 |
***จุมโพ่ "เรือรบสิมิลัน" อร่อยไกลถึงโอมาน***
"Ten Good Food Test" ...ถือเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของลูกประดู่ กองพลาธิการ ที่ได้รับการการันตี ถึงมาตรฐานความสะอาดของอาหารตาม "โครงการเรือหลวงน่าอยู่" ของกองเรือยุทธการ
รางวัลนี้ พ่อครัว "เรือหลวงสิมิลัน" คว้ารางวัลอันดับหนึ่งมาครองได้ พันจ่าเอกวัลลภ ชาติสุวรรณ หัวหน้ากองบริการ ประจำเรือหลวงสิมิลัน ในฐานะพ่อครัว บอกว่า
หัวใจสำคัญในการดูแลกำลังพลกว่า 240 นาย ที่ออกมาปฏิบัติการนอกประเทศของหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด (มปจ.) ของเรือหลวงสิมิลันและเรือหลวงปัตตานี... ต้องมีการวางแผนก่อนล่วงหน้า เรื่องรายการอาหาร การจัดเก็บเสบียง ที่นำออกมาใช้
รวมถึงการประกอบอาหารในแต่ละมื้อ เพราะในบางมื้อในการประกอบอาหาร การใช้เนื้อสัตว์ หรือผักต่างๆ ต้องคำนวนไว้ก่อน
เจ้าหน้าที่กองบริการ กรมพลาธิการทหารเรือ หรือภาษาสากลเรียกขานว่า "สหโภชน์" แต่จริงๆแล้วภาษาคนเรือมักนิยมเรียกว่า "จุมโพ่" ที่ติดปากเรียกกันมานาน ไม่ว่าจะเรือประมง หรือเรือสินค้า ซึ่งนั่นหมายถึงหัวหน้า "พ่อครัว"
แต่ละวันต้องสาละวนอยู่กับการประกอบอาหารให้ลูกเรือได้กินอิ่มท้องทุกมื้อ กำลังพลบนเรือหลวงสิมิลันทุกนาย ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง ไล่เรียงลงมาถึงพลทหารประจำเรือ ทุกคนฝากท้องไว้กับเขาทั้งนั้น
"อิ่มท้อง ของครบ รบเงียบ เฉียบบริการ" ถือเป็นสโลแกนที่เราคำนึงอยู่เสมอว่า "การให้บริการเป็นหัวใจสำคัญยิ่ง" ...แม้จะมีบางครั้งที่คนกินบ่นบ้าง อะไรบ้างเราก็ต้องน้อมรับไว้ปรับปรุงให้มีคุณภาพ ดีขึ้นเรื่อยๆ ดังคำขวัญที่ว่า "หนึ่งปรุงหนึ่งพัน ชิมว่าต่างกัน เปรี้ยวเค็มเผ็ด มันหวาน ต่างคนชอบ หากรู้ได้จะน้อมใจ ตอบสนอง"
พันจ่าเอกวัลลภเล่าอีกว่า บทบาทของเราหนักพอสมควรในห้องครัวนี้เพื่อเตรียมประกอบอาหาร 4 มื้อทุกวัน...มื้อเช้า กลางวัน เย็น และมื้อค่ำ สำหรับกำลังพล
ที่เข้าเวรยามดึก อาทิ ข้าวต้มร้อนๆรอบดึก ซึ่งเรามีบริการทั้งข้าวต้มกุ๊ย กับกุ้งแห้ง ปลาเค็ม ไข่เค็ม ไข่เจียว
หรือจะเป็นข้าวต้มปลา ข้าวต้มหมู มีให้เลือกสรรตามเมนูหลัก
"เรามีเทคนิคเฉพาะในการคิดประกอบอาหารในแต่ละมื้อทุกวัน โดยจะออกรายการอาหารล่วงหน้าก่อนเป็นสัปดาห์ก่อนจะปฏิบัติจริง เพื่อไม่ให้กำลังพลรู้สึกเบื่ออาหาร ทุกคนจะรู้ล่วงหน้าว่าอาทิตย์นี้จะมีอะไรกิน แต่...ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะของวัตถุดิบ"
ผักสด ผลไม้ ชนิดไหนที่เก็บไว้ได้นานก็จัดเตรียมซื้อไว้ก่อน และทยอยออกมาประกอบอาหาร รวมถึงอาหารสำเร็จรูปก็มีไว้บริการ อาหารสดก็มี ต้องคละเคล้ากันไป
อาหารพิเศษ ซึ่งถือว่าเป็นเสน่ห์ของเราก็มี อาทิ ลาบ ส้มตำ ไก่ทอด ไก่อบ น้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกปลาแห้ง
"ผมรู้สึกสบายใจ กำลังพลบนเรือส่วนใหญ่จะกินได้ทุกอย่างไม่เคยปริปากบ่นสักคำ ซึ่งที่เราเน้นอาหารน่าจะเป็นผัก น้ำพริก ถือว่าเป็นเมนูหลักที่นิยมบริโภคกันมาก อาจกล่าวได้ว่า ขายดิบ ขายดีเลยทีเดียว วันไหนมีน้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ผักสด รับประกันได้เลย อาหารมื้อหลักวันนั้น กำลังพลทุกคนหม่ำกันพุงกาง"
สำหรับการส่งกำลังบำรุง ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน เรือหลวง สิมิลันไม่มีปัญหาเรื่องส่งกำลังบำรุงเลย ไม่ว่าจะเป็นการรับ-ส่งอาหารต่างๆ ที่ได้ตระเตรียมเอาไว้ประมาณ 100 กว่าวัน พร้อมอาหารอะไหล่อีกประมาณ 10 กว่าวัน
"เรามีห้องเย็นที่สามารถเก็บรักษาอาหารให้อยู่ในสภาพสดอยู่ตลอดเวลา เรือหลวงสิมิลันเป็นเรือแม่ขนาดใหญ่ เรามีห้องเย็นที่สามารถเก็บอาหารสดทั้งเนื้อสัตว์ พืชผัก ผลไม้ไว้ได้เป็นเดือนๆ หรือหากไม่พอจริงๆ เมื่อเวลาเรือจอดเทียบท่าที่ไหน ก็จะไปจัดซื้อที่นั่น"
ห้องเย็นของเรือ แบ่งแยกออกเป็นห้องเก็บรักษาเนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู ซี่โครงหมู ปลาทูสด ปลากะพง ปูม้า ปลาต่างๆที่หาซื้อกักตุนไว้ก่อนจะออกเรือ เราจัดเก็บไว้ในห้องเย็นอุณหภูมิลบกว่า 18 องศาเซลเซียส บริเวณใต้ท้องเรือ
ส่วนพวกผักสด ผลไม้ จะถูกจัดเก็บไว้อีกห้องหนึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้มีกลิ่นอาหารสดเข้าไปแทรก ซึ่งจะมีทั้งต้นหอม ผักชี ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักคะน้า แตงกวา ผักกวางตุ้ง พริกขี้หนู มะนาว ผักบุ้ง หัวไชเท้า ผักขึ้นฉ่าย กะปิ หัวหอม หัวกระเทียม และเครื่องแกงเผ็ด หลากหลายชนิดที่พร้อมจะนำมาประกอบอาหารได้ทันที
เราเก็บผักในห้องเย็นอุณหภูมิ 5-8 องศาเซลเซียส สำหรับผักนั้น เพื่อให้เก็บไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด ก่อนเข้าห้องเย็นต้องจัดใส่กล่องกระดาษให้เรียบร้อยโดยไม่ให้แน่นจนเกินไป ผักบางชนิดต้องใช้ฟิล์มใสห่อให้แน่นเพื่อไม่ให้น้ำในผักระเหยออกมา ซึ่งจะมีผลให้ผักเสียเร็วมากขึ้น ตัวอย่างเช่น กะหล่ำปลี, ดอกกะหล่ำ, ผักกาดขาว
เคล็ดลับอีกอย่าง...ผักบางชนิดต้องลวกให้สุกก่อนแล้วนำไปแช่น้ำเย็น แล้วนำมาใส่ถุงปิดถุงให้สนิทน้ำไปแช่ในห้องแช่แข็งลบ 18 องศาเซลเซียส จะเก็บไว้ใช้ได้นานหลายเดือน ส่วนของแห้งเก็บในห้องอุณหภูมิปกติ
ปัญหามีเพียงว่า ผักสด...ผลไม้ ประเทศในแถบอ่าวเอเดน (ประเทศโอมาน ร่วมถึงประเทศบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ราคาผักจะมีราคาแพงเพราะผักส่วนใหญ่จะนำเข้ามาเกือบทั้งหมด จากประเทศอินเดียจีน
พันจ่าเอกเสนาะ เครือแส หัวหน้าพ่อครัวอีกคนหนึ่งเล่าให้ฟังขณะทอดปลาทูว่า กำลังพลทุกคนในครัว บอกตรงๆเรามีความภาคภูมิใจมากที่ได้มีโอกาสร่วมเดินทางมากับเรือหลวงสิมิลัน เราทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างดีที่สุด ทุ่มเทกันสุดกำลัง
"แม้ว่าสองมือเราจะถือตะหลิว ถือทัพพี ไม่ได้ถืออาวุธปืนออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกก็ตาม แต่พวกเราก็มีเกียรติ มีความภาคภูมิใจที่สามารถทำให้กำลังพลทุกคนบนเรือลำนี้ อิ่มท้องได้ตลอดเวลา"
ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตรับราชการของพ่อครัว ลูกครัว ที่เดินทางออกมาปฏิบัติหน้าที่ไกลบ้านเกิดกว่า 4,000 ไมล์ทะเล บางคนก็คิดถึงลูก คิดถึงเมียบ้างเป็นธรรมดา แต่พวกเราไม่เคยท้อ พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด
"เราดีใจที่คนไทยเป็นกำลังใจให้กับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด เพราะเป็นภารกิจสำคัญเพื่อประเทศชาติ" พันจ่าเอกวัลลภ กล่าว
ขั้นตอนคร่าวๆในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โรงครัว หรือสหโภชน์หมู่เรือปราบปรามโจรสลัด (ร.ล.สิมิลัน) ในการประกอบอาหารในแต่ละวันของเจ้าหน้าที่ สหโภชน์เรือหลวงสิมิลัน มีทั้งหมด 4 มื้อ จำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 11 นาย พันจ่า 2 จ่า 4 พลทหาร 5 โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเป็นเหล่าพลาธิการ (สูทกรรมและสหโภชน์)
แบ่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกเป็น 2 ชุด ชุดที่ 1 มี 7 นาย เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ 04.00-18.00 น. ส่วนที่ 2 มี 4 นาย เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ 18.00 ถึง 04.00 น. สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติประจำวัน 04.00 น. ชุดที่ 1...เริ่มปรุงอาหารมื้อเช้าโดยชุดที่ 2 ได้เตรียมไว้ให้ในตอนกลางคืนเมื่อปรุงและจัดอาหารให้ผู้รับประทานเสร็จ เรียบร้อยแล้ว โดยประจำเรือจะเริ่มรับประทานอาหารตั้งแต่ 07.00-08.30 น.
เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะเก็บล้างภาชนะพร้อมกับเตรียมอาหารมื้อกลางวัน เมื่อเตรียมวัตถุดิบพร้อมแล้วก็จะปรุงอาหารและจัดอาหารให้พร้อมรับประทานใน มื้อเที่ยง เริ่มรับประทานตั้งแต่ 11.00-13.00 น.
เมื่อรับประทานเสร็จแล้วหน้าที่เก็บล้างภาชนะและเตรียมวัตถุดิบที่จะปรุง อาหารมื้อเย็นต่อไป เมื่อเตรียมเสร็จแล้วทำการปรุงอาหารให้เสร็จพร้อมรับประทานในมื้อเย็น มื้อเย็นนั้นเริ่มรับประทานตั้งแต่ 17.00-18.00 น.
เมื่อจัดอาหารมื้อเย็นเสร็จในเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ในชุดที่ 1 จำนวน 3 นาย
จะต้องไปนำเสบียงในห้องเย็นใหญ่ ทั้งเนื้อสัตว์, ผัก, และเครื่องปรุงของวันต่อไปตามเมนูที่จัดไว้แล้วทั้งหมดมาพักไว้ในตู้เย็น เล็กที่ห้องครัว
เมื่อถึงเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดที่ 1 จะไปพักและเจ้าหน้าที่ชุดที่ 2 จะเข้ามาปฏิบัติงานต่อไป โดยเริ่มเก็บล้างภาชนะของมื้อเย็นและเตรียมวัตถุดิบในการประกอบอาหารมื้อดึก
ครั้นเมื่อปรุงอาหารมื้อดึกเสร็จแล้วพร้อมรับประทาน สำหรับเวลารับประทานอาหารมื้อดึกนั้นเริ่มตั้งแต่เวลา 23.00-00.30 น. เมื่อรับประทานและเก็บล้างเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดที่ 2 จะทำการเตรียมวัตถุดิบในการประกอบอาหารมื้อเช้าจนเสร็จเรียบร้อยเพื่อให้ชุด ที่ 1 มาปรุงอาหารในเวลา 04.00 น. ต่อไป และชุดที่ 2 ก็จะไปพัก...จะเป็นเช่นนี้ทุกๆวัน
สำหรับจำนวนเสบียงในการออกปฏิบัติราชการครั้งนี้โดยประมาณ เนื้อสัตว์ 12,000 กิโลกรัม หรือ 12 ตัน ของแห้ง เช่น ข้าวสาร 190 ท่อน เครื่องปรุงทั้งหมด 3,000 กิโลกรัม หรือ 3 ตัน ผักทั้งหมด 15,000 กิโลกรัม หรือ 15 ตัน ทั้งนี้ยังไม่รวมที่จัดหาเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ
ถึงวันนี้ หมู่เรือปราบปรามโจรสลัดโซมาเลียเสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล แล้ว ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เช้าวันที่ 20 มกราคมนี้...เรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงปัตตานี ก็จะกลับถึงท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ
***ขอขอบคุณเครดิตของเนื้อหาข่าวจาก "หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2554 มา ณ ที่นี้ด้วยครับ***
(May the Spoil be with you)
ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน
| จากคุณ |
:
เจไดหนุ่ม   
|
| เขียนเมื่อ |
:
3 ส.ค. 54 10:45:59
|
|
|
|
|
ทหารเรือ สามารถลากอวน ตกปลา กินเองได้มั๊ย ถ้าเสบียงช็อต
ตอบตามคำถาม ถ้าจำเป็นจริงๆ ความอยู่รอด มาก่อน
