ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มแรก FWD Mail ตัวนี้มีที่มาจากการพบสารฟอกขาวในข่าวการตรวจสอบพบ Trace SO2 ในตะเกียบ โดยพบว่าตะเกียบในไต้หวันมีปริมาณ SO2  เกินกว่า 500 ppm ถึงร้อยละ 68[1]ข่าวดังกล่าวถูกนำมาเป็นประเด็นและในฝั่งภาษาอังกฤษ มันก็ขยายไปถึงว่า ถ้าเอาตะเกียบไปแช่น้ำร้อนจะเห็นผงสีขาวค่อยๆละลายออกมาจากตะเกียบเลยด้วย[2] ทั้งนี้ Bleach ที่ว่า มันก็คือ SO2  ตัวตรงๆเลยละครับ SO2  เป็น Reducing Agent และฟอร์มที่มันจะ Reduce ลงไปก็ได้แก่เป็นรูปซัลไฟต์ (-SO32-) หรือซัลเฟต (-SO42-) ซึ่งตกค้างอยู่ในรูปเกลือ หรือตัว SO2 เองที่ตกค้างกับความชื้นในรูปกรดซัลฟิวรัสหรือกรดซัลฟิวริค สำหรับการตกค้างในรูปซัลไฟต์ ซัลไฟต์ เป็นหนึ่งใน 9 สารเคมีพื้นฐานที่ก่ออาการแพ้ในกลุ่มอาหาร ซึ่งการแพ้ส่วนใหญ่จะเป็นการสัมผัสกับผิวหนัง นแง่การบริโภค มันก็อาจทำให้เกิดอาการหารใจลำบาก หรือหอบหืด ซึ่งทั้งนี้ ก็ต้องระบุว่ามันเป็นอาการที่อยู่ในกลุ่มภูมิแพ้ครับ ในอุตสาหกรรมไวน์ และอาหารกระป๋อง มีการใส่ซัลไฟต์เป็นสารถนอมอาหารตามปรกติ ถ้าเปรียบเทียบอันตรายก็คงเทียบว่าเหมือนอาหารทะเลที่บางคนแพ้บางคนไม่แพ้[3] และทั้งนี้ ซัลไฟต์เป็น Reducing agent มันจะทำปฏิกิริยาต่อกับออกซิเจนในอากาศถ้ามีความชื้นแล้วก็เปลี่ยนรูปไปอยู่ในรูปซัลเฟตอยู่ดี ตรงนี้เองการใส่ซัลไฟต์เล็กน้อยลงในไวน์จะช่วยกำจัดออกซิเจนส่วนเกินที่ละลายอยู่ในไวน์และรักษารสชาติไวน์ได้นานขึ้น[4] จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:17:26

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับปริมาณตกค้างในรูปกรดซัลฟิวริค ถ้าให้ความเข้มข้นขนาด 500 ppm หรือ 0.05% ในกรณีที่บริโภคตะเกียบเข้าไปทั้งด้าม เราก็จะได้ปริมาณกรดซัลฟิวริคเทียบเท่า 0.007% ของปริมาณ LD50 ที่ทดสอบในหนู อืมม์ เอาเป็นว่าถ้ามีไอ้บ้าที่ไหนแทะตะเกียบเล่นจนตายเพราะพิษกรดซัลฟุริคโดยไม่โดนไม้ตำเหงือกแหกเลือดสาดตายก่อน มันก็คงต้องแทะตะเกียบเข้าไปสัก 3 กิโลได้ (ปริมาณขนาดนี้ ต่อให้เป็นการดื่มน้ำเล่นก็ยังถือว่าอันตรายเลยนะครับนั่น) [5] หรือจะเทียบอีกอย่างเช่นร่างกายคนมีกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะ แต่ไฮโดรคลอริกก็มีค่า LD50 ในหนูที่ 900 mg/kg โดยในกระเพาะคนเรามีกรดไฮโดรคลอริกสำหรับย่อยอาหารที่ความเข้มข้น 0.5% ครับ ถ้าผมเขียน FWD เมล์นี้ผมจะอ้างพวกไซยาไนด์ หรือยาฆ่าแมลงเพื่อป้องกันมอด ดีกว่ามาอ้างกรดซัลฟิวริคเพราะมีเหตุผลกว่าเยอะครับ หรือถ้าจะพูดตรงๆเรื่องความด้อยคุณภาพในการควบคุมการผลิตมันก็ได้ และโดยส่วนตัว ผมกลัวเรื่องการปนเปื้อนของเชื้อโรคจากกระบวนการผลิตแบบแบกะดินมากกว่าการใช้ยาฆ่าแมลงด้วยซ้ำ เพราะยาฆ่าแมลง Dose น้อย มันก็ไม่มีผล แต่เชื้อโรค มันเข้าไปแล้วมันขยายพันธุ์ได้ ดูกระบวนการผลิตตะเกียบในไทยก็แล้วกัน จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:18:15

ความคิดเห็นที่ 3 หรือเอาแบบดูง่ายๆ เผื่อ youtube โดนลบในภายหลัง สภาพความสะอาดมันแทบไม่ต่างอะไรกับกระบวนการแบกับดินตามรูปข้างล่าง จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:19:03

ความคิดเห็นที่ 4 การเอาตะเกียบสำหรับตัวเองมาใช้ นอกจากประเด็นเรื่องสุขอนามัยแล้ว มันก็เป็นมาตรการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ในประเทศญี่ปุ่น แต่ละปี มีปริมาณตะเกียบที่ใช้แล้วทิ้งคือ 25,000,000,000 คู่ คิดเป็นน้ำหนักขยะก็ประมาณ 500,000 ตันต่อปี สำหรับในจีน ปริมาณการผลิตตะเกียบใช้แล้วทิ้งอยู่ที่ 45,000,000,000 คู่ต่อปี คิดเป็นพื้นที่ป่า ก็หายไปประมาณ 252 ไร่ต่อวันเลยทีเดียว ข่าวเสริม http://www.treehugger.com/files/2010/08/china-45-billion-disposable-chopsticks-100-acres-every-24-hours.php แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 54 23:28:45 จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:20:48

ความคิดเห็นที่ 5 ญี่ปุ่นกำลังพยายามเปลี่ยนวัฒนธรรมให้เป็น Eco-friendly และก็มีมาตรการต่างๆเพื่อลดการใช้ตะเกียบใช้แล้วทื้ง โดยมีการรณรงค์ให้พกพาตะเกียบมาใช้เอง อย่างบราเซียร์พร้อมพกตะเกียบของ Triumph[6] ซึ่งก็ออกบราเซียร์รูปแปลกๆออกมาให้เห็นบ่อยๆ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:21:21

ความคิดเห็นที่ 6 ในอังกฤษ ก็มีการทำ Survey ที่จะเปลี่ยนจากตะเกียบใช้แล้วทิ้งมาเป็นตะเกียบล้างใช้ใหม่ ซึ่งจากการ Survey คนก็ให้กระแสสนับสนุนวัฒนธรรม Eco-Friendly เช่นกัน[7] สำหรับในไทย การพกตะเกียบใช้เองก็ไม่น่าเป็นเรื่องเสียหาย อย่างการลดการใช้ถ้วยกระดาษโดยให้เอาถ้วยกาแฟมาเอง ก็เป็นมาตรการที่มีการนำใช้กันอยู่ ว่ากันจริงๆ ในอังกฤษ คนเขาก็ยินดีจะเปลี่ยนมาใช้ตะเกียบใช้ใหม่กันไม่น้อยทีเดียว จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:22:46

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ทั้งนี้ ถึงผลลัพธ์ของ FWD Mail  นี่จะออกมาในทางที่เป็น Eco-Friendly ดีต่อสุขอนามัย มันก็แค่การบังเอิญขี้ตรงร่องของพวกจิตป่วนที่วันๆกะสร้างความปั่นป่วนให้สังคมเท่านั้นละครับ การโกหกยังไงก็คือการโกหกวันยังค่ำ สมมุติมีคนเคยเชื่อเรื่องประเด็นสารฟอกขาวในตะเกียบ แล้วมาพบว่ามันเป็นเรื่องโกหก พอมาเจอข่าวเรื่องความสกปรกของตะเกียบ ก็อาจคิดว่าเป็นเรื่องโกหกเหมือนกัน ดังนั้น สิ่งที่โกหกพวกนี้ ถึงจะเหมือนมีผลลัพธ์ดี มันก็ยังเป็นเรื่องชั่วช้าอยู่นั่นเอง สัพเพ ฟอร์เวิร์ดเมละ ไร้สาระ วิบัติสติ อ้างอิง [1] http://www.chinapost.com.tw/taiwan/national/national%20news/2008/04/12/151512/Sulfur-dioxide.htm [2] http://answers.yahoo.com/question/index?qid=20060814130655AAM7d5E [3] http://en.wikipedia.org/wiki/Sulfur_dioxide#As_a_reducing_agent [4] http://think-wine.blogspot.com/2011/05/sulfite-free-wine.html [5] http://msds.chem.ox.ac.uk/SU/sulfuric_acid_concentrated.html [6] http://www.reuters.com/article/2007/11/07/us-japan-bra-idUST28670820071107 [7] http://www.foe.org.hk/welcome/geten.asp?id_path=1,%207,%2028,%20150,%203781,%203921 อันนี้รูปแถมครับ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:24:32

ความคิดเห็นที่ 8 ตามมาโหวต จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:43:54

ความคิดเห็นที่ 9 เพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละ เครื่องทำตะเกียบ ใส่ไม้ไปแล้วพุ่งๆๆๆ ออกมาเป็นตะเกียบแล้วเก็บเอาตามพื้น โธ่เอ๊ย จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:46:36

ความคิดเห็นที่ 10 ธรรมชาติของคน ไม่มาม่า ก็ไม่สนใจ ( ไม่งั้นรายการเล่าข่าวคงอยู่ไม่ได้ ถามหน่อยสมัยก่อนจะมีเจ้าพ่อเล่าข่าว มีคนไทยกี่ % ที่ติดตามข่าวสารแบบจริงจัง ) - มือถือใช้แล้วเปลี่ยนบ่อยๆ มันเปลืองทรัพยากร ขยะกำจัดยาก แล้วไง? ไกลตัว จืดชืด แต่ถ้าเพิ่มเรื่อง " Blood Mineral " ในแอฟริกาไปด้วย คนจะเริ่มคิดหนักทันที ( การใช้มือถือสิ้นเปลืองทำให้ส่งเสริมการฆ่ากันในแอฟริกา ) - รังนกไม่มีประโยชน์ คุณค่าแค่ไข่ไก่ครึ่งฟองกับน้ำตาลทราย แล้วไง? ก็อร่อยอะ หรูอะ แต่ถ้าเพิ่มเรื่อง " การพรากครอบครัวนกนางแอ่นจากรัง " เข้าไป คนจะคิดว่าเรากำลังทำบาปอยู่นะ บางคนอาจจะเลิกกินก็ได้ ขาวิทย์ฯ ทั้งหลายอย่าทะนงตัวเกินไป ถึงแม้วิทยาศาสตร์คือความจริง แต่มนุษย์นั้นไม่สามารถอยู่ได้ด้วยความจริงแต่เพียงอย่างเดียวหรอกครับ ในทางตรงข้ามแม้มันจะเป็นเรื่องไม่จริง แต่ถ้าทำให้รู้สึกดี มนุษย์ทั่วๆ ไปพร้อมจะเชื่อมากกว่าความจริงเสียด้วยซ้ำ มาม่าทั้งหลาย ถึงมันจะโกหกเพ้อเจ้อไปบ้าง แต่ถ้ามันทำให้สังคมดีขึ้น คนห่วงใยเพื่อนมนุษย์และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผมว่ามันก็มีประโยชน์นะครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 54 23:59:54 จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:57:36

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ กดกีบให้กับสัจธรรมที่ว่า แต่ ถ้าเลือกได้ สังคมที่มีพื้นฐานจากเหตุผล และการกล่าวสนับสนุนหรือแย้งด้วยความจริง นั่นก็เป็นโลกที่ผมอยากเห็นก่อนตายละนะ การยอมรับความจริง กับการยอมจำนนมันคนละเรื่อง ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ผลักดัน่ ก็ทำกันไปนะครับ อย่างไรซะ กรุงโรมก็ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 00:08:47

ความคิดเห็นที่ 12 "การยอมรับความจริง กับการยอมจำนนมันคนละเรื่อง" ผมชอบอันนี้แหละ... ไม่งั้นก็เท่ากับย่ำอยุ่กับที่.... จากคุณ : Mikegelo เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:10:35

ความคิดเห็นที่ 13 ความคิดเห็นที่ 10 แปลว่าสงเสริม กินน้ำส้วม ไหว้หมูสองหัว  ไหว้ต้นไม้ประหลาดดีกว่าใช่หรือไม่ การปลูกจิตสำนึกต้องค่อยๆ ปลูกไปเรื่อยๆ ให้คนหัดคิดหัดใช้เหตุผล  ซึ่งถึงแม้จะมีคนอ่้านเข้าใจไม่มากแต่พวกเขาเหล่านั้นจะไปบอกต่อๆ กัน ซึ่งจะได้ผลดีมาก เราอยู่กับสิ่งที่ลวงตามามากแล้ว ลืมตาตื่นมามองความจริงแล้วรับสภาพ เพื่อปรับตัวให้ได้ดีกว่า เชื่อคำโกหกเพ้อเจ้อ ผลท้ายสุดคือปรับตัวไม่ทัน ได้แต่ตายไปอย่างช้าๆ ปล.สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกนี้ได้ ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ถ้าเลิกปรับตัวเมื่อไหร่ก็สูญพันธุ์เท่านั้นค่ะ จากคุณ : น้องเป้ลูกแม่หนิง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 02:08:02

ความคิดเห็นที่ 14 จขกท#4 ไม่มีเนื้อที่ป่าหายไปไหนครับ  เพราะเขาเอาไผ่มาจากสวนที่ปลูกขึ้นมาโดยเฉพาะ เหมือนกับไม้สักปลูกบ้านเรา  แล้วพิ้นที่ป่าของญี่ปุ่นก็เหลือเกินคึ่งประเทศด้วย จากคุณ : zardic เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 03:22:01

ความคิดเห็นที่ 15 พูดถึงตะเกียบแล้วอยากบ่น     ตะเกียบใช้แล้วทิ้งเดี๋ยวนี้ทำออกมาไม่ค่อยดีเลย     เวลาไปกินจะเจอบ่อยมาก   ที่ตัวตะเกียบงอ     ซึ่งมันทำให้คีบได้ไม่ถนัด      ถ้ากินแค่เดี๋ยวเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก     แต่บางทีเรานั่งกินเป็นชั่วโมง         ตะเกียบคีบไม่สะดวกแบบนี้มันก็ชวนรำคาญเหมือนกัน            บางทีงอจนไม่สะดวกก็ต้องแกะซองใหม่มา     แต่ดันเจองออีกก็มี     ต้องเอาอันที่ไม่งอมาจับคู่กันรึไม่ก็ต้องแกะซองใหม่อีก จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 03:25:25

ความคิดเห็นที่ 16 10 ถ้าทำแบบนั้นก็มีคนที่ต้องการรู้ความจริงถูกหลอกไปด้วยสิครับ ไม่ต่างอะไรกับการเซนเซอร์ที่เป็นปัญหาในขณะนี้คือคิดแทนชาวบ้าน จากคุณ : donutpla2 เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 06:21:34

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเลิกใช้ตะเกียบมาเป็นสิบปีละ ใช้ซ้อมสะดวกก่าเยอะ จากคุณ : noomnory เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 06:53:48

ความคิดเห็นที่ 18 คห 14 ตรงนี้ผมอ้างจากข่าวในคห 4 ครับ เพราะเห็นว่าทางการจีนก็มิได้โต้แย้ง และก็ยังพยายามดำเนินการลดการใช้ตะเกียบใช้แล้วทิ้งเช่นกัน ถ้าอย่างไรก็ขออ้างอิงแย้งด้วย ส่วนผมก็จะพยายามค้นเช็คด้วย เพราะอย่างน้อย รูปแบบตะเกียบใช้แล้วทิ้งจากป่าไผ่ ถ้าไม่มีข่าวนี้ ผมก็เชื่อว่ามันน่าจะเป็นแบบป่าเศรษฐกิจที่ปลูกไผ่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีประเด็นตะเกียบจากไม้สน Cypruss ด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องไม้ไผ่ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 08:33:34

ความคิดเห็นที่ 19 #17 ซาดิสซ์ - -* จากคุณ : ส้อม (เดอะฟักทองอินเตอร์) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 08:40:10

ความคิดเห็นที่ 21 เท่าที่ดูแล้วกระบวนการใน คห.2 เป็นแค่การผ่าไม้ให้เป็นแท่ง ๆ หรือทำให้กลม เพื่อนำไปเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในการขึ้นรูปต่อไป ขั้นตอนต่อไปควรจะเป็น ขึ้นรูปให้แหลม/พิมพ์ลาย --- ทำความสะอาด --- บรรจุนะครับ : ) แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 08:56:15 จากคุณ : SuicideJumper เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 08:49:11

ความคิดเห็นที่ 22 นั่นสิครับ กลัวเชื้อโรค เชื้อรา ดีกว่ามั๊ย พวกตะเกียบซอง เนี่ยแหละ มีรูปนะ แต่ถึงโพสท์รูปได้ก็ไม่โพสท์ เอาเป็นว่า มีราเน่าคาซอง ก็แล้วกัน จากคุณ : Taiyo เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 09:43:25 A:101.109.27.159 X: TicketID:319350

ความคิดเห็นที่ 23 อะ อะ ขอบอกว่าไม้เสียบลูกชิ้นบ้านเรา ก็ทำเหมือนเครื่องทำตะเกียบบ้านเค้าแหละครับ ดูดไม่ไผ่เข้าไปทั้งลำ ออกมาเป็นไม้จิ้มฟันบ้าง ไม้เสียบลูกชิ้นบ้าง วิธีเดียวกันเด๊ะ จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 10:01:15

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ นั่นดิ ไม้จิ้มฟัน ถ้ามันแทงเหงือกแล้วมีเชื้อบาดทะยักติดมาด้วย ผมคงม้วยมรณา จากคุณ : AJ_da_NR เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:19:04

ความคิดเห็นที่ 25 ยังเชื่อว่าความจริงทำให้สังคมดีขึ้น มากกว่าความลวงนะ เช่นเรื่องนี้ ถ้าความจริงคือตะเกียบใช้แล้วทิ้งไม่อันตรายจากกรดซัลฟิวริค แล้วกลัวว่าคนจะใช้ตะเกียบเยอะกว่าเดิม เราก็ต้องบอกความจริงว่า การใช้ตะเกียบใช้แล้วทิ้งมันไม่ดีต่อโลกยังไงมากกว่า แบบนี้สร้างสรรคกว่าการแต่งเรื่องให้คนกลัวตั้งเยอะ จากคุณ : TE เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:45:46 A:119.42.97.29 X: TicketID:235955

ความคิดเห็นที่ 26 เคยแกะซองออกมาเป็นผงๆเต็มไปหมด คาดว่าคงโดนมอดกิน จากคุณ : ***** เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 13:27:45 A:118.175.88.15 X: TicketID:223134

ความคิดเห็นที่ 27 (– –'') จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 13:34:41

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าเป็นอย่างนี้ ผลักดันให้ผู้ผลิตตะเกียบมีอนามัยที่ดีกว่านี้ ไม่ดีกว่าเหรอคะ มันต้องผ่าน อย ด้วย เพราะเป็นของที่ต้องเอาเข้าปาก สามารถนำเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายได้ ต้องผลักดันองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ให้เขาไปจัดระเบียบ ระบบ มาให้สะอาด ถูกสุขอนามัย ดีกว่าไหม ถ้าสามารถควบคุมตรงนั้นได้ ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ก็ไม่ต้องเสี่ยงกันอีกต่อไป เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ จากคุณ : chompoo_nice เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 13:48:58

ความคิดเห็นที่ 29 อยากให้กิ๊ฟ แต่มันหมดแล้วอะ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 15:51:14

ความคิดเห็นที่ 30 คห.10 อ่านดูแล้วก็เท่ดี แต่เอาเข้าจริงๆ ขอเป็นคนที่รับรู้ความจริงดีกว่าครับ แล้วจะทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น หรือ โลกสวยงามขึ้น ก็แล้วแต่คนหล่ะครับ จากคุณ : ska sky เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 21:40:12

ความคิดเห็นที่ 31 จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 21:48:05

ความคิดเห็นที่ 32 สงสัยอย่างหนึ่งค่ะ ทำไมปริมาณตะเกียบใช้แล้วทิ้งของจีนถึงมากกว่าญี่ปุ่นไม่ถึงสองเท่า ทั้งๆที่จำนวนประชากรจีนมีมากกว่าญี่ปุ่นสิบเท่า จากประสบการณ์ที่เคยไปจีนมา คนจีนก็ใช้ตะเกียบตลอด แบบใช้แล้วทิ้งก็เยอะ(ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารแบบถูกๆ) จากคุณ : ~\MINKU/~ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 23:53:31

ความคิดเห็นที่ 33 คห 32 ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่อาจเกี่ยวกับวัฒนธรรมการกินข้าวนอกบ้านที่ต่างกัน อย่าว่าแต่ว่าตัวเลขตะเกียบของญี่ปุ่นก็มีนำเข้าจากจึนเยอะมากด้วย บางทีของจีนใช้เองทิ้งเองอาจน้อยกว่าญี่ปุ่นด้วยซ้ำเมื่อหักการส่งออกทิ้ง จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 01:22:18

ความคิดเห็นที่ 34 #32 เท่าที่เคยรู้มาคนจีนส่วนใหญ่จะใช้ตะเกียบส่วนตัวครับ ไม่นิยมตะเกียบใช้ทิ้ง จากคุณ : เทาทองวอร์ริเออร์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 09:41:28

ความคิดเห็นที่ 35 ต้องเอาแบบเกาหลีสิครับ เจอแต่ตะเกียบเหล็กทั้งเมืองจริงๆ จากคุณ : POPPAHALALUYA เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 10:26:13

ความคิดเห็นที่ 36 เพื่อนพาแฟนเกาหลีมาเยี่ยมบ้าน ที่บ้านเพื่อนทำขนมจีนน้ำยาเลี้ยงกัน  ^^ คุณแฟนเพื่อน(คนเกาหลี)ก็งัดตลับยาว ๆ ออกมา หยิบตะเกียบสแตนเลสส่วนตัวขึ้นมาใช้เลย เท่ห์อ่ะ  ^__^ จากคุณ : cotton_ud เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 12:53:40

ความคิดเห็นที่ 37 จะทำ เพื่อประโยชน์ในวันนี้ หรือจะทำ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า ---- ผมว่าควรเลือกข้อหลังนะ จากคุณ : tanakeme เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 13:21:26

ความคิดเห็นที่ 38 ่สนับสนุนตะเกียบโลหะค่ะ ไม่เป็นเชื้อรา ไม่ต้องทิ้ง ไม่ต้องซื้อบ่อย เปลี่ยนบ่อย หนักมือดีด้วย และสร้างวัฒนธรรมการพกตะเกียบส่วนตัว ที่สำคัญ ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรค่ะ จากคุณ : balahala เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 13:47:49

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่เห็นด้วยกับ คห. 10 ครับ ความเชื่อ ๆ ๆ มันใช้ไม่ได้เสมอไปหรอกครับ สนับสนุนให้ทุกคนอยู่ในพื้นฐานของ เหตุ และ ผล ไม่ใช่ "ความเชื่อ" "ความทะนงตัว" โลกหมุนไปข้างหน้า เราต้องปรับมุมมองให้มองไปข้างหน้า ไม่ใช่รั้งโลกให้อยู่ที่เดิม ^_____^ จากคุณ : Bearlandia เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 15:56:26

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่ว่า  จะทำเพื่อให้โลกสวยงาม  แต่ถ้ามันมาจากการเริ่มต้นด้วยการโกหก หลอกลวง แล้ว ... โลก ไม่สวยงามหรอกครับ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 16:05:39

ความคิดเห็นที่ 41 เชียร์ #28 อีกเสียง อะไรที่เกี่ยวกับอาหารการกิน น่าจะมีการควบคุม หม้อ ถ้วย จาน ชาม ถุงพลาสติก ช้อน เอาให้หมด จากคุณ : vermillion เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 18:28:20

ความคิดเห็นที่ 42 .                     อ่านคร่าว ๆ สองสามรอบแล้วยังงง ๆ     มันยาวมาก อ่านได้ไม่ละเอียด อยากได้ข้อสรุปว่า ตกลงมันมีอันตราย   จริงรึป่าว และมีวิธีใช้ที่ถูกต้องอย่างไรครับ                โดยเฉพาตรงเนื้อหากระทู้บทแรกช่วงที่สองนี้                                                                     ......... ================================================= อุปกรณ์หนึ่งในการกินก๋วยเตี๋ยวที่จะขาดเสียไม่ได้เลย ก็คือ "ตะเกียบ" โดยผู้ประกอบการร้านอาหาร ส่วนใหญ่นิยมใช้ "ตะเกียบอนามัย" ชนิดใช้แล้วทิ้ง ฟังชื่อแล้วทําให้มั่นใจว่าจะได้ตะเกียบที่สะอาด ปลอดภัย แต่แท้จริงแล้วตะเกียบชนิดนี้เป็นที่สะสมของสารเคมีอันตรายหลายชนิด โดยเฉพาะ "สารฟอกขาว" ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้แช่ถั่วงอก ที่มีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นส่วนประกอบ เมื่อสารชนิดนี้ถูกน้ำร้อนหรือของที่มีอุณหภูมิสูงจะเปลี่ยนเป็นสารซัลฟูริก ชนิดเดียวกับที่ใช้ในแบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อเราใช้ตะเกียบที่มีสารฟอก ขาว ในอาหารที่ร้อนจัด เช่น สุกี้ หม้อไฟ หมูกระทะ เป็นต้น จะทําให้สารดังกล่าวละลายออกมาจากตะเกียบ ปะปนในอาหาร ในรายที่แพ้ ง่ายหรือเป็นโรคหอบหืดจะมีอาการแสดงทันทีที่ได้รับสารนี้เข้าไป ส่วนในคนที่ร่างกายแข็งแรงจะยังไม่แสดงอาการ แต่จะค่อยๆ สะสมในร่างกาย ทําให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง จึงมีโอกาสเกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายกว่าปกติ เพราะร่างกายไม่มีภูมิต้านทาน หากได้รับสารสะสมนานเข้าอาจกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็ง เพื่อความปลอดภัยเมื่อต้องใช้ตะเกียบ วิธี การที่ช่วยให้เราเลี่ยงจากพิษภัยของสารเคมีในตะเกียบ เมื่อต้องใช้ตะเกียบกินของร้อนๆ สามารถป้องกันได้ด้วยการนําตะเกียบไปแช่ในน้ำร้อนก่อนประมาณ 3-4 นาที แล้วเทน้ำทิ้งไป จึงค่อยนําตะเกียบมาใช้ แต่ในความเป็นจริงการแช่ตะเกียบตามร้านอาหาร หรือร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางค่อนข้างยุ่งยาก และคนขายไม่อยากทําให้ ทางที่ดีคือ เราอาจนําตะเกียบส่วนตัวไปใช้เอง หรือทําความสะอาดตะเกียบให้เรียบร้อยก่อนนํามาใช้ จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ===========================================                                     ข้อความด้านบนนี้               มันคือเนื้อหาที่ถูกต้อง หรือว่ามันคือฟอร์เวิร์ดเมลที่ผิดพลาด                                    ผมก็ยังไม่แน่ใจครับ จากคุณ : samma โมบี้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 19:46:51

ความคิดเห็นที่ 43 #10 คุณโทนี่โลกสวย ผมมั่นใจว่า"ความจริง" เป็นสิ่งดีเสมอครับ แต่ในปัจจุบันเราแค่พูด"ความจริง"ทั้งหมดไม่ได้ เพราะเราจะโดนสังคมทำร้ายเอา สรุปสิ่งที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่จริงไม่จริง อยู่ที่ท่าทีของสังคมว่ามีสายตาในการมองเรื่องนั้นๆแบบไหน ใส่ใจกับเรื่องแบบใด เฉยฉากับเรื่องแบบใด พอเฉยชาเมื่อไร ความจริงก็พรั่งพรู แล้วทำไง แล้วก็ต้องมานั่งเปลี่ยนวิธีคิดกันใหม่ คนบางกลุ่มก็เชื่อจตุคราม คนบางกลุ่มก็เชื่อควอนตั้ม แต่ในสังคมโลกแล้ว fruit of the poisonous tree ไม่มีที่ไหนในโลกยอมรับหรอกครับ มีนิทานมากมายที่หลอกตัวเอง โกหกคน และก่อผลร้าย แต่เราไม่สนหรอก เรามองแต่ผลดี เพราะพวกเราโลกสวย จากคุณ : hexa เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 20:13:03 A:223.204.85.9 X: TicketID:256654

ความคิดเห็นที่ 44 #42 ตะเกียบ Recycle มันมีความเสี่ยงอันตรายอยู่ แต่ไม่ใช่ประเด็นตาม FWD Mail เลย ส่วนสรุปสุดท้าย มันก็ยังควรมีตะเกียบส่วนตัวอยู่นั่นเอง ด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ได้อยู่ใน FWD Mail จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 20:35:16

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาร่วมสนับสนุน ให้คนไทย คิดเป็นครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 00:57:17

ความคิดเห็นที่ 46 32 ถ้าไปกินอาหารตามร้านข้างทางมันจะเป็นตะเกียบอนามัยหมด เพราะว่ามันสะอาดกว่าตะเกียบล้างใช้ซ้ำ แต่ถ้าคุณไปกินตามร้านอาหาดีดี เค้าจะมีตะเกียบทั้งสองแบบ แบบแรกจะใส่ซองมากับผ้าเย็น เป็นแบบใช้แล้วทิ้ง หยวนนึงสองหยวนบ้าง ซึ่งคุณต้องขอแบบธรรมดามาใช้(คือใช้แล้วล้าง) และคนจีนส่วนใหญ่จะขี้งก... จากคุณ : กระดาษในโหลแก้ว เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 07:34:13

ความคิดเห็นที่ 47 .               คห.๔๔ ขอบคุณครับ แต่คุณจขกท. ยังไม่ได้บอกเลยว่า      แล้วไอ้ข้อความด้านบนที่ผมถามไป มันคือ เนื้อหาที่ถูกต้อง หรือว่าเป็น      ฟอร์เวิร์ดเมลที่ผิดพลาดเชื่อถือไม่ได้กันแน่ครับ จากคุณ : samma โมบี้ เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 09:36:22

ความคิดเห็นที่ 48 เป็นฟอร์เวิร์ดเมลที่ผิดพลาดเชื่อถือไม่ได้ครับ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 13:36:44

ความคิดเห็นที่ 49 เคยใช้ตะเกียบโลหะ (บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าโลหะอะไร) คีบไม่ขึ้น ลื่นมากๆ คีบเส้นขึ้นมาไหลลงชามหมดเลย แต่คนใช้ทุกวันคีบได้ปกติ จากคุณ : MoonGlade เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 14:26:08

ความคิดเห็นที่ 50 .            อ้อ ! ... ครับ ทีนี้ผมจะได้สามารถเข้าใจได้ โดยกระจ่างซะที           ขอบคุณท่านจขกท. มากครับ สำหรับข้อมูลความรู้ ที่เป็นประโยชน์ จากคุณ : samma โมบี้ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 10:09:30

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านแล้วเริ่มอยากพกตะเกียบของตัวเองแล้วค่ะ จากคุณ : nowan เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 15:01:54