ความคิดเห็นที่ 1 เราติดหวานกันรึเปล่านะ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 18:04:20

ความคิดเห็นที่ 2 ขอตอบส่วนนี้ก่อนแล้วกันเพราะเคยโพสต์ไว้แล้ว //ทำไมบางคนจึงรังเกียจ มีอันตรายหรือไม่? //            มันอันตรายสำหรับในบางคนและในการได้รับปริมาณมาก เพราะ กรดกลูตามิก หรือ กลูตาเมท ครับ ทำให้เกิดอาการภัตตาคารจีนได้             กลูตาเมทมันมีฤทธิ์เป็นสารสื่อประสาทด้วยนะครับ โดยออกฤทธิ์ต่อ glutamate receptor ทั้งสามชนิดคือ NMDA, AMPA และ Kainate receptor             มีผลต่อการเรียนรู้และการทำงานของสมองได้ครับหากได้รับมากเกิน เพราะว่า การกระตุ้น NMDA receptor อย่างต่อเนื่องส่งผลการเป็นพิษต่อเซลล์ในระบบประสาทครับ นั่นคือหากความเข้มข้นของกรดกลูตามิกอาจทำให้เซลล์ประสาทตายได้           ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในเมแทบอลิซึมของกรดอะมิโนหลายชนิด โดยเฉพาะการเมแทบอลิซึมของกรดอะมิโนแอสพาร์เตทและอะลานีน (ใครที่ไปดคยตรวจเลือดอาจเคยเห็นสองค่านี้นะครับคือ AST และ ALT)           นอกจากนี้ที่ synapse ของเซลล์ประสาทหลายชนิดที่ใช้กลูตาเมทเป็นสารสื่อประสาท จะมี glutamate transporter ครับ ซึ่งทำหน้าที่ลดระดับของกลูตาเมทใน synapse ให้มากที่สุด เพื่อยับยั้งการสื่อประสาท ลองคิดดูว่าถ้าได้รับกลูตาเมทในปริมาณมาก นอกจากจะเป็นการกระตุ้น NMDA receptor ที่มากเกินไปแล้ว ยังส่งผลให้ glutamate transporter ทำงานหนักอีก ซึ่งหาก glutamate transporter ทำงานไม่ทันจะส่งผลอย่างมากต่อเซลล์ประสาทดังที่ได้กล่าวไป จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 18:20:34

ความคิดเห็นที่ 3 มีซอสยี่ห้อหนึ่งแถวสมุทรปราการแอบใส่ด้วยครับ ทั้งที่ในฉลากไม่มี แบบว่าแอบใส่โดยใส่กระสอบสีขาวๆ ไม่ติดอะไรเลย ฟังมาจาก คนผลิตเอง แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 54 13:41:44 จากคุณ : aladin34 เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 19:14:36

ความคิดเห็นที่ 4 #2 บอกด้วยซิครับว่าต้องกินไปปริมาณเท่าไหร่ ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จึงจะมีผลดังที่บอกไว้ครับ การบอกแค่นี่ทำให้คนเข้าใจผิดได้ครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 19:44:47

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ เท่าที่ใช้ทดสอบกันในห้องแล็บคือหลักไมโครโมล่าร์ (uM) ครับ เพราะสารสื่อประสาทนั้นไม่ต้องการปริมาณเยอะ ต้องการแค่ปริมาณเล็กน้อยในการทำให้เกิดสัญญาณประสาทเท่านั้น กลูตาเมตในระดับ uM สูงๆ นี่ทำให้เซลล์ตายได้เลยครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 20:02:47 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 19:56:30

ความคิดเห็นที่ 6 ผมหมายความว่า กินผงชูรสไป ขนาดเท่าไหร่ ถึงก่อให้เกิดอาการดังกล่าว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่กินผงชูรสเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็เกิดอาการได้  มิฉะนั้นคงมีคนตายมากมายจากการกินผงชูรส ซึ่งทุกวันนี้มีผสมอยู่ในผงปลุกรสสำเร็จรูปทุกชนิดประมาณ 50% โดยน้ำหนักของทุกผลิตภัณฑ์  และ อย. จะต้องให้มีคำเตือนพิมพ์กำกับไว้ด้วย แต่ไม่มี และไม่เคยเห็นผลิตภัณฑ์ของ ชาติไหนมีครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:10:18

ความคิดเห็นที่ 7 ู^ ^ ที่ผมเขียนใน คห.2 ผมก็เขียนแล้วครับว่าในระดับเซลล์ ผู้อ่านไม่น่าเข้าใจผิดครับ ส่วนเรื่องการกินนั้น จาก MSDS พบว่าในหนู rat หากได้รับโดยการกินมี LD50 อยู่ที่ 16,600 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมครับ หรือ 16 กรัมต่อกิโลกรัม ถ้าเทียบกับช้อนชาเราก็ประมาณ 8 ช้อนครับ http://msds.chem.ox.ac.uk/MO/monosodium_glutamate.html http://msds.pcd.go.th/searchName.asp?vID=1621 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 20:17:25 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 20:16:20 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:15:00

ความคิดเห็นที่ 8 ดังนั้นแล้วคนทั่วๆไป ที่น้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม ไม่ควรกินเกิน 800 กรัม จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:20:26

ความคิดเห็นที่ 9 http://th.wikipedia.org/wiki/Monosodium_glutamate การประเมินความปลอดภัย เนื่องจากผงชูรสถูกจัดเป็นวัตถุเจือปนอาหารชนิดหนึ่ง จึงต้องมีการประเมินความปลอดภัย จากองค์กรวิชาการระหว่างประเทศ โดยในปี พ.ศ. 2530 คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญว่าด้วย วัตถุเจือปนอาหารขององค์การอาหารและเกษตร และ องค์การอนามัยโลก แห่งสหประชาชาติ หรือที่มีชื่อย่อว่า JECFA ได้รับการร้องขอจาก CODEX ALIMENTARIUS ให้ทำรวบรวมงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผงชูรสมาศึกษา ทบทวน และประเมินความปลอดภัย     โดย JECFA ให้ความเห็นว่า ผงชูรสเป็นวัตถุเจือปนอาหารที่มีพิษต่ำ จึงไม่จำเป็นต้องกำหนด ปริมาณบริโภคต่อวัน (ADI Not Specified) ซึ่งเป็นการจัดลำดับความปลอดภัยที่ดีที่สุด เนื่องจากระดับที่คาดว่าอาจจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ สูงกว่าระดับที่บริโภคกันโดยทั่วไปหลายเท่า (โดยทั่วไป ADI จะกำหนดไว้ต่ำกว่าระดับที่อาจจะไม่ปลอดภัยอยู่ที่ 100 เท่า)  แต่อย่างไรก็ตาม JECFA ได้ให้ข้อคิดเห็นว่าควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพียงพอที่จะให้ผล ตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ข้อมูลทางเภสัชวิทยาพบว่าสมองมีกลไกในการควบคุมระดับกลูตาเมตที่ดีมาก รวมทั้งปริมาณกลูตาเมตในกระแสเลือดไม่ได้เพิ่มขึ้นมากภายหลังจากรับประทานอาหารที่มีผงชูรสหรือกลูตาเมต เนื่องจากกลูตาเมตส่วนใหญ่ถูกเมตาบอลิสมภายในเซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร กลูตาเมตส่วนเกินและ ถูกขับออกจากร่างกายโดยไม่มีทำให้เกิดการสะสมของกลูตาเมตในกระแสเลือด จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:26:42

ความคิดเห็นที่ 10 ู^ ^ แต่อย่าลืมนะครับว่า 16600 มิลลิกรัม/กิโลกรัม นี่คือโดสตายครึ่งหนึ่ง แต่มันจะมีโดสอีกอันหนี่งที่เรียกว่าทำให้เกิดอาการพิษครึ่งหนึ่งด้วยครับ (TD50) ซึ่งผมหาข้อมูลไม่ได้ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:26:43

ความคิดเห็นที่ 11 http://th.wikipedia.org/wiki/Monosodium_glutamate อาการไวต่อผงชูรส     ในปี ค.ศ. 1968 มีรายงานในวารสาร New England Journal of Medicine   บรรยายถึง กลุ่มอาการที่เกิดหลังจากรับประทานอาหารจีน 15-30 นาทีหรืออาจช้าถึง  2  ชั่วโมง แต่หายไปเองโดยไม่มีผลระยะยาวตามมา อาการเหล่านี้ได้แก่ "ชาตามต้นคอ แล้วค่อยๆลาม มาที่แขนสองข้าง หลัง และมีอาการอ่อนเพลีย ใจสั่น" ซึ่งภายหลังเรียกกลุ่มอาการนี้ว่า  กลุ่ม อาการภัตตาคารจีน (Chinese Restaurant Syndrome; CRS)  1. การประเมินของ JECFA (พ.ศ. 2530): ในการทดลองที่วางแผนอย่างดีและการใช้เทคนิค controlled double-blind crossover พบว่าไม่มีความสัมพันธุ์ระหว่างกลุ่มอาการภัตตาคารจีน และการบริโภคผงชูรสแม้ในผู้ที่เข้าร่วมการทดลองซึ่งอ้างว่าตนเคยมีอาการดังกล่าว ส่วนรายการจากการสำรวจ ที่พบว่ามีอาการเหล่านั้น เกิดจากการออกแบบการทดลองและใช้แบบ สอบถามที่ไม่เหมาะสม 2. รายงาน FASEB (พ.ศ. 2538): รายงานของ FASEB ต่อสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FDA ยืนยันว่าการบริโภคผงชูรส ในปริมาณที่เหมาะสมนั้นทำได้โดยปลอดภัยและยังไม่พบ อาการระยะยาวที่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตามรายงานนี้กล่าวว่า อาการระยะสั้น ที่เรียกกันว่า MSG Symptom Complex นั้นอาจเกิดในคนสองกลุ่ม    กลุ่มที่ 1 เกิดกับกลุ่มคนที่มีปฏิกิริยาหลังจากทานผงชูรสในปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งหากทานอาหารที่มีผงชูรสในขณะที่ท้องว่าง โดยปริมาณมากนี้ กำหนดไว้ที่ 3 กรัมขึ้นไปต่อมื้อ   และอีกกลุ่มที่มีอาการที่เกิดจากผงชูรสคือคนที่มีโรคหอบหืดประจำตัวรุนแรง อาการ MSG Symptom Complex ที่ชี้แจงโดยการศึกษานี้รวมไปถึงอาการ ชา แสบร้อน ผิวตึง ปวดแน่นหน้าอก ปวดหัว คลื่นใส้ หัวใจเต้นเร็ว ง่วงซึม และอ่อนแรง ในกรณีคนเป็นโรคหอบหืดอาจจะมีอาการหายใจ ลำบากด้วย แต่การศึกษาเรื่องเฉพาะเจาะจงในกลุ่มนี้ยังไม่ปรากฏผลที่แน่นอนเชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม มีผู้นิยมผงชูรสวิจารณ์ว่า การทดลองของ FASEB นี้ให้ผู้ทดสอบรับประทานผงชูรส ที่อยู่ในรูปแค๊ปซูลหรือสารละลาย ซึ่งไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับการบริโภคผงชูกับ พร้อมอาหารได้ 3. รายงาน ANSFA: รายงานเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2545 พบว่ามีประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของประชากร มีอาการผิดปกติหลังรับประทานอาหาร แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าความผิดปกติดังกล่าวนั้น มีสาเหตุ มาจากผงชูรส เพราะว่าในการทดลองไม่ได้บอกถึงปริมาณของผงชูรสที่ใช้อย่างไรก็ตามรายงานนี้ยืนยัน ได้ว่าคนที่มีอาการแพ้ผงชูรสนั้นมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์   4.งานวิจัยของไทย: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2526) (ภก.ศ.(พิเศษ)ดร.ภักดี โพธิศิริ, ยุพิน ลาวัณย์ประเสริฐ, ศ.นพ.วิชัย ตันไพจิตร และ ผศ.ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต) รายงานในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดการตอบรับต่อกลุ่มอาการ “ภัตตาคารจีน” กับการบริโภคโมโซเดียมกลูตาเมต พบว่าในกลุ่มตัวอย่างคนไทยมีไม่ถึง 1% มีเกิดอาการดังกล่าว หลังจากรับประทานอาหารที่มีผงชูรสจากอดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีการศึกษาวิจัยทางวิชาการใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าการบริโภคผงชูรสในอาหารจะมีผลต่อทางชีวเคมี หรือทางจุลกายวิภาค เช่นการเกิดกลุ่ม อาการภัตตาคารจีน อย่างไรก็ตามการรับประทานผงชูรสในจำนวนที่มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดการทนต่อ สารอาหารไม่ได้ (food intolerance)ซึ่งเป็นอาการที่ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาทางระบบภูมิคุ้มกันแต่อย่างใด จึงแตกต่างจากการแพ้ (allergy) แม้ว่าจะมีอาการคล้ายคลึงกัน และมักเกิดจากหลายสาเหตุซึ่งบางครั้ง ก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดมาได้อย่างไร แก้ไขเนื่องจาก เนื้อหาตกหล่น แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 20:50:42 จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:47:04

ความคิดเห็นที่ 12 #10 ขออภัยผมหาข้อมูล TD ไม่พบ เหมือนกับว่าอาจไม่ได้มีการกำหนด TD สำหรับ monosodium Glutamte อาจเป็นเพราะผลการศึกษายังไม่ได้ข้อสรุป จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 21:15:39

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเทียบความเป็นพิษระหว่าง เกลือแกง กับ ผงชูรส อันไหนมีพิษมากกว่าครับ จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 00:24:15

ความคิดเห็นที่ 14 ค่า LD50 ของผงชูรส เท่ากับ 16,600 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม(ในหนู) ค่า LD50 ของเกลือแกง เท่ากับ 3,000 - 8,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม(ในหนู)  เกรงว่า เกลือแกง จะอันตรายมากกว่าครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 00:41:29

ความคิดเห็นที่ 15 แต่ถึงแม้ว่าเกลือแกงจะอันตรายกว่าผงชูรส แต่เกลือแกงมีความสำคัญต่อการมีชีวิตอยู่มากกว่า ผงชูรสครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 00:43:04

ความคิดเห็นที่ 16 อาการจากผงชูรส ไม่ได้เกิดในการทดลองสั้นๆ ครั้งเดียว อย่างผมเป็นคนที่ไวต่อผงชูรส  คงเป็น 1% ที่ว่านั่นแหละ ไม่มีอาการใดๆ เมื่อรับเข้าไปครั้งแรก แต่จะมีอาการเมื่อรับทานต่อเนื่องสองสามมื้อขึ้นไป อาการที่เกิด ที่บอกว่าระบุแน่ชัดไม่ได้นั้น คาดว่าเพราะการทดลองไม่ได้ทดลองต่อเนื่องเป็นเวลานานพอ หัวใจเต้นเร็วทั้งที่ไม่ได้ออกแรง บางครั้งถึงกับเต้นผิดจังหวะจนสังเกตได้ชัดเจน ง่วงนอน แต่นอนไม่หลับ หยุดหายในขณะหลับจนสะดุ้งตื่น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เวียนหัว บ้านหมุนตอนเช้า เดินชนโน่นนี่บ่อยๆ อารมณ์แปรปรวน โกรธง่าย หงุดหงิดง่าย หวาดกลัวง่าย ตื่นเต้นตกใจเกินกว่าเหตุ (panic) ไฮโปไกลซีเมีย หิวเกินเหตุ ทั้งที่เพิ่งกินมาสองสามชั่วโมง หิวจนเป็นลม (ทั้งที่ปกติไม่กินอะไรทั้งวันยังได้) ปวดหัว ความดันขึ้น ลิ้นชา ทานอาหารปกติไม่รู้รสชัดเจน มือเท้า ชา อยากอ้วกเมื่อทานมื้อที่มีชูรสจำนวนมาก ผิวหนังไวต่อการระคายเคือง ปัสสาวะบ่อยมากๆหลังจากรับเข้าไปประมาณ 5-6 ชั่วโมง อาการทั้งหมดเกิดเมื่อรับผงชูรสต่อเนื่องกันหลายมื้อ หรือเกิดในครั้งเดียวเมื่อได้รับมากๆ เช่น ครั้งละหนึ่งช้อนแกง สังเกตว่า อาการไฮโปไกลซีเมีย เป็นอาการเริ่มต้นของโรคเบาหวาน ซึ่งเกิดขึ้นกับทุกคนก่อนโรคเบาหวานจะดำเนินมาจนเต็มขั้น ไฮโปไกลซีเมีย คืออาการขาดน้ำตาลในเลือด ซึ่งเกิดจากกลูตาเมตไปรบกวนระบบสั่งงานปกติของการหลั่งอินซูลิน ตับอ่อนจึงผลิตออกมามากเกินไป หรือผลิตต่อเนื่องนานเกินที่ควรจะเป็นจากการถูกรบกวน หากอินซูลินเกินเป็นเวลานาน ต่อเนื่องหลายปี ร่างกายอาจต่อต้านอินซูลินโดยปรับการตอบสนองอินซูลินลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีอาการไฮโปไกลซีเมียอีก แต่กลับเกิดอาการของโรคเบาหวานขึ้นมาแทน โดยร่างกายจะจับกลูโคสเข้าเซลน้อยลงเมื่อเทียบกับปริมาณอินซูลิน(ความไวลดลงมากๆ) ปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นๆ จนเป็นภาวะของเบาหวานประเภทสองเต็มขั้น อย่าคิดว่าคุณจะปลอดภัยเมื่อทานนอกบ้าน ทุกร้าน โดยเฉพาะในแหล่งที่มีการแข่งขันสูง มักใส่ชูรสไปเป็นช้อนแกงต่อจาน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ระบุข้างซองสิบถึงยี่สิบเท่า ข้างซองบอกว่าใช้เพียง 0.5 กรัม ซึ่งคือปลายช้อนกาแฟ แต่บรรดาแม่ค้าพ่อค้าใส่ลงไปหนึ่งช้อนแกง !!! แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 11:29:06 จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 11:24:18

ความคิดเห็นที่ 17 จากคุณ : My life in Japan. เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 20:48:27