สิ่งที่ประเทศเกาหลีตอบแทนให้แก่ประเทศไทยในปัจจุบัน
การสร้างอนุสาวรีย์ที่ก่อสร้างอนุสาวรีย์เชิดชูวีรกรรมทหารไทยขึ้น ที่ตำบลอุนชอน (Unchon-ri) จังหวัดโปวอน
(Pochon-kun) มณฑลเกียงกี (Kyonggi-do) ทางทิศเหนือของกรุงโซล
มีโครงการทหารไทยกลับไปเยือนประเทศเกาหลีในทุกปี
บริษัทของประเทศเกาหลีที่เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทยได้ให้สิทธิในการพิจารณาให้ทุนการศึกษา
แก่บุตรหลานทหารผ่านศึกเกาหลี และพิจารณา เข้าทำงานในบริษัท
อนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกเกาหลี
๑. อนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกเกาหลีที่สร้างขึ้นในประเทศไทย
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีดำริให้จัดสร้างอนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกเกาหลีขึ้น ที่กรมทหารราบ
ที่ ๒๑ รักษาพระองค์ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในบริเวณค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับอนุชนรุ่นหลัง จะได้ระลึกถึงวีรกรรมของทหารไทยผู้เป็นบรรพชนในอดีต ที่ได้ร่วมรบกับกองกำลังสหประชาชาติสร้างเกียรติประวัติการรบ ไว้จนได้รับสมญานามจากชาติพันธมิตร
ว่า พยัคฆ์น้อย อันหมายถึง นักรบร่างเล็กแต่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ สำหรับรูปแบบของอนุสาวรีย์ จำลองมาจากอนุสาวรีย์เชิดชูวีรกรรมทหารไทยในสงครามเกาหลี ที่ตำบลอุนชอน จังหวัดโปชอน สาธารณรัฐเกาหลี
ในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ของทุกปี จัดให้มีพิธีวางพวงมาลาเนื่องใน วันที่ระลึกทหารผ่านศึกเกาหลี
๒. อนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกเกาหลี่ที่สร้างขึ้นในสาธารณรัฐเกาหลี
ในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๑๖ ประธานาธิบดี ปาร์คจุงฮี แห่งเกาหลีใต้ ได้มีคำสั่งให้จัดสร้างอนุสาวรีย์เชิดชูวีรกรรม
ทหารไทยขึ้น ที่ตำบลอุนชอน (Unchon-ri) จังหวัดโปวอน (Pochon-kun) มณฑลเกียงกี (Kyonggi-do) ทางทิศ
เหนือของกรุงโซล เพื่อเป็นเกียรติ และรำลึกถึงคุณความดีของทหารไทย ที่เสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตปฏิบัติ
การรบร่วมในกองบัญชาการสหประชาชาติในสงครามเกาหลี กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ กำหนดก่อสร้าง
อนุสาวรีย์เชิดชูวีรกรรมทหารไทยขึ้น ตัวอักษรภาษาเกาหลีบนอนุสาวรีย์ เป็นชื่อ อนุสาวรีย์วีรกรรมทหารไทย
ในสงครามเกาหลี (Monument Dedicated to Royal Thai Armed Forces in the Korean War)
ผลที่ประเทศไทยได้รับจากสงครามเกาหลี
๑.ในฐานะประเทศสมาชิกสหประชาชาติประเทศไทยได้แสดงให้ทั่วโลกได้ทราบจุดยืน ในการธำรงไว้
ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ และเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ
ต่อสันติภาพ นับว่าประเทศไทย ได้ปฏิบัติตามพันธกรณีโดยครบถ้วน ประเทศไทยได้ปฏิบัติตาม
พันธกรณีของสหประชาชาติโดยครบถ้วน
๒. ทหารไทยได้ปฏิบัติหน้าที่ในยุทธบริเวณ ภายใต้ธงของสหประชาชาติ เทียมบ่าเทียมไหล่พันธมิตร
อื่นด้วยความองอาจ กล้าหาญ และอดทน นอกจากจะต้องต่อสู้ข้าศึก ที่มีกำลังเหนือกว่าแล้ว และในฤดูหนาว
ทหารไทยต้องกัดฟันต่อสู้กับอากาศที่หนาวจัดอย่างทารุณร้ายและในภูมิประเทศอันทุรกันดาร แต่ทหารไทย
คงยังปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง และด้วยความมีวินัย มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทหารไทยผลัดแรก
ได้เคลื่อนที่ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจ ถึงกรุงเปียงยางนครหลวงของเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน
๒๔๙๓ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ทหารไทยส่วนนี้เพิ่งจะเดินทางไปถึงประเทศเกาหลีเพียง ๒ สัปดาห์เศษ เท่านั้น
๓. ทหารไทยซึ่งมีกำลังน้อยกว่า แต่อาศัยวินัย ขวัญ ความคล่องแคล่ว กล้าหาญ และผู้บังคับบัญชาที่
กล้าหาญ เด็ดขาด สามารถพิจารณาเหตุการณ์และตกลงใจถูกต้อง มีความสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงใจ
นั้น ๆ ได้โดยตลอด จึงเข้าตี ที่มั่นข้าศึกซึ่งอยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบกว่าฝ่ายเรามาก สามารถยึดที่มั่นสำคัญ
ไว้ได้หลายแห่ง เช่น การรบที่พอร์คชอป เป็นต้น
๔. หมู่เรือรบไทยและหน่วยบินลำเลียงของกองทัพอากาศไทย ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ด้วยความ
อดทน เข้มแข็ง ตรากตรำทั้งกลางวันกลางคืน โดยมิได้พรั่นพรึงต่อภยันตรายใด ๆ และไม่ว่าลักษณะ ลมฟ้า
อากาศจะเป็นประการใด จนภารกิจเหล่านั้นลุล่วงไป
๕. ทหารไทยทั้งสามเหล่าทัพได้รับความรู้ บทเรียน และประสบการณ์ในการรบตามแบบและการรบนอกแบบ
รวมทั้งได้เรียนรู้การใช้อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ที่ใช้ในสงครามคราวนี้ และได้นำความรู้ บทเรียน และประสบ
การณ์ ซึ่งจะหาจากที่อื่นไม่ได้ นอกจากในสนามรบเท่านั้น กลับมาใช้ในการป้องกันประเทศชาติ นับเป็นบทเรียน
และประสบการณ์อันทรงคุณค่า เป็นคุณประโยชน์ต่อการป้องกันเอกราชและอธิปไตยของชาติในเวลาต่อมา
๖. บรรดาผู้ที่ได้ไปราชการสงครามเกาหลี ได้แสดงถึงความมีระเบียบวินัยอันดี กิริยามารยาทอันสุภาพ อ่อนน้อม
ความสามัคคีกลมเกลียวกัน ลักษณะอุปนิสัย ขนบธรรมเนียมประเพณี และศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม ของไทย
ให้เป็นที่ปรากฏแก่ชาวต่างประเทศ นับเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของประเทศชาติเป็นอันมาก
๗. การไปร่วมรบในสงครามเกาหลีเป็นโอกาสที่ทหารไทย ได้เห็นเหตุการณ์และปฏิบัติการรบในสงครามจริง
อันเป็นการส่งเสริมความรู้ในทางวิทยาการ และบังเกิดความชำนาญในการรบ และเหตุการณ์ บางเรื่องที่จำเป็น
ต่อความมั่นคงปลอดภัยของชาติ เช่น การส่งกำลังบำรุงและการรักษาพยาบาล การสื่อสารคมนาคมใน
ยุทธบริเวณที่กว้างขวาง การควบคุมเชลยศึกจำนวนมาก
๘. ทหารและพลเรือนที่ได้ไปเห็นสภาพของเกาหลี ที่ได้รับภัยพิบัติจากสงครามครั้งนี้ ล้วนตระหนักถึง
ความหายนะ ที่เกิดขึ้นจากการที่ชนในชาติแตกความสามัคคีเพราะความหลงผิด ไปเชื่อฝ่ายที่นิยม
คอมมิวนิสต์ ถึงกับเกิดการรบรา ฆ่าฟันกันทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด เกิดความระส่ำระสาย ตลอดจน
ได้เห็นความทารุณของฝ่ายที่นิยมคอมมิวนิสต์อย่างชัดเจน
๙. เป็นการปลุกใจทหารของชาติและเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนตลอดจนประชาชนพลเมืองของชาติ
ให้สามัคคีกัน ในอันที่จะป้องกันและต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่จะรุกรานประเทศไทย
๑๐. การที่ประเทศไทยส่งทหารไปร่วมรบกับกองกำลังสหประชาชาติ เพื่อยับยั้งมิให้กองทัพฝ่าย
คอมมิวนิสต์ยึดครองเกาหลีใต้ได้ จนทำให้ฝ่ายที่นิยมคอมมิวนิสต์ไม่สามารถใช้คาบสมุทรเกาหลี
ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ เผยแพร่อิทธิพลต่อลงมาในภาคตะวันออกไกลและเอเชียอาคเนย์
นับว่าเป็นการสกัดภัยอันตรายและความเดือดร้อนที่อาจจะลุกลามลงมาถึงประเทศไทย .