ความคิดเห็นที่ 1 ไอน้ำที่พ่นออกมาได้ก่อรูปเป็นเมฆไอน้ำขนาดมหึมารูปโดนัทล้อมรอบดาวเสาร์ โดนัทนี้กว้างใหญ่กว่ารัศมีของดาวเสาร์ถึงกว่า 10 เท่า แต่มีความหนาประมาณรัศมีของดาวเสาร์เท่านั้น เอนเซลาดัสโคจรรอบดาวเสาร์โดยอยู่ห่างจากดาวเสาร์ประมาณเท่ากับ 4 เท่าของรัศมีดาวเสาร์เอง พร้อมกับพ่นน้ำเป็นพวยออกมาเติมให้แก่ก้อนเมฆนี้ตลอดเวลา          แม้เมฆรูปโดนัทนี้จะมีขนาดใหญ่โตมหึมา แต่ไม่มีใครเคยตรวจพบก้อนเมฆนี้มาก่อนเลย เนื่องจากไอน้ำโปร่งใสในย่านแสงที่ตามองเห็น แต่มองเห็นได้ในย่านรังสีอินฟราเรดที่กล้องเฮอร์เชลรับรู้ได้ นักดาราศาสตร์พบน้ำในบรรยากาศของดาวเสาร์เป็นครั้งแรกในปี 2540 โดยกล้องไอเอสโอขององค์การอีซา ในครั้งนั้นได้ทำให้นักดาราศาสตร์ต่างงุนงงว่าน้ำนั้นมาจากไหน จนกระทั่งเฮอร์เชลค้นพบเบาะแสคำตอบในครั้งนี้ จากการสร้างแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์เผยว่าน้ำประมาณ 3-5 เปอร์เซ็นต์ที่พ่นออกมาจากเอนเซลาดัสจะตกลงสู่ดาวเสาร์ แม้จะเป็นส่วนน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นปริมาณที่มากพอจะอธิบายถึงแหล่งที่มาของน้ำที่พบบนดาวเสาร์ได้ ไอน้ำที่ส่วนที่เหลือบางส่วนจะลอยออกไปในอวกาศ บางส่วนจะคงอยู่ในวงแหวน และบางส่วนก็ตกลงไปบนดวงจันทร์ดวงอื่นด้วย จากคุณ : jiks2006 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 02:27:22

ความคิดเห็นที่ 2 ข็อมูล ของ ดวงจันเอนเซลาดัส บริวารดาวเคราะห์ในระบบสุริยะที่วงการดาราศาสตร์จับตามองมากที่สุดในขณะนี้ เห็นจะไม่มีดวงไหนเกิน ดวงจันทร์เอนเซลาดัส ของดาวเสาร์ เนื่องจากขณะนี้ยานแคสซีนีกำลังโคจรรอบและสำรวจดาวเสาร์กับบริวารอยู่รวมถึงเอนเซลาดัสด้วย และข้อมูลเบื้องต้นจากแคสซีนีก็พบสิ่งน่าสนใจบนดวงจันทร์นี้หลายด้าน จนวารสาร ไซนซ์ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้ตีพิมพ์รายงานการวิจัยหลายฉบับที่เน้นเรื่องของเอนเซลาดัสเป็นพิเศษ นักดาราศาสตร์ได้สงสัยมาเป็นเวลานานแล้วว่าดวงจันทร์เอนเซลาดัสอาจเป็นต้นกำเนิดของอนุภาคน้ำที่พบในวงแหวนอีของดาวเสาร์ การสำรวจจากยานแคสซีนีก็ได้สนับสนุนทฤษฎีนี้ นับตั้งแต่ปี 2548 แมกนีโตมิเตอร์ของยานได้พบหลักฐานว่าอาจมีบรรยากาศของผลึกน้ำแข็งห่อหุ้มดวงจันทร์ดวงนี้อยู่ และเชื่อว่าเอนเซลาดัสมีแหล่งน้ำที่เป็นของเหลวอยู่ใต้ผิวลงไปไม่มาก ซึ่งอาจเป็นแหล่งของน้ำพุที่พบในซีกใต้ด้วย จากคุณ : jiks2006 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 02:33:17

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากนั้นก็พบว่าที่ซีกใต้ของดวงจันทร์ในบริเวณที่สงสัยว่าจะมีน้ำอยู่ใต้พื้นผิวมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ต่อมาการสังเกตการบังดาวฤกษ์ของเอนซาลาดัสก็ยืนยันว่าดวงจันทร์นี้มีบรรยากาศอยู่จริงเหนือบริเวณดังกล่าว ภาพจากแคสซีนีที่เผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายนก็แสดงชัดเจนว่ามีพวยของน้ำพุพุ่งออกจากพื้นผิวในบริเวณซีกใต้ของดวงจันทร์ พ่นอนุภาคน้ำแข็งออกสู่อวกาศไกลหลายร้อยกิโลเมตร นักดาราศาสตร์เชื่อว่าอนุภาคเหล่านี้น่าจะมาจากแหล่งน้ำที่อยู่ใต้พื้นผิว นั่นแสดงว่าเอนเซลาดัสมีลักษณะเหมือนกับดวงจันทร์ยูโรปาและแกนีมีดของดาวพฤหัสบดีซึ่งมีแหล่งน้ำใต้ดินเหมือนกัน จากคุณ : jiks2006 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 02:33:58

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ข้อแตกต่างที่สำคัญก็คือ แหล่งน้ำของยูโรปากับแกนีมีดอยู่ลึกลงไปหลายกิโลเมตรใต้พื้นผิวที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง ส่วนแหล่งน้ำของเอนเซลาดัสอาจอยู่ลึกเพียงไม่ถึงสิบเมตรเท่านั้น การค้นพบเหล่านี้ทำให้เอนเซลาดัสเป็นอีกที่หนึ่งที่มีโอกาสค้นพบสิ่งมีชีวิตเช่นกัน สิ่งจำเป็นขั้นต่ำสุดสำหรับสิ่งมีชีวิตประกอบด้วย น้ำ แหล่งกำเนิดความร้อน และอินทรีย์สาร ซึ่งเอนเซลาดัสมีครบ แคสซีนีพบมีเทนและสารประกอบคาร์บอนใกล้ขั้วใต้ นักดาราศาสตร์เชื่อว่าหากมีอยู่จริง สิ่งมีชีวิตบนเอนเซลาดัสอาจเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กแบบเดียวกับที่พบบริเวณปากปล่องไฮโดรเจนที่พบบนโลก ดวงจันทร์เอนเซลาดัสของดาวเสาร์ ถ่ายภาพโดยยานแคสซีนีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ภาพขาวดำทางซ้ายมองเห็นพวยขนาดใหญ่ใกล้ขั้วใต้ของเอนเซลาดัส ส่วนภาพแปลงสีทางขวาแสดงพวยที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก (ภาพจาก NASA/JPL/Space Science Institute) จากคุณ : jiks2006 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 02:35:28

ความคิดเห็นที่ 5 การค้นพบที่สำคัญก่อนหน้านี้คือ ร่องยาวหลายร่องทางซีกใต้ของดวงจันทร์ ซึ่งนักดาราศาสตร์เรียกว่า "ลายพาดกลอน" ซึ่งเป็นช่องที่มีไอน้ำจากภายในพุ่งออกมาสูงถึง 430 กิโลเมตรสู่บรรยากาศ สิ่งนี้เป็นการยืนยันชัดเจนว่าใต้พื้นผิวของดวงจันทร์นี้มีน้ำที่เป็นของเหลวอยู่จริง แม้จะยังไม่ทราบว่าแหล่งพลังงานที่ให้ความร้อนแก่ดวงจันทร์และขับให้ไอน้ำพุ่งออกมาคืออะไรก็ตาม ยานแคสซีนีจะเฉียดเข้าใกล้ดวงจันทร์เอนเซลาดัสอีกครั้งในปี 2551 ขณะนี้ทางคณะของโครงการได้ปรับเปลี่ยนแผนสำรวจเพื่อเน้นการสำรวจเอนเซลาดัสโดยเฉพาะแล้ว และคาดว่าดวงจันทร์ดวงนี้จะต้องเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญในการสำรวจของโครงการต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน *นักดาราศาสตร์เชื่อว่าใต้พื้นผิวน้ำแข็งของเอนเซลาดัสมีเป็นแหล่งน้ำที่อยู่ในรูปของเหลวอยู่ โดยได้รับความร้อนจากหินร้อนด้านล่าง เมื่อความดันน้ำมากขึ้น น้ำจะแทรกผ่านช่องระบายขึ้นสู่พื้นผิวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นไอน้ำและละอองน้ำแข็ง (ภาพจาก NASA/JPL/Space Science Institute) จากคุณ : jiks2006 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 02:36:19

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณข้อมูลจาก   http://thaiastro.nectec.or.th/news/2006/news20060302.html   จากคุณ : jiks2006 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 02:37:11

ความคิดเห็นที่ 7 ว้าว  สุดยอดเลย จากคุณ : นินจาจัง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 02:43:36

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านสนุกดีครับ ขอบคุณสำหรับบทความ ^^~ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 02:50:50

ความคิดเห็นที่ 9 ดวงจันทร์เอนเซลาตัสเล่นสงกรานต์กับดาวเสาร์ หึ หึ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 03:36:34

ความคิดเห็นที่ 10 อยากไป จัง จากคุณ : Kratos,z เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 03:48:26

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วน้ำที่อยู่บนดวงจันทร์ มันจะหมดตอนไหนหรือได้รับจากที่อื่นอีกไม่มีหมด สิ่งมีชีวิตจะเป็ยังไงถ้ามีจริง จากคุณ : Nympa เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 04:16:35

ความคิดเห็นที่ 12 ตามลิงค์ไปดู แม้กระทั่งลิงค์ฝรั่ง ไอ้คำว่า ลายพาดกลอน มันอยู่ตรงไหนหรือครับพี่ อันนี้อยากทราบแค่รากศัพท์น่ะครับ ผมก็อยากรู้ว่าคนแปลไทยใน สมาคม เขาเอามาจากไหนหรือครับจะได้เอาไปศึกษาต่อ ขอบพระคุณครับ จากคุณ : ขอความรู้ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 05:03:47 A:180.214.218.244 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 13 ผมสงสัยเหมือนกันครับว่าถ้าพ่นน้ำไปเรื่อยๆแบบนี้ น้ำบนดวงจันทร์เอนเซลาดัสจะมีวันหมดไหม? จากคุณ : นายเบียร์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 05:29:10

ความคิดเห็นที่ 14 ว้าว... วันหยุดนี้ไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนที่ดวงจันทร์ของดาวเสาร์กันดีกว่า แช่ออนเซ็นไปพลางจิบเบียร์เย็นๆ ชมบรรยากาศวงแหวนของดาวเสาร์ไปพลาง อืม......แต่น้ำพุอุณหภูมิ 273K นี่มันเกือบศูนย์เซลเซียสนี่หว่าลืมไป จากคุณ : omega. เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 07:26:05

ความคิดเห็นที่ 15 #12 ในข่าวภาษาอังกฤษมีลิงก์ไปที่ข่าวเก่าอีกอันนึง http://www.skyandtelescope.com/news/3310881.html?page=1&c=y ใช้คำว่า "tiger stripe" -- ก็แปลมาตรงตัว จากคุณ : แมวสีหมอก เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 08:31:27

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับผม _/_ จากคุณ : คห 12 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 08:42:42 A:180.214.216.187 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 17 น้ำที่่ว่านี่คือ H2O เลยหรือนี่ จากคุณ : นักกวีจากเงามืด เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 09:48:47

ความคิดเห็นที่ 18 ภูเขาน้ำระเบิด น่าไปเล่นเนอะ ของโลกมันร้อนเกินไป จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 10:35:27

ความคิดเห็นที่ 19 อืม น่าคิด จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 10:38:51

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าเราสามารถใช้ H2O เป็นเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเดินทางในอวกาศ ก็จะมีแหล่งเติมพลังงานได้ทุกดาวที่แวะสินะ เป็นไปได้ไหมว่า มนุษย์ต่างดาวก็อาจใช้หลักการนี้ ทำให้ไปได้ไกลๆ ไปเรื่อยๆ จากคุณ : sommass เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 11:31:35

ความคิดเห็นที่ 21 #20 ไปได้ใกล ใช่ ว่า เราจะไม่แก่ น่ะครับ -  - จากคุณ : jiks2006 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 11:43:30

ความคิดเห็นที่ 22 นึกว่าดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์แกสเสียอีก... จากคุณ : ปลาซาบะสีทอง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 16:20:54

ความคิดเห็นที่ 23 ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์แก๊สก็ถูกแล้วนี่ครับ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 18:57:28

ความคิดเห็นที่ 24 ขอถามโง่ๆว่า จาก#1 ที่บอกว่า เป็นเมฆไอน้ำรอบๆดาวเสาร์ ทำไมมันไม่เป็นน้ำแข็งครับ ในอวกาศมันเย็นมากนี่นา แต่อุณหภูมิเท่าไรผมจำไม่ได้ ทำไมมันถึงมีสภาพเป็นเมฆไอน้ำได้ครับ จากคุณ : @Lfa7D เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 21:30:21

ความคิดเห็นที่ 25 เอ๊..ถ้ามีอากาศ ก็คงมีสิ่งมีชีวิตน่ะสิ จากคุณ : ck_mus เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 21:54:55

ความคิดเห็นที่ 26 มีหินหลอมเหลวใต้ผิวดาวด้วยเหรอ จากคุณ : Sakuder เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 09:30:44

ความคิดเห็นที่ 27 ผมอยากรู้กระบวนการที่ทำให้น้ำพุ่งสูงขนาดนั้นมากกว่า ที่แรงดึงดูด 1 g กับแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิดบนโลก ยังไม่ทำให้น้ำพุ่งสูงขนาดนั้นเลย อะไรที่ทำให้น้ำพุ่งออกไปไกลได้ขนาดนั้นเนี่ย จากคุณ : ดุก เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 09:46:27

ความคิดเห็นที่ 28 พ่นไอ่น้ำ 250 kg ทุกวินาที ก็เท่ากับปีละ 7,884 ล้าน kg ต่อปี แล้วมันพ่นแบบนี้มากี่ปีแล้วล่ะเนี่ย น้ำไม่มีหมดเหรอครับ? จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 12:19:11

ความคิดเห็นที่ 29 นั่นสิสงสัยว่ามันไม่หมดเหรอ จากคุณ : xnone เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 13:25:16

ความคิดเห็นที่ 30 คห.24 กลุ่มเมฆวงแหวนไอน้ำรอบๆดาวเสาร์ที่เห็นนั่นเป็นเกร็ดน้ำแข็งครับ แต่มันเล็กละเอียดมาก และไม่ได้รวมตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็งใหญ่ๆ ลองนึกถึงหิมะที่ตกมาเป็นฝอยๆครับ แต่นี่มันจะเป็นฝอยเล็กกว่านั้นมาก ไม่ใช่กลุ่มไอน้ำ จากคุณ : omega. เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 13:33:35

ความคิดเห็นที่ 31 เท่ห์ จัง !!! จากคุณ : luckycatty เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 15:20:38

ความคิดเห็นที่ 32 เจ้าดาวบริวารพวกนี้ถ้าส่งยานสำรวจไปขุดเจาะมีโอกาสเจอแร่ที่มีค่าไหมครับ จากคุณ : มาลีโอ้ มั่วเลอะ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 16:27:22 A:223.207.63.150 X: TicketID:172582

ความคิดเห็นที่ 33 คำนวนแบบมั่วๆ วินาทีละ 250 กิโลกรัม นาทีละ 250*60 = 15,000 กิโลกรัม ชั่วโมงละ 15,000 * 60 = 900,000 กิโลกรัม วันละ 900,000*24 = 2,160,000 กิโลกรัม ปีละ 2160000 * 365  = 7,884,000,000 กิโลกรัม น้ำ 1 กิโลกรัมประมาณว่า = 1 ลิตร 1000 ลิตร = 1 ลูกบาศก์เมตร 7,884,000,000 ลิตร = 7,884,000  ลูกบาศก์เมตร 7,884,000  ลูกบาศก์เมตร = 7.884 ลูกบาศก์กิโลเมตร รัศมีของดาว 513/2   = 256.5  กิโลเมตร ปริมาตร = พาย * r * r * r =380,842,803 ลูกบาศก์กิโลเมตร ฉะนั้นใช้เวลาทั้งหมด 380,842,803/7.884 = 48,305,784 ปี ก็จะหมดแล้ว แต่จริงๆคงไม่ถึงเพราะดาวมันไม่ใช่น้ำทั้งหมด ว่าแต่มันพ่นมากี่ปีแล้วอ่ะ จากคุณ : OffRoadMan เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 18:11:27

ความคิดเห็นที่ 34 ดวงจันทร์เอนเซลาดัส อาจจะมีอีกหนึ่งกระบวนสร้างน้ำก็ได้นะครับ มันเลยไม่มีวันหมด จากคุณ : C a e l u s เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 20:17:34

ความคิดเห็นที่ 35 เอ่อ น้ำในที่นี้คือ H2O เลยหรอครับ เค้ารู้ได้ยังไงครับ จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 21:39:34

ความคิดเห็นที่ 36 อวกาศยังมีอะไรที่น่าแปลกอีกเยอะเลยเนอะ จากคุณ : ป่านฉะนี้เธออยู่ดีไฉน เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 23:20:21

ความคิดเห็นที่ 37 นอกจากพ่นน้ำแล้ว หรือดาวดวงนี้ยังมีความสามารถดูดธาตุ จากอวกาศมาทำปฏิกิริยาทางเคมี เกิดเป็น H2O จากคุณ : กระจั๊วเรนเจอร์ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 23:54:06

ความคิดเห็นที่ 38 เราอาจจะปลิวๆมาจากแถวนั้นก็ได้เนาะ จากคุณ : เป็ดสวรรค์ เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 54 00:08:45

ความคิดเห็นที่ 39 เวลาที่ผมไปทำงานไกลๆ ผมก็มักจะฝากความคิดถึงของผมผ่านพระจันทร์ไปถึงคุณแฟน หลักการน่าจะคล้ายๆกัน จากคุณ : ใส่พริกเม็ดเดียว เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 54 03:27:21

ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อเทียบกับความรู้บนโลกกับจักรวาลแล้ว มันแค่น้อยนิด ฉะนั้นมนุษย์จะสงสัย งงงวย เรื่องต่างๆในจักรวาลก็ไม่แปลกอะไร จากคุณ : hellojob เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 13:10:11

ความคิดเห็นที่ 41 เกิดคำถาม  ถ้าน้ำบนโลกพ่นออกไปในอวกาศในปริมาณระดับเดียวกัน ใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะหมด จากคุณ : xbrilliant (redzaaboom) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 11:16:51

ความคิดเห็นที่ 42 ^^ สักวันเวลาจะไขปริศนาที่เราสงสัยได้เอง มากด 3 อย่าง   กดโหวต กดถูกใจ กดเข้าคลังกระทู้ จากคุณ : ที่จริงแล้วเป็นเทวดา เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 00:02:52