ความคิดเห็นที่ 1 ทำงั้นจริง ปล่อยไว้อเมริกาก็จะฝ่อจนตายไปเองนั่นแหละ เพราะถ้าทำจริง จะไม่มีใครกล้าไปทำการค้ากับอเมริกาอีกแล้ว เครดิตที่สั่งสมมาเป็นร้อยปีจะพังพาบในพริบตา จากคุณ : เกียงอุยศิษย์มังกรหลับ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:44:16

ความคิดเห็นที่ 2 คนในอเมริกา แหละครับที่จะเดือดร้อนหนักที่สุด แค่ S&P ปรับลด เอ มาตัวเดียว หุ้นตกกระจาย.. หุ้นตกนี่ ชนชั้นกลางเดือดร้อน นะครับ จากคุณ : นอกวงการ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:48:52

ความคิดเห็นที่ 3 กลัวว่าเมกาจะไปแอบก่อสงครามให้มันกลายเป็นครั้งที่ 3 มากกว่า ในเมื่อการเงินไปไม่ได้ก็ใช้กำลังยึดเอานี่แหละแต่คิดว่ามันคงไม่เกรียนขนาดนั้น จากคุณ : หล่อไม่สุด เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:51:54

ความคิดเห็นที่ 4 หนี้สิน............ ห้องสินธร อเมริกามีกองทัพที่ยิ่งใหญ่มาก .....ราชดำเนิน จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:55:35

ความคิดเห็นที่ 5 อเมริกาจะชักดาบหนี้สินได้อย่างไร? คำถามนี้มันง่าย แต่ตอบได้ซับซ้อนมาก เพราะว่าหนี้ของอเมริกา ส่วนใหญ่เป็นในรูปพันธบัตร การไถ่ถอนพันธบัตรก็คือเอาเงินดอลล่าร์ไปให้ รัฐบาลอเมริกัน ก็จะออกพันธบัตรไปให้ FED เพื่อจะไปพิมพ์ดอลล่าร์อีก เห็นป่ะว่าไม่มีปัญหาอะไร ตราบเท่าที่ FED ยังสามารถพิมพ์ดอลลาร์ และรัฐบาลอเมริกันยังออกพันธบัตรได้ หนี้ของสหรัฐจะว่าไปก็ไม่ใช่หนี้แบบที่คนทั่วไปไปกู้เค้ามา เพราะเจ้าหนี้ตั้งหน้าตั้งตาทวงหนี้ แต่เจ้าหนี้สหรัฐไม่ทวงหนี้ครับ ตราบใดที่สหรัฐยังจ่ายดอกอยู่ก็ไม่มีปํญหาอะไร (จีนและญี่ปุ่นซื้อพันธบัตรรวมกันมากกว่า 60%) ถ้าสหรัฐไม่จ่ายหนี้จริงๆ จีนกับญี่ปุ่นจะเดือดร้อนกว่าสหรัฐอีก จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:00:47

ความคิดเห็นที่ 6 จีนคงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ครับ แต่ก้อพอสมควร แต่ถ้าญี่ปุ่นนี่สาหัสแน่ๆครับ จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:03:01

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้ากล้าปิดประเทศหนีแบบเกาหลีเหนือ หรือพม่า ก้เชิญครับ รับลองโลกได้มีประเทศใหม่อีก 50 ประเทศแน่นอน จากคุณ : Achaki Oddy เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:03:08

ความคิดเห็นที่ 8 เราว่าในทาง ปฏิบัติ เขาก็ชักดาบมาตั้งนานแล้วนิ แต่คารม เขาหลอก เจ้าหนี้ ว่า " โอ๊ยยย! ตังค์ เรามีเยอะแยะ ทองเราก็มีเป็นกระตัก  เด๋วเราใช้คืนให้" มันก็คือมุกลูกหนี้ ชาวบ้านธรรมดานี่เองละหนอ... จะว่าไป ปอลิง : หากมีแล้วจะมายืมเขาไปทั่ว ทำม๊าาาาย?จริงไหมล่ะ... hahaa... จากคุณ : ชักไปแล้ว แต่ไม่ได้บอก... (Advil) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:05:34

ความคิดเห็นที่ 9 inside job ไปเช่ามาดูแล้วจะเข้าใจ จากคุณ : A.R.T. เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:23:11

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย........ใครจะทำไม จากคุณ : chontanon538 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:23:26

ความคิดเห็นที่ 11 ***     จำกันได้ไหมในช่วงต้นยุค70'(ปลายยุคสงครามเวียดนาม)สมัยที่พวกมะริกันยังใช้ทองคำเป็นประกันเวลาพิมพ์แบ๊งค์ดอลล่าห์ (หมายความว่าทุกประเทศบนโลกสามารถเอาดอลล่าห์ไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำกับสหรัฐได้  และเวลาสหรัฐจะพิมพ์เงินดอลล่าห์ได้ก็ต้องมีทองเป็นประกัน)      จู่ๆ "ริชาร์ด นิกสัน" ประธานาธิบดีมะริกันก็อ้างขึ้นมาอย่างข้างๆคูๆว่า "ถังจะแตกแล้ว" ต่อไปนี้กันจะไม่เอาทองไปประกันดอลล่าห์แล้ว  แต่ขอให้พวกสูเจ้าทุกคนจงรับรู้ว่าดอลล่าห์ยังคงเป็นเงินที่มีค่าที่สุด  และต่อไปพวกเราชาวมะริกันสามารถที่จะพิมพ์แบงค์ดอลล่าห์ออกมาได้โดยไม่ต้องมีทองไปค้ำแบบสมัยก่อน       ส่วนใครอยากจะได้ "ทอง" ก็ไปหาซื้อจัดการกันเอาเอง  เพราะต่อไปประเทศสหรัฐของกันจะไม่รับดอลล่าห์มาแลกทองแล้ว (ของจริงไม่ได้พูดงี้หรอกแต่การกระทำมันฟ้อง)  ผลคือบรรดาประเทศเจ้าหนี้ในยุโรปมองกันตาปริบๆทำอะไรไม่ได้ซักคน  และราคาทองคำก็พุ่งพรวดๆเป็นติดจรวดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา -_-" (ถ้าจำไม่ผิดตอนยุค70 จะมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่35ดอลต่อทอง1ออนซ์ครับ)     ส่วนมูลเหตุเรื่องนี้มันมาจากที่ตอนนั้นมะกันไปติดหล่มสงครามใน "เวียดนาม" จึงทำให้ประเทศเริ่มเป็นหนี้และเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหา  พวกประเทศในยุโรปเห็นท่าไม่ดีเลยพากันเอาเงิน "ดอลล่าห์" ที่เก็บไว้ไปเปลี่ยนเป็นทองคำกับมะกัน  จนกระทั่งเปลี่ยนกันไปเปลี่ยนกันมาอีท่าไหนไม่ทราบได้  มะกันต้องจ่ายทองไปเกือบ40,000กว่าตันในราคาเงินดอลล่าห์ราวๆ "50,000 ล้านดอลล่าห์"     จนกระทั่ง "ทองคำแท่ง" ของพวกมะกันในเวลานั้นเกือบจะเกลี้ยงสต็อคอยู่รอมร่อ  "ริชาร์ด นิกสัน" ซึ่งเป็นประธานาธิบดีเห็นท่าไม่ดีเลยอาศัยความเป็นมหาอำนาจประกาศเลิกใช้ดอลล่าห์แลกทองนับแต่บัดนั้น (ถ้าเป็นประเทศอื่นทำบ้างคงโดนยำเละไม่มีชิ้นดี)  และพวกมะริกันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ "ทองคำ" เป็นประกันเวลาพิมพ์แบ็งค์ดอลล่าห์เหมือนชาติอื่นๆจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ครับ -_-" (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:24:28

ความคิดเห็นที่ 12 เจ้าหนี้อาจจะเริ่มโดยการ ยึดทรัพย์นอกราชอาณาจักรก่อนก็ได้ครับ แบบเยอรมัน ยึดเครื่องบินพระที่นั่งของไทยครับ เพราะฉะนั้นพวก IBM, Microsoft, Bank ต่างๆของ US อาจจะเป็นพวกแรกที่โดนก่อน จากคุณ : nap62 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:41:11

ความคิดเห็นที่ 13 ชักดาบทำไม พิมพ์เงินเองก็ได้ ไม่ต้องสำรองทองแล้วนิ อยากพิมพ์เท่าไร ก็พิมพ์ออกมา ทำให้เห็นแล้วตอน วิกฤติแฮมเบอเก้อ คงจำกันได้ ไอ้กันเขาเป็นต้นตำหรับทุนนิยม เขาได้ประโยชน์เต็มๆกับระบบนี้ เขาคงไม่ยอมให้ระบบนี้ล่มสลาย ครับ พวกเราก็ยังเป็นลูกร่อ ลูกไล่ ไอ้กันตลอดไป เชื่อผมเหอะ จากคุณ : ดงพระเจ้าแดนดิน เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:44:35

ความคิดเห็นที่ 14 พิมพ์แบงค์เองเยอะๆ โดยไม่ต้องมีทองสำรองมาแบบนี้ ต่อไปอเมริกา จะเหมือนซิมบับเวไหมอ่ะ เงินเฟ้อพุ่ง 1 ล้านเท่า แบงค์เหมือนกระดาษเปล่า แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 13:56:16 จากคุณ : ToxicZero เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:55:50

ความคิดเห็นที่ 15 ก็ไม่มีใครค้าขายด้วยสิครับ พวกธุรกิจนำเข้าส่งออกน่าจะมีผลกระทบ จากคุณ : deemakak เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 14:15:08

ความคิดเห็นที่ 16 การยึดทรัพย์ ในอเมริการทำได้ครับ โดยการร้องต่อศาลสูง ถ้าศาลมีคำสั่ง ก็ยึดได้ครับ ส่วนทหารนั้น ไม่ต้องห่วงครับ เพราะ ทหารของอเมริกา เขารู้ภาระกิจของเขาดี ว่า ขอบเขต และ หน้าที่ ของเขาอยู่ตรงไหน และตรงไหนไม่ใช่ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 14:23:31

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเขารวมหัวกันต้านอเมริกา อเมริกาก้อพังพาบได้ ทุกวันนี้อเมริกาอยู่ด้วยการสร้างภาพ เพราะหนี้บาน เหมือนขับรถหรูแต่งตัวดี แต่เป็นหนี้กู้เขามา จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 14:23:43

ความคิดเห็นที่ 18 #12 ไปยึด บ.เอกชน ของอเมริกา เดี๋วเขาก็ได้ข้ออ้างบุกยึดประเทศหรอก จากคุณ : A... เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 14:41:01

ความคิดเห็นที่ 19 พิมพ์แบงค์เอง โดยไม่ต้องมีอะไรค้ำประกัน ต้นทุนก็แค่กระดาษ กับหมึกพิมพ์ ฟังดูมันไม่ค่อยมีหลักการเลย จริงๆ มันมีหลักเกณฑ์ อย่างไรกันแน่ครับ จากคุณ : ชายพจน์ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 14:57:44

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่จำเป็นต้องชักดาบหรอกครับ เทคนิคมันเยอะ อย่างเช่นลดมูลค่าหนี้ด้วยการทำให้ค่าเงินดอลมันหด แบบที่ทำอยู่ แถมมะกันจะลดการเสียดุลการค้าได้อีกด้วย แค่ว่าจะบริโภคทรัพยากรอื้อซ่าแบบเมื่อก่อนได้น้อยลงเท่านั้น จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:01:14

ความคิดเห็นที่ 21 เงินมันอยู่ที่ความเชื่อมั่นครับ มะกันยังไงก็พิมพ์แบบไม่จำกัดไม่ได้แน่ ยิ่งพิมพ์เยอะค่าเงินก็ยิ่งอ่อนลงไงครับ  ยิ่งพิมพ์เยอะคนยิ่งเชื่อมั่นในค่าเงินดอลน้อย จนทำลาย ศก สหรัฐเองได้ ตอนนี้พิมพ์ไทยยากมาก ต้องพิมพ์ที่อื่นแล้วก๊อบมาลง ไว้ถ้าพิมพ์สะดวกแล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ ขออภัย จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:04:26

ความคิดเห็นที่ 22 ผมว่ารวมหัวต่อต้านเมกา เมกาพังพาบ เรายิ่งพังไปด้วยสิครับ เราก็พึ่งพาเมกาไม่น้อยนะครับ ตลาดส่งออกรายใหญ่ของเราเลยนะนั่น บอกว่าพิมพ์แบงค์เอง พิมพ์เท่าไหร่ก็ได้ ผมว่าฟังแบบนี้มันดูตื้นเขินเกินไปนะ น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น ไม่งั้นเงินดอลล่าร์คงเป็นได้แค่เศษกระดาษ จากคุณ : ^oio^ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:08:28

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่ามันไม่พังหรอก มันจะเป็นลักษณะซอฟท์แลนดิ้ง คือเศรษฐกิจจะไม่ขยายตัวเพิ่ม และอาจจะค่อยๆหดตัว เป็นภาวะถดถอยแบบเป็นขั้นตอน เหมือนที่ญี่ปุ่นเจอภาวะฟองสบู่แตกแต่ก็ยังไม่พังไปทั้งระบบ จะค่อยๆซึมเซื่องไปเลยๆ ปัญหาต่อมาก็คงจะคล้ายๆกันคือหนี้สาธารณะยังต้องสูงต่อไป เพราะคนเมกันจนไม่ลง ทั้งๆที่จะแย่อยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องการบริโภคของดีใช้ของแพงกันอยู่ สุดท้ายก็ต้องออกพันธบัตรไปโปะเรื่อยๆ เพิ่มหนี้ไปเรื่อยๆ จังหวะนี้น่าจะเป็นโอกาสของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างจีนที่จะทะยานขึ้นมาแทน จากคุณ : omega. เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:26:03

ความคิดเห็นที่ 24 คือปู่วอเวน บัพเฟต บอกแล้วครับว่าแก้ปัญหาหนี้น่ะมันไม่ยากหรอกครับ แค่พิมพ์แบงค์ออกมาเรื่อยๆเท่านั้นเองล่ะครับ แต่ว่าเรื่องเงินเฟ้อมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง 555+ : พี่จีน + ญี่ปุ่น 2 ประเทศนี้ถือพันธบัตรสหรัฐเยอะมากนะครับ --> สินค้าส่วนใหญ่ที่สหรัฐก็นำเข้าจากจีน ถ้าเบี้ยวก็ไม่ส่งของแค่นั้นเอง --> จากนั้นคนในประเทศก็จะบ้าตายกันไปเองล่ะครับ ตั้งแต่กระดาษเช็ดก้นยันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไรต่างๆนาๆก็ทำในจีนทั้งนั้นล่ะครับ ใครเคยอยู่ในเมกาจะเข้าใจดีครับ --> เด๊วมันก็ฝ่อตายเอง จากคุณ : น้องหนอนนุ่ม เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:28:09

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าไทยเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐ และสหรัฐจะชักดาบหนี้ เราก็ทำแบบเยอรมันเลยครับ เริ่มจากลำนี้ก่อนเป็นไง มาจอดแวะดีนัก เสร็จเรา 55+ คิดว่าสหรัฐจะกล้ามาเอาคืนไหมครับ จากคุณ : ปีศาจร้ายในตัวผม เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:48:41

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้ามีเวลาว่างมากๆผมจะมาเล่าให้ฟังว่า การพิมพ์แบงค์ของสหรัฐเค้าเลิกใช้ทองคำค้ำประกันกันมาตั้งแต่เมื่อไร อย่างยาวๆให้ฟัง ฟังแล้วจะเข้าใจมากขึ้นครับ สหรัฐเลิกใช้ทองคำค้ำประกันเงินดอลลาร์ตั้งแต่ปี 1971 ครับประกาศโดยประธานาธิปดี ริชาร์ด นิกสัน ซึ่งก่อนหน้านั้นสหรัฐใช้ระบบผูดดอลลาร์กับทองคำไว้ที่ 35 ดอลล่าร์ต่อทองคำหนึ่งออนซ์ครับ (ประมาณ 1.89 บาท) แล้วการันตีว่าใครก็ได้ที่ถือดอลลาร์ไว้สามารถมาแลกทองคำได้ตามอัตราส่วนที่ว่าเอาไว้ คนแรกที่ขอคือฝรั่งเศส ตามด้วยสวิส พอประเทศอื่นจะแลกคืน นิกสันประกาศยกเลิกซะงั้น แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 16:50:38 จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:50:29

ความคิดเห็นที่ 27 ทรัพย์สินพี่กัน ในต่างประเทศไม่มีเลยเรอะครับ ต่อไปเรือรบพี่กันจะไปเทียบท่าไหนได้ ในเมื่อเค้าให้ชำระหนี้ก่อนจะมา ที่สำคัญ ที่เมกันกลัวที่สุด คือผู้ขายแร่ธาตุ พลังงาน ทั้งหลายในโลก จะเลิกประกาศขายเป็นเงินดอลล่าร์ ราคาน้ำมันเงี๊ยะ ทองแดง เหล็ก แบบนี้ พี่กันตายทันทีครับ เพราะไม่มีปัญญานำเข้า เพราะแขก ตาสว่าง งดรับกระดาษพิมพ์สีเขียวแลกน้ำมัน จากคุณ : ตามนั้น เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 15:51:07 A:61.90.78.241 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 28 ช่วยอธิบายเรื่อง การพิมพ์แบ้งค์ ของอเมริกาหน่อยได้ไหม ยังไงก็ยังไม่เข้าใจ จากคุณ : puylogin เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 16:49:34

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 6     จีนคงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ครับ แต่ก้อพอสมควร แต่ถ้าญี่ปุ่นนี่สาหัสแน่ๆครับ จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty)   เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 13:03:01   พี่จีนออกมาเตือนอเมริกาว่าอย่าได้คิดเอาเศรษกิจโลกเป็นตัวประกันครับแสดงว่าจีนก็กลัวหนี้สูญเหมือนกันถ้าอเมริกาอยากเกรียนล่มเศรษกิจตัวเอง จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 17:07:31

ความคิดเห็นที่ 30 จิงๆแล้วอเมริกาเป็นหนี้ภายในประเทศมากกว่าครับ พันธบัตรส่วนใหญ่ถือครองโดยธนาคารกลาง (เฟด) ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเอกชน แล้วก็ภาคประชาชนเป็นส่วนใหญ่ครับ เหมือนที่ญี่ปุ่นที่เค้าบอกว่ามีหนี้สูง 200 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี จิงๆ แล้วส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่กู้กับคนหรือภาคธุรกิจภายในประเทศครับ ย้อนมาที่จีน ถึงแม้ว่าจะครองพันธบัตรสหรัฐฯ มากที่สุดในโลกก็จิง แต่ถ้าเทียบกับสัดส่วนหนี้สินที่สหรัฐฯ ก่อในประเทศเอง ถือว่าน้อยกว่ากันมากครับ จำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้ แต่รู้สึกจะแค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ของหนี้ต่อจีดีพีของสหรัฐฯ เองครับ จากคุณ : unicorn-k เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 17:32:19

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นเขาว่า อาจารย์สอนเด็กมาผิดๆเกี่ยวกับใช้"ทองคำ"เป็นประกันเวลาพิมพ์แบ็งค์ คิดๆดู ชาติอื่นๆนี่ชาติไหนมั่ง ที่ใช้"ทองคำ"เป็นประกันเวลาพิมพ์แบ็งค์? อย่าง ถ้าประเทศไทยนี่ก่อนพิมพ์ต้องใช้ทองด้วย แล้วประเทศไทยเอาทองมาจากไหนมาประกันเงินที่พิมพ์ออกมา คิดๆดูไทยพิมพ์แบงค์ออกมาทั้งหมดเท่าไหร่ ใช้ทองคำกี่ตันประกัน แล้วชาติอื่นๆรวมกันกี่ตัน จากคุณ : TJ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 17:35:29 A:96.244.132.150 X: TicketID:071236

ความคิดเห็นที่ 32 รออ่านของคุณ ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน อยู่ครับ ผมสนใจอยากรู้เหมือนกัน จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 17:40:02

ความคิดเห็นที่ 33 ผมขอฮธิบายพอสังเขบนะครับ เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น ท่านผู้ใดจะอภิปรายก็ยินดีครับ ไม่อยากเล่าตั้งแต่สมัยก่อน ก่อนที่จะมีเงิน คนเราแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรง พอมายุคหลังๆเริ่มใช้สื่อในการแลกเปลี่ยนก็หาอะไรที่หายากๆมีคุณค่าพอที่จะใช้แลกเปลี่ยน เช่น เกลือ เปลือกหอย มาใช้เป็นสื่อกลาง แล้วก็มาใช้ทอง ใช้เงิน มนุษย์เราใช้ทอง เงินเป็นสื่อแลกเปลี่ยนกันยาวนานมากๆ มากกว่า 5000 ปีมาแล้ว เพิ่งมานิยมใช้เงินกระดาษก็ประมาณ 100 ปีนี่เอง เมืองไทยก็ราวๆปลายๆรัชกาลที่ห้า เมื่อสมัยก่อนธนบัตรไม่ใช่แบงค์เหมือนสมัยนี้ (ฝรั่งเรียก Bank Note) แต่มันคือตัวฝากทอง คนที่ค้าขายต้องใช้ทองมากๆมันไม่สะดวกในการพกพาหรือเคลื่อนย้าย เขาก็เอาทองไปฝากไว้ที่ร้านทองใหญ่ๆ ร้านทองก็ออกตั๋วฝากทองให้ ดังนั้นตั๋วฝากทองก็คือธนบัตรนั่นเองเพราะมีค่าเท่ากับทอง มาตอนหลังก็มีปัญหาว่าร้านทองแต่ละร้านออกตั๋วไม่เหมือนกัน เช่นตั๋วใบละกี่ชั่ง ที่บาท ทองบริสุทธิแค่ไหน ร้านเชื่อถือได้หรือไม่ ตั๋วปลอมหรือเปล่า เจ้าเมืองแต่ละเมืองเลยต้องเข้ามาจัดการออกตั๋วให้แทน จะได้มีมาตราฐานเดียวกัน ก็เลยเป็นที่มาว่ารัฐบาลแต่ละที่จะพิมพ์ธนบัตรโดยมีทองมูลค่าเต็มหนุนหลัง เช่นกำหนดว่าข้าวสารหนึ่งถังใช้ทองแลกหนึ่งกรัม ก็กำหนดว่า เงินหนึ่งบาท เท่ากับข้าวสารหนึ่งถัง ก็หมายความว่าเงินหนึ่งบาท เท่ากับทองหนึ่งกรัม (ตัวเลขสมมุตินะครับ) รัฐบาลมีทองเท่าไรก็พิมพ์เงินมาเท่านั้น ประเทศอื่นก็พิมพ์เงินออกมาลักษณะเช่นนี้คือมีทองคำหนุนเต็มมูลค่าเงิน ทีนี้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินก็กำหนดง่ายๆ เช่น 25 ดอลลาร์เท่ากับทอง 1 ออนซ์   ส่วนเงินบาทก็ 625 บาทเท่ากับทอง 1 ออนซ์ ก็คำนวนได้ว่าเงิน 1 ดอลลาร์เท่ากับ 625/25 = 25 บาทนั่นเอง เรียกมาตราฐานการคำนวนแบบนี้ว่า มาตราฐานทองคำ (Gold Standard) โลกเราใช้ระบบแบบนี้มานานมากเหมือนกับตั้งแต่ยุคก่อตั้งอเมริกาเลยก็ประมาณ 200 กว่าปีได้ เพิ่งมายกเลิกคราวกำหนดระบบใหม่เมื่อประชุมที่ Bretton Woods การประชุมครั้งสหรัฐกำหนดง่ายๆว่าต่อไปเงินสกุลอื่นทั่วโลกไม่ต้องไปเทียบกับทองแล้ว ให้เทียบกับดอลลาร์เลย เพราะดอลลาร์ก็คือทองนั่นเอง อเมริกาทำได้เพราะเป็นมหาอำนาจชนะสงครามโลกทั้งสองครั้งมีทหารและอาวุธยิ่งใหญ่มาก ชาติอื่นก็กำหนดไปเลยว่าเงินตัวเองจะแลกดอลลาร์ได้เท่าไร อย่างไทยก็แลกได้ว่า 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เวลามีดอลลาร์ก็เหมือนมีทอง สามารถพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นได้ตามดอลลาร์ที่สะสมเอาไว้ คุ้นๆหรือยังครับ ว่าทำไมทั่วโลกต้องมีทุนสำรองเป็นทองหรือสกุลเงินดอลลาร์ แต่ดอลลาร์นั้นเลิกพูกกับทองสมัยนิกสันเมื่อไม่นานนี่เองครับปี 1971 สมัยหลังสงครามเวียดนามใหม่ๆ เพราะฝรั่งเศส กับสวิสขนเงินดอลลาร์มาแลกทองคืน จนทองจะหมดประเทศอยู่แล้ว นิกสันเลยประกาศยกเลิกซะงั้น ที่อเมริกาใช้เงินดอลลาร์ซื้ออะไรก็ได้ในโลกนี้ เพราะอเมริกาเป็นมหาอำนาจมีกำลังทหารอยู่ทั่วโลก ดอลลาร์เป็นสกุลเงินโลกเพราะรับประกันโดยพระเจ้า “In God We Trust” คุณจะซื้อน้ำมันก็ต้องเอาดอลลาร์ไปซื้อแขกไม่รับเงินบาท อี่นี่ฉานไม่รู้จ๊าก เล่าแบบง่ายๆสรุบๆนะ ถ้าเล่าจริงๆเขียนตำราได้เล่มโตๆเล่มหนึ่งเลย คือณตอนนี้สหรัฐเวลาพิมพ์เงินไม่ต้องไปหาทองให้เมี่อยตุ้ม แค่ออกพันธบัตรไปให้ FED FED ก็จะพิมพ์เงินให้ แล้วเก็บดอกเบี้ยตามพันธบัตร หรือจะขายพันธบัตรให้กับต่างชาติก็ได้เพื่อดูดแบงค์ดอลลาร์ออกมาใช้จ่าย ผู้รับซื้อรายใหญ่ก็จีน กับญี่ปุ่นนั่นแหล่ะ จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 17:42:44

ความคิดเห็นที่ 34 เงินดอลล่าร์ เป็นค่าเงินหลักของโลก ใครๆก็อยากกระหาย อยากที่จะถือครองพันธบัตรอเมริกา อยากจะเป็นเจ้าหนี้อเมริกา โดยการไปซื้อพันธบัตรอเมริกา เพื่อเป็นการประกันตนเองให้มีค่า ------------------------------------------------- สหรัฐอเมริกา ขายพันธบัตร ที่ออกไปประมาณ 14.3 ล้านล้านดอลล่าร์ พูดก็คือ ตอนนี้ อเมริกา มีหนี้อยู่ประมาณ 14.3 ล้านล้านดอลล่าร์ และกำลังจะเพิ่มเพดาน หนี้อีก 2 ล้านล้านดอลล่าร์ *** ผู้ที่ถือ ซื้อพันธบัตรดอลล่าร์ อเมริกา ไว้ ก็คือ มีสิทธิ์ เรียกได้จนเองได้ว่า เป็นเจ้าหนี้ ของ สหรัฐอเมริกา ********* จากคุณ : pp เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 18:22:11 A:184.105.135.37 X: TicketID:326487

ความคิดเห็นที่ 35 อันดับ ผู้ถือพันธบัตรดอลล่าร์อเมริกา ไว้มากที่สุด (เจ้าหนี้รายใหญ่ ของอเมริกา) จากจำนวนหนี้ ที่ว่าของอเมริกา คือ ทั้งหมด 14.3 ล้านล้านดอลล่าร์ --------------------------------------------------------- อันดับ เจ้าหนี้รายใหญ่ ของ สหรัฐอเมริกา ล่าสุดมีดังนี้ อันดับ 1 กองทุนประกันสังคมสหรัฐอเมริกา ถือพันธบัตรอเมริกา - 2.67 ล้านล้านดอลล่าร์ อันดับ 2 ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ถือพันธบัตรอเมริกา - 1.63 ล้านล้านดอลล่าร์ อันดับ 3 ประชาชนอเมริกัน และรัฐบาลอเมริกันท้องถิ่น ถือพันธบัตรอเมริกา - 1.47 ล้านล้านดอลล่าร์ อันดับ 4 กองทุนบำนาญสหรัฐฯ กองทุนตลาดเงินสหรัฐ กองทุนรวมสหรัฐ ฯ ถือพันธบัตรอเมริกา - 1.4 ล้านล้านดอลล่าร์ อันดับ 5 รัฐบาล จีน ถือพันธบัตรอเมริกา - 1.1 ล้านล้านดอลล่าร์ * ธนาคารพาณชิย์สหรัฐ ถือพันธบัตรอเมริกา - 301,800 ล้านดอลล่าร์ อังกฤษ ญี่ปุ่น บราซิล ถือพันธบัตรดอลล่าร์อเมริกา - 1.4 ล้านล้านดอลล่าร์ กองทุนผู้ส่งออกน้ำมัน ถือพันธบัตรอเมริกา - 229,800 ล้านดอลล่าร์ กลุ่มธนาคารแคริบเบียน ถือพันธบัตรอเมริกา - 148,900 ล้านดอลล่าร์ จากคุณ : pp เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 18:22:51 A:184.105.146.16 X: TicketID:326487

ความคิดเห็นที่ 36 ตอนนี้ คนอเมริกัน รวย เศรษฐีอเมริกัน ครองโลก เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ^ บริษัทอเมริกัน ก็รวย และก็ยังครองโลกอยู่เพิ่มขึ้นทุกวัน ^ * แต่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา นั่นแหละ ที่มีปัญหา เช่น ตอนนี้ บริษัทอเมริกันใหญ่ๆ แค่บริษัทเดียว ก็มีเงินมากกว่า เงินสำรองไว้จ่าย ของรัฐบาลอเมริกา ของตนเสียอีก จากคุณ : pp เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 18:26:57 A:184.105.135.37 X: TicketID:326487

ความคิดเห็นที่ 37 ตัวอย่าง คนอเมริกัน ที่เป็นเจ้าหนี้ ของ สหรัฐอเมริกา ตอนนี้ ท่าน วอรเรน บัพเฟ่ต์ ถือพันธบัตรอเมริกา ไว้ประมาณ 45,000 ล้านเหรียญ เท่ากับ ท่าน วอรเรน ได้เป็นเจ้าหนี้อเมริกา อยู่ประมาณ 45,000$ ล้านเหรียญ จากคุณ : pp เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 18:28:04 A:184.105.146.16 X: TicketID:326487

ความคิดเห็นที่ 38 เจ้าหนี้ รายใหญ่้ ที่สุดของ สหรัฐอเมริกา ตอนนี้ คือ กองทุนประกันสังคมสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลางสหรัฐฯ กองทุนต่างๆของสหรัฐฯ กับ และ ประชาชนอเมริกัน ประมาณ 7.2 ล้านล้านดอลล่าร์ จากคุณ : pp เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 18:32:37 A:184.105.146.4 X: TicketID:326487

ความคิดเห็นที่ 39 ถามก่อนว่า อเมริกา จะรบกับตัวเอง เพื่อแย่งชิงชำระหนี้ เหรอ ? เพราะในเมื่อ เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด ของรัฐบาลอเมริกา คือ อเมริกา และ คนอเมริกัน จากคุณ : pp เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 18:41:28 A:184.105.144.5 X: TicketID:326487

ความคิดเห็นที่ 40 ถล่มบินลาเดนแล้วให้ฮ. ทำลายตัวเองก็ทำมาแล้ว 5555555 ป่านนี้ลุงบินนั่งเซี้ยะแพะบูชาเทพเจ้าอยู่มั้ง ไม่เชื่อหรอกว่าตาย อะไรจะลับปานนั้น ศพเศิพต้องรีบถ่วงน้ำ เว่อร์......... แต่ที่แน่ๆ ถือว่าโอบาม่าบริหารประเทศแย่ทำให้เมกาดิ่งลงเหวแบบเนียะ  เหมือนใครน๊าชื่อม่า ม่า ไรเนียะ จากคุณ : ynwtf เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 18:53:57

ความคิดเห็นที่ 41 ข้อมูลของคุณ pp นี่ทำให้อีกหลายๆคนที่คิดว่า จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของอเมริกาหน้าแตกเลย ผมด้วย ไม่ยักรู้ว่าเจ้าหนี้รายใหญ่ของอเมริกาก็คือ หน่วยงานหรือคนอเมริกัน เองนี่สิ จากคุณ : DEVIL PHOENIX HELLSING เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 19:30:04

ความคิดเห็นที่ 42 ได้ความรู้เพียบ เหมือนได้อยู่ห้องสินธรเลย จากคุณ : นักโต้คลื่นคลองแสนแสบ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 20:35:24

ความคิดเห็นที่ 43 จีนเป็นเจ้าหนี้ถือครองพันธบัตรต่างประเทศของสหรัฐที่ใหญ่ที่สุด ถูกต้องแล้วครับ หนี้ในประเทศไม่มีปัญหาหรอก เพราะใช้เงินดอลล่าร์เหมือนกัน หนี้ต่างประเทศถ้าไม่เชื่อถือดอลลาร์แล้วจะมีปัญหาใหญ่ ทุกวันนี้ที่ทองขึ้นราคาเพราะว่าธนาคารกลางแต่ละประเทศทยอยขายดอลลาร์ออกแล้วหันมาซื้อทองแทน จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 20:47:16

ความคิดเห็นที่ 44 ในเมื่อค่าเงินหลักของโลก คือเงิน ดอลล่าร์ ประเทศอื่นๆ ก็ต้องการรักษาเสถียรภาพด้านค่าด้านการเงินของตัวเองให้มีค่า และ ค้ำเงินค่าของตัวเองให้มีค่า่ โดยการ ก็ต้องไปซื้อพันธบัตรดอลล่าร์ไว้ จีน ถือ พันธบัตรดอลล่าร์ อเมริกา ไว้ 1.1 ล้านล้านเหรียญ พูดง่ายๆ จีน เป็นเจ้าหนี้ อเมริกา อยู่แค่ 1.1 ล้านล้านเหรียญ เท่านั้น * ซึ่ง งบประมาณทหาร งบกลาโหม ที่ใช้่จ่ายแต่ละปี บางปี ของสหรัฐอเมริกา ยังมากกว่านี้อีก ---------------------------------------------------- งบ ใช้จ่าย งบกลาโหม ของสหรัฐอเมริกา ประจำปีที่แล้ว 2010 คือ 790,000 ล้านเหรียญ ในปี 2010 งบกลาโหม ของสหรัฐอเมริกา ในแต่ละปี มันมากกว่าเงินงบประมาณรายปี ของหลายๆประเทศเทศในโลกนี้รวมกัน จากคุณ : naka เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 21:06:23 A:199.167.132.223 X: TicketID:326501

ความคิดเห็นที่ 45 ... แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 23:58:15 จากคุณ : ความคิดของเด็กในหมู่บ้าน (Advil) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 21:46:33

ความคิดเห็นที่ 46 เนื้อหาของคุณ pp ถือว่าช่วยเปิดหูเปิดตาผมได้มากเลย จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 21:48:15

ความคิดเห็นที่ 47 ที่บอกว่า อเมริกา เป็นหนี้ ก็เป็นหนี้กับตัวเองในประเทศนั่นแหละ เจ้าหนี้รายใหญ่ก็อยู่ในประเทศตัวเองแทบทั้งหมด เจ้าหนี้ทั้งหลายในประเทศตัวเอง ก็คือ คนอเมริกัน แบงค์ต่าง กลุ่มทุนต่างๆ บริษัทต่างๆ ในอเมริกา ที่ลงทุนซื้อพันธบัตรไว้ อเมริกา เป็นหนี้กับภายในประเทศตัวเอง ประมาณ 11 ล้านล้านดอลล่าร์ จากจำนวนหนี้ทั้งหมดของ อเมริกา ที่มีอยู่จำนวน 14 ล้านล้านดอลล่าร์ จากคุณ : 4321 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 21:49:07 A:118.172.134.33 X: TicketID:326508

ความคิดเห็นที่ 48 อเมริกา ก็เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ของหลายประเทศอื่นๆ ในโลก แล้ว อยากรู้ว่าอเมริกา ซื้อพันธบัตรจีน เอาไว้เท่าไหร่ .... จีน เป็นหนี้ อเมริกา อยู่เท่าไหร่ จากคุณ : 4321 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 21:52:49 A:118.172.134.33 X: TicketID:326508

ความคิดเห็นที่ 49 ตั้งกระทู้ ห้องหว้ากอ แต่ได้ความรู้แบบ สินธร จากคุณ : npn เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 22:24:46

ความคิดเห็นที่ 50 48 จีนไม่ได้โง่ขนาดนั้นครับ ถ้าดอลล่าอ่อนลงจีนก็ลดค่าเงินหยวนลงก็เท่านั้น อเมริกาไม่มีทางได้ค่าโง่จีนหรอกครับ อ้อวันก่อนจีนเพิ่งด่าอเมริกาว่าอย่าทำตัวไร้ความรับผิดชอบกรณีลดความน่าชื่อถือของหนี้ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 11:01:58

ความคิดเห็นที่ 51 ุคุณติ่งหูบ้าฝรั่งรับความจริงไม่ได้กลับมาแล้ว ก๊ากๆ กรุณาไปอ่านของเก่าที่นี่ด้วย http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10858494/X10858494.html จิ่งหูมั่วเช่นเคย หาว่ามะกันถือพันธบัตรจีน ฮ่้าๆๆ มะกันไม่มีเวลาเอาเงินไปทำงั้นหรอก เพราะเอาเงินไปแต่ปล้นน้ำมัน ยิ่งติ่งหูละเมอมั่วนิ่มอีกแล้ว เีรื่อง ของเงินนี่ โลกเราใช้ธันบัตรมาแปดร้อยปีแล้วครับ เริ่มจากที่ซานซี ที่เมืองผิงเหยา สมัยก่อนคนจีนเวลา่มีสมบัติเยอะๆ จะพกเดินทาง ไปไหนถ้ามันหนักเกิน เลยต้องเอาสมบัติไปฝากไว้กับร้านตั๋วแลกเงิน ซึ่งจะมีหลายสาขา และเวลาเดินทางไปไหนก็พกแต่ตัวตั๋วนี้ เพื่อเอาไปใช้จับจ่ายได้ เพิ่มความสะดวก ในสมัยที่โลกสากลใช้เงินนี่ เลยต้องมีมาตรการรับประกันค่าเงินตัวเองด้วยการเอามาแลกกับทองคำที่ตัวเองสำรองไว้ ทีนี้ก็เป็นอย่างที่ว่ามาบนๆแหล่ะครับ ที่ มะกันเลิกระบบนี้ ต่อมาทั่วโลกหลายประเทศ เลยใช้ระบบตระกร้าเงิน คือการถือครองเงินหลายสกุลไว้เพื่อควบคุมค่าเงินของตัวเอง เพื่อสเถียรภาพทาง ศก การถือครองด้วยระบบตะกร้าเงินนั้น ข้อดีคือมีความยืดหยุ่นและค่าเงินที่แท้จริงนั้น ใกล้เคียงกับความเป็นจริง และเหมาะสมที่สุด และการโจมตีค่าเงินก็ยาก แต่จีนไม่ถือระบบตระกร้าเงิน เพราะจีนมีทุนสำรองเยอะมาก จนโจมตียากอยู่แล้ว และจีนต้องการควบคุมค่าเงินหยวนให้อ่อนเข้าไว้ ตามนโยบาย ศก ทำให้มีปัญหากับมะกันบ่อย ที่มะกันชอบโจมตีว่าจีนเล่นไม่ซื่อกับค่าเงิน ทีนี้คือ จีนกับยุ่น ถือครองพันธบัตร มะกันไว้เยอะ จนเกิดสถาณการ์ณกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ต้องซื้อบอน มะกันต่อไป เพื่ออุ้ืมสเถียรภาพทาง ศก ของมะกันไว้ ข้อดีคือ เป็นการดึงให้ค่าเงินหยวน อ่อนลงเพื่อที่จะได้ส่งออกสินค้าได้มากอยู่ มะกันนั้นถือว่า จับจ่ายเกินตัว เกินศักยภาพตัวเองมาก มันคืออเมกันดรีม เช่นที่ติ่งหูบ้าฝรั่ง บ้าหนัก ตอนนี้วอเรนบัฟเฟทเพิ่งออกมาพูด เพื่อปกป้องทรัพ์สินตัวเอง สร้างความเชื่อมั่นให้ ศก มะกัน แต่เอาเข้าจริง นักลงทุนมองเห็นหมดแหล่ะ ตลาดหุ้นทั่วโลกเลยตกเอาหลังการเพิ่มเพดานหนี้ เพราะไม่เห็นวี่แววของการคฃายหนี้ มีแต่เพิ่มๆเพดานหนี้ เคยมีการประชุมของโอเปกกับจีนที่จะใช้เงินหยวนซื้อขายน้ำมัน แต่จีนเบรกไว้ เพราะหากทำเช่นงั้น บอนมะกันที่ตัวเองถือไว้จะยิ่งถูกลง สรุปง่ายๆคือ ศก มะกันจุ๊งไปเยอะจากการใช้จ่ายเกินตัว จีนต้องพยายามอุ้มไว้ เพราะตัวเองะันถือบอนมะกันไว้เยอะ ขนาดที่พยายามไม่เพิ่มบทบาทของค่าเงินหยวนในเวทีโลกในระยะเวลาใกล้ๆนี้ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:03:23

ความคิดเห็นที่ 52 http://wannaratw.tripod.com/fin343_ch7b.htm อันนี้เคลียร์มากทีเดียว จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:07:29