ความคิดเห็นที่ 1 ฝรั่งเขาจัดแบ่งประเภทของเรือดำน้ำออกเป็นหลายประเภทตามแหล่งพลังงาน และการใช้งาน แต่เมื่อแบ่งแบบกว้างๆ แล้วก็จะมีอยู่ 2 แบบคือแบบที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Submarine) กับไม่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ (Non- Nuclear Submarine) หรือที่เรียกกันว่าแบบดั้งเดิม (Conventional Submarine) ซึ่งเรือดำน้ำทั้งสองประเภทนี้ก็มีความแตกต่างกันในแทบทุกๆ ด้าน เช่น แหล่งพลังงาน ระยะเวลาปฏิบัติการ ขนาด พื้นที่ปฏิบัติการ อาวุธ และกำลังพล จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 07:59:51

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อเรือดำน้ำแบบดั้งเดิมเปลี่ยนแปลงไป เรือดำน้ำแบบดั้งเดิม (Conventional Submarine) นั้น ปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปไกลอย่างก้าวกระโดด โดยเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีหลายอย่างที่ใช้ในวงการทหารทั้งที่พัฒนามาเพื่อใช้กับเรือดำน้ำ และไม่ได้พัฒนามาเพื่อใช้กับเรือดำน้ำ แต่เมื่อเห็นว่ามีโอกาสว่าจะใช้กับเรือดำน้ำได้ ก็ได้มีการพัฒนารุ่นสำหรับใช้ในเรือดำน้ำขึ้นมาโดยเฉพาะ หรือนำมาใช้กับเรือดำน้ำเอาดื้อๆ เลย ได้แก่ เทคโนโลยี Stealth ที่ก็เป็นผลมาจากเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้กับเครื่องบินและเรือผิวน้ำ อย่างเช่นวัสดุหุ้มพื้นผิวที่มีคุณสมบัติดูดกลืนคลื่นเรดาร์และโซนาร์ ระบบขับเคลื่อนแบบ Air Independence Propulsion หรือ AIP ที่มีผลมาจากเทคโนโลยีทางด้านพลังงานเช่น พลังงานจาก Fuel Cell เครื่องยนต์แบบ Stirling ระบบเดินเรือ ระบบสื่อสาร ระบบตรวจจับ ระบบอาวุธ และระบบอำนวยการรบแบบรวมการณ์ (Integrated Combat & Command System) อันทันสมัย อันเป็นผลมาจากการพัฒนาของระบบคอมพิวเตอร์และการทดลองใช้งานบนเรือผิวน้ำ เรือดำน้ำ และอากาศยานแบบต่างๆ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:00:14

ความคิดเห็นที่ 3 ผลจากการพัฒนาระบบที่ทันสมัยเพิ่มมากขึ้นนี้เอง ทำให้เรือดำน้ำแบบดั้งเดิม เป็นอาวุธที่ไม่ล้าสมัยเหมือนดั่งชื่อ แต่มีความทันสมัยเทียบเท่ากับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ต่างกันตรงที่ระบบขับเคลื่อน และข้อจำกัดเฉพาะบางประการที่เป็นผลมาจากพลังงานนิวเคลียร์เท่านั้นเอง และนั่นทำให้เรือดำน้ำประเภทนี้เป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง สำหรับประเทศที่มีงบประมาณทางทหารไม่มากมายเท่าใดนัก  เพราะในงบประมาณที่จ่ายไปนั้น เรือดำน้ำประเภทนี้สามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศผู้เป็นเจ้าของได้อย่างมหาศาล จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:00:39

ความคิดเห็นที่ 4 เรือดำน้ำขนาดเล็ก และขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนที่ไม่ใช่พลังงานนิวเคลียร์นี้ สามารถปฏิบัติภารกิจได้หลากหลายตั้งแต่การลาดตระเวนน่านน้ำ ไปจนถึงการปฏิเสธการใช้ทะเลต่อฝ่ายตรงข้าม (Highly potent sea denial) ซึ่งฝ่ายตรงข้ามอาจจะเป็นประเทศที่มีกำลังทหารเข้มแข็งกว่า และมีกองเรือปราบเรือดำน้ำที่มีระบบต่อต้านเรือดำน้ำอันทันสมัยก็ได้ ซึ่งในเรื่องนี้ ทั่วโลกก็ได้ประจักษ์แล้วจากเหตุการณ์ที่เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าชั้นซ่ง หรือ Type 039 ของกองกำลังปลดปล่อยประชาชนฝ่ายกองทัพเรือของจีน (People’s Liberation Army Navy ย่อว่า PLAN หรือ PLA Navy) ได้ติดตามกองเรือบรรทุกเครื่องบินของนาวีสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก และได้ลอยลำขึ้นมาในระยะยิงของตอริปิโดและอาวุธปล่อยฯ ที่สามารถโจมตีเรือ USS Kitty Hawk ได้ เป็นที่ตกตะลึงพรึงเพริดของเรือต่างๆ ในขณะนั้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เรือดำน้ำชั้นซ่ง สามารถเล็ดลอดการตรวจจับของกองเรือปราบเรือดำน้ำ และเรือดำน้ำที่เป็นเรือคุ้มกันของ USS Kitty Hawk ได้ โดยสาเหตุที่ถูกตรวจพบนั้น ก็เป็นเพราะว่า อากาศยานที่ขึ้นบินจากเรือ USS. Kitty Hawk นั้น มองเห็นจากทางอากาศ ไม่ได้ถูกจับได้จากการใช้ระบบตรวจจับเรือดำน้ำเลยสักกระผีกเดียว อีกทั้ง เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้เกิดขึ้นในน่านน้ำโอกินาว่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกพื้นที่ปฏิบัติการของเรือดำน้ำของ PLAN แสดงให้เห็นว่า เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้า ขนาด 2,250 ตันนี้ สามารถปฏิบัติการได้ไกล และครอบคลุมทั้งในเขตน้ำตื้น และทะเลลึก จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:00:57

ความคิดเห็นที่ 5 เรือดำน้ำ Type 039 ชั้นซ่ง จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:01:23

ความคิดเห็นที่ 6 อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นกรณีศึกษาสำหรับเรือดำน้ำแบบดั้งเดิมนี้ก็คือ เรือดำน้ำ ARA San Luis ชั้น Type 209  ของอาร์เจนตินา ที่ปฏิบัติการในสงครามฟอล์คแลนด์ (Falklands หรือ Malvinas) ซึ่งทำให้กองเรือใหญ่น้อยของอังกฤษต้องปั่นป่วนไปทั่วท้องทะเล เนื่องจากกองเรือปราบเรือดำน้ำอันทันสมัยที่สุดในขณะนั้น พยายามค้นหาแล้วค้นหาอีก ก็ไม่สามารถค้นหาเรือดำน้ำลำนี้ได้พบ แต่ก็นับเป็นโชคดีของกองเรืออังกฤษที่ระบบควบคุมการยิงของเรือลำนี้เกิดขัดข้องขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ตอร์ปิโดที่ยิงไป 8 ลูกพลาดเป้า มิฉะนั้นแล้ว เรือในกองเรืออังกฤษอย่างน้อยๆ ก็ลำหนึ่งจะต้องจมลงด้วยตอร์ปิโดของเรือดำน้ำ San Luis เป็นแน่แท้ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:01:40

ความคิดเห็นที่ 7 เรือดำน้ำ ARA San Luis ขณะจอดเทียบท่า จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:03:11

ความคิดเห็นที่ 8 ด้วยความน่ากลัวของเรือดำน้ำในยุคใหม่นี้เอง ที่ทำให้สหรัฐฯ ถึงกับขวัญผวา จนต้องประเมินขีดความสามารถของเซนเซอร์ตรวจจับเรือดำน้ำที่มีอยู่กันใหม่ โดยได้ทำการเช่าเรือดำน้ำ HMS Gotland จากสวีเดน พร้อมทั้งลูกเรือ เพื่อมาร่วมฝึกกับกองเรือบรรทุกเครื่องบินจู่โจมของสหรัฐฯ (Carrier Strike Group : CSG) อย่างยาวนานถึง 2 ปี ซึ่งผลการซ้อมรบทุกครั้ง กองเรืออันประกอบไปด้วย เรือพิฆาตชั้น  Arleigh Burke  เรือ cruiser ชั้น Ticonderoga เรือดำน้ำโจมตีชั้น Los Angeles และเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Nimitz ไม่สามารถที่จะจับเรือดำน้ำชั้น Gotland (Type A 19) จากสวีเดนลำนี้ได้เลย โดยมีรายงานว่า เรือ HMS Gotland สามารถลอบเข้าไปถ่ายภาพเรือ USS Ronald Reagan ได้ในระยะยิงของอาวุธปล่อยฯ และตอร์ปิโด และในบางการฝึก สหรัฐฯ ถึงกับต้องให้เรือ HMS Gotland ติดตั้งอุปกรณ์ขยายเสียงเพิ่มเติม เพื่อให้ตรวจจับได้ง่ายขึ้น จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:03:24

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพข่าวของเรือดำน้ำ HMS Gotland กับ เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan ในระหว่างการฝึกซ้อมรบกับกองเรือของสหรัฐฯ ในซานดิเอโก้ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:03:57

ความคิดเห็นที่ 10 สาเหตุที่ทำให้เรือดำน้ำแบบดั้งเดิมนี้ มีความสามารถที่มากขึ้นโดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงการตรวจจับนั้น ก็เป็นเพราะว่า ตัวเรือมีความสามารถในการล่องหนที่มากขึ้น ตั้งแต่ตัวเรือที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานของน้ำอันจะทำให้เกิดเสียงในขณะเคลื่อนที่ ตัวเรือทำจากวัสดุที่ไม่มีอำนาจแม่เหล็กหรือมีเครื่องมือที่ใช้ลบล้างอำนาจแม่เหล็กตัวเรือ และยังหุ้มด้วยวัสดุดูดซับคลื่นโซนาร์และเรดาห์เข้าไปอีก ส่วนระบบขับเคลื่อนก็ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ที่เงียบกว่าเครื่องยนต์ดีเซลหลายเท่าตัว หางเสือที่ออกแบบให้มีความเงียบมากขึ้น ใบจักรที่หมุนด้วยความเร็วต่ำ จนทำให้ไม่เกิดคาวิเตชั่นขึ้น และเครื่องจักรทั้งหมดในเรือถูกวางลงบนแท่นเครื่องที่ป้องกันการสั่นสะเทือน จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:05:47

ความคิดเห็นที่ 11 และอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และยกระดับเรือดำน้ำแบบดั้งเดิม ให้มีความสามารถใกล้เคียงกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์มากยิ่งขึ้นก็คือ อุปกรณ์ที่เรียกว่า AIP ซึ่งย่อมาจาก Air Independent Propulsion เป็นระบบขับเคลื่อนที่ไม่ใช้อากาศในการสันดาป ทำให้เรือดำน้ำไม่ต้องลอยลำขึ้นมาเพื่อเดินเครื่องไฟฟ้าอยู่ใกล้ผิวน้ำบ่อยๆ เหมือนกับเรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าแบบดั้งเดิม โดยระบบนี้ช่วยให้เรือดำน้ำสามารถดำอยู่ในน้ำได้นานขึ้นเป็นอาทิตย์ หรือเกือบเดือนในบางระบบ ความน่ากลัวของเรือดำน้ำแบบดั้งเดิมอีกอย่างหนึ่งก็คือ ด้วยรูปร่างเล็กๆ ของมันนั้น มันทำให้เรือดำน้ำประเภทนี้ตรวจจับได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะนอกจากขนาดเล็กจะทำให้พื้นที่สะท้อนคลื่นโซนาร์มีน้อยแล้ว มันยังสามารถหลบเข้าไปในเขตน้ำตื้น หรือช่องทางการคมนาคมที่มีเรือสัญจรพลุกพล่าน เพื่ออาศัยเสียงใต้น้ำซึ่งมีความสลับซับซ้อนมากกว่าในท้องทะเลลึก ช่วยกำบังตนเองได้ดีอีกด้วย และนอกจากนี้ยังทำให้มันสามารถแทรกซึมเข้าไปยังพื้นที่ชายฝั่งได้ทั่วโลก ดังที่ Frederick Linden ผู้บังคับการเรือ HMS Gotland บอกไว้ว่า ไม่มีน่านน้ำชายฝั่งใดในทวีปอเมริกาเหนือที่เรือดำน้ำลำนี้จะเข้าไปไม่ได้ ซึ่งความสามารถนี้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่มีระวางขับน้ำมากถึง 6,927 ตัน กินน้ำลึก 9.4 เมตร อย่างเรือดำน้ำชั้น Los Angeles ของสหรัฐฯ ไม่สามารถทำได้แน่ๆ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:06:13

ความคิดเห็นที่ 12 เรือดำน้ำแบบดั้งเดิมในตลาดโลก ในเมื่อเรือดำน้ำรุ่นใหม่ๆ นี้ได้พิสูจน์ตัวเอง และมีข้อดีมากมายดังที่ได้กล่าวมาแล้ว จึงทำให้เรือดำน้ำประเภทนี้เป็นที่สนใจมากขึ้นในตลาดโลก ทั้งประเทศเล็กและไม่เล็ก ที่มีงบประมาณทางทหารค่อนข้างจำกัด และไม่ต้องการลงทุนมหาศาลกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ต่างให้ความสนใจที่จะมีเรือดำน้ำขนาดเล็กเหล่านี้เข้าประจำการ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และรักษาสมมาตรทางการทหารกันแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย บราซิล ชิลี กรีก จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และแน่นอน ประเทศไทยเองก็สนใจด้วยเช่นเดียวกัน จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:06:51

ความคิดเห็นที่ 13 ซึ่งผู้นำในการส่งออกเรือดำน้ำประเภทนี้ในตลาดโลก ณ เวลานี้ มีอยู่สี่ประเทศ สามบริษัทใหญ่ๆ หนึ่งก็คือ บริษัท Howaldtswerke-Deutsche Werft หรือย่อสั้นๆ ว่า HDW ของประเทศเยอรมนี ผู้ส่งออกเรือดำน้ำ Type 209 และ Type 214 โดยส่งออก Type 209 มาอย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 มีประเทศที่ใช้เรือดำน้ำชั้นนี้ถึง 14 ประเทศ และส่งออกมาแล้วถึง 63 ลำ ส่วน Type 214 เพิ่งมีการส่งออกเมื่อปี 2000 ยังมีผู้ใช้เป็นจำนวนไม่มาก ได้แก่ กรีซ เกาหลีใต้ ปากีสถาน โปรตุเกส และตุรกี โดยเรือดำน้ำของตุรกีเป็นการร่วมกันสร้างระหว่างเยอรมนีและตุรกี โดยตุรกีมีความต้องการที่จะใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบอาวุธของตนเอง ทำให้เรือดำน้ำชั้นนี้ของตุรกีมีชื่อชั้นว่า Type 214TN (Turkey Navy) จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:07:29

ความคิดเห็นที่ 14 เรือดำน้ำ Type 209 ชั้น Chang Bogo ของเกาหลีใต้ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:08:01

ความคิดเห็นที่ 15 เรือดำน้ำ Type 214 ชั้น Sohn Wonyil หรือ Son Won-il ของเกาหลีใต้ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:08:31

ความคิดเห็นที่ 16 บริษัทที่สองมีชื่อว่า DCNS บริษัทร่วมทุนระหว่างอู่ต่อเรือ DCN ของฝรั่งเศส กับ Navantia ของสเปน (Navantia นั้นก็คือ อู่ต่อเรือ Bazan เดิม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น Izar และเปลี่ยนมาเป็น Navantia ในปัจจุบัน เป็นอู่เรือที่ต่อ ร.ล.จักรีนฤเบศร ให้กับประเทศไทย) โดย DCNS ได้เริ่มส่งออกเรือดำน้ำชั้น Scorpène ในปี ค.ศ. 2005 ปัจจุบันมีผู้ใช้เรือดำน้ำชั้นนี้อยู่ 4 ประเทศคือ ชิลี มาเลเซีย บราซิล และอินเดีย จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:09:14

ความคิดเห็นที่ 17 ต่อมาในปี ค.ศ. 2003 บริษัท Navantia ก็ได้ออกแบบเรือดำน้ำของตัวเองขึ้นมีรหัสว่า S-80 ซึ่งโครงสร้างมีพื้นฐานมาจากเรือดำน้ำชั้น Scorpène แต่เปลี่ยนระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ของบริษัท Lockheed Martin และเปลี่ยนระบบ AIP เป็นแบบที่พัฒนาขึ้นเอง นอกจากนี้ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกหลายส่วนที่ยังไม่มีข้อมูลประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ และที่สำคัญก็คือ รัฐบาลสเปนได้สั่งต่อเรือดำนั้นชั้นนี้ 4 ลำ และยกเลิกการสั่งซื้อเรือดำน้ำชั้น Scorpène จำนวน 4 ลำ มูลค่า 1,756 ล้านยูโร ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ DCNS กำลังสร้างเรือดำน้ำ Scorpène ให้กับประเทศอินเดีย มาเลเซีย และชิลี แน่นอนว่าย่อมทำให้ประเทศผู้ที่สั่งซื้อและกำลังตัดสินใจย่อมต้องเกิดความสงสัยในประสิทธิภาพของเรือดำน้ำหรือราคาของเรือดำน้ำชั้น Scorpène อย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาข้อพิพาทของฝรั่งเศสกับสเปนอยู่ในขณะนี้ เพื่อแก้เกมนี้ ทาง DCNS จึงได้ออกแบบเรือดำน้ำชั้น Marlin ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเป็นคู่แข่งกับเรือดำน้ำชั้น S-80 ของ Navantia แต่ในขณะเดียวกันทาง DCNS ก็ยังคงทำการตลาดเรือดำน้ำชั้น Scorpène ต่อไป ซึ่งคงต้องคอยติดตามอนาคตของเรือดำน้ำทั้ง 3 ชั้นนี้ต่อไป ว่าท้ายที่สุดแล้วจะจบลงเช่นไร จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:09:30

ความคิดเห็นที่ 18 ภาพ Infographic ของเรือดำน้ำชั้น Scorpène จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:10:19

ความคิดเห็นที่ 19 บริษัทที่สามเป็นของรัสเซีย โดยบริษัท Central Design Bureau for Marine Engineering “Rubin” เป็นบริษัทผู้ผลิตเรือดำน้ำชั้น Kilo อันโด่งดังมากว่า 3 ทศวรรษ ซึ่งจำหน่ายให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกไปแล้วกว่า 50 ลำ ซึ่งเรือดำน้ำชั้น Kilo นี้ก็มีทั้งแบบดั้งเดิม โปรเจ็คต์ 877 Paltus (Turbot) และรุ่นปรับปรุงใหม่ที่เรียกกันว่า Improved Kilo และโปรเจ็คต์ 636 Varshavyanka ซึ่งโปรเจ็คต์ทั้งสามนี้ก็ได้มีการขายให้กับประเทศต่างๆ ได้แก่ อินเดีย จีน อิหร่าน โปแลนด์ แอลจีเรีย โรมาเนีย และประเทศล่าสุดคือ เวียดนาม อีกทั้งอินโดนีเซียก็ยังมีความสนใจในเรือดำน้ำชั้นนี้ แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจอยู่ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:11:32

ความคิดเห็นที่ 20 โปรเจ็คต์ 636 ชั้น Kilo จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:12:04

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับเรือดำน้ำในยุคใหม่นี้ Rubin ก็ได้มีการนำเสนอเรือดำน้ำชั้น Amur ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นส่งออกของเรือดำน้ำชั้น Lada ที่ต่อขึ้นใช้งานภายในประเทศ โดยเรือดำนั้นชั้นนี้เป็นเรือดำน้ำในยุคที่ 4 ของรัสเซีย ซึ่งพัฒนาต่อมาจากเรือดำน้ำชั้น Kilo แต่เรือดำน้ำชั้น Amur นี้ ยังไม่ได้มีการผลิต (แต่ Lada นั้น ผลิตขึ้นใช้เองแล้ว) เพียงแต่ได้มีการนำเสนอแบบให้กับอินเดีย พร้อมกับเรือดำน้ำชั้น Scorpène  Type 214 และ S1000 ซึ่งเป็นเรือดำน้ำรุ่นอัพเกรดของเรือดำน้ำชั้น Amur ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดย S1000 นี้เป็นการร่วมทุนกันของบริษัท Rubin กับบริษัท Fincantieri ของอิตาลี แต่ในที่สุดอินเดียก็ได้เลือกเรือดำน้ำชั้น Scorpène จำนวน 6 ลำ มูลค่าสามพันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นคำตอบสุดท้าย จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:12:35

ความคิดเห็นที่ 22 เรือดำน้ำชั้น Lada ของรัสเซีย เป็นเรือชั้นเดียวชั้น Amur ที่เป็นเวอร์ชั่นส่งออก จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:13:10

ความคิดเห็นที่ 23 ทางด้านของบริษัท Kockums เจ้าของเรือดำน้ำสวีเดนหลายต่อหลายรุ่น รวมถึงรุ่นดังอย่างชั้น Gotland ด้วย ก็สนใจที่จะส่งออกเรือดำน้ำรุ่นใหม่บ้างเหมือนกัน เมื่อมองเห็นช่องทางการตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล โดยได้ออกแบบและกำลังต่อเรือดำน้ำชั้น A 26 โดยลูกค้ารายแรกก็คือ กองทัพเรือสวีเดนนั่นเอง ส่วนในลำถัดๆ ไปที่จะนำออกจำหน่ายให้กับนานาประเทศนั้น สวีเดนก็กำลังทาบทามประเทศต่างๆ เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในช่วงของการทำวิจัยและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยได้ทาบทามประเทศ นอร์เวย์ และโปแลนด์ ซึ่งเคยเข้าร่วมโปรเจ็คต์ Nordic-Viking Submarine ด้วยกันมาก่อน (แต่ไม่ประสบความสำเร็จ) ส่วนอีกประเทศหนึ่งที่ Kockums กำลังจีบให้มาเข้าร่วมโปรเจ็คต์นั้นก็คือ สิงคโปร์ ที่ตอนนี้เข้าเป็นพาร์ทเนอร์กับอุตสาหกรรมทางทหารกับประเทศต่างๆ ไว้ทั่วไปหมดเช่น โครงการ Joint Strike Fighting F-35 ของสหรัฐอเมริกา จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:13:26

ความคิดเห็นที่ 24 เรือดำน้ำชั้น A 26 ของสวีเดน จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:13:46

ความคิดเห็นที่ 25 เรือดำน้ำของทุกบริษัทที่นำเสนอมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรือดำน้ำที่มีระวางขับน้ำอยู่ระหว่าง 1,100 – 2,500 ตัน ในขณะดำ ซึ่งสามารถปฏิบัติการได้ตั้งแต่เขตน้ำตื้น ช่องแคบ ตลอดจนถึงมหาสมุทร และมักจะมีตัวเลือกสำหรับประเทศในเขตร้อนเสมอ คือสามารถที่จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศได้ และสามารถเลือกได้ว่าจะติดตั้งระบบ AIP หรือไม่ ซึ่งตรงนี้สามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้อย่างมหาศาล เพราะระบบ AIP จัดเป็นระบบที่แพงมาก ซึ่งการมีตัวเลือกให้ติดตั้งระบบ AIP ได้ในภายหลังนี้ ทำให้ประเทศที่สนใจเรือดำน้ำประเภทนี้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยเมื่อมีงบประมาณเพิ่มเติมในภายหลัง ก็สามารถอัพเกรด ระบบ AIP ได้ โดยทั่วไปแล้วจะดำเนินการโดยตัดตัวเรือออกเป็นสองท่อน แล้วแทรกตัวเรือทิ่ติดตั้งระบบ AIP มาแล้วลงไป แล้วต่อส่วนหัวท้ายกลับเข้าไปอย่างเดิม โดยโมดูลเชื่อมต่อต่างๆ ได้ออกแบบไว้เพื่อการนี้ไว้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีผลกระทบต่อโครงสร้างและระบบเดิมของเรือน้อยมาก เว้นเสียแต่ว่า ตัวเรือจะมีความยาวเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:14:06

ความคิดเห็นที่ 26 ขีดความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวของเรือดำน้ำแบบดั้งเดิม สหรัฐฯ นั้น น่าจะเป็นประเทศที่กลัวภัยจากเรือดำน้ำชนิดนี้มากที่สุด ดังนั้นจึงมีความระแวดระวังมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยนอกจากจะมีการฝึกซ้อมรบกับเรือดำน้ำ HMS Gotland ของสวีเดน เพื่อประเมินขีดความสามารถของตัวเองแล้ว ยังได้ทำการประเมินความอันตรายของเรือดำน้ำแบบดั้งเดิมนี้ออกมาอย่างน่าสนใจ อย่างเช่น อะไรบ้างที่เรือดำน้ำชนิดนี้สามารถจะกระทำได้ เรือดำน้ำ HMS Gotland ของสวีเดน จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:14:45

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อพูดถึงเรือดำน้ำแบบดั้งเดิม สหรัฐฯ จะหมายถึง เรือดำน้ำโจมตี (Hunter Killer Submarine) ที่มีรหัสว่า SSK ซึ่งปัจจุบันสหรัฐฯ ไม่มีเรือดำน้ำประเภทนี้แล้ว แต่ประเทศอื่นๆ ยังนิยมใช้เรือดำน้ำประเภทนี้อยู่ และพัฒนาขึ้นมาเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ อยู่ในขณะนี้ ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐฯ (US Office of Naval Intelligence) ได้สรุปขีดความสามารถของเรือดำน้ำแบบดั้งเดิมออกมาเป็นหัวข้อได้แก่ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:15:49

ความคิดเห็นที่ 28 1.ลาดตระเวน สอดแนม รวบรวมข่าวกรอง ตรวจการณ์ในแนวหน้า จะมีอะไรที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในดินแดนของข้าศึก แล้วเจ้าของบ้านเค้าไม่รู้ตัวได้ดีเท่ากับเรือดำน้ำล่ะครับ (เว้นก็แต่ดาวเทียมสอดแนม แต่มันก็ได้แค่สอดแนมเท่านั้น) และยิ่งเป็นเรือดำน้ำขนาดเล็กแค่ 1,000-2,000 ตันด้วยแล้ว ยิ่งเข้าไปได้ลึกจนมองเห็นแนวชายหาดเลยทีเดียว เรือดำน้ำจัดเป็นอาวุธที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดในการลอบเข้าน่านน้ำประเทศอื่น แล้วไม่ถูกจับได้ ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมระหว่างประเทศ เรือดำน้ำสามารถใช้ลอบเข้าดินแดนข้าศึกได้โดยที่ไม่เพิ่มความตึงเครียดระหว่างประเทศ สามารถหลีกเลี่ยงการยกระดับของความบาดหมางทางการเมืองได้ โดยที่เรายังคงได้เปรียบในด้านการหาข้อมูลข่าวสาร จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:16:12

ความคิดเห็นที่ 29 เรือดำน้ำชั้น Scorpène , O'Higgins ของชิลี จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:16:44

ความคิดเห็นที่ 30 2.วางกำลังในแนวหน้า หากในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ตึงเครียดสุดๆ แล้ว เรือดำน้ำสามารถชิงลงมือปฏิบัติการได้ก่อน โดยไปวางกำลังในแนวหน้า เมื่อมีการประกาศสงครามขึ้นเมื่อไหร่ เรือดำน้ำสามารถที่จะดักจมเรือต่างๆ หรือวางทุ่นระเบิด หรือส่งชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าไปในพื้นที่ได้ทันที เป็นการชิงความได้เปรียบทางยุทธวิธีได้อย่างดียิ่ง จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:16:58

ความคิดเห็นที่ 31 3.วางระเบิดแนวรุก โจมตีเรือ ก่อกวนเส้นทางคมนาคมในช่องแคบ หรือเส้นทางเดินเรือ เรือดำน้ำสามารถเพิ่มความสามารถในการซ่อนพรางได้เป็นอย่างดียิ่ง เมื่อแฝงตัวไปกับเรือต่างๆ มากมายที่ผ่านเข้าออกในเส้นทางคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเล ช่องแคบต่างๆ เพราะเสียงจากใบจักรต่างๆ ของเรือเล็กเรือใหญ่ เสียงของสภาวะแวดล้อม ที่สะท้อนไปมาอยู่ในช่องแคบ สามารถช่วยกลบเสียงของเรือดำน้ำขนาดเล็กเหล่านี้ ที่ก็มีความเงียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ตรวจจับได้ยากเข้าไปอีก ดังนั้นการจะวางระเบิดปิดกั้นช่องแคบ การโจมตีเรือผิวน้ำ จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเรือดำน้ำประเภทนี้ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:17:19

ความคิดเห็นที่ 32 4.ปฏิเสธการใช้ทะเล ข้อนี้นับเป็นจุดเด่นข้อใหญ่ ของเรือดำน้ำแบบดั้งเดิมนี้ เพราะเพียงเรือดำน้ำเล็กๆ ลำเดียวก็สามารถที่จะปฏิเสธการใช้ทะเลต่อประเทศต่างๆ ได้ โดยสหรัฐฯ ได้ประเมินว่า ต่อให้ประเทศที่ครอบครองเรือดำน้ำนั้น เป็นประเทศที่ยังอ่อนประสบการณ์ในเรื่องเรือดำน้ำ หรือการปราบเรือดำน้ำ ก็สามารถที่จะปฏิเสธการใช้ทะเลได้ และถ้าตกอยู่ในมือผู้ใช้ที่มากประสบการณ์แล้วล่ะก็ แม้คู่ต่อสู้ที่มีกองเรือที่มีระบบปราบเรือดำน้ำอันทันสมัยมากมาย ก็อาจจะต้องพ่ายให้กับเรือดำน้ำแบบนี้ก็เป็นได้ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:17:36

ความคิดเห็นที่ 33 5.ขนส่งและรับกลับชุดปฏิบัติการพิเศษ แม้ข้อนี้จะดูไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่เท่าใดนัก เพราะมีการส่งชุดปฏิบัติการพิเศษแทรกซึมขึ้นสู่ฝั่งด้วยเรือดำน้ำมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังจัดเป็นคุณสมบัติเด่นของเรือดำน้ำอยู่ดี และเป็นที่นิยมสำหรับประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องหน่วยรบพิเศษทั้งหลายด้วย โดยในเรือดำน้ำรุ่นใหม่ๆ นั้น จะออกแบบให้มีห้องหรือที่พักสำหรับชุดปฏิบัติการพิเศษ และออกแบบให้ท่อยิงตอร์ปิโดมีขนาดใหญ่ขึ้น สำหรับส่งยานดำน้ำพร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษออกไปทางท่อนี้ได้ด้วย หรือแม้แต่กระทั่ง ติดตั้งปืนกลไร้แรงสะท้อน แท่นปล่อย UAV บริเวณเสาที่เรียกว่า Mast เพื่อสนับสนุนชุดปฏิบัติการพิเศษได้อีกด้วย (ระบบ Gabler’s Triple M Modular Multifunction Mast) จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:17:58

ความคิดเห็นที่ 34 ภาพกราฟฟิคของเรือดำน้ำ Type 039 ชั้นซ่ง จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:18:22

ความคิดเห็นที่ 35 จากเนื้อความที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าเรือดำน้ำนั้นมีประโยชน์อย่างมหาศาล และมีความคุ้มค่ามากถึงมากที่สุด มิฉะนั้นแล้ว ก็คงไม่เป็นที่สนใจของประเทศน้อยใหญ่ทั่วโลก และตลาดเรือดำน้ำคงจะไม่เติบโต และมีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างในปัจจุบันนี้ เอกสารอ้างอิง 1. Jane’s Defenece Weekly Volume 48 ISSUE 15 , 13 APRIL 2011 2. en.wikipedia.org 3. http://vif2ne.ru/nvk/forum/archive/1825/1825730.htm 4. Gotland class subs scare the US navy http://xmb.stuffucanuse.com/xmb/viewthread.php?tid=3056 5. http://youtu.be/v1UPG7XwhWw จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:19:13

ความคิดเห็นที่ 37 จบแล้วครับ ไม่รู้จะชอบกันหรือเปล่า เกรงว่าจะไม่ค่อยชอบเรื่องยาวกัน แล้วเดี๋ยวนีหว้ากอก็ไม่เหมือนเดิมแล้วที่จะมาอ่านอะไรกันยาวๆ รูปน้อยๆ และไม่สวยแบบนี้ ก็ขอชิมลางก่อนละกันครับ ถ้ามีดราม่ามากๆ หรือไม่มีคนอ่านก็คงจะถอยไปเขียนบล็อกเหมือนเดิมครับ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:22:59

ความคิดเห็นที่ 38 Video สัมภาษณ์ผู้บังคับการเรือ HMS Gotland ในโอกาสที่ได้นำเรือไปฝึกกับ ทร.สหรัฐฯ ซึ่งผมได้อ้างข้อมูล ในงานเขียนด้วย จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:26:02

ความคิดเห็นที่ 39 บทความต้นฉบับ เก็บไว้ที่นี่นะครับ http://zedth.exteen.com/20110820/conventional-submarine ขอสงวนลิขสิทธิ์ในการสำเนาบทความไปที่อื่นนะครับ อนุญาตให้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาได้ และกรุณาอ้างถึงลิงค์ข้างบน และชื่อผู้เขียนด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:29:38

ความคิดเห็นที่ 40 เพิ่งเห็น   กระทู้  เทคโนโลยีการทหาร  จริงๆ  อย่างเป็นทางการครั้งแรก  .... อยากมีซัก 10 ลำครับไว้ฝั่งอ่าวไทย  6  อันดามัน  4 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 09:10:11

ความคิดเห็นที่ 41 นี่สิ เทคโนโลยีการทหาร  ... จากคุณ : adf7 (MazNis) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 09:21:35

ความคิดเห็นที่ 42 มีฝั่งละ 3 ลำผมว่าก็ทำให้ประเทศที่อยู่รอบๆ เกรงใจขึ้นเยอะ เป็นศักยภาพแฝงของเรือดำน้ำที่เรือผิวน้ำเทียบไม่ได้เลย เมื่อมีปริมาณเท่ากัน ถามอะไรหน่อยครับ เดี๋ยวนี้ terpedo และขีปนาวุธ ของเรือดำน้ำพัฒนาถึงขั้นไหนแล้วครับ และเรือดำน้ำต้องมีเรดาห์ด้วยไหม แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 09:27:19 จากคุณ : aonesung เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 09:23:25

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณครับ.........อยากให้บ้านเรามีจัง...เศร้า จากคุณ : ช่าง ต.จ.ว เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 09:42:51

ความคิดเห็นที่ 44 จขกท. พี่ชาย ทร. ใช่ไหมคะ คุ้นๆ ^^ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ จากคุณ : One Night In Heaven เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 10:27:21

ความคิดเห็นที่ 45 แจ่มครับ!! จากคุณ : เก็บขวดขายเลี้ยงชีพ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 10:34:38

ความคิดเห็นที่ 46 เรือดำน้ำบางรุ่นน่าจะมีเรด้าห์แล้วนะครับ โดยลอยขึ้นในระดับ เปอร์ริสโคป แล้วยื่นขึ้นไป  อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ขอบคุณ จขกท.มากครับ ได้ความรู้มากมาย ^^" ปล. อาวุธประเภทจรวดที่ติดตั้งใน ด. ก็คือ จรวดปราบเรือรบทั่วๆไปแหละครับ ส่วนตอร์ปิโด เดี๋ยวนี้  ตูมเดียว ขาดสองท่อนครับ จากคุณ : สุรพัดผ่าพล เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 10:39:20

ความคิดเห็นที่ 47 เอามาลงให้อ่านอีกนะครับ อ่านจนจบครับ จากคุณ : ฮูยัน เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 10:39:30

ความคิดเห็นที่ 48 จากทุกตัวเลือกที่ว่ามา (ถ้าไม่คิดถึงType-206A) คุณ zedth คิดว่ารุ่นไหนเหมาะกับบ้านเราที่สุดครับ จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 10:41:42

ความคิดเห็นที่ 49 ชอบครับขอบคุณมาก เเต่สงสัยคำว่า คาวิเตชั่น มันคืออะไรครับ? จะติตามเรื่อยๆครับ จากคุณ : เหาะเหินเดินอากาศ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:13:49 A:125.27.240.101 X: TicketID:313693

ความคิดเห็นที่ 50 คาวิเตชั่น  คือเสียงฟองอากาศที่เกิดจากการที่ใบพัดเรือดำน้ำหมุนใต้ทะเลครับ  ในเรือบางรุ่น จังหวะเร่งเครื่องด้วยความเร็วสูงนั้นโอกาสเกิดฟองอากาศจนมีเสียงก็จะมากตามครับ  ทั้งนี้ทัง้นั้น ข้นอยู่ที่ระดับความลึกครับ  เคยฟังเสียงที่มการบันทึกมา ไอ้เสียงที่ว่า ถ้าเราไม่ได้ฝึกมา ก็แยแยะไม่ออกครัย จากคุณ : สุรพัดผ่าพล เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:21:57

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบุ๊กมาร์คไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่านครับ กระทู้ดี ๆ มีสาระไม่พลาด จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:28:47

ความคิดเห็นที่ 52 ... จากการประเมินขีดความสามารถของเรือดำน้ำของฝ่ายข่าวกรองสหรัฐ ตาม คคห.28 - 30 - 31 - 32 - 33 1.ลาดตระเวน สอดแนม รวบรวมข่าวกรอง....ตรวจการณ์ในแนวหน้า แทรกซึมเข้าไปในดินแดนของข้าศึก...ลักลอบเข้าน่านน้ำประเทศอื่น 2.วางกำลังในแนวหน้า...ชิงลงมือปฏิบัติการได้ก่อน 3.วางระเบิดแนวรุก...ก่อกวนเส้นทางคมนาคม...โจมตีเรือผิวน้ำ 4.ปฏิเสธการใช้ทะเล 5.ขนส่งและรับกลับชุดปฏิบัติการพิเศษ...แทรกซึมขึ้นสู่ฝั่ง จะเห็นได้ชัดเจนว่า... เรือดำน้ำ มีขีดความสามารถใช้ในการปฏิบัติการเชิงรุกได้ดี มีศักยภาพ...เป็นอาวุธเชิงรุก ---------------------------------------------------------------------- ใน คคห.25... น่าสนใจมาก...ที่สามารถจะ upgrade ให้มี API ได้ภายหลัง ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:34:32

ความคิดเห็นที่ 53 ชอบมากครับ ขอแนะนำการ นำเสนอหน่อยนะครับ ตัวหนังสือเยอะไปอะครับ น่าจะอธิบาย แล้ว มีรูป 1 รุป ประกอบที่อธิบาย ต่อ 1Reply จะน่าสนใจมากกว่านี้ครับ เพราะผมว่ามี คนชอบดูรูปสวยๆ แบบผม น่าจะเยอะอยุ่ ^^ จากคุณ : tsx_max (tsx_max) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:41:39

ความคิดเห็นที่ 54 แล้วอาวุธอะไรในโลก ไม่มีศักยภาพเป็นอาวุธเชิงรุก....??? "อาวุธทุกชนิดใช้ได้ทั้งในการรุกและรับ...ศักยภาพของอาวุธแต่ละชนิดต่างกันในสถานการณ์ที่แตกต่าง" พูดเองไม่ใช่หรือ จากคุณ : เฮ้อ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:45:26 A:58.8.68.86 X: TicketID:306636

ความคิดเห็นที่ 55 คห.48 ผมลองวิเคราะห์เล่นๆ เรือดำน้ำดีเซล ไฟฟ้า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าครับ ไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ U-206A ครับ 1. kilo จากรัสเซีย ***โอกาสค่อนข้างต่ำ เพราะเป็นเรือยุคเกือบใหม่ เพราะมีเรือยุคใหม่มาแทนแล้ว และเวียดนามสั่งซื้อไปแล้ว และอินโดนีเซีย ก็เหมือนมีข่าวแต่น่าจะยังไม่ได้สั่งซื้อ 2. Amur 950 จากรัสเซีย ***โอกาสค่อนข้างสูง เพราะเป็นเรือยุคใหม่ แต่ยังไม่ได้ต่อเนื่องจากออกแบบมาส่งออก มาแทนชั้น Kilo มี ท่อยิงทางดิ่ง 10 ท่อ ท่อยิงตอร์ปิโด 4 ท่อ 3. Amur 1650 จากรัสเซีย ***โอกาสปานกลาง เพราะเป็นเรือยุคใหม่ แต่ยังไม่ได้ต่อเนื่องจากออกแบบมาส่งออก มาแทนชั้น Kilo มีท่อยิงตอร์ปิโด 6 ท่อ 4. A19 จากสวีเดน ***โอกาสปานกลาง เพราะเป็นเรือยุคเกือบใหม่ และคงเป็นมือ 2 แต่อาจจะปรับปรุงเหมือนที่สิงคโปร์ทำ 5. A26 จากสวีเดน ***โอกาสปานกลางค่อนสูง เพราะเป็นเรือยุคใหม่แต่ยังพัฒนาไม่เสร็จยังไม่ได้ต่อเหมือนกับชั้น Amur ของรัสเซีย และน่าจะมีระบบโจมตีเรือและภาคพื้นเพิ่มมาจากชั้น A19 แต่ว่าสิงคโปร์จ่อคิวจัดหาก่อนเราแน่ 6. U-209 เกาหลีใต้(ลิขสิทธิ์เยอรมัน) ***โอกาสค่อนข้างสูง เพราะเป็นเรือยุคปานกลาง และคงเป็นมือ 2 แต่อาจจะปรับปรุงเพิ่มเติมตามราคา 7. U-214 เกาหลีใต้ (ลิขสิทธิ์เยอรมัน) ***โอกาสปานกลางค่อนต่ำ เพราะเป็นเรือยุคใหม่ แต่ราคาก็มหาโหด 8. Song จากจีน ***โอกาสปานกลางค่อนต่ำ เพราะเป็นเรือยุคปานกลาง และคงเป็นมือ 2 แต่ขนาดมันใหญ่ แต่ใช้พลประจำเรือมาก แต่ว่าจีนคงจะไม่ลดจำนวนกองเรือดำน้ำแน่ 9. Yuan จากจีน ***โอกาสปานกลางค่อนต่ำ เพราะเป็นเรือยุคใหม่ แต่ว่าจีนคงจะไม่ลดจำนวนกองเรือดำน้ำแน่ 10. Scorpene จากฝรั่งเศส ***โอกาสต่ำ เพราะเป็นเรือยุคใหม่ แต่ว่ามาเลเซียชื้อไปแล้ว 11. A17 จากสวีเดน ***โอกาสปานกลางค่อนต่ำ เพราะเป็นเรือยุคปานกลาง และคงเป็นมือ 2 แต่อายุเรือมากแล้ว 12. U212A จากเยอรมัน ***โอกาสต่ำ เพราะเป็นเรือยุคใหม่ และเขาคงขายเรายาก มิตรแท้ๆ เท่านั้นที่มีสิทธิ์ ราคาก็มหาโหดเช่นกัน 13. ---- U206A จากเยอรมัน ***ไม่ขอพูดถึงแอบ ลุ้น ลึกๆ ปล.ความเห็นส่วนตัวครับ จากคุณ : MazNis เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 12:01:34

ความคิดเห็นที่ 56 คุณ Zedth จาก exteen นี่เอง แวะมาเก็บความรู้ฮะ ขอบคุณมากๆฮะ จากคุณ : BK_unz เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 13:02:37

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้าเกิดวันได ไทยเราีมีปัญหากับเขมรอีก  และพี่เวียดให้ยืมเรือดำน้ำ เพื่อปฏิเสธการใช้ทะเลในอ่าวไทย  เราจะมีวิธีแก้ปัญหากันอย่างไรครับ จากคุณ : a fat cat in a hat เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 13:18:00

ความคิดเห็นที่ 58 ^ ^ ใช้กำลังกองทัพบก  3 กองพล นำโดย พล.ร.2 รอ. รุกเข้าประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางด้านคลองใหญ่-เกาะกง...เพื่อรุกเข้ายึดท่าเรือน้ำลึกสีหนุวิลล์ เส้นทางนี้...ทหารช่างไทยเป็นคนไปสร้างช่วงปี 44-45...ข้อมูลภูมิประเทศ เส้นทาง เครื่องกีดขวางมีในฐานข้อมูลทั้งหมด...ไม่เกิน 2 สัปดาห์ไปถึงแน่ ใช้กำลังอีก 2 กองพลเพิ่มเติมกำลัง...รุกเข้าเขมรผ่าน ช่องจอม-โอสะเม็ด เพื่อตรึงกำลังทหารเขมรด้านทิศเหนือไว้ในพื้นที่...ไม่ให้เคลื่อนย้ายกำลัง ไปขัดขวางการบุกของ พล.ร.2 รอ. ใช้กำลังทหารม้า 2 กองพล...จัดเป็นกองกำลังเฉพาะกิจ...เตรียมพร้อมไว้ บริเวณ อรัญประเทศ...เตรียมการรุกเข้าเขมร ผ่านทางปอยเปต-ศรีโสภณ เพื่อช่วยเหลือ แก้ไขสถานการณ์...หรือรุกเข้ากดดันเสียมเรียบ....เมื่อสั่ง กองทัพเรือ...สถาปนาเส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัยขึ้นในบริเวณพื้นที่อ่าวไทย จัดกำลังทางเรือเฝ้าตรวจ และกำหนดมาตราการคุ้มครองเส้นทางเดินเรือนี้ พร้อมทั้งจัดกำลังทางเรือและอากาศยาน....เพื่อทำการค้นหา-ทำลาย และ ขัดขวางเรือรบผิวน้ำ ใต้น้ำ และอากาศยานของฝ่ายตรงข้าม กองทัพอากาศ...จัดกำลังทางอากาศเข้าริดรอน และทำลายขีดความสามารถ ทางอากาศของฝ่ายตรงข้าม โดยมีอากาศยาน สนามบิน ให้เป็นความสำคัญ เร่งด่วนลำดับแรก.......การโจมตีทำลายที่หมายสำคัญตามแผน และที่หมาย ตามเหตุการณ์เป็นความเร่งด่วนอันดับต่อมา รัฐบาล-กระทรวงการต่างประเทศ....ตั้งโต๊ะเตรียมการเจรจา ....อะไรทำนองนี้แหละ   แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 16:02:23 จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 15:53:09

ความคิดเห็นที่ 59 ^ ถ้าทัพเรือได้เรือยกพลขึ้นบกลำใหม่มา  อัพเกรดเรือชั้นนเรศวรให้มีความสามารถป้องกันภัยทางอากาศระยะกลางได้เสร็จ บวกกับเรือดำน้ำเข้าไปด้วย ทัพบกได้ รถหุ้มเกราะล้อยาง, ฮ.ลำเลียง Mi-17 บวกกับ รถถังชุดใหม่ กริปเปนที่สุราษฎร์ของ ท.อ. ได้มาครบฝูง ยุทธศาสตร์จะเปลี่ยนไปอีกเยอะเลยนะเนี่ย จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 16:17:07

ความคิดเห็นที่ 60 ถามอะไรหน่อยครับ เดี๋ยวนี้ terpedo และขีปนาวุธ ของเรือดำน้ำพัฒนาถึงขั้นไหนแล้วครับ และเรือดำน้ำต้องมีเรดาห์ด้วยไหม ^ ^ ตูมเดียวเรือขนาดหมื่นตันลงมาขาดครึ่งแน่นอนครับ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 16:23:21

ความคิดเห็นที่ 62 คุณ One Night In Heaven , ผมชาย ทร. , เจ้าชายน้อย , K.C.Shai ครับ แล้วแต่จะเรียกกันครับผม ดีใจที่ยังไม่เห็นกระทู้ กลายเป็นกระทู้การเมือง ยังไม่มีเวลาตอบนะครับ เดี๋ยวดึกๆ มาตอบครับ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 16:31:37

ความคิดเห็นที่ 63 #61  First In, Last Out "...สงสารชาวนาไทย...ปีนี้จะใช้หนี้ได้ยังไงกัน" ถ้าหมายความว่าเอารายได้ของชาวนาไปใช้หนี้ ละก็  แทบจะไม่ได้สักกะบาทหรอก ถ้าจะได้ ก็จะได้จาก　VAT นั่นแหละ เอาแค่หนี้ค่ายา ค่าปุ๋ย ค่านา+ดอกเบี้ย ธกส.ให้รอดก่อนเหอะ แรงงาน 60% ของประเทศ อยู่ภาคเกษตรที่ทำรายได้แค่ 10%ของ GDP เท่านั้น ที่เหลือ เป็นภาคอุตสาหกรรม 60 บริการ 30 แต่แนวโน้มก็ออกมาว่า ภาคเกษตรจะลดจำนวนลง  โดยมีการนำแรงงานจากรอบๆบ้านเราเข้ามาแทน+เครื่องจักรเข้ามาช่วย ชาวนาไทยไม่ได้มีบุญคุณอะไรมากมายเลย  เพราะไม่ได้ไปขอกินฟรีๆ แปลกนะ  เวลาบางคนกินข้าว ก็จะไหว้พระแม่โพสพแทนที่จะไหว้ชาวนา  แต่ปากก็บอกว่าชาวนามีบุญคุณ จากคุณ : zardic เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 18:22:38

ความคิดเห็นที่ 64 ตัวอักษรชิดกัน อ่านยากไปหน่อยครับ แต่ก็อ่านจนจบ ชอบ ชอบ จากคุณ : I--PPBC--I เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 18:49:48

ความคิดเห็นที่ 66 ผมว่าทำอย่างนี้ดีครับ เผยแพร่ที่นี่ แล้วเก็บไว้ใน blog สำรองไว้ เหมือนเสี่ยโย แต่อย่าลืมเก็บเข้าคลังกระทู้เก่าของพันทิปด้วยนะครับ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 20:02:26

ความคิดเห็นที่ 67 ตัวหนังสือชิดไปหน่อยครับ ดูเรียบ น่าเบื่อ ไม่น่าอ่าน แต่พออ่านจริงแล้วไม่น่าเบื่อเลยครับ จากคุณ : MoMelyz เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 20:06:37

ความคิดเห็นที่ 68 ... จากคุณ : AKB-SKE เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 20:32:06

ความคิดเห็นที่ 69 ^ ^ ยิงตอร์ปิโดจากเรือนี้ (นาที 1.10) มันผลุบออกจากท่อนิ่มๆ งี้เลยหรือครับ นึกว่าจะยิงไปแบบมีกำลังสักหน่อย จากคุณ : golf s. เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 22:03:20

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณจขกท.ครับ บทความดี เนื้อหาเยอะ ไม่น่าเบื่อ ว่าแล้วผมยังคิดว่ายังจัดระเบียบให้มันน่าอ่าน-อ่านง่ายกว่านี้ได้อีกนะ ว่างๆ ลองหาอ่านๆ ดูในพันทิพย์นี่ก็ได้ครับ มีคนใจดีแบ่งปันกันบ่อยๆ ส่วนตัว เท่าที่ผมอ่านมา เนื้อหา ถ้าไม่จำเป็น จะไม่แตก-แบ่งเป็นหลายๆ คห. ครับ เพราะมันจะดูขาดตอน อย่างอันนี้ เช่น คห.ที่ 1-3,4 ก็อาจจะใส่ในคห.เดียวกันไปเลยก็ได้ แล้วก็แยกหัวข้อด้วยการเคาะ enter และทำตัวหนา, ตัวเอียง, ใส่สี ก็ว่ากันไป หรือใส่พวกสัญลักษณ์อะไรลงไป เช่น เป็นต้น ส่วนมาก หลายๆ คนนิยมใส่รูปประกอบต่อท้ายเนื้อหาเลย เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกแห้งแล้งเกินไป เรียกว่ามีเนื้อหาที่ไหน ใส่รูปประกอบไปเลย คนชอบครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ ว่างๆ เขียนใหม่นะครับ :D จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 00:19:10

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณเจ้าของกระทู้สำหรับข้อมูลดีๆ ครับ ------------------------------------------------------------------------------------ แม้ว่าเรือดำน้ำจะดูเหมือนเป็นอาวุธเชิงรุกซึ่งดูเหมือนไม่เข้ากับเจตนารมณ์ ของกองทัพไทยที่เน้นยุทธศาสตร์เชิงรับ แต่ถ้าเราลองเปรียบเทียบแบบง่ายๆ มีทหารสองคน ไม่รู้ฝีมือของอีกฝ่ายมากนัก และเป็นศัตรูกัน คนหนึ่งมีดาบ อีกคนหนึ่งมีโล่ แน่นอนว่าคนมีดาบต้องฟันไม่ยั้ง แต่ถ้าอีกคนมีดาบเหมือนกัน แน่นอนว่า ก่อนอีกฝั่งจะลงมือต้องคิดให้มากขึ้น ผมเองก็อยากให้เรามีเรือดำน้ำ เหมือนกันครับ ถึงแม้มันจะไม่ได้ใหม่เอี่ยมอะไร มันน่าจะช่วยให้เรามีอำนาจต่อรอง มากขึ้น และปกป้องผลประโยชน์ได้มากขึ้น รวมถึงการแข็งข้อเพื่อแสดงจุดยืน ก็มีน้ำหนักมากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าไม่มีใครอยากก่อสงคราม แต่ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ การมีไว้ก็ช่วยได้มาก บางทีอาจช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดสงครามเลยด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 02:39:36 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 02:39:06 จากคุณ : GOLFGTC เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 02:37:45

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณที่เขียนให้อ่านครับ ผมชอบเรื่องที่เกี่ยวกับเรือดำน้ำมาก มีหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับเรือดำน้ำ แล้วก็ชอบดูหนังเกี่ยวกับเรือดำน้ำด้วย จากคุณ : Freedom and Justice เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 04:44:42

ความคิดเห็นที่ 73 คห. 42 เรือดำน้ำมีเรดาร์ครับ แต่จะใช้งานได้ตอนเรือขึ้นมา Snorkel หรือ ลอยลำครับ เพราะเรดาร์จะใช้หลัการแพร่คลื่นไปในอากาศ ใช้ในน้ำไม่ได้ครับ ส่วนตอร์ปิโด พัฒนาไปถึงไหนแล้ว ไม่แน่ใจครับ ส่วนขีปนาวุธก็สามารถยิงจากใต้น้ำได้เลย โจมตีเรือก็เป็น Sub Harpoon โจมตีฝั่งก็มีครับ พวก SM ส่วนล่าสุด เห็นพัฒนาให้โจมตี ฮ. ได้ด้วย แต่เรียกว่าอะไรไม่ทราบครับ ------------------------------------------------------------------------------ คุณ First In First Out เรือดำน้ำสามารถใช้เป็นอาวุธรุกก็ได้รับก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ เหมือนเช่นอาวุธอื่นๆ หรือใช้ในเชิงยุทธศาสตร์ได้ครับ กล่าวคือ แค่มีมัน ฝ่ายตรงข้ามก็จะหวั่นเกรงแล้ว เมื่อใดที่เรือไม่อยู่ในท่า ศัตรูจะคิดแล้ว ว่าเรือไปที่ไหน ถ้าเค้าจะบุกเข้ามา เค้าต้องเตรียมแผนรับมือภัยจากเรือดำน้ำ ถ้าเราไม่มี เค้าก็ไม่ต้องวางแผนเผื่อตรงนี้ ซึ่งการวางแผนปราบ ด. ต้องใช้ทรัพยากรเยอะ และต้องครอบคลุมครับ ทำให้เพิ่มความยุ่งยากในการปฏิบัติการยิ่งขึ้นไปอีก อีกประการ ผู้วิเคราะห์คือ หน่วยข่าวกรองของ สหรัฐฯ ผู้ซึ่งต้องคิดไว้ในสถานการณ์ที่ สหรัฐฯ ถูกโจมตีจาก ด. บทวิเคราะห์จึงออกมาในรูปนั้น เพราะฉะนั้น บริบทต่างกัน จะถือเอาการวิเคราะห์นี้เป็นเครื่องชี้นำ ว่า ด. เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สำหรับประเทศไทยไม่ได้ครับ ถ้าจะวิเคราะห์เพื่อใช้กับประเทศไทย ก็ต้องวิเคราะห์ใหม่ และผลอาจจะออกมาเป็นอย่างอื่นครับ ด้วยความเคารพ ------------------------------------------------------------------------------ คห. 48 ส่วนตัวแล้วผมอยากได้ ด. ขนาด 500-600 ตัน ซึ่งก็คือ 206A สัก 6 ลำ อยู่อ่าวไทย 2 อันดามัน 2 อยู่ในท่า 2 ใช้เป็นเรือ ลว.หลัก มีขนาด 1000-2000 ตัน สัก 2 ลำ ประจำอยู่สองฝั่ง ออกเรือไม่ต้องบ่อยมาก เอาไว้ปราม แล้วก็มี Midget Submarine บรรทุก ต. ได้สัก 2 ลูก สัก 30 ลำ อยู่ชายแดนตราด 10 ลำ สมุย 2 ลำ สงขลา 8 ลำ ภูเก็ต 5 ลำ ระนอง 5 ลำครับ ผมว่า cover เลยครับ โดย Modget Sub อยากให้บ้านเราพัฒนาจนสามารถต่อเองได้ครับ แล้วก็ทำ Dummy หลอกไปสัก 10 ลำ จอดในท่านิ่งๆ ไว้ขู่ไปงั้น ------------------------------------------------------------------------------ คห. 53 , 64 , 67 , 70 จะพยายามปรับปรุงในส่วนนี้ ตามที่ท่านเรียนมานะครับ ------------------------------------------------------------------------------ คห. 69 ตอร์เวลายิงมัน แค่ดันให้มันออกจากเรือไปสัก 2-3 เมตรก็พอครับ ที่เหลือมันไปด้วยกำลังของมันเอง ยกเว้น ASROC ที่ใช้จรวดเป็นตัวขับให้ไปไกลกว่าเดิม เพิ่มระยะให้มากขึ้น และเรือ ด. จับทิศทางของเรือใหญ่ไม่ได้ กับจะตกใจมาก ที่อยู่ดีๆ ก็จับตอร์ได้ ซึ่งจะทำให้หลบไม่ทันครับ ตอนเห็นการยิงตอร์ครั้งแรก ผมก็ตกใจเหมือนกัน นึกว่าจะพุ่งปรี๊ดซะอีก แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 08:14:58 จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 07:51:41

ความคิดเห็นที่ 74 พอได้ U-206A ได้มาสัก 3-5 ปี ขอเอาเรือที่จอดในท่าสัก 1 ลำ มาถอดแกะแบบ ไว้เป็นแนวทางต่อเองครับ จากคุณ : MazNis เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 08:02:55

ความคิดเห็นที่ 75 ... #73 คุณ zedth ^ ^ เราเข้าใจตรงกัน... เรือดำน้ำและอาวุธทุกชนิดสามารถใช้ได้ทั้งในเชิงรุกและรับ แต่ที่ comment ไว้...เราพิจารณาถึง ศักยภาพ ยกตัวอย่าง รถถัง...จัดเป็นอาวุธเชิงรุก...เพราะว่ามันเป็นอาวุธที่มีกำลังชน ประสิทธิภาพ/ประโยชน์ของอาวุธ...จะถูกบีบคั้นออกมาเต็มที่ ในการทะลวงผ่านแนวตั้งรับของฝ่ายตรงข้าม ขณะเดียวกัน...ไม่มีฝ่ายไหนทำการรบด้วยวิธีรุกอยู่ตลอดเวลา เมื่อปรับสภาพการรบเป็นตั้งรับ...ก็จะไม่นำรถถังไปไว้แนวหน้า ต้องเอารถถังเข้าที่กำบัง...ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนที่ รถถังจะมีคุณค่าทางยุทธวิธี...เท่ากับ ปรส.กระบอกหนึ่งเท่านั้น กองทัพอิรัค มีรถถังทรงประสิทธิภาพหลายพันคัน....แต่ไม่ได้ ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่เลย เพราะต้องใช้รถถังไปในการตั้งรับ ฝังตัวรถไว้ในทะเลทราย...ส่วนใหญ่จึงเป็นเป้านิ่งให้ฝ่ายสหรัฐ ไม่ได้นำ "ศักยภาพของรถถัง" มาใช้....เป็นที่น่าเสียดาย ดังนั้น ในการตั้งรับ...เพื่อจะให้ใช้ประโยชน์จากรถถังได้เต็มที่ เขาจึงนิยมเก็บรถถังไว้ในพื้นที่ส่วนหลัง....เพื่อเอาไว้ตีโต้ตอบ เอาไว้ทำลายข้าศึกที่เจาะผ่านแนวตั้งรับเข้ามา...ได้ประโยชน์ และใช้รถถังได้เต็มประสิทธิภาพกว่า เพราะรถถังมี "ศักยภาพเป็นอาวุธเชิงรุก" ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 10:15:14

ความคิดเห็นที่ 76 ^ สุดท้ายก็บอกว่าเป็นเชิงรุก แล้วทำไมตอน ทบ. ซื้อรถถังไม่ออกมาโวยวายเหมือนซื้อเรือดำน้ำมั่งล่ะ ??? จากคุณ : เฮ้อ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 11:15:30 A:58.8.237.13 X: TicketID:306636

ความคิดเห็นที่ 77 สวัสดีครับพี่ First In, Last Out ผมไม่เข้าใจยุทธวิธีของรถถังครับ แต่พอได้อ่านของพี่ก็เข้าใจขึ้นมาครับ สำหรับเรือดำน้ำนั้น การใช้เป็นอาวุธทางรับนั้นไม่เหมือนรถถังครับ เรือดำน้ำจะถูกนำไปวางไว้นอกอ่าว เพื่อดักเรือตั้งแต่ตอนกำลังตีฝ่าเข้ามา เพื่ออาศัยความลึกของน้ำ หรือ Layer Depth ทำให้เรือผิวน้ำตรวจจับ เรือดำน้ำได้ยากขึ้นไปอีก เราจะไม่นำเรือดำน้ำมาลอยลำอยู่ในอ่าว เพื่อรอ แต่เราจะออกค้นหาเรือผิวน้ำ และเรือดำน้ำของฝ่ายตรงข้ามเพื่อจมลง ไม่ให้เข้ามาในอ่าวได้ครับ หรือ นำเรือดำน้ำเข้าไปถึงเขตท่าเรือของฝ่ายตรงข้าม และดักจมเรือที่ออกจากท่าได้ทันที เมื่อเราประกาศสงครามครับ ดังนั้น ตรงนี้ไม่เหมือนรถถังแน่นอน เพราะรถถังจะไปซุ่มดักรอคงไม่ได้ ถ้าจะเปรียบคงต้องเปรียบกับ รบพิเศษ หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่สามารถแทรกซึมในทางลับได้ เมื่อถึงเวลาก็สามารถแสดงกำลังได้ทันทีครับ แต่ถ้าเรามีเรือดำน้ำหลายลำ จะมีสัก 2-3 ลำลาดตระเวนในอ่าวร่วมด้วย ก็ไม่ผิดแต่ประการใดครับ เพราะฉะนั้นจะรุกหรือรับ เรือดำน้ำ ทำได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเจตนา และแผนกลยุทธ์ครับ ด้วยความเคารพครับผม จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 11:44:16

ความคิดเห็นที่ 78 ... เรื่องยุทธวิธี-กลยุทธการป้องกัน...ไม่มีปัญหาหรอก แค่เลือกใช้ให้เหมาะสมกับ สภาพการณ์ - ภูมิประเทศ - เจตนารมย์...เท่านี้ก็จบ ...ผลจะออกมาเป็นอย่างไร...อีกเรื่องหนึ่ง ตอนเรียน วสท.เคยได้ยินแว่วๆกับคำว่า...การตั้งรับเชิงรุก (Active Defence) ...ก่อนจะผลอยหลับไป ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ...เห็นด้วยว่า ทร.ควรมีเรือดำน้ำไว้ใช้ ...แต่ยังไม่ใช่เวลานี้...หรือในอนาคตอันไกล้ จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 13:09:25

ความคิดเห็นที่ 79 ทำไมเมกาต้องไปเช่าสวีเดนมาละครับ เมกาไม่มีหรอ จากคุณ : เขียนบน iPhone (นายชอล) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 14:26:28

ความคิดเห็นที่ 80 คห 25  มีภาพ ก่อนกับหลังติดตั้งมั้ยครับ  น่าสนใจมากนะแบบนี้ จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 14:34:14

ความคิดเห็นที่ 81 //79 หลังสงครามโลกครั้งที่2  เมกาเขาทุ่มเทให้กับยุทธศาสตร์เรือดำน้ำนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ครับ (เช่นชั้นโอไฮโอ/ลอสฯ) เพราะประเมินผิดคิดไปเองว่าเรือดำน้ำขนาดเล็กจะหมดความสำคัญในเวลาอันใกล้  (ตอนนั้นทุ่มแต่เรือดำน้ำใหญ่ๆเพื่อเป็นฐานยิงอาวุธนิวเคลียร์) แต่ผ่านไป20-30 ปีกลายเป็นว่าอเมริกาคิดผิดครับ เพราะเรือดำน้ำขนาดเล็กมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นมากมายโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังนิวเคลียร์ และติดอาวุธที่รุนแรงได้ทัดเทียมกัน  แต่ US จะมาเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ทีหลังก็ไม่ทันเยอรมัน สวีเดน และรัสเซียแล้ว  เลยต้องขอเช่าเรือสวีเดนมาเพื่อฝีกซ้อมรับมือครับ /me แต่ฝึกไปฝึกมา  ก็ยังแพ้รดน.ลำติ๊ดเดียวอยู่บ่อยๆ  เพราะมันค้นหายากจริงๆ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 14:54:21

ความคิดเห็นที่ 82 ไอ้ที่ตัดแบ่ง block ของ AIP นั่นแบบนี้รึเปล่าหว่า? เห็นว่าเป็นส่วนแยกเฉพาะออกมา จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 15:07:37

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณค่ะ มีไว้เรือดำน้ำไว้ไม่เสียหายนะคะเดี๋ยวเผื่อจะศึกษาไว้สร้างเองไง จากคุณ : kaws เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 15:29:12

ความคิดเห็นที่ 84 ง่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆอ่านจนจบเลย ง่วงนอนเลยอ่ะ  ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ จากคุณ : bank2511 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 16:37:28

ความคิดเห็นที่ 85 คห.82 ถูกแล้วครับ อันนั้นคือ ระบบ Mesma ที่ฝรั่งเศสผลิตเป็นชุดคิต ส่งไปให้ปากีประกอบกับเรือ Agosta-90B หรือของสวีเดน ระบบ Stirling ก็ออกแบบเป็นโมดูล คล้ายๆกัน อีกอย่าง....มุมมองส่วนตัวนะครับ คห.78 ผมมองว่า คุณคิดว่า การที่เรามีเรือดำน้ำ ทำให้ภูมิภาคอาเซียน ไม่มีเสถียรภาพ.....ประเทศอื่นเขาก็ซื้อกันโครมๆ การที่เราจะซื้อดูๆแล้วเป็นเพียงการทำห้ดุลอำนาจนอาเซียนสมดุลขึ้นเท่านั้นเอง เพราะเรือที่เราซื้อ จำนวนเยอะจริง แต่ก็ค่อนข้างเก่าจริงเหมือนกัน จากคุณ : Johnny Thunders เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 17:11:58

ความคิดเห็นที่ 86 อ่านจนจะหมดเวลางานเลย จากคุณ : arakball เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 17:16:36

ความคิดเห็นที่ 87 ผมเคยไปเดินเล่นในเรือ U รุ่นเก่าๆของเยอรมันมาบ้าง 3-4 ครั้ง ไม่เคยลงเรือค่ายอื่นแต่เท่าที่เห็นผมว่ามันมีดีอยู่ในตัวครับ จากคุณ : นายกานต์ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 18:05:35

ความคิดเห็นที่ 88 ... #85 คุณ Johnny Thunders ^ ^ ผมมองว่า...การที่ชาติต่างๆในอาเซียน..เร่งรัดจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการ เป็นเพราะมีความจำเป็นต้องใช้...ในกรณีพิพาท อ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะ พาราเซลและสแปรตลีย์มากกว่า การมีเรือดำน้ำในกองทัพเรือ...ไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่ดี ไม่ควรมีเอาไว้ใช้งาน คำถามอยู่ที่ว่า...เมื่อไหร่มากกว่า กลับมาดูกองทัพเรือของเราในปัจจุบัน...กำลังทางเรือ โดยเฉพาะเรือผิวน้ำ ที่ต้องใช้งาน เรือที่เป็นหลักในการคุ้มครองน่านน้ำ และอธิปไตยในน่านน้ำ ...บอกตรงๆว่า...ยังกระปลกกระเปลี้ยมาก กองทัพเรือ เคยได้โอกาสพิเศษ...ได้เรือจักรีฯ ที่ทรงประสิทธิภาพมาใช้งาน ...แต่ผลงานการบริหารจัดการ..น่าผิดหวังจริงๆ ในมุมกลับกัน...หากประเทศอื่นๆในอาเซียน เห็นเรามีเรือบรรทุกเครื่องบินใช้ การจะรักษาสมดุลย์ด้านการทหาร...ก็ต้องจัดหาเรือประเภทเดียวกันมาบ้าง? แง่คิดทางทหารเขาไม่ได้คิดแบบนั้น...เขาคิดถึง "ความจำเป็นในการใช้งาน" แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 18:24:33 จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 18:20:56

ความคิดเห็นที่ 89 เรียน พี่ First In, Last Out ถ้าจัดหาเรือดำน้ำ งบประมาณ 20,000 กว่าล้าน แล้วได้เรือเพียงลำเดียว ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ แต่ราคา 7,700 ล้านบาท ได้มาทั้งกองเรือดำน้ำ และกำลังพลและเรือพร้อมรบ ภายใน 2 ปี ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ โอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีมาบ่อยๆ มีโอกาส มีความพร้อมในการจัดหา ก็ควรจะจัดหามาครับ เรื่องเรือผิวน้ำที่กระปลกกระเปลี้ย ไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกันครับ กองทัพเรือได้งบประมาณน้อยกว่าทัพบกมาก แต่ก็ยังรักษาเรือเก่าให้ดำรงความพร้อมรบมาได้หลายสิบปี ก็ยังทำได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถของคนกองทัพเรือ เรือก็คงจะวิ่งไม่ได้กันหมดแล้วล่ะครับ แต่นี่ก็มีเรือพร้อมรบ พร้อมปฏิบัติการอยู่ตลอดทั้งปี การมีเรือดำน้ำ คือการเสริมสร้างกำลังทางเรือให้แข็งแกร่งขึ้น สามารถป้องกันภัยสามมิติได้ดีขึ้น เพราะภัยคุกคามของกองทัพเรือ มีสามมิติครับ เรื่องเรือจักรีฯ ที่ว่ากองทัพเรือประเทศอื่นไม่ต่อเรือบรรทุก ฮ. ตามเราก็ไม่จริงครับ เพียงแต่เค้าต่อเรือประเภทอื่นที่มีขีดความสามารถในการบรรทุก ฮ. เช่นกัน เช่น สิงคโปร์ ต่อเรือยกพลขึ้นบก ซึ่งเค้าก็สามารถรองรับ ฮ. ได้หลายลำ (จำนวนจริงๆ ผมไม่แน่ใจ ขี้เกียจค้นด้วยครับ) และเค้าต่อเรือชุดนี้ถึง 3 ลำ ก็พอๆ กับเรือจักรีฯ เรา ส่วนมาเลเค้าก็หันไปต่อเรือชุด Meko 100 และจัดหา ด. มาแทน เค้าก็ไม่จำเป็นต้องจัดหาเรือบรรทุก ฮ.เช่นเรา เพราะใช้เรือเหล่านั้น คานอำนาจกับเรือจักรีฯ ได้อยู่ การที่ประเทศเพื่อนบ้านมี ด. แล้วเราไม่มี ด. จะทำให้เราลำบากมากขึ้นในการปราบ ด. จึงต้องหา ด. มาเสริม ควบคู่ไปกับการพัฒนาเรือผิวน้ำให้มีขีดความสามารถในการปราบ ด. มากขึ้น ซึ่งถ้าตามข่าว จะเห็นได้ว่า เราได้ปรับปรุงโซนาร์ ของเรือไปหลายชุดแล้ว และได้จัดหา Dipping Sonar สำหรับ ฮ. ด้วยครับ ไม่ใช่ว่าเราจะจัดหาแต่ ด. อย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ ส่วนที่ว่าแล้วจะจัดหา เรือจักรีฯมาทำไม ขอย้อนไปตอนที่จัดหาเรือจักรีฯ นะครับ ตอนนั้นเราจัดว่าเป็นประเทศที่มีเงินมาก เป็น 5 เสือของเอเชีย ตอนนั้นเรามีนโยบายเป็น Blue Navy จึงทำให้เราจัดหาเรือลำนี้ และเสริมสมรรถนะด้วยฟริเกตอีกหลายลำ แต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ ฟองสบู่แตก ค่าเงินจาก 20 กว่าบาท เป็น 50 บาทต่อดอลลาร์ในพริบตา อย่าคิดว่ากองทัพเรือจะรู้ทันนะครับ นักลงทุนหลายคนยังผูกคอตายหลังเหตุการณ์นั้นเลย แล้วการลงทุนทางทหารมันกลับตัวแบบทันทีได้เสียที่ไหน สิ่งที่ลงทุนไปแล้ว ก็ต้องรักษาไว้ ในขณะที่ต้องรัดเข็มขัดด้วย ผลก็คือ เราก็ต้องรักษาสภาพของเรือ และค่อยๆ ปรับปรุงไป เป็นภาพที่ทุกๆ คนเห็น ประกอบกับทร. อ่อนประชามสัมพันธุ์ ทำให้ไม่รู้ว่า เรือหลวงลำนี้ และลำอื่นๆ ออกทะเลทุกเดือน ฝึกทุกเดือน รัฐบาลต้องการความช่วยเหลือ เรือลำนี้ไม่มีสักครั้งที่ออกไม่ได้ ถามว่า ทร.ผิดหรือครับ ที่อยู่ดีๆ ฟองสบู่แตก ถ้าทร. รู้ล่วงหน้า ก็คงไม่มีการจัดซื้อเรือลำนี้หรอกครับ ทร. ทำไปตามหน้าที่ที่จะต้องรักษาอธิปไตยของชาติทางทะเลครับ ที่ผมต้องชี้แจง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม ถ้าจะกล่าวหาว่า ทร.ซื้อเรือลำนี้มาทำไม ซื้อมาแล้วเป็นแค่เรือให้ประชาชนเยี่ยมชม เหตุผลก็ตามที่เรียนชี้แจงไปข้างบนแล้วครับ ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 20:13:00

ความคิดเห็นที่ 90 ^ ^ พี่ก็รู้และเข้าใจทุกอย่างที่น้องบอกนั่นแหละ ที่ไห้ความเห็นไป...ก็เป็นแค่ความเห็นหนึ่งเท่านั้นเอง จะถูก จะผิด ยุติธรรมหรือไม่...ไม่มีใครตัดสินได้ บังเอิญว่า...ตรงกับความคิดเห็นของคนในกลาโหม เรื่อง Type 206 จึงไม่ผ่านการพิจารณาของ กห. ...ก็แค่นั้นเอง...ไม่เห็นมีอะไรลึกลับซับซ้อน  :) ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 21:04:00

ความคิดเห็นที่ 91 พี่ First In, Last Out แล้วกลาโหม เห็นว่าเมื่อไหร่ครับ หรือ ถ้าคนในกลาโหมบางคนอยากได้ U209  ของเกาหลีใต้ ผมว่าเอา U206A ดีกว่าเยอะ สเปคและขีดความสามารถไม่หนีจากกันเท่าไหร่เลยครับ ถ้าไม่เอา U206A ผมขอสนับสนุน U214 A26 Amur950 หรือ Amur1650  ไปเลยครับ จากคุณ : MazNis เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 22:06:28

ความคิดเห็นที่ 92 Cavitation เกิดจาก ความดันหลังใบจักรลดลงมากจนทำให้น้ำเดือดกลายเป็นไอที่อุณหภูมิปกติ กลายเป็นฟองอากาศ และเกิดเสียงดังครับ เรือดำน้ำมีเรดาร์ แต่ไม่มีใครใช้ครับ เพราะจะเป็นการเปิดเผยตัวเองต่อฝ่ายตรงข้าม ตอร์ปิโดสมัยนี้ ฉลาดมากจนไม่ต้องทราบระยะที่แน่นอนก็สามารถยิงหวังผลได้ บางรุ่นสามารถควบคุมด้วยเส้นลวดได้อีก - ถึงคุณ First In, Last Out. ผมว่า เรือดำน้ำ ก็ยังเปรียบกับรถถังตรงๆไม่ได้ครับ รถถังเรายังรู้ว่าอยู่ที่ไหน แนวไหน แต่เรือดำน้ำนอกจากจะเป็นอาวุธแล้ว ยังเป็นเครื่องมือต่อรองทางการทูตที่มีประสิทธิภาพครับ ไม่ต้องใช้ เพียงแค่มี อาจจะแค่ 4 หรือ 6 วันดีคืนดี เกิดเรื่อง ก็แค่พูดว่า เรือดำน้ำของเราได้ออกไปปฎิบัติตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อยู่ที่ไหนบ้างก็ไม่ทราบได้ แค่นี้ก็เป็นต่อเห็นๆครับ อาวุธที่ดีที่สุดของเรือดำน้ำ ไม่ใช่ ตอร์ปิโด ไม่ใช่จรวดต่อต้านเรือผิวน้ำ แต่เป็นการบลัฟ หลอกให้ข้าศึกเชื่อว่าเราจะโจมตีตรงจุดที่เราจะไม่โจมตี แล้วโจมตีในที่ที่พวกเขาคาดไม่ถึง จากคุณ : navalsamurai (navalsamurai) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 22:23:21

ความคิดเห็นที่ 93 ... #91 คุณ MazNis   ^ ^ คนใน กห.เสนอให้ซื้อ U209 ...ก็เป็นแค่อีกความเห็นหนึ่งเท่านั้นเอง...ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อ เมื่อไหร่ ทร.จะมีเรือดำน้ำ ...ขึ้นอยู่กับความจำเป็น...การพิจารณามีขั้นตอน กระบวนการชัดเจน --------------------------------------------------------------------- ประเทศเราไม่ใช่ประเทศที่ยากจนค่นแค้น...แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร การลงทุนกับอาวุธยุทธภัณฑ์ใดๆ...จะต้องรอบคอบ ต้องระมัดระวัง ประเทศนี้...มีคนยากคนจน คนขาดโอกาสอีกแยะที่รัฐต้องไปดูแล ผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติก็สำคัญมาก....รัฐก็ต้องดูแล ...เงินทองของรัฐมีจำกัด...ต้องแบ่งสรร-ใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ถ้าสถานการณ์ภัยคุกคาม..มีแนวโน้ม..ขอแค่มีแนวโน้มเท่านั้นแหละ ผมเชื่อแน่ว่า...เรือดำน้ำราคากี่หมื่นล้าน...ไม่ใช่เรื่องยากที่จะซื้อใช้ ...ขอให้มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้นแหละ เท่าที่ได้พูดคุยกับเพื่อนๆทหารเรือ...ก็พูดเหมือนๆกันว่า...อยากให้มี เพราะเพื่อนบ้านเขามีกันไปหมดแล้ว...ถ้าเรามีก็ balance powerได้ ...ซวยละสิ...พม่ากำลังจะมีระเบิดนิวเคลียร์แล้ว !!! อย่า serious ครับ....ก็แค่ความเห็นหนึ่งเท่านั้นเอง เอาไว้ผมได้เป็น เสธ.ทหาร เมื่อไหร่ค่อยมา serious ก็ยังไม่สาย  ;) แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 23:05:50 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 22:57:10 จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 22:52:18

ความคิดเห็นที่ 94 ... #92 คุณ navalsamurai ^ ^ ที่ผมยกตัวอย่างรถถัง... เพราะจะชี้ให้เห็นศักยภาพและขีดความสามารถ ในการเป็นอาวุธเชิงรุก รถถัง... คุณลักษณะเด่น คือ กำลังชน...เหมาะสำหรับการรุก ถ้าตั้งรับ...เครื่องกีดขวางที่มีการยิงคุ้มกันเหมาะกว่า เรือดำน้ำ... คุณลักษณะเด่น คือ ซ่อนเร้น อำพราง...เข้าไปลอบโจมตี ถ้าตั้งรับ...สนามทุ่นระเบิดใต้น้ำ...ดีกว่าใช้เรือดำน้ำแยะ ส่วนจะใช้อาวุธเป็นเครื่องมือต่อรอง ข่มขู่ คุกคามชาติคู่กรณี ผมล่ะเสียวโดนเกทับกลับมาล่ะก็...เสียเหลี่ยมลูกกำนันหมด ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 23:20:25

ความคิดเห็นที่ 95 ถ้ารอให้มีแนวโน้ม เกรงว่าจะไม่ทันการณ์นะครับ เพราะเราไม่เคยใช้เรือดำน้ำ ต่อให้ได้มา ก็ใช้ไม่เป็น ต้องฝึกต้องหาประสบการณ์อีกเยอะนะครับพี่ อีกประการ ถ้าเป็นแนวโน้มในการเจรจาเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนล่ะครับ ถ้าเราไม่มี เสียงของเราที่กู่ออกไปคงจะไม่ดังสักเท่าไหร่ ผมว่าเรือดำน้ำมันเป็นเครื่องมือทางยุทธศาสตร์มากกว่าเครื่องมือทางยุทธวิธีเสียอีกนะครับ เรื่องทุ่นระเบิด ถ้าเราจะเล่นทุ่นระเบิดทางรับ ก็ต้องระวังตัวเองด้วย เพราะมันไม่เลือกฝ่าย ขอให้คุณลักษณะเข้าเป้า เป็นอันโดนได้เหมือนกัน ซึ่งจะกลายเป็นการจำกัดตาเดินตัวเอง  หลังเสร็จศึกสงคราม ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ก็ต้องมากวาดทุ่นกันอีก สุดท้าย เรือสินค้าจะกล้วจนขอผ่านประเทศไทยไปทางอื่นดีกว่าครับ ถ้าเราจะบอกช่องทางกวาดเรือสินค้า แล้วแน่ใจหรือว่าเรือสินค้าจะไม่เอาไปบอกฝ่ายตรงข้าม แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะเรือดำน้ำ หรือทุ่นระเบิด โอกาสจะได้ใช้จริงคงยาก แต่ทุ่นระเบิด เอาไปต่อรองไม่ได้นะครับ แต่เรือดำน้ำถึงไม่แสดงทีท่าว่าต่อรอง แต่มันก็แสดงอยู่ในตัวของมันแล้วครับ แต่สุดท้าย เรือดำน้ำ ไม่ใช่ยาผีบอก รักษาได้ทุกโรค ถ้าเรามีเรือดำน้ำแล้วก็ต้องเสริมสร้างการป้องกันภัยทางอากาศ และการสื่อสารระหว่างเรือกับอากาศยาน และหน่วยบัญชาการอีก ซึ่งก็ยังเป็นจุดอ่อนอีกอย่างหนึ่งของเราเช่นกันครับ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 23:35:56

ความคิดเห็นที่ 96 ^ ^ เอาไว้ปีหน้า... ถ้าได้ไปเรียน วปอ.จะเสนอข้อวิตกห่วงใยของน้องเรื่องนี้ ให้คณะกรรมการพิจารณาทบทวนยุทธศาสตร์ทหารให้นะ กลัวแต่จะได้ยินคำตอบเดิมๆ..."ความเสี่ยงที่ยอมรับได้" ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 23:47:19

ความคิดเห็นที่ 97 ^ ^ ปีหน้านี้ วปอ รุ่นไรแล้วอะครับพี่ ผมหวังว่าวันนึงผมจะได้เรียน วปอ กะเขาบ้าง :) จากคุณ : fmby93 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 01:57:32

ความคิดเห็นที่ 98 ผมไม่ได้คิดเรื่องเรียน วปอ. เลยครับ จะอยู่ถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้เลยครับ ขอให้พี่ได้เข้าเรียนนะครับ จากคุณ : zedth เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 09:32:52

ความคิดเห็นที่ 99 ... #97 คุณ fmby93 ^ ^ ปีนี้...วปอ.รุ่นที่ 54 และ ปรอ.รุ่นที่ 24 แล้วล่ะ ...เปิดการศึกษาวันนี้พอดีเลย --------------------------------------------------- #98 คุณ zedth   ^ ^ พี่ก็เพ้อเจ้อไปงั้นแหละน้องเอ๋ย แค่คิดจะขอไปทำงาน 3จชต.อีกซัก 2-3 ปี ...เมียยังไม่อนุมัติเล้ย ... จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 10:38:18

ความคิดเห็นที่ 100 เรื่องหมู่เกาะเจ้าปัญหาตรงทะเลจีนใต้.....จริงๆแล้วประเทศทางใต้เราทุกประเทศ มีเรือดำน้ำใช้มาก่อนที่ปัญหาตรงนั้นจะเกิด มาเลเซีย ก่อนหน้าแมงป่องทะเล ก็มี Agosta ใช้ในการฝึก อินโดนิเซียก็มี U209 ใช้มานาน ที่หนักคือ สิงคโปร์ ที่ไม่มีเรื่องปวดหัวเกี่ยวกับเกาะเจ้าปัญหานั้น....มันเป็นเรื่องดุลอำนาจใน อาเซียน ล้วนๆ ที่เราจะมีก็เพิ่มดุลให้เราเท่านั้น จากคุณ : Johnny Thunders (Johnny Thunders) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 18:26:35

ความคิดเห็นที่ 101 มีเรือดำน้ำแล้ว ดุลอำนาจไม่ได้เปลี่ยนแค่ลำพังในอาเซียนเท่านั้นหรอก ดุลอำนาจในกองทัพไทยก็จะเปลี่ยนไปด้วย จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 20:23:33

ความคิดเห็นที่ 102 แนะนำ Home Made Sub (Narco) ... ดำน้ำได้สมบูรณ์แล้ว http://www.time.com/time/world/article/0,8599,2061934,00.html http://en.wikipedia.org/wiki/Narco_submarine จากคุณ : iamdanai เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 08:59:54

ความคิดเห็นที่ 103 อยากให้ประเทศเราได้ 206 ล๊อตนี้ครับ เป็นกำลังใจให้ ทร. จากคุณ : ช่าง ต.จ.ว เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 11:01:21

ความคิดเห็นที่ 104 ถ้าเราโดนปิดอ่าวไทย โดยเพื่อนบ้านทางทิศใต้ เครื่องบินก็บินไปไม่ถึง รถถังก็ลอยน้ำไม่ได้ มีเรือเพียงไม่กี่ลำที่ออกไปต่อต้านได้ ซึ่งก็เข้าทางเขา เมื่อประเทศเราไม่สามารถรับน้ำมันเข้าประเทศได้ แล้วกองทัพเราจะเอาเชื้อเพลิงอะไรไปรบครับ ในความเห็นผมในอนาคตสิบปีอาจไม่มีภัยคุกคาม แต่ข้อดีของการซื้อเรือ ไว้ในอนาคตอีกสิบปีขึ้นไป เช่นการฝึกกำลังพล การถอดประกอบวิจัย เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 54 18:36:21 จากคุณ : หมอหุ้น เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 18:16:04

ความคิดเห็นที่ 105 ส่วนตัวคิดว่า  กว่าจะรอถึงเวลาที่เหมาะสม  ราคาคงแพงกว่านี้  จำนวนและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ  จะได้ไม่เท่ากับดีลของเยอรมันคราวนี้นะซิครับ  กลายเป็นเสียน้อยเสียยาก  เสียมากเสียง่ายไป... ตัวอย่างการซื้ออุปกรณ์มือสองจากเยอรมันมีให้เห็นอย่างนึงครับ...  Alpha jet ไงครับ..  ตอนนั้นตั้งใจซื้อมา 50 ลำ  รัฐบาลสมัยนั้น (ชวน หลีกภัย) สั่งปรับลดเหลือครึ่งนึง  พร้อมทั้งถูกโจมตีและปรามาสจากหลายๆฝ่าย  ทั้งนักวิชาการ  นักการเมือง  และหลายๆคนว่า  เอาของมือสองเศษเหล็กมาบิน...  คงบินได้ไม่เท่าไหร่ ถึงตอนนี้เป็นไงบ้างครับ..   สิบกว่าปี  อะไหล่ยังมีสนับสนุนได้เรื่อยๆ  การบินยังใช้ได้อย่างดี  สิบปีตกไปแค่ลำเดียว (จากการหลงอากาศของนักบิน  ไม่ใช่สภาพเครื่องแต่อย่างใด)  แถมค่าซ่อมบำรุงก็ง่ายและไม่แพงมากนัก  มีรายการปรับปรุงแค่เก้าอี้ดีดเท่านั้น  (แต่ว่าแพงไปหน่อย) บอกตรงๆว่าข้อด้อยของการทหารบ้านเรา  คือ  เน้นยุทธศาสตร์ corrective มากกว่าแบบ  preventive ครับ  มองแค่ในระยะ 5-10ปี  เป็นห่วงระยะๆมากกว่ามองเป็น long term 20ปีขึ้นไป แต่ในหลายๆประเทศที่มีความก้าวหน้า  เค้ามองไปข้างหน้ามากกว่า 20ปีทั้งนั้น  และที่สำคัญ  เมื่อวางแล้วก็ยึดมั่นไม่เปลี่ยนแปลงไปตามการเมืองหรือการปกครองแบบบ้านเราที่แทบจะเรียกว่า "นโยบายรายวัน"  เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา  เปลี่ยนรัฐบาล  เปลี่ยนผู้นำเหล่าทัพทีก็รื้อโครงสร้าง   รื้อแผนการที่วางไว้จนหมดสิ้น  โดยให้เหตุยอดนิยมว่า  "เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน" ส่วนตัวสุดท้าย  ยังเห้นด้วยและเสียดายดีลเรือดำน้ำเยอรมันคราวนี้มากๆครับ...   ถ้าได้มาผมเชื่อได้ว่า  จะไม่มีการสู้รบถึงขั้นการใช้กำลังอย่างแน่นอน  แต่ภาวะอำนาจการต่อรองและการเจรจาทั้งการฑูตและการทหารของเราจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าทีเดียวครับ จากคุณ : _snowy เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 21:56:29