ความคิดเห็นที่ 1 พูดกันมาหลายกระทู้แล้ว ลองกลับไปดูของเก่า เช่นกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11197025/X11197025.html จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 22:42:59 A:183.89.89.165 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 2 ลองอ่านกระทู้ล่างๆดูครับ เขาถกกันมาหลายรอบแล้วครับ ว่ามันไม่ได้เกิดจากการปั่นไฟ ไฟฟ้าที่ได้จาก เขื่อนมันนิดเดียวจากปริมาณความต้องการทั้งประเทศ แต่ที่น้ำท่วมมันเกิดจาก พายุ มามากเกินที่คาดการณ์ไว้ จากคุณ : วัยละอ่อน เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 22:43:56

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ศึกษาข้อมูลให้เยอะก่อนครับ คนไม่ทราปจะทำให้คนเข้าใจผิดได้นะครับ เขื่อนช่วยบริหารจัดการทรัพยากรน้ำนะครับ ผลรวมน้ำเข้า = น้ำออก + กักเก็บ มันจะไปทำให้น้ำท่วมได้ไงครับ มีแต่ชะลอน้ำ ที่สำคัญสื่อใช้คำให้อารมณ์เหมือนเป็นสาเหตุ แท้ที่จริงแล้วต้องเปลี่ยนคำสื่อความหมายจาก "น้ำท่วมเพราะเขื่อนปล่อยน้ำ" เป็น "ชะลอน้ำ" เพราะปริมาตรน้ำที่เกิดขึ้นมันบรรเทาลดลง ปล. ชลประทานเป็นเจ้าของทรัพยากรน้ำ เป็นผู้วิเคราะห์เรื่องปริมาตรน้ำที่ปล่อยเพื่อเหตุผลของชลประทาน ส่วน กฟผ. เป็นผู้บริหารจัดการตัวเขื่อนและจะปล่อยน้ำเท่ากับที่วิเคราะห์แต่อาจปล่อยเวลากลางวันหรือกลางคืน วันทำงานหรือวันหยุดก็แล้วแต่ผลของ OR (operation research) แต่ผลรวมจะเท่ากับชลประทานวิเคราะห์ จากคุณ : เพ้อถึงเทอ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 22:48:52

ความคิดเห็นที่ 4 อยากให้ไม่มีปัญหาเรื่องเขื่อนเก็บน้ำมากจนต้องเป็นสาเหตุอย่างที่ จขกท.คิด อยากแก้ปัญหาน้ำท่วม คงต้องให้คนไทยเลิกทำเกษตรครับ เค้าจะได้เลิกเก็บน้ำสำหรับทำชลประทาน ตั้งนิคมอุตสาหกรรมให้หมดทั่วประเทศ เขื่อนเก็บน้ำแค่พอทำไฟฟ้า ไม่ต้องเผื่อชาวนาทำนาทำไร่ น้ำเยอะไปก็ปล่อยออก ไม่ต้องกลัวท่วม ไฟฟ้าไม่พอ ก็ซื้อข้างบ้าน เขื่อนมีหน้าที่แค่แก้มลิง พักน้ำ ไม่ต้องเก็บน้ำสำรองสำหรับใช้เพาะปลูกใด ๆ ทั้งนั้น จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 22:51:28 A:183.89.89.165 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากครับคุณ j ผม เข้าไปดูแล้วครับ แต่ไม่มีที่บอกว่าเขื่อนต้องรับผิดชอบนี่ครับ แถวบ้านผม  เขื่อนที่มีอยู่เป็นเขื่อนเพื่อการเกษตรทั้งนั้น ปีแรกๆที่น้ำท่วมหลังจากมีเขื่อน  เพราะคนเฝ้ามีหน้าที่กักน้ำ พอน้ำแยะเกินกลัวเขื่อนแตก  ก็เร่งปล่อย  น้ำก็ท่วมชาวบ้าน ต่อมาทางท่านผู้ว่ารู้  ก็สั่งให้พร่องน้ำไว้  จากนั้นมา  ไม่เคยมีปีไหนท่วมแบบนั้นอีกเลย แต่ที่น่าสังเกตุคือเขื่อนที่ยอมพร่องน้ำลงระดับต่ำ  จะเป็นเขื่อนเพื่อการเกษตร เพราะปีไหนเก็บน้ำได้น้อย  ก็บอกชาวบ้านอย่าทำนาปรังมาก  จำกัดพื้นที่ๆจะทำนาปรัง (ชาวนาขาดผลประโยชน์) แต่เขื่อนผลิตไฟฟ้า  น้ำที่กักได้  คือเงินที่เขื่อนได้เมื่อเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า ดังนั้นเขื่อนชนิดนี้จะไม่ยอมพร่องน้ำสักเท่าไร  เพราะมันเป็นเงินกำไรของเขื่อน เงินกำไร  คือเงินที่ทำให้เกิดโบนัสของเจ้าหน้าที่ (จริงไหมก็ไม่ทราบนะครับ เพราะผมไม่ได้เป็นจนท.) แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 54 22:57:00 จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 22:54:26

ความคิดเห็นที่ 6 ลองไปหาดูก่อนครับว่า ไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อนมันกี่ % ของระบบ แล้วก็เขื่อนที่ไว้ผลิตไฟฟ้า มักจะมีขนาดใหญ่ มีพื่นที่ต้องรับผิดชอบเยอะ ถ้าน้ำไม่พอ มันอาจไม่ได้หมายถึงแต่ ไม่มีน้ำไว้เพาะปลูก แต่มันจะหมายถึง ไม่มีน้ำไว้อุปโภค บริโภค ไม่มีน้ำไว้ ยันน้ำทะเลไม่ให้ไหลเข้ามาในแผ่นดิน จากคุณ : วัยละอ่อน เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:00:15

ความคิดเห็นที่ 7 คห.6 ครับ ไม่น่าจะเกี่ยวว่าไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อนเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของระบบนะครับ ที่น่าพิจารณาตอนนี้คือน้ำที่ท่วมอยู่ตอนนี้นั้น เป็นน้ำออกจากเขื่อนซึ่งมากกว่าความจำเป็นที่เขื่อนนั้นๆต้องใช้หรือเปล่าครับ กลับมาเรื่องพร่องน้ำนะครับ สมมติเขื่อนA จุเต็มที่ 15,000 ล้าน ลบ.ม. ถ้ายอมพร่องน้ำก่อนเดือนสุดท้ายของฤดูฝนให้เหลือครึ่งหนึ่งของความจุ เขื่อนA จะมีที่ว่า 7,500 ล้าน ลบ.ม.   น้ำปีนี้สมมติว่าไหลเข้าอ่าง 200 ล้าน ลบ.ม./วัน  (จริงๆแล้วอัตรานี้คงไม่ทุกวันตลอดเดือนครับ) เขื่อนนี้ผลิตไฟฟ้าปล่อยน้ำ 50 ล้าน ลบ.ม./วัน  (ผมไม่ทราบว่าช่วงฤดูฝนต้องผลิตเต็มกำลังหรือเปล่า) ถ้าเขื่อนปล่อยน้ำ 50 ล้าน ลบ.ม./วัน  อีก 7500/150 = 50 วันน้ำจึงจะเต็มเขื่อนครับ ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน  ผมว่าเขาไม่ได้พร่องน้ำเท่าที่ควร  เพราะน้ำที่กักไว้  คือเงินกำไรของเขื่อนครับ ที่ผมเสนอให้พร่องน้ำ 50% ของความจุ   เพราะหากจะให้เขื่อนมีคุณสมบัติเป็นกันชนสำหรับน้ำท่วม ต้องลดความสามารถในการปั่นไฟฟ้าลงครับ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 54 23:31:23 จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:19:05

ความคิดเห็นที่ 8 % เกี่ยวข้องมากๆเลยครับถ้าปริมาณการผลิตเยอะหมายถึงกำไร มาจากส่วนนี้เยอะ แต่ความเป็นจริงก็คือ % ที่ผลิตได้มันน้อยมากๆ เหมือนกำไรเพิ่มมา 1% มันแทบไม่สะเทือนอะไร กับเงินในกระเป๋าเลย มีร้อยนึงได้เพิ่มมา 1 บาท แทบไม่รู้สึกอะไรเลยครับ แต่ถ้ามีร้อยนึง ได้เพิ่มอีก 20 บาท นี่มันเยอะนะครับ ส่วนเรื่องการพร่องน้ำ ใครสามารถบอกได้มั่งละครับ ว่าเดือนหน้าจะมีน้ำเข้าเขื่อนเท่าไหร่ ข้อมูลในอดีตบอกได้ว่า ประเทศจะมีน้ำเท่าไหร่ แต่บอกตำแหน่งที่น้ำจะมาไม่ได้แบบที่ ปีก่อนฝนตกก่อนถึงเขื่อน น้ำไม่เข้าเขื่อนข้างล่างท่วมเละ แต่เขื่อนไม่มีน้ำ แบบตัวเลขของคุณเอง ถ้าไม่มีน้ำเขื้าเขือนหลังจากพร่องน้ำไป 7500/50 = 150 วัน มีน้ำใช้อีก แค่ 5 เดือน ยังไม่ถึงหน้าแล้งเลยถึงตอนนั้น จะเอาน้ำที่ไหนมาใช้กัน ??? จากคุณ : วัยละอ่อน เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:34:26

ความคิดเห็นที่ 9 ดูกันหลายๆปีเถอะครับ ปี 2010 นี่แทบจะขอดก้นเขื่อน ถึงเห็นฝนลงมา แต่ดูจากปริมาณการลดในอดีต เป็นใครก็อยากได้ระดับน้ำเต็มเขื่อน จะได้ไม่ต้องมาวุ่นแก้แล้งในปี 2012 ปัญหาที่ซ่อนอยู่ของระบบการจัดการน้ำในบ้านเราคือ ปริมาณเก็บกักของเขื่อนและฝายนั้นไม่พอ ทั้งในแง่การตุนใช้ และการกักระบายน้ำ มาถกกันในบล็อคผมได้ครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=whatsoevermization&month=10-2011&date=09&group=6&gblog=3 จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:35:54

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ได้ก่อกวนนะครับ แต่ จขกท ทราบได้อย่างไรครับว่าเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าที่ว่าไม่ได้ทำการพร่องน้ำเอาไว้ คนที่ไม่ทราบข้อมูลตัวเลขที่แท้จริง(ตัวผมเองก็ด้วย) อาจจะคิดไปในทางที่ไม่ดีนะครับ เพราะฉะนั้นผมว่าหาข้อมูลที่อ้างอิงได้มาจะดีกว่ามั้ยครับ? จากคุณ : เขียนบน iPhone (เพลีย'D') เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:36:54

ความคิดเห็นที่ 11 # 7 ครับ เขื่อนภูมิพล ช่วงเดือน พค.  มีน้ำประมาณ 52 % ถือว่า มีครึ่งหนึ่ง แล้วจะให้พร่องอีกเหรอครับ เอาหละ ถ้าให้พร่อง เหลือ 30 % แล้ว ถ้าฝน ไม่ตก ล่ะครับ ทำไงคับ ช่วยตอบตรงนี้หน่อย จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:38:37

ความคิดเห็นที่ 12 น้ำเต็มเขื่อน กฟผ. กำไรมหาศาล http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11076695/X11076695.html เรื่องเขื่อนนี่ผมว่าคงมีมาด่าตลอดแหละนะ จะให้ปล่อยน้ำตอนน้ำแล้ง   และไม่ให้ปล่อยตอนน่ำท่วม     คุณรู้อนาคตได้รึเปล่าล่ะ    ถ้าไม่สามารถรู้อนาคตได้ใครมันจะไปทำอย่างที่คุณว่า ปล่อยน้ำตอนน้ำแล้ง   -   แล้วถ้ามันยังแล้งต่อไปอีกซัก5-6เดือนตอนนั้นจะทำยังไง         ปล่อยมันไปให้หมดแล้วค่อยไปหวังพึ่งฟ้าเรอะ ไม่ให้ปล่อยตอนน่ำท่วม    -    แล้วถ้าฝนมันยังเทลงมาเรื่อยๆจะทำยังไง      ถ้าฝนมันยังมาอีก4-5เดือน      ปิดประตูน้ำไปเรื่อยๆเดี๋ยวเขื่อนล้น-แตกคราวนี้หายนะหนักกว่าเดิมอีก ไม่ว่าใครบริหารเขื่อนเขาก็ไม่อยากจะให้ชาวบ้านเดือดร้อนทั้งนั้น     แต่ใครล่ะจะรู้อนาคต      ถ้าคุณคิดว่าคุณคาดการณ์อนาคตได้แม่นยำเป๊ะๆ        รีบไปบอกเขาเลย    ถ้าคุณทำได้จริงเขาจ้างคุณด้วยเงินมหาศาลแน่ๆ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:40:08

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท. ตรรกะที่บอกว่า " เพราะน้ำที่กักไว้  คือเงินกำไรของเขื่อนครับ " ผิดแบบเต็มๆครับ เพราะว่าไม่ว่าจะเก็บน้ำไว้มากๆแล้วปล่อยครั้งเดียว หรือเก็บเท่าไรปล่อยเท่านั้น สุดท้ายแล้วปริมาตรน้ำรวมก้เท่ากันอยู่ดี เรื่องน้ำในเขื่อนเป็นปัญหาหนึ่งของ OR และมีลักษณะเป็น probabilistic มันขึ้นกับสถิติของน้ำที่ไหลในที่ต่างๆ(historic data) เราจึงจะได้การกระจายตัว (random variable distribution) เราทำได้เพียงรักษาปริมาณน้ำให้อยู่ระหว่าง Upper Rule Curves และ Lower Rule Curves คุณแค่เข้าไปดูระดับน้ำหรือเปล่า ลองจำลองสถานะการณ์ดูว่าคุณรู้ได้อย่างไรว่าในอนาคตอันใกล้นี้ระบบจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น ลง หรือเท่าเดิม ขึ้นอยู่กับข้อมูลในอดีต ??? ลองจำลองดูใน3 scenario ดู ปล. Upper Rule Curves = ระดับน้ำหรือปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มาก ที่สุดที่จะทำให้ความเสี่ยงต่อการที่อ่างเก็บน้ำมีปริมาตรไม่พอที่จะรับน้ำนอง Lower Rule Curves = ระดับน้ำในอ่างที่ควรรักษาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงความ เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำในอนาคต จากคุณ : เพ้อถึงเทอ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:42:17

ความคิดเห็นที่ 14 คห.11 ครับ เดือนพค.  เนี่ย  ผมว่ามันแค่ปลายฤดูร้อนนะครับ เดือนสุดท้ายของฤดูฝน  น่าจะเป็น กย.ครับ สำหรับ คห.10  ลองดูที่นี่ครับ http://www.sirikitdam.egat.com/sk_plant/hydroweb/test00.php ผมได้มาจากคห. 28   ของคุณWaterman (LN106)  ที่กระทู้  http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11178519/X11178519.html  ครับ เป็นเครดิตของคุณWaterman (LN106)   ครับ จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:45:18

ความคิดเห็นที่ 15 ^ จะปลายฤดูร้อนก็เถอะครับ     มีใครรับรองได้มั้ยว่าพอถึงฤดูฝนแล้วฝนจะตกลงมามาก มีน้ำ52%สมมุติพร่องน้ำไปจนเหลือแค่20%รับฤดูฝน       แต่เกิดปีนั้นฝนไม่มาก    ได้น้ำเพิ่มมาแค่20-30%   รวมกับที่เก็บไว้20%    รวมเป็นมีน้ำแค่50%กว่าๆ      หลังฤดูฝนไปจะเอาน้ำที่ไหนใช้ละครับ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:50:13

ความคิดเห็นที่ 16 คห.11 ครับ เดือนพค.  เนี่ย  ผมว่ามันแค่ปลายฤดูร้อนนะครับ เดือนสุดท้ายของฤดูฝน  น่าจะเป็น กย.ครับ ส่วนถ้าฝนไม่ตก  เขื่อนก็ผลิตไฟฟ้าได้น้อยลงไงครับ (คุณวัยละอ่อนบอกว่าไฟฟ้าจากเขื่อนคิดเป็น%ได้นิดเดียว) ทีน้ำเกษตร เขื่อนกักได้น้อย  ชาวนาขาดผลประโยชน์ ยังพร่องน้ำไว้รอได้เลย สำหรับ คห.10  ลองดูที่นี่ครับ http://www.sirikitdam.egat.com/sk_plant/hydroweb/test00.php ผมได้มาจากคห. 28   ของคุณWaterman (LN106)  ที่กระทู้  http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11178519/X11178519.html  ครับ เป็นเครดิตของคุณWaterman (LN106)   ครับ ส่วน คห.9 จะเห็นว่าในเดือนกย. เขื่อนกักน้ำไว้ประมาณ 75 % แล้วครับ  ถ้าลดเหลือ 50% ความเดือดร้อนจะลดลงมากครับ จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 23:52:59

ความคิดเห็นที่ 17 คห. 15 ครับ ท่านเอา 20%มากจากไหนอีกครับ ผมเชื่อว่าตั้งแต่หัวข้อกระทู้  จนถึง คห. 15 ไม่มีใครเสนอให้พร่องน้ำจนเหลือ 20% นะครับ จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:05:05

ความคิดเห็นที่ 18 # 14 ครับ เอาหละ กันยา ก็กันยา ให้พร่องน้ำ เหลือ 50 % แล้ว ฝนไม่ตก ก็ ชาวนาไม่มี น้ำนา แล้ว เขื่อน ผลิต ไฟฟ้า ได้น้อยลง ก็แปลว่า ยอมรับ ว่า แลกกับ น้ำน้อย ......................................................................................................... ทีนี้ ถ้าฝนตกท้ายเขื่อน ซึ่ง เป็นข้อเท็จ จริง ใน 5 ปีที่ผ่านมา ถ้าฝนน้อยก้อ แล้วกันไป หาก ชาวนา ต้องการ น้ำมาทำนา ก็ต้อง แลกว่า ปีนั้น ไม่ต้องทำนา เพราะเราแลก กับ น้ำในเขื่อนที่ถูกพร่องไปแล้ว (การดำนา ทำในกลางเดือน สิงหาคม) ......................................................................... เอาหละ อีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่เกิดขึ้นได้คือ มีฝนตกหนัก มาก เช่นปีนี้ ฝนตก ท้ายเขื่อน แล้ว เกิดน้ำท่วม  การพร่องน้ำ ของเขื่อน ก็ไม่มีประโยชน์ มาดู การปล่อยน้ำของเขื่อน ภูมิพล ของลุ่มน้ำปิงกัน เขาปล่อยวันละ 100 ล้าน  ลบ.ม แล้ว ขณะนี้ มีมวลน้ำ อยู่ในภาคกลาง 12,000 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 0.8 % ของ ปริมาณน้ำที่ท่วมอยู่ จะเห็นว่า ปริมาณ น้ำของเขื่อนภูมิพล แทบไม่มีผลต่อ ปริมาณน้ำโดยรวม แล้ว เรา พร่องน้ำในช่วง กลางฤดูฝน เพื่ออะไรครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:08:14

ความคิดเห็นที่ 19 ทีนี้ ถ้าเกิดฝนแล้ง ติดกัน 3 ปี ซึ่งเคยมีมาแล้ว และน้ำเหลือ เพียง ไม่เกิน 30 % เราจะเอาน้ำที่ไหน ให้ชาวนาทำนาครับ แล้ว เราจะเอา น้ำที่ไหน มาไล่น้ำเค็ม ในฤดูแล้งครับ ทีนี้ พอ เกิด เหตุการณ์ ฉุกเฉิน เช่นโรงไฟฟ้า แม่เมาะ เกิด down ลงกระทันหัน เรา จะเอาพลังงานสำรองที่ไหนมาใช้ครับ เรื่องนี้ เกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อโรงไฟฟ้า ราชบุรี หยุดจ่ายไฟ เขื่อนศรีนครินทร์ จะเดินเครื่อง ทันที และ ชาว กทม ก็มีไฟฟ้า ใช้ ในเวลา สองชั่วโมง ปกติ ถ้า โรงไฟฟ้า down ลง ไฟฟ้าจากเขื่อน จะสามารถ ปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ใน หนึ่งชั่วโมง หากระบบเสถียร แล้ว สามารถ หยุดการผลิตได้ทันทีครับ ต่างจาก โรงไฟฟ้า พลังงานความร้อนที่กว่า จะจ่ายไฟได้ อย่างเร็ว ต้องครึ่งวันครับ พอจุดไฟแล้ว จะดับ ก็ดับไม่ได้ครับ จุดติดแล้ว ต้องเดินเครื่องไปเป็นปีครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:18:35

ความคิดเห็นที่ 20 -ขอขอบคุณน้าพรครับสำหรับความเห็น แต่ผมคิดว่าน้ำ 12,000 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำสะสมนะครับ ท่านเอามาเทียบกับน้ำที่เขื่อนๆเดียวปล่อยในวันเดียว 100X100/12000 = 0.8 ผมว่ามันออกจะตลกนะครับ จากประสบการผมที่เจอน้ำท่วมนะครับ ตอนนั้นเกิดจากเขื่อนปล่อยน้ำเต็มที่เพราะกลัวเขื่อนแตก ท่านเชื่อไหมครับว่าน้ำท่วมเข้าเมืองสูงชั่วโมงละ 1 ฟุต ถ้าลำพังน้ำฝน  มันก็จะผ่องถ่ายของมันออกไปเรื่อยๆ ไม่ท่วมครับ แต่พอมีมวลน้ำมหาศาลที่ผิดธรรมชาติเข้ามา  มันท่วมอย่างเร็วเลยครับ พอท่วมก็เกิดการเสียหาย  ชาวบ้าน-ชาวนา  น้ำตาตก  ต้นทุน+แรงงานที่ลงไปสูญเปล่า จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:18:36

ความคิดเห็นที่ 22 ปีนี้ฝนตกเยอะตกตลอด แล้วตกไม่ใช่เฉพาะเหนือเขื่อนนะครับ ใต้เขื่อนก็ตก ปริมาณน้ำที่พื้นที่ใต้เขื่อนก็เยอะอยู่แล้วถ้าให้เขื่อนปล่อยน้ำออกมาเยอะๆอีกเพื่อพร่องน้ำในเขื่อนออก ก็คงได้ท่วมกันไปตั้งแต่เดือนกรกฎาสิงหายาวมาจนถึงตอนนี้แล้ว มีช้อยส์ให้เลือกแค่จะเอาแบบท่วมน้อยหน่อยแต่ท่วมนาน 4-5เดือน หรือท่วมหนักแบบนี้แต่เดือนสองเดือนจบ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:24:21

ความคิดเห็นที่ 23 งั้น ก็ เอา ข้อเท็จ จริง มาแย้ง ข้อท็จ จริงของผมซิครับ เรื่อง ตลกหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่อง ของเหตุผลครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:25:31

ความคิดเห็นที่ 24 พอเขื่อน เปิด น้ำมาก แน่นอน ครับ ว่า พื้นที่ ที่อยู่ใกล้เขื่อน ก้อจะถูกกระทบ ขอให้ดูภาพรวม ทั้งประเทศครับ ว่า จะให้พร่องน้ำ กลางฤดูฝน เอาเป็นว่า เหลือ 50 % แล้ว ถ้าฝนแล้ง ติดต่อกัน สามปี ทำไงครับ เรื่อง การปล่อย น้ำ 100 ล้าน ลบ.ม. ต่อปริมาณน้ำ 12,000 ลบ.ม นั้น เป็นข้อเท็จจริง ครับ เขื่อน เขาเปิดน้ำ ปริมาณนี้เพียง สองสามวัน แล้ว ขณะนี้ ก็ ปล่อยเหลือ 60 ล้าน ลบ.ม เท่านั้น เขื่อน สำคัญ อีกสองเขื่อน คือ ป่าสัก กับ สิริกต ก็ปล่อย 40 กับ 50 ล้าน ลบ.ม. ครับ รวมๆ แล้ว มี น้ำเข้าระบบ อยู่ ประมาณ 200 ล้าน ลบ.ม. จะเห็นว่าไม่มาก แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 54 00:34:51 จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:30:15

ความคิดเห็นที่ 25 ไปดูเหอะว่ีาเค้าสร้างเขื่อนมาเพื่ออะไร จากคุณ : qerlic เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:31:40

ความคิดเห็นที่ 26 เอาหละ ในทางกลับกันอีกอย่างหนึ่ง เกิด มีฝนตกหนัก ที่ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง ลุ่มน้ำน่าน พร้อมๆ กัน  ในต้นฤดูฝน แล้วเราไม่มีเขื่อน ปริมาณน้ำทั้งหมด จะเคลือนตัวลงมา ซึ่ง ปากน้ำโพ จะโดนก่อน และโดนมาก เร็ว และหนัก ทีนี้ ทำไง คับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:37:33

ความคิดเห็นที่ 27 งง กับสิ่งที่เจ้าของกระทู้กล่าวครับ ในเมื่อ เขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าจำเป็นต้องผลิตไฟฟ้าทั้งปี และน้ำคือสิ่งจำเป็นในการผลิตกระแสไฟ ถ้าเร่งปล่อยน้ำอย่างที่ผลิตไฟฟ้าอย่างที่ จขกท กล่าวถึง เมื่อถึงฤดูร้อนเขื่อนจะเอาน้ำที่ไหนผลิตไฟฟ้า ซึ่งฤดูร้อนเป็นช่วงที่มีอัตราการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ไม่ใช่ฤดูฝน จขกท ลองไปศึกษาข้อมูลดูสิครับว่าปีไหนบ้างที่ เขื่อนไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ เพราะน้ำไม่พอ และลองศึกษาต่อนะครับว่าปีก่อนนั้น ฝนตกปริมาณเท่าไร ปริมาณน้ำที่เขื่อนปล่อยช่วงหน้าฝนเป็นเท่าไร เมื่อเทียบกับปีนี้ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 54 00:52:03 จากคุณ : evillcore เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:48:45

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนนี้ท่วมกทม.20 เขตแล้วครับ เห็นว่าน้ำฝนระบายไม่ทัน  (ขนาดมีอุโมงนะเนี่ย) http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000131429 จากการศึกษากระทู้และความเห็นต่างๆ  ตอนนี้ผมพอจะเห็นความจริง(หรือเท็จ) 1 ด้านครับ  คือ 1. เขื่อนขนาดยักษ์ของเราผลิตไฟฟ้าได้น้อยมาก  แทบไม่มีผลกับระบบ 2. น้ำที่เขื่อนนั้นๆปล่อยออกมา  มีผลต่อการท่วมของน้ำน้อยมาก 3. เขื่อนมีประโยชน์สูงมากในการเป็น Buffer ป้องกันน้ำท่วม 4. เขื่อนมีประโยชน์มากสำหรับชาวนา(เกษตร) ผมว่าถ้าเสนอแบบนี้จะดีไหมครับ 1. เลิกให้ความสนใจในปริมาณไฟฟ้าที่เขื่อนจะผลิตได้       หรือ ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านผลิดไฟฟ้าในระดับแรงดันของน้ำที่ลดลง    โดยไม่้ต้องใช้เขื่อนนี้ในวัตถุประสงค์หลักในการผลิตไฟฟ้า 2. ก่อนเดือนสุดท้ายของฤดูฝน  กำหนดให้เขื่อนกักน้ำไม่เกิน 50 % ของความจุ     แล้วไปพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้น้ำทำเกษตร  ได้เท่าไรก็เท่านั้น 3.  กำหนดวัตถุประสงค์หลักของเขื่อนให้เป็นเขื่อนเพื่อกันน้ำท่วม ผมเสนอตามข้อมูลที่เพื่อนๆในนี้บอกมาล้วนๆเลยนะครับ ส่วนของคุณลุงพร  ตลกจริงๆนะครับสำหรับวิธีคำนวนของท่าน แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 54 01:08:52 แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 54 01:01:34 จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 00:55:58

ความคิดเห็นที่ 29 #18 ผมว่าต้องคำนวนใหม่แล้วละครับ จากคุณ : น้ำท่วมจ้า เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 01:05:28 A:58.11.233.203 X: TicketID:333154

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าเขื่อนภูมิพลปล่อยน้ำวันละ 100 ลบ.ม. ต่อวัน ปริมาณน้ำที่เจ้าพระยาที่นครสวรรค์ 5,000 ลบ.ม. ต่อ วินาที = 432 ลบ.ม ต่อวัน ดังนั้นการที่เขื่อปล่อย 100 ลบ.ม. ต่อวัน คือประมาณน้ำ 1 ใน 5 หรือ 20% หรือ ทำให้น้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้น 120% ในทันที จากคุณ : น้ำท่วมจ้า เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 01:21:01 A:124.122.130.242 X: TicketID:333154

ความคิดเห็นที่ 31 ^ แก้หน่วยเป็นล้าน ลบ.ม. จากคุณ : น้ำท่วมจ้า เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 01:21:44 A:58.11.140.155 X: TicketID:333154

ความคิดเห็นที่ 32 ชอบกระทู้นี้ครับ ท่าจะยาว ..  เซฟไว้ รออ่านต่อละ จากคุณ : วิดวะอิเลก เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 01:27:18

ความคิดเห็นที่ 33 จขกท น้ำไม่ได้เอาไว้เพื่อการเกษตรอย่างเดียวนะครับ มีไว้เพื่ออุปโภคบริโภคด้วยครับ ลองดูปี 2009-2010 ของกราฟ ใน คห.9 ด้วยครับ ในปลายปี 2009 เก็บน้ำไว้เกินครึ่งนึงนะครับ แต่พอกลางปี 2010 น้ำติดขอบอ่างแล้ว ถ้าเก็บน้ำน้อยกว่าครึ่งนึง เกรงว่า จะเกิดสงครามแย่งน้ำกินน้ำใช้ละครับ จากคุณ : วัยละอ่อน เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 01:27:44

ความคิดเห็นที่ 34 ใครกันแน่ครับที่มีอำนาจในการสั่งปิดหรือเปิดเขื่อน การไฟฟ้า  กรมชล  หรือ  กระทรวงเกษตร หรือหน่วยงานอื่นๆๆ อยากรู้จริงๆ จากคุณ : toronado เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 01:28:55

ความคิดเห็นที่ 35 ^ แก้นิดนึงนะครับ ตัวเลข 100 ต่อวันนั้นคือตัวเลขที่ปล่อยมากกว่าปกติที่ 50 - 60 เพราะฉะนั้น กรณีที่เขื่อนภูมิพลระบายน้ำออกทางฉุกเฉิน ทำให้ระดับน้ำแม่น้ำเพิ่มขึ้น 10% หรือ สมมติให้น้ำในแม่น้ำ จากระดับ 10 เมตร เป็น 11 เมตร จาก 20 เมตรเป็น 22 เมตร แต่ถ้าปล่อยจากเขื่อนอื่นๆ ด้วย ก็ลองคำนวนดูนะครับ นี่คือเหตุผลที่กรณีแม่น้ำปิงทำให้จังหวัดกำแพงเพชรน้ำท่วม เมื่อวันสองวันที่ผ่านมา จากคุณ : น้ำท่วมจ้า เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 01:52:22 A:124.122.131.219 X: TicketID:333154

ความคิดเห็นที่ 36 คห.15  จะปลายฤดูร้อนก็เถอะครับ     มีใครรับรองได้มั้ยว่าพอถึงฤดูฝนแล้วฝนจะตกลงมามาก มีน้ำ52% สมมุติพร่องน้ำไปจนเหลือแค่20%รับฤดูฝน    แต่เกิดปีนั้นฝนไม่มาก    ได้น้ำเพิ่มมาแค่20-30%   รวมกับที่เก็บไว้20%    รวมเป็นมีน้ำแค่50%กว่าๆ     หลังฤดูฝนไปจะเอาน้ำที่ไหนใช้ละครับ ----------------------------------------- - แล้วปีนี้เป็นไง ผมว่าฝนแล้งดีกว่าน้ำท่วม เมืองไทยไม่ถึงขนาดแล้งมากนักหลอก -  กฟผ.  การผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนในปีนี้จนถึง 10 ปีข้างหน้า ให้นำส่งคลังทั้งหมด ห้าม  นำส่งเป็นรายได้ของ กฟผ. กฟผ. ชอบอ้างเสมอว่าเป็นว่าเป็นผลพลอยได้ -  ทำนาปีละ 2 ครังก็พอ - พรรคการเมืองบางพรรคเห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้องตัวเองพยายามกักน้ำไว้ให้มาก   อธิบดีกรมชลไม่มีอำนาจในการจัดการน้ำ   น้ำท่วมปีนี้ รมต.เกษตรฯ  น้ำท่วมปาก บริหารงานมากีปีแล้ว  เป็นอธิบดีกรมชลเก่าไม่ใช้หรือ  คิดเสียมั่งว่าใครมันผิด   ลาออกไปเถอะ จากคุณ : sukit654 เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 05:12:08

ความคิดเห็นที่ 37 ประเทศเรา พยากรณ์ห่วย ขนาดไม่รู้เลยว่า ปีๆ นึงจะมีน้ำเท่าไหร่เหรอครับ ซอฟท์แวร์ โมเดล ที่ใช้พยากรณ์ปริมาณน้ำฝนก็มีเพียบ ขนาดศึกษาได้ว่า การกระจายตัวของป่าไม้ในอีก 20 ปีข้างหน้า จะเป็นยังไง เมื่อเจอผลกระทบของภาวะโลกร้อน กะอีแค่ ปีนี้โอกาสที่ฝนจะตกมาก-น้อย เท่าไหร่ ยังไม่รู้ แล้วก็เก็บน้ำไว้มาก ตอนที่ควรปล่อย แล้วพอควรกัก ก็ไม่มีที่เก็บแล้ว คือ ไม่รู้จักใช้ความรู้ที่มีมากกว่า รึไม่มีความรู้ห่-อะไรเลยมากกว่า? ปล. การพยากรณ์ด้วยโมเดล ส่วนมากการันตี 80% ครับ ซึ่งควรจะเพียงพอต่อการวางแผน ถ้าคนวางแผนไม่มีเขาอ่ะนะ จากคุณ : Adios2nd เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 06:22:17

ความคิดเห็นที่ 38 จริง ๆ แล้วตามสถิติมันควรเป็นปีที่น้ำน้อยครับ  แต่มันกลับจากหน้ามือเป็นหลังเท้า อย่างที่เห็น   ทุกวันนี้เรารู้ได้แค่ว่าฝน "น่าจะ" ตกที่บริเวณไหนปริมาณเท่าไร    เอาแบบเจอะจงเป็นอำเภอแล้วถูกต้อง 100% ยังทำไมได้ครับ เพราะตัวแปรมันเยอะ และข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์มันมหาศาล  ที่สำคัญเท่าที่รู้ Super Computer ที่กรม อุตุ ก็มีปัญหาทำงานไม่ได้เต็มทีครับ เพราะเหมือนกับซื้อ PC มาแต่ไปลง Mac OS อะไรประมาณนั้น   ทุกวันนี้ก็เลยใช้คนคำนวณ + PC คำนวณ ก็ทำได้ดีที่สุดก็ได้ ข้อมูลอย่างที่เห็นครับ    ส่วนเรื่องเขื่อนเก็บน้ำนั้นเป็นเพราะกรมชลต้องการเก็บน้ำไว้ให้มากหน่อยเพื่อใช้ในการเกษตร  พอเก็บไปเรื่อย ๆ อ่าวปีนี้มากทำลายสถิติซะงั้น จะปล่อยก็ไม่ทันละ เพราะเริ่มท่วมแล้วครับ     มันก็แย่อย่างงี้แหละครับ สภาพอากาศในโลกนี้ จากคุณ : LogiEng เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 07:51:58

ความคิดเห็นที่ 39 ถ้าจำกัดปริมาณการปล่อยน้ำจากเขื่อนในแต่ละวันเอาไว้ แล้วเกิดวันไหน ฝนตกกระหน่ำ ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มอย่างรวดเร็ว จะทำอย่างไรล่ะ แล้วถ้าวันต่อไปฝนตกติดๆกันอีกหลายวันล่ะ ก็ยังห้ามปล่อยน้ำเกินกำหนดอีกใช่ไหม การผลิตไฟฟ้าจากเขื่อน มันเล็กน้อยมากๆ แทบไม่ต้องนำมาคิดเลยด้วยซ้ำ ปกติแล้ว เขาเอาไว้ผลิตเสริมช่วงความต้องการใช้ไฟพีคมากๆแค่นั้นเอง ไม่ได้เอามาใช้ผลิตเป็นการประจำ เพราะน้ำมีค่ามากกว่าการนำไปผลิตไฟฟ้า (ยกเว้นตอนนี้นะ ที่น้ำมีมากเกินความต้องการ 5555) จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 07:55:42

ความคิดเห็นที่ 40 จาก 28 ผมว่าถ้าเสนอแบบนี้จะดีไหมครับ 1. เลิกให้ความสนใจในปริมาณไฟฟ้าที่เขื่อนจะผลิตได้      หรือ ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านผลิดไฟฟ้าในระดับแรงดันของน้ำที่ลดลง   โดยไม่้ต้องใช้เขื่อนนี้ในวัตถุประสงค์หลักในการผลิตไฟฟ้า -ผมว่าห้ามผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนไปเลยครับ หรือผลิตได้ให้นำเงินทั้งหมดส่งเข้ารัฐ กฟผ. ต้องไม่ได้เงินแม้แต่สตางค์เดียว สะใจ อ๊าาาาาา 2. ก่อนเดือนสุดท้ายของฤดูฝน  กำหนดให้เขื่อนกักน้ำไม่เกิน 50 % ของความจุ    แล้วไปพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้น้ำทำเกษตร  ได้เท่าไรก็เท่านั้น -ลองพิจารณาดูตามที่ท่านว่ามา เดือนนี้ก็ต้องพร่องน้ำทุกเขื่อนให้เหลือไม่เกิน 50% แล้วซิ แล้วไอ้ที่ท่วม ๆ ตอนนี้ละทำไง? 3.  กำหนดวัตถุประสงค์หลักของเขื่อนให้เป็นเขื่อนเพื่อกันน้ำท่วม -มันเป็นจุดประสงค์หลักมาตั้งแต่เริ่มสร้างเขื่อนแล้วนี่? จากคุณ : Antfield เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 08:56:28

ความคิดเห็นที่ 41 เขื่อนภูมิพล มีมากว่า 30 ปี ถ้าเป้นต้นเหตุ ต้องท่วมทุกปีครับไม่มีเว้น คิดก่อนสักนิดก็ดีครับ หรือถ้ายืนยันเอาตามนั้น พอน้ำลดให้เอาน้ำออกจากเขื่อนให้หมดแล้วทุบทิ้ง ใครเห็นด้วยตามนี้ 1.พอหน้าแล้งช่วยหาวิธีเอาน้ำไปเติมแม่น้ำด้วย 2.หาไฟฟ้ามาให้ใช้ด้วย จากคุณ : แด่น้อง เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 09:06:13

ความคิดเห็นที่ 42 เขื่อนกับกรุงเทพนี่ซวยจริงๆ จากคุณ : I love Alpha เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 10:08:05

ความคิดเห็นที่ 43 เรื่องเขื่อนเนี่ย มันคล้ายๆกับ planning & storage management ในระบบโรงงานครับ โรงงานเรารู้ปริมาณของที่ผลิตเข้า stock แต่เราไม่รู้ปริมาณการขายออกที่แน่นอน เขื่อนเรารู้ปริมาณน้ำที่ต้องการใช้ แต่เราไม่รู้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบ ที่ทำได้ก็แค่ประมาณการโดยใช้สถิติในอดีต และการจัดการล่วงหน้า ถ้าจะเทียบกับระบบโรงงาน หากต้องการลดความผันผวนของระบบโดยไม่ยุ่งกับการขาย, การผลิต จะต้องลงทุนเพิ่มขนาดโกดัง แต่ที่ต้องแลกมาคือค่าใช้จ่ายในการบริหาร ต้นทุน, ค่าดำเนินการ, ค่าเสียโอกาส, ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ เทียบกับเขื่อน ก็คือการเพิ่มความจุของเขื่อน แต่เขื่อนยากกว่าเยอะครับ ไหนจะหาสถานที่ที่เหมาะสม, ไหนจะแรงต้านจาก NGO, ไหนจะเงินลงทุน บำรุงรักษา ถ้าการบริหารสิ่งเหล่านี้มันง่าย แผนกวางแผนการผลิตคงไม่มีงานทำกันพอดี จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 12:08:53

ความคิดเห็นที่ 44 # 36 ครับ คุณ ไม่ได้ ตอบคำถาม ผมนะครับ ไม่ได้เอาเหตุผลมาพูดกันครับ ทีนี้ ถาม ว่า แล้วปีนี้เป็นไง ตอบ น้ำในเขื่อนภูมิพล ปล่อยน้ำออกมา 100 ล้าน ลบ.ม. ประมาณ 5 วัน วันที่  6 และหลังจากนั้น ลดลงเหลือ 60 ล้าน ลบ.ม. ครับ ส่วนน้ำที่ท่วม เวลานี้ มากจากฝนบนฟ้าครับ ไม่ได้มาจากเขื่อน ตามที่ผม ได้บอกแล้วว่า น้ำที่ท่วมมีปริมาณ 12,000 ล้าน ลบ.ม. ครับ ------------------------------ คือ หากจะ แสดง ความเห็น เป็นการ แย้งกัน ก็เอาตัวเลข มาว่ากันครับ เราโตๆ กันแล้ว ใช้หลักเหตุผลมาว่ากันครับ ส่วนเรื่อง การเมืองนั้น หากต้องการพูด ขอเชิญที่ห้อง ราชดำเนินครับ วันนี้เวลานี้ พี่น้อง เป็นล้านๆ คน เดือนร้อนครับ เรามาระดมความคิดที่สร้างสรร กันดีกว่าครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 12:48:11

ความคิดเห็นที่ 45 # 35 ครับ แรกสุด คุณ ยังไม่ได้ตอบ คำถาม ที่ผมถาม ข้างบนนะครับ คุณ มีแต่ตั้งคำถาม ขึ้นมาเรื่อยๆ เอ้า ขอชี้แจงดังนี้ ถามว่า 100 ล้าน เป็น 10 % ของ 5000 ลบ.ม / วินาทีหรือไม่ ตอบ ใช่ ทีนี้ จะมีปริมาณ น้ำในแม่น้ำเพิ่ม ขึ้น 10 % ใช่หรือไม่ ตอบใช่ ถามต่อ แล้ว ปริมาณนี้ จะทำให้ "ระดับ" น้ำเพิ่ม 10 % ใช่หรือไม่ ตอบ ไม่ใช่ เพราะ น้ำ อาจล้นตลิ่ง และ ความสูง ของระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นระดับหนึ่ง แต่ไม่มาก เป็น 10 % ของที่มีอยู่ ดังนั้น วิธีคิด ที่คุณ ยกตัวอย่าง ทางคณิตศาตร์มานั้น ไม่ถูกต้อง ในพื้นที่จริงนะครับ แล้ว การที่ น้ำล้นตลิ่ง ก็ไม่ใช่เพราะเชื่อนนะครับ ตรงนี้ น่าจะเข้าใจ แม้นเขื่อนปล่อย มาถึง 200 ล้าน ลบ.ม. น้ำก็ไม่ล้นครับ ที่น้ำล้นเพราะ น้ำในแม่น้ำมีอยู่มากตะหาก ไม่ได้เกี่ยวกับ น้ำจากเขื่อน ที่ปล่อยออกมานะครับ ถ้ามองตรงนี้ออกน่าจะเคลียร์ .......................................................................... เอาหละ ทีนี้ มาดู ว่า เหตุการณ์ ที่เขื่อนภูมิพล ได้ปล่อยน้ำ จำนวน 100 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน มีกี่ครั้ง นับแต่ปี 2509 ตอบ เท่าที่จำได้มี สองครั้งนะครับที่ประจวบกับ น้ำในแม่น้ำมีอยู่มาก แปลว่า มี 2 ปี ในรอบ 45 ปี คิดเป็น โอกาส คือ 0.044 ครับ นี่คือ ที่เราต้องเสี่ยง .......................................................................... ทีนี้ มาดู ว่า ถ้าเรา มีน้ำอยู่ ในเขื่อน สัก 80 - 90 % ในทุกปี เฉพาะ ฤดูน้ำหลาก แล้ว จะเหลือประมาณ 35 - 40 % ในฤดูแล้ง แล้วได้บริหารจัดการน้ำ อย่างที่เป็นมา เขื่อนช่วยอะไรได้บ้าง ตอบ ช่วย การเกษตร ช่วย เรื่อง น้ำเค็ม และช่วย เป็น พลังงานสำรอง ในกรณี โรงไฟฟ้า อื่น down ลงประทันหัน ประเทศเรา มีแล้งมีฝนทิ้งช่วงมากกว่าฝนชุกนะครับ วันหลัง ผมจะเอา Data ปริมาณฝน รายปี นับแต่มี 2499 มาให้ดู ......................................................................................... เราก็มาชั่งดูว่า อย่างนี้ พอที่จะแลก กับ โอกาส 0.044 ที่ว่าไหม .......................................................................................... ก็เท่านั้น ถ้า จกขท ไม่เห็นด้วย ก็ให้ หาพวกมา แล้ว ลงชื่อ แจ้งไปที่ประธานสภา หรืออย่างน้อย ก็หาพวก ใน board นี้ครับ ว่า เห็นเป็นอย่างไร สำหรับผม ชอบที่จะพูดกันด้วยเหตุผลเสมอ ขอบคุณครับ ปล. บ้านผม น้ำเข้า 1.20 เมตร ในเวลา 4 ชั่วโมงครับ ผม ก็โดน เสียหายเป็นแสนๆ แต่เนื่อง จากเห็นประโยชน์ ดังว่า ความทุกข์ ของผม แม้มีอยู่บ้าง ผมยอมแลก กับความสมบูรณ์ หลายๆ ปี ของพี่น้องเกษตรกรครับ ง่ายๆ ตรงๆ ครับ มาวันนี้ น้ำมาก ไม่ได้มาจากเขื่อนครับ มากจากฝนมากครับ  ควรเข้าใจจุดนี้ให้เคลียร์ก่อนครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 13:31:50

ความคิดเห็นที่ 46 อยากบอกว่า ที่บ้านผม ต้องการเขื่อนมากๆครับ หน้าแล้งไม่มีน้ำใช้เลยครับ ที่บ้านผมทำนาได้ปีละครั้งนะครับ หน้าแล้งแทบไม่มีน้ำใช้ในการทำการเกษตรครับ เวลาฝนตก ไม่ถึง 3 ชั่วโมงน้ำหลากมาเร็วมาก แล้วก็ลงเร็วมากๆ อยากได้เขื่อนมาเก็บกักน้ำใช้ในการเกษตรครับ และป้องกันน้ำหลากครับ จากคุณ : เพราะเธอสวยและรวยมาก เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 13:35:20

ความคิดเห็นที่ 47 #44 12,000 มันกระจายไปหลายจังหวัดครับ คิดให้ง่าย คือ การปล่อยน้ำล้นตลิ่ง มันก็ต้องเอ่อล้นแล้วท่วมใช่มั้ยครับ การแก้ปัญหานั้นผมมองอย่างนี้ คือ เราต้องรู้ปริมาณความต้องการใช้ จากนั้นวางแผนสร้างที่เก็บกักน้ำ ซึ่งจะเป็นเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำประจำตำบลก็ได้ สิ่งที่ต้องทำ คือ ส่วนกลางต้องมีระบบส่งน้ำไปยังแหล่งเก็บกัก ในการคำนวนปริมาณเก็บกักก็ต้องคำนึกมี buffer เผื่อแล้ง เผื่อฝน เผื่อแล้งยาว เผื่อฝนยาว ซึ่งมันคงต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า ตรงจุดนี้ต้องวางแผนร่วมระหว่างท้องถิ่นกับส่วนกลาง ในระบบส่งน้ำก็ต้องดูว่าระบบ แม่น้ำ ลำคลอง ที่มีอยู่ มีความจุความสามารถในการส่ง/ระบายน้ำเท่าไร หากต้องปริมาณน้ำเกิน แหล่งเก็บกักน้ำต่างๆจะต้องระบาย การระบายตอนนี้ คือปัญหา เพราะน้ำล้นเขื่อเขื่อนระบายได้ แต่เขื่อนดันระบายเข้าแม่น้ำลำคลองปกติ ซึ่งที่เราเจอบ่อยๆ คือ น้ำในระบบแม่น้ำลำคลองเต็มอยู่แล้ว แล้วเขื่อนยังระบายเข้าทางน้ำเดิม มันก็ต้องท่วมแน่นอน ที่ผมจะชี้คือ 1. การแก้น้ำแล้ง เราก็ใช้การสร้างที่เก็บกักน้ำ ซึ่งจะต้องวางแผนร่วมกับท้องถิ่น 2. การแก้น้ำท่วม เราก็ต้องสร้างทางระบาย อาจจะขยายทางน้ำเดิม หรือสร้างทางน้ำใหม่ แต่ต้องคำนวนให้ดีว่าจะไม่ล้นความสามารถของทางระบายน้ำ เพราะมันจะไปเอ่อล้นท่วม ดังนั้นผมจึงเสนอให้สร้างทางระบายน้ำฉุกเฉินที่สามารถระบายน้ำยามวิกฤตได้ โดยจะต้องเข้าไปลดภาระทางน้ำเดิม ซึ่งกรณีประเทศไทยถ้าพายุเข้าน้ำมันก็จะเต็มทั้งบนเขื่อนหลังเขื่อนเสมอ สรุป คือ จะเก็บเท่าไร ก็เก็บไปครับ เอาให้พอใช้ แต่เวลามันเกินก็หาทางระบายไม่ให้มันไปกระทบกับระบบทางน้ำปกติ ซึ่งสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ส่วนหนึ่งอยู่แล้ว ปล. อาจจะนอกประเด็นกระทู้ไปหน่อย อยากให้เขื่อนมีไว้เก็บ หากเก็บเกินก็ระบาย แต่ต้องหาทางไม่ให้กระทบเท่านี้แล จากคุณ : น้ำท่วมจ้า เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 13:47:57 A:110.169.252.124 X: TicketID:333154

ความคิดเห็นที่ 48 คุณน้าพรครับ แค่คำถามใน #11 ของคุณน้าพรเนี่ย  #7 เค้าก็ตอบไม่ได้แล้วครับ นั่นสิ  เหลือ 30% แล้วระยะเวลาที่เหลือทำยังไง ชอบคำถามนี้มากครับ ความจริงมันก็คือความจริง   หนีความจริงไปไม่ได้  ทำได้แค่เพียงข้าง ๆ คู ๆ จากคุณ : siLvan เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 14:57:16

ความคิดเห็นที่ 49 #45 ผมอยากให้ดูง่ายๆ นะครับ สำหรับเขื่อนภูมิพลมีผลต่อระดับน้ำแค่ไหน ขอให้ดูน้ำท่วมจังหวัดกำแพงเพชรครับ 10% นั้นผมเข้าใจว่าแม่น้ำมันล่างแคบบนสูง และพอล้นมันก็ไม่สูง แต่ให้ดูปริมาณน้ำครับ ปริมาณน้ำในแม่น้ำ ถ้าอยู่ๆ คุณไปเพิ่มปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา 10-20% (ตัวเลขจริงคือ 20+ % ถ้าคุณลองเอาตัวเลขไปดู 100*100/432) เพราฉะนั้นข้ออ้างเรื่องนี้ปริมารน้ำที่ปล่อยมีผลจริง นี่เฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าเอาเฉพาะแม่น้ำปิงตัวเลขจะสูงกว่านี้ ส่วนน้ำมันจะสะสมกี่หมื่น มันก็เอามาวัดตรงๆไม่ได้ครับ เพราะมันไม่ได้อยู่ในแม่น้ำ นี่ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ ปริมาณน้ำมันมากจนน้ำล้นสองฝั่งแล้วเข้าท่วมทุ่ง จนสะสมในทุ่ง ถ้าแก้ก็คือทำอย่างไรไม่ได้น้ำมันล้นตลิ่ง ถ้าน้ำไม่ล้นตลิ่งมันก็ไม่ท่วม ส่วนน้ำฝนที่ตกลงทุ่ง อันนั้นค่อยว่ากันอีกเรื่อง จากคุณ : น้ำท่วมจ้า เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 15:01:18 A:115.87.77.113 X: TicketID:333154

ความคิดเห็นที่ 50 ผมขำ ความคิดเห็นที่ 28    ของผมเองครับ  ผมแกล้งสุรปมาด้านล่างเพื่อดูพฤติกรรมของการเสนอข้อมูลครับ จากการศึกษากระทู้และความเห็นต่างๆ  ตอนนี้ผมพอจะเห็นความจริง(หรือเท็จ) 1 ด้านครับ  คือ 1. เขื่อนขนาดยักษ์ของเราผลิตไฟฟ้าได้น้อยมาก  แทบไม่มีผลกับระบบ 2. น้ำที่เขื่อนนั้นๆปล่อยออกมา  มีผลต่อการท่วมของน้ำน้อยมาก 3. เขื่อนมีประโยชน์สูงมากในการเป็น Buffer ป้องกันน้ำท่วม 4. เขื่อนมีประโยชน์มากสำหรับชาวนา(เกษตร) โพสไว้ตั้งแต่เมื่อคืน  จะรอดูว่าเพื่อนๆที่อ้างเหตุผลกันไว้จะว่าอย่างไร ดูข้อ 2  กับข้อ 3 นะครับ มันขัดแย้งกันแบบ ขาว กับ ดำ เลยนะครับ ถ้าน้ำที่ปล่อยจากเขื่อน 100 ล้าน ลบ.ม./วัน ไม่มีผลกับน้ำท่วม   แล้วน้ำที่เขื่อนกักไว้ 100 ล้าน ลบ.ม./วัน จะมีผลดีวิเศษมากในการป้องกันน้ำท่วมได้อย่างไร การขัดแย้งเพื่อเอาชนะกันของพวกเราไม่เกิดผลดีที่จะนำไปสู่การแก้ไขหรอกครับ ข้อมูล  เหตุผลที่เป็นจริงต่างหากที่จะเป็นประโยชน์  การยกตัวอย่าง(ยกเมฆ) เพื่อรักษาส่วนของตนเองไว้ไม่เป็นการดีครับ ผมลองเสนอให้เขื่อนเก็บน้ำไว้ไม่เกิน 50% ก่อนเดือนสุดท้ายของฤดูฝน  ก็มีตัวเลขแปลกๆ 20% มั่ง 30%มั่งโผล่ออกมา  ขอเรียนว่าผมรู้สึกเป็นงงครับ จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 16:42:53

ความคิดเห็นที่ 51 ชอบกระทู้แบบนี้จัง จากคุณ : หวานตาลเฉาะ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 16:51:45

ความคิดเห็นที่ 52 ความคิดเห็นที่ 48  คุณ : siLvan ครับ คุณน้าพรครับ แค่คำถามใน #11 ของคุณน้าพรเนี่ย  #7 เค้าก็ตอบไม่ได้แล้วครับ นั่นสิ  เหลือ 30% แล้วระยะเวลาที่เหลือทำยังไง ชอบคำถามนี้มากครับ ความจริงมันก็คือความจริง   หนีความจริงไปไม่ได้  ทำได้แค่เพียงข้าง ๆ คู ๆ ผมอยากให้ดูกราฟของ คห.8 ของคุณDarth Prin จะเห็นว่านอกจากปี 2006, 2007  และปีนี้แล้ว ต้นเดือน กย. ของปีอื่นๆ น้ำในเขื่อนจะมีเพียง 7,000 ล้าน ลบ.ม. ปีที่แล้ว 2010  มีเพียง 5,000 ล้าน ลบ.ม. ก็ผ่านกันมาแล้ว แต่ปีนี้เก็บไว้ถึง 11,000 ล้าน ลบ.ม.  หมายความว่าอะไรครับ ผมเสนอให้เขื่อนกักน้ำไว้ 50% ในขณะที่เหลือเวลาฤดูฝนอีก 1 เดือน  ผิดตรงไหนครับ ตอบคำถามไม่ได้ตรงไหนครับ ข้างๆคูๆตรงไหน  เวลาน้ำท่วม  เสียทั้งทรัพย์สิน  เสียชีวิตคนด้วย  เสียโอกาสในอนาคตด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 54 15:21:21 จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 21:50:22

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านมาตั้งแต่ต้นแล้ว ,  ไม่รู้แล้วอวดเก่งนี่ นิสัยไทยแท้จริงๆ , ถ้ากรมอุตุพยากรณ์ไม่ได้ว่าปีนี้น้ำมากหรือน้อย ประเทศนี้ก็ไม่ต้องหาความเจริญกันแล้วครับ อยู่กันแบบโบราณ ทรงเจ้าเข้าผี กันแบบเดิมนั่นดีแล้ว  อีกครั้ง บอกว่าถ้ากรมอุตุบอกไม่ได้ว่า น้ำจะมากหรือน้อย , ไม่ได้บอกว่าคนในกระทู้นี้บอกว่า พยากรณ์ไม่ได้ว่าน้ำมากหรือน้อย เพราะคนในนี้เห็นแล้ว ส่วนมากเป็นพวกไม่รู้ แล้วเอาความไม่รู้ของตน คิดว่า กรมอุตุซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ จะต้องไม่รู้เหมือนตนด้วย  จะบอกให้ ใครที่ตามข้อมูลของกรมอุตุอยู่เสมอ นั้นจะรู้ว่า กรมอุตุเขารู้ว่าล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ว่าปีนี้น้ำจะมาก  ส่วนสาเหตุของปัญหาในปัจจุบันเป็นเพราะอะำไรนั้น ต้องคุยกันอีกเรื่องหนึ่ง  ไม่ควรจะเอามาปนกัน  เพราะถ้าปนกัน เดี๋ยวมันจะมั่วคนจะสับสน แค่นี้ก็ยังมั่วกันเลย จากคุณ : The Peak เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 23:03:40

ความคิดเห็นที่ 54 การพร่องน้ำให้เหลือที่ X % ใดๆ เป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า control system ซึ่งจะต้องมี input หลายๆอย่าง เพื่อให้ได้ระบบที่สมบูรณ์ คือ น้ำต้องไม่ขาด และน้ำต้องไม่เกิน จากคุณ : The Peak เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 54 23:10:26

ความคิดเห็นที่ 55 # 52 ครับ   เอาให้แ่น่ จะเอา ประเด็นไหน เอาให้แน่ครับ ว่ามาประเด็นที่สำคัญประเด็นหนึ่งก่้อนครับ เอ้าว่ามาครับ จะเอา พร่องน้ำให้เหลือ 50 % ก่อนสิ้นฤดูฝน ไหม หรือจะเอาประเด็น อะไร ว่ามาให้ชัดๆ ครับ ไม่งั้น คุยกันไม่จบครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 00:30:01

ความคิดเห็นที่ 56 จาก หัวกระทู็้ เขียยมาว่า เขื่อน เป็นต้นเหตุของน้ำท่วมใหญ่ แล้ว มาถึง # 52 กลายเป็นว่า เก็บน้ำ 50 %  ณ เดือนสุดท้าย ของฤดูฝน ทีนี้ จะคุยอะไรก่อนครับ เอา มาประเด็นเดียวก่อนครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 00:32:38

ความคิดเห็นที่ 57 กระทู้ตั้งไว้ว่า  "เขื่อนผลิตไฟฟ้า เป็นต้นเหตุของน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้จริงหรือ?" ก็เป็นการถาม  เมื่อมีการตอบ  ก็อ้างเหตุผลกัน  ก็เท่านั้นนี่ครับ การที่ได้ดูเหตุผลจากเพื่อนๆ  ต่างคนก็ต่างได้ข้อมูล  ได้ความรู้  การกล่าวถึงประเด็นต่างๆที่เกี่ยวเนื่องผมไม่เห็นว่าจะเป็นอะไรครับ เราไม่ได้ถามกันว่า 1 + 1 เป็น 2 ไหม   ขนาดถามแค่ 1 + 1 เป็นเท่าไร  จริงๆแล้วยังมีการพูดกันไปได้อีกไกลเลยนะครับ ดูกราฟอีกทีน่าจะดีนะครับ   เขื่อนเองคงมีประวัติหลายปีกว่านี้  แต่เท่าที่มีมาแสดง  จะเห็นว่าหลายๆปี  เมื่อต้นเดือน กันยายน  เขื่อนเก็บน้ำไว้ราว 7,000 ล้าน ลบ.ม.  ก็ผ่านกันมาโดยไม่มีอะไรเดือดร้อนสาหัส (ดูเส้นสีดำ และวงกลมสีดำนะครับ) แต่มาปีนี้เก็บไว้ถึง 11,000 ล้าน ลบ.ม.(เส้นแดง)  มากกว่าหลายๆปีถึง 4,000 ล้าน ลบ.ม. และมากกว่าปีที่แล้วถึง 6,000 ล้าน ลบ.ม.  แปลว่าอะไรครับ หากดูกราฟเป็น  จะเห็นว่าทุกปีในเดือน กันยายน จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นมีความจำเป็นแค่ไหนที่จะเก็บน้ำไว้เมื่อต้นเดือนกันยายนถึง 11,000 ล้าน ลบ.ม ท่านทราบไหมครับว่าน้ำ 5,000 ล้าน ลบ.ม. เมื่อนำมาปูบนพื้นที่ 1 ล้านไร่จะได้ก้อนน้ำสูงเท่าไร  เด๋วลองคิดกันดูนะครับ 1 ไร่ =  1,600 ตร.ม.  ดังนั้น 1 ล้านไร่ก็ = 1,600 X 1,000,000 = 1,600 ล้าน ตร.ม ดังนั้น  น้ำปริมาตร 5,000 ล้าน ลบ.ม.  เมื่อปูเต็มพื้นที่ 1 ล้านไร่  จะได้ความสูง 5,000 / 1,600 = 3.125 เมตร ถ้าบริเวณที่น้ำท่วมทั้งหมด(เฉพาะพื้นที่ๆน้ำท่วม ไม่นับที่กั้นไม่ให้น้ำเข้า) เป็น 3 เท่าของล้านไร่ น้ำปริมาณขนาดนี้ก็ยังท่วมได้สูงถึง 1.04 เมตร   จากเขื่อนเดียวนะครับ ถ้าเขื่อนยอมพร่องน้ำเหลือ 6,000-7,000 ล้าน ลบ.ม.รักษาระดับต้งแต่ต้นฝน  จนถึงต้นเดือนกันยายน  ค่อยเพิ่มระดับ เขื่อนนี้จะเป็น buffer รับน้ำได้อีก 6,000 ล้าน ลบ.ม.ครับ แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 54 16:43:11 จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 14:22:50

ความคิดเห็นที่ 58 ลืมไปนิดนึงครับ ผมว่าการที่เรามาแสดงความคิดเห็น  ซึ่งบางครั้งก็ถูก บางครั้งความเห็นของเราก็ผิด   ซึ่งเป็นเรื่องปกติ  เพราะเราไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ดังนั้นมันไม่ได้เป็นเรื่องน่าอาย  หรือเสียหน้าแต่อย่างใด การแสดงความเห็นที่หลากหลาย  บางอย่างอาจจะไม่ถูกในเวลานี้  แต่อนาคตอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกก็ได้ครับ อีกนิดครับ  การที่ผมตั้งกระทู้เป็นคำถามนั้น  ก็เพื่อผู้ที่มีความเห็นหลายๆด้านได้สนใจเข้ามาแสดงความเห็น แต่ผมสารภาพตามตรงครับว่าผมมีมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าการบริหารน้ำของเขื่อนเป็นสาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์มันหนักขึ้นมากๆ เราลองนึกภาพดูนะครับ  ว่าถ้ามีถาดหลายๆถาดที่มีรูรั่วทั่วๆไปวางเหลื่อมมากๆ  ซ้อนๆกัน แล้วเราก็เอาถาดเหล่านี้ไปไว้กลางฝน แต่ละถาดก็จะมีน้ำขังอยู่น้อยบ้าง มากบ้าง ตามแต่ว่าจะมีรูระบายออกมากแค่ไหน คราวนี้เราเทน้ำอีกจำนวนหนึ่งลงบนถาดบนสุด(แทนด้วยน้ำจากเขื่อน) เห็นไหมครับ  ถาดแรกก็จะท่วม  พอเทต่อไปเรื่อยๆก็จะล้นไปท่วมถาดที่ต่ำลงมา  และท่วมถาดที่ต่ำลงมา ดังนั้นการที่คิดว่าน้ำที่ออกจากเขื่อนจะกระจายเต็มพื้นที่ในทันที  จึงเป็นแนวคิดที่ผิดครับ คุณน้าพรอย่าโกรธผมเด้อครับ  ผมก็แสดงความเห็นที่ผิดทางบ่อยๆ  ก็แค่ยอมรับแค่นั้นเองครับ :) ผมเชื่อว่าคุณน้าพร  และเพื่อนๆทุกคน  ต่างมีความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองกันทั้งนั้นครับ :-) แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 54 15:35:37 แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 54 15:05:39 จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 14:57:32

ความคิดเห็นที่ 59 คห 16 "เห็นว่าในเดือนกย. เขื่อนกักน้ำไว้ประมาณ 75 % แล้วครับ  ถ้าลดเหลือ 50% ความเดือดร้อนจะลดลงมากครับ" คือจะบอกว่าพูดตอนนี้หวยมันออกไปแล้วไง เหมือนว่ารู้อะไรไม่สู้รู้งี้ระบายน้ำให้หมดเขื่อนไปเลยดีกว่า คนจะได้ไม่เดือดร้อน ส่วนที่ถามว่าเขี่อนทำให้น้ำท่วมมากจริงมั๊ย ถ้าดูตามกราฟข้างบนที่ จขกทเอามาให้ดู ก็จะตอบว่าจริงแหละ เพราะเขื่อนกักน้ำไว้ทำไมต้องมากมาย ทำไม่ไม่ดูแนวโน้มของเดือนเดียวกันในแต่ละปีมาเป็นแนวทางในการจัดการน้ำหล่ะ แต่อย่าลืมว่าน้ำท่วมตอนนี้เป็นปีที่น้ำมามากจริงๆ แล้วก็ฝนไม่ได้ตกเหนือเขื่อนอย่างเดียว มันยังตกใต้เขื่อนอีกด้วย ถ้ากำหนดโจทย์กระดาษว่าแค่เขื่อนกักน้ำเยอะ ปล่อยน้ำมากอย่างเดียวมันก็ถูก แต่ของจริงมันคงไม่ได้เป็นเช่นนั้นมีตัวแปรมากมาย ปริมาณน้ำฝนที่ผันผวน ยากแก่การคาดการณ์ ปริมาณน้ำฝนที่ตกใต้เขื่อน เกิดเขื่อนระบายน้ำออกมาก็หาว่าซ้ำเติมใต้เขื่อนอีก การจัดการระบายน้ำเมื่อน้ำมาก การตั้งนิคม บ้านเรือนในที่รับน้ำเป็นต้น เหล่านี้เป็นสาเหตุร่วมกันทำให้น้ำระบายได้ยาก แต่ตอนนี้คิดว่าทุกคนทำดีที่สุดแล้วหล่ะ สรุปกำปั้นทุบดินเลยแล้วกัน ว่าการระบายน้ำของเขื่อนมีส่วนทำให้เกิดน้ำท่วม แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักทั้งหมดหรอก ไปดูรอบบ้านเราสิปีนี้เดือดร้อนกันทั่วภูมิภาค จากคุณ : เอิ้น เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 15:59:12

ความคิดเห็นที่ 60 คห.59  คุณเอิ้น  ครับ ไม่ใช่หวยมันออกไปแล้วผมค่อยมาใบ้นะครับ ดูในกราฟ  จะเห็นว่าหวยมันออกทุกปีว่าช่วงเดือนกันยายน เขื่อนสามารถกักน้ำได้อย่างมาก และกราฟชันมากด้วยครับ (ระหว่างเส้นดิ่งสีดำ 2 เส้น) ส่วนเรื่องว่าการระบายน้ำของเขื่อนนั้นเป็นสาเหตุให้น้ำท่วมไหม  ก็ดูตัวอย่างการเทน้ำลงถาด คห. 58 นะครับ จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 16:28:59

ความคิดเห็นที่ 61 น้ำท่วมต้นเหตุมาจากเขื่อน มีส่วนจริง ถ้าบริหารการจัดการดีก็คงไม่ต้องระบายน้ำออกมาสมทบกับน้ำใต้เขื่อน เขื่อนภูมิพล หน่วยล้าน ลบ.ม. 1/10/2554 42 2/10/2554 44 3/10/2554 53.72 4/10/2554 62.21 5/10/2554 98.59 6/10/2554 105.1 7/10/2554 101.73 8/10/2554 98.58 9/10/2554 93.33 10/10/2555 93.42 11/10/2554 93.62 12/10/2554 84.05 13/10/2554 60 14/10/2554 60 15/10/2554 50 จากคุณ : litwinwin เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 20:48:11

ความคิดเห็นที่ 62 ตกลง  ยังไม่ตอบ นะ ว่า จะเอาประเด็นไหน เป็นหลัก แล้วจะมาพูดทำไม เปิดประเด็นไปเรื่อยๆ อย่างนี้มันจะจบเหรอ -------------------------------------------- เอาที่ว่ามา ที่ผม ถาม ก่อนครับ เอาให้เคลียร์ แล้ว ประเด็นอื่น ค่อยมาว่ากัน ประเด็นที่ผม ถามกลับไป ก็ตอบไม่ได้ แ้้ล้วเิปิดประเด็นใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ แสดงถึงอะไรครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 23:17:57

ความคิดเห็นที่ 63 ลองดูอีกความเห็นนะครับ สาเหตุที่น้ำท่วมรุนแรงมาก ประจำปี 2554 ที่ประชาชนตาดำ ๆควรรู้.........??????? เปิดอ่านตามเลยครับ ตอน 1 http://www.oknation.net/blog/anonym/2011/10/14/entry-1 และให้ตามตอน 2 ครับ http://www.oknation.net/blog/anonym/2011/10/18/entry-1 จากคุณ : jadin08 (สายลม08) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 00:12:38

ความคิดเห็นที่ 64 ถาม เขื่อนสิริกิติ์มีข้อมูลว่า เมษา 54 ปริมาณน้ำในเขื่อน 50.21% แต่กลับปล่อยน้ำออกเพียง 7.0 ล้านลบม. ในขณะที่ปี 53 ปริมาณน้ำ 37.95% ระบายน้ำถึง 12 ล้านลบม. พค 54 ปริมาณน้ำในเขื่อน 52.63% แต่กลับปล่อยน้ำออกเพียง 7.5 ล้านลบม. ในขณะที่ปี 53 ปริมาณน้ำ 36.90% ระบายน้ำถึง 8.3 ล้านลบม. มิย 54 ปริมาณน้ำในเขื่อน 60.27% แต่กลับปล่อยน้ำออกเพียง 0.0 ล้านลบม. ในขณะที่ปี 53 ปริมาณน้ำ 34.10% ระบายน้ำถึง 11.0 ล้านลบม. พอเริ่มปล่อยน้ำออกมาก็พอดีกันกับที่ฝนตกชุก พอน้ำจากเขื่อนสิริกิตติ์ปล่อยลงสู่แม่น้ำน่านก็ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม ตอบ การบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำของ กฟผ. จะพิจารณารวมกับกรมชลประทาน โดยแผนการระบายน้ำจะคำนึงถึงความต้องการการใช้น้ำเพื่อการบริโภคอุปโภค รักษาสมดุลย์ระบบนิเวศนตามลำน้ำ การเกษตร บรรเทาอุทกภัยเหนืออ่างเก็บน้ำและท้ายอ่างเก็บน้ำในฤดูน้ำหลาก รวมทั้งการผลิตกระแสไฟฟ้า (เกิดจากผลพลอยได้จากการระบายน้ำ) สำหรับแผนการระบายน้ำในแต่ละปีจะมีปริมาณไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้น้ำของประชาชนเป็นสำคัญ เช่น ในปี 2553 หลายพื้นที่ในส่วนของท้ายน้ำประสบปัญหาน้ำแล้ง และมีความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร มาก กรมชลประทานจึงพิจารณาร่วมกับ กฟผ. เพิ่มการระบายน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งดังกล่าว ส่วนในปีนี้ 2554 เขื่อนสิริกิตติ์ได้รับอิทธิพลจากพายุหลายลูกไม่ว่าจะเป็น HAIMA (ปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม) NOCK-TEN (ปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม) ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมีปริมาณมาก กอปรกับพื้นที่ท้ายน้ำส่วนใหญ่ต่างประสบปัญหาอุทกภัย กฟผ. จึงพิจารณาร่วมกับกรมชลประทานในการชะลออการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำไม่ให้ไปซ้ำเติมประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำ ข้อมูลการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ ช่วงก่อนฤดูฝน (เม.ย. - มิ.ย.) เปรียบเทียบปี 2553- 2554 สรุปได้ดังนี้ 1. ตามแผนการระบายน้ำในช่วงฤดูแล้งเพื่อการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ ในปี 2553 มีแผนการระบายน้ำระหว่างเดือนเมษายน ถึงเดือนมิถุนายน รวมทั้งสิ้น 2,150 ล้านลูกบาศก์เมตร (เขื่อนภูมิพล 1,200 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิตติ์ 950 ล้าน ลบ.ม.) ขณะที่ในปี 2554 มีแผนการระบายน้ำระหว่างเดือนเดือนเมษายน ถึงเดือนมิถุนายน รวมทั้งสิ้น 1,330 ล้านลูกบาศก์เมตร (เขื่อนภูมิพล 530 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิตติ์ 800 ล้าน ลบ.ม.) น้อยกว่าปี 2553 จำนวน 150 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากปี 2553 มีปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ยาวนานจนถึงปลายปี ทำให้ทางเขื่อนต้องระบายน้ำเป็นปริมาณมากเพื่อตอบสนองความต้องการชลประทานทางด้านท้ายน้ำ การบริโภคอุปโภค และรักษาสมดุลย์ระบบนิเวศนตามลำน้ำ 2. การระบายน้ำจริง ในช่วง เม.ย. - มิ.ย. 2554 เขื่อนสิริกิติ์ ระบายน้ำน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 150 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 15 โดยที่ในปี 2554 เขื่อนสิริกิตติ์ได้รับอิทธิพลจากพายุหลายลูกไม่ว่าจะเป็น HAIMA (ปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม) NOCK-TEN (ปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม) ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมีปริมาณมาก แต่มีปัญหาน้ำท่วมท้ายน้ำจึงไม่สามารถระบายอออกตามแผนได้ กล่าวโดยสรุป เขื่อนมีเกณฑ์ระดับความจุน้ำที่เหมาะสมในแต่ละเดือนเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำ ทั้งการพร่องน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำหลากในฤดูฝน และกักเก็บน้ำเพื่อการชลประทานในฤดูแล้ง นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาสภาพท้ายน้ำประกอบการระบายน้ำด้วย ที่มา: http://www.egat.co.th/wwwthai/index.php?option=com_jefaq&view=faq&Itemid=784 จากคุณ : jsam เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 16:10:25 A:61.47.18.239 X: TicketID:334216

ความคิดเห็นที่ 65 ที่ผมไม่ตอบ คห. 55 + 56 เพราะไม่ต้องการถกกับน้าพรครับ เหตุผลอยู่ที่นี่ครับ  คห.37 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11217637/X11217637.html#37 ขอขอบคุณทุกท่านที่แสดงความเห็นด้วยความบริสุทธิใจครับ   จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 54 22:17:12

ความคิดเห็นที่ 66 สุดท้าย ก็ ตอบไม่ได้ไง จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 22:17:53

ความคิดเห็นที่ 67 กลางเดือน พค. เริ่มต้นฤดูฝน ตามประกาศของกรมอุตุ มีร่องฝน เข้ามาทางภาคเหนือ ตอนบน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง มีฝนตก บางแห่ง เกิดน้ำท่วม ลำปาง มีน้ำท่วม วันที่ 10 พค. 2554 น้ำจากลำปาง ไหลลงภาคกลาง ไม่ลงเขื่อน (เขื่อน อยู่เหนือ จังหวัด) ไหม่า  25 มิย. เป็น D ที่ทางเหนือของลาว ส่งผลให้ภาคเหนือมีฝนมากขึ้น นกเตน 30 กค. – 3 สิงหาคม ลูกนี้ หนักหนาสาหัสมาก  ทำให้น้ำท่วม 24 จังหวัด  288  อำเภอ ที่สำคัญ คือ ภาคเหนือ ตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ดังนี้  อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ เขื่อนสิริกิต น้ำเกิน 100 % ต้องปล่อยน้ำครับ ซึ่ง วันนี้ มีคน บอกว่าให้เขื่อนภูมิพล ปล่อยน้ำซะ  ขณะกราฟ ของเขื่อนมีน้ำเข้ามามาก ข้อเท็จ จริง คือ ปล่อยไม่ได้ครับ    ก้อข้างล่างกำลังอ่วมอยู่ 24 จังหวัด 288 อำเภอไงคับ ไหถ่าง 27 กันยายน  เป็น L ในเวียตนามเหนือแต่ส่งผลถึงไทยคือ 29 กันยายน เชียงใหม่น้ำท่วม เกิดจาก มีฝนตกหนัก แถว ต้นน้ำแม่แตง มวลน้ำก้อนนี้ ไหลลง เขื่อน ภูมิพล ตรงนี้ อีก 7 วัน จะทำให้ น้ำเข้าเขื่อน มีกราฟที่เขื่อน สูงขึ้น  ขณะเดียวกัน สุโขทัย โดนอีกแล้วครับ น้ำยม ไม่มีเขื่อน แล้ว ก็มาสมทบกันที่ นครสววรค์ NALGAE เข้าประชิดชายฝั่งวียตนาม วันที่ 5 ตุลมคม สลายตัวที่ชายฝั่งเวียตนาม ในวันที่  6 -7 ตุลาคม แต่ยังคง ดึง ความชื้น จาก ทะเลอันดามัน เข้าภาคกลาง ทำให้ภาคกลางมีฝนตก เอา หละนี่คือ เหตุการณ์ จริง แล้ว ท่าน จะบริหารจัดการอย่างไรครับ พค.  ร่องฝน เข้าทางเหนือ ผลคือ ลำปาง น้ำท่วม มิถุนา  ไหม่าเข้า น่านน้ำท่วม สุโขทัย อุตรดิตถ์ อ่วม น่านน้ำท่วม เฉพาะน่านน้ำไหลลง เขื่อนสิริกิต กรกฏาคม ปลอดน้ำท่วม แต่ฝน ก็ตกแทบทุกวัน ปลายเดือนฝนชุกขึ้น 1 สิงหา มาแล้ว นกเต็น ท่วม 24 จังหวัด  288 อำเภอ ปลายกันยา ไหถ่าง ทำให้เชียงใหม่น้ำท่วม 2 ตุลาคม ลำปาง น้ำท่วม รอบสอง  น้ำไหลลงภาคกลางอีกคับ 5 ตุลาคม NALGAE ดึงเมฆฝนเข้ามา ซ้ำเติม พี่น้องภาคกลางอีก แล้วจะบริหารจัดการน้ำตอนไหนครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 22:34:44

ความคิดเห็นที่ 68 สรุปเลยละกันนะ ใครคุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งดูแลชลประทาน ตอบให้เลย นาย ธีระ พรรคชาติไทย อยู่ทั้งในรัฐบาลเก่าและใหม่ สรุปให้เลย พรรคร่วมรัฐบาลวางยา ให้เก่าและใหม่เป็นแพะ แล้วถามว่าใครจะรู้ว่ามีพายุ ใครจะรู้ว่าแห้งแล้งนะ ตอบให้ละกัน ไม่ต้องไปจ้างแล้วอ้ายพวก ดร หรือ นักการเมือง ปล่อยให้ภารโรงคุมเขื่อนเถอะ เพราะไม่มีใครคิดจะรับผิดชอบกันบ้างเลยโทษอากาศทั้งปี จากคุณ : niky02 เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 12:04:48

ความคิดเห็นที่ 69 คห, 67 - 68   กิ้วๆๆๆ อยากถกมากเหรอครับคุณน้าพร  ผมไม่ถกกับท่านแล้วครับ   เหตุผลอยู่ด้านล่างตามนี้ครับ ขออธิบายให้เคลียร์นะครับ ระหว่างผม  -  น้าพร  - คุณหมูอ้วน  เหตุการเริ่มจากกระทู้นี้ครับ  " เขื่อนผลิตไฟฟ้า เป็นต้นเหตุของน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้จริงหรือ?" http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11197673/X11197673.html ผมตั้งกระทู้ไว้  ก็มีหลายท่านแสดงความเห็นต่างๆ  ทั้งเห็นด้วย  ทั้งโต้แย้ง  ทั้งขอข้อมูล  รวมหลายสิบความเห็น เพื่อนๆคิดว่าจากความเห็นต่างๆ  จะมีการฟันธงได้ไหมครับว่า  เขื่อนเป็นต้นเหตุ  จริง หรือไม่จริง การตั้งกระทู้ก็เพราะต้องการให้เพื่อนๆที่สนใจได้มาออกความเห็น  และบางท่านก็มาอ่านเฉยๆ ส่วนตัวผม  ผมโน้มเอียงไปในทางที่คิดว่าเขื่อนเป็นปัญหาจริง   ความคิดเห็นที่ 58    ลืมไปนิดนึงครับ ผมว่าการที่เรามาแสดงความคิดเห็น  ซึ่งบางครั้งก็ถูก บางครั้งความเห็นของเราก็ผิด   ซึ่งเป็นเรื่องปกติ  เพราะเราไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ดังนั้นมันไม่ได้เป็นเรื่องน่าอาย  หรือเสียหน้าแต่อย่างใด การแสดงความเห็นที่หลากหลาย  บางอย่างอาจจะไม่ถูกในเวลานี้  แต่อนาคตอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกก็ได้ครับ อีกนิดครับ  การที่ผมตั้งกระทู้เป็นคำถามนั้น  ก็เพื่อผู้ที่มีความเห็นหลายๆด้านได้สนใจเข้ามาแสดงความเห็น แต่ผมสารภาพตามตรงครับว่าผมมีมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าการบริหารน้ำของเขื่อนเป็นสาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์มันหนักขึ้นมากๆ เราลองนึกภาพดูนะครับ  ว่าถ้ามีถาดหลายๆถาดที่มีรูรั่วทั่วๆไปวางเหลื่อมมากๆ  ซ้อนๆกัน แล้วเราก็เอาถาดเหล่านี้ไปไว้กลางฝน แต่ละถาดก็จะมีน้ำขังอยู่น้อยบ้าง มากบ้าง ตามแต่ว่าจะมีรูระบายออกมากแค่ไหน คราวนี้เราเทน้ำอีกจำนวนหนึ่งลงบนถาดบนสุด(แทนด้วยน้ำจากเขื่อน) เห็นไหมครับ  ถาดแรกก็จะท่วม  พอเทต่อไปเรื่อยๆก็จะล้นไปท่วมถาดที่ต่ำลงมา  และท่วมถาดที่ต่ำลงมา ดังนั้นการที่คิดว่าน้ำที่ออกจากเขื่อนจะกระจายเต็มพื้นที่ในทันที  จึงเป็นแนวคิดที่ผิดครับ เพราะผมคิดว่าเขื่อนไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะรักษาระดับน้ำในแม่น้ำเป็นหลัก ผมจึงได้เสนอว่าเขื่อนควรจะลดประสิทธิภาพในประโยชน์อื่นลงสักครึ่งนึง (50%) เพื่อทำหน้าที่เป็น Buffer กันน้ำท่วม ***ขอแทรกนิดนึงนะครับว่า  ถ้าเขื่อนเก็บน้ำน้อยลง  ถ้าแล้งจะทำอย่างไร  ผมขอตอบว่า ***ประเทศเราต้องปรับปรุงการใช้น้ำครับ  ทุกวันนี้ปล่อยทิ้งมากกว่าใช้ ***อีกทั้งต้องเริ่มทำระบบเครือข่ายที่จะผันน้ำไปช่วยกัน  ทั้งเติมให้กัน  หรือพร่องน้ำให้กันระหว่างพื้นที่ต่างๆแล้วครับ ***จะอาศัยเพียงทางน้ำที่มีอยู่เดิมไม่ไหวแล้วครับ  เพราะเราไปเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่มากเหลือเกิน  ทั้งถม  ทั้งขวาง จากตัวเลข 50% ที่ผมโพส   น้าพรท่านก็โพสว่า ความคิดเห็นที่ 56    จาก หัวกระทู็้ เขียยมาว่า เขื่อน เป็นต้นเหตุของน้ำท่วมใหญ่  แล้ว มาถึง # 52 กลายเป็นว่า เก็บน้ำ 50 %  ณ เดือนสุดท้าย ของฤดูฝน ทีนี้ จะคุยอะไรก่อนครับ เอา มาประเด็นเดียวก่อนครับ จากคุณ : น้าพร เลยทำให้ทั้งน้าพร  และคุณหมูอ้วน  พยายามยกคำพูดว่า  "คุณน้าพร  ถามผมไว้แล้วผมยังไม่ตอบเลย" ผมขอเรียนว่า  ที่น้าพรถามนั้นมันค่อนข้างไร้สาระ  เพราะแค่ถามว่าผมจะถกหัวข้อไหน ----ทำไมจะตอบไม่ได้  ที่ไม่ตอบเพราะไม่ต้องการถกกับท่านครับ เพราะกระทู้นี้  มีหลายความเห็นแล้วครับ  จะคุย หรือโต้กันต่อก็ไม่เกิดผลสรุปอะไรขึ้นมาได้ เรียกว่ากระทู้นั้นทำหน้าที่จบแล้วก็ได้ครับ และการรักษาน้ำไว้ไม่ให้เกิน 50% จนถึงวันที่ 1 กันยายน ของทุกปี ก็เป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น อีกสาเหตุที่ผมไม่อยาก (หรือไม่กล้า) ที่จะโต้แย้งกับน้าพรก็เพราะ 1. ผมได้ไปเห็นผลงานที่น้าพรโพสไว้หลายๆที่ว่าตนเองพยากรณ์ได้ถูกว่าพายุจะไปที่ไหน     ทั้งๆที่หน่วยงานของประเทศต่างๆหลายแห่งมีทั้งอุปกรณ์ราคาเป็นพันเป็นหมื่นล้าน  และดาวเทียมตรวจอากาศ  พากันทายผิด       ผมเลยกลัว ไม่กล้าโต้แย้งกับท่านอีกในเรื่องดินฟ้าอากาศน้ำ (มีในหลายๆกระทู้ครับ  ผมเจอก็ไม่รู้สึกรำคาญ  คุณหมูอ้วนคงไม่รำคาญเหมือนกันนะครับ ) 2. น้าพรสามารถใช้การคำนวนชั้นสูงมาแสดงให้เห็นได้ว่าเขื่อนปล่อยน้ำ 100 ล้าน ลบ.ม./วัน โดยแทบไม่มีผลต่อน้ำท่วม   ซึ่งผมเรียนคำนวนมาน้อย  ตามไม่ทันจริงๆครับ  เลยไม่กล้าค้าน ความคิดเห็นที่ 18 มาดู การปล่อยน้ำของเขื่อน ภูมิพล ของลุ่มน้ำปิงกัน เขาปล่อยวันละ 100 ล้าน  ลบ.ม แล้ว ขณะนี้ มีมวลน้ำ อยู่ในภาคกลาง 12,000 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 0.8 % ของ ปริมาณน้ำที่ท่วมอยู่ จะเห็นว่า ปริมาณ น้ำของเขื่อนภูมิพล แทบไม่มีผลต่อ ปริมาณน้ำโดยรวม แล้ว เรา พร่องน้ำในช่วง กลางฤดูฝน เพื่ออะไรครับ จากคุณ : น้าพร 3.  ผมไม่กล้าโต้แย้งกับนักวิชาการแบบน้าพรที่ชอบถามหาสถิติน้ำฝน  เพราะผมทราบมาว่าเมืองไทยเราเก็บมาได้ไม่นานพอ  และจุดที่เก็บไม่ครอบคลุม      รวมทั้งการได้มาของสถิติ      ดังนั้นการคาดการตามทฤษฎี return period  จึงยังนำมาใช้ประโยชน์แทบไม่ได้ -------โชคดีจงมีแด่ท่านผู้อ่านครับ------- จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 18:50:58