ความคิดเห็นที่ 1 ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะมีฝนตกเยอะ  ผมจะไม่เก็บน้ำไว้ครับ จากคุณ : bermAggie เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 19:10:53

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องไปดูบริมาณ ฝนที่ตกควบคู่ด้วย จากคุณ : joe_pim เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 19:44:15

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าระดับน้ำแตะ 80% ก็น่าที่จะต้องเริ่มพิจารณาปล่อยน้ำบ้างแล้ว ไม่ใช่รอจน 97% แล้วค่อยไหวตัว จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 19:50:25

ความคิดเห็นที่ 4 อยากดูตัวอย่างโมเดลค่ะ จะรอดุนะ :) อยากรู้เหมือนกันว่าเขาใช้ parameter อะไรบ้าง สมมตินะ สมมติ ว่าเอาโมเดลนั้นลองมาใส่ข้อมูลของปีนี้ แล้วผลออกมาว่าจะต้องบริหารน้ำแบบที่ได้ทำมาแล้ว คุณ Ikkyu จะสรุปอย่างไร หรือจะบอกว่าโมเดลยังไม่ดีพอ ต้องหาโมเดลใหม่อีก เราว่าปัจจัยเรื่องการพยากรณ์อากาศ จะเป็นขีดจำกัดแรกของโมเดล ตามมาด้วยการต้องรับผิดชอบต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรกร มีโมเดลที่ดีคงยังไม่พอ ต้องมีมาตรการอื่น ๆ รองรับผลกระทบจากการใช้โมเดลเหล่านั้นด้วย โดยไม่ลืมว่า ประเทศเราประสบภัยแล้งถี่กว่าอุทกภัย ฝากไว้ให้พิจารณาค่ะ จากคุณ : หมูอ้วน เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 20:56:07 A:110.77.242.33 X: TicketID:330431

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ทราบว่าที่ จขกท. บอกว่า "ผมได้คำตอบแล้วว่ามีการใช้ lower-upper rule ซึ่งเป็นโมเดลที่โคตรไม่ dynamic" น่ะ คำตอบควรจะเป็นอย่างไรครับ ช่วยกรุณาอธิบาย การทำ Rule Curve หน่อยครับ ว่าในความคิด จขกท. คิดว่าเขาได้มายังไง คำถามนี้ไม่ได้กวนTeen หรือแดกดัน นะครับ เพียงอยากทราบมุมมองว่าเมื่อมันไม่ดี ที่ดีควรจะทำอย่างไร ผมก็อาจจะถือโอกาสเอาไปใช้ด้วย จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 21:12:22

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ แ ต ง ก ว า ถ้าเค้าปล่อยได้ ปล่อยไปแล้วครับ แต่เพราะน้ำมันท่วมอยู่ถึงต้องเก็บไว้ ผมกล้าพนันเลยว่า ไม่ว่าคุณจะจะปล่อยน้ำตอนไหนก็โดนด่าอยู่ดี ปล่อยต้นปี = เกษตรกรด่า เพราะต้นปีแล้งมาก ขืนปล่อยหมดจะเอาน้ำที่ไหนใช้เพราะปลูก พ.ค. ร่องฝนเข้า = น้ำมาก็รีบเก็บดิ เกิดมันแล้งแบบปีที่แล้วทำไงเดี๋ยวปลายปีไม่มีน้ำปลูกพืช จะรีบปล่อยน้ำทำมะเขืออะไร ปล่อยกลางปี = พายุเข้า 24 จังหวัด  288 อำเภอน้ำท่วม ยังปล่อยน้ำมาซ้ำเติมตรูอีกเรอะ หลังจากนั้น = จะปล่อยจะเก็บก็สายไปแล้ว น้ำหลากมหาศาล กำลังกรีฑาทัพลงที่ต่ำ ---------------------------------------------------------------------- เหตุการณ์คร่าวๆ พค.  ร่องฝน เข้าทางเหนือ  ลำปาง น้ำท่วม มิถุนา  ไหม่าเข้า น่าน (ไหลลงเขื่อนสิริกิติ์)  สุโขทัย อุตรดิตถ์ ท่วม กรกฏาคม ปลอดน้ำท่วม แต่ฝน ก็ตกแทบทุกวัน ปลายเดือนฝนชุก 1 สิงหา พายุนกเต็น ทำให้ท่วม 24 จังหวัด  288 อำเภอ ปลายกันยา ไหถ่าง ทำให้เชียงใหม่น้ำท่วม 2 ตุลาคม ลำปาง น้ำท่วม รอบสอง  น้ำไหลลงภาคกลาง 5 ตุลาคม NALGAE ดึงเมฆฝนเข้ามา ตกแถบภาคกลาง จากคุณ : aonesung เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 21:27:06

ความคิดเห็นที่ 7 เอ่อ จขกท.OK ผมเข้าใจว่า จขกท.พยายามให้อยู่ในประเด็นเรื่องการ control ระดับน้ำในเขื่อน แต่ก็น่าจะพิจารณาเอาน้ำท้ายเขื่อนมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจด้วยนะ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 21:38:13

ความคิดเห็นที่ 8 #5 ลองคิดเล่นๆ นะครับ แทนที่จะเป็น static rule curve ควรจะมีการประมาณการณ์ต่อเนื่องทั้งปี online กับข้อมูลที่เข้ามาเพิ่มทุกวัน มีโมเดลการพยากรณ์ที่ปรับเปลี่ยนอัตโนมัติเมื่อข้อมูลใหม่เข้ามา Input คือ time series ของ ปริมาณน้ำฝนเหนือเขื่อน, ใต้เขื่อน, ปริมาณน้ำในเขื่อน, ระดับน้ำใต้เขื่อน, ข้อมูลพยากรณ์อากาศ, ฯลฯ แล้วก็ใส่ constraint ต่างๆ เช่น เดือนไหนสามารถยอมให้ระดับน้ำใต้เขื่อนสูงสุดได้แค่ไหน (ซึ่งสัมพันธ์กับฤดูเก็บเกี่ยว) หลังฤดูฝนต้องมีน้ำไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ ฯลฯ Optimize ตามเป้าหมายและขอบเขตที่กำหนดไว้ออกมาเป็นผลการพยากรณ์ Output ที่ทำนายออกมาก็คือ ช่วงของปริมาณน้ำในอนาคต และปริมาณที่จะเก็บ/ปล่อยต่อไป ซึ่งที่กล่าวมามันก็แบบจำลองการพยากรณ์ธรรมดาๆ นี่เอง ส่วนวิธีทางคณิตศาสตร์ที่จะใช้พยากรณ์ ก็ลองได้หลายวิธี เอามาแข่งกัน สามารถเพิ่มรายละเอียด เพิ่ม constraint ไปเรื่อยๆ เชื่อมโยงกับโมเดลพยากรณ์อื่นๆ simulate กับข้อมูลในอดีต ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 21:59:51 แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 21:53:03 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 21:51:08

ความคิดเห็นที่ 9 งั้นก็ต้องเพิ่มโมเดลเอลนีโญ และลานีญา เข้าไปด้วยสินะ เพราะทำให้คาดการณ์ปริมาณน้ำลำบาก โมเดลน้ำปีนี้ก็ล่มไม่เป็นท่าจากผลของลานีญา ว่าแต่เมืองไทยมีเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิของกระแสน้ำหรือป่าว หรือต้องตามดูของต่างประเทศอย่างเดียว จากคุณ : aonesung เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 22:01:03

ความคิดเห็นที่ 10 #9 คาดลำบากหรือคาดผิดก็ไม่เสียหายเท่ากับ การไม่ปรับการคาดคะเนตามสถานการณ์ ครับ รอบนี้อนุกรรมการคาดผิดเรื่องฝนทิ้งช่วง คิดว่าจะตกน้อยไปจนถึงมิถุนา จึงสั่งการให้เก็บตั้งแต่ 9 พ.ค. แต่พอฝนหายทิ้่งช่วงตั้งแต่พฤษภา (ตอนที่คำสั่งออกนั่นแหละ) ก็ยังไม่ปรับการคาดคะเน ยาวไปจนปลายกรกฏาจึงได้ปรับการคาดคะเนใหม่ แม้จะมี prediction model ที่ดี เราก็คงจะยังไม่รู้ตัวตั้งแต่พฤษภาอยู่ดี แต่ก็น่าจะคาดคะเนได้เร็วขึ้นกว่าปลายเดือนกรกฏาดังที่เป็นในรอบนี้ เพราะน้ำเริ่มท่วมภาคเหนือมาตั้งแต่กลางมิถุนาแล้ว ส่วนที่คุณแตงกวาบอกว่า แตะ 80% ก็ต้องเร่งปล่อยแล้ว จากข้อมูลนั้น เขาเร่งปล่อยทั้งสองเขื่อนตั้งแต่ 65% เมื่อปลายกรกฏาแล้วต่างหากครับ เนื่องจากมาพิจารณาสภาพอากาศใหม่ ปัญหาคือ เวลานั้นภาคกลางพื้นที่ใต้เขื่อนก็เริ่มจะท่วมแล้ว เท่ากับช่วงเดือนสิงหานั้น การปล่อยน้ำมาก็เป็นการซ้ำเติมน้ำท่วมแล้ว แต่นั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูก (แต่ช้าไปหน่อย) แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 23:30:43 แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 22:52:05 แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 22:38:58 แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 22:37:11 แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 22:27:07 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 22:22:03

ความคิดเห็นที่ 11 มี comment ในเฟซบุคมา @Rood Thanarak lead time ทั้งหมดยังไม่นับรวมเวลาแทง​หนังสือ เสนอเซ็นต์ ส่งแจ้งเพื่อทราบ ส่งเป็นหนังสือเวียน แล้วนัดประชุมอนุกรรมการ จากนั้นสรุปรายงานการประชุม​ส่งเวียนให้รับรองครบทุกคน ก่อนออกเป็นคำสั่งเสนอให้นา​ย นายแทงเรื่องให้ที่ปรึกษาตร​วจทาน จากนั้นส่งขอความเห็นกฏหมาย​ ก่อนส่งกลับให้นายเซ็นต์สั่​งงาน ...... แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 54 00:00:21 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 22:28:45

ความคิดเห็นที่ 12 ไอ้ปื๊ด จากคุณ : pork เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 22:51:30

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นเรื่องของภัยพิบัติ ซึ่งเราโทษใครไม่ได้ครับ เราไม่สามารถห้ามพายุไม่ให้มันเกิดได้ จากคุณ : devil amature2 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 23:22:45 A:171.98.84.120 X: TicketID:321081

ความคิดเห็นที่ 14 @Rood Thanarak ขอสรุปสั้นๆจากข้อสรุปนี้อีกทีว่าปัญหาเกิน 90% ของประเทศนี้อยู่ที่ระบบราชการที่ไม่ function เรารู้กันดีว่าระบบการเมืองไทยมันทำงานได้แค่ 10% อีก 90% ของการบริหารประเทศนี้เดินได้ด้วยระบบราชการ ซึ่งเป็นระบบที่คิดมาตั้งแต่สมัย ร.5 และวันนี้ยังใช้อีเมล์กันเหมือนการพิมพ์จดหมายด้วยเครื่องพิมพ์ดีด @Rood Thanarak ถ้าจะให้อุปมาเรื่อง "การบริหารจัดการน้ำ" โดยระบบราชการ ก็ขอให้เรานึกภาพว่า "ตลาดหลักทรัพย์" มีการบริหารจัดการโดยระบบราชการนั่นแหละ @Rood Thanarak ในการวางแผนการระบายน้ำในแต่ละปี คณะทำงานวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆกว่า 20 หน่วยงาน ที่รับผิดชอบดูแลการใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรม อุปโภค และบริโภค จะกำหนดเป้าหมายความต้องการใช้น้ำตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ตลอดช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นต้นไป โดยจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ รวมทั้งต้นทุนน้ำในแต่ละเขื่อน จากนั้นกรมชลประทานและ กฟผ. จึงมาร่วมกันวางแผนการระบายน้ำในรายละเอียดเป็นรายเดือน รายสัปดาห์ และรายวัน ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำ และประกาศให้เกษตรกรทราบ เพื่อวางแผนการใช้น้ำต่อไป กว่าจะนัดประชุม ทำเอกสาร สรุปรายงาน เสนอเซ็นต์ .... น้ำmangท่วมไปละ จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 23:59:52

ความคิดเห็นที่ 15 ที่คุณ ikkyu  พูดถึงเรื่อง dynamic rule curve นี่น่าสนใจมากเลย ไม่รู้ผมเข้าใจถูกหรือเปล่านะ คุณ ikkyu กำลังพูดถึงการทำ curve ดังกล่าวแบบกึ่ง real time กล่าวคือ สมมติว่า ถ้าแต่เดิมเอาข้อมูลสถิติของหลายๆ ปี มาสร้างเป็น lower-upper rule curve สำหรับใช้ทั้งปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือประเมินใหม่อีก จะเรียกว่า static ถึงแม้ว่าจะมีการคำนึงแฟกเตอร์มากมายในการสร้างแบบจำลองไว้แล้วก็เถอะ ต่อให้รวมความไม่แน่นอนไว้ด้วย (การสร้าง curve แบบเผื่อความไม่แน่นอนนี้ ก็อาจเรียกว่า proactive model) แต่ดูเหมือนคุณ ikkyu กำลังเสนอให้ทำแบบกึ่ง real time หรือแบบ periodic ซึ่งแบบจำลองจะต้องถูก update พารามิเตอร์ตามคาบเวลาหนึ่งเสมอ หมายความว่า เมื่อครบคาบเวลาหนึ่ง (เช่นสองสัปดาห์) เราจะมี lower-upper rule curve (ของทั้งปี) อันใหม่เสมอๆ การทำลักษณะนี้ดูไป ก็เหมือนกับหลักการ dynamic rescheduling สำหรับการจัดตารางการผลิตในโรงการงานทั่วไป กล่าวคือ เมื่อคุณจัดตารางการผลิตไปแล้วว่าจะผลิตชิ้นส่วนอะไร จำนวนเท่าใด และเมื่อใด ตารางนั้นจะถูก update หรือเปลี่ยนใหม่รายชั่วโมง ตามข้อมูลใหม่ที่ได้รับจากสายการผลิต (เช่น สิ้นค้าบางตัวถูกยกเลิก หรือเครื่องจักรบางตัวเสียหาย) นั่นเอง แต่ผมไม่แน่ใจว่าที่ทำอยู่เป็น dynamic อยู่แล้วหรือเปล่า ใครทำงานข้างใน มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมจะดีมากเลย แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 54 01:16:38 จากคุณ : today_newspaper เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 01:09:55

ความคิดเห็นที่ 16 ไอปื๊ดเอา กีบ ไป จากคุณ : kora_sandpiper เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 01:12:20

ความคิดเห็นที่ 17 อัพเกรดเครื่องพยากรณ์อากาศ จากคุณ : bakasama เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 02:23:16

ความคิดเห็นที่ 18 เราว่าทางegatตอบคำถามได้ดีและเคลียร์แล้ว  ดูเหมือนผู้วิจารณ์จะละเลยหรืออคติในคำชี้แจงของกฟผ. เพราะยังให้ความเห็นในสิ่งที่เขาตอบแล้ว เช่นเรื่องการปล่อยน้ำ ก็ปี53มันมีภัยแล้ง  แต่ปี54มันมีน้ำเข้ามามากผิดปกติแบบ40ปีไม่เคยมีแบบนี้  นี่ถ้าน้ำไม่ท่วมแต่เกิดภัยแล้งแทน เขื่อนก็โดนด่าอีก ชาวนารอจำนำข้าวอยู่ เรื่อง dynamic rule cure ก็เห็นด้วย แล้วรู้ได้ไงว่ามันเป็นstaticที่ถูกกำหนดไว้แต่ต้นปีว่าต้อง follow curveนี้นะ  ตัวแปรต่างๆต้องถูกวิเคราะห์และบางทีมันอาจเป็น moving average ทุกๆเดือนก็ได้ แต่อย่างลืมยังไงๆ มันก็มีปัจจัยที่ไม่อาจใส่ในโปรแกรมได้เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพหรือที่เรียกว่าsubjective ก็ต้องอาศัยคนตัดสินใจอยู่ดี สรุป เราเห็นด้วยและเชื่อegat น้ำท่วมเนื่องจากเกิดพายุหลายลูกแบบไม่เคยเกิดมา40ปีคือสาเหตุหลัก จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 09:17:51

ความคิดเห็นที่ 19 #18 ผมไม่ได้ละเลยคำชี้แจงดังกล่าว ยิ่งกว่านั้นเจตนาจะช่วยชี้แจงให้เขา ในเรื่องเหตุผลที่สั่งกักน้ำด้วยซ้ำไปครับ ปีนี้เก็บกักเยอะช่วงต้นปีเพราะน้ำในเขื่อนน้อยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ประกอบกับการคาดการณ์ผิดเรื่องฝนทิ้งช่วงที่คาดว่าจะยาวถึง ก.ค. ซึ่งการคาดการณ์ผิดนั้น ok แต่ที่พลาดคือการปรับเปลี่ยนตามไม่ทันเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะไม่มีเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่ดี ต้องเอาการตัดสินใจมาขึ้นกับคน แทนที่จะมีวิธีพยากรณ์ที่ดีกว่านี้ และสาเหตุของน้ำท่วมจากที่ศึกษาข้อมูลมา ก็ชัดเจนว่าผมไม่ได้โทษเขื่อนนะครับ เพียงแต่เสนอว่ามีวิธีที่เขื่อนจะช่วยบรรเทาน้ำท่วมและภัยแล้งได้ดีกว่านี้ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 54 10:59:02 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 54 10:51:14 จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 10:48:52

ความคิดเห็นที่ 20 จริงๆ ผมว่า ประเทศไทย มีเซียนดูกราฟหุ้น มีภูมิความรู้ทางด้านนี้กันเยอะ ขนาดเรื่องที่ หาเหตุหลักๆทางวิทย์ไม่ได้ ยังพยากรณ์มาลงทุนกันได้ แบบเป็นเรื่องเป็นราว แล้วเรื่องที่มีปัจจัยหลักๆ ทางวิทย์คุมอยู่ น่าจะเดิมพัน เอ้ย ตัดสินใจจากกราฟกันได้ ไม่เกินความสามารถ ปล. หุ้น เน้นพลังมวลชน เป็นหลัก แต่เขื่อน คงต้องเน้น พลังมวลน้ำ เป็นหลัก จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 12:07:19

ความคิดเห็นที่ 21 เพิ่มเติม (...ขอตัดออกนิดนึง) ขออนุญาตดุถูก (...ขอตัดออกนิดนึง) อยากได้สูตร ที่เป็นบัณฑิต มากกกว่านี้ โจทย์เริ่มต้นเลย การเปิดปิดน้ำ ต้องคำนึงถึง ระดับน้ำท่วมด้วย หาคนพอมีความรู้หน่อย น่าจะพอมาปรับปรุง พัฒนากันได้ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 17:23:18 จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 12:12:03

ความคิดเห็นที่ 22 #21 ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อย สูตรบัณฑิตเป็นยังไง การเปิดปิดน้ำต้องคำนึงระดับน้ำท่วมด้วย? เขาก็ต้องคำนึงอยู่แล้ว  ลองกลับไปอ่านที่เขาชี้แจงดู เดี๋ยวเราลองๆสรุปเงื่อนไขและข้อจำกัดของโปรแกรมหรือโมเดลนี้ดูนะ เริ่มจาก restrict constrain คือข้อจำกัดหรือเงื่อนไขวิกฤติ 1. เก็บน้ำไว้มากเกินไม่ได้ เขื่อนพัง หรือล้นเขื่อน 2. ปล่อยน้ำออกมากไม่ได้ น้ำท่วม  แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องปล่อยเพราะไม่งั้นเขื่อนแตกจะยิ่งกว่าท่วมอีก 3. ความจำเป็นของเขื่อนเอง เช่นเขื่อนรั่ว ต้องซ่อม เป็นต้น เงื่อนไขทั่วไป คือสิ่งที่ต้องคำนึงถึง 1. การบริหารน้ำมันเป็น seasonal คือรอบปีหนึ่งๆมันก็มีทั้งหน้าฝนหน้าแล้ว ก็บริหารระดับน้ำเอา ถ้าเอาง่ายๆก็ไม่ต้องคิดอะไร กำหนดcurveมาแล้วfollow curve 2. ไม่ใช่เฉพาะน้ำในเขื่อน หากแต่ต้องดูน้ำล่างเขื่อนด้วย ถ้ามันมีมากอยู่แล้วก็ไม่ควรปล่อย หากน้ำแล้งก็ต้องปล่อยเพื่อให้เกษตรกรใช้น้ำ 3. การคาดการณ์ของกรมอุตุฯละทีนี้ ว่าถ้าฝนจะตกหนัก ก็ต้องรีบพร่องน้ำไว้ ถ้าฝนจะแล้วก็ต้องรีบเก็บน้ำไว้ 4. ฤดูการของเกษตรกรรม อันนี้ต้องถามกระทรวงเกษตร ว่าเหมาะปล่อยช่วงไหนอย่างไร 5. ราคาสินค้าเกษตร เช่นว่าช่วงนี้ผลผลิตล้น ราคาตก ไม่ต้องปล่อยน้ำมาก แต่บางช่วงจะรับจำนำแพงแล้วนะ ต้องปล่อยน้ำสร้างผลผลิตเยอะๆ เป็นต้น ต้องถามกระทรวงพาณิชย์ 6. การใช้น้ำของอุตสาหกรรม ต้องถามกระทรวงอุตฯ ว่าใช้ช่วงไหนอย่างไร 7. เหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม เช่นปลาวางไข่ ไล่น้ำเสีย รักษาปาไม้ เป็นต้น 8. เรื่องการผลิตไฟฟ้า เขาก็บริหารช่วง Peak, Off peak อยู่แล้ว หรือบางช่วงราคาก๊าซหรือถ่านหินมีปัญหา หรือไม่มั่นคงพม่างอแง ก็ต้องใช้เขื่อนช่วยบ้าง 9. ปัจจัยการเมือง เช่นว่าพื้นที่ผมน้ำท่วมไม่ได้  หรือ พื้นที่ผมจะมีน้ำทำนาทั้งปี พี่น้องเฮ้ย.. 10. ปัจจัยอื่นๆ เช่น แผ่นดินจะไหว คาดว่าต้องแย่แน่ หรือ เกิดภาวะสงคราม มันจัดการเขื่อนเราแต่ ควรปล่อยน้ำออกก่อนเพื่อลดการสูญเสีย ไม่งั้นเหมือนที่จะเด็ดปล่อยน้ำเข้าตีเมืองแปร 11. ใครมีเงื่อนไขอะไร ...ช่วยคิดอีกบ้าง  จะเห็นว่าบางเงื่อนไขมันเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ เราจะทำสมการหรือทำแบบติดตั้งเซนเซ่อร์เป็นควบคุมออโต้ไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 09:49:02 จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 09:47:44

ความคิดเห็นที่ 23 จากความเห็นที่ 22 ขอบคุณมากครับที่แจง constrain มาเป็นข้อๆ จริงอย่างคุณว่าที่บางตัวเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ แต่ทั้ง constrain และเงื่อนไขทั่วไปทั้งหมดนั้น ดูแล้วไม่แตกต่างหรือยากกว่าปัญหาการจัดตารางและวางแผนผลิตในอุตสาหกรรมและโลจีสติกส์เลย ซึ่งมี tool หรือวิธีการรองรับไว้แล้วครับ ปัญหาลักษณะนี้ในโรงงานนี้หลายเงื่อนไขเชิงปริมาณ วัดไม่ได้หรือใช้ทุนสูงในการวัดเหมือนกันครับ แต่มีวิธีประเมิน/ประมาณด้วยวิธีอื่นๆ สรุปว่าไม่น่าเกินวิสัยที่จะทำ dynamic rule curve แต่เราต้องรู้ก่อนว่า จริงๆ เค้าทำอยู่หรือเปล่า หรือที่ไม่ทำเพราะผลออกมาไม่แตกต่างจากแบบ static หรือเปล่า (คือ ทำแล้วก็อาจไม่คุ้ม ก็เป็นได้) แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 13:46:07 จากคุณ : today_newspaper เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 13:45:43

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยกับ คห.6 ครับ เรามามองไปที่ปีหน้าจะจัดการปัญหานี้ไม่ให้เกิดซ้ำได้อย่างไรกันดีกว่าครับ จากคุณ : อัศวินเกราะเหล็ก เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:08:56

ความคิดเห็นที่ 25 #22 ขอภัยด้วยครับ ที่ผมไม่ได้อ่านคำชี้แจง [ ตัดตรงนี้ออกนะครับ ... ไม่มีอะไร อธิบาย ความรู้สึกผมเฉยๆ ] อย่างที่ท่านเสนอมา เป็นโมเดลที่ดี และคงไม่ได้กินเวลาอะไร มากมาย ทำไม ไม่ได้มีใครมาสานต่อกัน ตอนนี้ เดี๋ยวก็จะไปเล่นเรื่องเอาผิดกันแล้ว ไม่เห็นจะมาพัฒนาโมเดล แก้ปัญหากันต่อ ขอภัย จขกท. ด้วย และก็ขอบคุณ #22 ที่ทำให้มีคำตอบที่ดูเป็นรูปธรรม (...) ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกว่า ปฏิบัติผิด แต่ผมก็ข้องใจ สงสัยว่า ระเบียบปฏิบัตินี้ อยู่บนระเบียบความรู้ที่ดีพอหรือไม่ ถ้าผมดูผิดไป ก็ต้องขออภัย ทุกๆท่านที่เกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้าที่ผมดู ถูก ก็หวังว่า จะได้รับการปรับปรุงโดยเร็วไว ตัวอย่าง การ simulate ง่ายๆ ก็แค่ ประมาณ ค่าต่างๆ ลงไฟล์เอ็กเซลล์ดู ใส่สูตรนิดนึง ก็รู้แล้วว่า ขอบเขตความเสียหาย จะเป็นเท่าไหร่ ถ้ามีโมเดล มีขอบเขตตัวเลขแล้ว ไม่ถึง2ชม ก็ใส่สูตร เห็นตัวเลขทั้งหมดแล้ว (ขยายนิดนึง คือเราทำตารางแมทริกซ์ ใส่เงื่อนไขง่ายๆ ลงไปได้ว่า ถ้าฝนตก 10 20 30    เก็บพืชผล เดือน 5 6 7 ดูผลสุดท้ายคร่าวๆได้ว่า ผลตอบแทน ในทุกๆกรณี เป็นเท่าไหร่ ) ขออภัยอีกครั้ง ตอนแรก ก็ว่าจะไม่เขียน ความเห็นนั้นแล้วหละ แต่มันอดใจไว้ไม่ได้(ส่วนหนึ่ง) อีกส่วนนี่ มันอาจจะกระตุ้นอะไรขึ้นมาได้บ้าง แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 17:26:34 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 17:21:15 จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 17:04:37

ความคิดเห็นที่ 26 คิดง่ายแต่ปฏิบัติได้จริงเหรอ ?? OK ผมลองคิด พูดเพื่อให้เห็นภาพนะ เก็บข้อมูลมา 30 ปีย้อนหลัง ได้กราฟมา 1 ชุดสำหรับป้องกันน้ำท่วม ใช้ curveสำหรับป้องกันน้ำท่วม ตั้งแต่ต้นปี ปล่อยน้ำออกเลย กระทรวงเกษตรก็จะถามว่า อ้าวกะจะไม่วางแผนปล่อยน้ำเืผื่อใช้ประโยชน์ทางการเกษตรบ้างเหรอ ??? คนดูแลเขื่อนบอกว่า ไม่ได้ๆเพราะว่าเดี๋ยวท่วม เกิดปีนั้นฝนปลายปีตกน้อย ไม่มีพายุเข้า ทำไงหละ ??? เกิดใช้ curve สำหรับป้องกันน้ำท่วมหลายๆ ปีติดๆ กัน แล้วฝนมันไม่ตก ทำไง ????ค่าเสียโอกาสจากน้ำปล่อยทิ้งไปเท่าไหร่ ?????? เอางั้นเปลี่ยนเป็น Curve สำหรับเก็บน้ำใช้ประโยชน์ทางการเกษตรตั้งแต่ต้นปี ทำมาได้อีกชุด(ผมเดาว่า EGAT เลือก Curve สำหรับวัตถุประสงค์นี้) แล้วไงหละ ??? มันก็มีความไม่แน่นอนอีกแหละว่า พายุอาจจะเข้าหลายๆลูกเหมือนปีนี้ ท่วมอีก ก็ถูกด่าอยู่ดี เพราะว่า curve ของการเก็บน้ำสำหรับการเกษตรมันจะอีก Pattern นึงแน่ๆ ที่ไม่เหมือน curve สำหรับป้องกันน้ำท่วมแน่ๆ สรุป เรา จะเอาสองประโยชน์จากเขื่อนชนิดเดียวไม่ได้หรอก(ได้อย่างเสียอย่าง ไม่มีอะไร 100 %)หรือไม่ก็ได้อะไรไม่เต็มที่ ป้องกันน้ำท่วมได้ระดับนึง(เหมือนปีนี้) จากคุณ : บัตรผ่านคนชั้น 2 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 22:08:19 A:103.1.165.199 X: TicketID:336015

ความคิดเห็นที่ 27 จะฟังคำวิจารณ์เนี่ยควรดู qualification ของคนวิจารณ์ด้วยนะครับ ไม่ใช่ใครก็ได้นึกอนุมานเอาแล้วก็ว่ากันเป็นฉากๆ แค่เขียนได้คารมคมคายหน่อยคนดันเชื่อมากกว่าคนที่รู้จริงมืออาชีพของกรมชลฯ กทม และ EGAT ซะอีก จากคุณ : xxx เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 22:45:39 A:110.171.6.16 X: TicketID:102477