ลืมไปนิดนึงครับ ผมว่าการที่เรามาแสดงความคิดเห็น ซึ่งบางครั้งก็ถูก บางครั้งความเห็นของเราก็ผิด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเราไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ดังนั้นมันไม่ได้เป็นเรื่องน่าอาย หรือเสียหน้าแต่อย่างใด
การแสดงความเห็นที่หลากหลาย บางอย่างอาจจะไม่ถูกในเวลานี้ แต่อนาคตอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกก็ได้ครับ
อีกนิดครับ การที่ผมตั้งกระทู้เป็นคำถามนั้น ก็เพื่อผู้ที่มีความเห็นหลายๆด้านได้สนใจเข้ามาแสดงความเห็น แต่ผมสารภาพตามตรงครับว่าผมมีมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าการบริหารน้ำของเขื่อนเป็นสาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์มันหนักขึ้นมากๆ
เราลองนึกภาพดูนะครับ ว่าถ้ามีถาดหลายๆถาดที่มีรูรั่วทั่วๆไปวางเหลื่อมมากๆ ซ้อนๆกัน แล้วเราก็เอาถาดเหล่านี้ไปไว้กลางฝน แต่ละถาดก็จะมีน้ำขังอยู่น้อยบ้าง มากบ้าง ตามแต่ว่าจะมีรูระบายออกมากแค่ไหน คราวนี้เราเทน้ำอีกจำนวนหนึ่งลงบนถาดบนสุด(แทนด้วยน้ำจากเขื่อน) เห็นไหมครับ ถาดแรกก็จะท่วม พอเทต่อไปเรื่อยๆก็จะล้นไปท่วมถาดที่ต่ำลงมา และท่วมถาดที่ต่ำลงมา
ดังนั้นการที่คิดว่าน้ำที่ออกจากเขื่อนจะกระจายเต็มพื้นที่ในทันที จึงเป็นแนวคิดที่ผิดครับ | | |
เพราะผมคิดว่าเขื่อนไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะรักษาระดับน้ำในแม่น้ำเป็นหลัก
ผมจึงได้เสนอว่าเขื่อนควรจะลดประสิทธิภาพในประโยชน์อื่นลงสักครึ่งนึง (50%) เพื่อทำหน้าที่เป็น Buffer กันน้ำท่วม
***ขอแทรกนิดนึงนะครับว่า ถ้าเขื่อนเก็บน้ำน้อยลง ถ้าแล้งจะทำอย่างไร ผมขอตอบว่า
***ประเทศเราต้องปรับปรุงการใช้น้ำครับ ทุกวันนี้ปล่อยทิ้งมากกว่าใช้
***อีกทั้งต้องเริ่มทำระบบเครือข่ายที่จะผันน้ำไปช่วยกัน ทั้งเติมให้กัน หรือพร่องน้ำให้กันระหว่างพื้นที่ต่างๆแล้วครับ
***จะอาศัยเพียงทางน้ำที่มีอยู่เดิมไม่ไหวแล้วครับ เพราะเราไปเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่มากเหลือเกิน ทั้งถม ทั้งขวาง
จากตัวเลข 50% ที่ผมโพส
น้าพรท่านก็โพสว่า