ความคิดเห็นที่ 1 ต้องดูก่อนครับว่า  ความเร็วของน้ำที่ว่า  เขาวัดที่จุดไหน ถ้าวัดจุดที่ไม่เหมาะสม  ค่าที่ได้มาก็ไร้ประัโยชน์เลย จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 18:50:14

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ได้ผลหรอกครับ ยกเว้นใช้เรือมากจริงๆ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 19:14:41

ความคิดเห็นที่ 3 อย่างแม่น้ำเจ้าพระยา คงต้องใช้ใบพัดใหญ่ๆ เป็น 10 เมตร หลายๆ ใบ ถึงจะรู้สึก จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 19:25:10

ความคิดเห็นที่ 4 เค้าว่าพัดลมในการเป่า มีประสิทธิภาพมากกว่าพัดลมดูดอากาศ คิดในหลักการเดียวกันถ้าใช้เรือผลัก(โดยเรือยึดแน่นกับที่) ก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่า เรือที่เคลื่อนที่เพราะไม่คิดค่าของ hull efficiency แต่ถึงกระนั้นเมื่อน้ำมีความเร็วขึ้นมา และไปเจอจุดที่มีแรงเสียดทาน ตามโค้งน้ำ วัตถุใต้น้ำ น้ำก็มีการอัดตัวลดความเร็วอยู่ดี ถ้าจะวัดความเร็วของกระแสน้ำว่าได้ผลหรือไม่ได้ผลนี้ควรวัดที่บริเวณปากแม่น้ำ ใช่ไหมครับ ถ้าวัดที่จุดนี้ผมว่าคงจะสรุปว่าไม่ได้ผลครับ เพราะมันไม่ใช่ของไหลในอุดมคติที่จะไหลไปโดยไร้การอัดตัว แต่ถ้าวัดต่อจากท้ายเรือไม่เท่าไหร่คงเห็นผลกันครับ แต่หลักจากนั้นแล้ว น้ำจะไปอัดตัวกันไปเซาะตลิ่งที่ไหนก็ไม่ทราบ อาจจะพูดได้ว่าความเร็วเพิ่มขึ้นจริงๆ แต่ความเร็วที่วัดเนี้ยควรจะสรุปก่อนไหมครับว่าวัดที่ตรงไหน จากคุณ : Gecko_navigate เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 19:33:29

ความคิดเห็นที่ 5 อิอิ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 20:06:15 จากคุณ : patham เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 20:03:14

ความคิดเห็นที่ 6 ลองคิดถึงน้ำรอบ ๆ  ที่ไหล ไปในทิศทางเดียวกับการเพิ่มความเร็วด้วยนะครับ ผมเข้าใจว่า กรณีที่ท่านเจ้าของกระทู้ยกตัวอย่างนั้น น่าจะเป็นเงื่อนไขของน้ำนิ่ง แต่ในสภาวะจริงน้ำไม่นิ่งนะครับ น้ำไหลตลอดเวลา มวลน้ำมากด้วย ผมกำลังนึกไปถึงพวกปั๊มแบบแบบที่ต่อพ่วงกันหลาย ๆ ตัวน่ะครับ ไม่แน่ใจว่าเรียกอะไร อย่างเช่นพวกปั๊มที่สูบน้ำบาดาล น่ะครับ พวกนี้จะให้ Head น้ำสูงมาก ซึ่งน่าจะเข้าข่ายเดียวกัน คือน้ำที่ใบพัดอัดออกไปข้างหลัง ไม่ได้เริ่มจากความเร็วเป็นศูนย์ เพราะฉนั้น น่าจะมีตัวแปรเหล่านี้เข้ามาคิดด้วย ครับ ซึ่งน่าจะซับซ้อนไปอีกเยอะครับ ขณะเดียวกัน ท้องน้ำ ก็มีความเอียงด้วย ผิวน้ำเองก็มีความเอียงด้วย ดังนั้น จะใช้สมมตฺบานว่า เป็นน้ำนิ่งแบบปกติ ไม่น่าจะได้ ครับ ////////////// เรืองการคำนวน นี่ซับซ้อน ครับ แต่ผมเคยเห็นมาแล้วเมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่ปี 2527 ว่า ในกรณีที่คลองเล็ก ๆ และติดตั้งเครื่องเรือหางยาว 3-4 ตัวนั้น มันทำให้น้ำที่ถูกใบพัดปั่นออกไปข้างหลังนั้น สูงขึ้นกว่าระดับด้านหน้าเครื่องครับ และก็มั่นใจว่ามันเพิ่มอัตราการไหล และปริมาณน้ำ ที่เคลื่อนที่ไปได้ ครับ จากคุณ : HiPex เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 20:10:05

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าในลำคลอง ถ้าติดตั้งเรื่องบริเวณปากคลอง น่าจะมีผล แต่ถ้าติดกลางหรือต้นลำคลองคงต้งใช้เรือมากจริงๆ จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 20:23:06 A:58.11.234.68 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 8 ตามความเข้าใจส่วนตัวไม่เห็นด้วย และคิดว่าไม่มีนัยยะอะไรที่จะช่วยให้น้ำลดได้เร็ว แต่จะมีกรณีที่น่าสนใจที่ว่า คนที่พอจะสั่งใครได้ คิดอยากจะทำ ใครๆ ก็สามารถเห็นค้านสิ่งที่เขาจะทำอย่างเปิดเผยได้ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 20:34:47 จากคุณ : รักให้เป็นหน่อย (knopsod) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 20:31:45

ความคิดเห็นที่ 9 เขาวัดอัตราการไหล ณ ประตูระบายน้ำไม่ใช่หรอ มันก็แม่นยำของมันอยู่แล้วใช่ไหม แล้วทำไมถึงคิดว่าไม่ได้ผล ทั้งๆที่เคยทำแบบนี้กันมาก่อน จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 20:52:58

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นอีก 3 เมตร  แล้วกรุงเทพฯซึ่งเคยอยู่สูงแค่ 2 เมตรจากระดับน้ำทะเล น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจะไหลลงทะเลไปได้อย่างไรครับ ถ้าระดับน้ำทะเลเป็นระดับเดียวกับแผ่นดินในกรุงเทพฯ  สงสัยครับ ? ถ้าน้ำทะเลไม่ขึ้นสูง   วิธีการนี้คงใช้ได้ผล ทำให้น้ำไหลลงสู่ทะเลได้เร็วขึ้น แต่ถ้าน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น  น้ำจากแม่น้ำจะไหลลงทะเลแล้วเอ่อกลับมาที่ฝั่งหรือเปล่า ? จากคุณ : Chocolate_X เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 21:00:16

ความคิดเห็นที่ 11 การที่บอกว่าน้ำทั่วโลกสูงเท่ากัน แต่ในความจริงมันต้องใช้เวลากว่าน้ำจะเกลี่ยจนระดับเท่ากัน ตรงนี้ต้องเอามาคิดด้วยครับ จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 21:05:22 A:110.169.249.157 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องราวเป็นเป็นเเบบนี้ครับ Q=AV บริเวณที่เเม่น้ำมีคอคอดหรือมีอะไรขวางการไหลเช่นสะพาน กระเเสน้ำจะลดความเร็วเนื่องจากมีเเรงเสียดทานมากขึ้น ถ้าต้องการคงที่อัตราการไหลของน้ำให้เท่าเดิมก็คือต้องเพิ่มความเร็วในเเม่น้ำตลอดเเม่น้ำเจ้าพระยาปัจจุบันมีสะพานเพิ่มขึ้นมาหลายจุดกว่าจะถึงปากอ่าว ใบจักรเรือเป็นปั๊มน้ำชนิดไหลตามเเกนซึ่งมีคุณสมบัติคือให้อัตราการไหลสูงมากที่สุดในบรรดาปั๊มน้ำด้วยกัน คอนเซปก็คือต้องเอาเรือไปทิ้งสมอบริเวณที่มีจุดที่มีอะไรมาขวางทางเดินน้ำเป็นช่วงๆจนถึงปากอ่าวครับ ไม่ใช่ติดที่สะพานพุทธเเล้วมันจะดันไปถึงปากอ่าวครับ เเม่น้ำในกรุงเทพยังได้รับอิทธิพลจากการขึ้นลงของน้ำทะเลโดยธรรมชาติไม่ต้องทำอะไรตอนน้ำลงน้ำก็ไหลลงทะเลเเล้วครับ แต่ตอนนี้มันไม่ปกติถ้าจะรอธรรมชาติช่วยคงไม่ไหวครับ แต่อย่าเอาเรือไปผูกกับสะพานนะครับหลายลำจัดเดี๋ยวโครงสร้างสะพานจะรับไม่ไหว ที่เเม่น้ำท่าจีนช่วงนครชัยศรีใช้วิธีนี้มาหลายปีครับ อ้อเเม่น้ำเจ้าพระยาลึกประมาณ 8-12 เมตรเรือที่เอามาใช้กินน้ำไม่ลึกเท่าไหร่ครับเเทบไม่มีผลกระทบเรื่องขวางทางไหลของน้ำ  การเพิ่มอัตราการไหล ถ้าจะคงที่พื้นที่หน้าตัดก็ต้องเิพิ่มความเร็วน้ำ ถ้าจะคงที่ความเร็วน้ำก็ต้องเพิ่มพื้นที่หน้าตัดไม่ได้มีอะไรซับซ้อนครับ เนื่องจากการไหลในเเม่น้ำเป็นการไหลเเบบเปิด ไม่ใช่เเบบปิดเหมือนในท่อซึ่งอัตราการไหลจะเท่ากันตลอดเส้นท่อตามกฎอนุรักษ์มวล การไหลในแม่น้ำจะเป็นเเบบนี้ครับ อัตราการไหลไม่คงที่ สมมติมีน้ำไหลผ่านสะพานพระรามเจ็ด 4000 ลบ.ม.ต่อวินาที หากเจอการต้านทานการไหลก็จะลดอัตราการไหลลงคุณอาจจะเห็นว่ามีน้ำไหลผ่านสะพานเร็วขึ้นเเต่อัตราการไหลลดลงครับผลที่ได้ก็คือน้ำจะไปสะสมตัวอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของสะพาน การไล่น้ำบริเวณกรุงเทพออกทะเลให้เร็วที่สุดก็จะเพิ่มพลังงานศักย์ของน้ำที่อยู่อยุธยาให้ไหลลงมาเร็วขึ้น ยังไงน้ำที่อยุธยาจะลดระดับลงก็คือต้องไหลออกทะเลเท่านั้นในสภาพตอนนี้ แต่ทั้งนี้ทัั้งน้้นจะสัมฤทธิ์ผลก็ต้องใช้หลายลำครับ ถ้าทำเเค่เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงก็ไม่คุุ้มเสียน้ำมันเปล่า ลองขับรถไปดูที่นครชัยศรีได้ครับใกล้เเค่นี้เอง ก็ต้องยอมเเลกครับ ต้องเลือกระหว่างน้ำท่วมกับตลิ่งพัง แต่ตลิ่งส่วนใหญ่บริเวณสะพานในกรุงเทพมีเขื่อนกั้นหมดเเล้วเคยได้ยินโึครงการโรงไฟฟ้าสูบกลับที่ลำตะคลองไม๊ครับ จริงๆแล้วในเิชิงประสิทธิภาพไร้ประสิทธิภาพมาก ปล่อยน้ำมาปั่นไฟ เเล้วสูบน้ำกลับ แต่สิ่งที่เค้าคาดหวังคือ ประสิทธิผลครับ วันที่เราอยากได้น้ำนั้นมันมีค่ามากกว่าพลังงานที่เราเสียไปสองต่อครับ มันไม่มีอะไรได้โดยไม่มีเสียหรอกครับ อยากให้น้ำออกไปเร็วก็ต้องสูบออก ผลักออกไป ก็ต้องใช้พลังงานถ้าจะไม่ใช้พลังงานใช้ธรรมชาติไม่ต้องเสียเงิน เเต่ก็ต้องเสียเวลาถ้าน้ำท่วมหนึ่งเดือนจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม้เเต่วินาทีเดียวที่น้ำท่วมใครเจอกับตัวเองจะเข้าใจครับ จากคุณ : ต้นกลเรือ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 21:16:40

ความคิดเห็นที่ 13 พลังงานต้องคงที่ทั้งระบบสิครับ ถ้าเพิ่มความเร็วน้ำ พลังงานน้ำก็ต้องเพิ่มขึ้น และพลังงานไม่ได้มาเปล่าๆ อยากเพิ่มพลังงาน 1 ก็ต้องจ่ายอย่างน้อย 1 ถ้าใช้พลังงาน 0.5 ได้พลังงานเพิ่ม 1 ก็ดีสิครับ เอาใบพัดไปปั่นน้ำเหนือเขื่อน น้ำเร็วขึ้น และได้ พลังงานมากกว่าที่จ่ายไปปั่นน้ำ สบายแฮ.... จากคุณ : (oidutS skcarT eriT) (Tire Tracks Studio) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 22:11:39

ความคิดเห็นที่ 14 มันอาจจะเร็วที่ผิวน้ำก็ได้ครับ หรือไม่ก็วัดหลังเรือไปเลย พอเอาค่าจากผิวน้ำไปคำนวนเลยได้ แต่ใครมันจะยอมวัดที่ปากแม่น้ำกันละ เอาเรือมาวิ่งเสียค่าน้ำมันแล้วไม่มีผลงานโดนด่าเละ จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 22:12:23

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องความเร็วที่เห็น (ความเร็วผิวน้ำ) ผมไม่เคยไปดูของจริงนะ แต่เชื่อว่าเร็วขึ้นชัดๆแน่นอน แต่ปริมาณน้ำที่ไหลต่อวินาทีเนี่ยต้องวัดทั้งพื้นที่หน้าตัดครับ ทะเลที่คลื่นพัดหาฝั่งแต่น้ำข้างใต้ พัดออกจากฝั่ง พัดคนละด้านกันก็เยอะไป (ซึ่งกระแสน้ำใต้ใบพัดช่วงแรกๆเป็นอย่างนั้นแน่ๆ คือม้วนตัวกลับ) จากคุณ : (oidutS skcarT eriT) (Tire Tracks Studio) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 22:20:36

ความคิดเห็นที่ 16 ต้องถามว่าเวลาน้ำไหลในท่อเปิด พลังงานการไหลสุญเสียไปตรงใหนบ้าง ตอบคือความร้อนที่จะเกิดจากการที่มวลน้ำเสียดสีบริเวณริมตลิ่ง (ความเร็วน้ำที่ริมตลิ่งหรือผิวสัมผันกับท้องน้ำย่อมต้องเท่ากับ 0 ) ดังนั้นถ้าต้องการเพิ่มความเร็ว ก็ไม่จำเป็นต้องผลักน้ำบริเวณตรงกลางแม่น้ำ เพราะ หากการผลักน้ำนั้นไม่เกิด laminar flow คือเกิดการหมุนวน ก็จะทำให้ ไม่มีประโยชน์ขึ้นได้ ข้อต่อมาถ้าอยู่ในคลองแคบๆ ที่เรียวๆ ยาวๆ กำลังผลักของเรือจะต้องต่อสู้กับค่าประมาณ ที่เรียกได้ว่า head loss ของคลอง ถ้าระดับน้ำในคลองต้นทาง เท่ากับหรือน้อยกว่า ระดับน้ำที่ปากทาง ก็จะไม่มีประโยชน์ที่ใช้วิธีนี้ ระบบนี้ การเอาเรือช่วยดันน้ำมันจะใช้ได้ผลเฉพาะ กรณีที่ไม่มี head loss หรืออีกนัยหนึ่งคือ ต้องไม่ทำแล้วมีอะไรมาต้าน flow rate จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 22:29:45 A:110.169.249.157 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเทียบอัตราการไหลของน้ำละก็ เรื่องที่ใช้ใบพัด สู้เรือที่ใช้ระบบ water jet ไม่ได้เลย ห่างกันหลายขุม พอๆ กับกระแสลมที่ไหลผ่านเครื่องยนต์ใบพัดกับเครื่องยนต์เจ็ต 666 จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 22:43:33

ความคิดเห็นที่ 18 สมการพลังงาน จาก Open Channel Flow ( (Delta)Z + V^2/2g ) สมมุติให้ ความลาดของผิวน้ำเฉลี่ยประมาณ 1:500 ความเร็วน้ำประมาณ 2 ม./วินาที ที่อัตราการไหล 3,000 ลบ.ม./วินาที ในระยะทาง 100 ม. ใช้กำลังประมาณ 12,000 กิโลวัตต์ หรือ 16,000 แรงม้า หากให้อัตราการไหลเพิ่มขึ้น 20% ก็ต้องใส่พลังงานไปอีก 3,200 แรงม้า เพื่อให้น้ำไหลเร็วขึ้นในช่วง 100 ม. ซึ่งหลังจากจุดนี้ น้ำก็จะยกระดับ ( V ลด Z จะเพิ่ม) และขนาด ปั๊มที่ว่าแน่ๆ ยังมีประสิทธิภาพราวๆ 65% ซึ่งหากคำนวณตามสมมุติฐานนี้ ก็ต้องเอา 0.65 ไปหาร 16,000 นั่นคือกำลังเครื่องยนต์ที่ต้องใช้ จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 22:55:07

ความคิดเห็นที่ 19 กำลังปั๊มน้ำ (หน่วยเป็นแรงม้า)=(อัตราการไหล(ลบ.ม.ชั่วโมง) x ความดัน (หน่วยเป็นเมตร) )/(273×ประสิทธิภาพปั๊ม) ใบจักรเรือเป็นปั๊มน้ำชนิดไหลตามแกน (Axial Flow) ซึ่งเป็นปั๊มที่ให้อัตราการไหลสูงที่สุด แต่ว่าใบจักรเรือไม่มีโครงครอบตัวใบจักรอาจทำให้ประสิทธิภาพตกลง ผมจะลองคำนวณคร่าวๆจากข้อมูลปั๊มชนิดไหลตามแกนที่ผมมีอยู่ในมือ ยิ่งปั๊มตัวใหญ่มากจะมีประสิทธิภาพสูงใครอยากได้แคตตาลอกลองขอหลังไมค์มาได้ ผมขอใช้ประสิทธิภาพประมาณ 75% จะได้ดูไม่สูงนัก ปั๊มชนิดไหลตามแกนตัวใหญ่ส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพเกิน 80% ปริมาณน้ำที่ไหลจากเขื่อนเจ้าพระยาตอนเปิดเขื่อนสูงสุดอยู่ราวๆ 4,000 ลบม./วินาที = 14,400,000 ลบม./ชั่วโมง ความดันผมให้ค่าออกแบบที่ 1.5 เมตร (ของความสูงแท่งน้ำ) ความหมายคือถ้าผมจะสูบน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนเจ้าพระยาทั้งหมดในเวลาหนึ่งชั่วโมงให้สูงขึ้น 1.5 เมตร แทนตัวเลขแล้วจะได้ 105,520 แรงม้า วิธีนี้เป็นวิธีคำนวณขนาดปั๊มอย่างคร่าวๆที่ใช้กันทั่วไปสามารถหาอ่านได้ตามหนังสือปั๊มทั่วไป ผมพยายามใช้ภาษาไทยเพื่อให้ทุกท่านเข้าใจ ถ้าเราสร้างเขื่อนปิดแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วสูบน้ำจำนวนนี้ออกทั้งหมดก็ต้องใช้กำลัง 105,520 แรงม้าต่อชั่วโมง แต่ว่าความเป็นจริงที่เค้าทำกันอยู่ตอนนี้เค้าไม่ได้เอาเราไปดันน้ำทั้งหมดออกทะเลครับ ต้องเข้าใจจุดยืนอันนี้ก่อนครับ ไม่มีใครเค้าเอาปั๊มสูบน้ำจำนวนขนาดนี้ออกทะเลทั้งๆที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ต้องทำอะไรกับมัน น้ำก็ไหลลงทะเลอยู่แล้วครับ แต่ว่าในโลกนี้มันมีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่าน้ำขึ้นน้ำลงครับ แทนที่จะมีการต่างระดับกันแบบน้ำในแม่น้ำสูงกว่าน้ำทะเล มันกลับกลายเป็นเดี๋ยวสูงกว่ามากเดี๋ยวสูงกว่านิดเดียว ช่วงน้ำลงก็ไม่มีปัญหาแต่ช่วงน้ำขึ้นน้ำทะเลก็ดันน้ำจืดในแม่น้ำไหลกลับมาอีก แทนที่เราจะปล่อยน้ำทิ้งธรรมชาติก็ดันมันกลับมาอีก เป็นวัฏจักรแบบนี้ทุกวัน บางวันหนึ่งครั้งเรียกวันน้ำเดี่ยว บางวันสองครั้งเรียกวันน้ำคู่ ดังนั้นตอนที่น้ำลงเราต้องรีบเอามันออกให้เร็วที่สุด แล้วจะทำอย่างไรก็ต้องเพิ่มพลังงานศักย์ให้กับน้ำด้วยการเอาเรือไปดันน้ำออก ในขณะที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนกว่าสิบล้านลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ไหลผ่านคอคอดต่างๆ ของแม่น้ำหรือจุดที่มีการขัดขวางเช่นสะพาน การไหลในแม่น้ำเป็นแบบเปิด (open channel flow) อัตราการไหลไม่เท่ากันตลอดสาย เมื่อเจอจุดที่ขวางการไหลอัตราการไหลจะลดลง ดังนั้นหากจะชดเชยก็คือต้องมีการขับดันออกไปด้วยปั๊มชนิดไหลตามแกน และตรงจุดที่มีการขัดขวางการไหลเช่นสะพานพระรามเจ็ด ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเอากำลังกว่าแสนแรงม้าไปขับดันมัน แต่ละจุดมันจะสูญเสียไม่กี่ร้อยแรงม้า เราก็เอาเรือไปเพิ่มพลังงานศักย์ให้กับน้ำ จะมีคำถามว่าทำไมไม่ทำให้มันถาวร ผมว่าเรือนี่แหละง่ายดี เรามีเรือของกองทัพเรือ เรือขนส่งของกองทัพบก กรมเจ้าท่า เรือทักของการท่าเรืออีกเยอะ แต่ละลำมีกำลังหลายร้อยแรงม้าถึงสองสามพันแรงม้าด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับมอเตอร์ไฟฟ้า การสตาร์ทมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเรื่องยุ่งยากมากต้องซื้อปั๊มซึ่งปั๊มตัวใหญ่ขนาดนี้รวมค่าก่อสร้างแพงกว่าเรืออีก เมื่อเดินเครื่องปั๊มทุกตัวการไฟฟ้าจ่ายไฟให้ไม่ไหวหรอกครับ เรือนี่แหละง่ายที่สุดแล้ว จุดที่คุ้มค่าที่สุดก็คือคลองลัดโพธิ์ถ้าเราช่วยเพิ่มพลังงานศักย์จะได้ประโยชน์ที่จุดนี้อย่างมากไม่ต้องให้น้ำอ้อมบางกระเจ้าอีกสิบกว่ากิโลเมตร ตามวิธีคิดของเจ้าของกระทู้ เราไม่ได้ผลักดันน้ำทั้งตลอดหน้าตัดลำน้ำครับ สิ่งที่ปลอดประสพพูดเป็นแค่การอธิบายคร่าวให้คนทั่วไปเห็นภาพเท่านั้นครับอย่าไปเอาข้อมูลตรงนั้นมาคำนวณ การเพิ่มความเร็วน้ำจาก 2 kt เป็น 6 kt ไม่ได้เพิ่มแค่สามเท่าครับไม่เป็นสมการเส้นตรง เป็นสมการยกกำลัง แรงต้านของของไหลแปรผันยกกำลังสองกับความเร็ว และกำลังที่ใช้ขับเคลื่อนของไหลแปรผันยกกำลังสามกับความเร็วครับ สรุปคือเค้าเอาเรือ ไปชดเชยการสูญเสียพลังงานตามจุดขัดขวางลำน้ำต่างๆ คลองลัดโพธิ์เป็นการเพิ่มพลังงานศักย์ ไม่ใช่เอาไปขับดันน้ำทั้งแม่น้ำให้ออกทะเลครับ ติดเครื่องเฉพาะตอนน้ำลง ตอนน้ำขึ้นเดินเครื่องก็เสียพลังงานเปล่า #17 การระบายน้ำเราเน้นอัตราการไหลครับ propeller pump ให้อัตราการไหลสูงความดันต่ำ Jet pump ในระบบขับเคลื่อนใน water jet อัตราการไหลต่ำ ความดันสูงครับ จากคุณ : ต้นกลเรือ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 23:26:07

ความคิดเห็นที่ 20 #19 ถ้าว่ากันโดยคร่าวๆ เอาแค่พอให้เห็นภาพ พอจะประเมินเป็น % ได้มั้ยครับ ทำแล้ว "น่าจะ" สามารถระบายน้ำออกได้เร็วขึ้นซักกี่ % เอาคำนวณด้วยโมเดลง่ายที่สุดก็ได้ครับ น่าจะช่วยได้ ขอบคุณล่วงหน้าครับ.... จากคุณ : (oidutS skcarT eriT) (Tire Tracks Studio) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 23:47:48

ความคิดเห็นที่ 21 1.จุดโหว่ของการประมาณกำลังเครื่องยนต์เรือ 1.1 ปั๊มน้ำที่จขกท.ยกมา ใช้สูบน้ำได้อัตราการไหลหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าสูบได้สูงเท่าไหร่ โดยธรรมชาติการออกแบบปั๊มน้ำ ถ้าปรับใบพัดตอนออกแบบปั๊มให้ ลดค่า Head หรือ Static Pressure ลง ก็จะปั๊มได้อัตราการไหลสูงขึ้น   ช่องโหว่ก็คือ เราไม่ทราบว่า ปั๊มน้ำซึ่งปกติเป็นชนิดหอยโข่งหนีศูนย์ที่ออกแบบด้วยสัดส่วนอัตราการไหลเทียบกับ Head แบบไหน ที่มันจะเทียบเท่ากับ ใบจักรเรือ ได้จริงๆ ซึ่งในที่นี้ใช้เป็นปั๊มน้ำหมุนในแนวแกน ดังนั้นปั๊มน้ำหอยโข่งที่ยกมาเป็นโมเดล กับอัตราการไหล แล้วสเกลขึ้นมาคำนวณพลังงานของน้ำ จึงขาดความความน่าเชื่อถืออยู่มาก 1.2 สมมติว่า ดึงดันจะ ใช้ปั๊มหอยโข่งด้านบนเป็นโมเดล  ประสิทธิภาพของปั๊ม หรือ Loss ในของเครื่องกลนั้น สะท้อนอยู่ในอัตราการไหลที่ปั๊มทำได้ไปเรียบร้อยแล้ว 1.3 พลังงานของน้ำไหล โดยหลักๆ เกิดจาก 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นพลังงานศักย์ และพลังงานจลน์ ซึ่งพลังงานจลน์นี้ ไม่ได้แปรผันโดยตรงเป็นเชิงเส้นกับความเร็วของน้ำ ในกระทู้ก่อนหน้านี้ผมโพสต์ลิงค์ที่มีทฤษฏีของเบอร์นูลีให้ จขกท.คงจะยังไม่ได้อ่าน เอาล่ะ ผมโพสต์อีกลิงค์นึงให้ ไม่มีสมการมากนัก น่าจะอ่านง่ายขึ้น http://wdstudio.net/gulfstreamturbine/kinetic.htm พลังงานจลน์ของน้ำ ที่เปลี่ยนแปลงจาก 2 เป็น 6 knots = 0.5 x D x A x (V^3-U^3)/1000  = 42,467 kW D = 1000 kg/cu.m A = 3000 sq.m V = 6 x 0.5144 = 3.086 m/s U = 2 x 0.5144 = 1.029 m/s สมมติประสิทธิภาพรวมของระบบขับดันเรือมีประมาณ 50% (ประสิทธิภาพเฉพาะของใบจักรเรือ โดยทั่วไปไม่เกิน 60% เศษๆ ถ้าออกแบบมาได้ดี) ดังนั้น ต้องใช้ขนาดต้นกำลังรวมของกองเรือ = 42,467/0.50 = 84,934 kW ถ้าใช้เรือเพียง 6 ลำ ก็ต้องใช้ลำละ = 84,934/6 x1000/746 = ประมาณ 19,000 แรงม้าโดยคร่าวๆ (ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เป็น แสน แรงม้า อย่างที่จขกท. คำนวณ) ขอยกตัวอย่าง เรือ ต.991 มีแรงม้าเครื่องยนต์ 2 เครื่องรวมกันได้ประมาณ 7,000 แรงม้าเท่านั้น  แสดงว่า ต้องใช้เรือที่มีขนาดใหญ่กว่านี้มากทีเดียว หรือมีจำนวนมากกว่า 6 ลำ พอสมควร ดังนั้นการจะเพิ่มความเร็วน้ำจาก 2 knots เป็น 6 knots จึงค่อนข้างเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ แต่ก็อีกนั่นแหละ ยังไม่ได้ตรวจสอบเงื่อนไข เลยว่า ต้องให้เร็วเป็น 6 knots จริงๆ หรือเปล่า น้ำถึงจะไม่ท่วม  ทำไมไม่น้อยกว่านั้น หรือมากกว่า นั้น  ตัวเลข 6 นี้ วัดที่ไหน และมีที่มาจากอะไร? จะวิเคราะห์รายละเอียดกว่านี้ ก็คงจะเกินอารมณ์กระทู้พันดริฟท์ 2. ผมโหวตข้อ 2 เพราะ ยังสงสัยเรื่องการ จัดหาเรือ จัดขบวนเรือ การผูกเรือ ว่าจะทำได้ถูกต้อง ให้สัมฤทธิ์ผลดีหรือไม่ จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 00:03:30

ความคิดเห็นที่ 22 #19 ขออนุญาตช่วยตอบ การจะถามหาดัชนีตัวชี้วัด เป็น % ความสามารถในการระบายน้ำที่เพิ่มขึ้น ผมว่าคงไม่มีความหมายเท่ากับ ตัวชี้วัดว่า น้ำท่วมตลิ่ง หรือ ไม่ท่วมตลิ่ง หรือท่วมตลิ่งในระดับที่พอรับได้ ซึ่งจะมากจะน้อย มันก็ต้องแล้วแต่ว่า คนที่วางแผนเค้าคาดหวังอะไร เป้าหมายในการป้องกันน้ำท่วม ในแต่ละช่วงของเส้นทางน้ำเฉพาะจุดนั้นๆ เป็นอย่างไร ดังนั้นคงจะไม่มีโมเดลง่ายๆ มาตีค่า % โอกาสความสำเร็จ ได้ในเคสนี้ ยังไงก็ตาม เรื่องทางชลศาสตร์แบบนี้มันไม่ใช่ Rocket Science คำนวณประมาณว่ายังไง มันก็ออกมาราวๆ นั้น (ถ้าคำนวณถูก ตาม Fluid mechanics ธรรมดา) แต่อย่างที่ผม บอกหลายทีแล้วว่า ในทางทฤษฏีมันดูทำได้ แต่ในทางปฏิบัตินั้นมันไม่ง่ายนัก คำตอบก็อาจจะกลายเป็นคำถามที่ว่า คุณเชื่อมือทีมงานที่เค้าวางแผนตรงนี้กันหรือเปล่า เชื่อกี่% ? จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 00:53:47

ความคิดเห็นที่ 23 อยากรู้ว่าทำได้หรือทำไม่ได้ ทำไมไม่ลงมือทำไปเลย แล้วตามนักขข่าวมาออกข่าว มัวแต่เถียงกันน้ำก็มามากขึ้นทุกวัน ส่วนตัวคิดว่าลำเดียวคงไม่ได้ผล ตามหลายๆคนข้างบน ต้องเอามาทั้งกองเลย จากคุณ : Antiphist เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 01:09:19

ความคิดเห็นที่ 24 ทั้งกองก็ไม่ได้ผล ในแง่ปริมาณ แต่ได้ผลในแง่จิตใจ เมื่อเช้าดูข่าว เรือลำกะติ๊ดเดียว แถมใบพัดก็กระจึ๋งเดียว แทบไม่ได้ผลอะไรเลย เมื่อเทียบกับขนาดแม่น้ำ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 08:01:21

ความคิดเห็นที่ 25 น้ำมันบ้านเราราคาถูกแล้วครับ ต้องเอามาเร่งซักหน่อย เร่งให้ฝนตกหนักขึ้น แล้วก็เร่งน้ำให้เร็วขึ้น เร่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...... จากคุณ : me ae-man เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 10:26:34

ความคิดเห็นที่ 26 สมมติอัตราการกินเชื้อเพลิง 220 g/(kW.hr) ถ้าขนาดเครื่องยนต์รวมกัน ได้ประมาณ 85,000 kW (ใช้จริงเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่มีข้อมูล) สมมติ เดินเครื่องเต็มที่วันละ 12 ชม.  ก็จะคิดเป็นน้ำมันใช้ไปประมาณ 224 ตัน หรือ 270,000 ลิตร  คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ วันละ 7.4 ล้านบาท 1 สัปดาห์ ก็เป็นเงิน 52 ล้านบาท แต่ใช้กำลังเรือน้อยกว่านั้น ค่าใช้จ่ายก็ลดตาม อ่านข่าวล่าสุด เหมือนจะได้ผลดีนะ http://www.innnews.co.th/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87--309701_03.html จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 11:16:00

ความคิดเห็นที่ 27 เหมือนเอามดมาลากช้างยังไงไม่รู้ จากคุณ : FlyingChicken เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 12:16:33

ความคิดเห็นที่ 28 เรือที่ใช้ผลักดันน้ำที่คลองลัดโพธิ์เป็นประเภท Tug boat ใบพัดใหญ่มากเน้นเเรงขับใช้ลากหรือดันเรือเข้าเทียบท่า ชุดเรือที่อยู่ที่คลองลัดโพธิ์เท่าที่ทราบใช้เครื่องยนต์ประมาณ 1000 แรงมัาครับ ที่คุณ Sgt.Oat คำนวณให้คือการใช้กำลังเอาผลักดันน้ำทั้งเเม่น้ำครับ ขออนุญาตเสริมให้นะครับ แต่ในทางปฏิบัติที่ทำอยู่ตอนนี้คือ การเพิ่ม Head เพื่อชดเชย Loss ในบางจุด เน้นระดมไปที่คลองลัดโพธิ์เพราะเกิดประสิทธิผลมากที่สุด เท่าที่ดูจากภาพข่าวประมาณดูจาก Stream line ที่ออกจากใบจักรผมว่าอยู่ราวๆ เดินหน้าเบาอยู่คงใช้กำลังไม่เกิน 50% มีอยู่ห้าลำ สมมุติลำละ 500 เเรงม้า = 373 kW กินน้ำมัน 373 x 220 = 82 kg/hr ประมาณ 96 ลิตรต่อชั่วโมงต่อลำ ทั้งหมด 5 ลำ ประมาณ 500 ลิตรต่อชั่วโมง เดินเครื่องตามข่าวช่วง 9:00-15:00 เป็น 6 ชั่วโมงต่อวัน ตกประมาณวันละ 3,000 ลิตรครับ ค่าน้ำมันวันละเเสน ช่วงนี้เป็นวันน้ำเดี่ยว ถ้าเริ่มถึงวันน้ำคู่ก็จะเดินเครื่องได้สองรอบต่อวัน ผมขอมั่วนิ่มเอาข้อมูลของ propeller pump ที่มีอยู่ในมือลดค่า Factor เหลือสักหกสิบเปอร์เซนต์ของPropeller pump (ผมจะหาข้อมูลใบจักรให้ ข้อมูลใบจักรก็เเสดงถึงแรงขับ ไม่มีข้อมูลเรื่องอัตราการไหล) ถ้ากำลัง 373 kW head 2 เมตร จะได้อัตราการไหลประมาณ 14,000 ลบม./ชม.ต่อลำ คูณห้าลำได้ 70,000 ลบม.ต่อชั่วโมง ค่าน้ำมันทุกลำรวมกันชั่วโมงละประมาณ 15,000 บาท ตกค่าใช้จ่ายในการผลักดันน้ำออก 20 สตางค์ต่อลูกบาศก์เมตร คิดว่าพอได้ไม๊ครับ จากคุณ : ต้นกลเรือ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 13:13:50

ความคิดเห็นที่ 29 ปั๊มน้ำ มันใช้ในระบบท่อปิด  ถ้าน้ำต้นท่อไหล  ปลายท่อมันต้องไหลตามอยู่แล้ว แต่ในลำน้ำมันไม่ใช้   เหมือน เปิดพัดลมในห้อง ขนาดใหญ่(กลางห้อง) ถามว่า จะทำให้อากาศในห้อง ไหลโฟร ตามอากาศ ที่ถูกเป่าออกจากพัดลมได้มัย (ไหลออกจากห้องหน้าพัดลม  และไหลเข้าห้อง ด้านหลังพัดลม)  มันไม่ได้แน่นอน  และทีสำคัญน้ำมันมีมวล ดันน้ำไป ได้แค่ บริเวณใบพัด เท่านั้นได้แต่ความเร็ว  พอเลยไปหน่อย ความเร็วลดลง มวลน้ำจริงๆ มันก็ไม่ไปไหนหรอก      เผาน้ำมันเล่น แต่ได้ แค่ความรู้สึกที่ดีขึ้น ดีกว่าไม่ทำอะไร  เหมือน กล้อง กทม   ถ้าคิดว่าช่วยได้ มันก็รู้สึกดี และปล่อดภัย แต่ถามว่า ช่วยอะไรได้มัย           มันไม่ช่วยอะไรเลย แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 13:55:47 จากคุณ : กระดุมพี เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 13:52:17

ความคิดเห็นที่ 30 ไปถามคนที่อยู่ตามท่าเรืิอชายฝั่งดูว่า เขามีวิธีการทำล่องน้ำยังไง ท่าชลาลัย จว.ตราดเขาคิดใด้มานานแล้ว จากคุณ : เฮโรด (Youth In Asia) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 18:54:32

ความคิดเห็นที่ 31 #29 เปิดพัดลมในห้อง ขนาดใหญ่(กลางห้อง) ถามว่า จะทำให้อากาศในห้อง ไหลโฟร ตามอากาศ ที่ถูกเป่าออกจากพัดลมได้มัย (ไหลออกจากห้องหน้าพัดลม  และไหลเข้าห้อง ด้านหลังพัดลม)  มันไม่ได้แน่นอน ู^ ^ ^ ได้ครับ ถ้าทางออก มีความกว้างและความสูงเทียบเท่ากับ มิติของห้อง  ซึ่งในกรณีของลำน้ำ นั้นเป็นเช่นนี้เลย และผมจะบอกอีกครั้งว่า การระบายน้ำ คือการระบายด้วย Global Flow Rate ไม่ใช่ Local Velocity. ลองอ่านเปเปอร์นี้ หน้าสอง จะมีรูป sketch ทฤษฏีรูปร่างของ Slip-stream หลังใบจักรอยู่ http://www.am.szczecin.pl/userfiles/File/wydawnictwo/ZN_20/ZN_AM_20_92_Abramowicz.pdf ถึงแม้ว่า Velocity Field มันจะ เลือนหายไป เมื่อห่างจากใบจักรมากๆ แต่ Flow Rate (ความเร็วเฉลี่ยทั้งหน้าตัดลำน้ำ หารด้วย พื้นที่หน้าตัดลำน้ำ) ที่เพิ่มขึ้นโดยรวมของลำน้ำ มันอยู่ตรงนั้นแน่นอนไม่ได้หายไปไหน จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 22:51:44

ความคิดเห็นที่ 32 #28 ชีฟ ไม่ต้องไปหา chart ใบจักรที่ไหนครับ  มันไม่มีบอก flow rate ทั้งนั้น เพราะ ใบจักรเรือโดยปกติเอาไว้สร้าง Thrust คนอ่านและคนทำ chart จะไม่สนใจ flow rate แต่ถ้า ชีฟ อยากแปลง Thrust เป็น flow rate เร็วๆ ก็พอใช้ทฤษฎีโมเมนตั้ม (Disk Actuator Theory)ได้คร่าวๆ Thrust = Density x Flow Rate x (Velocity Difference หน้า และหลังใบจักร) สมมติฐานของทฤษฏี: (น้ำไม่มีความหนืด และไม่ไหลหมุนวน) จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 23:04:38

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเอารูป Mixer มาให้ดูเล่นๆครับ จากคุณ : ต้นกลเรือ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 23:41:49

ความคิดเห็นที่ 34 อันนี้เป็น Performance บอก Slip stream ด้านหลังมิกเซอร์ครับ ใช้ในงานบำบัดน้ำเสียตัวละไม่กี่กิโลวัตต์ จากคุณ : ต้นกลเรือ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 23:48:30