ความคิดเห็นที่ 1 ข้าวเหนียวให้มากกว่าเล็กน้อย จากคุณ : bankpakim เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 19:04:12

ความคิดเห็นที่ 2 ข้าวสวย = สาวสวย ข้าวเหนียว = ข้าวสวยที่แต่งงานแล้ว... จากคุณ : @==ไข่ดำ==@ เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 19:31:50

ความคิดเห็นที่ 3 ข้าวประกอบด้วยแป้ง 2 ตัวหลัก คือ Amylose และ Amylopectin 1) ข้าวเจ้ามี Amylose = สูง  คือ  มีมาก 20%- 30% ในขณะที่ 2) ข้าวหอมมะลิ มี Amylose = ต่ำ 15% ไม่เกิน 19%  (ใกล้เคียงข้าวเหนียว) 3) ข้าวเหนียว มี Amylose = ต่ำมาก 5%-7% ส่วนที่เหลือคือ Amylopectin 93..99% เนื่องจาก Amylose is a great storage system for energy while amylopectin only stores a small amount of energy ดังนั้น ข้าวเจ้า (พวกเสาไห้ ขาวตาแห้ง) จะให้พลังงานสูงกว่า "ข้าวเหนียว" และ "ข้าวหอมมะลิ เครดิต http://www.differencebetween.net/science/nature/difference-between-amylose-and-amylopectin/ แก้ไข เพิ่มเติม % Amylose และ % Amylopectin ให้ชัดเจน แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 54 09:09:32 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 19:53:05

ความคิดเห็นที่ 4 ข้างเหนียวให้น้ำตาลมากกว่าข้าวสวย พูดอีกทีให้พล้งงานมากกว่าครับ..... จากคุณ : Kwanon-The Original เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 20:41:12

ความคิดเห็นที่ 5 จะบอกว่า ผมไม่รู้หรอกว่าข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียวให้พลังงานสูงกว่า แต่ข้าวเหนียว เสียพลังงาน ในการกินเยอะกว่าแน่นอน อิๆ >3< จากคุณ : NonseaL เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 00:19:59

ความคิดเห็นที่ 6 #3 นี่คงเป็นข้าวสารที่ปริมาณเท่า ๆ กัน แต่ถ้าเป็นข้าวสุก ข้าวเหนียวให้พลังงานมากกว่าเยอะ เพราะมี MC ต่ำกว่า (หาตัวเลขไม่่เจอ -..-" ) จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 00:20:08

ความคิดเห็นที่ 7 ข้าวเหนียวไม่ขยายตัวเมื่อหุง  ข้าวเจ้าอุ้มน้ำและขยายตัว ถ้าเทียบเป็นลิตรในตอนหุงสุกแล้ว ข้าวเหนียวชนะแน่ จากคุณ : jesdath เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 00:58:11

ความคิดเห็นที่ 8 รู้แต่กินข้าวเหนียวแล้วง่วงนอนทุกที จากคุณ : ชินจัง..ชักจะชินแล้ว เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 06:45:03

ความคิดเห็นที่ 9  ข้อสังเกต   ข้าวเหนียว (และข้าวหอมมะลิ) หุงไม่ขยายตัว หรือ "หุงไม่ขึ้นหม้อ" อันนี้เป็นที่ยอมรับ ที่ผมสงสัย คือ ข้าวเหนียวมีส่วนประกอบของ Amylopectin เยอะกว่า และ Amylopectin ดูดน้ำได้ดี ทำไมเวลาหุงถึงไม่ขยายตัว (หุงไม่ขึ้นหม้อ)   credit... the amylose components are "insoluble in water" while those of the amylopectin are. This means that the amylose content is "not able to dissolve easily" http://www.differencebetween.net/science/nature/difference-between-amylose-and-amylopectin/#ixzz1cPFNwo1T แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 54 06:51:59 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 06:51:29

ความคิดเห็นที่ 10 คราวนี้ดูที่ ข้าวเสาไห้ ข้าวขาวตาแห้ง ข้าวพวกนี้"หุงขึ้นหม้อ" แสดงว่าข้าวดูดน้ำได้มากกว่า ..เรื่องนี้คนขายข้าวแกงรู้จักดี แต่ข้าวพวกนี้มีเปอร์เซนต์ Amylose (insoluble in water) ดูดน้ำไม่ดี ผมสงสัยว่า ทำไมจึงหุงขึ้นหม้อ ???? ดูมันขัดกับลักษณะของ Amylose นี่ครับ ผมชัก งง แล้ว จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 06:57:12

ความคิดเห็นที่ 11 MC คืออะไรครับ ? จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 06:57:59

ความคิดเห็นที่ 12 Kwanon-The Original ข้าวเหนียวคงให้น้ำตาลดีกว่าจริง เคยอ่านข่าวญี่ปุ่นทำเหล้าสาเก เขาจะใช้ข้าวเหนียวของไทย จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 06:59:43

ความคิดเห็นที่ 13 ที่ว่าข้าวเหนียวให้น้ำตาลมากกว่า ผมค้นเพิ่มเติมพบว่า "ข้าวเหนียวมีค่า Glycemic Index สูงกว่าข้าวเจ้า" -ข้าวเหนียวมีค่า Glycemic Index 75 -ข้าวเจ้ามี Glycemic Index 71 หมายเหตุ 1) ค่า GI เขาเทียบกับ glucose คือ glucose มีค่า GI = 100 2) อาหารที่มี GI สูง ทำให้ระดับ glucose ในกระแสเลือด่สูงขึ้น..วูบวาบ ตอนแรกผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องกินข้าวกล้องจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ เมื่อผมทดลองด้วยตัวเอง และวัดระดับน้ำตาลในเลือดประกอบ ปรากฏว่า กินข้าวกล้องได้ผลดีจริง ครับ เครดิต ข้าวเหนียวมีผลร้ายต่อคนเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ คาร์โบไฮเดรตนั้นล้วนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดต่างกัน นักโภชนาการได้กำหนดดัชนีน้ำตาลไว้และเสนอแนะว่าไม่ควรรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงกว่า 70 สำหรับข้าวเจ้านั้นมีค่าดัชนีน้ำตาล 71 และ ข้าวเหนียว 75 จัดว่าสูงด้วยกันทั้งคู่ แต่ข้าวเหนียวสูงกว่าเล็กน้อย แต่ข้าวกล้องของทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียวมีดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวขัดสีพันธุ์เดียวกัน ดังนั้นจึงควรรับประทานข้าวกล้องมากกว่าข้าวที่ขัดสีแล้ว http://www.drkanchit.com/general_articles/articles/general_32.html จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 09:18:59

ความคิดเห็นที่ 14 (เพิ่มเติม) ผลการศึกษาพบว่า ข้าวเหนียวเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าข้าวเจ้าถึง 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือ 50 หน่วย อาจารย์อัมพิกากล่าวว่า การกินข้าวเหนียวคราวละมากๆ ทำให้คนไข้เบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น และเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนมากขึ้น .. ผลการศึกษาพบว่า คนไข้ควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น หลังได้รับคำแนะนำจากนักโภชนาการง่ายๆ ผ่านกระติ๊บข้าวเหนียวมาตรฐาน ผู้เขียนขอเรียนเสนอทางเลือกที่มีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเร็วหลังอาหาร (ลดค่าไกลซีมิค อินเด็กซ์ / glycemic index) ซึ่งช่วยป้องกันเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคอ้วน และโรคอ้วนลงพุงดังต่อไปนี้ ... •ลดปริมาณข้าวเหนียวต่อมื้อให้น้อยลง หรือเปลี่ยนข้าวเหนียวเป็นข้าวเจ้า •เปลี่ยนข้าวขาว (ไม่ว่าจะเป็นข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียว) เป็นข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/181946 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 09:20:12

ความคิดเห็นที่ 15 เล่าสู่กันฟัง ตอนเช้าผมวัดระดับน้ำตาลในเลือด  FBS ได้ 107 mg/dl   กินขนมปังโฮลวีท 2 แผ่น ไปออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงกว่า เริ่มรู้สึกวูบ (เป็นอาการของ Hypoglycemia ระดับน้ำตาลต่ำ มีอันตราย) วัดระดับน้ำตาลในเลือดเหลือ 87 mg/dl หลังจากนั้น กินไก่ย่างชิ้นหนึ่ง+ข้าวเหนียว ปรากฏว่า ไม่วูบ ... ระดับน้ำตาลไม่ตก แสดงว่า ข้าวเหนียวให้น้ำตาลมากกว่าขนมปังโฮลวีท ครับ แก้ไข.. ลืมบอกว่า DATE Time เครื่องวัดน้ำตาล ผมเปลี่ยนแบตฯแล้วยังไม่ได้ตั้ง แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 54 09:33:44 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 09:32:30

ความคิดเห็นที่ 16 MC = moisture content ........ ขึ้นหม้อหรือไม่ ? ผมว่าสมบัติของ Amylopectin น่าจะมีผลต่อระบบ "น้อย" กว่า โครงสร้างของ Starch granule เพราะ Folding/unfolding ของ Starch molecule น่าจะส่งผลต่อ water holding capacity โดยตรง :D จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 12:44:53