ความคิดเห็นที่ 1 http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/05/K5439772/K5439772.html ระบบการปกครองล้าหลัง   ผู้นำไร้วิสัยทัศน์   รัฐบาลคอรัปชั่น   ประชาชนไร้การศึกษา จะเอาอะไรไปสู้เขาได้ จากคุณ : Exampli gratia เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 19:11:17

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าถามในห้องสมุด น่าจะได้คำตอบละเอียดดีกว่านี้ครับ ตอบแบบง่ายๆ คือ จีนในเวลานั้นอ่อนแอมากครับ โดยเฉพาะตั้งแต่ยุคกลางราชวงศ์ชิงเป็นต้นมา เพราะความขัดแย้งในประเทศซึ่งมีการก่อกบฎต่อต้านแมนจูกันบ่อยครั้ง และนโยบายของราชสำนักชิงที่ค่อนข้างจะปิดกั้นตัวเองไม่ยอมรับอารยธรรมจากต่างแดน ทำให้ประเทศยิ่งล้าหลังมากขึ้น ตรงข้ามกับญี่ปุ่น หลังจากถูกบังคับให้เปิดประเทศอย่างไม่เต็มใจในช่วงก่อนสมัยเมจิไม่นาน ทำให้ชนชั้นสูงของประเทศจำนวนมากเกิดความรู้สึกเจ็บแค้นที่ถูกฝรั่งบุกหยามถึงบ้าน และตั้งใจว่าจะต้องพัฒนาตัวเองให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าฝรั่ง ไม่ใช่แค่เพื่อไม่ให้ฝรั่งเข้ามาบุกยึดประเทศเท่านั้น แต่ยังหวังด้วยว่าจะเอาชนะฝรั่งให้ได้ด้วย จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 19:15:41

ความคิดเห็นที่ 3 จังหวะและโอกาส จากคุณ : 666 เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 19:21:51 A:183.89.163.145 X: TicketID:295253

ความคิดเห็นที่ 4 ญี่ปุ่นปฏิวัติตัวเองเป็นประเทศอุตสาหกรรมตั้งแต่ยุคเมจิ ปี ค.ศ. 1868 - ค.ศ. 1912 แล้วครับ ญี่ปุ่นประกาศยกเลิกการครอบครองที่ดินในระบบศักดินานำที่ดินแจกจ่ายให้ชาวไร่ชาวนา สร้างระบบการคมนาคมทั้งถนน ทางรถไฟ ระบบขนส่งทางทะเล เพื่อเสริมสร้างการค้าภายในและภายนอก ปรับปรุงระบบไปรษณีย์ การเงินและธนาคาร และวางรากฐานการพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมหลัก เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมเหล็กกล้า และสนับสนุนเอกชนให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรม ใน ค.ศ. 1911 ประเทศญี่ปุ่นก็มีอำนาจในการจัดตั้งภาษีศุลกากรได้สำเร็จ ในช่วงเดียวกันประเทศญี่ปุ่นก็เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียที่สำคัญแล้ว คือเค้าเจริญมานานแล้วครับ การเมืองก็นิ่งครับ ประเทศไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป ก็พัฒนาได้รวดเร็ว ถึงกล้าเข้าร่วมสงคราม WW2 ไงครับ   มาดูจีน ปี ค.ศ. 1911 ถามว่าจีนทำอะไรอยู่จีนเพิ่งปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบสาธารณรัฐโดย ดร.ซุน ยัตเซน (ค.ศ. 1911 – ค.ศ. 1949) ต่อมาก็มีการต่อสู้กันระหว่าง ก๊กมินตั๋งพรรคคอมมิวนิสต์จนพรรคคอมมิวนิสต์ไล่ก๊กมินตั๋งไปไต้หวันและได้ปฏิวัติและได้ปกครองจีน จึงเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1949 จนถึงปัจจุบันครับ เปลี่ยนแปลงแล้วก็ไม่ดีขึ้น ฆ่านักปราชญ์คฆ่าคนที่ต่อต้าน ไล่ให้ไปทำนา ว่าง่ายๆคือพัฒนาผิดทางนะครับ เพิ่งมาได้เติ้งเสี่ยวผิงปฏิรูปทั้งทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมปี ค.ศ. 1978 เท่านั้นเอง จากคุณ : ChaiGg เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 19:26:18

ความคิดเห็นที่ 5 จีนคือผู้ค้นพบเทคโนโลยีหลายๆอย่างก่อนชาวตะวันตกด้วยซ้ำ แต่คนที่มีเพาเว่อร์ในwar2กลับเป็นญี่ปุ่น ? อารยะธรรมจีนรุ่งเรื่องตั้งแต่สมัยอดีตกาล พอๆกับยุคอิยิปต์โบราณ-กรีก-โรมัน อียิปต์โบราณ  ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศอียิปต์ สมัย WWII กลับไม่ค่อยได้ยินชื่อ ประเทศอียิปต์ นี้เช่นกัน ส่วนพื้นทีของ กรีก-โรมัน ในปัจจุบันก็มีส่วนร่วมใน WWII น่าจะพอสรุปได้ว่า อารยะธรรมในสมัยอดีตกาล มีผลกับยุค WWII เพียงนิดหน่อย  จากคุณ : npn เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 19:27:30

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนั้นจีนเข้ายุคเสื่อมของระบบจักรพรรดิ์ ญี่ปุ่นกำลังรุ่งเรือง จากคุณ : อินทรีย์ผยอง เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 19:45:51

ความคิดเห็นที่ 7 เพราะราชวงศ์ชิงไม่ใช่คนจีนครับ เมื่อไรที่คนจีนเป็นจักรพรรดิ์ ก็จะสนใจคณิตศาสตร์ สนใจวิทยศาสตร์ ราชวงค์หมิง รู้ว่าตัวเองเริ่มตามหลัง ตะวันตก รีบส่งคนไปเกาหลี ญี่ปุ่นเชื้อเชิญให้สร้าง องค์ความรู้เรื่องการเดินเรือในซีกโลกใต้ทันที แต่ราชวงค์ชิงเค้าเป็นคนจากทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ครับ เค้าไม่เข้าใจ   สิ่งที่ราชวงศ์ชิงทำสำเร็จคือเพิ่มประชากรให้จีน  ซึ่งเป็นโชคดีที่ฐานประชากรใหญ่ (สี่ร้อยล้านคน) ช่วยให้รอดจากการแพ้ญี่ปุ่น จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 19:47:52

ความคิดเห็นที่ 8 อียิปต์ เมโส เก่าแก่กว่า จีน หลายพันปี ตะวันตก เมโส อียิตป กำเนิดอารายธรรมมาก่อนใครในโลก อียิปต เมโส ให้กำเนิดแรกแก่โลก ตัวอักษร ให้กำเนิดกระดาษ ให้กำเนิดวิทยาการ ให้กำเนิดเรือ ให้กำเนิดการเกษตร ให้กำเนิดการค่า ให้กำเนิดคณิตศาสตร์ ฯลฯ เทคโนโลยี ชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่ของโลก ก็กำเนิดที่ อียิปต์ ไม่ใช่จีน !! วิทยาการบางส่วนของอียิปต์ ก็นำไปพัฒนา ถ่ายทอด ต่อใน ยุค กรีก โรมัน เข้าใจยัง จากคุณ : kakaga เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:01:24 A:184.105.144.5 X: TicketID:325146

ความคิดเห็นที่ 9 ช่วงราชวงศ์ชิงปกครองประเทศจีน แทบไม่ได้มีการพัฒนาอะไรเลย เหมือนย่ำอยู่กับที่มากกว่า แล้วยังเจอฝรั่งล่าอาณานิคม เกิดสงครามฝิ่น สงครามญี่ปุ่น สงครามกับฝรั่งหลายชาติ รบแพ้ตลอดเพราะเค้ามีปีนคนจีนมีมือเปล่ากับดาบ ในฐานะผู้แพ้นอกจากประเทศเสียหายต้องการซ่อมแซมบูรณะแล้ว ยังต้องเสียค่าปฎิกรณ์สงครามอีกเป็นเงินมหาศาล พวกขุนนางก็ฉ้อราชบังหลวง ซูสีไทเฮาก็เอาแต่ถลุงเงินเอางบทหารไปสร้างวัง แล้วยังเกิดกบถ เกิดการปฎิวัติซ้ำซ้อนหลายตลบ ขุนศึกก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลาง เรียกว่าประเทศจีนแตกเป็นเสียงๆ ช่วงนี้แหละที่คนจีนต้องอพยพไปตายเอาดาบหน้า จนประเทศจีนได้ชื่อว่า ขี้โรคแห่งเอเซีย แค่จะให้ประชาชนอยู่รอดไปวันๆยังยากเลย จะไปมีกำลังรบกับใครได้ จากคุณ : กิ่งก้ามปู เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:06:52

ความคิดเห็นที่ 10 http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Chinese_inventions มีคห เกรียนๆออกมาด้วยเหรอครับ คห 8 ไปอ่านดูนะครับ จะได้หายโง่ จากคุณ : ChaiGg เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:07:22

ความคิดเห็นที่ 11 ค.ห.1 ฟังดูคุ้นๆนะ... จากคุณ : row3625 เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:07:28

ความคิดเห็นที่ 12 ปัญหาหลักของราชสำนักชิงในช่วงหลังรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลงนั้นมีหลากหลายประการครับ อย่างแรกก็คือ การขาดแคลนงบประมาณอย่างรุนแรงครับ 1. ราชสำนักชิงใกล้เข้าขั้นถังแตกเมื่อขึ้นสมัยของจักรพรรดิเจียชิ่ง แม้พระองค์จะยึดทรัพย์จากเหอเซินมาได้มากมาย แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการพยุงฐานะทางการคลังของจักรวรรดิที่ร่อยหรอมาก การโกงกินและฉ้อราษฎร์บังหลวงฝังลึกถึงรากแก่นของวงการขุนนางในราชสำนัก ภาระกิจสงครามที่มากมาย ความฟุ้งเฟ้อของจักรพรรดิเฉียนหลง การปล่อยปละละเลยเหล่าขุนนางโดยจักรพรรดิเฉียนหลง ได้ทำให้ต้าชิงตกต่ำอย่างรวดเร็วครับ 2. ประชากรจีนทวีจำนวนขึ้นอย่างมหาศาลในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา ตอนเฉียนหลงขึ้นครองราชสมบัติ จีนมีประชากร 260-280 ล้านคน แต่พอจักรพรรดิเจียชิ่งสวรรคต จีนมีประชากรเพิ่มเป็นเกือบ 430 ล้านคน แต่ทว่าการเก็บภาษีอาการกลับเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่ามาก เพราะระบบภาษีที่ล้าหลัง รวมไปถึงการถูกเบียดบังจากขุนนางท้องที่ ทำให้ราชสำนักไม่มีงบประมาณพอที่จะไปพัฒนาระบบสาธารณูปโภคหรือช่วยเหลือประชาชนที่ยากจนและขาดแคลนที่ทำกิน อันเนื่องมาจากการเพิ่มของประชากรอย่างก้าวกระโดดเกินไปครับ 3. จะเห็นได้ว่า ปลายรัชกาลของเฉียนหลง ก็เริ่มมีการก่อกบฏโดยชาวบ้านหรือพรรคใต้ดินต่างๆกันอย่างเอิกเริกแล้ว พอมารัชสมัยของจักรพรรดิเจียชิ่งมันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น และต่อเนื่องไปจนถึงรัชกาลของจักรพรรดิเต้ากวง นี่แสดงว่าประชาชนจำนวนมากไม่พึงพอใจต่อสภาพความเป็นอยู่ การกดขี่ของขุนนางท้องที่และการแก้ไขปัญหาของราชสำนักครับ 4. การไหลบ่าเข้ามาของฝิ่น ที่ทำให้จีนสูญเสียเงินตราออกจากประเทศไปอย่างมหาศาล นั่นจึงทำให้จักรพรรดิเต้ากวงตัดสินพระทัยหักดิบ ให้หลินเจ๋อสวีลงไปกวางตุ้งเพื่อทำการปราบปรามยึดฝิ่น จนนำมาซึ่งสงครามกับอังกฤษในกาลต่อมา 5. เมื่อเกิดสงครามทั้งกับต่างชาติและต้องปราบปรามการลุกฮือของประชากรในประเทศ ก็ยิ่งทำให้ฐานะทางการคลังของต้าชิงย่ำแย่ลงไปอีกครับ จนถึงยุคของจักรพรรดิถงจื้อ เมื่อพระองค์ต้องการจะบูรณะพระราชวังหยวนหมิงหยวนใหม่ ก็โดนคณะที่ปรึกษาคัดค้านอย่างรุนแรง เพราะต้าชิงไม่มีงบประมาณนั่นเอง จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:08:31

ความคิดเห็นที่ 13 หนึ่งในสงครามที่ทำให้จน ก็คือสงครามปราบปรามพม่า เพื่อช่วยสยาม สี่ครั้ง จนพระเจ้าตากตั้งตัวได้ http://en.wikipedia.org/wiki/Sino-Burmese_War_(1765%E2%80%931769) จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:11:37

ความคิดเห็นที่ 14 ปัญหาต่อมาคือ โครงสร้างทางราชการที่มหึมาครับ 1. ต้าชิงเป็นจักรวรรดิขนาดยักษ์ มีพื้นที่และประชากรมากเกือบที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีน นั่นทำให้ระบบราชการของต้าชิงนั้นเทอะทะมาก 2. ในราชสำนักนั้น เอาจริงๆจักรพรรดิและเหล่าขุนนางก็ถูกคานอำนาจซึ่งกันและกันหน่ะครับ จักรพรรดิดูเหมือนจะทรงอำนาจมาก แต่จริงๆแล้วพระองค์ก็ต้องพึ่งเหล่าขุนนางเพื่อบริหารประเทศหรือค้ำจุนราชสมบัติ ดังนั้นการปฏิรูปใดๆที่เหล่าขุนนางคัดค้านก็จะเกิดขึ้นมิได้เลย ตอนจักรพรรดิหย่งเจิ้นทรงต้องการปฏิรูประบบการเก็บภาษี ก็ทรงโดนเหล่าขุนนางและเหล่าอ๋องกองธงคัดค้านอย่างหนัก แต่เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจและเฉลียวฉลาด ทำให้การปฏิรูประบบภาษีและการกวดขันทุจริตพอจะดำเนินไปได้ แต่กลับกันในสมัยของจักรพรรดิเจียชิ่งและเต้ากวง พวกพระองค์พยายามจะปรับระบบการเก็บภาษีใหม่ รวมไปถึงกวาดล้างการฉ้อฉลในราชสำนัก แต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากพวกขุนนางส่วนใหญ่ไม่ร่วมมือด้วย และกลายเป็นละเลยคำสั่งของพวกพระองค์ไปเสีย 3. ระบบกองทัพของจีน ที่เป็นตัวขัดขวางสำคัญในการปฏิรูปของทัพครับ ในยุคของจักรพรรดิเสียนเฟิง กองทัพจีนยังมีโครงสร้างคล้ายๆเดิม ที่ใช้กันมาแต่ครั้นจักรพรรดิซุ่นจื้อ คือใช้กองทัพ 8 ธง เป็นกองทหารหลัก และใช้พวกหลู่ย์ยิง (พวกเสื้อเขียว) เป็นกำลังเสริม กองทัพ 8 ธง นั้นประกอบด้วยกองธงแมนจู-ฮั่น-มองโกล รวมๆแล้วมีไพร่พลเกือบ 9 แสนคน มีเขตปกครองและเขตอิทธิพลของตนเองที่แยกเป็นอิสระไม่ขึ้นแก่กันและกัน แม้แต่จักรพรรดิหรือเจ้ากรมกลาโหมก็เข้าไปบังคับบัญชาพวกเขาได้ลำบาก หากอ๋องที่ปกครองกองธงไม่คล้อยตามไปด้วย ระบบนี้ทำให้กองทัพ 8 ธง ในยุคนั้น ที่ไม่ค่อยได้ออกรบนั้น กลายเป็นพวกที่เอาแต่กินแล้วก็นอนไปครับ ตำแหน่งในกองธงก็สืบทอดต่อๆกันมาตามวงศ์สกุล (ส่วนใหญ่ก็สืบเชื้อสายมาแต่ขุนศึกของจักรพรรดิไท่จู่และไท่จงทั้งสิ้น) หัวหน้ากองธงจำนวนมากกลายเป็นลูกท่านหลานเธอที่ขาดความรู้ความเข้าใจในด้านการทำสงครามหรือบังคับบัญชากองทัพ และด้วยการที่ราชสำนักขาดแคลนงบประมาณอย่างหนัก ทำให้การซื้อหรือติดอาวุธทันสมัยแก่กองธงกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า พอเกิดการลุกฮือของกลุ่มไท่ผิง กองทัพ 8 ธง แทบจะไม่สามารถต่อต้านพวกเขาได้เลย จนราชสำนักต้องปรับเปลี่ยนระบบทหาร ไปสร้างหน่วยทหารอาสาจากชาวบ้านมาร่วมกันปราบพวกไท่ผิง และขอความช่วยเหลือจากตะวันตกอีกต่างหาก 4. ระบบราชการของต้าชิงนั้น มีความยึดมั่นในแนวคิดแบบขงจื้อประยุกต์อย่างเข้มข้นครับ พวกเขาเชิดชูแนวคิดของจูซีว่าเป็นหลักการปกครองที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว ทำให้ชนชั้นปัญญาชนของจีนนั่นจะวนเวียนแต่กับวรรณกรรมหรือระบบการปกครองแบบดั้งเดิม ไม่ได้เปิดใจรับต่อโลกภายนอก จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:18:56

ความคิดเห็นที่ 15 จะว่าราชวงศ์ชิงย่ำอยู่กับที่ก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะ ราชวงศ์ชิงเจริญสูงสุดตอนฮ่องเต้เฉียนหลง แต่ก็ต้องย่ำแย่ก็ตอนปลายของเฉียนหลงเพราะไปหลงขุนนางที่หน้าตาคล้ายกับสตรีที่รักที่สุดที่จากไป ก็เลยกลายเป็นช่องทางให้เกิดการคอรัปชั่นครั้งใหญ่ สิ่งที่ทำให้ราชวงศ์ชิงไม่เหมือนราชวงศ์หมิงของมองโกลก็คือ ราชวงศ์ชิงหัดคิดแบบจีน ทำให้ปกครองชาวจีนได้ สามารถทำให้ประเทศจีนมีอาณาเขตใหญ่เท่า ๆ กับในปัจจุบัน จากคุณ : อินทรีย์ผยอง เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:22:36

ความคิดเห็นที่ 16 คห 10 ไม่ยอมรับความจริงล่ิะสิ เบื่อจีนขี้โม้เหมือนกันน่ะ เอามาให้ดู บางอย่างจีนก็โม้่ขึ้นมาเอง --------------------- ยังไง จีน ก็มาทีหลัง อียิปต์ บาบิโลน เมโส อยู่ดี อารายธรรมแรกของโลกคือ เมโสโปเตเมีย อียิปต เมโส ให้กำเนิดแรกแก่โลก อาทิ ตัวอักษร ให้กำเนิดกระดาษ ให้กำเนิดวิทยาการ ให้กำเนิดเรือ อียิปต เมโส ให้กำเนิดการเกษตร ให้กำเนิดการค่า ให้กำเนิดคณิตศาสตร์ การแพทย์ การผ่าตัด ฯลฯ ชอบอ่าน wiki นัก ก็ไปเปิด history ใน wiki ของ แต่ละอย่างดูก็ละกัน กำเนิดมา่จาก ตะวันตก เมโส บาบิโลน อียิปต์ ทั้งนั้น http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Mesopotamia http://en.wikipedia.org/wiki/Ancient_Egypt ตามลิงค์ กำเนิดอักษร ตัวภาษาเขียน http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_the_alphabet กำเนิดกระดาษ http://en.wikipedia.org/wiki/Papyrus กำเนิดการผ่าตัด http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_surgery กำเนิดคณิตศาสตร์ http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_mathematics กำเนิดการแพทย์ http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_medicine กำเนิดเกษตรกรรม http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_agriculture กำเนิดเรือ http://en.wikipedia.org/wiki/Boat กำเนิดวิทยาศาสตร์ http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_science กำเนิดเดินเรือ การท่องโลก http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_navigation เห็นหรือยัง ว่าสิ่งสำคัญๆ ส่วนใหญ่ในโลก ส่วนก็กำเนิดที่ตะวันตก เมโส บาบิโลน อียิปต์ ทั้งนั้น ซึ่งถ่ายทอดวิทยาการ ไปพัฒนาต่อ ในยุค กรีก โรมัน จากคุณ : kakaga เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:30:16 A:184.105.135.37 X: TicketID:325146

ความคิดเห็นที่ 17 ตะวันตก ทั้งหลาย อาทิ เมโส สุเมเรียน บาบิโลน อียิปต์ อารายธรรม 6,500 ปี - 10,000 ปี+ ขึ้นไป จากคุณ : kakaga เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:34:04 A:184.105.146.10 X: TicketID:325146

ความคิดเห็นที่ 18 4 Great Chinese Inventions กระดาษ แท่นพิมพ์ ดินปืน เข็มทิศ http://inventors.about.com/gi/o.htm?zi=1/XJ&zTi=1&sdn=inventors&cdn=money&tm=30&f=00&tt=14&bt=0&bts=0&zu=http%3A//sln.fi.edu/tfi/info/current/inventions.html หอดูดาวแห่งแรกก็ของจีน http://www.crystalinks.com/china_astronomy.html มีเตาหลอมใช้ก่อนยุโรป 1200 ปี http://chineseculture.about.com/gi/dynamic/offsite.htm?site=http%3A%2F%2Fwww.cyberessays.com%2FHistory%2F90.htm ถามต่อครับเข้าใจคำว่าพัฒนาต่อยอดไหมครับ ถามว่าแล้วปัจจุบันทั่วโลกเค้ายอมรับของจีนว่าิเป็นคนคิดหรือ เมโส สุเมเรียน บาบิโลน อียิปต์ ครับ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 20:55:11 จากคุณ : ChaiGg เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:42:59

ความคิดเห็นที่ 19 หอดูดาว แห่งแรกของโลก อยู่ที่ อียิปต์ ไม่ใช่จีน ---------------------- หอดูดาว อายุ 3,200 ปี หอดูดาว อาบูซิมเบลล์ ที่ อียิปต์ http://en.wikipedia.org/wiki/Abu_Simbel http://en.wikipedia.org/wiki/Observatory -------------- กำเนิด ดาราศาตร์ ของโลก ก็กำเนิดที่ เมโส อียิปต์ บาบิโลน เมื่อประมาณ 6,000 กว่าปีก่อน http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_astronomy จากคุณ : kakaga เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:58:37 A:184.105.144.2 X: TicketID:325146

ความคิดเห็นที่ 20 คุณติ่งหูบ้าฝรั่ง kakaga 325146 กรุณาไปชี้แจงกระทู้ก่อนด้วย http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10854318/X10854318.html อิอิ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:10:58

ความคิดเห็นที่ 21 ในสิ่งที่ติ่งหูโพสท์ไว้หลายอันนั้นพูดถึงจีนครับ ก๊ากๆๆ คห ที่ตัวเองเอามาโพสท์ แย้งกับที่ตัวเองบอก ติ่งหูขนานหนัก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:12:27

ความคิดเห็นที่ 22 จรวดและจรวดหลายตอน        การคิดค้นจรวดในประเทศจีนดูเหมือนว่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากสองทาง ทางหนึ่งคือ ธนูไฟสำหรับวางเพลิง เปิดทางให้เกิดความคิดติดจรวดเข้ากับก้านธนู อีกทางหนึ่งมาจาก ดอกไม้ไฟชนิดหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ 'หนูสนาม' หรือ 'หนูดิน' ซึ่งวิ่งอย่างรวดเร็วบนพื้นดินและพ่นประกายไฟออกมาทางข้างหลัง        การพัฒนาเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 ถึง 13 ในปี 1300 เป็นอย่างช้ามีการขัดเกลาพัฒนาจรวดให้ขึ้นไปไกลที่สุดด้วยการใช้รูเปิดขนาดเล็กดักไว้ที่ท่อจรวดเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการไหลของก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ทำให้ได้กำลังแรงขึ้น ดังนั้น อุปกรณ์จำกัดการไหลหรือหัวฉีดนี้ ใช้ทำให้เกิด 'ปรากฏการณ์ท่อเวจูรี' ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานทางอากาศพลศาสตร์เนื่องจากมันสามารถอธิบายการเกิดแรงยกที่เกี่ยวเนื่องกับปีกเครื่องบินได้ หลักการนี้ถูกตั้งขึ้นในยุโรปโดย จี.บี.เวนจูรี (ปี 1746-1822) ดังนั้น ชาวจีนจึงล้ำหน้าเขาไปราว 500 ปีในการนำหลักการนี้มาใช้ การบินแบบมีมนุษย์ด้วยว่าว        การบินแบบมีมนุษย์ด้วยว่าวที่เก่าแก่ที่สุด พบในเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ฉีเหนือที่มีอายุระหว่างปี 550 – 577 เหตุการณ์ที่บันทึกไว้นี้เกิดในจีนครั้งที่ 3 และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่ถือกันว่าเป็นยุคทองของจีน ช่วงเวลาเดียวกันนี้ยุโรปยังคงทนทุกข์อยู่ในยุคมืด        จักรพรรดิเกาหยางทรงเฉลิมฉลองพิธีผนวชของพระองค์ จนเป็นหนึ่งในแบบฉบับของจักรพรรดิผู้โหดร้ายที่สุดของจีนที่วิปลาสขาดสติด้วยพิธีที่พระองค์ก็ทรเรียกว่า 'ปล่อยสัตว์' ทรงเบิกตัวนักโทษประหารจำนวนมากออกมามัดพวกเขาไว้กับเสื่อไม้ไผ่ขนาดใหญ่ทำเป็นปีก และทรงสั่งให้บินจากยอดหอคอยลงไปยังพื้นดิน ตั้งแต่นั้นจักรพรรดิก็ทรงสนพระทัยด้านอากาศพลศาสตร์ยิ่งขึ้น ทรงให้นักโทษประหารกระโดดลงมาจากหอคอยหงส์ทองเพื่อเป็นนักบินทดสอบว่าวที่ใช้คนบินอยู่เป็นประจำ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่กีฬาอันโหดร้ายของจักรพรรดิที่ใช้นักโทษเป็นผู้รับกรรม แต่คงต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญมากพอสมควรในการสร้างว่าวเพื่อตั้งใจจะให้ว่าวลอยอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้        ความลับของการเลียนแบบนก และเรียนรู้การลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า เหมือนดั่งที่เขาไม่อยากอธิบายการทำยาอายุวัฒนะเพื่อความเป็นอมตะให้แก่คนทั่วไปตามท้องถนน หรือบอกวิธีทำ 'ทอง' ในถ้ำปฏิบัติการลับด้วยความบริสุทธิ์ผ่องใสของการฝึกตน ปัจจุบันนี้จึงถือว่านักบวชเต๋าเป็นนักวิทยาศาสตร์โบราณที่แท้จริงของประเทศจีนในยุคต้น        ศตวรรษที่ 13 มีการใช้ว่าวยกคนกันอย่างแพร่หลายทั่วทั้งประเทศจีน บันทึกเรื่องราวอันน่าทึ่งเกี่ยวกับกิจกรรมนี้เขียนโดยมาร์โค โปโล        ยุคสมัยใหม่ คนเราก็บินด้วยว่าว นับตั้งแต่ความพยายามของโพคอค์กปี 1895 เป็นต้นมามีความพยายามอีกมากมายหลายครั้งในยุโรป บี.เอฟ.เอส. บาเดน-โพเวลล์ เป็นคนแรกที่ประสบความสำเร็จบินด้วยว่าวได้อย่างสมบูรณ์ในปี 1894 ดังนั้นหากเรานับความสำเร็จในการบินของหยวนหวงโถวเมื่อปี 559 เป็นการบินครั้งแรกของโลกด้วยมุมมองจากบันทึกประวัติศาสตร์ ก็จะมีช่วงห่าง 1,335 ปี ระหว่างที่ชาวจีนทำได้กับการบินครั้งแรกของยุโรป การไหลเวียนเลือด        ในประเทศจีนมีหลักฐานลายลักษณ์อักษรจำนวนมากที่ไม่อาจโต้แย้งได้ที่พิสูจน์ว่าการไหลเวียนเลือดเป็นศาสตร์ซึ่งยอมรับกันมาตั้งแต่ 200 ปี ก่อนคริสตกาลเป็นอย่างช้า ความคิดนี้กลายเป็นศาสตร์ที่ละเอียดอ่อนในเวลานั้นจนกลายเป็นทฤษฎีเต็มรูปแบบและซับซ้อนดังที่ปรากฏใน The Yellow Emperor’s Manual of Corporeal Medicine (ตำราจีนเทียบได้กับงานเขียนของฮิปโปเครตีสของกรีซ) การพูดถึงการไหลเวียนเลือดครั้งแรกคงต้องมีมาก่อนหน้านั้นเป็นเวลานาน แต่อย่างน้อยก็กล่าวได้อย่างมั่นใจว่าความคิดนี้เกิดในจีนก่อนที่จะยอมรับกันในตะวันตกประมาณ 2,000 ปี        ชาวจีนโบราณเข้าใจว่าภายในร่างกายมีการไหลเวียนของของเหลวสองระบบที่แยกจากกัน เลือดซึ่งหัวใจสูบฉีดไหลผ่านเส้นเลือดแดง เส้นเลือดดำ และเส้นเลือดฝอย และปอดทำหน้าที่สูบฉีด ชี่ ซึ่งเป็นพลังงานอันเบาบางในรูปที่จับต้องไม่ได้ให้ไหลเวียนไปทั่วร่างกายผ่านเส้นทางที่มองไม่เห็น แนวคิดเรื่องการไหลเวียนของของเหลวสองระบบนี้เป็นหัวใจหลักของการฝังเข็ม นาฬิกาจักรกล        ความยากในการประดิษฐ์นาฬิกาจักรกลอยู่ที่การคิดหาวิธีทำให้ล้อที่มีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าห้องสามารถหมุนด้วยความเร็วเท่ากับโลก แต่ยังต้องหมุนได้อย่างต่อเนื่อง นาฬิกาจักรกลถูกคิดค้นขึ้นในประเทศจีนช่วงศตวรรษที่ 8 ช่วงเวลานั้นเป็นศตวรรษเดียวกับที่มีการนำสิ่งประดิษฐ์คิดค้นต่างๆ ของจีนเข้าสู่ยุโรปซึ่งได้แก่ ดินปีน สะพานโค้งเสี้ยววงกลม เหล็กหล่อ และการพิมพ์ การพิมพ์ (ศตวรรษที่ 8 และ 11)        การพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ไม้ลงบนกระดาษและผ้าไหมเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 7 ดังนั้นเราจึงพบว่าการจารึกอักษรบนสัมฤทธิ์ ใช้บรรพบุรุษของตัวเรียงพิมพ์มาเป็นเวลานาน ย้อนไปไกลถึง 700 ปีก่อนคริสตกาล การใช้ตัวเรียงพิมพ์ทีละตัวมีการพัฒนามาเกือบสองพันปีก่อนที่จะถูกนำมาใช้ในการพิมพ์ สะพานแขวน (ศตวรรษที่ 1)        รูปแบบอันซับซ้อนของสะพานแขวนที่มีถนนแบนราบแขวนอยู่กับสายเคเบิลก็เป็นสิ่งที่คิดค้นขึ้นในประเทศจีน สะพานแขวนที่มีชื่อเสียงของจีนคือ สะพานแขวนโค้ง ชื่ออันหลาน ที่เมืองก้วนเซี่ยนในมณฑลซื่อชวน มีความยาว 1,050 ฟุต มีแปดช่วงแขวนต่อกัน และไม่มีโลหะสักชิ้นในโครงสร้างทั้งหมด ในบันทึกของนักเดินทางผู้ที่ข้ามสะพานนี้ในปี 1177 บรรยายว่า เวลานั้นมีเพียงห้าช่วงแขวนเท่านั้นสะพานนี้มีแผ่นไม้สำหรับเดินเริ่มแรกกว้าง 12 ฟุต แต่ทุกวันนี้ลดเหลือเพียง 9 ฟุต เชื่อกันว่าสะพานนี้สร้างขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล สะพานแขวนที่สามารถรองรับการจราจรได้แห่งแรกของชาวยุโรปยังไม่ได้สร้างขึ้นจนกระทั่งในปี 1809 ชาวจีนจึงล้ำหน้าชาวตะวันตกอยู่ถึง 1,800 ปี ซึ่งความจริงแล้วอาจจะมากกว่า 2,200 ปีในเรื่องของสะพานแขวน เงินกระดาษ        ชาวจีนเป็นผู้คิดค้นเงินกระดาษตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 8 เงินกระดาษฉบับแรกแท้จริงแล้วคือตั๋วแลกเงินมากกว่าจะเป็นเงินจริงๆ จนกระทั่งศตวรรษที่ 10 จึงมีการใช้เงินกระดาษเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนอย่างแท้จริง ส่วนเงินกระดาษของชาวตะวันตกฉบับแรกออกในประเทศสวีเดน เมื่อค.ศ.1661 ตามด้วยสหรัฐอเมริกา ค.ศ.1690 ฝรั่งเศส ค.ศ.1720 นอกจากนี้ขั้นตอนการทำงานพื้นฐานบางอย่างในระบบธนาคารของโลกตะวันตกก็มาจากจีนโดยตรง เครื่องหยอดเมล็ด ('สมัยใหม่') แบบหลายท่อ (200 ปีก่อนคริสตกาล)        ผู้ไม่คุ้นเคยกับประวัติศาสตร์การเกษตรกรรมตะวันตก อาจแปลกใจท่ได้ทราบว่า ชาวตะวันตกไม่มีเครื่องหยอดเมล็ดใช้จนกระทั่งศตวรรษที่ 16 ก่อนจะมีการนำเครื่องหยอดเมล็ดมาใช้ เกษตรกรหว่านเมล็ดด้วยมือ นับเป็นความสูญเปล่าอย่างน่าใจหายและต้องเก็บผลผลิตครึ่งหนึ่งเพื่อหว่านในปีถัดไป สำหรับเมล็ดที่แตกหน่อเมื่อตกลงในโพรงใต้ดินทำให้รวมกันเป็นกระจุก แต่ละเมล็ดแย่งความชื้น แสงและสารอาหารไม่ต้องพูดถึงการกำจัดวัชพืช เพราะไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่เครื่องหยอดเมล็ดแบบหลายท่อที่ชาวจีนคิดค้นเมื่อ 200 ปีก่อนคริสตกาล (และรับเข้ามาใช้ในอินเดีย) ทำให้การหว่านเมล็ดมีประสิทธิภาพเป็นไปได้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เครื่องหยอดเมล็ดถูกลากตามหลังม้า วัว หรือล่อ และหยอดเมล็ดลงดินในอัตราที่ควบคุมได้เป็นแถวตรง        มีการขุดค้นพบหัวหยอดเมล็ดเหล็กขนาดเล็กในประเทศจีน อายุประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาล ขุนนางชื่อจ้าวกั้ว เป็นผู้ริเริ่มใช้เครื่องหยอดเมล็ดนี้ในพื้นที่เขตเมืองหลวงเมื่อ 85 ปีก่อนคริสตกาล ความคิดพวกนี้ เมโส สุเมเรียน บาบิโลน อียิปต์ คิดหรือเปล่าครับ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 21:24:50 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 21:16:53 จากคุณ : ChaiGg เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:16:12

ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อก่อนยัยติ่งหูนี่ ไม่รู้จักเมโสโปเตเมียและอียิปต์ซะด้วย รู้จักแต่กรีกโรมัน ตอนหลังเห็นจีนเกากว่าเลยไปดึงเมโส อียิปต์มาแทนตัวฝรั่ง ซึ่งจริงๆพวกนี้คนละพวกกับพวกแองโกลแซกซอนที่แกบ้ามากเลยครับ ก๊ากๆ เมื่อก่อนคำยอดฮิตจะพูดถึงจีนว่า ถ้าเจริญ ก็เจริญมาตั้งนานแล้ว ผมก็เลยเอาจีดีพีประเมินใน ปวศ ที่จีนเยอะสุดในโลกนับพันปี ยันปี1840มาลง ยัยติ่งหูก็หาว่าเอามาจากเวบจีนอีกก๊ากๆ จริงๆมันคือเวบของเวบมาสเตอร์สิงคโปร์ ที่มีคนศึกษา ปวศ จีน ทั่วโลกใช้ แต่ในประเทศจีน เวบนี้โดนบล๊อค www.chinesehistoryforum.com ยัยติ่งหูนี่โชว์โง่ได้บ่อย กว่าการขับถ่ายอีกครับ แต่ว่าแกจะกลับไปเปลี่ยนไอดีบัตรผ่าน แล้วมาโผล่ใหม่กับชื่อใหม่ แต่สมองกับความติ่งหู และความคับแคบในใจไม่พัฒนา ก๊ากๆๆ ไปอ่านกระทู้ข้างบนนะ ผมแฉ ยัยติ่งหูบ้าฝรั่ง เอาไว้หน่อยนึง อยากได้มากลองไปเสิร์ชตามคำแนะนำ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:17:23

ความคิดเห็นที่ 24 นโยบายปิดประเทศแหละครับ จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:17:33 A:124.120.217.132 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 25 Greek ที่เป็นต้นแบบของประชาธิปไตยยังเคยปกครองแบบเผด็จการเลย http://en.wikipedia.org/wiki/Greek_military_junta_of_1967–1974 จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:22:01

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบ คห 18 - ส่วนใหญ่ วิทยาการในโลก สิ่งสำคัญๆ กำเนิดแรกๆ ของโลก ก็มาจากตะวันตก เมโส อียิปต์ บาลิโลน วิทยาการส่วนใหญ่ของโลกทุกวันนี้ ก็ยอมรับต่อยอด กันมา จาก ยุคเมโส อียิปต หลักๆ ของสำคัญ ของเมโส อียิปต คือ ภาษาอักษรมนุษย์ คณิตศาสตร์! การเกษตร การค้า ดาราศาสตร์ การแพทย์ วิทยาการ ฯฯลฯ แล้บางอย่างก็ถ่ายทอดไปสู่ ยังยุคกรีก โรมัน ซึ่งเิกิดการพัฒนาต่อยอด แล้วกลายมาเป็นวิทยาการ พัฒนาสืบทอด มาให้คนทั่วโลกใช้กันจนทุกวันนี้ ----------------- ส่วนวิทยาการ ตามอารยธรรมของ จีน นั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการต่อยอด และ ไม่ได้รับการยอมรับ อีกทั้ง ยัง กำเนิด เกิดมาทีหลัง เค้าอีกด้วย ของที่ดังๆของจีนก็มีเพียงไม่กี่อย่างไม่กี่อย่างเพียงไม่กี่อย่างเท่าันั้น ที่ได้รับการยอมรับ เช่นกระดาษแบบจีน อะไรเป็นต้น และ อื่นๆมีน้อยมาก เมื่อเทีัยบกับ ที่เค้าเกิดอารายธรรม กำเนิดวิทยาการ มาก่อน อย่าง เมโส อียิปต์ จากคุณ : kakaga เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:24:44 A:184.105.144.5 X: TicketID:325146

ความคิดเห็นที่ 27 ชาวสุเมเรียน ชาวอัคคาเดีย (Akkadians) ชาวอมอไรต์ (Amorites) ชาวแอสซีเรียน (Assyrian) ชาวคาลเดียน (Chaldeans) อยากทราบที่ผมยกตัวอย่างมาเนี่ยตอนนี้ผสมกันเป็นชาติอะไรแล้วครับ แล้วภาษาที่ใช้ก็เป็นกรีกโบราณ แล้วความรู้ที่เอามาต่อยอดใช้ได้จริงๆ ยกตัวอย่างสัก 3 อย่างสิครับ เอาที่เป็นสากล ทั่วโลกยอมรับนะครับ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 21:53:30 จากคุณ : ChaiGg เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 21:46:29

ความคิดเห็นที่ 28 ก๊ากๆ ยัยติ่งหูไม่เลิกมั่วนิ่มพูดเองเออเอง ของที่ดังๆของจีนก็มีเพียงไม่กี่อย่างไม่กี่อย่างเพียงไม่กี่อย่างเท่าันั้น ที่ได้รับการยอมรับ เช่นกระดาษแบบจีน อะไรเป็นต้น และ อื่นๆมีน้อยมาก เมื่อเทีัยบกับ ที่เค้าเกิดอารายธรรม กำเนิดวิทยาการ มาก่อน อย่าง เมโส อียิปต์ เอาจำนวนมาจากไหน ก๊ากๆ เมือ่ก่อนเถียงแหลกหาว่ากระดาศเกิดที่อียิป เพิ่งจะยอมรับเรอะ รู้ไปหมดแต่ไม่ถูกซักเรื่อง ฮ่าๆๆ เอาความมั่วยัยบ้าฝรั่งมาแฺฉดีกว่า ต่อไปจะก๊อปไว้โพสทุกครั้งที่มันกลับมา ยัยนี่เคยบอกว่า ซัมซุง กาแลคซี่เอส ขายต่อได้สองบาท ก๊ากๆๆ ยัยนี่เคยบอกว่า เทคโนโลยีมะกันเหนือกว่าจีน สองร้อยปี ก๊ากๆๆ เคยบอกว่า ล้านปีแสงด้วย ยัยนี่ ตกแบบกระจุย ยัยนี่เคยบอกว่า ที่ไอคิวเฉลี่ยคนจีนสูงกว่ามะกัน เพราะคนจีนมีมากกว่ามะกัน ก๊ากๆๆ เคย เปรียบเทียบรถญี่ปุ่นกับรถยุโรป บอกว่ารถยุ่นคันใหญ่ๆ ตัวถังกี่ซีๆก็เทียบรถตัวถัง้เล็กๆยุโรปไม่ได้ แต่ผมจำตัวเลขไม่ได้นะ อีนี่เวอร์ไำด้ใจ อีนี่เคยมาจัดอันดับอารยธรรมเก่าแก่โลก ให้กรีซ กับโรมันเก่ากว่าจีนกับอินเดียอีก ก๊ากๆๆ มันไม่รู้จัก สี่แหล่งกำเนิดวัฒนธรรมโลก ยัยนี่เคยบอกว่า จีนจะเจริญก็เจริญมานานแล้ว(จริงๆเคยเจริญกว่ายุโรปหลายพันปีทีเดียว ก่อนกรีกโรมัน ) ยัยนี่บอกว่า คนรวยๆในฮ่องกงเป็นฝรั่งทั้งนั้น จริงๆแล้วไม่ถึงห้าเปอร์เซนของคนรวยในฮ่องกงที่เป็นฝรั่ง มาบอกว่าประเทศจีน ทุกวันนี้ อยู่ได้ด้วยเงินลงทุน ของฝรั่ง ยุโรป อเมริกา --- 〉เอฟดีไอในจีนมาจากยุโรปและมะกันไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซนแล้ว   ยัยนี่เคยบอกว่าเจ้าของกิจการส่วนใหญ่ในฮ่องกงกก็ฝรั่งทั้งนั้น อันนี้มั่วอีกแล้ว ไม่ถึงสิบเปอร์เซน ขี้เกียจนับ แต่นับจากเวบที่ยัยนี่เอามาอ้างอิงเอง มีไก่อีกนับร้อยตัวที่ยัยนี่ปล่อยไว้ ไว้จะรวมเป็นแฟค เอาไว้โพสท์ให้คนที่ไม่คิดรับผิดชอบความติ่งหูของตัวเอง มั่วแหลก แต่ก็ยังไม่เลิกมั่วเพราะความบ้าฝรั่ง กับจัสตินบีเบอร์ ก๊ากๆๆ ยัยติ่งหูบ้านักร้องเกรียน มาบอกว่าประเทศจีน ทุกวันนี้ อยู่ได้ด้วยเงินลงทุน ของฝรั่ง ยุโรป อเมริกา --- 〉เอฟดีไอในจีนมาจากยุโรปและมะกันไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซนแล้ว   อันนี้ก็ให้ติ่งหูดูหลายรอบแล้วนะ ไม่เข้าหัวสมองกลวงๆของติ่งหูซะที ปล. เดี๋ยวก็หายไปกลับมากับบัตรผ่านและชื่อใหม่ แต่ความติ่งหูเหมือนเดิม แต่ก็มันดี ผมกำลังว่าง อยากตบติ่งพรรค์นี้ ปล. ฝากใครเอาไปบอกจ่าหน่อย ให้ติดตามดราม่าอันนี้ เอาลงเวบที ฮี่ๆ (จริงๆแล้วยัยนี่เคยไปลงเวบดราม่าของจ่าหลายรอบ ด้วยหลายชื่อเลย ยัยนี่มันติ่งหูระดับโลกจริงๆก่อดราม่าโคตรเก่ง) จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 22:06:34

ความคิดเห็นที่ 29 เ้อ้อ ภาษาของพวกสุเมเรียน คนละพวกกับอินโดยูโรปเปียนนะ แค่พวกกรีกเอาตัวอักษรเค้ามาใช้ แถวนั้นมันใกล้ๆกันหมด เลยถ่ายทอดวิทยาการได้รวดเร็ว ไม่เหมือนแม่น้ำสินธุกับแม้น่ำหลือง คนแถวนั้นฉลาดกว่าเลยคิดได้เอง http://en.wikipedia.org/wiki/Sumerian_language สรุปได้ว่าพวกแองโกลแซกซัน ฝรั่งหัวทองที่ยัยติ่งหูคลั่งหนัก กลุ่มนั้น เป็นคนเถื่อนเพิ่งจะเริ่มมีอารยะไม่นาน เจ้าโลกเลยใหญ่ ทำให้ติ่งหูคลั่งไข่ แต่ยัยติ่งหูรับความจริงไม่ได้ แบบจัสตินบีเบอร์ตอนไปเยื่อนฮ่องกงแต่มีแฟนๆไปรับหกคน (แต่ดูในรูปมันห้าคนเองหว่ะ 5555) ปล. อ่านเวบต่ามากไป ติดสำนวนแดกดันติ่งหูมาใช้ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 22:10:57

ความคิดเห็นที่ 30 คห 27 ยกตัวอย่าง ตอบ ในคห 26 แล้ว ทุกอย่้าง ทุกๆ อย่าง เอาง่ายๆ คณิตศาตร์ ที่คนทั้งโลกใช้กันอยู่ทุกวันนี้ก็กำเนิดมาจากอียิปต์ ต้นกำเนิดยังไงก็คือต้นกำเนิดอยู่ดี มันคือ ทุกๆ อย่าง ไปอ่านประวัติของวิทยาการต่างๆ แต่ละอย่าง ของสากลโลก ดูสิ ในลิงค์ก็ให้ไปแล้ว วิทยาการเมโส อียิปต์ ถ่ายทอดต่อยอดไปยัง -- >>กรีก โรมัน --> สืบถอดถ่ายทอดกันมาหลายยุค กลายมาเป็นวิทยาการ องค์ความรู้สากลโลก ยอมรับกันทั้งโลกทุกวันนี้ ยอมรับความจริงไม่ได้ แล้วแถ ดิ้นใหญ่้เลย 55 จากคุณ : kakaga เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 22:19:44 A:184.105.146.4 X: TicketID:325146

ความคิดเห็นที่ 31 ขออนุญาตตอบเฉพาะเกี่ยวกับญี่ปุ่น เพราะจีนคนตอบเยอะแล้วครับ ชาวสุเมเรียน ชาวอัคคาเดีย (Akkadians) ชาวอมอไรต์ (Amorites) ชาวแอสซีเรียน (Assyrian) ชาวคาลเดียน (Chaldeans) คือต้นกำเนิดของอารยธรรม ความรู้แพร่ไปยุโรปในยุคสงครามครูเสด ไปเติบโตที่กรีก โรมัน เริ่มแนวคิดแบบตรรกะ คือ โสคราติส ซึ่งมีศิษย์เอกชื่อพลาโต ซึ่งพลาโตก็มีศิษย์เอกชื่ออริสโตเติล และอริสโตเติลก็มีศิษย์เอกชื่อ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มีอำนาจมากกก...จนทำให้ทุกๆ คำที่อริสโตเติลพูดคือความจริง ความรู้แบบตรรกะถูกใช้มากจนถึงยุคกาลิเลโอ การทดลองจึงเริ่มอุบัติขึ้น กาลิเลโอตาย ก็เข้าสู่ยุคใหม่ก็ว่าได้ มีไอแซค นิวตัน และนักประดิษฐ์ดังๆ มากมาย ตอนนั้น เจมส์วัตต์ ได้สร้างเครื่องจักรไอน้ำึขึ้นมา ซึ่งตรงกับยุคของการล่าอาณานิคมพอดิบพอดี และนี่คือ บทที่ 1 แห่งสงครามยุคใหม่ ซึ่งตอนนั้นประเทศไทยเพิ่งตั้งกรุงเทพ และญี่ปุ่นปิดประเทศ หากแต่ การปิดประเทศของญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้หมายถึงหยุดพัฒนา(-_-" กว่าจะเข้าเรื่องญี่ปุ่น) การจัดการศึกษาของญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลจากลัทธิขงจื๊อ ที่เน้นไปที่พ่อแม่ต้องให้การศึกษาแก่บุตร ทำให้ในขณะนั้นประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการรู้หนังสือมากถึง 45 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับอังกฤษ 25 เปอร์เซ็นต์ และประเทศไทย  0.1 เปอร์เซ็นต์(อ้างอิงจากบทความของ โอชิโอะ ทะคะชิ) และเมื่อเปิดประเทศอีกครั้ง ทำให้การพัฒนาของประเทศญี่ปุ่นเป็นไปแบบก้าวกระโดด (การปฏิวัติการศึกษาของญีปุ่นตรงกับสมัย เมจิ และของไทยตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 แต่เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการรู้หนังสือน้อยเหลือเกิน ห้องสมุดที่ ร.5 ได้โปรดให้สร้างขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่ตำราต่างประเทศ กลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย) ประเทศญี่ปุ่นได้ส่งคนไปศึกษายังต่างประเทศในช่วง ร.6 เป็นต้นไป และนวัตกรรมต่างๆ ได้ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในยุคนั้น เช่น ยาคูลย์ บะหมี่ รถยนต์ โซนี่วอร์คแมน และอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้ง สงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย นั่นคือ ใครคิดก่อน ค้นพบก่อน ไม่สำคัญ หากแต่การศึกษาเท่านั้นที่จะนำพาชาติให้รุ่งเรืองครับ จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 22:23:06

ความคิดเห็นที่ 32 วิทยาการเมโส อียิปต์ ถ่ายทอดต่อยอดไปยัง -- >>กรีก โรมัน --> สืบถอดถ่ายทอดกันมาหลายยุค กลายมาเป็นวิทยาการ องค์ความรู้สากลโลก ยอมรับกันทั้งโลกทุกวันนี้ งั้นก็ต้องนับไปถึงยุคหินแล้วล่ะครับ หลักฐานทางโบราณคดีของผู้คนตั้งแต่ยุคหินที่มนุษย์ได้เขียนภาพผนังถ้ำเป็นรูปและจำนวน ก็ถือว่าเป็นการนับในคณิตศาสตร์เหรอครับ? แล้วทั่วโลกเค้ายอมรับมั้ยว่าจุดกำเนิด มาจากยุคมนุษย์หิน ผมบอกให้ตอบคำถามผมหน่อยที่ผมถามน่ะ ไอ้ที่ต่อยอดแล้วใช้ได้จริงจนปัจจุบันน่ะ มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่างแค่ 3 เอง มากไปเหรอครับ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 22:34:25 จากคุณ : ChaiGg เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 22:26:24

ความคิดเห็นที่ 33 ยัยติ่งหูไม่เข้าใจคำว่าคณิตศาสตร์ฺครับ จากที่ผมโพสท์ไำว้ ฮ่าๆๆ พยายามแถให้พวกหัวทอง ให้ถึงที่สุด จนมาติดที่อ้างว่าสืบทอดจากอียิปต์ กับสุเมเรียน ไม่เหลืออะไรในหัวของติ่งหูแล้ว นอกจากจะหลอกตัวเองจริงๆ ก๊ากๆๆๆ ภูมิใจในโลกส่วนตัวไป คนที่เหลือเค้ารู้กันนะครับว่าอะไรเป้นยังไง จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 22:30:08

ความคิดเห็นที่ 34 ว่าไปกระทู้ออกนอกประเด็นไปเยอะเลย เพราะติ่งหูแท้ๆ ว่าไปเถียงกับติ่งหูนี่มานานแล้วเนอะไปค้นกระทู้เก่าๆก็เจอ ก๊ากๆ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/04/X10415041/X10415041.html ยิ่งอ่านยิ่งเจอแต่ความโง่ แต่เนื่องจากหน้าด้านจัดรับความจริงอะไรไมไ่ด้เลย ต้องออกมาดิ้น โกหกตัวเองไป จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 22:35:41

ความคิดเห็นที่ 35 คห 32 ไม่ได้อ้างไปถึงยุคหิน นี่พูดถึงต้น กำเนิด อารยธรรมแรกของโลก วิทยาการแรกของโลก คือ เมโส อียิปต์ ลองไปศึกษาประวัติ คณิตศาสตร์ โลก ที่คนทั้งโลกใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ดูสิว่า กำเนิดมาจากไหน ลิงค์ที่ให้ไปดูไม่ได้้เข้่าไปดูเหรอ ประวิติคณิตศาสตร์ งั้นจะค้นมาให้อ่านในนี้ ---------------------------- -- ประวัติศาสตร์ของคณิตศาสตร์ -- ในสมัย 5,000 กว่าปีมาแล้ว ชาวบาบิโลน และชาวอียิปต์ รู้จักเขียนสัญลักษณ์แทนจำนวน รู้จักเลข เศษส่วน รู้จักใช้ลูกคิดบวก ลบ คูณ หารตัวเลข ความรู้เกี่ยวกับจำนวน ชาวอียิปต์ ได้นำมาใช้ในการติดต่อค้าขาย การเก็บภาษี การรู้จักทำปฏิทิน และการรู้จักใช้มาตรฐานเกี่ยวกับเวลา เช่น 1 ปีมี 365 วัน 1 วันมี 24 ชั่วโมง 1 ชั่วโมงมี 60 นาที 1 นาทีมี 60 วินาที ความรู้ทางเรขาคณิต เช่น การวัดระยะทาง การวัดมุม นำมาใช้ในการก่อสร้างและการรังวัดที่ดิน เขาสนใจคณิตศาสตร์ในด้านนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้เท่านั้น ----------------------------------- สมัยกรีกและโรมัน* ในสมัยประมาณ 2,600 - ประมาณ 3,000 กว่าปีที่แล้ว ชาวกรีกได้รับความรู้ทางคณิตศาสตร์จากชาวอียิปต์และชาวบาบิโลน ชาวกรีกเป็นนักคิดชอบการใช้เหตุผล เขาเห็นว่าคณิตศาสตร์ไม่เป็นแต่เพียงเกร็ดความรู้ที่ใช้ให้เป็นประโยชน์ได้เท่านั้น เขาจึงได้วางกฎเกณฑ์ทำให้คณิตศาสตร์กลายเป็นวิชาที่มีเหตุผล มีการพิสูจน์ให้เห็นจริง เป็นวิชาที่น่ารู้ไว้เพิ่มพูนสติปัญญา นักคณิตศาสตร์ที่สำคัญในสมัยนี้ คือ เธลีส เป็นนักปรัชญา นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ชาวกรีก เป็นคนแรกที่คำนวณหาความสูงของพีระมิดในอียิปต์โดยใช้เงา เขาได้ทำนายว่าจะเกิดสุริยคราสล่วงหน้าซึ่งได้เกิดขึ้นก่อนพุทธศักราช 42 ปี รู้จักพิสูจน์ทฤษฎีบททางเรขาคณิต เช่น เส้นผ่านศูนย์กลางจะแบ่งครึ่งวงกลม มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วเท่ากัน และมุมในครึ่งวงกลมเป็นมุมฉาก เป็นต้น ปีทาโกรัส นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกเป็นผู้ริเริ่มตั้งโรงเรียนสอนวิชาคณิตศาสตร์และปรัชญา ปีทาโกรัสและศิษย์สนใจเรื่องราวของจำนวนมาก เขาคิดว่าวิชาการต่างๆ และการงานแทบทุกชนิดของมนุษย์จะต้องมีจำนวนเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วยเสมอ การเรียนรู้เรื่องของจำนวนก็คือการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของธรรมชาตินั่นเอง ยูคลิด นักคณิตศาสตร์ชาวกรีก ได้รวบรวมเรขาคณิตขึ้นเป็นตำราที่มีชื่อเสียงมาก เป็นการวางพื้นฐานการเรียนเรขาคณิตโดยกล่าวถึงจุด เส้นและรูป เช่น รูปสามเหลี่ยมและวงกลม จากข้อความที่ยูคลิดถือว่าเป็นจริงแล้วประมาณ 10 ข้อความ เช่น "มีเส้นตรงเพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่ลากผ่านจุดสองจุดได้" เป็นต้น อาศัยการใช้เหตุผล ยูคลิดพบทฤษฎีบท (ข้อความที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง) ถึง 465 ทฤษฎีบท ตำราของยูคลิดกล่าวถึงทฤษฎีบท และการพิสูจน์ทฤษฎีบทเหล่านี้ โดยเริ่มจากทฤษฎีบทที่ง่ายที่สุด และค่อยๆ ยากขึ้นเป็นลำดับ นอกจากนี้ยูคลิดยังได้ศึกษาเกี่ยวกับจำนวนอีกด้วย อาร์คีมีดีส นักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ชาวกรีก สนใจการหาพื้นที่วงกลม ปริมาตรของทรงกระบอกและกรวย นักคณิตศาสตร์สมัยนี้รู้จักคำนวณอตรรกยะ เช่น และ (พาย) และสามารถคำนวณค่าโดยประมาณได้โดยใช้เศษส่วน อาร์คีมีดีสพบว่า มีค่าประมาณ วิธีการหาค่า (นำไปสู่การค้นพบวิชาแคลคูลัส นอกจากนี้อาร์คีมีดีส เคยประดิษฐ์ระหัดทดน้ำ พบกฎการลอยตัวและกฎเกณฑ์ของคานงัด และได้นำไปใช้ในการสร้างเครื่องผ่อนแรงสำหรับยกของหนัก ส่วนชาวโรมัน สนใจคณิตศาสตร์ในด้านนำไปใช้ในการก่อสร้าง ธุรกิจและการทหาร ตัวเลขแบบโรมันเป็นดังนี้ เลขโรมัน I II III IV V VI VII VIII IX X C เลขฮินดูอารบิค 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 100 -------------------------------------- สมัยกลาง อาณาจักรโรมันเสื่อมสลายลงชาวอาหรับรับการถ่ายทอดความรู้ทางคณิตศาสตร์จากกรีก ได้รับความรู้เรื่องจำนวนศูนย์ และวิธีเขียนตัวเลขแบบใหม่จากอินเดีย ตัวเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 ที่เราใช้กันทุกวันนี้ จึงมีชื่อว่า ฮินดูอารบิค ชาวอาหรับแปลตำราภาษากรีกออกเป็นภาษาอาหรับไว้มากมาย ทั้งทางดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์และแพทยศาสตร์ ------------------------------------ สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ชาวยุโรปเริ่มฟื้นฟูทางการศึกษา และมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยกันขึ้น ชาวยุโรปได้ศึกษาวิชาคณิตศาสตร์จากตำราของชาวอาหรับ ตำราคณิตศาสตร์จึงแพร่หลายทั่วไป ชาวยุโรปแล่นเรือมาค้าขายกับอาหรับ อินเดีย ชวา คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือชาวอิตาเลียนแล่นเรือไปพบทวีปอเมริกาในชาวโปรตุเกสการค้าขายเจริญรุ่งเรือง ชาวโลกสนใจคณิตศาสตร์มากขึ้นเพราะใช้เป็นประโยชน์ได้มากในการค้าขายและเดินเรือ เราพบตำราคณิตศาสตร์ภาษาเยอรมันมีการใช้เครื่องหมาย + และ - ตำราคณิตศาสตร์ที่แพร่หลายมากคือตำราเกี่ยวกับเลขาคณิต อธิบายวิธีบวก ลบ คูณ หารจำนวนโดยไม่ต้องใช้เครื่องคำนวณ การหารยาวก็เริ่มต้นมาจากสมัยนี้ และยังคงใช้กันอยู่ตราบเท่าปัจจุบัน นักดาราศาสตร์ใช้คณิตศาสตร์ในงานค้นคว้าเกี่ยวกับดวงดาวบนท้องฟ้า นิโคลัส คอเปอร์นิคัส นักดาราศาสตร์ ผู้ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์เกิดในสมัยนี้ ------------------------------ การเริ่มต้นของคณิตศาสตร์สมัยใหม่ ต่อมาความเจริญทางด้านดาราศาสตร์ การเดินเรือ การค้า การก่อสร้าง ทำให้จำเป็นต้องคิดเลขให้ได้เร็วและถูกต้อง เนเปอร์ จอห์น เนเปียร์ นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตได้ตีพิมพ์ผลงานเกี่ยวกับลอการิทึม ซึ่งเป็นวิธีคูณ หาร และการยกกำลังจำนวนมากๆ ให้ได้ผลลัพธ์ถูกต้องและรวดเร็ว ในที่สุดก็มีการประดิษฐ์บรรทัดคำนวณขึ้นโดยใช้หลักเกณฑ์ของลอการิทึม นอกจากนี้ยังมีนักคณิตศาสตร์ที่สำคัญอีกคือ เรอเน เดส์การ์ตส์ พบวิชาเรขาคณิตวิเคราะห์ แบลส ปาสกาล และปิแยร์ เดอ แฟร์มาต์ พบวิชาความน่าจะเป็น ทั้งสามท่านนี้เป็นชาวฝรั่งเศส ปาสกาลได้รับการยกย่องว่าเป็นคนแรกที่ประดิษฐ์เครื่องคิดเลข เซอร์ ไอแซกนิวตัน นักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ และกอตต์ฟรีด วิลเฮล์ม ไลบ์นิตส์ นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน พบวิชาแคลคูลัส ซึ่งเป็นวิชาที่นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง การค้นพบวิชาแคลคูลัส การค้นพบกฎทางวิทยาศาสตร์ของนิวตัน เช่น กฎของการเคลื่อนที่ ทฤษฎีของการโน้มถ่วงของโลก เป็นต้น นับเป็นความก้าวหน้าของวิทยาการสมัยใหม่ ผลงานของนักคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในสมัย 100 ปี ต่อมามุ่งไปในแนวใช้แคลคูลัสให้เป็นประโยชน์ในการศึกษาคณิตศาสตร์ และวิชาฟิสิกส์แขนงต่างๆ นักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนี้มี เลออนฮาร์ด ออยเลอร์ ชาวสวิสผู้ให้กำเนิดทฤษฎีว่าด้วยกราฟ นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสมี โชแซฟ ลุยส์ ลากรองจ์ ปิแยร์ ซิมง เดอ ลาปลาซ ใช้แคลคูลัสสร้างทฤษฎีของกลศาสตร์ และกลศาสตร์ฟากฟ้าซึ่งเป็นพื้นฐานของวิศวกรรมศาสตร์ และดาราศาสตร์ ------------------------------------ คณิตศาสตร์สมัยปัจจุบัน นักคณิตศาสตร์ในสมัยนี้สนใจในเรื่องรากฐานของวิชาคณิตศาสตร์ และตรรกศาสตร์ (วิชาว่าด้วยการใช้เหตุผล) นำผลงานของนักคณิตศาสตร์รุ่นก่อนมาวิเคราะห์ใคร่ครวญ สิ่งใดที่นักคณิตศาสตร์รุ่นก่อนเคยกล่าวว่าเป็นจริงแล้ว นักคณิตศาสตร์รุ่นนี้ก็นำมาคิดหาทางพิสูจน์ให้เห็นจริง ทำให้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เดิมมีพื้นฐานมั่นคง มีหลักมีเกณฑ์ที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ว่า การคิดคำนวณต่างๆ ต้องทำเช่นนั้นเช่นนี้เพราะเหตุใด ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างคณิตศาสตร์แขนงใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นเพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน จะขอกล่าวถึงนักคณิตศาสตร์ และแขนงใหม่ของคณิตศาสตร์ในสมัยนี้พอสังเขป พัฒนาต่อยอดกลายมาเป็นหลักคณิตศาสตร นานานับประการของโลกเช่นทุกวันนี้ จากคุณ : kakaga เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 22:43:58 A:184.105.144.2 X: TicketID:325146

ความคิดเห็นที่ 36 เจอคนคลั่งจีน กับ ฝรั่งเถียงกัน จีนคิดหลาย ๆ อย่างได้ก่อนฝรั่งจริง ๆ เช่นเข็มทิศ การถลุงเหล็ก การทำโลหะต่าง ๆ การทอผ้า ฝ้าย ไหม กระดาษ แต่ผมว่าปัญหาจีนมาจาก วัฒนธรรม จากผู้ปกครอง การทำเซรามิก พวก Bone ceramic พอชเลน ทำดีกว่าฝรั่งด้วย แต่ ปัจจุบันเจอแต่ ชามกังไส ห่วย ๆ และอีกแหละเราก็ยังไม่เคยเห็น นักวิทยาศาสตร์จีนที่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่  แล้วอีกอย่าง นิสัยซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้จีนไม่พัฒนาเท่าที่ควรคือ ความคิด หวงวิชา แบบว่า คิดค้นอะไรได้ไม่บอกความลับ ไม่มีการแบ่งปัน บอกก็แค่ส่วนนิดเดียว คนที่จะพัฒนาต่อก็ต้องตั้งต้นใหม่เอง ความคิดแบบนี้ปัจจุบันก็ยังอยู่ สูตรลับ ๆ ทั้งหลายแหละ แบบว่า อาจารย์ฝึกวิทยายุทธให้ศิษย์ สมมติว่าอาจารย์ มี 35 กระบวน ก็จะสอนให้ศิษย์เอก 34 กระบวน ส่วน 1 กระบวนท่าเอาไว้เผื่อลูกศิษย์คิดล้างครูจะได้เอาที่ที่ 35 มาปราบ 55555555 ผิดกับฝรั่ง เค้าจะ เสนองาน ตีพิมพ์ผลงาน ใครจะเอาไปก็ศึกษาต่อ โดยที่คนคิดเบื้องต้นก็ได้เครดิตไปด้วย หรือใครเก่งเค้าก็จะดึงมาร่วมงานกัน เค้าจะไม่ค่อยขโมยความคิดกัน แต่ก็มีขโมยเหมือนกันนะ สมมติคุณคุยธุรกิจกับคนจีนว่าจะทำ อันนั้นอันนี้ขาย รับรองได้ว่า วันต่อมาสินค้าของคุณเตรียมที่จะโดน Copy จากทางจีนเรียบร้อย ......อันนี้ประสบการณ์จริงจากเจ้านายเก่าของแม่ผม ไปคุยธุระกิจในจีนเรื่องทำของขายให้กับเรือยอร์ช อีก 1 อาทิตย์ต่อมา สินค้าตัวนั้นโดน Copy และผลิตเรียบร้อย....... จากคุณ : แมลงปอร่อแร่ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 22:59:38

ความคิดเห็นที่ 37 ความรู้ของผมคืองี้ครับ คนที่เก่งจริงๆคืออินเดีย เพราะอารยธรรมนี้มีวรรณะพราหมณ์ทำเรื่องดูดาวโดยเฉพาะ ที่ ร4 คำนวนหว้ากอนั่นก็ตำราอินเดียครับ คณิตศาสตร์เวดิกมันเหลือเชื่อมาก คุณลองดูนี่ http://www.youtube.com/watch?v=kZKOPKIHsrc เวดิก คือ พระเวทย์นั่นเอง คือตำราที่สุดยอดมากของโบราณ อินเดียคือเจ้าวิทยาศาสตร์แห่งโลกโบราณ ไม่แพ้กรีกเลยทีเดียว การตั้งคูณ การตั้งหาร ที่เราเรียนๆตอนเด็กๆกัน คือวิธีของอินเดีย อินเดียค้นพบ ตรีโกณ http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Indian_science_and_technology อินเดียค้นพบ โลก ดวงจันทร์ เป็นวงกลม  แสดงวิธีการคำนวนด้วยตรีโกณ อินเดียค้นพบแรงดึงดูด โดย กัลวิตี  (ที่มาของคำว่า กลาวิตี้ มาจากคำอินเดียกัลวิตี แปลว่า แรงดึง) อินเดียค้นพบว่าพระอาทิตย์คือดาว  (กล่าวในบทความว่า  กลางวันพระอาทิตย์หนึ่งดวงขึ้น  กลางคืนพระอาทิตย์มากมายขึ้น) อินเดีย นิยาม อินฟินิตี้ อสงขัย และ ศูนย์ http://en.wikipedia.org/wiki/Indian_mathematics และที่สำคัญที่สุด อินเดียคือต้นแบบของการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับ case ทั่วไปไดๆ กรีกตอนมาซีโดเนียเป็นใหญ่รบชนะอินเดียเอาอินเดียไปเป็นอาจาย์เยอะแยะ และ อลิสโตเติ้ล และ ยูคลิด ก็ได้รับอิทธิพลจากความรู้อินเดีย ทั้งสองทั่นเป็นคนที่สุดยอดเชื่อว่าหว้ากอคงรู้อยู่แล้ว จีน  การหาค่าพายที่ถูกต้อง  ค้นพบการประมาณค่าพายจนถึงความแม่นยำใดๆด้วยการใช้ n เหลี่ยมใดๆ เมื่อ n->infinity ค่าพายก็จะ->ไม่ผิดเลย (อันนี้กรีกก็ค้นพบ แต่ของจีนพบก่อนและคำนวนได้แม่นยำกว่า รวมทั้งแสดงสูตรในการคำนวนถึง n -> infinity) Guassian Eliminiation, Clamer's rule การหาคำตอบของระบบสมการหลายตัวแปร Pascal triangle, Magic square   อิสลาม  อิสลามเก่งสุดๆ  อิสลามคือบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ในฐานะที่เรารู้จักกันจริงๆ  วิธีทางวิทยาศาสตร์,  polynomial, พบเยอะจริง http://en.wikipedia.org/wiki/Science_in_medieval_Islam โลกตะวันตก   นี่คือขั้นเทพของแท้  เทพสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุดยอดแห่งอารยธรรม ทุกๆคนคงรู้แล้ว จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 23:23:45

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่าที่จีนไม่พัฒนา น่าจะมาจาก ติเขาอย่างเดียว แล้ว ไม่เอาของตัวเองไปปรับปรุงนะครับ ดูญีปุ่ญ เล่นเอาของคนอื่นมาทำเองจนเก่งไปละ จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 23:30:06

ความคิดเห็นที่ 39 #36ครับ ต้องไปดูประวัติยัยนี่ครับแล้วจะเห็นอะไร ซึ่งผมก็ไม่ได้คลั่งฝ่ายไหนอะไร แต่ยัยนี่คลั่งของจริงและเลือกมองด้านเดียวกับเลือกหลอกตัวเอง ข้อเท็จจริงเดียวที่จริง จะเอามาโพสท์ได้ อย่างประวิติคณิตศาสตร์ ที่โพสท์ก็เลี่ยงของโลกตะวันออกไว้ โดยที่สมัยก่อนยัยนี่มั่วกว่านี้มาก ครั้งนี้มามีจุดยืนว่า คณิตศาสตร์โลกตะวันตกเป็นสิ่งที่ใช้ในรากฐานการศึกษายุคใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ยอมรับครับ แต่หลายอย่างก็ยังมั่วและแสดงความโลกแคบออกมาอีกมาก เช่นที่บอกว่า ของที่ดังๆของจีนก็มีเพียงไม่กี่อย่างไม่กี่อย่างเพียงไม่กี่อย่างเท่าันั้น ที่ได้รับการยอมรับ เช่นกระดาษแบบจีน อะไรเป็นต้น และ อื่นๆมีน้อยมาก เมื่อเทีัยบกับ ที่เค้าเกิดอารายธรรม กำเนิดวิทยาการ มาก่อน อย่าง เมโส อียิปต์ ---- อันนี้มันแสดงความสุดโต่งของคนไร้สมองจริงๆ ไปนับมาจากไหน  แสดงให้เห็นว่า ยัยนี่เลือกจะมองและโพสท์ด้านเดียว โดยยอมหลอกตัวเอง และตอนนี้เลิกเถียงกับผมไปแล้ว (ผมน้อยใจนะ ไม่มันเลย แบบนี้) เพราะทืี่ผ่านมาไม่เคยแย้งได้ด้วยเหตุผลเลย เลยต้องใช้ลูกเล่นเลี่ยงไปมองไม่เห็น ไม่สนใจ เพื่อจะหาจุดยืนในเวบนี้ให้ได้ หุหุ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 23:31:53

ความคิดเห็นที่ 40 ผู้ค้นพบถึงจะยิ่งใหญ่ แต่ผู้ที่นำมาประยุกต์ใช้แล้วมีประโยชน์ต่อมนุษยชาติยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า จากคุณ : อินทรีย์ผยอง เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 23:32:04

ความคิดเห็นที่ 41 http://en.wikipedia.org/wiki/The_Art_of_War อันนี้เป็นที่ยอมรับของนักการทหารทั้งตะวันตกและตะวันออกว่าเป็นสุดยอดคำภีร์ หลักแห่งการสงครามหนังสือชื่อ ศิลปะแห่งการสงคราม  โดย ซุนวู เวียดกง  ฝรั่งเศส เมกา เหมา ลูกศิษย์ทั้งนั้น จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 23:58:30

ความคิดเห็นที่ 42 จีนคิดการทำดาบได้แข็งแกร่งก่อน ยุโรป แต่ดาบที่คมที่สุดที่ยอมรับกันมากที่สุด ก็คือ คาตะนะ .... จีนค้นพบไหมก่อน ญี่ปุ่น แต่ ญี่ปุ่นขาย กิโมโนได้ราคามากกว่าชุดกี่เพ้า(สะกดไม่ถูก) จีนคิดดินปืนได้ก่อนฝรั่ง แต่อาวุธสมัยนี้ ผลิตอยู่ 2 ประเทศใหญ่ ๆ คือ อเมริกา กับ รัสเซีย  คิดจรวดได้ก่อน แต่ส่งจรวดได้หลัง อินโดนิเซียด้วยซ่ำ จีนสมัยก่อนยังไม่รู้จักคำว่าเปิดโลกเลยทำให้เมื่อคิดอะไรได้ก่อน แต่ก็ไม่ได้พัฒนาไปได้เท่าที่ควร พอคิดอะไรได้ เก็บเข้าสำนักหลวง หอพระคัมภีร์ (พระราชาก็คงไม่ได้ไปนั่งอ่าน...ประชาชนจะยืม ก็ไม่มีบัตรสมาชิก) ถ้าจีนยังภูมิใจกับการคิดค้นในอดีตเก่า ๆ ก็ไม่พัฒนาหรอกครับ ต้องตามเค้าเรื่อยไป และก็ต้องคอย Copy ของฝรั่งไปจนตาย ทำได้แค่ copy ได้ ทำได้ถูกกว่า ก็เท่านั้น ..... ทำไม iPhone ถึงแพง (เดี๋ยวก็มีคนมาพูดอีกว่า made in china ) เพราะ ทำก่อนไง เทคโนโลยีมาก่อน จีนก็ตาม Copy ไปสิ iPhone 24000 ของจีน 4-5 พัน ถามว่าใครได้กำไรมากกว่ากันคงไม่ต้องพูดถึง ภูมิใจกับอดีตอย่างเดียวก็ไม่ต้องมองอนาคตแล้วแหละ .......แบบอีรัก อีหร่านไง อารยธรรม เมโสโปเตเมีย จากคุณ : แมลงปอร่อแร่ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 23:59:39

ความคิดเห็นที่ 43 กระทู้นี้ติ่งหูเยอะจริงๆ สรุปสั้นๆง่ายๆนะ สยามเก่าแก่ที่สุด จบปะ จากคุณ : wodemimi เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 01:01:02

ความคิดเห็นที่ 44 ในหนังสือ "The Genius of China ต้นกำเนิด 100 สิ่งแรกของโลก" ของโรเบิร์ต เทมเพิล นักวิชาการชาวอังกฤษผู้สนใจจีนและศึกษาค้นคว้าเรื่องจีนอย่างจริงจัง รวบรวมหลักฐานและให้การรับรองว่าจีนมีอารยธรรม มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าชาวตะวันตกนับพันปี จาก ข่าวสด http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObWIzSXpNakl4TURNMU5BPT0=&sectionid=TURNd05nPT0=&day=TWpBeE1TMHdNeTB5TVE9PQ== จากคุณ : กิ่งก้ามปู เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 01:09:43

ความคิดเห็นที่ 45 ติ่งหูคนเดียวครับ รายนี้โด่งดังมาก สามารถตามหาได้จากแหล่งข้อมูลที่ผมเกริ่นไว้ รายนี้ไม่ได้ด่าแต่จีนนะ ด่าหมด เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย บ้าอยู่อย่างเดียวคือฝรั่ง หลังๆไปเหมาหมดว่าอียิปต์ แขกขาว ยิว เป้นฝรั่งไปด้วย หุหุ แถไปเรื่อย และพอโดนต้อนหนักจะหายไปแล้วจะกลับมาใหม่กับบัตรผ่านใหม่ และชื่อใหม่ (แต่สารภาพตามตรงว่าตอนแกหายไปนี่ ผมคิดถึงมาก ชีวิตมันขาดดราม่ายังไงไม่รู้) จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 03:25:47

ความคิดเห็นที่ 46 มาเสริม คห 44 ถ้าหนังสือ "เดอะ จีเนียส ออฟ ไชน่า(The Genius of China)" ไม่แน่จริง คงไม่ได้รับการแปลมากเป็นประวัติการณ์ถึง 44 ภาษาทั่วโลก รวมถึงภาษาไทย นั่นแปลว่า ชาวโลกต่างกระหายใคร่รู้ว่า การค้นพบสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการแพทย์เป็นเจ้าแรกของโลกนั้น หาใช่คนตะวันตกหรือคนอเมริกันไม่ หากแต่เป็นคนผิวเหลืองที่อยู่ในแถบตะวันออกซึ่งรู้จักกันในนามเอเชียทวีป นั่นคือ คนจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ที่มีอารยธรรมเก่าแก่มาเนิ่นนานนับเป็นพันๆ ปี การค้นพบสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ซึ่งมีหลักฐานจากการค้นคว้าของชาวอังกฤษและได้ค้นพบสิ่งที่เหลือเชื่อจนกลายเป็นความมหัศจรรย์อันน่าทึ่งของโลก สะท้อนถึงความเป็นอัจริยะของคนจีนที่ชาวตะวันตกต้องยอมซูฮกและยกนิ้วให้ การได้รับเลือกไปแปลเป็นภาษาต่างๆมากถึง 44 ภาษา นับเป็นความเป็นสุดยอดของหนังสือเล่มนี้  ทำให้กวาดรางวัลจากเวทีหนังสือระดับชาติของสหรัฐอเมริกาได้ถึง 5 รางวัล นี่ย่อมเป็นประกาศนียบัตรที่พอจะพิสูจน์ได้หรือว่า ความยิ่งใหญ่ของจีนและของหนังสือเล่มนี้มีมากขนาดไหน? ขณะเดียวกัน ประเทศจีนก็ใช้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือประกอบแบบเรียนของนักเรียนเพื่อสร้างความภาคภูมิใจและสร้างแรงบันดาลใจในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆให้กับเยาวชนของประเทศเพื่อยังประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จุดกำเนิด หรือจุดเริ่มต้นของหนังสือ "เดอะ จีเนียส ออฟ  ไชน่า" มิสเตอร์ อาร์. เค. จี. เทมเพิล หรือ โรเบิร์ต เทมเพิล นักวิชาการชาวอังกฤษผู้เขียนหนังสือเล่มนี้บอกว่าได้ประมวลและเรียบเรียงจากชุดงานเขียนชื่อ Science and Civilization in China เขียนโดย ดร.โจเซฟ นีดแฮม สมาชิกราชบัณฑิตสมาคมอังกฤษ นักชีวเคมีและนักประวัติศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง พร้อมกันนั้น โรเบิร์ต เทมเพิลก็ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากงานเขียนอื่นที่ไม่ได้ตีพิมพ์ โดย โรเบิร์ต เทมเพิลได้คัดเอา 100 สิ่งแรกของโลกตามลำดับเวลาและประเภทจากขนบวิทยาศาสตร์ของจันอันอุดมอันอุดมสมบูรณ์และหลากหลาย พร้อมเสริมความหนักแน่นและความกระชับด้วยภาพประกอบ             และเขียนในคำนำของหนังสือว่า "ตะวันตกเป็นหนี้บุญคุณจีน"             ตอนหนึ่งของคำนำ โรเบิร์ต เทมเพิลกล่าวว่า "หากไม่มีการนำกระดาษและการพิมพ์จากจีนมาใช้ ยุโรปคงยังต้องคัดลอกหนังสือด้วยมือต่อไป การรู้หนังสือคงไม่แพร่หลายขนาดนี้ โยฮันส์ กูเทนเบิร์ก ไม่ได้ประดิษฐ์คิดค้นตัวเรียงพิมพ์ แต่เป็นชาวจีน  วิลเลียม  ฮาร์วี ไม่ได้ค้นพบการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย แต่เป็นชาวจีน ไอแซค นิวตันไม่ใช่คนแรกที่ค้นพบกฎข้อที่หนึ่งของการเคลื่อนที่ของเขา แต่เป็นชาวจีน......." เพียงแค่นี้ก็สร้างความตะลึงพรึงเพริดไม่น้อยให้กับชาวตะวันตกและชาวโลก.....จริงหรือไม่!           มาดามเฉินจื้อลี่ ที่ปรึกษารัฐบาลจีนด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม กล่าวว่า "เดอะ จีเนียส ออฟ ไชน่า" เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยสาระ การอธิบายชัดเจน มีภาพประกอบและคำบรรยายที่ยอดเยี่ยม ให้ความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ ซึ่งเหมาะแก่เยาวชนอย่างยิ่ง จากคุณ : ChaiGg เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 04:23:55

ความคิดเห็นที่ 47 .. จากคุณ : ChaiGg เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 04:35:27

ความคิดเห็นที่ 48 . จากคุณ : ChaiGg เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 04:36:21

ความคิดเห็นที่ 49 . . . . . เอาวิกิมาเถียงกัน งึมๆๆ . . . . . . . . วิกิมันอ้างขำๆได้นะครับ   แต่มันไม่ได้ถูกต้องเสมอไปเน้อออออออออ อย่าง IS  Thesis (ของมหาลัยเขี้ยวๆ ทั่วโลก) อ้างวิกิมานี้ ไปดีเฟนส์โดนสับตายเลยนะ หาแหล่งข้อมูลให้น่าเชื่อถือให้ผมหน่อย ผมอยากอ่านมั้งอะ จากคุณ : The_Death_oF_Superman เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 08:13:25

ความคิดเห็นที่ 50 หลาย ๆ อย่างของจีน น่าทึ่งมาก ๆ ใช้คำว่า นัตกรรม หรือ เทคโนโลยีล้ำสมัยกว่า ตะวันตกมาก ในสมัยโบราณ แต่อย่างที่บอกครับ คนจีนหวงวิชา หวงนวัตกรรม ทำให้การแพร่หลายไม่เป็นที่รู้จัก เรื่องกระดาษนั้นชัดเจนที่สุด จีนทำกระดาษและคิดตัวอักษรก่อน อียิปต์ ซ่ะอีก  ทำชามกระเบื้อง ทำโลหะก่อนยุโรป ทำเครื่องมือการเกษตร มาก่อน คนทั้งโลกเค้ายอมรับว่า โคลัมบัสค้นพบทวีป อเมริกา ต่อมามีคนบอกว่า พวก ไวกิ้ง ต่อมามีคนบอกว่าจีน แต่เราถูกสอนและเรียนรู้มาอย่างไร แล้วทั่วโลกเค้ายอมรับกันอย่างไรมันอีกเรื่อง เหมือน บอกว่า กฎของนิวตัน ถูกพบก่อนว่าเป็นคนจีนค้นพบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ประวัติศาสตร์ถูกลบเลือนไปแต่อย่างใด ไม่เคยบอกว่าจีนไม่เก่ง คนจีนสมัยก่อนน่ะโคตรเก่งเลย แต่โลกเรามันมีหลายยุค หลายอนาจักร บางยุคโรมัน กรีก อียิปต์ ขอม มองโกล ไบเซนทาย มายา อินคา จีนเองก็เคยอยู่ในยุคที่เฟืองฟูมาแล้ว ตกต่ำมาแล้ว และกำลังเฟื่องฟูอีกครั้ง ปล.ไม่เห็นมีใครพูดเลยว่าไทยทำส้วมซึมก่อนชาติอื่น 5555 จากคุณ : แมลงปอร่อแร่ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:16:17

ความคิดเห็นที่ 51 จีนเก่งครับ เก่งมากๆ และมีความยิ่งใหญ่มากๆ  จนทำให้จีนหลงคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นศูนย์กลางของโลก ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จากผู้อื่น จึงได้แต่ปิดประเทศ ไม่เปิดรับความรู้ใหม่ๆ จากชาติตะวันตก ในขณะที่ญี่ปุ่น ตอนแรกก็ปิดประเทศ ไม่ยอมเปิดรับความรู้ใหม่ๆ  แต่พอแพ้สงครามกับชาติตะวันตกเท่านั้น  ถึงได้คิดได้สติว่า ตัวเองยังด้อยอยู่มาก   ยังต้องเร่งเปิดรับความรู้ขนานใหญ่จากชาติตะวันตก ต้องมีการพัฒนาอย่างเป็นขบวนการ จากคุณ : ละอ่อนธรรม เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 11:21:01

ความคิดเห็นที่ 52 8 มั่วมาก จากคุณ : เซ็ง เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 11:22:54 A:110.168.69.124 X: TicketID:303162

ความคิดเห็นที่ 53 เงิน จากคุณ : คือตัวกลาง เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 11:31:58 A:124.120.246.239 X: TicketID:303162

ความคิดเห็นที่ 54 เพราะว่าจีนปฏิวัติอุตสาหกรรมไม่ทัน ที่ไม่ทันก็เพราะว่าแหล่งแร่และถ่านหินเ้ข้าไปสำรวจได้ยากกว่า ง่าย ๆ แค่นั้นครับอย่างอื่นแค่น้ำจิ้ม อ่อแล้วก็มีน้ำจิ้มอีกอย่างที่ไม่เคยมีใครพูดถึงคือเลขคนจีนยากเกินไปครับ ทำให้ไม่แพร่หลายคนที่สามารถคิดเลขได้มีน้อย (ระบบถอดสมการใช้ matrix เป็นหลัก) จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 12:23:09

ความคิดเห็นที่ 55 ทุกประเทศมีสิทธิ์ตกยุคและถูกแซงได้ครับ  ตอนโรมันรุ่งเรือง  พวกอังกฤษยังโดนมองว่าเป็นพวกคนเถื่อน ล้าหลังอยู่เลยครับ ไปๆมาๆ โรมันล่มสลาย  อาศัยเวลาช่วงนึง อังกฤษกลายเป็น1ในชาติที่มีอิทธิพลมากในยุโรปไป สำหรับญี่ปุ่น ผมคิดว่าจุดสำคัญคือ พวกหัวก้าวหน้าในญี่ปุ่นเขาได้เรียนรู้จากจีนที่โดนต่างชาติมายึด  และรู้ว่าสิ่งสำคัญในตอนนั้น คือเรือรบ และวิทยาการต่างๆที่เขาจำเป็นจะต้องมีให้ได้ทัดเทียมตะวันตก   ถึงจะไม่โดนชาติใดมาข่มเหง              และการยึดอำนาจจากโชกุน ซึ่งเป็นพวกหัวเก่า ทำได้สำเร็จ จากคุณ : Ninjax เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 14:47:05

ความคิดเห็นที่ 56 อ่านแล้วสนุกดี...^ ^ ผมว่ามันเป็นช่วงของยุคสมัยด้วยครับ ... ที่ญี่ปุ่นก้าวล้ำเหนือจีนได้นั้น เพราะการพัฒนาภายในประเทศของญี่ปุ่นเอง และจีนอยู่ในช่วงที่อ่อนแอด้วย คงไม่มีอารยธรรมใหนจะยืนหยัดได้ตลอดไปหรอก ย่อมมีวันเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยครับ จากคุณ : Cho_shang เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 15:04:19

ความคิดเห็นที่ 57 โอวววว ไม่ได้เห็น อากง ซัดติ่งมาตั้งนาน อยากจะบอกว่าผมก็เป็นขาประจำของ อากงซัดติ่งนะครับ เห็นหายกันไปนาน ก็รู้สึกเหงาๆเหมือนกัน นึกว่า แอบไปซัดกันหลังไมค์จนเป็นแฟนกันซะแล้ว ฮ่าๆๆ แซวเล่นนะครับ จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 15:53:01

ความคิดเห็นที่ 58 เฮอะ ๆ ๆ ....จีน เจ๋ง ไม่เจ๋ง .....อธิบายยาก แต่.....ฝรั่งสมัยใหม่เวลาจะสร้างตึก ยังต้องดูฮวงจุ้ยเลย....555 แล้วตำราทั้งหลาย ถ้า จิ๋นซี ฮ่องเต้ไม่เผาไปซ่ะเยยอะ สมัยรวมจีนใหม่ ๆ ป่านนี้จีนไปไกลกว่านี้อีกเยอะ รู้สึกว่าตอนนั้น จีนกำลังจะมีไฟฟ้า(กำลังค้นพบ)แล้วด้วยซ้ำ จากคุณ : แมลงปอร่อแร่ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 19:12:16

ความคิดเห็นที่ 59 จีน+รัสเซีย มะกัน+พันธมาร สงครามน้ำลายละกัน จากคุณ : เจ็บนิดเดียว เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 09:54:33 A:110.168.69.124 X: TicketID:303162

ความคิดเห็นที่ 60 ทำไม iPhone ถึงแพง เรื่องก็อบนี่ผมว่าเป็นความโกงอย่างนึง และเป็นไปได้ว่า โดยทั่วไป ก็อบเอากำไรกว่า เลือกดู iPhone อย่างเดียวไม่ได้ ที่เค้ากำไรเป็นเรื่องการตลาด ไม่ใช่การเน้นเทคโนโลยี คือแสดงข้อดี ข้อเสียมา ได้ความรู้ดีครับ แต่การด่ากัน ไม่ควรจะทำอย่างยิ่ง จีนดีงั้นดีงี้ ฝรั่งดีงั้นดีงี้ คนไทยไม่ควรจะมาทะเลาะกันด้วยเรื่องว่า จีน หรือฝรั่งดีกว่ากัน ที่ฝรั่งเน้นเรื่องลิขสิทธิ์ เพราะเค้าทำกำไรจากลิขสิทธิ์ ขณะที่เกษตรไทย ถูกเหยียบย่ำไปตั้งเท่าไหร่ มัวแต่เห่อตามชาวบ้าน(โดนบุกรุกด้านวัฒนธรรม สังคม ทัศนคติ) เหยียบย่ำกันเองไปตั้งเท่าไหร่ คำถาม จขกท สำคัญเลยว่า ใครๆจะรุ่ง หรือร่วง ได้เพราะอะไร จับใจความสำคัญที่มีประโยชน์กันเอานะครับ กลับเข้าหัวเรื่องของผม สมมติก็อบได้ไม่โดนจับ คุณว่าจะลงทุนเงินกับ ค่ายเพลงยักใหญ่ หรือค่ายแผ่นผียักใหญ่ อันไหนกำไรมากกว่ากัน ( สุดท้าย ถ้าจีนไม่จงใจดูด เทคโนโลยีแบบนี้ ถ้าจะไม่ได้มีเศรษฐกิจโตอย่างทุกวันนี้ และเชื่อเถอะว่า จะไม่ก็อบไปเรื่อยๆแน่ ถ้าวิจัยใหม่กำไรกว่า [ถ้าได้ลองอ่านแผนพัฒนาประเทศดู อาจจะได้เริ่มเห็น ว่าจะมีการวิจัยต่อยอดกันช่วงไหน เริ่มยังไงบ้าง]) สุดท้ายอีก   หรือคิดว่า ถ้าจีนไม่ทำก็อบขาย แล้วประเทศจะพัฒนาได้ดีกว่านี้ ปล. ไม่ควรใช้ว่า ก็อบไอแพดด้วย (ได้ข่าวว่าโซนี่ก็มีประมาณนี้มาเกือบ10ปีละ) จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 10:37:08

ความคิดเห็นที่ 61 ^ ^ ^ ขอโทษนะ ผมอ่านแลวยังจับใจความไม่ได้เลย...งง จากคุณ : แมลงปอร่อแร่ เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 12:02:39

ความคิดเห็นที่ 62 ^^^ โทษทีครับ คุณว่าจะลงทุนเงินกับ ค่ายเพลงยักใหญ่ หรือค่ายแผ่นผียักใหญ่ อันไหนกำไรมากกว่ากัน กรณี i-pad หรือ i-phone ผมว่า กำไรเพราะกลุ่มตลาด ส่วนเทคโนโลยี ผมยังคิดเอา ตามคำถามนี้ คุณว่าจะลงทุนเงินกับ ค่ายเพลงยักใหญ่ หรือค่ายแผ่นผียักใหญ่ อันไหนกำไรมากกว่ากัน จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 12:09:20

ความคิดเห็นที่ 63 เพิ่ม หรืออย่าง i pad โซนี่ทำกระดาน ซึ่งก็เทคโนโลยีสูง และแพง แต่เข้าใจว่า โซนี่มีเทคโนโลยี นำๆหลายๆตัว ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ทางการตลาด ผมค้านคุณ แมลงปอร่อแร่ ในประเดนนี้ แต่ผมก็เห็นด้วยในประเดนอื่นๆ และผมเห็นว่า เมื่อถึงเวลาเหมาะ เค้าก็จะต่อยอดความรู้ เมื่อเอากำไรเหมือนกัน จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 12:17:48

ความคิดเห็นที่ 64 มาเก็บข้อมูลหนังสือเล่มนี้ เอาไว้เถียงติ่งหูคราวหน้า ติ่งหูมันอ้างอิงจากอะไรหว่า นอกจากมั่ว โลกในจินตนาการ 5555 จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 17:27:10