 |
และที่แย่อีกอย่างหนึ่งก็คืออีไอเอกำหนดให้ผู้แทนประชาชนมาจากตำบลที่ตั้งโรงไฟฟ้าคือตำบลคลองนครเนื่องเขตเท่านั้น และให้มีอำนาจรับเรื่องร้องเรียนความเดือดร้อนในตำบลนครเนื่องเขตเท่านั้น ดังนั้นตำบลอื่นๆที่ได้รับผลกระทบตามที่กฎหมายกำหนดอีก ๖ ตำบลก็จะไม่มีตัวแทนเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน และถ้ามีผลกระทบจากโรงไฟฟ้าไปยังตำบลอื่นๆก็จะไม่มีหน่วยงานภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนในการแก้ไข ดูยังไงยังไงก็ไม่ยุติธรรม
๘.อีไอเอไม่ได้ระบุว่าไอน้ำที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศวันละกว่า ๓ ล้านลิตรนั้นมีอุณหภูมิเท่าไร ซึ่งไอน้ำนี้จะมีผลกระทบต่อสภาพบรรยากาศ โดยจะทำให้สภาพอากาศบริเวณนั้นเปลี่ยนไปอย่างมากโดยเฉพาะความร้อนที่ปล่อยออกมาพร้อมกับไอน้ำนี้
๙.อีไอเอไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าแก๊สเสียที่ปล่อยออกมาที่มีทั้ง ออกไซด์ของไนโตรเจน, ออกไซด์ของซัลเฟอร์,ฝุ่นละออง ฯลฯ ที่รวมกันมากกว่า ๕ แสนกิโลกรัมต่อปีนั้นมีอุณหภูมิเท่าใดแน่ เพราะบางจุดของรายงานนั้นระบุว่า ๑๐๐ องศาเซลเซียสแต่บางจุดก็บอกว่า ๑๑๐ องศาเซลเซียส ดังนั้นเมื่อไม่รู้อุณหภูมิที่แน่นอนแล้วจะศึกษาผลกระทบได้อย่างไร
๑๐.อีไอเอระบุว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเช่นแก๊สรั่วหรือเกิดระเบิดจะเตรียมการอพยพพนักงานอย่างไร แต่อีไอเอกลับไม่ได้ระบุว่าจะอพยพชาวบ้านที่อยู่ติดกับโรงไฟฟ้าอย่างไร และตามแผนการรับเหตุฉุกเฉินที่มีอยู่นั้นกว่าโรงไฟฟ้าจะแจ้งให้ชาวบ้านได้ทราบว่าเกิดอันตรายขึ้นก็ต้องใช้เวลานานมาก กระบวนการก็เยิ่นเย้อ แถมยังต้องปรึกษาฝ่ายกำหมายก่อนแจ้งประชาชนอีก เอาเป็นว่าจะไม่ให้บริษัทเสียหายเลยส่วนชาวบ้านก็ตัวใครตัวมัน
๑๑. รายงานฉบับนี้ระบุว่า ในปีพ.ศ.๒๕๔๗ - พ.ศ.๒๕๔๘ จังหวัดฉะเชิงเทรามีพื้นที่ถือครองทั้งหมด ๒,๐๔๔,๖๑๙ ไร่ ในปีพ.ศ.๒๕๔๘ - พ.ศ.๒๕๔๙ จังหวัดฉะเชิงเทรามีพื้นที่ถือครองทั้งหมด ๓,๑๑๐,๕๕๓ ไร่ ในปีพ.ศ.๒๕๔๙ - พ.ศ.๒๕๕๐ จังหวัดฉะเชิงเทรามีพื้นที่ถือครองทั้งหมด ๓,๑๑๐,๕๕๓ ไร่ แล้วจะมีใครบ้างเชื่อว่าภายในปีเดียวจังหวัดฉะเชิงเทรามีพื้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นมากถึง ๑,๐๖๕,๙๓๔ ไร่หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๒.๑๓ ผมไม่ทราบว่าที่ดินล้านกว่าไร่นี้งอกมาจากไหนภายในปีเดียว แล้วทำไมปีต่อมาไม่มีงอกเลย
๑๒.อีไอเอฉบับนี้มีการคิดคำนวณอัตราส่วนร้อยละผิดหลายจุด นั่นแสดงให้เห็นว่าขนาดร้อยละที่เด็กป.๔ ก็คำนวณได้เขายังคิดผิดแสดงว่าการคำนวณอื่นๆที่ซับซ้อนกว่านี้ก็คงจะผิดมากไปกว่านี้อีก
๑๓.อีไอเอฉบับนี้ไม่ได้ศึกษาผลกระทบของการดูดน้ำไปใช้มากถึงวันละ ๔,๔๕๕,๐๐๐ ลิตร เพียงแต่อ้างว่าปริมาณดังกล่าวนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในคลอง ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ได้รับการต่อต้านจากประชาชนมากที่สุด เพราะเกษตรกรในเขตดังกล่าวนั้นได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำกันอยู่บ้างแล้ว โดยเฉพาะเกษตรกรที่อยู่ในเขตที่สูงหรือที่ดอน เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่าเกษตรกรแต่ละคนนั้นอยู่ในพื้นที่สูงต่ำไม่เท่ากัน ใครอยู่ในพื้นที่ต่ำหรือลุ่มก็ไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนใครที่อยู่ในที่สูงหรือที่ดอนก็จะมีปัญหามีน้ำใช้เพื่อการเกษตรอย่างฉิวเฉียดพอดี ดังนั้นถ้ามีใครมาดูน้ำออกไปเพียงไม่มากก็จะมีผลทำให้เกษตรกรในที่สูงนี้ต้องเดือดร้อนในทันที การอ้างในอีไอเอจึงเป็นการอ้างที่ไร้หลักความเป็นจริง
จากคุณ |
:
อำนวย สุนทรโชติ
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ต.ค. 54 10:41:38
A:125.27.141.17 X: TicketID:335419
|
|
|
|
 |