ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ใช่ปัญหาระดับหว้ากอครับ แต่เป็นปัญหาระดับประเทศ ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ ว่าตอนนี้แบ่งพรรคแบ่งพวก ตอนนี้คุณปูตด แต่ละคนก็ยังบอกหอมเลย อีกฝ่ายนึงพูดอะไรถูกผิดไม่รู้ รู้แต่ว่าดีแต่พูด เป็นต้น จากคุณ : chaiwaru เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 08:50:11

ความคิดเห็นที่ 2 แอบลุ้นครับว่า ...กระทู้ที่ไม่ชอบมีของเราเปล่า อิ อิ ^^ ปล ชอบข้อความนี้ ....อัจฉริยะมันมีตั้ง 8 ประการ 2 อย่างใน 8 อย่างคือ การรู้จักตัวเอง และการรู้จักคนอื่น พยายามคิดว่าคนอื่นคิดอย่างไร เพื่อที่จะตอบออกไปแล้วให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จากคุณ : Axiom of Choice เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 09:08:08

ความคิดเห็นที่ 3 ผมมองว่า การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข คือการเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา การที่จะทำอะไรคิดซักนิดนึงว่า ทำแล้วคนอื่นเดือดร้อนไหม หรือ กระทบคนอื่นไหม ก็จะอยู่อย่างมีความสุขครับ จากคุณ : idolking เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 09:22:03

ความคิดเห็นที่ 4 แตกต่างแต่ไม่แตกแยกครับ จากคุณ : รีคอนแมน02 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 09:23:34

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเห็นด้วยกับครูครับ แต่ต้องยอมรับว่าในสังคมมีคนหลากหลาย ยิ่งเป็นสังคมออนไลน์ยิ่งหลากหลาย เพราะไม่เจอหน้ากัน พูดกันได้มากขึ้น แสดงความคิดได้มากขึ้น นี่คือเสน่ห์ของหว้ากอ เอาเหตุผลมางัดกัน ผมว่าดีกว่าชีวิตจริงอีก วัดด้วยเหตุผลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ต้องดูผลประโยชน์ด้วย จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 09:53:41

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับครูทุกประการครับ ผมหวังว่าท่าน (ครู) ในฐานะแม่พิมพ์ (พ่อพิมพ์) ของชาติจะสามารถผลิตเยาวชนที่มีความคิดดีๆ เหมือนท่านมาช่วยสรรค์สร้างสังคมไทยให้น่าอยู่ครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 54 11:48:04 จากคุณ : TIYHz เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 10:05:51

ความคิดเห็นที่ 7 ร้อยพ่อพันแม่ จากคุณ : prempcc เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 10:15:03

ความคิดเห็นที่ 8 อยากให้ใช้เหตุผลเถียงกัน.. ไม่ใช่ใช้อารมณ์.. กว่าค่อนของกระทู้ดราม่า อารมณ์และทิฐิล้วนๆ จากคุณ : paefah เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 10:15:17

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่ามันก็ดีแล้วนะ มีอะไรที่รู้สึกไม่ดีกับอีกอย่าง ก็เสนอเป็นกระทู้ถกเถียงแลกเปลี่ยนกัน ดีกว่าปล่อยเก็บกดเอาไว้ คนอ่านก็ต้องใจกว้างยอมรับความเห็นความคิดที่แตกต่าง ถ้าสองกระทู้ที่บอกมาทำให้ไม่สบายใจ แล้วอึดอัดมาก ก็แสดงว่าใจยังไม่กว้างพอที่จะยอมรับความเห็นที่แตกต่าง แบบนี้ควรพิจารณาตัวเองก่อน จากคุณ : gure เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 10:16:03 A:101.108.183.67 X: TicketID:111025

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ก็เห็นด้วยกับคุณครู นั่นล่ะครับ แต่ในนี้ เหมือนกับที่สาธารณะ คือมันควบคุมอะไรได้ยาก แต่ละคน มาจากพื้นฐานที่ต่างกัน ถ้าอยู่ในกฎเกณฑ์ของ Pantip ก็สามารถแสดงความเห็นได้ ต้องมองว่า มันเป็นส่วนมาก หรือ ส่วนน้อยนะครับ และกลับมาพิจารณาตัวเอง ว่าสังคมแบบนี้เรารับได้หรือไม่ แต่ความเห็นส่วนตัว ผมว่าที่นี่ ส่วนใหญ่มากๆ ก็เป็นคนที่ดีนะครับ เลือกรับเอาแต่สิ่งดีๆ ก็แล้วกันนะครับ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 10:18:48

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นลักษณะของคนไทยครับ ประโยคเดียวกับพูดกับคนสองชาติได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกันครับผมลองมาหลายทีแล้ว พูดกับคนไทย : "เฮ้ย ตรงนี้มันไม่ถูกน่ะ" คำตอบ : "อาจารย์บอกมาว่ะ เขาจบดร.น่ะ เอ็งเป็นใคร" พูดกับฝรั่ง : "เฮ้ย ตรงนี้มันไม่ถูกน่ะ มันต้องแบบนี้" คำตอบ : "ทำไมถึงไม่ถูกละ ทำไมพูดแบบนั้น" โดยมาคนไทยเราชอบโจมตีที่ตัวคนพูดโดยไม่ได้พิจารณาว่าคำพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่ ในเชิง Argument เราเรียกว่า  Under cutting แต่วิธีการแบบนี้แหละทำให้เราไม่เจริญเพราะชอบหลงประเด็น รับรองว่าถ้าเสมียนมาอยู่เมืองไทยจะไม่สามารถกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์แห่งศตวรรษได้แน่ๆ ------------------------------------ อีกสักตัวอย่างนึง A : เลวว่ะ B : แล้วเอ็งละดีแค่ไหน A : เลวว่ะ C : ทำไมถึงพูดอย่างนั้น น่าจะพอดูออกน่ะครับว่าเป็นสเตอริโอไทป์ของใคร ---------------------------------- อีกสักอัน A : เฮ้ย นี่มันย้อนศร B : เอ็งไม่เคยขับย้อนศรเหรอ สาบานไหม A : เฮ้ย นี่มันย้อนศร C : ถ้าอยู่บ้านไอน่ะโดนปรับอานแน่แต่ไม่เป็นไร ดีอิสไทยแลนด์ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 11:25:01 แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 11:21:21 จากคุณ : นายแสนดี  เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 11:03:41

ความคิดเห็นที่ 12 ผมกลับชอบอย่างนี้มากกว่า มีอะไรก็บอกกันตรงๆแล้วจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับเรา ดีกว่าเก็บเอาไว้แล้วไปนินทาลับหลัง เราก็ไม่เคยจะรู้ว่าปัญหามันเกิดอะไรขึ้นสักที แนวคิดอย่างที่ว่าในต้นกระทู้มันเกิดมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เราไม่เคยคิดจะแก้ไขไม่เคยคิดจะรับรู้ ปิดหูปิดตาท่องมนต์ว่า'คนไทยรักกัน คนไทยรักกัน คนไทยรักกัน' แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ความขัดแย้งไม่ได้รับการเยียวยา ความไม่เข้าใจไม่ได้รับการอธิบาย อุปมากับห้องเรียนก็เป็นดั่งห้องเรียนที่นักเรียนสงบราบคาบ ไม่หือไม่อือ เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ไม่มีใครพูด ไม่มีใครถาม ไม่มีใครยกมือ ห้องเรียนอย่างนี้ครูชอบไหม? (อาจจะชอบเพราะสอนง่ายดี แต่เด็กได้อะไรบ้าง? ตอบไม่ได้) ดังนั้นการถกเถียง ความขัดแย้งไม่ใช่เรื่องที่ผิด สิ่งที่ผิดคือความหยาบคาย ความไม่มีเหตุผล และ การไม่ยอมรับฟังเหตุผล(ข้อนี้สำคัญมากดรามาส่วนมากเกิดจากข้อนี้) ดังนั้นขอจงถกเถียง ขอจงขัดแย้ง ขอจงพูดในสิ่งที่คิดเถิด เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 11:04:08

ความคิดเห็นที่ 13 "อย่าให้เป็นเหมือนกระทู้ราชดำเนิน ที่เราอยากจะพูดอะไรก็พูด คิดยังไงก็พูดไปแบบนั้น" แล้วการที่เราจำใจต้องกล้ำกลืนฝืนทน พูดในสิ่งที่ไม่ได้คิด ไม่ได้เชื่อ ไม่ได้ศรัทธา เพราะเกรงใจว่าจะกระทบความรู้สึกคนอีกกลุ่มหนึ่งเนี่ย มันเหมาะสมแล้วหรือครับ? ถ้าหากประเทศนี้เป็นสังคมประชาธิปไตยตามที่โฆษณาไว้กับสังคมโลกจริง ทุกคนควรที่จะพูดอะไรก็ได้ตราบเท่าที่คำพูดนั้นๆมิได้ทำให้ใครเสียผลประโยชน์โดยรูปธรรม ใครจะด่าผมก็ได้ แต่ถ้าด่าแล้วทำให้เสียชื่อเสียงอันนำมาซึ่งการสูญเสียรายได้หรือประโยชน์อื่นใดที่วัดได้ในอนาคต อันนี้ค่อยมาว่ากันในศาล "เราควรที่จะให้เกียรติกันครับ เราต้องรู้จักคนอื่นด้วย ไม่ใช่รู้จักแค่ตัวเอง" ผมเชื่อว่าเราให้เกียรติในความเป็นมนุษย์คือที่สุดครับ อะไรนอกเหนือจากนั้น เป็นเป้าหมายของการดูถูกเหยียดหยามได้ทั้งสิ้น คนต่างจังหวัดจะดูถูกคนกทม.ก็ดี คนกทม.จะดูถูกคนต่างจังหวัดก็ดี ผมมองว่าเหมาะสมกว่าใส่หน้ากากเสแสร้งเข้าหากัน อวยกันไปกันมา เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน เป็นไหนๆ เพราะคนฉลาดรู้ว่าเรื่องใดด่าโดยไม่มีเหตุผล ไม่ควรค่าที่จะสนใจ และเรื่องใดที่ด่าเพราะควรปรับปรุงจริง จากคุณ : Zeichnung (Zeichnung) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 11:04:47

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ ห่างกัน 39 วิ Free speech - จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 11:26:29

ความคิดเห็นที่ 15 คนในสังคมมีหลากหลาย ในเว็ปบอร์ดเรารู้จักกันแค่นามแฝง เห็นแค่ตัวหนังสือ วุฒิภาวะทางอารม ความคิด วัยวุฒิ คุณวุฒิ ก็ต้องแตกต่างกันเป็นธรรมดาครับ ยิ่งไม่เห็นหน้า ไม่รู้จักตัวตน ก็ยิ่งยากที่จะสามารถควบคุมอะไรได้ ให้เราคิดที่จะเลือกรับในสิ่งที่อยากรับหรือควรรับดีกว่าครับ ไม่เคยเห็นสีดำ เราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่ามันมีสีดำ ; ) จากคุณ : SuicideJumper เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 11:33:11

ความคิดเห็นที่ 16 นี่แหล่ะข้อดีของ เวบบอร์ด 1.คือได้อ่าน ทีสิ่งที่คนไม่กล้าพูดตรงๆกับเรา 2.ได้อ่าน แนวความคิด ทีต่างจากความคิดเรา อย่างคนล่ะโลก ... ซึ่งมันนำมา ซึ่งวิธีคิดทีรอบคอบขึ้น ฝึกการไตร่ตรองมากขึ้น และสุดท้ายถูกบังคับ ให้เปิดใจรับฟังได้มากขึ้น มันไม่ดีเสียอีกในความคิดของคุณ/ผมไม่เห็นด้วยเลยนะครับ ... ครูก็ควรเปลี่ยนแนวความคิดได้แล้ว จะเอาความจริง หรือ คำพูดหวานหู จะเอาคำพูดหวานหู ก็เข้าเวบบอร์ดด้านเดียว หรือไม่ก็เข้าห้องกะลาครอบซิครับ อวยกันไปอวยกันมา มีออกเยอะ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 11:42:53 จากคุณ : tzu149 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 11:41:39

ความคิดเห็นที่ 17 บอร์ดสาธารณะ  ไม่มีอะไรที่ควบคุมได้อย่างที่ต้องการหรอก ผมเห็นทุกๆบอร์ดก็มีเสนอความเห็นทำนองนี้ แต่ไม่เคยมีห้องไหนทำได้อย่างที่คาดหวังกัน แล้วการที่ไปแขละห้องราชดำเนิน อันนี้ผมว่ามันไม่แฟร์สำหรับเขา ทุกๆห้องมีปัญหาทั้งนั้นแหละ.... จากคุณ : antonio_o เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 12:26:58

ความคิดเห็นที่ 18 ผมไม่หื่่วงครับว่าใครจะพูด แต่ติดที่ตรงเดียว คือ หาคนที่รับผิดชอบคำกล่าวหรือข้อความของตนเองนั้นยากนัก และส่วนใหญ่เลือกที่จะเถียงมากกว่าการร่วมกันพิสูจน์ครั,บ จากคุณ : evillcore เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 12:41:54

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อคุณเป็นกลาง คุณจะถูกกล่าวหาว่าเป็น กลางกลวง. ปัญหานี้ คงไม่ใช่ปัญหาของคำว่า "วิทยาศาสตร์" มันเป็นเป็นปัญหาของการหลังไหล ของบางสิ่่งที่อยากจะครอบงำ อะไรบางอย่าง โดยอ้างคำว่า วิทยาศาสตร์ เช่น "เห็นหรือเปล่า ห้องวิทยาศาสตร์ อย่างหว้ากอ ยัง เห็นด้วยเลย" จริงๆแล้ว ไอ้ทื่เห็นๆด้วย หรือด่ากันนั้นไม่ใช่ระดับของคำว่าวิทยาศาสตร์เลยแม้แต่น้อย หลายๆ คนอ้างอยู่ตลอดเวลาว่า "ข้าคือ วิทยาศาสตร์" จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 12:48:49

ความคิดเห็นที่ 20 ... เจ้าของกระทู้ไม่ได้พูดถึงเวบบอร์ด แต่พูดถึงความ "เอาตัวตนเป็นใหญ่ หรือ "เอาแต่เรื่องของตัวเอง" ของคนในปัจจุบัน โดยสะท้อนออกมาอย่าง 2 กระทู้ตัวอย่าง จากคุณ : ปลาทูออนไลน์ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 12:58:36

ความคิดเห็นที่ 21 "ทัศนคติ" คงบังคับให้แต่ละคนมีเหมือนๆ กันไม่ได้ เพราะต่างคนก็ต่างมุมมอง แต่ "มารยาท" ในการอยู่ในสังคมออนไลน์ เป็นสิ่งที่ควรจะมีต่อกัน เพื่อลดความขัดแย้งทางอารมณ์ ให้น้อยที่สุด และเหลือเพียงแต่ความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์ ที่จะนำไปสู่จุดร่วมที่ดีได้ เมื่อก่อนมีหนังสือ "สมบัติผู้ดี" สอนให้เด็กๆ อยุ่ในสังคมได้ ปัจจุบัน น่าจะมี "สมบัติผู้ดี" ฉบับออนไลน์ เพื่อบัญญัติมารยาท สิ่งที่ควรกระทำ และไม่ควรกระทำในสังคมออนไลน์ เพื่อให้สังคมออนไลน์สงบสุข จากคุณ : Redrum เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:03:23

ความคิดเห็นที่ 22 อย่างน้อยเขาก็ใช้เหตุผลยกเหตุผลขึ้นมาโต้แย้งนะ ถึงจะมีอารมณ์มาเอี่ยวบ้างแต่ก็นั้นคือ มนุษย์ ถ้าการโต้แย้งไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียวเลยคงบรรลุแล้วละ แล้วอีกอย่าง การเสนอความคิดมันควรออกมาจากใจมากกว่ามานั่งปิดกั้นความคิด เพราะกลัวการดราม่า ทั้งที่มันคือเรื่องจริงหรือว่าเป็นสิ่งที่เรารู้สึกจริงๆ ทุกคนล้วนมีมุมมองและเหตุผลต่างกัน ในการคิดในการใช้ชีวิตแต่นั้นก็คือเหตุผลของเขา เราไม่สามารถหว่านล้อมให้ใครมาคิดเหมือนกันได้หรอก แต่ทุกอย่างมันย่อมมีเหตุผลของมันอยู่แน่นอน จากคุณ : BloodOcean เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:05:18

ความคิดเห็นที่ 23 อย่างน้อยยังรู้ครับ ว่ายังมีความคิดแบบอื่น แบบแปลกๆแบบนี้อยุ่นะ ไม่ใช่เฮกันไปด้านเดีววกันหมดแบบเสแสร้ง แต่ขอวุฒิภาวะในการวิจารณ์ ในการด่าหน่อยละกัน อย่าเกรียนมากก็พอ ปล.อ่่านเวบบอร์ดที่เฮกันไปอ้านเดียว(ไม่ว่าดานไหน)มากๆก็จะเอียนเอานา จากคุณ : Papmo เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:10:30

ความคิดเห็นที่ 24 . . . แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 13:13:45 จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:12:02

ความคิดเห็นที่ 25 โดยส่วนตัวเฉยๆครับ เพราะ เวบบอร์ด คือ ที่แสดงความคิดเห็น ไม่ใช่ ที่สำหรับ  กำหนดรูปแบบ หรือ ลักษณะ ความคิดเห็น ก็ในเมื่อ คนๆนั้น เขาอยากจะแสดงความเห็น ในแบบนั้น ด้วยถ้อยคำ และ สำนวน แบบนั้น ก็เป็นเรื่องของปัจเจก ส่วนเราจะ ชอบ หรือ ไม่ หรือ เห็นด้วยหรือเปล่า นั้นเป็น ... อีกประเด็น --- ในจักรวาล ที่กว้างใหญ่ไพศาล และสรรพชีวิต อันหลากหลาย บนโลกนี้ ความเห็น ของผู้คน ในสองกระทู้นั้น ก็เปรียบประดุจ เม็ดทราย ของชายหาดแห่ง กาลเวลา แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 13:24:21 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:16:03

ความคิดเห็นที่ 26 ... #12 คุณ Nexus....พูดแทนซะหมดแล้ว   ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:22:08

ความคิดเห็นที่ 27 แม่ผมสอนใว้เสมอ ว่า "คนที่ดูถูกคนด้วยกัน มันก็ไม่มีค่าของความเป็นคน" แต่ก็เห็นด้วยกับท่าน NEXUS ไม่น้อยเหมือนกันแฮะ ว่าการถกเถียงอาจจะนำมาสู่ทางออกในอนาคตก็ได้ ดีกว่าที่คิดว่า บ้านเรา ห้ามพูด ห้ามเถียง ห้ามตั้งคำถาม และห้ามขัดแย้ง แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 13:29:19 จากคุณ : Fatdiary เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:25:47

ความคิดเห็นที่ 28 ประเทศไทย  มีเจ็ดสิบหกจังหวัด ไม่ได้หมายถึงแค่ กทม และจังหวัดไหน จะมาแยกไปเพื่ออะไร ถ้าใช้หัวสมองเข้าใจเรื่อง ศก กลไกตลาด กับการจัดการ ก็จะเข้าใจไม่ยาก ว่าอะไรๆมันเป็นยังไง เพราะอะไร จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:33:30

ความคิดเห็นที่ 29 ผมกลับชอบในความไม่เกรงใจ พูดได้ในฐานะ anonymous มากกว่าแฮะ เพราะในฐานะการเป็น anonymous แล้ว ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีใครสำคัญกว่าใคร ยศฐาบรรดาศักดิ์ อำนาจวุฒิการศึกษา ล้วนไม่มีคุณค่า ณ ที่นี่ ( ถึงแม้ที่อื่นจะมี ก็ไม่ได้การันตีว่า บุคคลผู้นั้นจะประพฤติตนได้เหมาะสมกับหัวโขนที่ใส่อยู่ทุกครั้ง ) สิ่งเดียวที่มีคุณค่าและถูกประเมินค่า ณ ที่นี้คือ เหตุผลที่งัดมาประชันกัน ของใครถูกต้องมากกว่าด้วยเหตุใด ของใครไร้สาระ แถสด แถเปื่อย น้ำร้อนลวก พุพอง (อ๊ะ...หลุด) ก็จะถูกเมิน หรือถูกท้วงติงได้จากทุกคน (ลองนึกดูสิครับ ถ้าถือตามยศฐาบรรดาศักดิ์อย่างเดียว อาจารย์มหาลัยตัวเล็กๆคนนึงจะสามารถท้วงติง ผบทบ ได้เหรอครับ ทั้งที่รายนั้นยืนยันเต็มตัว เอาทหารทั้งกองทัพมารองรับ) จขกท ทำใจให้สบายๆเถอะครับ เรื่องไหนที่ไม่มีค่าไม่มีเหตุผลสมควรให้ทำความเข้าใจ ก็ปล่อยผ่านไปก็พอครับ ไม่มีอะไรสมบูรณ์พร้อมหรอก เราต่างหากที่ต้องคิดด้วยความเป็นกลางพิจารณาด้วยเหตุผล ตัดหัวโขนอื่นออกไป เหลือไว้เฉพาะหัวโขนนักวิทยาศาสตร์ก็พอ จากคุณ : BLiNDiNG เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:45:22

ความคิดเห็นที่ 30 ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 13:50:01 แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 13:49:40 จากคุณ : คนสร้างภูเขา เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:49:11

ความคิดเห็นที่ 31 ผมอยู่ที่ห้องนี้มาเกือบ 10 แล้วมั้ง จำไม่ค่อยได้ คนเรามีความต่างทางความคิด ไม่งั้นคง สูญพันธุ์ ไปนานแล้ว ถ้า จขกท รับความแตกต่างทางความคิด ไม่ได้  จขกท คงอยู่ในสังคม ประชาธิปไตย ไม่ได้ ที่นี่ห้องวิทยาศาสตร์ มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตให้ดูบ่อย ทำไมจะมีความหลากหลายทางความคิดของคนไม่ได้ จากคุณ : recombination เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 13:58:08

ความคิดเห็นที่ 32 จับประเด็นที่ จขกท. จะสื่อได้ว่า (1) "ผมคิดว่ากระทู้ของเราควรจะพูดจากันดีๆ ควรที่จะมีสติกันให้มากๆ" (2) "เราควรที่จะให้เกียรติกันครับ เราต้องรู้จักคนอื่นด้วย ไม่ใช่รู้จักแค่ตัวเอง" (3) "ผมเชื่อว่าการเป็นกลาง จะทำให้เรามองเห็นอะไรอีกมาก มากกว่าที่คนอื่นไม่เห็น ทำให้เรามองเห็นเหรียญทั้งสองด้าน ไม่ใช่เพียงด้านเดียว" (4) "ไม่ใช่ปัญหาทุกปัญหาจะแก้ได้ด้วยเหตุผล หากแก้ได้ด้วยหัวใจ" คุณ จขกท. ไม่ได้จะสื่อว่า "บ้านเรา ห้ามพูด ห้ามเถียง ห้ามตั้งคำถาม และห้ามขัดแย้ง" (จาก คคห. 27) แต่จะสื่อในทำนองว่า ""มารยาท" ในการอยู่ในสังคมออนไลน์ เป็นสิ่งที่ควรจะมีต่อกัน เพื่อลดความขัดแย้งทางอารมณ์ ให้น้อยที่สุด และเหลือเพียงแต่ความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์ ที่จะนำไปสู่จุดร่วมที่ดีได้" (จาก คคห. 21) แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 14:09:22 จากคุณ : TIYHz เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 14:06:26

ความคิดเห็นที่ 33 *32 กระจ่างครับ จากคุณ : Fatdiary เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 14:48:45

ความคิดเห็นที่ 34 งืมๆ... จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 14:58:15

ความคิดเห็นที่ 35 แสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ รอบคอบ รัดกุม ตรองตรึกก่อนนึกคึกจะคีย์ เท่านี้น่าจะเพียงพอสำหรับระงับขัดแย้ง . ไม่ห้ามไม่ให้คิด ทุกคนมิสิทธิคิดต่าง เพราะต่างคนต่างมีเสรีภาพในการแสดงความคิด เป็นปกติของมนุษย์ . มนุษย์เจริญเพราะเสรีภาพทางความคิดและจินตนาการ . หากเพียงแต่บางอารมณ์ที่พบความเห็นต่างหรือขัดแย้ง... ก็นั่นแลใจเราก็ต้องเรียนรู้ และเข้าใจ ว่ามันเป็นเช่นนี้แล . . . . เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน แล้วจะเลือนความรังเกียจหรืออิดหนาระอาใจ . . . เปิดใจให้กว้าง เราจะได้เป็นสุข ใจมีแต่ทุกข์ ...เป็นใจคับ ใจแคบ ก็ลดตัวลงหน่อย มาจับเข่าคุยกัน จะโกรธกัน รักกัน ...ก็บอกกันตรงตรง แง้มใจ... คาราบาว จากคุณ : เพียงลมพัดผ่าน เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 14:58:41 A:49.49.123.252 X: TicketID:299261

ความคิดเห็นที่ 36 ครูก็พูดอุดมคติเกินไป ...หนูไม่เชื่อครูหรอก โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า ปัญหาแก้ไม่ได้ด้วยเหตุผลทั้งหมด ..แต่ให้แก้ด้วยหัวใจ ทฤษฎีของหนูคือ ทุกปัญหาในโลกนี้ 99.99% แก้ไขหรือบรรเทาเบาบางด้วยเงิน หัวใจไม่มีความหมาย ถ้าขาดเงิน ต้องมีเงินมากองก่อน แล้วอย่างอื่นๆมันจะค่อยๆตามมาเอง จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 14:58:58

ความคิดเห็นที่ 37 ปัญหาอะไรแก้ได้ด้วย "หัวใจ" บ้างครับ ยอมรับว่าไม่สามารถจินตนาการได้เลย T-T ใครใจดีช่วยทีนะครับ จากคุณ : พริ้นท์สกรีนกดไม่ลง เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 15:06:47 A:124.120.66.205 X: TicketID:322411

ความคิดเห็นที่ 38 เราต่างมีจุดยืนในสังคมที่แตกต่​างกัน แต่อย่าลืมไปว่า เรายังอยู่บนโลกใบเดียวกัน อยู่ในประเทศไทยเหมือนกัน อยู่ในสังคมเดียวกัน เพราะฉะนั้น การเคารพ ในจุดยืน ของผู้อื่น เปรียบได้กับการให้เกียรติผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรกระทำในฐานะค​นคนหนึ่งในสังคม เรื่องการดูถูกระหว่างคนเมือง กับคนชนบทเป็นปัญหาใกล้ตัวมากครับ ถ้าเราสังเกตุใน Social Media ที่คุณเป็นเจ้าของ คุณจะพบได้ว่าในช่วงผลเลือกตั้งออกมา มีการดูถูก เหยียดฉัน สิทธิ เสรีภาพ ความคิดเห็น ซึ่งกันและกันมาก หาได้จะแสดงออกซึ่งความเคารพ ให้เกียรติ ใช้เหตุและผล ในการทำความเข้าใจไม่ ฉะนั้น ผมคิดว่า เราควรจะฝึกในการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมากกว่านี้ ยอมรับ ให้เกียรติ เคารพ ในการตัดสินใจ ของคนแต่ละคนมากขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 15:10:44 จากคุณ : เดียวดายในสายหมอก เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 15:09:57

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่รู้สิผมชอบกระทู้นี้นะได้เป็น 100 กิฟในกระทู้เดียวถ้าไม่ลบก่อนได้ขั้นต่ำ 200 แน่ๆ ("ทำไมคน ตจว. ชอบโม้เกี่ยวกับ จว. ตัวเอง") ล้อเล่นนะครับ ส่วนเรื่อง พลรากอน เพราะห้างนี้คนอยู่หนาแน่นเลยใช้ไฟเยอะก็เท่านั้นเองไม่มีไครถูกไครผิดหรอก ประชากรพาลากอน วันๆนึงหลักหมื่นหลักแสน(ซูเปอร์จูเนียมาคนมาเป็นแสนเราก็นึกว่ามีแจกทีวีฟรี) มีตังด้วยเกิดการจ้างงาน เศรษกิจขับเคลื่อนไม่ได้ใช้ไฟโดยเสียประโยชน์เพราะฟุ่มเฟือยหรอกครับ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 15:23:10

ความคิดเห็นที่ 40 Free Speech ไม่ใช่ด่าดูถูกชาวบ้านได้เต็มที่นะครับ เห็นด้วยว่าเว็บบอร์ดเป็นที่แสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่โดยใช้นามแฝง ผมเห็นด้วยครับว่าเรามีสิทธิจะพูดทุกอย่างที่เราคิดในนี้ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องยอมรับความคิดคนอื่นด้วย ไม่ใช่ กรูถูกกกก เสมอ.. และก็ต้องมีมารยาทในการแสดงความเห็น เช่นพวกชาวบ้านมันโง่ พวกคนกรุงมันเลววว อย่างงี้ก็ไม่ไหวนะครับ จากคุณ : monopod เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 15:36:21

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าอย่างที่ จขกท ว่า คงหมายถึง ตัวอย่างคำพูดข้างล่างใช่ป่าวครับ "สมัยก่อนใครๆก็พูดว่าถ้าเป็นทางภาคใต้ แม้เอาเสาไฟฟ้าไปรับเลือกตั้ง หากเป็นพรรค ปชป เสาไฟฟ้าต้นนั้นก็ยังได้รับเลือกเป็น สส แต่สมัยนี้ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แค่เป็นพรรค พท แม้จะเป็นลิงก็สามารถเป็นนายกได้" อย่าซีเรียสนะครับ แค่ยกตัวอย่างคำพูดที่ได้ยินมา ไอ้ประโยคข้างบนผมก็ยังสับสนว่าเป็นคำพูดแบบใช้เหตุผลหรือออกมาจากหัวใจของคนพูด ดังนั้นผมขอเห็นต่างกับคุณครูสักหน่อยนะครับ ผมว่าในห้องราชดำเนินนั้นแต่ละคนแสดงความเห็นแบบกลั่นมาจากใจโดยไม่ใช้สมองคิดกันสักเท่าไหร่ แต่ในหว้ากอนั้นบางทีความเห็นอาจจะดูรุนแรงแต่มันก็มีเหตุผลมาสนับสนุนอย่างหนักแน่น ดังนั้นผมคิดว่าถ้าจะมีวิวาทะกันบ้างในหว้ากอ มันก็ยังเป็นที่เพลิดเพลินมากกว่าในราชดำเนิน แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 15:49:20 จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 15:45:30

ความคิดเห็นที่ 42 เจ้าของกระทู้พึ่งมาใช่ไหมครับ อยู่ไปซัก 4-5 เดือนจะรู้ว่า เรื่องที่คุณพูดมันเป็นปกติของห้องนี้ เพราะมันจะมีมาอีกเรื่อยๆประจำเลยล่ะ โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับคุณแตงกวาในกระทู้นี้ครับ จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 15:47:27

ความคิดเห็นที่ 43 คุณเปลี่ยนแปลงอะไร(ที่นี่)ไม่ได้หรอก สิ่งใดที่มันเคยเกิดขึ้นในอดีตมันก็ยังคงเกิดขึ้นและดำเนินต่อไปในอนาคต คุณจะมาเตือนสติเพื่อนมนุษย์ที่นี่ จะมาเปลี่ยนแปลงทัศนคติอะไรที่นี่คุณทำไม่สำเร้จหรอก ถ้าคุณบอกว่าคุณกำลังพยายามมองทุกเรื่องราวอย่างเป้นกลางก็ทำใจยอมรับเถอะครับ ... ว่าที่นี่ ... คุณเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก จากคุณ : UniVisioN เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 16:11:38 A:124.122.179.68 X: TicketID:294538

ความคิดเห็นที่ 44 ผมว่ามันก็ยังโอเคนะ 2-3 กระทู้/โพสท์ ต่อเกือบ 1000 โพสท์ในแต่ละสัปดาห์ ผมเคยคิดแบบนี้กับคนแค่ ไม่ถึง  1% พวกนี้ พยายามจะเปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นที่ๆดี (สำหรับตัวเอง) แต่ตอนนี้ผมคิดซะว่าไม่ต้องพยายามเปลี่ยนอะไรคนอื่นสบายใจกว่าเยอะครับ เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าสำหรับผม แม้ตอนนี้ผมจะยังเป็นคนกลุ่มน้อยที่ไม่ดี ในบางทีอยู่(อาจจะอยากกวนบางคน) แต่ลึกๆผมก็อยากให้โลกนี้ดีขึ้นเหมือนกันครับ ซึ่ง ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าโลกนี้จะดีขึ้นได้ยังไง ในเมื่อคำว่าดีแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน... ผมเลือกที่จะปล่อยมันผ่านไป เพื่อความสบายใจ และเพื่อความเห็นแก่ตัวเล็กๆ ของตัวเอง คงไม่ผิดนะครับ :) จากคุณ : wissar เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 17:17:17

ความคิดเห็นที่ 45 ^ ^ เห็นด้วยค่ะ เปลี่ยนตัวเองง่ายที่สุด คนข้างๆตัวอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี บางครั้งยังขึ้นๆลงๆเลย นับประสาอะไรกับคนในบอร์ด ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 17:23:25

ความคิดเห็นที่ 46 ผมว่าการแก้ปัญหาทัศนคติ ไม่ได้แก้ด้วยการ "ห้ามไม่ให้พูดนะครับ" แต่น่าจะแก้ด้วยการ "พูดแล้วทำให้เข้าใจ" มากกว่า อย่างเรื่องที่ยกตัวอย่าง พารากอนใช้ไฟเยอะ ถ้าบอกไม่ให้มีใครพูดถึง คนต่างจังหวัดก็จะคิดว่ากทม. เอาเปรียบ ต่างจังหวัดใช่มั้ยล่ะครับ แต่ถ้าอนุญาตให้คนที่คิดแบบนี้พูดออกมา แล้วคนก็มาอธิบายว่า ที่มันต้องใช้ไฟเยอะเป็นเพราะอย่างนั้นอย่างนี้นะ ทัศนคติลบที่เค้ามีต่อคนกรุงเทพก็จะดีขึ้น จะปรับทัศนคติได้ต้องพยายามทำให้คนที่มีทัศนคติไม่ดีเข้าใจครับว่าสิ่งที่เค้าคิดมันผิดอย่างไร หรือไม่ดีต่อตัวเค้าอย่างไร ไม่ใช่แก้โดยการบอกให้คิดในใจไม่ต้องแสดงออก อันนั้นน่าจะเรียกว่าซ่อนทัศนคติมากกว่าปรับทัศนคตินะครับ ซึ่งถ้าเกิดว่าคนคนไหนทัศนคติแย่ในทางที่ปรับแก้ไม่ได้ด้วยคำพูด เช่น ไม่สามารถแสดงเหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ได้ หรือไม่ยอมรับเหตุผลของผู้อื่นนอกจากตัวเอง สังคมก็จะต้องบอยคอตไปเอง เค้าก็จะเข้าใจเองว่า ทัศนคติแบบนี้ไม่ดีต่อตัวเค้า (ถึงอาจจะยังไม่ทราบว่าผิดอย่างไรก็ตาม) มันก็จะช่วยปรับได้เช่นกัน จากคุณ : Mariel เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 17:57:23

ความคิดเห็นที่ 47 ผมเห็นต่างจาก จขกท นะ และคิดว่าธรรมชาติของเว็บบอร์ดมันควรจะแตกต่างจากสังคมแบบที่เราสัมผัสอยู่ในชีวิตประจำวัน เพราะในนี้ถือว่าทุกคนต่างเท่าเทียมกันในฐานะที่มี 1 ลอกอิน (หรือบัตรผ่าน) เท่ากัน สามารถพูดตรงๆ หรือแสดงความรู้สึกออกมาได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงหัวโขนว่า คุณเป็นหัวหน้า เป็นผู้บังคับบัญชา เป็น ดร. พูดอะไรก็ต้องถูก ลูกน้องเถียงไม่ได้ เพราะขืนเถียงไปก็มีผลต่อตำแหน่งหน้าที่การงาน ความเห็นส่วนตัว ผมว่าสังคมภายนอกใช้หัวใจแก้ปัญหามากพอแล้ว เรามาหาทางใช้เหตุผลแก้ปัญหาในเวบบอร์ดกันดีกว่า เรื่องไหนในสังคมภายนอกพูดตรงๆ ไม่ได้ ก็เอามาพูดในนี้ ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ใช้เหตุผลหักล้างกัน ถ้ามามัวเกรงอกเกรงใจ กลัวดราม่ากันอีก ผมว่ามันจะไม่เหลือพื้นที่ที่ให้แสดงความเห็นอย่างอิสระได้อีกน่ะสิครับ จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 18:23:34

ความคิดเห็นที่ 48 ต่างคนก็อยากจะพูดอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจฝ่ายตัวเอง โดยลืมคำพูดทิ้งท้ายคห." โอเคผมเข้าใจคุณ" จากคุณ : BloodOcean เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 19:19:30

ความคิดเห็นที่ 49 ครับ ก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านครับสำหรับความเห็นครับ ก็อย่างที่บอก อัจฉริยะมันมีตั้ง 8 ประการ 2 ใน 8 คือการเข้าใจตนเอง และคนอื่น หากแต่ 1 ในนั้น ก็คือการใช้เหตุผล ซึ่งมันก็ปฏิเสธไม่ได้ครับ อย่าที่คุณ Marial  คห 46 บอกครับ ไม่ได้ห้ามไม่ให้พูด หากแต่พูดให้เข้าใจมากกว่าครับ คำพูดนำมาซึ่งความเ้ข้าใจผิด ภาษาคือการสื่อความ เพราะสิ่งที่คุณพิมพ์ออกไป มันเป็นเพียงตัวหนังสือ มันไม่ได้มีอารมณ์ไปด้วย ซึ่งมันทำให้ยากในการตีความ เพราะเราตีความจากตัวหนังสือ ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หากแต่ 70 เปอร์เซ็นต์ นั้นคือน้ำเสียงและภาษากาย การพยายามเขียนให้รัดกุมต่างหาก จะนำมาซึ่งความเ้ข้าใจครับ ยังไงๆ ผมก็ยังนับถือทุกคน จากใจจริงๆ ครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รู้จักหน้าค่าตากันก็ตาม จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 20:43:08

ความคิดเห็นที่ 50 ทุกวันนี้เราหุบปากคะ ถึงแม้อาจารย์จะสอนผิดๆ แต่ก็แย้งไม่ได้ เพราะคำตอบที่ถูกต้องไม่ได้เอามาออกข้อสอบ เถียงไปก็เท่านั้น คำตอบที่ถูกต้องก็ไม่ได้อยู่ในข้อสอบที่เค้าออกอยู่ดี มันเป็นสเตอริโอไทป์ของคนไทยจริงๆคะ จากคุณ : DekArtKvc เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 21:13:37

ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าทุกคนใช้เหตุผล พิจารณาข้อเท็จจริง และใช้วิจารณญาณมากกว่าความรู้สึก ก็คงจะดี..... จากคุณ : Pride เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 21:29:44

ความคิดเห็นที่ 52 เราคิดว่าประเด็นหลักมันคือ "การใช้คำพูด" แม้คำที่พิมพ์ในอินเตอร์เน็ต ตัวอักษรต่างๆอาจจะสื่ออารมณ์ออกมาได้ไม่เท่าท่าทางน้ำเสียงแบบที่เราเห็นหน้ากันตรงๆ แต่เราว่ามันก็สื่อได้ในระดับหนึ่งเลยนะ ทีนี้ก็อาจจะมีคนบางส่วนที่เห็นต่างกับจขกท.และแสดงความคิดเห็นขัดแย้งออกมา(หรือจขกท. เห็นต่างเอง) เราก็คิดว่าเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะพูด^^ แต่!!!!!!!!!!!! ทั้งนี้ทั้งนั้นมันจะมีมนุษย์บางส่วนที่ใช้ถ้อยคำกิริยา พิมพ์ออกมาได้น่าโมโห -..- เราไม่ทราบว่าคนอื่นคิดแบบเราไหม แต่บางคนที่พิมพ์ออกมาแบบ "ข้าแน่" "ข้าถูก" "คุณผิด" "ดูถูก" มันทำให้เรารู้สึกว่าคนๆนั้นมารยาทแย่จังเลย (จะเห็นว่าดราม่าหลายเรอื่งก็เกิดแค่เพราะ ถ้อยคำเนี้ยละ) การพิมพ์ให้ประโยคมันอ่อนลงก็มีตั้งหลายวิธี คิดว่าน่าจะลองปรับดูตรงจุดนี้มากกว่าค่ะ^^ เช่น - ที่คุณ....พูดมา ผมก็เห็นด้วยนะครับ แต่ผมก็มองว่าในสถานการณ์แบบนั้นคนเราไม่สามารถทำได้ เพราะ... (อันนี้แลดูน่าฟัง น่าอ่าน) กับ -ที่คุณ...พูดมา ผมว่ามันไม่ถูกนะ จริงๆเรื่องแบบนั้นใครมันจะไปทำได้ คุณน่าจะลองคิดถึงถ้าเป็นตัวคุณเองดู.....(แลดูหาเรื่องนิดหนึ่งนะ แต่ก็โอเค) หรือ -ตลก! คิดมาได้ จบจากที่ไหนเนี้ย จะได้ไม่ส่งลูกไปเรียน (แรงไปคร้า) (อันนี้เราแค่คิดตัวอย่างมาเองนะคะ ไม่ได้อ้างอิงถึงใครทั้งสิ้น หากไปค้ลายกับคำพูดของใครเราต้องขอโทษด้วยคะ) จากคุณ : Piccalo_koz เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 22:09:13

ความคิดเห็นที่ 53 ปัญหาแก้ไม่ได้ด้วยเหตุผลทั้งหมด ..แต่ให้แก้ด้วยหัวใจ . . โหย ถ้าผมเป็นผู้หญิงเนี่ย ผมจับคุณครูปล้ำเป็นฉามีแว้ววววว จากคุณ : ถั่งโถมโหมแรงใจ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 54 22:51:12

ความคิดเห็นที่ 54 ทั้งหลายทั้งปวงเนี่ยะ..ไม่เกี่ยวกับอีคง อีคิวอะไรหรอกค่ะ เราว่า "อีโก้" ล้วนๆ. ลดๆการยึดตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ฟังคนอื่นบ้าง(ฟังแบบฟังจริงๆนะ) สื่อสารแบบ2ทางน่ะค่ะ ที่คนอื่นพูด อาจตรงข้ามกับเรา บางครั้งอาจมีส่วนถูกอยู่บ้าง และอย่าเพิ่งไปจับ การใช้คำพูด บางคำ มาเป็นประเด็น คนเราพื้นฐานต่างกัน ร้อยพันต่างที่มา ทำไมต้องคาดหวังว่า เขาจะสามารถ"เลือก"ใช้ภาษา ได้ดีพอๆกับ(ที่)เรา(คิด)ด้วย จากคุณ : ระเบียงชมจันทร์ (ระเบียงชมจันทร์) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 00:04:19

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านตอนต้นๆ  แล้วก็คิดจะตอบเหมือน คห 32 พออ่าน คห 32  แล้วก็คิดเหมือน คห 52 อีก ตกลง มีคำตอบหมดแล้ว ความจริง ไม่ใช่เฉพาะสังคมเวป แต่สังคมจริงภายนอก ก็มีปัญหาเดียวกัน คือความสามารถในการสื่อสาร เราน่าจะมี การสอน วิธีสื่อสารที่ดี ตั้งแต่เด็กเล็ก และคุณครู จขกท น่าจะมีบทบาทนี้ได้ จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 00:15:36

ความคิดเห็นที่ 56 เห็นตาม #32 ค่ะ จากคุณ : เม็ดทรายในสายหมอก (nAHMLeMoN) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 01:00:07

ความคิดเห็นที่ 57 ต้องมีความขัดแย้ง  วิทยาศาสตร์และสังคมถึงจะก้าวหน้า ปัญหาคือจะสรุปผลความขัดแย้งอย่างไร   ให้ออกมาในรูปแบบที่เป็นทางบวก เกิดประโยชน์กับสังคม ทุกคนรู้ว่า  Input = Output  ใส่อะไรเข้าไปก็ได้ผลอย่างนั้น ก็อย่าใส่สิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในเนื้อหา  จะไม่ชอบอะไรก็หาสาระมาแย้ง สังคมในหว้ากอเป็นที่ที่เปิดกว้างพอสมควร  เชิญหาข้อมูลมาเถียงกัน และถึงบางเรื่องจะโยงเข้าเรื่องชวน มาม่า  เกลียดคนโน้น ชอบคนนี้ เครื่องนี้เทพ   อุปกรณ์นั่นห่วย   กินแล้วอมตะ  ซื้อแล้วโง่ ฯลฯ ก็ไม่เป็นไร ขอให้มีสาระ  คัดง้างด้วยหลักฐาน  หาข้อมูลมาโต้แย้งกัน ปล.ตั้งแต่เกิดมา เรื่อง มาม่า ทั้งหมด  ไม่เคยเกี่ยวข้องกับกระผมโดยตรง บุคคลก็ไม่ได้รู้จัก สนิทชิดเชื้อหรือ เปนโคดเหง้าสักหลาด  จนต้องรักรึเกลียด เก็บมาคิดเปนวรรคเปนเวรเพราะการชี้นำไม่กี่ประโยค ในบอร์ดแห่งนี้ อุปกรณ์ที่เป็นแรไอเทมใดๆยิ่งไม่เคยใช้  สูตรยาอมตะใดๆไม่เคยเข้าปาก ตอบคำถามเท่าที่รู้  ค้นข้อมูลเท่าที่ขยัน(น้อย)  โชว์โง่ก็บ่อย แต่ทำเพราะรักห้องนี้แหละ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 54 03:39:28 จากคุณ : ZXR เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 03:37:08

ความคิดเห็นที่ 59 เห็นด้วยกับ จขกท ไม่มีอะไรคัดค้านเลยครับ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 08:42:08

ความคิดเห็นที่ 60 ผมว่า จขกท พยายามจะสื่อว่า เราจะพูดกันด้วยอารมณ์ แล้วเอาชนะคะคานกัน กับ พูดด้วยเหตุผล แล้วหาหลักฐานมาประกอบ อย่างไหนมันได้ความรู้มากกว่ากันหล่ะครับ เข้ามาดูคนเถียงกันแบบหน้าดำคร่ำเครียด กับ คนที่พูดคุยเอาหลักฐาน หาลิงค์มาประกอบกัน ผมชอบอ่านอย่างหลังมากกว่าแฮะ จากคุณ : ไม่รู้เรื่องเลย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 09:08:59

ความคิดเห็นที่ 61 อย่างเกาหลีใต้นี่เค้าก็ใช้อารมณ์กันแรงนะครับ   แต่เค้าไปจบกันตรงไหนถึงทำให้ประเทศมันไปได้ขนาดนั้น ผมว่าถึงจะใช้อารมณ์หรืออะไรรุนแรงขนาดไหน   มันก็คงต้องมีจุดร่วมบางอย่างที่จะทำให้ไปต่อข้างหน้าได้    แต่มันเป็นอะไรเท่านั้นล่ะครับ จากคุณ : MagicWrap เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 09:28:21

ความคิดเห็นที่ 62 เบื่อแบบที่ว่า แค่นี้ทำไมไม่รู้เเหรอ จากคุณ : niab เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 09:48:20

ความคิดเห็นที่ 63 อีกอย่างนะ การเอากระทู้ไปยุ่งการเมือง ผมว่าทำให้เสียอารมณ์อย่างมาก ลองมาทำใจกัน ว่าอย่าลากเข้าการเมืองดีมั๊ย เราก็เป็นนะ บางครั้งอดไม่ได้  ต่อไปจะไม่แล้ว พยายาม จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ะ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 10:22:35

ความคิดเห็นที่ 64 มีครูมา มาเช็คชื่อด้วยคน มาครับ อ้อ ขอนุญาต ลา ไป ทาน น้ำ ปัสสาวะ ด้วย คับ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 10:55:30

ความคิดเห็นที่ 65 ที่แน่ๆ คุณ ครู นี่แหละครับ เป็นแรงผลักดันใหม่มันเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะ ไปทางไหน เพราะ ทัศนคติเด็กๆ มันหล่อหลอม เอาจากที่โรงเรียนเป็นหลัก จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 11:01:01

ความคิดเห็นที่ 66 มาลงชื่อด้วยคนค่า จากคุณ : นู๋นัน เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 11:31:31

ความคิดเห็นที่ 67 สังคมมันก็ต้องมีการหลากหลาย นานาทัศนะ การแสดงออกซึ่งความคิดเห็น และสไตล์การนำเสนอข้อคิดเห็น หรือลักษณะวิธีสนทนา ของแต่ละบุคคล ก็ย่อมแตกต่างกันออกไป เราไม่สามารถสั่งให้โลกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ตามใจทั้งหมด แต่เราอาจสามารถเป็นส่วนร่วมหนึ่ง ที่ทำให้โลกผันแปรไป เพื่อเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ว่าโลกเป็นอย่างไร ไม่ว่าสังคมเป็นเช่นไร และ ไม่ว่า เราจะสามารถ หรือไม่สามารถในการมีส่วนให้กันผันแปรของโลก ได้แค่ไหน อย่างไร หรือไม่ก็ตาม ประเด็นคือ เราต้องยังคงอยู่ร่วมกับโลกนี้ จนกว่าจะหมดสิ้นอายุขัย กับสิ่งที่เราไม่คาดหวังจะได้พบเห็น ไม่อยากเคยพบเห็นมาก่อน แต่เมื่อได้พบเห็นแล้ว มันถึงกับทำให้เราทุกข์ใจไปหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ แปลว่า ใจเราไม่ได้มีปัญหา แต่ถ้าใช่ แปลว่าเราจำเป็นต้องซ่อมแซมที่ตัวใจของเราก่อนแล้ว ส่วนตัว ก็มีทั้งในแบบ ที่เคยทุกข์ใจ ไม่พอใจ กับสิ่งที่ไม่คาดหวังว่าจะให้ปรากฏบนสังคมนี้ แต่หากวันไหนมีสติดีพอสมควร ก็จะหงุดหงิดบ้างแต่ไม่นานก็ปกติ ถ้าคุมสติได้ว่องไวพอ จะแทบไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย หรือไม่ก็ อาจเพราะ ทั้งนี้ ส่วนตัว เราไม่ค่อยมีความรู้สึกขัดใจ ประเภทว่า... เดี๋ยวนี้สังคมทำไมเปลี่ยนไป ในทางที่เลวร้าย....บลาๆๆ (ประมาณว่า มันแย่ลงมาก หรืออะไรยังไง) เนื่องเพราะ หลังๆเจริญวัยมากได้พักใหญ่(อิอิ) เริ่มเข้าใจมากขึ้น กับการผกผัน เปลี่ยนแปลงของทุกสิ่งอย่างในโลกนี้ ....ว่ามันคือเรื่องธรรมดามากกกกกกกกกกกกกกกก(เน้น อิอิ) ถ้าจับหลักตรงนี้ได้ จะตีความคำว่า "สมควร" ได้อย่างสบายๆ ไม่เครียดมาก คำว่าเหมาะสม สมควร ก็ล้วนไม่เที่ยงเลย ดังนั้น ถ้าเราทำความเข้าใจจุดนี้ ใจเราก็เบา และง่ายมากขึ้น สมควร....มันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่างมาก ยุคสมัย สถานการ บุคคล สถานะ ค่านิยม ประเพณี กติกา กฏหมาย จารีต การยอมรับ บลาๆๆ ทั้งหลายทั้งปวง มาตรฐาน ของ "สมควร" ไม่เคยอยู่นิ่งๆเลย มันเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ถ้าเราพิจารณาในระยะเวลาประชิด จะแทบไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของค่ามาตรฐาน แต่ถ้ามอง สลับยุคกันไกลห่างหน่อย จะเห็นชัดเลย เช่น ในยุคนึง ที่ สายเดี่ยวฮิตใหม่ๆ เสียงก่นด่าและต่อต้าน ดังกระหึ่มสังคม ทั้งๆที่ ลืมมองย้อนไป ในยุคอโยธยา ผู้หญิงไทย ใส่กระโจมอก เดินกันฉิวเลย ไม่เป็นเรื่องน่าอายแต่อย่างใด แต่พอพ้นเสียงก่นด่ากระหึ่มในช่วงแรก กระแสนิยมมันมากล้น จนกระทั่งมาเดี๋ยวนี้ ใส่สายเดี่ยวออกทีวี เป็นเรื่องธรรมดามากกกกกกกกกก(เน้นอีก อิอิ) เห็นชัดเลยว่า "สมควร" ล้วนเปลี่ยนไปมาได้ด้วย มีสลับค่ามาตรฐานไปมาได้ กลับมาที่ การแสดงความเห็น ในประโยคเดียวกัน (ไม่ว่าประโยคไหน ขอไม่จำเป็นต้องยกตย.) นายเอ อาจมองว่า โห มันลึกซึ้งจัง เป็นการตะโกนบอกสังคมว่างั้นงี้ เป้นการสะท้อนปัญหาที่มีอยู่จริง และคือการสงวนสิทธิในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี แต่นายบี อาจมองว่า ไร้มารยาทสิ้นดี เป็นการส้รางความแตกแยกในสังคม จะทำให้สังคมไม่รักสามัคคี ทำให้สังคมไม่เป็นสุข ข้อเสนอแนะ จขกท. ที่ว่า....ชาวหว้ากอควรจะมาปรับทัศนคติกันก่อนดีมั๊ยครับ ก็แปลว่า จขกท.คิดว่า มีความเห็นว่า ณ ปัจจุบันนี้ ชาวหว้ากอ (จริงๆจขกท.มีแถมห้องราชดำเนินมาด้วย) ....ส่วนใหญ่ล้วนเป็นการแสดงคคห. ที่บ่งบอกว่า มีทัศนะคติที่แย่ลง (ถ้าไม่งั้นคงไม่เสนอให้ต้องปรับ)..... ซึ่ง.....นั่นก็คือ ความคิดเห็นหนึ่ง ของจขกท. ที่ได้ใช้สิทธิ ในการนำเสนอต่อสาธารณะ เฉกเช่นเดียวกับ ที่อาจจะมีคนอีกฝ่ายใช้สิทธิแสดงความเห็นอย่างเสรี ที่คิดเห็นว่า.... ไม่จำเป็นต้องปรับ มันดีอยู่แล้ว ... หรือว่า  หมายถึง มันเป็นเช่นนั้นเอง ^^ จากคุณ : 007-s เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 13:04:18

ความคิดเห็นที่ 68 การที่คนเราเถียงกัน ส่วนหนึ่งเพราะคนเราเชื่อว่า คนอื่นจะปรับทัศนคติมาคิดเหมือนกับเราได้นี่แหละครับ จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 17:04:05

ความคิดเห็นที่ 69 เพราะเราไม่ได้ถูกสอนมาให้ถกกันด้วยเหตุด้วยผลนี่ครับ เราถูกหล่อหลอมมาจากการฝึกสอนทั้งที่บ้านและโรงเรียน ให้เป็นนักฟังที่ดี ไม่ใช่นักถามที่ดี สังคมเราเขานับอาวุโสครับ สั่งอะไรมาก็ต้องรับอย่างเดียว แม้จบมาทำงานทำการกันแล้วก็ไม่วาย สังคมการทำงานบ้านเราก็ดันไปเหมือนที่โรงเรียนอีก ดีครับนาย ดีครับท่าน ว่ากันไป เก็บกดครับบ้านเราพอได้แสดงออกสักทีก็ระเบิดลงกันเลยทีเดียว คุยกันไม่นานเดี๋ยวก็มี เรื่องครับสังคมไทย ไม่ใช่ไม่มีนะครับคนที่รับฟังเหตุผลแต่คนแบบนี้มีน้อยมากครับนานๆเจอ การแก้ปัญหาความขัดแย้งบ้านเราทำได้อยากครับ เพราะไม่ยอมรับว่ามันมีอยู่จริงมีแต่หนี ปัญหากันซะส่วนใหญ่ ดูได้จากเซนเซ่อร์บ้านเราดิเหล้า บุหรีกลื่อนเมืองไม่ยอมรับรู้ไอะไร เลยจะเซนเซ่อร์ให้มันเซ่ือกันไปเลยทีเดียว ครับท่านผู้ชม Villiage of atwarghah, western Indian state of Gujarat. จากคุณ : นายธุรการ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 17:36:19

ความคิดเห็นที่ 70 อย่าให้เป็นเหมือนกระทู้ราชดำเนิน ที่เราอยากจะพูดอะไรก็พูด คิดยังไงก็พูดไปแบบนั้น - เพราะไม่มีการโต้เถียงงัยครับ จะแย้งกันทีก็ขึ้นเป็นหัวข้อเลย ผมไม่เข้าใจว่าราชดำเนินมันแย่ขนาดนั้นเหรอครับ จากคุณ : FisH DooK เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 18:33:07

ความคิดเห็นที่ 71 70# ก็แค่ถ้าผ่านไปไม่รู้จักอะไร ก็จะเจอ ฝูงสัตว์มากมาย ฟายเอ๋ย เชี่ยเอ๋ย โง่เอ๋ย กินหญ้า กะทิ สลิ่ม แม้ว บราๆๆๆ สะดุ้งได้ง่ายๆ บรรยากาศถ้าโพสอะไรๆ ไม่ถูกใจใคร ก็อาจจะโดนตะเพิดกลับมาง่ายๆ แต่คนบางคนในนั้น บอกว่าเป็นภาษาท้องถิ่น สงสัยชอบการด่ากัน ก็อาจจะเป็นได้ จากคุณ : durasail เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 19:43:58 A:61.90.82.145 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 72 #70 ถูกต้องครับขนาดนั้นเลยล่ะ จากคุณ : kopkop เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 19:46:34

ความคิดเห็นที่ 73 ผมขอพูดกับครูตรงๆเลยนะครับ.. ที่คุณครูพูดมาทั้งหมดน่ะ ผมเห็นด้วยทุกอย่าง และก็คิดอย่างนี้มาตลอด.. แต่.. "เราไม่สามารถแก้ไขคนอื่นได้ นอกจากตัวเราเอง" เท่านี้จริงๆ.. จากคุณ : หลานคุณยายจ๋า เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 20:56:43

ความคิดเห็นที่ 74 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 21:18:17

ความคิดเห็นที่ 75 ก็ก่อนที่กระทู้ราชดำเนินเป็นแบบนี้ มันแย่มั๊ยล่ะครับ? กับ ก่อนที่จะมีการปิดการแสดงความคิดเห็นในห้องราชดำเนิน ผมรู้สึกว่าค่อนข้างหยาบคายมากครับ จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 21:24:31

ความคิดเห็นที่ 76 คิดแตกต่างได้ แต่ห้ามแตกใน   ในประเทศไทย ^ ^ จากคุณ : nut_1218 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 21:37:00

ความคิดเห็นที่ 77 เราเห็นว่า คิดต่างได้  แต่ความคิดต่างนั้นจะนำไปสู่นโยบายในทิศทางเดียวกันที่จะนำพาประเทศไทยให้เจริญต่อไป จากคุณ : อะม๊อกซี่คะ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 22:24:30

ความคิดเห็นที่ 78 ก็คิดแบบนี้ประเทศจะเจริญได้ยังไงล่ะ ถ้าคิดต่างห้องราชดำเนินไม่ถูกปิดกั้นหรอกครับท่านผู้รู้ทั้งหลาย คิดแบบนี้เฮ้ออออออออออออออออ  เหนื่อยแทนประเทศไทย ปล.ผมเบื่อคำว่าคิดต่างได้แต่อย่าแตกแยกก็เห็นอยู่ตอนนี้มันตรงข้ามกับคำที่พูด ปล.อีกที สงสัยจังทำไมห้องนี้เหมือนสองห้องควบยังไงไม่รู้กระทู้แนะนำแต่ละกระทู้ดูเบี่ยงเบนยังไงชอบกล โดยเฉพาะกระทู้แนวทหาร ใครอยู่ผิดที่ผิดทางกลับที่กลับทางเสียนะครับท่าน จากคุณ : kopkop เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 23:22:35

ความคิดเห็นที่ 79 หาสองกระทู้นั้น ไม่เจอ จากคุณ : เป็ดสวรรค์ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 01:28:34

ความคิดเห็นที่ 80 ผมเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ การคุยกันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว เหมือนเปิดใจคุยกัน แต่ส่วนมากที่ผมเห็นในปัจจุบันมันออกมาในสภาพอารมณ์ที่ไม่ปกติของคนโพสต์ ก็หนีไม่พ้นความขัดแย้งที่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร กลายเป็นเหมือนที่ระบายอารมณ์ ประชดประชันใส่กันแค่นั้นเอง พูดกันตรงๆ จะได้แก้ไขกัน ใช่ครับผมเห็นด้วย แต่ถ้าใช้แต่อารมณ์มาฟาดใส่กัน มันจะไม่จบ จากคุณ : Steyr Commando เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 02:23:35

ความคิดเห็นที่ 81 เข้าใจในสิ่งที่จขกท.ต้องการจะสื่อครับ คือหากเห็นไม่ตรงกัน ก็ให้เอาเหตุผลมาถกกัน ไม่ใช่เอาอารมณ์เอาฝีปากมาสาดใส่กันโครม ๆ หวังชนะด้วยฝีปากโดยขาดเหตุผล (เหมือนอย่างบ้านเมืองเราตอนนี้เป็นต้น) ที่ผมแปลกใจมาก ๆ คือทั้ง ๆ ที่จขกท.ก็สื่อได้ชัดเจนและเป็นกลางดีแล้ว แต่หลายคนก็ยังตีความคลาดเคลื่อนไปได้จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว (และไม่วายแขวะห้องอื่นอีกนะว์ เศร้า...) จากคุณ : โปรดอ่านคคห.32 นะครับ (รบชนะ) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 04:22:37

ความคิดเห็นที่ 82 ... เห็นหลายคน พูดให้ความคิดร้ายๆ ของตัวเอง ใ้ห้ดูดีด้วย คำว่า ประชาธิปไตย พูดตรง แสดงความเห็น เป็นธรรมดาในสังคม ต้องยอมรับ ....ได้อ่านแล้ว เศร้าใจ จากคุณ : Axiom of Choice เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 10:07:32

ความคิดเห็นที่ 83 เอาจริงๆ ถ้าการตอบนั้น"ละเมิด"อีกฝ่ายมากเกินไป มันก็ผิดกฎกติกา แจ้งลบได้เลยครับ แต่ถ้ามันยังไม่ละเมิด แต่คุณไม่อยากฟัง เพราะไม่ถูกจริตคุณ หรือยอมรับข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกใจไม่ได้ โดยอ้างเรื่องของ"มารยาท"(ใครกำหนด?) อันนี้ก็ต้องถกเถียงกันต่อว่า "มารยาท"นั้นเป็นสากลหรือไม่? ถ้าอีกฝ่ายมองจุดแบ่งมารยาทไม่เหมือนกับคุณ จะใช้อะไรตัดสิน? ผมว่าปัญหาของหว้อกอ และอีกหลายๆห้องคือ คนจำนวนไม่น้อย ไม่สามารถยอมรับ"ความจริงที่คุณไม่อยากฟัง" ได้ครับ และเมื่อไม่อยากฟัง ก็เลยพาลด่าอีกฝ่ายอย่างตรรกะวิบัติ ไม่ว่าจะเป็น การโจมตีตัวบุคคล การเหมารวมฯลฯ ซึ่งผมก็เห็นการเหมารวมตั้งแต่คคห.แรกของกระทู้นี้เลยทีเดียว :P จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 12:54:48

ความคิดเห็นที่ 84 #68 ไม่จำเป็นต้องปรับทัศนคติให้เหมือนกันครับ แต่แค่ยอมรับ หรือ รับฟัง เหตุผลของแต่ละฝ่าย แล้วยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง โดยเฉพาะบางส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง หรือถูกต้องตามหลักตรรกะ โดยไม่จำเป็นต้อง"บังคับ"ให้ใครเปลี่ยนความเชื่อทั้งหมดของทั้งตัวเราและของเขาทั้งนั้นแหละ สิ่งที่บ้านเรายังไม่มี ก็คือการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างนี่แหละครับ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 12:58:41

ความคิดเห็นที่ 85 ผมมองอย่างนี้นะครับ การมีแต่ฝ่ายเสนอ โดยไม่มีฝ่ายค้าน เหมือนแต่จะรอหวัง best case ผมเน้นความมั่นคง ดู worse case เป็นหลัก จำเป็นต้องมาค้าน เพื่อเป็นการยืนยัน ว่าข้อเสนอนั้น แข็งแรงพอ ให้เรายึดถือกันได้ (หรือเปล่า) เปิดมุมมองให้เห็น หลายๆด้าน(โดยเฉพาะด้านตรงข้าม) เพื่อลดอคติ ที่สะสมในใจเราอยู่เรื่อยๆไป ประเดน คือ ใช้แต่เหตุผล ก็เกิดประโยชน์ ใช้แต่อารมณ์ ก็เกิดโทษ จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 13:46:08

ความคิดเห็นที่ 86 ผมเห็นว่า คิดต่างเห็นต่างได้ แต่ไม่ใช่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง เค้าว่าอย่างนี้ จะบอกเค้าให้คิดใหม่ก็ดันใช้คำพูดนักเลง หรือขวานผ่าซากใส่เค้า มีเรื่องขนมปังเซเว่นแพงตั้งกระทู้ขึ้นมา ดันไปบอกเค้าว่า ไ่ม่พอใจก็อย่าซื้อ อย่างนี้ไม่เรียกว่า กวนxxx แล้วจะเรียกว่าอะไรนิ จากคุณ : Sieghart เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 13:49:31

ความคิดเห็นที่ 87 ที่ว่า คนจำนวนไม่น้อย ไม่สามารถยอมรับ"ความจริงที่คุณไม่อยากฟัง" เห็นด้วยครับ เพื่อนผม พ่อมันเสียไปนานแล้ว เจอเพื่อน ในกลุ่มล้อว่า พ่อเมิงตาย ยังโกรธเลยครับ มันไม่น่าจะโกรธ ทั้งๆที่มันเป็นความจริงแท้ๆ แต่ขาดความเหมาะสม และ มารยาทในการพูด :P จากคุณ : durasail เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 15:24:15 A:58.181.157.122 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 88 #87นั่นก็เกินไป อันนี้เราหมายถึงเรื่อง ที่บางทีอีกฝ่ายไม่รู้ ไม่แน่ใจ ไม่อยากได้ยิน และมันซับซ้อนกว่านั้นมากครับ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:25:01

ความคิดเห็นที่ 89 พวกกระทู้ กทม ทำอะไรผิดตลอด คนกทม ไร้น้ำใจ อะไรพวกนี้มีมาระยะนึงแล้ว สงสัยจะเกี่ยวกับการเมืองด้วย http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10878826/X10878826.html นี่คือกระทู้ที่ว่า ส่วนกระทู้ กทม ดูถูกต่างจังหวัด อันนั้นก็น่าด่าเหมือนกัน แต่กระทู้นั้นโดนลบไปแล้ว รายนั้นเป็นเกรียนที่ไปเจอญาติต่างจังหวัดแล้วเค้าพาไปอวดของในจังหวัดเค้า ดันมาบ่นรำคาณ ไม่รู้ล่อเป้ารึป่าว เวลาผมไปเจอเพื่อนที่ไหนผมจะให้ความสนใจอะไรที่นั่นมาก ชอบมากอารมณ์แบบนั้น จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:33:36