กำลังเขียนหนังสือเหตุการณ์ GT200 และ FFL หาสำนักพิมพ์ครับ
|
 |
สวัสดีครับ
หายไปนานไม่ได้มาอัพเดทอะไรเลย พอดีช่วงนี้อยู่ในช่วงพักร้อน+พักผ่อนหลังจากหมดรอบวงภารกิจที่ French Guiana ครับ วิ่งไปวิ่งมาทั่วฝรั่งเศสไม่ค่อยได้เข้ามาตอบในหว้ากอเท่าไหร่
อีกอย่างคือ เมื่อไม่นานมานี้มีคนเชียร์ให้เขียนหนังสือเล่าเรื่องเหตุการณ์ตอนทำ GT200 กับการ "ดีดตัว" ออกจากประเทศไทยมาเป็น "ทหารรับจ้าง" ที่ฝรั่งเศสนี้ (French Foreign Legion -FFL) นอนคิดไปคิดมาหลายตลบ โดนแดกไปพลางคิดไปพลาง พอมีเวลาพักร้อนหลายสัปดาห์ก็เลยตกลงเขียน ตอนนี้ก็ได้เกินครึ่งแล้วครับ
หนังสือที่จะเขียนเล่มนี้ คนเชียร์และผมอยากจะเขียนให้ออกไปในแนว inspirational ครับ ไม่ได้อยากเขียนเป็นหนังสือแฉ หรือเป็นหนังสือคู่มือขุดทองในต่างประเทศแต่อย่างใด
โดยเป้าหมายที่อยากสร้างแรงบันดาลใจให้ มีสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือคนตัวเล็กๆ โดยเฉพาะเด็กๆ ให้เขาเห็นว่า ต่อให้เราเป็นคนธรรมดาๆ ก็สามารถทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่และส่งผลดีต่อสังคมและประเทศชาติได้ ถ้ามุ่งมั่น อดทน และรู้จักหาหนทางหาโอกาส
ซึ่งก็คงจะใช้เคสของผมเป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะในช่วงที่ผมเที่ยววิ่งเต้นไปวิ่งเต้นมาอยู่คนเดียวเพื่อหาคนหาวิธีการที่จะจัดการกับเครื่อง GT200 ก่อนจะมาพบกับอาจารย์เจษฎา ซึ่งเป็นช่วงที่ท้อแท้เป็นอย่างยิ่งสำหรับผม (ปีกว่าๆ แล้วใครยังจำได้ ช่วงนั้นผมเข้ามาบ่นๆ ในหว้ากอประจำ และได้เปรยไว้ตอนนั้นว่า น้อยใจ จะไปเป็นทหารรับจ้างแล้ว)
*แต่สำหรับเรื่องที่ผมกับอาจารย์เจษฎาได้รับเป็นหัวหอกทะลวงฟันนั้น อาจจะไม่ลงรายละเอียดมากเท่าไหร่ เนื่องจากเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่อีกหลายๆ ท่าน ซึ่งการแฉจะส่งผลไม่ดีต่ออ. เจษและครอบครัวได้ (ตัวผมเองไม่แคร์อะไรเท่าไหร่ตอนนี้) ซึ่งส่วนนี้เอาไว้ อ. เจษ แกอยากหาเรื่องเมื่อไหร่ ให้แกเขียนอีกเล่มออกมาแฉละกัน ฮ่าๆ
สำหรับกลุ่มคนที่สองที่อยากให้แรงบันดาลใจ คือกลุ่มคนที่กำลังมีปัญหากับการอยู่ในระบบของประเทศไทย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ด้วยเคสชีวิตบ้าๆ ของผมจะแสดงให้เห็นว่า ถ้าเรามีความกล้าพอ และอดทนกัดฟันสู้ชีวิตสักหน่อย ก็จะสามารถหาหนทางถีบตัวเองออกมาจาก "เครื่องซักผ้า" ได้ ดังเช่นที่ผมบ้าพลังออกมาเป็นทหารอยู่ที่ฝรั่งเศสและมีชีวิตบัดซบอยู่ในขณะนี้ (แต่ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วนะ อายุงาน 1 ปีครึ่งแล้ว เริ่มมีเด็กใหม่ๆ เข้ามาโดนแดกแทนเรา) จนตอนนี้ ผมเริ่มรู้จักกับคนไทยหลายๆ คนในปารีสและยุโรป ก็เริ่มได้มีโครงการอะไรหลายๆ อย่างกับชีวิตผมเองและสังคมไทย (หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น)
ซึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่มีปัญหากับระบบสังคมไทยนี้ ได้มีพี่นายแพทย์ไทยในยุโรปท่านหนึ่งให้ความกรุณาร่วมเขียนหนังสือกับผมด้วย (ขอไม่บอกชื่อตอนนี้ รอพี่แกเปิดตัวเอง)
ซึ่งพี่หมอคนนี้ก็มีชีวิตในช่วงวัยรุ่นบัดซบน่าสนใจคล้ายๆ ผมเหมือนกัน คือแกเคยเป็นนักเรียนเตรียมทหาร แต่โดนสกัดดาวรุ่งจนอยู่ไม่ได้ ย้ายไปเรียนแพทย์ที่ ม. รัฐ แห่งหนึ่ง ก็มีเรื่องกับอาจารย์ด้วยเหตุจากความเถรตรง จนสุดท้ายเบื่อระบบเมืองไทย โดนใครๆ ตราหน้าว่าไม่มีทางได้ดี จึงหนีออกจากบ้านไปเที่ยวหาทุนตามยุโรปตะวันออกด้วยตนเอง (ตอนนั้นอายุ 16-17!) สุดท้ายได้ไปเข้าโรงเรียนนายทหารที่ประเทศกรีซ! (ทั้งๆ ที่พูดกรีกไม่ได้สักคำ เป็นนักเรียนไทยในกรีซคนแรกด้วย!) จบออกมาจากเหล่าแพทย์ ไปออกสมรภูมิที่บอสเนีย โดนสไนเปอร์ยิงเกือบเป็นอัมพาต! ตอนนี้พี่แกกำลังจะจบเอกใบที่สองจาก Oxford เป็นแพทย์ specialist หนึ่งในห้าคนของโลก! (จะเมพไปถึงไหน...)
ซึ่งเคสของพี่หมอท่านนี้ จะเป็นตัวอย่าง parallel กับชีวิตของผม เปรียบได้กับชีวิตที่ฟันฝ่ามาได้และถึงปลายทางที่สบายแล้ว เทียบกับเคสผมที่ยังอยู่ในช่วงที่ต้องฝ่าฟันอยู่ แต่เป็นยุคปัจจุบัน จึงน่าจะสะท้อนให้เห็นมุมมองหลายๆ ด้านได้ และสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี...
จากคุณ |
:
PastelSalad
|
เขียนเมื่อ |
:
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 54 17:24:53
|
|
|
|