ความคิดเห็นที่ 1 แล้วอย่าง การดิ้นรน เอาตัวรอด เกี่ยวไหม? รอฟัง จากคุณ : takatin เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 00:28:51

ความคิดเห็นที่ 2 หากเราถอด Ego, Superego เราก็จะเป็นสัตว์ธรรมดา ที่ไม่ใช่สัตว์ประเสริฐ ลองนึกดูง่ายๆนะครับ ถ้าเราหิวข้าวมากๆมาเจอใครก็ไม่รู้กินข้าวอยู่ หากเราไม่มี Ego (มีแต่ Id) เราก็คงจะเข้าไปแย่งกินด้วยแบบไม่บอกล่าว และหากเรามี Ego สูงหน่อยเราก็จะบอกกับตัวเองว่า ข้าวจานละ 30 บาท ซื้อเองก็ได้ และหากเรามี Superego สูงหน่อยเราก็จะเป็นคนที่เอาข้าวจานละ 30 บาท ไปให้หมากิน แต่ตัวเองไม่กิน (ทั้งๆที่ตัวเองหิว) พอจะเข้าใจความหมายของคำแต่ละคำแล้วนะครับ Id สามารถเป็นจิตใต้สำนึกด้านบวกได้เช่น สัตว์เลือดอุ่น รักลูก ผู้เป็นแม่ก็ให้นมลูกกินโดยสัญชาตญาณ เป็นต้น ในทางพุทธศาสนา Ego คือ อัตตาตัวตน หรือ ความต้องการในทุกๆอย่างที่มาจากความเห็นแก่ตัวของตนเอง เพราะฉะนั้น คนที่ Ego สูงๆ ก็คือคนที่ เห็นแก่ตัวมากๆ ในทางกลับกัน เขาก็อาจจะคิดว่าเขาเป็นคนที่รักตนเองมาก เช่นเดียวกัน สรุปแล้ว Ego คือ เกราะป้องกันตัวเอง ใช้ให้ถูกกาละเทศะก็จะเป็นเรื่องดี Win ทั้งตัวคุณ Win ทั้งคนรอบข้างคุณ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 00:35:35 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 00:34:03 จากคุณ : เยส (i.am.not.korr) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 00:33:31

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ก็ไม่ใช่ว่า Id จะไม่มีประโยชน์ Id มีไว้เพื่อให้เราเป็นสัตว์โดยสมบูรณ์แบบ ลองเตะหมาดุๆสักทีนึง มันคงไม่ปล่อยคุณไว้แน่ เพราะมันต้องเอาตัวรอดจากการโดนกลั่นแกล้ง โดนทำร้าย หรือเพื่อการเอาตัวรอด อธิบาย Id เพิ่มเติมคือ ฉันจะกิน ฉันจะขี้ ฉันจะปี้ ฉันจะนอน โดยฉันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น (นึกถึกเด็กแรกเกิด) พอโตมาหน่อย ก็ค่อยๆเรียนรู้ว่า ถ้าหิวก็ต้องหากินเองนะ แต่เพราะมี Ego เลยไม่ไปแย่งใครกิน Superego ก็จะคอยควบคุมว่า ไม่ควร Id เกินไป หรือ ไม่ควร Ego เกินไป ซึ่งก็คือคุณธรรมนั่นเอง แต่บางคน คุณธรรมมากไปก็จะเข้าข่าย "เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด" ดังเช่นตัวอย่างที่ให้ไปใน คห.2 เพราะฉะนั้น ต้อง balance ให้ดีนะจ้ะ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 00:42:31 จากคุณ : เยส (i.am.not.korr) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 00:41:50

ความคิดเห็นที่ 4 คือ id ego super ego ไม่ใช่สิ่งบวกลบยะครับ เป็นธรรมชาติของแต่ละประเภท Id สมองส่วน id อยู่บริเวณท้ายทอยครับ ควบคุมสัญชาติญานการดำรงชีวิต การหิว การสืบพันธุ์ เป็นความต้องการล้วนๆ ครับ ความอยาก ที่จะอยู่รอด รวมไปถึงความอยากได้อยากมีอยากเป็นต่างๆ ส่วนนี้มีพลังมากครับ มีพลังหมือนช้างสาร คนที่เรียนหนังสือไม่เก่งจะมีส่วนนี้เยอะครับ เพราะสมองส่วนนี้ไม่มีเหตุผลมีแต่ความทะยานอยาก ตอบสนองความต้องการหุนหันพลันเล่น การทำลาย การสร้าง สังเกตจากเด็กแว้นซ์ครัับ เขาจะยกพวกตีกัน เพราะพลังจาก id ไม่ค่อยมี super ego Ego คือสมองส่วนที่อยู่ถัดขึ้นมาจาก id ครับ ส่วนนี้จะเป็นการบอกตัวตน ว่าฉันเป็นใคร ตัวตนฉันคืออะไร ฉันเป็นคนแบบนี้ ทำนองนี้ครับ สังเกตไหม เริ่มมีมากกว่าความอยากพื้นฐานแล้วครับ เป็นการบ่งบอกตัวตน ไม่ใช่สิ่งเลวนะครับ Super ego ส่วนนี้พัฒนาหลังสุดครับ เป็นสมองส่วนหน้าที่มีเหตุผล รู้จักใช้เหตุผลคิดวิเคราะห์ สมองส่วนนี้เป็นตัวเกี่ยวข้องกับไอคิวครับ สังเกตเจ้าสัวต่างๆ ดูจะเห็นว่าหน้าผากจะกว้าง เพราะจะฉลาดมีสมองคิดเปรียบเทียบส่วนต่างเยอะครับ เลยสร้างรายได้จากความแตกต่างที่สังเกตเห็นได้ สมองส่วนนี้ยิ่งเยอะจะยิ่งคุม id ครับ เด็กเรียน เด็กเนิร์ดจะมีส่วนนี้เยอะครับ คนแต่ละคนจะมีปัญหาส่วนตัวของทุกคนแตกต่างกันไปครับ ตาม id ego super ego ที่มีปัญหา จะว่าไปลึกซึ้งมากครับเรื่องนี้ ตำราผมกว่าจะอ่านหมดเข้าใจเป็นปีๆ ครับ มีเกือบพันหน้า อธิบายก็ยาก แต่ถ้าเราทราบเรื่องนี้จะทำนายพฤติกรรมของมนุษย์พอไปได้บ้างครับ ดีกว่าไม่รู้อะไรเลยและทำให้มีสติอยู่กับตัวบ่อยกว่าเดิม เวลาที่คนทุกคนโดนกดดัน แต่ละคนจะคิดว่า จะตอบสนองต่อแรงกดดันยังไงใช่ไหมครับ คิดไปคิดมาคิดไม่ออกก้อจะบอกกับตัวเองจะคิดว่า "ก้อใช่นะสิ ก้อฉันเป็นคนแบบนี้" ซึ่งสิ่งนี้คือทางออกที่ ego หาทางให้โดยอัตโนมัติจากการประมวล id และ super ego แล้ว แต่จริงๆ ระบบอัตโนมัตินี้ไม่ใช่สติครับ สติจะทำให้จับไต๋ไดว่า ego กำลังสะกดจิตเราให้เป็นไปตามใจที่มันอยากให้เราเป็นว่าเราเป็นคนแบบนี้อย่างที่เราคิด แต่จริงๆ ego แค่ปกป้องเราให้พ้นจากความเจ็บปวด การมีสติจะทำให้เรามองทุกอย่างในใจตนเองออกครับ จากคุณ : เขียนบน iPad (เชื่อเสียงหัวใจ) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 02:04:49

ความคิดเห็นที่ 5 ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดนะครับ ผลิตภัณฑ์ไหนที่รู้สึกว่าเข้มข้น สีสันฉูดฉาด ความเร็วสูง แรง ถึงอกถึงใจ สิ่งนั้นสร้างเพื่อตอบสนอง id ครับ เช่น samsung galaxy sII ส่วนผลิตภัณฑ์ที่รู้สึกว่าใช้แล้วสบายจัง น่าลูบไล้ น่าสัมผัสมันทั้งวันเลย ผลิตภัณฑ์นี้ใช้แล้วรู้สึกดี nice จัง สิ่งนี้สร้างเพื่อตอบสนอง super ego ครับ เช่น iphone หรือรถยนต์ lexus ที่บอกไปอันนี้เป็นสิ่งที่ผมเข้าใจเองครับ มาจากสัญชาติญาณผมเข้าใจจิตวิทยาได้ง่ายมากจนแทบจะเป็นพรสวรรค์เลยครับ สังเกตป่าวครับ ฝ่าย id กับฝ่าย super ego มักจะทะเลาะหรืออยู่ตรงกันข้ามกัน แท้จริงแล้วธรรมชาติสร้างสิ่งเหล่านี้มาเพื่อคานกันครับ เป็นวิวัฒนาการความสมดุลของมนุษย์ จากคุณ : เขียนบน iPad (เชื่อเสียงหัวใจ) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 02:12:39

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่เกี่ยวกับกระทู้ แต่ผมเป็นคนนึงที่ไม่ชอบทฤษฏี psychoanalysis ของซิกมันด์ ฟรอยด์ ให้อ่านเอามันพอได้ จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 02:18:17

ความคิดเห็นที่ 7 Ego บางคนก็แข็ง บางคนก็อ่อน คนที่มี ego แข็งมักมีบุคลิกที่ก้าวร้าวครับ มีตัวตนชัดเจนแน่นอน สิ่งที่เห็นคือสิ่งที่เขาเป็น  คนที่ ego อ่อนจะชอบอยู่ในโลกของความคิด มีพรสวรรค์ด้านฟิสิกส์เกี่ยวกับการทำนายจักรวาล โลก หรือเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่ยำ Ego ไม่ได้หมายถึงทิฐิเลยครับ คนละประเด็นกันเลย Ego คือสิ่งที่เราคิดว่าเราเป็นใครต่างหากครับ ego คือตัวตน จากคุณ : เขียนบน iPad (เชื่อเสียงหัวใจ) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 02:21:58

ความคิดเห็นที่ 8 ในโลกนี้น่าอัศจรรย์มากครับ ทุกคนมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน จุดเด่นจุดด้อยต่างกัน แต่ธรรมชาติสร้างมาให้สมดุล มีทั้งพระเอกผู้ร้ายต่อสู้กัน มีกองเชียร์ตรงกลาง สรุปสุดท้ายของจิตวิทยาที่ผมศึกษามาคือ ศาสนาพุทธคับ อนัตตา ความไม่มีตัวตน ทุกสิ่งล้วนสมมติ ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ สิ่งนั้นคือสิ่งสุดยอดครับ สติคำเดียวเลย สังเกตให้รู้ตนทุกวินาทีว่ากำลังทำอะไร คิดอะไร ไม่ใช่หลอกตัวเองว่าไม่คิด แต่รับรู้ให้เข้าใจโดยปราศจากอคติ ผมว่าฝรั่งยังไม่เข้าใจ เอามาโยงกับศาสนาพุทธไม่ถูก เพราะเขาไม่ใช่ตะวันออกเหมือนเรา เขาคิดเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุผล แต่ตะวันออกคิดแบบอารมณ์ความรู้สึก อธิบายไม่ได้แต่รู้สึกได้ ลืมบอกไป ผมนับถือคริสต์คับ จากคุณ : เขียนบน iPad (เชื่อเสียงหัวใจ) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 02:30:24

ความคิดเห็นที่ 9 ....    อิด เป็นธรรมชาติแรงขับที่ทำให้เราทำกิจกรรมต่างๆ เหมือนกับสัตว์โลกทั่ว ไป คือหิวก็ต้องหากิน อยากสืบพันธุ์ก็ต้องเสาะแสวงหาคู่ ถ้าเกิดกลัวขึ้นมาก็สู้ หรือหนี ซึ่งแรงขับเหล่านี้ก็เพื่อความอยู่รอดแท้ๆ เพราะมนุษย์เราก็คือสัตว์ชนิด หนึ่ง อีโก้ ซึ่งความจริงอีโก้นี่คือส่วนที่คิด ส่วนที่รับรู้และส่วนที่ประมาณสถานการณ์ ซุปเปอร์อีโก้ ก็คือส่วนที่ได้รับการปลูกฝังสั่งสอนจากพ่อแม่ ครู และศาสนา ซึ่ง เป็นกฎเกณฑ์ประเภทที่ทำยากคือ การช่วยชีวิตคนอื่น เสียสละเพื่อส่วนรวม (ลุก ให้ที่นั่งผู้หญิงท้องหรือคนแก่นั่งบนรถไฟฟ้า) ให้ทาน อะไรทำนองนี้ ซึ่งของอย่างนี้ไม่สอนก็ไม่มีใครทำ อธิบายความสัมพันธ์ทั้งสามสิ่ง        อีโก้คือส่วนที่เหนื่อยที่สุด เพราะต้องคอยรั้งดึงทั้งอิดและซุปเปอร์อีโก้อยู่ ตลอดเวลา เช่น หากหิวขึ้นมาไม่มีสตางค์ อิดก็จะสั่งให้แย่งหรือวิ่งราว ซึ่งอีโก้ ต้องคอยดึงเอาไว้ว่า หากทำลงไปก็ติดคุกด้วยกันหมด นอกจากนี้อีโก้ยังต้องคิด หาวิธีแก้ไขความหิวด้วยวิธีอื่น เช่น ไปขอเขากินดีๆ หรือไปอาสาทำงานแลก ข้าว เพราะถ้าไม่แก้ปัญหาให้อิด ก็จะมีเรื่องไม่มีที่สิ้นสุด          หรือในกรณีที่ไปเจอคนตกน้ำ ซุปเปอร์อีโก้ก็สั่งให้โดดน้ำลงไปช่วย ซึ่งอี โก้ก็ต้องคอยรั้งเอาไว้ว่า ตัวเราเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น หากโดดลงไปช่วยก็จมน้ำ ตาย และอีโก้ต้องคิดหาวิธีช่วยเพื่อไม่ให้ซุปเปอร์อีโก้ดึงดันต่อไป เช่น โยนชูชีพ ให้หรือไปตามคนมาช่วยเป็นต้น            อีโก้ต้องเหนื่อยที่สุดตลอดเวลา ดังนั้น เวลาที่อีโกได้พักผ่อนคือ ช่วงที่นอนหลับ เพราะตอนนอนหลับ เราจึงฝัน เวลาที่ฝันนี่เองที่เปิดโอกาสให้อิดกับซุปเปอร์อีโก้ ออกฤทธิ์ตามสบาย อยากจะปล้ำข่มขืนใครก็เชิญในฝัน หรืออยากจะเป็นฮีโร่เสียสละชีวิต เพื่อชาติก็เอาตามสบาย ดังนั้น ถ้าคนนอนไม่หลับนานๆ ก็เป็นบร้าเอาง่ายๆ เนื่องจากอีโก้รับงานไม่ไหวนั่นเอง            นันทนาการ เช่น การดูหนังดูละครก็ดี เปิดโอกาสให้อีโก้ได้พักอีก เหมือนกัน อย่างดูหนังเรื่องบางระจันหรือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือสุริโย ไท ก็ทำให้ซุปเปอร์อีโก้สมหวัง อีโก้ก็ไม่เหนื่อยเพราะนั่งดูอยู่เฉยๆ         หนังโป๊ประเภท XX  ก็ทำให้อิดได้สมหวังเหมือนกัน หากฉายในโรง ภาพยนตร์ใหญ่ๆ เพราะนั่งดูเฉยๆ ดังนั้น ในต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรปและ สหรัฐอเมริกาเขาจึงอนุญาตให้ฉายหนังอย่างนี้อย่างเปิดเผยได้ โดยกำหนดอายุ คนที่จะเข้าดู เพราะบรรดาเด็กๆ นั้น อีโก้ยังไม่แข็งแรงแต่ร่างกายเข้มแข็ง อาจจะ เป็นโทษได้ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 04:42:45

ความคิดเห็นที่ 10 เราไปคิดกันเอาเองว่า Id กับ Ego เป็นของไม่ดี จากคุณ : oryze เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 08:39:27

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่า id, ego superego มันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งไหนของสมองซะทีเดียวนะครับ แต่มันเป็นสิ่งที่ฟรอยอธิบายในเรื่องของจิตใจ (เท่าทีผมเข้าใจนะ) id -> basic drive เช่น หิวก็กิน ง่วงก็นอน ego -> reality principle -> เป็นตัวควบคุม id ให้ตอบสนองในสถานการณ์จริง เช่น จากง่วงก็นอน แต่ตอนนี้ทำงานอยู่ ยังนอนไม่ได้ Superego -> conscience -> เกิดจากการหล่อหลอมของสังคม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี รวมทั้งศาสนา ความเชื่อ เช่น หิวมาก ไม่มีเงินซื้อขาวกิน ก็ไม่ขโมย มดกัดเราเจ็บก็ไม่ตีแต่เขี่ยมันออก จากคุณ : Brugada (Brugada) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 09:38:29

ความคิดเห็นที่ 12 เทียบแบบคร่าวๆจะเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ Id คือ กิเลส และ ตัณหา มีในมนุษย์ทุกคน มากน้อยไม่เท่ากัน Ego คือ ทิฐิ และ อัตตา ความยึดมั่นถือมั่นในตัวเองและความคิดของตน SuperEgo คือ สติปัญญา เป็นส่วนที่พัฒนาขึ้นจากการเรียนรู้ภายหลัง จากคุณ : omega. เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 09:57:30

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเอามาจากตำราหลายเล่มครับโดยเนื้อหาความเข้าใจตรงกัน มีการเปรียบเทียบว่าสมองส่วนไหนทำหน้าที่อะไร โดยเปรียบเทียบกับสมองของสัตว์ชนิดอื่นครับ อย่างสมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ไม่ใช่มนุษย์จะมีสมองส่วน id เยอะมากครับเมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนของสมองสามส่วน แต่สมองมุษย์จะมีการพัฒนาของสมองส่วนหน้ามาก ซึ่งจัดว่ามนุษย์มีพัฒนาการขั้นสูงสุดเพราะสมองส่วนนี้ิวิวัฒนาการขึ้นมาหลังสุดครับ เคยสังเกตกันป่าวครับ บางคนเป็นคนขี้เหนียวมาก ประหยัดสุดๆ ตอนวัยเด็กเขาจะมีปัญหาด้านการขับถ่ายครับ จุดสนใจของเขาอยู่ที่ช่องท้อง แลรอบๆ ทวารหนัก ตอนเป็นผู้ใหญ่เขามักมีปัญหาด้านการขับถ่ายครับ แต่อาจไม่จริงเสมอไป  แต่ที่แน่ๆ ช่องท้องคือจุดรวมปัญหาของเขา บางคนเป็นคนที่ทำให้ตัวเองดูดีตลอดเวลา เป็นนักสรา้งภาพแสดงละครหลอกเราจนเราไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนอย่างไร แต่เขาก็ไม่รุ้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร ลึกๆ แล้วเขากลัวการถูกปฏิเสธ กลัวการเป็นคนไร้ค่า เขาคิดว่าภาพลักษณ์จะทำให้ทุกๆ คนรักเขาเหมือนกับวัยเด็ก ที่แม่จะรักเขาเมื่อเขาประสบความสำเร็จ เราจะสังเกตเห็นว่าเขามักตามกระแส ชอบทำอะไรให้ดูเด่น ดูมีเส่นห์ แต่บางทีรู้สึกว่าเขาเป็นแบบดูเขาแต่ตามืออย่าต้องของจะเสีย ประมาณนั้น จุดสนใจของเขาอยู่ที่หัวใจครับ เขากังวลเกี่ยวกัวหัวใจ นอกจากนี้ในยังแบ่งจิตออกเป็น จิตสำนึก จิตใต้สำนึก จิตไร้สำนึกอีกครับ จิตสำนึกคือสิ่งที่คิดเข้าใจ รับรู้ตอนตื่น จิตใต้สำนึกคือ สิ่งที่เก็บกดเอาไว้ จิตไร้สึกนึก คือ สุญญากาศ ดูดทุกสิ่งไว้ตลอดเวลา ต้องเต็มอยู่เสมอ ปกติตอนตื่นนอน กลางวัน จิตสำนึกก็ทำหน้าที่ไปโดย ego บ่งบอกว่าฉันเป็นใคร นิสัยอย่างไร จิตใต้สำนึกก็คอยเก็บประสบการณ์ที่อธิบายด้วยคำพูดไม่ได้ไปเพื่อเอาตัวรอด จิตไร้สำนึกก็คอยดูดทั้งสองอย่างนี้ไว้อย่างแน่นหนาให้รู้สึกลึกๆว่า ฉันมีชีวิตไม่มีวันตาย คนที่ตายในข่าวไม่มีวันเป็นฉันแน่ๆ จิตไร้สำนึกเป็นสุญญากาศที่เข้มแข็งและรุนแรง ดูดตัวตนของเราไว้จนเรามองไม่เห็นตัวเอง เวลาเดียวที่ทำให้เรามองเห็นตัวเองก็คือตอนรอดจากอุบัติเหตุ หรือตอนที่พบสภาพแวดล้อมใหม่น่าสดชื่นมาก เช่นในป่าที่สวยงามรู้สึกปลอดภัย ตอนนั้นเราจะสัมผัสได้ว่าสบายใจอย่างประหลาด สบายใจสุดๆอย่างบอกไม่ถูกและอยู่กับวินาทีที่มีค่านั้นได้อย่างยาวนาน วินาทีนั้นคือ สติ ครับ สติคือช่วงเวลาที่หลุดพ้นจากการครอบงำของตัวตนที่สร้างชึ้นมาเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวดในวัยเด็ก แต่พอสักพักสติจะหายไป จิตไร้สำนึกดูดทุกสิ่งเหมือนเดิม ถ้ามีสติได้ตลอดในชีวิตประจำวัน เราจะเป็นอิสระต่อการถูกอะไรก็ไม่รู้ที่ควบคุมเราอยู่ไม่ให้อิสระครับ พูดไปก็ยากนะครับ ใครที่เวลากดดันแล้วยังรักษาสติได้อยู่คนนั้นคือคนที่เก่งสุดๆ ครับ จะนำพาทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จและเป็นไปได้ด้วยดีเลยทีเดียว จากคุณ : เขียนบน iPad (เชื่อเสียงหัวใจ) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 11:37:03

ความคิดเห็นที่ 14 ตลกป่าวครับ บางครั้งเราเจอเพื่อนบางคน เขาจะบังคับให้เราเชื่อและทำตามที่เขาอยากให้เรามองเขาแบบนั้น เขากำลังกดดันสิ่งแวดล้อมให้เชื่อว่่าเขาเป็นแบบนั้น มีการตบรางวัลและลงโทษในปริมาณที่จะได้รับการตอบสนองพอดีๆ เมื่อคนสองคนกดดันกันทั้งสองก็เต้นท่ารำท่าซ้ำๆ ตลกดี จะว่าไปจิตวิทยาปวดหัวอ่ะ 555 แต่ชอบ จากคุณ : เขียนบน iPad (เชื่อเสียงหัวใจ) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 11:46:25

ความคิดเห็นที่ 15 เอาจริง ๆ ตัวที่เป็นแรงขับ และมีพลวัต จะเป็นแค่ Id กับ Superego ครับ สองตัวนี้ส่งแรงขับมาปะทะเจอกันแล้วตัว Ego จะเป็นตัวจัดการกับแรงขับเหล่านั้นในทางใดทางหนึ่ง เพื่อให้ได้รับการตอบสนอง หากจัดการไม่ดี จัดการไม่เหมาะสม ก็เกิดเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือจัดการไม่เหมาะสม หาวิธีจัดการไม่ได้ แรงขับก็ปลิ้นออกมาเป็นความอปกติทางจิตและบุคลิกภาพ เพราะฉะนั้นเขาจึงมักจะยก Ego ออกมาเป็นตัวหลักในการพูดถึงตัวตนของปัจเจกเพราะมันส่อถึงวิธีการจัดการกับแรงขับต่าง ๆ นานา   เพราะฉะนั้น ทิฐิ มานะ การถือตน เย่อหยิ่ง ไม่ใช่ Ego สูง มันเป็นแค่รูปแบบการจัดการแบบหนึ่งของ Ego เท่านั้น ถ้า Ego สูง หมายถึง Ego แข็งแรง พวกนี้จึงน่าจะถูกจัดเป็นพวกที่มีบุคลิกภาพชัดเจน ไม่แปรปรวน คำว่า อีโก้สูง จึงเป็นเพียงแค่คำเปรียบเปรย ไม่ใช่คำพูดที่มีรากมาจากทฤษฎีแต่อย่างใด เพิ่มเติม Id Ego และ Superego มันเป็น ทฤษฎี โครงสร้างบุคลิกภาพครับ พูดถึงหน้าที่ แรงขับ และกระบวนการในการจัดการกับแรงขับ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 11:54:05 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 54 11:48:59 จากคุณ : Capo เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 11:46:45

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่า ego เนียมันเป็นตัวดึงระหว่าง Id กับ Superego นะ ถ้าคนไหน ego อ่อนหรือน้อย เนี่ย แล้วถ้าฝักใฝ่ไปในทางของ Id เนี่ย ก็อาจเป็นคนทำอะไรนอกลู่นอกทาง หรือถ้าเอนไปทาง Super ego ก็อาจเรียกได้ว่าพวกตรงๆ อยู่ในกฏ ไม่นอกลู่นอกทาง ภูมิใจในตัวเองสูงประมาณนั้นหรือที่ชอบเรียกกันว่าหยิ่งก็ได้ ผมเห็นว่า ego เนี่ยสำคัญ ถ้าขาดตัวนี้ไปล่ะแย่เลย จาก คห.2 ผมจะเปลี่ยนคำพูดเป็นงี้ได้ไหมถ้าเราหิวข้าวมากๆมาเจอใครก็ไม่รู้กินข้าวอยู่ หากเราไม่มี Ego (มีแต่ Id) เราก็คงจะเข้าไปแย่งกินด้วยแบบไม่บอกล่าวและหากเรามี Ego ที่แข็งแรงหน่อย จิตทางด้าน Super ego มันก็จะสั่งว่า ข้าวจานละ 30 บาท ซื้อเองดีกว่า ผมจึงคิดว่า Ego เนี่ยเป็นตัวกลางคอยฉุดรั้ง Id(จิตใฝ่ต่ำ) กับ Super ego(จิตใฝ่สูง) จากคุณ : clicktam@hotmail.com (stnun) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 12:33:14

ความคิดเห็นที่ 17 SuperEgo คือ สติปัญญา เป็นส่วนที่พัฒนาขึ้นจากการเรียนรู้ภายหลัง จากคุณ : omega.   *************** อันนี้น่าสนใจ แต่ก็ยัง งงๆ จากคุณ : boombiimm เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 17:45:16