ความคิดเห็นที่ 1 ที่เซี่ยงไฮ้ แค่อากาศในเมืองร้อนมาก เขาก็ทำฝนเทียมกันแล้วครับ ที่ปักกิ่ง ตอนจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิค เขาก็ใช้ฝนเทียมช่วยในการลดปริมาณฝุ่นควันในอากาศ เท่าที่เห็น ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจนะครับ จากคุณ : Tiggy-ข้าวหอม เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 15:57:36

ความคิดเห็นที่ 2 โดยส่วนตัวคิดว่าได้ผลน้อย  เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่มีที่แห้งแล้งแล้วครับ  แล้วทำไมยังทำก็น่าจะเป็นการรักษาพื้นดิน  ป่าเขาและการเพาะปลูก  เหมือนต่อลมหายใจหล่ะ จากคุณ : ย้ง (suanplu) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:03:02

ความคิดเห็นที่ 3 การทำฝนเทียมต้องมีปัจจัยที่เหมาะสมด้วยครับ โดยเฉพาะเรื่องความชื้นในอากาศต้องสูงพอ ถ้าอากาศแห้งมากเกินไปก็ทำไม่ได้เหมือนกัน จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:04:02

ความคิดเห็นที่ 4 ได้ผลครับ ถ้าความชื้นในอากาศมากพอ ก็ทำให้มันเกาะตัวเป็นหยดน้ำแล้วก็กลายเป็นฝนตกได้ ถ้าความชื้นไม่มาก โปรยสารเคมีไปก็เท่านั้น มันเลยมีข้อจำกัด ไม่ใช่ว่าจะทำที่ไหนก็ได้ ส่วนกลุ่มเมฆที่เกิด แล้วฝนจะตก มันก็มีปัจจัยเรื่องลมเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ทำฝนแล้ว ลมพัดเมฆไปไกล ไปตกในที่ที่ไม่ได้ต้องการฝนก็มี จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:08:59 A:183.89.96.127 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 5 จขกท คงเข้าใจว่า ฝนเทียมนี่ทำตรงไหนก็ได้ ทำยังไงก็เกิดทุกครั้ง ทำได้ดั่งใจ ที่ไหนก็ได้ ใช่ไหมครับ  ผมแนะนำให้ลองกลับไปศึกษาอีกสักหน่อยดีกว่า ครับ จากคุณ : หายใจออก เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:09:37

ความคิดเห็นที่ 6 บางที่แห้งแล้งมากๆ ความชื้นในอากาศไม่พอก็ทำฝนเทียมไม่ได้นะครับ อย่างแถวแอฟริกาอากาศแล้งมากเลยทำฝนเทียมไม่ได้รึเปล่า จากคุณ : ***** เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:22:40 A:125.24.71.96 X: TicketID:223134

ความคิดเห็นที่ 7 ถึงจะชื่อว่า "ฝนเทียม"  มันก็ยังต้องพึ่งดินฟ้าอากาศของจริงอยู่ดีจ๊ะ จากคุณ : Fenix_Strike เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:24:45

ความคิดเห็นที่ 8 ฝนเทียมนั้น แท้จริงคือการเร่งปฏิกริยาให้ความชื้นในอากาศควบกลั่นเป็นน้ำฝนครับ แต่ถ้าความชื้นไม่เพียงพอ ก็ทำไม่ได้ครับ จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:30:34

ความคิดเห็นที่ 9 นี่ถ้าเอาเครื่องทำเมฆจากกระทู้ด้านล่าง  มาทำเมฆ  แล้วอาศัยลมพาไปตกในเขตที่กำหนดก็น่าจะเข้าท่า  ถ้าลมแรงพอน่าจะไปได้ไกลเป็นร้อยกิโลนะ จากคุณ : Tangible เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 17:50:09

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าถามว่าได้ผลหรือเปล่า ก็ตอบว่าได้ผล ครับ แต่ควรถามว่า คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่  อันนี้ไม่ทราบครับ จากคุณ : ดงพระเจ้าแดนดิน เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 18:20:17

ความคิดเห็นที่ 11 มันใช่ว่านึกจะทำก็ทำได้ซะที่ไหนล่ะ จากคุณ : นายชอล เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:20:58

ความคิดเห็นที่ 12 สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง โดนรวมแล้วไม่คุ้มทุน จากคุณ : Autster เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:32:39

ความคิดเห็นที่ 13 ที่เขาทำกันอยู่ เพราะ มันได้ผล แต่ไม่ใช่ว่าจะอยากทำที่ไหน เมื่อไร ก็ได้ ต้องดูสภาวะแวดล้อมด้วย แต่ก็มีบางครั้งที่ทำแล้วไม่ตก ก็แสดงว่าครั้งนั้นไม่ได้ผล จากคุณ : อิทธิพงษ์ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:34:52

ความคิดเห็นที่ 14 ฝนเทียม ไม่ได้เสกน้ำขึ้นมาจากความว่างเปล่านะคะ ถึงจะได้ไปเสกให้ตกในพื้นที่แห้งแล้งเมื่อไหร่ก็ได้ แต่มันต้องมีความชื้นในอากาศมากพอ มีลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสม ถึงจะเลี้ยงให้มันอ้วนและตกลงมาเป็นเม็ดฝนได้ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:35:02

ความคิดเห็นที่ 15 ลองไปหาดูหนังสั้นเกี่ยวกับการทำฝนเทียมของโครงการฝนหลวงดูครับ จะเข้าใจมากขึ้นครับ จากคุณ : กวีเหนือ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:36:48

ความคิดเห็นที่ 16 ฝนเทียมเหมือนกระบวนการเร่งให้เกิดฝนมากกว่าจะปั้นฝนขึ้นมาจากความว่างเปล่าครับ จากคุณ : tomorrow night เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 20:02:37

ความคิดเห็นที่ 17 คิดว่าได้ผลครับ   แต่ไม่น่าจะคุ้มทุนซักเท่าไหร่ มันไม่ใช่ว่า เอาเครื่องบินไปโปรยสารเคมี ปาดเป็นเส้นตรงซักสองเส้นแล้วฝนจะตกทั่วจังหวัดนะครับ  ลองนึกสเกลของเครื่องบินกับพื้นที่บนพื้นดินดู จากคุณ : FormatZero เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 20:10:10

ความคิดเห็นที่ 18 ฝยหลวง ที่ได้ผล เพราะ เราสามารถ ควบคุมบริเวณที่มันตกได้ เช่น ให้มันตก ตรงทุ่งนา ตรงนั้นตรงนี้ สมัยเม่อนานมาแล้ว มีชาวต่างประเทศมาดู(ในหลวง รึเปล่า?ๆม่มั่นใจ) คำนวนให้ฝนไปตกเหนือเขื่อน จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 21:35:49

ความคิดเห็นที่ 19 ได้ผล แต่มีเงื่อนไขที่สภาพอากาศด้วย แต่เนื่องจากมีเงื่อนไข มันจึงไม่สามารถจะเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างสารพัดนึก จากคุณ : MAX เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 21:44:52

ความคิดเห็นที่ 20 ประเทศต้นกำเนิดเทคโนโลยีฝนเทียม อย่างสหรัฐอเมริกา ทุกวันนี้ยังไม่ใช้การทำฝนเทียมเลยครับ เขามองว่าเอาเงินค่าทำฝนเทียม ไปจ้างรถขนน้ำแจก คุ้มกว่า มีรายงานวิจัยของอิสราเอลเห็นแวบๆปีก่อน ก็ว่าไม่คุ้ม และอาจเกิดมลพิษจากสารเคมีที่ใช้โปรยอีกด้วย(อันนี้เคยเห็นข่าวของไทย ว่าเครื่องบินที่ไปโปรยสารก็จะผุเร็วกว่าปกติ เพราะโดนสารเคมีกัดกร่อน) ส่วนที่บอกว่าคุ้มเคยเห็นแต่หัวข้องานวิจัยของไทยคร่าวๆ แต่มีข้อกังขาคือ รายงานเทียบพื้นที่ทำฝนเทียม เทียบกับพื้นที่ไม่ทำฝนเทียมลอยๆ แต่ไม่ไปเทียบกับพื้นที่ทำชลประทาน หรือเทียบกับการจ้างรถขนน้ำ ข้อเท็จจริงอีกอย่างคือ งบทำฝนเทียมแต่ละปี ก.เกษตรฯเป็นคนจ่าย(เบิกจากงบประมาณภาษีเราๆท่านๆนี่แหละ)ปีละเฉียดพันล้านบาทครับ แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 54 22:14:04 จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 22:13:31

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ก็มันเป็นฝนหลวงนี้นา จากคุณ : MAXReal เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 00:00:56

ความคิดเห็นที่ 22 อยากฟังลาบเลือดตอบ อยู่ป่าวคะ คุณลาบเลือด แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 01:13:33 จากคุณ : มะเดี่ยวสีเขียวอ่อน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 01:13:24

ความคิดเห็นที่ 23 ได้ผลน้อย ถึง น้อยมากกกกกก ครับ เมือ่ก่อนพื้นที่แถวบ้านผมเคยประสบภัยแล้ง ก็มีหน่วยงานเกษตรมาตั้งจุดทำฝนเทียมที่สนามบิน ไม่ห่างจากบ้านเท่าไหร่ ก็ขี่จักรยานไปดูบ่อยๆ ทีมงานฝนเทียม มาทำอยู่เป็นอาทิตย์ได้มั้งครับ แต่ผลที่ออกมาฝนตกบ้างนิดๆหน่อยๆ แทบจะรองน้ำจากหลังคาบ้านไม่ได้เลย (บ้านผมอยู่ในพื้นที่ที่เขาตั้งใจ ให้ฝนตกด้วยน่ะ)  จนสุดท้ายไปๆมาๆทีมฝนเทียมก็ยกทีมกลับไป จากคุณ : สันปันน้ำ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 07:33:27

ความคิดเห็นที่ 24 อยากรู้ว่าได้มีการวิจัยถึงผลกระทบ จากการทำฝนเทียม มั่งหรือป่าวอ่ะครับ เพราะรู้สึกเหมือน เราไปเร่งปฏิกริยา ให้มันเร็วขึ้น หรือเกิดก่อนกำหนด ก็คล้าย เราเอาของอนาคตมาใช้  มันมีผลกระทบ ต่อเนื่องหรือไม่ครับ เช่นหลังจากทำแล้ว ทำให้ฝนทิ้งช่วงนานขึ้น อะไรแบบนี้  เค้ามีวิจัยกันมั้ย จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 09:03:41

ความคิดเห็นที่ 25 ฝนเทียม ได้ผลในสภาพการณ์ไหนบ้าง  มีบอกไว้ชัดเจนแล้วครับ ในส่วนเรื่องความคุ้ม  บางครั้งเราใช้ความคุ้มมาเป็นเหตุผลหลักไม่ได้  เพราะไม่งั้น  การลากสายไฟไปยังพี่น้องในพื้นที่ไกลๆ ก็ไม่ต้องทำ เพราะมันไม่คุ้ม ฝนเทียมในบางพื้นที่เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะมันไม่มีทางอื่นที่ดีกว่า ไอ้ที่พูดๆ ว่าทำไมไม่ทำแบบนู้น  ทำไมไม่ทำแบบนี้  ผมก็อยากถามเหมือนกันว่า ทำไมพวกคุณ หรือคนที่คุณสนับสนุนอยู่ ไม่ทำซะเองละวะ   ไม่ต้องมาอ้างเรื่องฝนเทียมไม่คุ้ม อยากทำแบบไหนก็ทำไปเหอะ ที่ฝนเทียมต้องทำเพราะพี่น้องประชาชนไม่มีน้ำใช้ คุณแก้ปัญหาเรื่องน้ำได้ ใครจะบ้าทำฝนเทียม จำไว้อย่าง ถ้าฝนเทียมไม่คุ้ม  แต่พี่น้องเรายังเดือดร้อนแล้วสุดท้ายก็ต้องแก้ปัญหาด้วยฝนเทียม   นั่นเป็นเพราะข้าราชการ นักการเมือง และสุดท้ายก็ประชาชนที่เลือกนั่นละ  ไม่เคยคิดจะทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองจริงๆเลย  ดีแต่พล่ามไปวันๆ ฝนเทียม  เป็นโครงการเชิงรับครับ ไม่ใช่โครงการเชิงรุก  นั่นคือ ไม่ใช่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ  เราก็เขียนแผนว่าไปทำฝนเทียมที่นู่นที่นี่ ให้ฝนมันตกไปเรื่อย โครงการทำฝนเทียม  ทำตามการร้องขอของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน   ผมถามนิดเดียวว่า การปล่อยชาวบ้านเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำ จนต้องร้องขอมาที่โครงการนี่ เป็นความรับผิดชอบของใคร แล้วทำไมไม่ใช้สารพัดวิธี ที่ท่านผู้รู้ในห้องนี้เสนอมาว่า คุ้มกว่า ดีกว่า แก้ปัญหาไปละครับ  เพราะคุณไม่ทำ หรือ ทำไม่ได้ ผมก็จนด้วยเกล้า  แต่สุดท้ายมันก็มาจบตรงที่มาขอให้ทำฝนเทียม ถึงตรงนั้นแล้ว คุ้มหรือไม่คุ้ม ก็คงไม่ใช่สิ่งที่ต้องเอามาคิดเป็นหลักใหญ่แล้ว  ขอแค่มีโอกาสที่จะสร้างโอกาสในการมีน้ำให้ชาวบ้านได้ มันก็คุ้มที่จะทำทั้งนั้นละ จำไว้นะครับ  ฝนเทียม ทำตามการร้องขอของชาวบ้าน  ในพื้นที่ที่ชาวบ้านเหล่านั้นไม่ได้รับการช่วยเหลือแบบอื่นเสมอ (เพราะถ้าแบบอื่นมันช่วยได้แล้ว  ใครจะบ้าไปขอฝน) หลายท่านอ้าง ถึงประเทศที่เจริญแล้วที่เค้าเลิกใช้ไป  ถูกครับ  เป็นผม ผมก็เลิก ถ้าประเทศผมได้รับการช่วยเหลือด้วยวิธีอื่นแล้ว   แต่ถ้าประเทศผม เกษตรกรมีความหมายเฉพาะเวลาเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็ดูดายตามยถากรรม ชาวบ้านยังเดือดร้อนอยู่ ผมก็ยังเก็บไว้กันเหนียวเสมอละ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 13:26:03 จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 13:14:49

ความคิดเห็นที่ 26 เฮ้อ.... อ่านมาดีๆ ก็มาจบที่คห. ท้าย ผมว่า เราคงต้องพัฒนาวิศวกร ชลประทานในประเทศให้เก่ง และมีความรู้ทันสมัย มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาให้ได้ก่อน ... คนเก่าๆๆๆๆ ก็ต้องหลีกทางให้คนใหม่ด้วย จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:00:30 A:124.122.64.56 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่า น่าจะกล้าๆ ฟันธง ทำเขื่อนไนไปเลย ถ้าคิดซะว่าถ้าทำไปสัก 30 ปีที่แล้ว ป่านนี้ น่าจะคุ้มกับ งบ 2-3หมื่นล้านเป็นอย่างต่ำละ ... เมื่อนอกเค้าก็มีอุโมงผันน้ำที่เจาะผ่านภูเขาและอะไรอื่นๆ ... บางทีแนวคิด conservative เกินไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:02:27 A:124.122.64.56 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 28 ผมคิดว่าหลายๆ โครงการเช่นโครงการ บริหารจัดการน้ำที่เสนอในยุคปี 48 ก็น่าสนใจ ... และรวมทั้งหลายๆ รัฐบาลก่อนหน้านั้นก็มีการเสนอโครงการแบบนี้มาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้มีการทำ หรือทำได้สำเร็จ ... โดยเพียงอาศัยแค่อำนาจฝ่ายบริหาร จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:04:40 A:124.122.64.56 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 29 #25 คนจ่ายเงินค่าทำฝนเทียม ก็ก.เกษตรฯ งบประมาณมาจากภาษีของเราทุกคน ต้องถามก.เกษตร ว่าทำไมถึงยังดันทุรังทำฝนเทียม โดยไม่ยอมใช้กระบวนวิธีการอื่นที่คุ้มค่ากว่า ตามแบบตปท.? จะด่าก็ต้องด่าก.เกษตร ที่เป็นทั้งคนทำฝนเทียมเองด้วยนั่นแหละ คุณพูดมายังกับว่ามันคนละหน่วยงาน หรือใช้งบจากคนละที่กันซะงั้น คุณอ้างว่าไม่ต้องสนความคุ้มค่า ผิดครับ ต้องสนใจสิ ในเมื่อเรามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า แต่ทำไมไม่ทำ? ตัวอย่างการลากสายไฟของคุณมันก็บ่งบอกในตัวอยู่แล้ว ของจริงถ้าลากไม่คุ้ม เขาก็ไปสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กแทนครับ ตามหมู่บ้านไกลๆ เขาก็ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ หรือเครื่องปั่นไฟ ที่แม้จะแพงกว่าปกติ แต่รวมแล้วมันก็ถูกกว่าการลากสายไฟอยู่ดี ไม่ต้องดันทุรังทำสิ่งที่ไม่คุ้มค่า โดยอ้างไม่มีทางเลือกสักหน่อย พูดตรงๆเลยว่า เอางบปีละพันล้าน ไปจ้างรถขนน้ำไปให้ชาวบ้านที่ร้องขอ ก็ดูยังคุ้มค่ากว่าเลยครับ แถมมลพิษต่ำกว่าด้วย(ตามงานวิจัยของอิสราเอล) ส่วนคำถามว่าทำไมเราต้องเลียนแบบตปท. ก็ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำฝนเทียมให้ประเทศไทยไงล่ะครับ เราก็เลียนแบบเขาแล้ว ทำไมไม่เลียนแบบให้จนจบกระบวนการว่า เขาศึกษาแล้วว่าไม่คุ้มจนเลิกใช้มันแล้วด้วยล่ะ? ในเมื่อคุณเองยังบอกว่าไม่คุ้มค่า แล้วทำไมคุณถึงยังสนับสนุนการดันทุึรังให้ทำอีกล่ะครับ? ผมก็รู้ว่า คุณๆผมๆในหว้ากอคนเดียวคงไม่สามารถผลักดัน หรือเปลี่ยนแปลงโครงการนี้ได้โดยตรง แต่เราไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเองว่ามันคือสิ่งที่ควรทำ ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงคือมันไม่คุ้มค่านะครับ ป.ล. ลองติดตามข่าวการทุจริตในการจัดซื้อสารเคมีในการทำฝนเทียมนะครับ แล้วจะรู้ว่า ทำไมมันถึงซับซ้อนกว่าการจ้างรถขนน้ำเยอะ! จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:37:30

ความคิดเห็นที่ 30 ใช้รถขนน้ำใส่โอ่ง ใส่ถัง ให้ชาวบ้านใช้บริโภคค่าใช้จ่ายน้อยกว่าจริงครับ อันนี้ก็มีการดำเนินการอยู่ครับ แต่ถ้าพื้นที่การเกษตรแถวนั้นแห้งแล้งเอาสัก 10000 ไร่แล้วกันนะครับ ช่วยคำนวณให้หน่อยสิครับจะขนน้ำกี่เที่ยวครับ บางครั้งการทำฝนเทียมจะเร่งการทำฝนให้ตกเหนือเขื่อนก่อนที่กลุ่มเมฆกลุ่มนั้น จะลอยไปตกที่อื่น ถ้าเจอเมฆกลุ่มใหญ่ พื้นที่ที่ฝนตกเป็น 100,000 ไร่ครับ น้ำเข้าเขื่อนระดับ  ล้าน ลบม นี่ทำได้สบายๆเลยครับ ส่วนต่างประเทศที่คุณกล่าวมา ภูมิอากาศเหมือนเราไหมครับ เราอยู่เขตร้อนชื้นฝนตกชุก ซึ่งทำให้มีกลุ่มเมฆฝนมากกว่าบ้านเขาครับจึงได้ผลดีกว่า และสิ่งที่ผมอยากให้คุณเข้าใจ ฝนเทียมที่ทำคือการทำให้ฝนควรตกที่ๆควรตกครับ อย่างพื้นที่เหนือเขื่อนหรือพื้นที่แห้งแล้งครับ  เปิดใจให้กว้างครับลองเข้าไปอ่านดูครับ http://www.royalrainmaking.thaigov.net/ จากคุณ : นักเล่นใบ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 02:09:39

ความคิดเห็นที่ 31 #30 สรุปว่า จะทำให้ฝนตกในที่ๆควรตก(เพื่อกำหนดจุดตกเท่านั้น แต่ปกติก็ตกอยู่แล้ว)? หรือว่าให้มันตกในที่ๆมันไม่เคยตกหรือแห้งแล้งกันแน่? เท่าที่อ่านการทำงานของไทย ก็พบว่าไม่ได้ืำทำให้ฝนตกในที่ๆฝนมันไม่ตก นั่นคือสำหรับชาวนาในที่แห้งแล้งยังไงก็ต้องทำระบบชลประทานหรือเอารถขนน้ำไปอยู่ดี เรื่องเติมน้ำเหนือเขื่อนก็ได้ยินราวกับ myth เพราะสุดท้ายก็เห็นข่าวปล่อยน้ำจากเขื่อนจนใ้ต้เขื่อนน้ำท่วม แล้วพอหน้าแล้งน้ำก็หมดเขื่อนอีกอยู่ดี? งบปีละพันล้าน สิบปี ทำระบบชลประทานได้อีกเยอะเลยนะครับ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 09:45:53

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนสมัยเด็กๆเคยเห็นรถขนน้ำมาแจกนะ แต่ไว้ใช้ตามบ้านเรือน ช่วงหน้าแล้ง แต่แถวบ้านผมหน้าแล้งไม่มีใครเขาปลูกข้าวกันหรอกครับ ถ้าจะบบอกว่าใช้รถขนน้ำมาใช้ในการปลูกข้าวช่วงหน้าแล้ง ผมมองว่ายังไงก็ไม่คุ้ม และก็ถ้าจะทำฝนเทียมช่วงหน้าแล้งให้ปลูกข้าวได้ ก็ไม่คุ้ม ประเทศไทยที่เห็นว่ามีพื้นที่แห้งแล้งกัน เพราะหน้าฝนเก็บน้ำไว้ไม่ได้ครับ ไม่ใช่เพราะฝนแล้งนะครับ จากคุณ : ช่างบ้านนอก เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 10:48:34

ความคิดเห็นที่ 33 รวมความชื้นมาไว้จุดๆเดียว   บริเวณรอบๆความชื้นก็หาย     กลายเป็น จุดๆหนึ่งมีชุ่มชื้นขึ้น   แต่บริเวณโดยรอบแห้งแล้งขึ้น จากคุณ : fdX3S เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 16:26:54

ความคิดเห็นที่ 34 ที่น่าสนใจกว่าคือทำไม ก.เกษตร ไม่พิจารณาเอกสารที่แสดงถึงการบริหารจัดการน้ำของประเทศอื่นๆที่ประสบความสำเร็จแต่กลับเลือกใช้วิธีที่มัน Obsolete และไม่มีประสิทธิภาพ? จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 19:54:20

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่ามันคือการย้ายฝนมากกว่าครับ ถ้าบังคับให้มันตกในพื้นที่ที่ต้องการได้ก็ถือว่าคุ้ม จากคุณ : Mr. Coffee เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 10:47:53