ความคิดเห็นที่ 1 ...          ลองถามห้องชายคา ด้วยก็ดีครับ เพราะเป็นการไหลในช่องทางเปิด ห้องนั้นคนจบโยธาเยอะครับ รวมกระจุกอยู่ที่นั่น ห้องนี้ ก็เห็นมี login "น้าพร" ครับ (ท่านเป็นน้าแน่นอนครับ) ท่านก็อยู่ทั้งสองห้องครับ ถ้าท่านเห็นคงจะตอบ ให้ครับ                                                                                                     ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 17:30:32

ความคิดเห็นที่ 2 1.) เป็น Gravity flow รวมกันมาจากท่อตามถนนต่างๆ แล้วมารวมตัวกัน สูบที่ปลายคลอง ดังนั้นถ้าน้ำระหว่างทางมีมาก น้ำต้นทางจะไม่ลดระดับลง งานอุโมงค์ ใช้แก้โจทย์นี้ เพราะสามารถดึงน้ำต้นทางผ่านอุโมงค์ได้โดยตรง 2.) ความลาดเอียง, ความกว้าง,ความลึก,รูปทรงของคลอง สัมพันธ์กับ Flow ตามสมการ Manning Formular http://water.rid.go.th/hyd/download/rating_curve_manual/manning_s_formula.pdf http://www.sd-w.com/civil/mannings_formula.html http://www.lmnoeng.com/manning.htm http://www.efm.leeds.ac.uk/CIVE/CIVE2400/OpenChannelHydraulics2.pdf 3) ความฝืด ทำให้เกิด loss หรือ Head Loss ตามความสัมพันธ์สมการใน 2) ดังนั้น ในคลองหนึ่งๆ จะถูกจำกัดอัตราไหลโดย Head-loss จะแปรผันกับความเร็วน้ำยกกำลังสอง (Static Headน้ำ คิดจากต้นคลองเทียบกับปลายคลอง) ถ้า Static Head บรรจบกับ Head-loss ที่อัตราไหลหนึ่งๆ ซึ่งจะเป็นอัตราไหลของน้ำที่ Static Head นั้นๆ ถ้าพูดแบบง่ายๆ ระดับน้ำต้นทางเทียบกับปลายคลองมาก --> ไหลมาก ระดับน้ำต้นทางเทียบกับปลายคลอง น้อย --> ไหลน้อย จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 17:45:09 A:203.156.87.30 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 3 แล้ว apply กับคลองแสนแสบหน่อยซิครับ คุณไ่ก่ เวลาเราจะ control น้ำด้วย gravity flow ให้น้ำมันไหล smoothๆ นี่เค้าทำยังไงครับ เอาอะไรเป็นตัว control จะเอา Flow in หรือจะเอา discharge out ครับ ???? ถ้าคลองยาวมากๆ (loss เพิ่มตาม ระยะทาง) flow ที่ปลายทางมันจะ drop เราจะทำยังไงให้มันไหลได้เร็วๆ ตามที่เราต้องการโดยที่ไม่ล้นระหว่างทางที่ไหล ปล่อยเป็น continue flow หรือว่า ต้องสูบส่งเป็นก้อนๆ(ก้อนน้ำที่อยู่ในคลอง) จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 17:52:48

ความคิดเห็นที่ 4 1. น่าจะเป็น Gravity โดยมีบานระบายอยู่ทั้งต้นและปลายคลอง เวลาปกติ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่สูงก็เปิดให้ไหลออกเอง แต่หากน้ำภายนอกสูงกว่าก็ปิดปลายคลองแล้วสูบออก 2. ความลาดเทลำน้ำยิ่งชันยิ่งดี แต่สภาพภูมิประเทสของกรุงเทพมันเป็นที่ราบ ดังนั้นความลาดท้องน้ำปกติอาจจะน้อยกว่า 1:5,000 หรือ อาจจะ 1:10,000 ก็ได้ แต่เมื่อใช้การสูบน้ำที่ปลายคลอง ลาดท้องน้ำไม่เปลี่ยน แต่ลาดผิวน้ำเปลี่ยนมันก็เยสามารถไหลได้มากกว่าเดิม 3. การไหลในทางน้ำเปิด ค่าประมาณที่ง่ายและสะดวกที่สุด ก็คือ Manning's Equation (V = 1/n*(R^2/3)*(S^1/2)) ค่า Manning "n" สำหรับคอนกรีตดาด หรือผิวคอนกรีต จะอยู่ที่ประมาณ 0.014-0.018 ส่วนคลองดินก็ 0.025 ตามที่เรียนกันมานั้น น้ำจะไหลลงจากที่สูงสู่ที่ต่ำ และพยายามจะรักษาระดับให้เท่ากัน แต่เมื่อมีการไหลก็จะมีแรงต้านทานการไหล ผลต่างระหว่างระดับน้ำ 2จุดเมื่อมีการไหลนั่นคือ HeadLoss ที่เกิดขึ้นในทางน้ำเปิด ที่อัตราการไหลนั้น (น้ำยิ่งไหลเร็ว Loss ก็จะมาก) อนึ่งในระบบปิด ความเร็วน้ำในแต่ละจุดอาจไม่เท่ากันได้ แต่อัตราการไหลต้องเท่ากัน หรือ Inflow = Outflow จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 17:58:35

ความคิดเห็นที่ 5 น้ำไหลจากสูงลงต่ำอยู่แล้วโดยธรรมชาติค่ะ แต่เนื่องจาก กทม. เป็นพื้นที่ต่ำ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มาก ยามน้ำทะเลขึ้นหนุนสูง ก็ต้องปิดปากคลองระบายน้ำ แล้วใช้วิธีสูบเอา ตามรูป ความลาดชันของพื้นที่ติดปากอ่าว แค่ 1:20,000 บางที่แค่ 1:100,000 ด้วยซ้ำไป ถูกต้องแล้วค่ะ ระยะทาง 100 กิโลเมตร ความสูงต่างกันแค่ 1 เมตร หรือ ระยะทาง 1 เมตร ความสูงต่างกัน 0.01 มิลลิเมตร จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 18:00:57

ความคิดเห็นที่ 6 งั้นมาถึงตอน operate คลองกันครับ ให้ข้อมูลไว้ว่าตามนี้ 1. ต้นทางน้ำเข้าคลองมีประตู 1 บาน คอยยกเปิดเปิดน้ำเข้า 2.คลองมีความยาว 30 กม.ถึงปากคลองเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยา ท้องคลองลึกประมาณ 3 เมตร หน้าตัดกว้าง 30 เมตร อนุมานว่าเป็นรูป 4 เหลี่ยมผืนผ้าตลอดแนว(เพราะแนวตลิ่งทำพนังกันน้ำไว้แล้ว) 3.ปากคลองมีประตูน้ำอย่างเดียวไม่มีเครื่องสูบ 4.ต้นทางน้ำ +4.5 m รท.ก ปลายทางที่ปากคลองบรรจบแม่น้ำระดับน้ำ +1.5 m.ร.ท.ก..ในวันน้ำลง และ + 2.5 m ร.ท.ก. ในวันน้ำขึ้น 5.ระหว่างทางมีทางเชื่อมไปยัง บึงมักกะสัน และไหลไปลงอุโมงค์ระบายน้ำออกแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่ปลายอุโมงค์เป็น อาคารสูบน้ำขนาด ขนาด 20 ลบ.ม./วินาที จำนวน 10 เครื่อง ถามว่าในระหว่างวันที่น้ำทะเลหนุน สูง จะทำยังไง เวลาน้ำทะเลลงจะทำอย่างไร เพื่อให้น้ำที่อยู่ด้านต้นคลองไปลง แม่น้ำเจ้าพระยาได้ดีที่สุด ????? คือผมกำลังสังสัยว่า กทม.เนี่ย เค้า operate คลองกันยังไง วัตถุประสงค์ของการ operate คลองคือการใช้ระบบคลองที่มีทั้งหมดรวมทั้งอาคารสูบน้ำและเครื่องจักรประกอบอื่นๆ ส่งน้ำจากต้นทางไปปลายทางได้ให้ได้มากทีสุด และไม่เกิดน้ำบ่าท่วมสองฝฝั่งคลองระหว่างทางเนี่ย ทำได้มั้ย จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 20:02:05

ความคิดเห็นที่ 7 ก็จะต้องมีคนคอยเช็คระดับน้ำ พยากรณ์น้ำ ควบคุมปริมาณน้ำอย่างใกล้ชิด ห้ามพลาด ห้ามเผลอ ห้ามแว๊บไปหาเมียน้อย ห้ามอึนาน ฯลฯ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 20:51:32

ความคิดเห็นที่ 8 คุณไก่น่าจะขอ Login ได้เเล้วครับจะได้ติดต่อกันได้บ้าง จากคุณ : ต้นกลเรือ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 21:07:47

ความคิดเห็นที่ 9 #6 ตอบบรรทัดล่างๆก่อนนะครับ เขา Operate กันยังไง ฤดูแล้ง: ถ้าน้ำในคลองสูงกว่าเจ้าพระยา เปิดประตูให้ไหลออกโดย Gravity จะได้เอาผักตบฯออกไปด้วย ฤดูน้ำ: ใช้เครื่องสูบน้ำสูบน้ำออกให้ระดับน้ำในคลองต่ำที่สุด เพื่อรอรับน้ำฝนที่จะไหลมาตามท่อริมถนนลงคลองย่อยลงคลองใหญ่ต่อไป หมายเหตุ: ระบบระบายน้ำท่วม จะติดตั้งเครื่องสูบที่ปลายคลอง ครับ เพื่อจะได้ระบายน้ำในคลองให้ต่ำและรองรับน้ำที่ไหลมาจากคลองย่อยและท่อระบายต่างๆระหว่างทาง ต่างกับระบบชลประทานเพื่อการเกษตร ที่ติดตั้งเครื่องสูบไกล้แหล่งน้ำแล้วส่งน้ำเข้าต้นคลอง แล้วใช้พลังงานศักย์ที่ต้นคลองส่งน้ำไปตามคลองชลประทาน จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 22:02:34 A:110.49.234.51 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 10 ผมก็เลยยังงงว่าระบบระบายน้ำท่วม ของกทม.(ไม่รู้ต้องนับรวมอุโมงค์ด้วยป่าว) เค้าถ้าจะรับน้ำหลากทุ่งจ่ออยู่ต้นทางคลอง เข้ามาตามคลองก่อนที่ปลายคลองจะเอาปั๊มสูบออกมันจะทันกันมั้ยหละเนี่ย กลัวว่าไม่ทัน มันจะเอ่อกลางคลองหนะ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 22:11:49

ความคิดเห็นที่ 11 #6 ข้อ 2. - 4. ข้อ 1. ตัดออกไปก่อน (จริงๆแล้วมี Head loss ที่ประตูน้ำที่ต้องคำนวนด้วย) ข้อ 4. สมมุติ ว่ามีน้ำต้นทางที่ +4.5msl case 1: ปลายคลอง +1.5msl ---> Static Head = 3m. case 2: ปลายคลอง +2.5msl ---> Static Head = 2m. ข้อ 3. ไหลด้วย gravity ข้อ 2. หาสมการความสัมพันธ์ระหว่าง Head loss กับ อัตราการไหล Hf = I.L Hf. = Head loss/friction loss (m) I = I = v^2 . n^2 / R^(3/4) L = L = Total length (m) จากโจทย์#6= 30,000m. v = Flow velocity (m/s) n = Relative roughness coefficient (คลองดิน=0.025) R = (B.H) / (B + 2H) B= ความกว้างของคลอง (ม.) จากโจทย์#6= 30m. H= ความลึกของคลอง (ม.) จากโจทย์#6= 3m. สมการบนนี้ สมมุติความลาดเอียงเท่ากับ ประมาณ (3/30000 = 1/10000 สำหรับเคส1) (2/30000 = 1/15000 สำหรับ case2) ถ้าพลอตกราฟความสัมพันธ์ตามสมการและตัวแปรข้างบนนี้ แกนตั้งเป็น Head แกนนอนเป็น อัตราไหล (ลบม/วินาที) จะแสดงให้เห็น อัตราการไหล ที่ Head loss ต่างๆ โดย Head แปรผันกับ v^2 หมายความว่า Head แปรผันกับ Q^2 ด้วยเช่นกัน ลองแทนค่าที่ตัวแปร ต่างๆกัน พล็อตกราฟ จะได้กราฟ แล้วดูที่ Head ตามโจทย์แล้วจะได้ Q,v เท่าไหร่ เคส1 Head 2 m, Q = 41.5 m3/sec, v=0.456 m/s เคส2 Head 3 m, Q = 50.8 m3/sec, v =0.567 m/s จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 22:50:24 A:110.49.226.51 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 12 ก็ไม่ทัน น่ะสิครับ คลองพวกนี้ ผมเดาว่าจะรับน้ำฝนที่ระบายลงคลองระหว่างทาง ซึ่งระบบสูบจะต้องเอาออกให้ทัน ดังนั้นถ้าส่งมาแต่ต้นคลองอย่างเดียว อัตราการสูบออกน่าจะมากกว่าไหลเข้า ทีนี้พอส่งมาให้เท่ากับอัตราสูบ น้ำไหลไม่ทันก็เอ่ออีกน่ะสิ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปริมาณที่ระบายผ่านคลองนี้ก็คงซัก 10-20 cms ต่อคลอง เอามาระบายน้ำหลาก มันก็เหมือนเอาจักรยานไปลากสิบล้อ ละครับ จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 22:53:34

ความคิดเห็นที่ 13 #10 ต้องให้กทม คำนวน ว่าจากน้ำต้นทาง ถึงปลายคลอง จะรับได้กี่ m3/sec ถ้าเครื่อง อย่างคลองลาดพร้าว กับคลองแสนแสบ น้ำส่วนหนึ่งจะถูกดึงลงอุโมงค์ด้วยเครื่องสูบ อัตรารวม 60m3/sec ที่บริเวณคลองลาดพร้าวมาบรรจบกับคลองแสนแสบ ส่วนที่เหลืออีกส่วนหนึ่งจะไหลไปตาม gravity แล้วระบายออกเจ้าพระยาที่สถานีสูบฯพระโขนง น้ำจะล้นคลองหรือไม่ ดูที่ ความสามารถในการไหลของคลองและอัตราการสูบระบาย เทียบกับน้ำที่ไหลเข้า เข้ามากกว่าออก ก็คือล้นคลองครับ ล้น + ท่วม อย่างที่ทราบครับ ว่าระบบสูบน้ำใช้ได้กับระบายน้ำจากพายุในพื้นที่ปิดล้อมครับ วันนี้มันเป็นน้ำสะสมจากพายุหลายๆลูกจากพื้นที่ทั้งภาคเหนือภาคกลาง สุดจะคาดไหว แต่ต้องให้น้ำผ่าน กทม. อย่างควบคุมได้อย่าง อ.ปราโมท ว่า ดันไว้เฉยๆ ยังไงก็แพ้น้ำ ปล่อยไหลแบบควบคุมได้ ดีที่สุด จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 23:03:16 A:110.49.234.51 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 14 แถม คอนเซ็บการออกแบบและการทำงานของระบบอุโมงค์ บ้านเราใช้อันนี้เป็นโมเดลครับ http://www.youtube.com/watch?NR=1&v=0yTzSAbIB54 จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 23:04:41 A:110.49.226.51 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 15 ปัญหาที่พบได้อย่างหนึ่ง ของการระบายน้ำด้วยคลอง และติดตั้งเครื่องสูบที่ปลายคลอง คืออัตราสูบฯ มากกว่าความสามารถในการไหลของคลอง ผลก็คือ เดินเครื่องสูบฯ ได้ครู่เดียง น้ำหน้าโรงสูบแห้ง แต่น้ำต้นทางยังเต็ม เนื่องจากไหลมาไม่ทัน สตาร์ท-สต็อบ บ่อยๆ มอเตอร์ก็ไหม้ได้เหมือนกัน แถมการไหลของน้ำก็ไม่ต่อเนื่อง วิธีแก้ก็ต้องลอกคลอง ให้ loss ในคลองต่ำๆหรือเพิ่มพื้นที่หน้าตัดของคลอง จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 23:15:16 A:110.49.234.51 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 16 แก้โดยออกแบบเป็นปั๊มหลายตัวครับ เช่น ต้องการอัตราสูบสูงสุด 80 ลบ.ม./วินาที ก็อาจใช้ปั๊ม 10 ลบ.ม./วินาที  8 เครื่อง และมี Standby 2 เครื่องเพื่อพักบ้าง แล้วเพิ่มการไหลโดยการสูบทอยเป็นระยะๆ ครับ เช่นที่กลางคลองจะมี ปตร.กลางคลองกั้นน้ำแล้วเร่งสูบเพื่อช่วยการไหล อันนี้แล้วแต่ออกแบบตามสภาพคลองแต่ละเส้นครับ จะให้กทม.ช่วยระบาย ทาง สนน. กทม. เขาก็จะเปิดประตูรับน้ำเข้ามาในระบบโดยไม่เกินความสามารถของคลองครับ ดังนั้นไม่ต้องกงัวลครับ ที่ต้องรับน้ำก็เพื่อให้ช่วยระบาย มวลน้ำ ไม่ให้ขังแช่หน้าคัน จนยกระดับและสร้างความเสียหายต่อคัน ครับ ปฃล. หากไม่เข้าใจก็โปรดอภัยนะครับ ผมพวกเรียนมาน้อยครับ คิดได้เท่านี้ล่ะครับ จากคุณ : ผีเพื่อนหงส์ เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 00:57:46

ความคิดเห็นที่ 17 อย่างนี้ถ้าจะแก้ปัญหา คอขวดที่คลอง ก็คงต้อง ปรับการไหลน้ำจากต้นคลองให้ดีๆ ซิครับ เพราะถ้าเปิดมาก แต่ถ้ามัน loss ระหว่างทาง ยังไงปลายทางสูบออกมากกว่า ก็ต้องแห้ง หรือต้องติดตั้งปั้มส่งระหว่าง แต่ เอ่อ ส่งมากถ้าคลองรับได้เท่าเดิม มันก็ไปได้ไม่เยอะไปกว่าคลองซิครับ เริ่มงง จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 09:28:57

ความคิดเห็นที่ 18 ส่งมากกว่าความจุคลอง ก็เหมือนกับคลองระพีพัฒน์ไงครับ น้ำก็จะล้นคันคลองและบ่าท่วมต่อ ถ้าเป็นน้ำขัง ผมเห็นด้วยที่ควรเปิดเพื่อระบายน้ำจากด้านบนออกไป แต่ในกรณีนี้เป็นน้ำที่ไหลลงมาเรื่อยๆ เปิดรับเข้ามาน้ำใหม่ก็เข้ามาแทนที่น้ำที่ไหลระบายเข้าคลองชั้นใน ระดับน้ำนอกคันก็อาจลดลงซักเซนต์สองเซนต์ และหากน้ำดันล้นคัน หรือคันเกิดชำรุดแบบตรง ท่าเขียวไข่กา จะเอาคลองที่ไหนรองรับน้ำ ล่ะครับ ตัวอย่างก็มีให้เห็นไม่รู้กี่ที่ ขนาดพังคันกั้นน้ำยาวเป็นสิบเมตร น้ำยังไม่ลดเลย และสำหรับการสูบน้ำปริมาณมหาศาลขนาดนี ผมมีสูตรง่ายๆ ให้ลองคิดเล่น ครับ P = Q*H*10 เมื่อ P คือ กำลังที่ใช้ขับจะเป็นเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ก็ได้ หน่วยเป็น กิโลวัตต์ Q คือ อัตราการสูบ หน่วยเป็น ลูกบาศก์เมตร/วินาที H คือ ระดับน้ำที่ต้องยก เผื่อ HeadLoss ในระบบสูบอีกซัก 1-2 ม.ด้วย หน่วยเป็น เมตร หากคิดประสิทธิภาพ ก็เอาประสิทธิภาพไปหารค่าที่ได้ด้วย แล้วจะทราบว่าต้นกำลังที่จะใช้ขับเครื่องสูบมันไม่ใช่ขี้ไก่ นะครับ จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 10:09:32

ความคิดเห็นที่ 19 #16 ทอยเป็นช่วงๆ อย่างที่ว่าก็ช่วยแก้ปัญหา การไหลของน้ำในคลองไม่ได้ครับ การซอยขนาดของเครื่องให้เล็กลง ช่วยแก้ปัญหาของการไหล ให้ต่อเนื่องได้ ก็คือ น้ำต่ำลง ก็ลดจำนวนเครื่องลง แต่อีกมุมนึง การเพิ่มสถานีสูบฯระหว่างทาง และเพิ่มจำนวนเครื่อง จะเป็นการเพิ่มปริมาณงานที่ต้องดูแลและควบคุมด้วยครับ จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 10:12:06 A:203.156.87.30 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 20 หรือว่าจะเพิ่มแรงส่ง Static head ให้มันสูงขึ้นอีก จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 10:21:51

ความคิดเห็นที่ 21 สมมุติผมเป็นคนดูแลคลอง อยากจะ operate แบบ continue ทำำไง ผมคงต้องค่อยๆ แง้มทีละหน่อยๆ แล้วลองเปิดดูดที่ปลาย คลอง ถ้ามันดูดทันก็เพิ่มช่องน้ำด้านต้นทางให้มันเข้ามาได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนพอดีกับที่ต้นทางส่ง กลางทางไม่แห้ง ปลายทางไม่แห้ง มันจะได้ระบายน้ำต้นทางได้ต่อเนื่อง ถ้าเป็นแบบ Batch ผมก็คงดูจากปริมาณน้ำในคลองหละครับ ดูทั้งต้นกลางปลาย ถ้าต้นเต็มคลอง กลางแค่ครึ่ง ปลายครึ่ง ผมก็คงรอให้เต็มทั้งต้น/กลาง/ปลาย แล้ค่อยสูบออกทีนึงจนคลองแห้ง แล้วก็หยุดสูบ ปล่อยน้ำจากต้นคลองเข้ามา ใหม่ทำ เป็น Batch ๆ ไป ซึ่งผมว่ามันก็ไม่ค่อย smooth เท่าไหร่ แล้วก็กลายเป็นประเด็นด้วยว่า ทำไมน้ำคลองแห้งบ้าง/เต็มบ้างให้คนสงสัยว่าช่วยปล่อยจริงเหรอ หมายเหตุเรื่องสูบน้ำออก เปิดน้ำเข้านี้ผมคิดเองเท่าที่ความรู้หางอึ่งผมจะมีนะ ไม่รู้ กทม.เค้าทำยังไง ใครรู้ก็บอกที่เถอะ หรือใครจะมีวิธี operate คลอง + อุปกรณ์ควบคุมยังไง ??? edit เรียบเรียงใหม่ เพราะ มึนๆกับตัวเอง แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 54 10:45:12 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 54 10:44:53 จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 10:32:25

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านดูจาก คห.คุณไก่ แล้วเหมือนเราใช้คลองผิดประเภทไงไม่รู้ น้ำที่มีอยู่ตอนนี้มันต้องเอาระบบ  คลองชลประทานมาใช้ แต่ตอนนี่ที่ กทม.มี มันดันเป็นระบบรอให้น้ำมาเต็ม (แล้วก็มีเรื่องของ hydraulics ของคลองมาเกี่ยวข้อง) แล้วค่อยสูบออก หยุมหยิมเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 10:51:34

ความคิดเห็นที่ 23 ขอโทษครับ แก้ไข #19 ทอยเป็นช่วงๆ แก้ปัญหาการไหลของน้ำในคลอง "ได้" ครับ แต่เพิ่มงานและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และใช้คน operate เพิ่มครับ จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 11:32:51 A:203.156.87.30 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 24 #22 ผมว่า ถ้าจะให้ กทม. ช่วยระบายน้ำเหนือ ผ่านคลองของ กทม. แบบควบคุมได้ ก็ต้องทำแบบ #21 นั่นแหละครับ แต่ต้องดูฟ้าฝนให้ดี ถ้าน้ำเต็มคลองแล้วเกิดฝนห่าใหญ่ตกลงมา ทีนี้จะไม่เหลือพืื้นที่รับน้ำในคลอง น้ำจะท่วมถนนเอา คนรับผิดชอบจะโดนด่าอีกไม่ใช่น้อย จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 12:56:10 A:203.156.87.30 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 25 ... เยี่ยม จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 15:14:11

ความคิดเห็นที่ 26 ชอบกระทู้แบบนี้จังเลยครับ ได้ความรู้มาก จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 54 12:30:24