้า เอาล้อใหญ่ไปไว้ด้านหลัง ก็สิ้นเรื่อง (แก้ง่ายจัง) ยังมีการโฆษณาจักรยานรุ่นนี้ด้วยการปั่นไหลลงตามบันไดหน้าอาคารศาลากลาง ในเมืองวอชิงตัน DC อีกด้วย ไม่ล้มแล้ว เห็นไหม .. จากนั้นก็เรียกรุ่นใหม่ไม่ล้ม นี้ว่า High Wheel Safty รุ่นนี้เอง ที่เริ่มจัดว่าเป็น จักรยานธรรมดา เนื่องจากมีการนำไปใช้ได้ทั่วไป ไม่ใช่นักปั่นผาดโผน เหมือนเมื่อก่อน เรียกว่า ปลอดภัยจากการล้มไปข้างหน้า มากขึ้น (เท่านั้นเอง) จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 05:37:45

ความคิดเห็นที่ 9 5.The Hard-Tired Safty มาถึงอะไรที่เริ่มคุ้นตา ซะที เมื่อโลกดำเนินมาถึงยุคโลหะเฟื่องฟูสุดขีด การผลิตอะไรที่เล็ก และแข็งแรง อย่างโซ่ และฟันเฟือง จึงเกิดขึ้นมา พร้อมกับการคิดค้นระบบส่งกำลัง และการทดแรงด้วยโซ่และฟันเฟือง ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้รูปร่างหน้าตาของจักรยาน ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ที่มีล้อหน้า หลัง ขนาดเท่ากัน และเล็กลงไปอยู่ในขนาดที่มนุษย์ทั่วไป ไม่ว่าหน้าใหนก็ใช้งานได้ หัวใจกลับไปอยู่ที่ระบบทดกำลัง ฟันเฟือง บันได ที่ปั่น 1 รอบ แต่ส่งไปหาเฟืองหลังที่เล็กกว่า ให้หมุนได้มากกว่า 1 รอบ ทำให้ได้ความเร็วมากกว่าเดิม อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน โอ๊วจอร์จ ไม่น่าเชื่อเลย มันเป็นไปได้จริงๆด้วย ลุงคนนี้แกเท่มากเลย ในความคิดผม จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 05:43:17

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ก็นั่นแหละ ความต้องการของคน ไม่เคยมีที่สิ้นสุด ได้คืบ จะเอาศอก อยู่เสมอ แม้ว่าจะมีระบบโซ่ และฟันเฟือง มา ทำให้จักรยานเล็กลง จุดศูนย์ถ่วง สมดุลย์ และปลอดภัย มากขึ้น แต่สมัยนั้น ก็มีแต่ยางแข็ง กับเฟรมชิ้นเดียวกัน ไม่มีระบบกันสะเทือนใดๆ เมื่อใช้กับ ซุปเปอร์ไฮเวย์ ถนนเรียงหิน แล้ว ก็ทำให้ไม่ต่างจากการปั่นที่ผ่านมา 100 กว่าปีเท่าไหร่นัก กิเลส หนอ กิเลส มนุษย์จะคิดอะไรขึ้นมาสนองความสบายตูด 6. The Pneumatic - Tired Safty ยางสูบลม ยางสูบลม ใช้ครั้งแรกโดยสัตวแพทย์ ชาวไอริช เค้าทำล้อสูบทำเอง ให้ลูกชายได้ปั่นจักรยานแบบสบายๆ สัตวแพทย์คนนี้ ชื่อว่า mr.Dunlop (ใช่คนเดียวกับที่คิดไว้ในใจหรือปล่าวหนอ) ต่อมาล้อยางแบบสูบลม นี้ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ถูกจัดเป็นอุปกรณ์ ส่วนประกอบหลัก สำหรับจักรยานไปแล้ว ตอนนี้คงเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า จักรยาน (ในแบบที่เรารู้จัก) ได้เสียที ในปี1890 นี่เอง ถ้านับจาก walking machine ก็ผ่านมา เกือบ 60 ปี กว่าจะได้ จักรยานที่ใครๆ ก็ขี่ได้ แบบนี้ จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 05:47:36

ความคิดเห็นที่ 11 ปี 1890 ได้มีการแข่งขันจักรยานขึ้นเป็นครั้งแรก เรียกว่า League of America Wheelman และยังแข่งต่อจนถึงทุกวันนี้ เดี๋ยวนี้เรียกว่า League of American Bicyclists จบแล้วครับ คิดว่าคงพอมองเห็นภาพว่ามันมีกระบวนการมายังไง กลับไปที่คำถามเจ้าของกระทู้ คิดว่าประเด็นอยู่ที่ คห.5 ยุคที่เอาขาลอยจากพื้นครั้งแรก คำตอบผมว่า เค้าไม่ได้คิดก่อนทำนะครับ มันคงเกิดขึ้นเลย ณ ขณะนั้น จากเครื่อง walking machine ลากๆ แถกๆ ไถๆ ไป พอได้ความเร็วประมาณหนึ่ง แล้วลองยกขาขึ้นลอยจากพื้น เฮ้ย มันไหลไปได้เองด้วยเว้ยๆๆ  (คงประมาณนี้มั๊ง) พอความเร็วตก ก็เลย หาทางทำไงให้มันไหลต่อไปได้ โดบไม่ต้องเอาขามาดันพื้น อีกต่อไป ก็เลยเกิด บันใด ปั่นไปที่แกนล้อหน้า ในยุคต่อมา (เดาเอาทั้งนั้น) อีกคำถาม "เค้ารู้ได้ยังไงว่าไอที่ประดิษฐ์มาเนี่ยเดี๋ยวมันก็ต้องฝึกแล้วจะใช้ได้ ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างมาผิดพลาดครับ ? " ตอบ เพราะลองแล้วมันปั่นได้ ก็เลยประดิษฐ์ต่อ อยากปั่น ก็ต้องฝึก (ตอบมันง่ายๆ แบบนี้แหละ) ส่วนวิวัฒนาการ การประดิษฐ​์ ก็คงล้มลุกคลุกลาน อย่างที่ทุกคนเคยเจอแหละครับ ผมเห็นหลายทาง ที่เป็นการแก้ปัญหา เช่นทำเป็นสามล้อก็มี สำหรับ แก้เรื่องการทรงตัว แล้วก็แตกไลน์ ไปเป็นอย่างอื่นแทน (ผ่านไปก่อนเดี๋ยวยาว) การส่งกำลัง คงลองทำกันหลายวิธี แต่วิธีนี้ได้ผลมากที่สุด เลยต่อยอดมาได้ บางอันทำเป็นคันชักเหมือนล้อรถจักรไอน้ำสมัยก่อนนะครับ ลองไปค้นๆ ดู คือที่ผมโม้ๆ มานี้ก็พยายามจะอธิบายว่า บางทีจุดเริ่มต้นมันไม่ได้เกิดจากคิดนะครับ มันเป็นวิวัฒนาการ หรือ ปรากฎการณ์ ของสิ่งต่างๆ ที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้งาน แล้วความคิดมันค่อยเกิดมาทีหลังเพื่อสนับสนุนความต้องการนั้น ทำให้เกิดรูปทรง หรือกลไก ต่างๆ ตามแต่เทคโนโลยีจะอำนวย เช่น เรื่องเดินลัดสนาม ไม่ว่าจะให้เหตุผล ข้อดี ข้อเสียยังไง คนก็เดินลัดสนามอยู่ดี เพราะมันสั้น ใกล้ กว่า นี่เรียกว่า ปรากฏการณ์ แล้วเราควรจะแก้ปัญหายังไง (นี่ความคิดค่อยเกิดตรงนี้) 1. ล้อมรั้ว ต่อไปคนก็ข้ามรั้วไปอีก คราวนี้ พังทั้งหญ้า ทั้งรั้ว 55 2. เอาบล๊อกไปปู ให้เดินไปเลย ยังไง หญ้าไม่ตาย คนก็ได้เดินในเส้นที่สั้นที่สุด win win ทั้งสองฝ่าย 3. มีปัญหามากนัก ก็ถามสนามหญ้าทิ้งไปเลย ลาดปูนแทน จบ.. ยิ่งยกตัวอย่าง ยิ่งปวดหัว ไปดีกว่า  ...  ไปละครับ ปล. อยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองจักรยาน ... ดังรูป แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 54 06:51:19 จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 06:16:13

ความคิดเห็นที่ 12 และในที่สุด ก็พัฒนามาเป็นแบบนี้ ล้อเล็ก พับได้ ถือขึ้นรถไฟฟ้าได้ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 08:05:29

ความคิดเห็นที่ 13 ความรู้ทั้งนั้น :) จากคุณ : "ตื่นมาก็คิดถึง" เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 10:24:47

ความคิดเห็นที่ 14 จนตอนนี้ มีเป็นรุ่น 5 ล้อแล้วครับ จากคุณ : spindoctor เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 11:24:02

ความคิดเห็นที่ 15 #9 สวยมากเลยครับ ไม่ใช่ลุงนะ ผมหมายถึงจักรยาน จากคุณ : X~JunioR เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 11:37:21

ความคิดเห็นที่ 16 โหวตด่วน เบื่อ ฮ.เอาจักรยานมั้ง จากคุณ : มาช้าแต่มาแล้ว เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 11:38:47

ความคิดเห็นที่ 17 #11 จะเห็นด้วยก็ต่อเมื่อสาวๆที่ปั่นใส่ชุดแบบนั้นด้วย จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 13:32:16

ความคิดเห็นที่ 18 ชอบอ่ะ5ล้อ จากคุณ : นักแปรธาตุ เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 14:40:38

ความคิดเห็นที่ 19 ความขี้เกียจของคนเรามีมากขึ้นเรื่อยๆ จากแรกๆเอาขาไถ ชักขี้เกียจไถก็ที่ที่ปั่นซะเลย 55+ จากคุณ : cheeint เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 14:42:44

ความคิดเห็นที่ 20 คนขี่จักยานสมัยก่อน กระแทกๆเขาไม่เจ็บไข่เหรอครับ จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 14:47:24

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนปั่นก็คงยืดขาตึงๆไว้ ก้นหรือไข่จะได้ไม่กระแทกเบาะกระมังคะ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 14:53:11

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 21 คุณรู้ได้ไงครับ คุณไม่มีไข่ จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 14:59:56

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านมาหลายความเห็นไม่มีถูกใจกันเลย พอเจอความเห็นที่ 11  ถูกใจกันจังเลย (ผมก็หนึ่งในนั้นนะ) จากคุณ : Dxxx เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 15:15:08

ความคิดเห็นที่ 24 คห9-10 ยางขาวด้วย เล่นFixedgear กันมาตั้งแต่โบราณเลย จากคุณ : GrooVe_(t -_-)t เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 15:47:34

ความคิดเห็นที่ 25 พูดถึงจักรยานแล้วนึกถึงที่บ้านเมืองอืนเขาส่งเสริมให้ขี่จักรยานกันลดมลพิษ แต่บ้านเราสนใจแต่รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ก็เข้าใจนะว่าเมืองร้อนขี่จักรยาน คงลำบาก แต่ส่งเสริมบ้างก็ดีครับอย่างน้อยก็เป็นการออกกำลัง หรือท่านๆว่าไง ต่อไปน่าจะมีวิวัฒนาการ ของมอเตอร์ไซค์นะครับจะได้ครบเซ็ต จากคุณ : นายธุรการ เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 15:54:40

ความคิดเห็นที่ 26 คห.6 คนขี่หน้าตาเหมือนพี่ชายสกอร์ฟิล เลยแหะ จากคุณ : นี่แหละตัวตนที่แท้จริง เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 16:13:48

ความคิดเห็นที่ 27 คห ๑๑  รูปเล็กไปครับ  จากคุณ : botia เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 16:29:11

ความคิดเห็นที่ 28 สิ่งของอำนวยความสะดวกทั้งหลาย เกิดขึ้นมาจากความขี้เกียจของมนุษย์ ความขี้เกียจบวกกับจินตนาการคือแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของมนุษย์ จากคุณ : มีดบิ่น เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 16:32:27

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่าจะหัดขี่ จักรยานล้อเดียวอยู่ ยังงงๆ ว่าจะเริ่มยังไงดี จากคุณ : xnone เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 17:16:36

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าอ่านตาม คห 2 ผม ว่า ที่เริ่มคิดขาปั่น น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ แบบเป็น เครื่องช่วยเดิน เดินไปเดินมา ดันไปเดินลงเนิน ขายันไม่อยู่ ก็เลย พยายามประคอง ๆ ขาขึ้น ก็ประคองได้ ก็เลย คิดขาปั่นมาต่อ มั้ง (ผมมั่ว) จากคุณ : พ่อมดกระป๋อง เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 17:38:35

ความคิดเห็นที่ 31 เครื่องช่วยเดิน ดูแล้วยังกะที่หัดเดินของเบบี๋ จากคุณ : Canossa เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 18:14:39

ความคิดเห็นที่ 32 คนคิดเครื่องช่วยเดินนี่ก็เหลือเกินจริงๆ นะ ของแบบนั้นคิดมาได้ไง จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 18:22:24 A:180.183.106.147 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากครับ ^^ ตอนแรกนึกว่าวิวัฒนาการมันลดล้อลงมาเรื่อยๆซะอีก 555+ จากคุณ : Meta-Anima เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 18:43:26

ความคิดเห็นที่ 34 มีพัฒนาเป็นแบบโยกขึ้นโยกลง จากคุณ : ฤ เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 20:12:21

ความคิดเห็นที่ 35 #34 จักรยาน อยู่ตรงไหนเหรอครับ ผมมองไม่เห็น จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 21:14:41

ความคิดเห็นที่ 36 ... จากคุณ : nuimg เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 22:23:23

ความคิดเห็นที่ 37 ^ ^ ดูแล้วอย่าคิดลึก นึกแล้วมันต้องมา -_-" ... จากคุณ : จอมยุทธตะเกียบคู่ เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 22:29:53

ความคิดเห็นที่ 38 ... จากคุณ : zardic เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 22:33:52

ความคิดเห็นที่ 39 หนุกจัง จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 22:35:14

ความคิดเห็นที่ 40 วิวัฒนาการของจักรยานที่บ้าน ล่าสุดคือไม่มีล้อให้วิ่ง ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นราวตากผ้า!!! จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 22:38:32

ความคิดเห็นที่ 41 คห.40 น่าสนใจมาก  Giant ด้วย ขายป่าวฮะ จากคุณ : paefah เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 23:40:43

ความคิดเห็นที่ 42 #34 สุดยอดดด วิวัฒนาการขั้นสูงสุดสินะ 555+ จากคุณ : "ตื่นมาก็คิดถึง" เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 00:06:32

ความคิดเห็นที่ 43 มีใครคิดเหมือนผมบ้างหรือเปล่าว่า จขกท. แค่จะเล่นมุขเขียนผิดจาก กำเนิดจักรวาล เป็น กำเนิดจักรยาน แต่รู้สึกว่ามุขจะลึกเกิน จากคุณ : ปลาแสนกวน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 00:11:22 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 44 ผมชอบ  คคห.  43  ครับ  กำเนิดจักรวาล  ( ยาน ) จากคุณ : Zenmaster_T เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 00:48:15

ความคิดเห็นที่ 45 ใช่แล้วกำลังจะเขียนเลย  คิดเหมือน คห. 43 เลย คิดว่า จขกท. แซว  เพราะช่วงนี้มีบ่อยเรื่อง "กำเนิดจักรวาล" จากคุณ : Midichlorian เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 00:55:54

ความคิดเห็นที่ 46 55 อาจจะใช่ครับ จักรวาล 2 ล้อ ทบ.ใหม่ ไม่เคยได้ยิน ใครเขียนก่อนได้เปรียบ... จากคุณ : ofarch (ofarch) เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 01:20:25

ความคิดเห็นที่ 47 #43 ผมเข้ามาเพราะสาเหตุนั้นเลยครับ คิดว่าที่ได้เป็นกระทู้แนะนำเพราะพิมพ์คำว่า วาลเป็นยาน จากคุณ : npn เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:18:30

ความคิดเห็นที่ 48 มีหนังคลาสสิคเรื่องนึง เนื้อหาเกี่ยวกับโจรๆ แต่มีเอี่ยวเรื่องยุคแรกๆที่จักรยานแพร่หลาย คือ Butch Cassidy and the Sundance Kid Paul Newman, Robert redford สมัยยังเอ๊าะทั้งคู่ (ตอนนี้เหลือแต่ลุง Redford สภาพย่นๆ) มีจักรยานพร้อม soundtrack ที่กลายเป็นเพลงที่นิยมแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน ลองไปหาดูกันนะครับ จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:49:55

ความคิดเห็นที่ 49 นึกถึง MV ชุดนี้ครับ แว๊นต้นแบบ จากคุณ : สามคุง เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 13:37:01

ความคิดเห็นที่ 50 ได้ความรู้เยอะเลยนะ ขำตอนไอ้รถช่วยเดินเนี่ยแหละ คนคิดหัวใสสุดๆ แชร์รูปครับ รุ่นนี้ไทยทำครับ สวยใช้ได้ จากคุณ : Good will hunting เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:25:53

ความคิดเห็นที่ 51 คันนี้มันไข่ไง ดูแล้วมันสูงมากประมาณ1.เมตรได้ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 16:34:53 จากคุณ : Good will hunting เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:31:08

ความคิดเห็นที่ 52 รถอยู่นครปฐมนี่เอง แต่ดูแล้วคงขี่ลำบากพอดูสูง1.5เมตรได้ จากคุณ : Good will hunting เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:33:16

ความคิดเห็นที่ 53 Queen - Bicycle Race จากคุณ : Eggy เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:09:45

ความคิดเห็นที่ 54 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:18:19

ความคิดเห็นที่ 55 .. จากคุณ : อมยิ้มจะหายมั้ยเนี่ย .. ไม่นะ (ผมเชียร์ลิเวอร์พูล) เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:09:03

ความคิดเห็นที่ 56 จักรยานหว้ากอ  เลิศสุด ปั่นออกทะเลได้ด้วย จากคุณ : เดอะไรท์ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:42:21

ความคิดเห็นที่ 57 ของจีน จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 03:14:53

ความคิดเห็นที่ 58 #43 ผมสงสัยจริงๆน้า O_o จากคุณ : Meta-Anima เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 03:52:05

ความคิดเห็นที่ 59 คห.25   ที่ต่างประเทศสามารถ รณรงค์ให้คนปั่นจักรยานแล้วประสบกความสำเร็จเพราะเค้ามี ทางสำหรับปั่นจักรยานนะสิครับ... ตัวอย่างจากญี่ปุ่นที่ทำทางเดินเท้าใหญ่กว่าปกติ ซึ่งให้คนสามารถปั่นจักรยานร่วมใช้ได้ด้วย ตัวอย่างจาก ออสเตรเลีย มีการรื้อถนนออกเล็กน้อยและทำเลนจักรยานเป็นบางส่วนของ ตัวเมือง แต่ส่วนใหญ่แล้ว จักรยานจะสามารถใช้ถนนร่วมกับรถอื่นๆได้ (ปั่นไม่แข็งก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน) ส่วนเมืองไทย ที่สำเร็จคงเป็นสวนรถไฟละมั้งครับ!!! ลองนึกภาพว่าให้ปั่นจักรยานออกจากบ้าน ไปถนนใหญ่ดูก็ได้ครับ หรือไม่ก็ลองคิดว่าอยากจะปั่น บนทางเท้าที่มีแผงลอย และคนขายของอยู่เต็มไปหมด ปล. ทางเท้าเมืองไทย เดินไปเรื่อยๆ มันจะหายไปเองกลายเป็นถนนสำหรับรถด้วยนะเออออ....!?! จากคุณ : Bassism เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 08:14:11

ความคิดเห็นที่ 60 #55 ผมสงสัยว่ายังมีแรงปั่นต่อไปได้อีกเหรอนั่น หรือต้องปั่นละ เพราะอาย #49 ต้นแบบ fix gear เลยนะนั่น จักรยานโบราณนี่ต้องแข็งแรงมากเลย ขนาดคนนั่งที่เฟรม เฟรมยังทนได้ แถมนางเอกนี่ก้นทนทานใช้ได้ นั่งบนแฮนด์ด้วย อ้อแอบเซ็กซี่เล็กซะด้วย กระโปรงยาวกรอมเท้า แต่เปิดไปเกือบถึง,,, @24 สวยมาก #6 ผมสงสัยว่ามันขึ้นไปนั่งได้ยังไง จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 09:30:08

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณทุกท่านด้วยนะครับ มีผู้รู้จริง ส่งข้อมูลมาให้เพิ่มเติม "คนเยอรมันประดิษฐ์มันขึ้นมาใช้ในการเดินทางแทนม้าเพราะช่วงนั้นเกิดปัญหาม้าขาดอาหารตายกันเยอะ หลังจากนั้นสองปีมันก็กลายเป็นแฟชั่นในการเดินทางของลอนดอนเนอร์ ในชื่อว่า hobby horse/ dandy horse" เจ้าตัว walking machine นี่เค้ามีโรงเรียนสอนขี่กันเป็นเรื่องเป็นราว เลยครับ Englishmen Learn to Ride Johnson's Pedestrian Hobby Horse at the Riding School in the Strand London จากคุณ : ofarch เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 12:38:10

ความคิดเห็นที่ 62 #22 ..ก็คนไม่มีไข่ก็เจ็บเหมือนกันค่า 55555 จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 13:56:26

ความคิดเห็นที่ 63 ตอนผมหัดมันมีสี่ล้อนะครับ คือมีล้อเล็กยื่นมาสองข้างด้านหลัง จากคุณ : pisity เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 23:35:34

ความคิดเห็นที่ 64 ที่คนอยากปั่นจักรยาน ต่างประเทศเพระามันมีแบบนี้รึป่าครับ http://video.เอ็มไทย.com/player.php?id=6M1310720417M0 จากคุณ : ตามน้ำ (wipeout) เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 14:18:45

ความคิดเห็นที่ 65 เมืองนอกเขารณรงค์ให้คนปั่นจักรยานไปทำงาน ลดมลภาวะโลกร้อนด้วยวิธีในลิ้งค์ จัดทุกปี ๆ ละ ครั้ง ที่ลอนดอน http://www.worldnakedbikeride.org/uk/ จากคุณ : เงาะบี2 เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 03:08:59 A:83.105.85.133 X: TicketID:325371

ความคิดเห็นที่ 66 ที่บ้านมีอยู่คัน จากคุณ : กรรมกรใจเกิน100 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 00:43:06

ความคิดเห็นที่ 67 ขอเอาไปลงเวปเชียงรายยูไนเต็ดครับ http://www.chiangrai-united.com/board/index.php?topic=7353.0 ขอขอบคุณมากครับ จากคุณ : bank2511 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 09:37:01

ความคิดเห็นที่ 68 นี่เลยครับ...คนทำ..อาชีพสืบต่อเนื่องมาจากบรรพบุรุษตั้งแต่โบราณ..อยู่ซอยเสือใหญ่ครับ. จากคุณ : คลองจั่น ซอย8 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 13:04:34

ความคิดเห็นที่ 69 ความคิดเห็นที่ 66 เด็กทรงตัวได้ดีมากเลยอ่ะ  อย่างเซียน จากคุณ : aicm เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 13:14:20

ความคิดเห็นที่ 70 ตอนขึ้นมัธยมปลาย แม่ถามว่าอยากได้อะไรในวันเกิด.. เราตอบแม่แบบไม่คิดเลยว่า"จักรยานค่ะ ขอแบบผู้ชายนะ ไม่เอาตะกร้า แบบมีเกียร์ด้วย" ก็ในเมื่อไม่ให้ขี่มอไซค์ ก็เอาจักรยานแทนละกัน หลังจากนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระมากมาย เป็นจักรยานคู่ใจไปแล้ว แต่พอเข้ามหาลัยก็ไม่ได้ใช้มันอีกเลย คิดถึงมันจัง จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:44:22

ความคิดเห็นที่ 71 ต่อมะ จักรยานก็ล้อเหลี่ยมครับ จากคุณ : Loading endlessly เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 06:35:34

ความคิดเห็นที่ 72 เข้ามาดูคนไม่มีไข่ ห้องย่อยจักรยานในรัชดา โดนขโมยซีนสุดๆ จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 00:10:10