ส่วนตัวผมคิดว่า ภูมิประเทศ น่าจะมีส่วนในเรื่องนี้
เพราะภาคอีสานไม่ติดกับทะเล มีคนอีสานจำนวนมากที่ไม่เคยไปทะเล ทำให้ไม่เคยเห็นหรือไม่รู้จักคลื่นของน้ำสักเท่าไหร่ และในภาพความคิดของคนเรา คำว่า "แม่น้ำ" มักจะหมายถึงทางน้ำมีเป็นน้ำอยู่ในลักษณะไหลไปแบบนิ่งๆ ไม่มีคลื่น พอเกิดคลื่นขึ้นมาที่แม่น้ำ คนก็อุปโลคไปว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ส่วนคนที่เชื่อเรื่องความฝันว่าพญานาคจะโผล่มาอีกครั้ง ถ้าคิดในแง่ร้าย อาจจะแผนที่ทำไปเพื่อดึงดูดคนให้มาเที่ยวที่บึงกาฬเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นๆ ก็เป็นได้
สมัยก่อนเคยจำได้ว่า มีข่าวว่าบรรดานักวิทยาศาสตร์หลายท่านจะยกทีมไปพิสูจน์บั้งไฟพญานาคที่แม่น้ำโขง แต่กลับถูกชาวบ้านบริเวณนั้นต่อต้านอย่างสุดๆ เพราะ กลัวที่จะรับรู้ความจริง และถ้าหากวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ขึ้นมา งานบั้งไฟพญานาคกจะไม่มีความหมายอีกต่อไป
และ ถ้าคิดว่าความฝันเรื่องพญานาคนั่นจะเป็นจริงล่ะก็ ตอนเด็กๆผมเคยฝันว่า ก๊อซซิลล่าจะบุกถล่มเมืองไทย จนถึงทุกวันนี้ ผมยังไม่เคยเห็นจิ้งจกกลายพันธุ์มาเป็นก๊อซซิลล่าสักตัวเลยครับ
"standing wave" คำอธิบายทางฟิสิกส์ของ "พญานาค"
naismayaadventure.wordpress.com/2011/07/02/the-very-weirdest-theories-about-the-loch-ness-monster/ อธิบายไว้ว่า ทะเลสาบล็อกเนส เป็นทะเลสาบที่ยาวและแคบ ค่อนข้างลึก (บึงโขงหลง ก็แคบและยาว เช่นกัน) ซึ่งทำให้เกิดคลื่นแปลกๆ ได้ โดยถ้ามีเรือแล่นลงไปตามตอนกลางของทะเลสาบ คลื่น wake จะเกิดขึ้นแล้วไปกระแทกชายฝั่งทะเลสาบ จากนั้นก็สะท้อนกลับมาที่ตอนกลางอีกครั้ง ทำให้เกิดการแทรกสอดของคลื่นทั้งสอง กลายเป็น คลื่นนิ่ง standing wave ขึ้นมาหลังจากเรือแล่นผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนี้เป็นคำอธิบายถึงการเห็น คลื่น wake ที่เชื่อกันว่าเป็นสัตว์ประหลาดเกิดขึ้นกลางทะเลสาบได้ทั้งๆ ที่ไม่มีลม หรือเรือ อยู่ในขณะนั้นเลย และยังเกิดเป็นเวลานานได้ต่อเนื่อง
