ความคิดเห็นที่ 1 ต้องขยายความ "ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว" และทำไม? จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 12:58:21

ความคิดเห็นที่ 2 จะเล่น self-contradiction เรอะครับ ถ้า  "ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว" เป็น false ครับ ถ้า ท่านคิดว่า "ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว" เป็น true หรือ false ครับ. ไม่มีคำตอบ จากคุณ : panote_saechiew เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:02:39

ความคิดเห็นที่ 3 เป็น false ครับ ในมุมมองของผม เพราะ"ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว"เป็นความต้องการแบบหนึ่ง จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:04:58

ความคิดเห็นที่ 4 false วิภวตัณหา? จากคุณ : guerilla gorilla เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:25:03

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่า false ครับ จากคุณ : MoMelyz เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:33:35

ความคิดเห็นที่ 6 false ครับ ผมคิดแบบคุณ  Disorder ใน คห. 3 เป๊ะเลย จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:37:01

ความคิดเห็นที่ 7 ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาแสดงถึงผลของ การซ้อน นิเสธ และภาวะที่มี หรือไม่มี?? จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:37:09

ความคิดเห็นที่ 8 แปลอีกแบบคือ  ยัง ต้องการ  "ไม่ต้องการอะไรแล้ว" จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:42:30

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไม่ต้องการ ไม่ต้องการอะไรแล้ว จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:48:25

ความคิดเห็นที่ 10 หมายถึง ถ้าเลือกได้ แล้วจะเลือกไม่ได้ ถ้าเลือกไม่ได้ แล้วจะเลือกได้ หรือครับ ทำไม ยังไง จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:50:56

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าศึกษาเรื่องเซนสุดท้ายมันจะเป็น true  ครับ แม้ขั้นตอนมันจะเป็น  false เหมือนต้องการจิตสงบ  แต่มันไม่สงบเพราะความต้องการ  แต่จริงแล้วมันสงบขึ้น มันเป็นควอนตั้ม  ...   มั่วไป จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 13:57:06

ความคิดเห็นที่ 12 เหมือนบอกว่า  ฉันจะรักเธอจนตาย  คณิตศาสตร์จะแปลความหมายว่าเป็น  true   แต่ส่วนใหญ่อาจะเป็น false  การใช้คณิตศาสตร์จึงอธิบายบางเรื่องไม่ได้....มั่วอีก จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 14:03:31

ความคิดเห็นที่ 13 ไปค้นใน พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม วิภวตัณหา (ความทะยานอยากในวิภพ, ความอยากในความพรากพ้นไปแห่งตัวตนจากความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งอันไม่ปรารถนา อยากทำลาย อยากดับสูญ, ความใคร่อยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ — craving for non-existence; craving for self-annihilation) เพราะฉะนั้นคิดว่าfalse ครับ แย้ง คห. 11 อืม วิชาตรรกะของทางพุทธนี่ลึกจริงๆ คิดว่าไม่ออกนอกประเด็นทางคณิตศาสตร์นะครับ เพราะใช้วิชาตรรกะเหมือนกัน ไปค้นคำว่าวิภพต่อในวิกิ วิภพ หรือ วิภวะ เป็นศัพท์ที่ปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เป็นศัพท์ที่สื่อความหมายในทางปรมัตถ์บัญญัติ (ความหลุดพ้นจากกิเลส) โดยปกติมักใช้คู่กับ วิภวตัณหา ซึ่งเป็นศัพท์หมายความในทางสมมุติบัญญัติ (ความไม่หลุดพ้นจากกิเลส) วิภพ เมื่ออยู่ศัพท์เดียวแปลตรงตัวว่า ไม่มีภพ หรือ ความไม่มีอะไร หรือ ไม่มีความอยาก ตรงข้ามกับ ภพ ซึ่งแปลว่าความมีความเป็น (ความมีกิเลสตัณหา มีภพมีชาติ ซึ่งเป็นต้นเหตุของทุกข์) ดังนั้นจึงมีผู้กล่าวว่าวิภพเป็นไวพจน์แห่งนิพพาน[1] คือ เป็นสภาวะที่หลุดพ้น ไม่มีความอยาก หลุดพ้นเพราะไม่มีกิเลสตัณหา นั่นเอง สรุปคือต้องปล่อยวางความต้องการหรือไม่ต้องการ (งงมั้ยเนี่ย) ถึงจะtrue ครับ ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ชอบคำอธิบายนี้ครับ http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/book009/page17.html จากคุณ : guerilla gorilla เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 14:17:26

ความคิดเห็นที่ 14 คำนี้มีลักษณะความหมายคล้ายกับ คำว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ล้วนไม่แน่นอน" จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 14:18:38

ความคิดเห็นที่ 15 False ง่ายๆเลย จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 14:45:44

ความคิดเห็นที่ 16 คำถามต่อไป ปัจจัยไหนที่จะทำให้ "ไม่ต้องการทุกสิ่ง" เป็น true จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 14:46:58

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ  คห  13   สรุปคือต้องปล่อยวางความต้องการหรือไม่ต้องการ (งงมั้ยเนี่ย) ไม่งงครับไม่ต้องอ้อมไปทำความเข้าใจอะไรมากมายเลย  ...   จริงแล้วคือไม่มีที่วางของจิต  ต้องการ  ไม่ต้องการ  มันก็ไม่มี  สุดท้ายความว่างก็ไม่มี ถึงว่าสุดท้ายมันจะมุ่งไปที่  true   แต่ขั้นตอนมันไม่ใช่  true  ทางคณิตศาสตร์สรุปว่า true แต่ถ้าใช้ข้อสรุปทางคณิตศาสตร์   true  ไปสรุปผลทางจิตมันก็ทำให้ผลลัพธ์อย่างอื่นมัน เพี้ยนไป การศึกษาศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งอย่างเดียวถึงแม้จริงในศาสตร์นั้น  แต่อีกศาสตร์อาจไม่ใช่ น่าจะมี  ศิลป  อื่น  มาเป็นตัวแปลด้วนนะ...  อาจจะได้คำตอบแปลกๆเิพิ่ม แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 54 15:06:02 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 15:02:28

ความคิดเห็นที่ 18 ปัจจจัยที่จะให้เป็น True ผมว่าคือการไร้ซึ่งความอยาก ไม่สนใจต่อสิ่งที่จะเกิด หรือไม่เกิด คือจะได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ได้ จะเกิดขึ้นก็ได้ ไม่เกิดขึ้นก็ได้ จากคุณ : popcorn2519 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 15:04:33

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นทั้ง True และ false ในเวลาเดียวกัน คล้ายๆ Schrodinger's cat จากคุณ : เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการโผ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 15:12:48

ความคิดเห็นที่ 20 ความต้องการในการปล่อยวางในความต้องการด้านอื่นๆ ก็เป็นความต้องการอย่างนึงสินะ ~ ลึกซึ้ง ~ จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 15:14:05

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบ ไม่ต้องการ อะไรเลย แม้แต่ ไม่ต้องการอะไรเลย จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 16:48:27

ความคิดเห็นที่ 22 ณ จุดที่เราตั้งปณิธานว่า 'ไม่ต้องการ อะไรเลย แม้แต่ ไม่ต้องการอะไรเลย' ความคิด ณ จุดนั้นก็เป็นความต้องการอย่างนึงแล้วหรือเปล่าครับ? จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 16:58:05

ความคิดเห็นที่ 23 ความต้องการในการปล่อยวาง ....มันมีสองอารมณ์ครับ ถ้าอยู่ในอารมณ์ของความต้องการแล้ว ยังเรียกว่า วิภวตัณหา แต่ถ้าอยู่ในอารมณ์ปล่อยวาง คือ วิสังขารแล้ว จิตตั้งมั่น ไม่ปรุงแต่งแล้ว สองสถานะมันแตกต่างกันครับ อย่างพระอรหันต์ท่านก็มีจิตตั้งมั่นแล้ว  ไม่มีการปรุงแต่ง ไม่มีการมา ไม่มีการไป  ปราศจากตัณหา ภวตัณหา หรือแม้แต่วิภวตัณหา จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 17:04:26

ความคิดเห็นที่ 24 ผมก็ ขำๆไปงั้นๆแหละ พูดให้ งง เล่น จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 17:04:38

ความคิดเห็นที่ 25 I think therefore I am(exist) ..Descartes จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 17:04:47

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ความรู้สึกว่า ไม่ต้องการ อะไรเลย แม้ไม่ต้องการอะไรเลย มันก็ไกลคำว่าต้องการอย่างใดอย่างนึงมากกว่านะ ผมว่า จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 17:09:29

ความคิดเห็นที่ 27 เออ.. น่าคิด อารมณ์เหมือน นิพพานที่เขาถกกันอยู่ ว่าอนัตตา หรืออัตตา แต่พระพุทธเจ้าบอก นิพพาน ไม่ใช่ทั้งอัตตา และไม่ใช่ทั้งอนัตตา คือ ไม่ใช่ไร้ตัวตน และไม่ใช่ตัวตน .. มันคืออะไร และสุดท้าย ความว่างเปล่า ก็คือการมี "มีความว่างเปล่า" ผมยอมแพ้ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งบนดวงดาวสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 17:47:01

ความคิดเห็นที่ 28 ปัจจัยที่จำทำให้เป็น true คือการปฏิบัติ ...ประพจน์นี้ดูท่าจะไม่มีทางเป็นจริงบนเวบบอร์ด จากคุณ : guerilla gorilla เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 18:21:37

ความคิดเห็นที่ 29 จุดมุ่งหมายที่ใช้คำนี้ เพราะ คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้นั่นแล คน"ว่าง" ไม่บอก คนบอก น่ะ ไม่ "ว่าง" กลับไปประเด็น free will นั้น มี แต่ เราจะมองไม่ออกว่านั่นเป็น free will หรือเปล่า จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 18:26:22

ความคิดเห็นที่ 30 คือการเป็นตัวกลาง แต่ไม่เป็นตัวนำ มีการรับ และส่งต่อ แต่ไม่ได้บิดเบือน หรือหักเห กล่าวคือไม่ได้เป็นปัจจัยแห่งการประกอบเป็นเหตุ นี่คือ นิพพาน ส่วนปัจจัยที่ทำให้เป็น TRUE เพราะ 3BB ยังเข้าไม่ถึงครับ (จ่ายเดือนละ 107 บาทฟรีๆ...เซ็ง) จากคุณ : น้ำนอง เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 19:16:01

ความคิดเห็นที่ 31 คำว่า อะไร แปลว่า อะไร เจ้าคะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 19:17:54

ความคิดเห็นที่ 32 คิดมากปวดหัว ลงมือปฏิบัติดีกว่า แล้วจะค่อยๆ หมดคำถามไปเอง55555 เดี๋ยวถึงจุดนั้นก็รู้เอง มีทางให้เดิน เดินตามทางไปเรื่อยๆ เมื่อถึงก็รู้เอง ไม่ได้ช่วย จขกท ตอบคำถามเลยอ่ะ (เพราะตอบไม่ได้5555) จากคุณ : chaos_r เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 20:43:13

ความคิดเห็นที่ 33 The Only Thing Certain Is Uncertainty. จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 20:47:19

ความคิดเห็นที่ 34 แล้วมันเกี่ยวกับ Free will ตรงใหนง่ะ หรือผมโง่อยู่คนเดียว จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 21:04:05

ความคิดเห็นที่ 35 จาก คำที่ว่า "ผมไม่ต้องการทุกสิ่ง" มีความหมายได้ 2 สถานะ 1. False คือการ need สถานะ "ไม่ต้องการ" 2. True คือ สถานะว่างเปล่า ใครจะเอาอะไรมาให้ก็ ... ไม่ให้ก็ ... ร้อนก็ ... หนาวก็ ... ทุกคำที่ มนุษย์สร้างขึ้นปราศจากความหมายใดๆ ผู้ที่บรรลุจุดนี้แท้จริงมีสถานะ True ----------------------------------------------------------------------------------------- Free Will ก็มี 2 สถานะ 1. False คือ สถานะที่ผู้อื่นกล่าวตู่ทุก will ว่ามันไม่ฟรี 2. True คือ ภาวะ Free Will จริงๆ ที่ไม่มีคนไปกล่าวตู่ว่าอันนี้ไม่ใช่ Free Will สำหรับการกล่าวตู Will ต่างๆ ก็เหมือนที่ ทุกคนมักกล่าวอ้างว่า ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว อนาคตมองเห็นได้ชัดเจน นั่นเป็นการกล่าวตู่ will ให้ไม่ Free แต่ภาวะ Free Will จริงๆ จะเป็น Free ของตัวมันเอง ซึ่งคนทั่วไป ก็เข้าไม่ถึงอีกเช่นกัน จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 23:23:35

ความคิดเห็นที่ 36 :-) ped พวกคุณตกเลขกันหมดเลยใช่ไหม "ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว" ไม่ใช่ประพจน์ ดังนั้นจึงไม่สามารถหาค่าความจริงได้ว่าเป็น เท็จ หรือ จริง ทำไมไม่ตอบอย่างนี้กันสักคน หรือ "ผมอ่านไม่หมด" ต่อมา "ไม่ต้องการทุกสิ่ง" ปัจจัยไหนที่ทำให้ มันมีค่า่ความจริง เป็นจริงได้ ก็ต่อเมื่อมันเป็นประพจน์ "ไม่ต้องการทุกสิ่ง" ไม่ใช่ประพจน์ ดังนั้นมันจึง indetermistic จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 01:23:00

ความคิดเห็นที่ 37 #27 นิพพาน คือ สภาวะของจิต เมื่อ หมดทุกข์ ครับ  ไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะ อนัตตา หรือ อัตตา ไม่ใช่ประเด็น จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 01:25:25

ความคิดเห็นที่ 38 งง   มึน    ไม่เข้าใจทั้งคำถาม และคำตอบ จากคุณ : precham เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:12:15

ความคิดเห็นที่ 39 ประเด็นคือ จะมองว่ามัน เป็นประโยคนิยาม หรือ ประโยคประพจน์??? ถ้าเป็นประโยคนิยาม ผม = ไม่ต้องการอะไรแล้ว ไม่มี True มี False หรืออีกนัยคือ ต้องถือว่าประโยคนี้เป็น True เสมอ เป็นการกำหนดว่า "ผม" กับ "ไม่ต้องการอะไรแล้ว" เป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ ถ้า เป็นประโยคประพจน์ (ผม == ไม่ต้องการอะไรแล้ว) ก็จะต้องดูว่า เคยนิยาม ผม = ไม่ต้องการอะไรแล้ว หรือไม่ ถ้าเคย และตรง ประโยคนี้จะเป็น True ถ้าเคย และไม่ตรง ประโยคนี้จะเป็น False ถ้าไม่เคย ประโยคนี้จะเป็น undefined Edit : ให้ครบถ้วนขึ้น แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 11:08:25 จากคุณ : Hoo เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:52:38

ความคิดเห็นที่ 40 โดนคุณ Satan_baby แซวซะไปไม่ถูกเลย --------------------------------------------------------- ผมเองไม่ถนัดภาษาไทย แปลงเป็น ภาษาคณิตศาสตร์ซะด้วย สมัยก่อนเรียนตรรกศาสตร์ มีคำถามแนวที่ว่า ถ้า นายสมชาย ชอบสีแดงแล้ว นายสมชายไม่ชอบสีเหลือง ---------------------------------------------------------- ประเด็นนี้จำเป็นต้องกำหนดนิยาม ผม = ไม่ต้องการอะไรแล้ว ตามที่คุณ Hoo ตอบมานั่นแหล่ะครับ จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:30:53

ความคิดเห็นที่ 41 เราจะพาไปถึงอีกคำถาม ใน คณิตศาสตร์ ที่คาบเกี่ยวกับศาสนาอีก 1 คำถามว่า "จุด" อยู่ตรงไหนครับ? จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:31:43

ความคิดเห็นที่ 42 คงประมาณว่า ใช้กิเลส เพื่อ ฆ่ากิเลส เมื่อถึงทางแล้ว ก็ปล่อยวาง กิเลสที่ฆ่ากิเลส ลง จากคุณ : popy เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 16:23:40 A:203.144.240.232 X: TicketID:281397

ความคิดเห็นที่ 43 "ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว" ผมไม่ต้องการ คือ ความปราถนาที่ไม่อยาก ได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง อะไรแล้ว ต้องตีความ อะไร คือ สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์(รูปนาม) หรือ อะไร คือ วัตถุ สิ่งของ สถานที่ หรือ ความรู้สึก เป็นอะไรได้บ้าง ตรงนี้ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากไม่รู้วัตถุประสงค์ ของ คำว่าอะไร เพราะเมื่อพูดในสถานะการณ์ที่ต่างออกไปความหมายของคำว่าอะไรดังกล่าวมันก็เปลี่ยนไป เช่น กินข้าวเสร็จแล้ว มีคนถามว่าต้องการของหวานเพิ่มไหม คนกินข้าวเสร็จตอบว่า ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว ความหมาย อะไรในที่นี้ หมายถึง ไม่ต้องการอาหารอะไรเพิ่มอีกแล้ว ประมาณนี้ จากคุณ : popy เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 16:51:50 A:203.144.240.232 X: TicketID:281397

ความคิดเห็นที่ 44 เอ่อ เอาง่าย ๆ เคยรู้สึกตัดสินใจผิดพลาดมั้ยแบบว่า แหมตูไม่น่าเลือกแบบนี้เล้ยย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่เลือกแบบนี้ แต่ ณ ตอนนั้น ด้วยประสบการณ์แค่นั้น และสิ่งเร้าแค่นั้น ยังไง ยังไง ก็ต้องเลือกแบบเดิมแบบนั้น ทีนี้ถ้าอยากจะทำให้มันตต่างจากเดิม คุณก็ต้องมีประสบการณ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม และสิ่งเร้าก็ต้องต่างจากเดิม มันก็ต้องเปลี่ยนตัวแปรต้น แบบลูกโซ่ ต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ สรุป ยังไง ๆ มันมีบางอย่างที่มีสาเหตุ ทำให้ต้องพบเจอสถานการณ์แบบนี้แน่นอน เหมือนมีอะไรบางอย่าง ที่เป็นตัวกำหนดสาเหตุมาอยู่แล้ว งงป่ะ เอ่อ สงสัยเราจะดูหนัง the matrix มากไป -"- แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 20:15:21 จากคุณ : ป๊อปปูล่า เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 20:11:54

ความคิดเห็นที่ 45 เออ กระทู้นี้เจ๋ง ง่ะ นำ free will ไปเทียบเคียงกับ นิพพาน ได้ด้วย ผมสรุปได้ตอนนี้ Freewill คือไม่ will อะไรเลยใช่มะ ดังนั้น FreeWill ได้เฉพาะตอน นิพพาน   ถ้ามองในแง่นี้ Free will มีได้จริง คนธรรมดาไม่มี Free will และ Freewill ไม่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ (ไม่ขัดหลัก Deterministic ) เพราะคนที่มี free will ไม่ประสงค์อะไรอีกแล้ว ผมเข้าใจถูกมะ กรรม คือ deterministic เหตุนำไปสู่ผล ผู้ที่หลุดจากกรรม เท่านั้นที่มี free will แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 23:24:16 จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 23:21:02

ความคิดเห็นที่ 46 #44 ไม่งงครับ ผมคิดคล้ายๆคุณเลย มันเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ผมเชื่อว่า free will ไม่มีจริง จากคุณ : นิว ชะลาล่า เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 23:36:21

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้ากำหนดสภาวะของคำว่า  "ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว" ให้เห็นเป็นรูปธรรมคือ คนอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น และพอใจกับสภาพนั้นโดยไม่ต้องการอะไรแล้ว ต่อมามีการนำโต๊ะใส่เข้าไปให้ห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ นำเก้าอี้ใส่เข้าไปให้ห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ นำตู้ใส่เข้าไปให้ห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ นำเตียงใส่เข้าไปให้ห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ คนที่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม,เพราะไม่ต้องการอะไรแล้ว,จึงขนย้ายโต๊ะ ตู้ เตียง เก้าอี้ ออกไป  เพื่อให้ห้องกลับไปสู่สภาวะเดิม หรือ คนอีกคนอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น และไม่ต้องการอะไรแล้ว ต่อมามีการนำโต๊ะ ตู้ เตียง เก้าอี้ ใส่เข้าไปในห้อง คนๆนั้นก็ไม่ได้สนใจ หรือรู้สึกอะไรแต่อย่างใด จากคุณ : charoka เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 01:13:29

ความคิดเห็นที่ 48 ^ อย่างหลังซิ อย่างแรก แสดงว่ายังมีความต้องการอยู่ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 11:30:27

ความคิดเห็นที่ 49 ผมยิ่งอ่านยิ่ง งง เป็น true หรือ false ? จากคุณ : lonezPANDA เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 21:46:47