ความคิดเห็นที่ 1 ระบายน้ำได้ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที บางข่าวก็บอกว่าใช้ได้ยังไม่ร้อยเปอร์เซนต์ แต่  แม่น้ำเจ้าพระยาตอนนี้ น้ำไหล 300 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และอีกไม่กี่วันน้ำ 3000 ล้านต่อวินาทีจะมาถึงกรุงเทพ ++++++++ และก้อนน้ำจากเขื่อนภูมิพลมาถึงนครสวรรค์แล้ว อีกไม่กี่วันก็ไหลมาถึงกรุงเทพฯ สุดท้ายหาเสบียงตุนไว้ก็แล้วกันครับ จากคุณ : เทวดาน้อย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 13:17:02

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่า เขาทำเพื่อใช้ระบายน้ำในภาวะปกติ ที่ฝนตกหนักทั่วๆไป แต่ตอนนี้ มองไปทางใหนก็มีแต่น้ำ มันคงช้วยอะไรมากไม่ได้หลอกครับ จากคุณ : Achaki Oddy เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 14:05:22

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อคืนฝนตกหนัก ๆ น้ำท่วมตั้งหลายจุดรอบกรุง จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 14:08:56

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ เทวดาน้อย ไปเอาข้อมูลอ้างอิงมาจากไหน ขอผมดูมั่ง จากคุณ : Mc.Otto เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 14:31:35

ความคิดเห็นที่ 5 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที = 86.4ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ป่าสัก ปล่อย 80ล้านQ/วัน มาสักพักแล้ว เขึ่อนภูมิพล เพิ่งปล่อย ประมาณ 100ล้านQ/วัน 2-3วัน เจ้าพระยาไหล 4,000ล้านQ/วินาที = 345ล้านQ/วัน (3วัน=1เขื่อนป่าสัก)  คงจะเพิ่มขึ้นเป็น > 400 ล้านQ/วัน เร็วๆนี้  ข้างซ้าย ขวา ของ กทม ก็เต็มหมดแล้วว น้ำระบายลงทะเลได้ เท่าไร/วัน มีใครรู้บ้าง ?? อุโมงค์ระบายน้ำ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที = 5ล้านQ/วัน เทียบกับน้ำก้อนมหึมา >100ล้านQ/วัน กำลังไหลลงมาเพิ่ม  จะเอาอยู่มั้ยนี่ จากคุณ : โฮเฮะ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 14:39:40

ความคิดเห็นที่ 6 เทวดาน้อยครับ ขอมูลคุณไม่ถูกต้อง วินาทีนึง ประมาณ 4000 กว่าลูกบาศน์เมตร ครับ ไม่มีล้าน ถ้า300ล้านลูกบาศเมตรต่อวินาที ไม่ต้องทำไรแล้ว อยู่ใต้น้ำแน่นอน จากคุณ : BYE BYE BECK เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 14:39:46

ความคิดเห็นที่ 7 ใครสนใจไปดูข้อมูลที่ถูกต้อง ผมจำได้คร่าว ๆ ตามที่แจ้งครับ ด้วยการดูทีวีย้อนหลังของช่อง Nbt รายการเมื่อคืนช่วง 5 ทุ่ม ที่มีคุณจักรพันธุ์ ยมจินดาเป็นพิธีการ มีอธิบดีกรมชลประทานมาให้ข้อมูลครับ ++++++ มีข้่อมูลหมดว่ากรุงเทพอีก 7 วันนี้จะเจอน้ำเท่าไหร่ และอีก 15 วันจะเจอหนักกว่า และบอกเลยว่าตอนนี้น้ำวิ่งผ่านกรุงเทพเท่าไหร่ จะมีอีกเท่าไหร่ที่ต้องเจออีก เขาถึงจะบอกว่าให้ผู้ว่ากรุงเทพรีบประสานร่วมมือกับรัฐบาลในการเตรียมรับมือ +++++++ จากคุณ : เทวดาน้อย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 15:18:18

ความคิดเห็นที่ 8 รายการแว่นขยาย ช่อง 11 ดูย้อนหลังได้ครับ มีประโยชน์ในการเตรียมรับมือได้เลย จากคุณ : เทวดาน้อย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 15:20:36

ความคิดเห็นที่ 9 ตามความเห็นที่ 6 ครับ ตอนนี้เจ้าพระยาไหลประมาณ 4500 ลบ.ม./วินาที หรือ 388 ล้าน ลบ.ม./วัน ครับ ส่วนอุโมงค์ ออกแบบไว้ระบายน้ำจากคลองลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่รับน้ำจากเจ้าพระยาโดยตรง ดังนั้นอย่าเอาปริมาณน้ำไปเปรียบเทียบกันครับ มันเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว จากคุณ : ม้าหงอย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 15:50:43

ความคิดเห็นที่ 10 เว่อร์แล้ว แม่น้ำเจ้าพระยา ตอนนี้รับน้ำได้ประมาณ 3,000-3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ข้างบนก็โม้ซะ 1 ล้านเท่าเลยนะเนี่ย ไม่ธรรมดา จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 17:55:33

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนนี้ กทม.จัดพิธีไล่น้ำแล้ว  ไล่ไปจังหวัดอื่น จากคุณ : sukit654 เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 18:01:14

ความคิดเห็นที่ 12 อุโมงค์ระบายน้ำ 1) อุโมงค์ ถนนพระรามสี่ - สถานีสูบฯถนนเชื้อเพลิง มีเครื่องสูบขนาด 7m3/sec จำนวน 4 เครื่อง สร้างและใช้งานมานานกว่า 30ปีแล้ว ทุกวันนี้ยังทำงานหนักต่อเนื่องทุกวัน วันละ 24ชม. เครื่องต้นกำลังเดิมเก่ามากแล้วไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ 2) อุโมงค์ คลองลาดพร้าว-แสนแสบ --> สถานีสูบฯพระขโนง มีเครื่องสูบ ขนาด 15m3/sec จำนวน 4 เครื่อง รวม 60m3/sec 3) อุโมงค์ บึงมักกะสัน --> สถานีสูบฯวัดช่องลม ถนนเชื้อเพลิง มีเครื่องสูบ ขนาด 9m3/sec จำนวน 5 เครื่อง รวม 45m3/sec ทุกเครื่องถูกใช้งานอย่างหนักมาตั้งแต่ส่งมอบงาน คนกรุงเทพฯ ถ้าสังเกตุที่บึงมักกะสันจะเห็นว่ามันจะแห้งก่อนฝนตกเสมอ เพื่อรอรับน้ำฝน ช่่วงที่ฝนตกหนักต่อเนื่อง ทุกเครื่องเดินวันละ 24 ชม. ไม่อยากให้เรื่องอุโมงค์เป็นแค่เครื่องมือทางการเมืองจากคนที่บ้าการเมือง ข้าราชการ(ประจำ) กทม. เขาทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน เก็บขยะที่ลอยมากับน้ำวันละไม่ร้กี่ร้อยตัน การออกแบบศึกษาอุโมงค์ระบายน้ำ ก็โดยข้าราขการประจำ วางแผนต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี และวางแผนต่อเนื่องไปข้างหน้าอีกหลายสิบปี ไม่ใช่ว่า นาย เอบีซี มาเป็นผู้ว่าแล้วจะสร้างอะไรก็สร้างได้เลย โครงการหนึ่งๆใช้เวลาศึกษาออกแบบไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี กว่าจะอนุมัติงบประมาณกันก็ใช้เวลาอีกหลายปี ทำงานสำเร็จลุล่วง วางแผนระบายน้ำปิดทองหลังพระ รับใช้ประชาชน ยังไม่วาย..... เห็นใจข้าราชการที่ทำงานเบื้องหลังกันเถอะครับ จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 20:45:04 A:110.49.249.153 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 13 สถานีระบายน้ำในกรุงเทพคำนวณโดยใช้พื้นฐานจากปริมาณน้ำฝน เพราะปกติกรุงเทพจะท่วมก็เพราะฝนตกเเล้วระบายไม่ทัน น้ำขนาดเเม่น้ำเจ้าพระยาถ้ามีเขื่อนกันเเล้วติดเครื่องสูบน้ำขนาดยักษ์หลายตัวรวมกันต้องมีกำลังไม่ต่ำกว่าเเสนเเรงม้าสูบออก ถึงจะสูบที่ 4000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาีที ที่สำคัญยังมีหลายคนเข้าใจผิดว่าเราสามารถสูบน้ำจากเเม่น้ำเจ้าพระยาออกทะเลได้ คำตอบคือทำไม่ได้เพราะเราไม่มีเขื่อนกั้น เราทำได้เเค่ปล่อยมันออกตอนน้ำทะเลลง คุณไก่มีข้อมูลว่าเขื่อนกัินเเม่น้ำในโลกนี้มีที่ไหนทำขนาดรวม 4,000 คิวต่อวินทีบ้างครับ จากคุณ : ต้นกลเรือ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 21:06:07

ความคิดเห็นที่ 14 เอาเนื้อหาแบบชาว"หว้ากอ"กันหน่อย การระบายน้ำใน กทม. ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นการรวมน้ำจากท่อระบายน้ำข้างถนน ลงสู่คลอง ดังนั้น กทม. จะรักษาสภาพ ไม่ให้ท่วมนั้น ต้องทำเป็นพื้นที่ปิดล้อมเป็น zoneๆ ไป แล้วใช้เครื่องสูบฯขนาดใหญ่ ที่เหมาะสม อย่างกระทุ้คุณต้นกลเรือ พูดให้ฟัง น้ำเยอะๆ แรงดันไม่มาก ซึ่ง กทม. ก็ออกแบบได้ถูกต้องแล้ว แต่ปัญหาคือการระบายน้ำด้วยคลอง และติดตั้งเครื่องสูบฯที่ปลายคลอง ต่อให้พร่องน้ำแห้งขอด จนปั้มจะพัง น้ำจากต้นทางมันก็ไหลมาไม่ทัน เนื่องจากเกิด Head loss ในคลองเยอะ สูบน้ำได้เร็ว แต่คลองไหลได้ช้า ก็ต้องสูบๆ หยุดๆ คงต้องทำคลองให้กว้างขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่มีที่ งั้นทำคลองให้ลึกขึ้น ก็ต้องสร้างสถานีสูบฯใหม่ ให้ลึกลง แล้วต้องขุดต้องสร้างใหม่ทั้งหมดเลยหรือ??? จึงเป็นที่มาของการสร้าง อุโมงค์ระบายน้ำ หาจุดที่น้ำรวมตัวกันได้เร็วที่สุด ไว้รอรับน้ำจากพื้นที่ ที่มันจะไหลมารวมกันได้ พร่องน้ำให้หมด รอทำหน้าที่เป็นแก้มลิงรับน้ำต่อไป แล้วติดตั้งเครื่องสูบขนาดใหญ่ที่ปลายอุโมงค์ แล้วอุโมงค์ ไม่มี Head loss เหรอ??? มี Head loss เท่าไหร่ ก็เอาไป ลบกับระดับน้ำต่ำสุดที่ต้นทาง ก็จะเป็นระดับ Low Water Level ที่โรงสูบ เช่น Head loss = 10 เมตร ที่อัตราสูบ 50 ลบม.ต่อวินาที ถ้าต้องการสูบน้ำที่ต้นทาง ที่อัตราสูบเต็มที่ โดยที่ระดับน้ำต้นทาง อยู่ที่ -1.0msl นั้นแปลว่า ระดับน้ำต่ำสุดที่สถานีสูบฯจะเท่ากับ -11.0msl แล้วติดตั้งเครื่องสูบฯให้สามารถสูบน้ำได้รวม 50ลบม.ต่อวินาที สมมุติ ติดตั้ง 5 เครื่อง เครื่องละ 10ลบม.ต่อวินาที ก็ต้องศึกษาด้วยว่า ตอนเดินเครื่องสูบฯเครื่องเดียวนั้นจะมีปัญหาหรือไม่ เพราะเดินเครื่องเดียว หมายความว่า Head loss ในอุโมงค์จะน้อยกว่าเมื่อเดินเครื่องเต็มที่ สมมุติว่า จะระบายน้ำต้นทางที่ระดับ -1.0msl เดินเครื่องเดียวอัตราสูบ 10ลบม.ต่อวินาที มี Head loss ในอุโมงค์ = 1m. แปลว่าระดับน้ำที่ หน้าโรงสูบฯ จะอยู่ที่ระดับ -2.0ms. หากพิจารณาตั้งแต่ภาพรวม เครื่องสูบแต่ละเครื่องควรจะมี อัตราสูบเครื่องละ 10m3/sec TDH = (DischWL 2.0msl.) - (Suc.WL -11.0msl) + (สมมุติDisch.Loss 1.0m) = 14m. แต่ตอนเดินเครื่องเพียงเครื่องเดียว จุดทำงานของเครื่อง จะอยู่ที่ TDH = (DischWL 2.0msl) - (SucWL -2.0) + (สมมุติDisch.loss 1.0m) = 5m. ดังนั้น เครื่องสูบแต่ละเครื่องจะมึ ช่วงการทำงาน ตั้งแต่ TDH 5m - 14m นับว่ากว้างทีเดียว ช่วงที่ TDH ต่ำกว่าจุดออกแบบมากๆนั้น หากออกแบบระดับการติดตั้งไม่ดี เครื่องสูบก็จะเกิดคาวิเตชั่น และการสั่นสะเทือน ซึ่งจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงอย่างรวดเร็ว หากสั่นสะเทือนมากๆ ชุดแบริ่งจะเสียหายอย่างรวดเร็ว สาระ สำหรับ หว้ากอ พอแค่น้ำก่อนนะจ๊ะ จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 21:14:26 A:110.49.249.153 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 15 #13 คุณต้นกลเรือ พูดมาถูกต้องทุกอย่างครับ 1) สถานีสูบฯ กทม. ใช้ระบายน้ำฝน ที่ไหลมารวมกันในคลอง และบึงรับน้ำต่างๆเท่านั้น ดังนั้น จึงเป็นการระบายในพื้นที่ปิดล้อม รวมไปถึงการทำคันกั้นน้ำริมเจ้าพระยา ไม่ให้น้ำขนาดมหึมาทะลักเข้ามา แต่ทุกวันนี้กรมชลฯ ร้องขอ ปล่อยน้ำ ให้ผ่านเข้ามาทางคลองใน พื้นที่ กทม. เพื่อช่วยเร่งระบาย กทม. ก็ต้องคำนวนอัตราการระบายน้ำของตัวเองให้ดี หากรับเข้า มากมากไป ระบายไม่ทัน ก็ตัวใครตัวมันล่ะพี่น้อง 2) การจะระบายน้ำจากแม่น้ำขนาดใหญ่ด้วยเครื่องสูบ ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนด้วยประการทั้งปวง 4000cum/sec ปล่อยไหลตาม gravity ไปเถอะครับ สถานีระบายน้ำใหญ่ที่สุดในโลกนี้ยังระบายได้แค่ 150,000gallon per second หรือ 568cum/sec ใช้งบตั้ง 500Mil.USD !!!!! แล้ว 4000 cum/sec จะไหวหรือพี่ ลำพัง ไหลตาม gravity ตอนนี้มันก็ไหล ตั้ง 3500m3/sec แล้ว จะลงทุนเงินมหาศาล ไปสร้างโรงสูบ ขนาด 4000m3/sec คงไม่คุ้มแน่นอน จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 21:28:08 A:110.49.249.153 X: TicketID:252022