ความคิดเห็นที่ 1 เท่าที่อาจารย์อานนท์แกอธิบาย จับใจความได้ว่าบริเวณที่ดูเหมือนน้ำไม่ท่วมนั่นคือ ตัวอาคารที่ยังแห้งอยู่ มองน้ำท่วมเบื้องล่างไม่เห็นอ่ะครับ จากคุณ : สวมชุดทีมเยือน (เชียงคำ) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 11:33:54

ความคิดเห็นที่ 2 ข้างดอนเมือง  เป็นตึกครับ  ถ่ายเห็นดาดฟ้า  เลยไม่ค่อยเห็นน้ำชัดเจน แบบในนา หรือ ลานบินดอนเมือง ถ้าดูสีโดยรวม  แถวดอนเมือง สีจะหม่นกว่าแถบที่แห้ง อย่าง ลาดพร้าว  JJ จากคุณ : CocoaChocolate เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 11:51:43

ความคิดเห็นที่ 3 ดูภาพถ่ายพวกนี้จะดูโทนสีเดียวไม่ได้ครับ เพราะว่าต้องเอาไปปรับภาพก่อนตามกระบวนการจึงจะสามารถแยกได้ว่าส่วนไหนน้ำ ส่วนไหนหลังคาแล้วแสดงออกมาเป็นระดับสีต่างๆ ที่เราเห็นมันโทนสีเดียวได้ครับ จากคุณ : เกียร์น้อย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 12:10:29

ความคิดเห็นที่ 4 ต้องดูเป็น ด้วยครับ ถึงจะรู้ จากคุณ : อิทธิพงษ์ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 13:23:02

ความคิดเห็นที่ 5 เขาใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการแปลงสีด้วยระบบอัตโนมัติ โดยไม่มีคนคอยตรวจสอบความถูกต้อง ทั้งๆที่ดาวเทียมถ่ายได้รูปมาวันละแค่ 1 รูปเท่านั้น เขาอ้างว่า คนน้อย งานเยอะ ทำไม่ทัน แถมอุปกรณ์ไม่อำนวย และขอให้ผู้ชมใช้ความพยายามในการแปลผลให้เข้าใจเอาเอง ถ้าแปลผลแล้วไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดพลาด แสดงว่าเป็นความผิดของผู้ชมเอง เจ้าค่ะ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11254932/X11254932.html จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 13:37:18

ความคิดเห็นที่ 6 แสดงว่า อาจจะปรับสีในการถ่ายภาพแต่ละครั้งไม่เท่ากันหรือครับ ลองย้ายไปดูตรงบางบัวทองซึ่งจมมิดไปหลายๆที่แล้ว ภาพเหมือนน้ำเริ่มลดลงแล้ว ซึ่งปัจจุบันยังจมอยู่ จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 14:04:06

ความคิดเห็นที่ 7 เทียบกับภาพของวันที่ 29 จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 14:04:54

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าดูเทียบของวันที่ 31 กับ 29 ดูแล้วเหมือนน้ำลดลงไปเยอะมากเลยครับ ทั้งที่จริงๆแล้ว น้ำยังไม่ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น (ระดับน้ำวัดที่บางใหญ่) ภาพของวันที่ 31 ผมดูยังไงมันก็ไม่น่าใช่น่ะครับ ถึงจะให้ปรับสายตาให้แยกระดับสีได้มากขึ้น ก็ยังไม่ตรงกับสภาพน้ำปัจจุบันอยู่ดี จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 14:10:04

ความคิดเห็นที่ 9 การทำภาพถ่ายดาวเทียมออกมาให้ครอบคลุมเป็นแผ่นใหญ่ เสียเวลานานจริงๆค่ะ ไม่ได้เป็นแค่ข้ออ้างของ GISTDA ถามว่าทำไม ขอตอบว่าเพราะโลกเป็นทรงกลม ดังนั้นเวลาถ่ายรูปแล้วไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่สามารถถ่ายรูปบริเวณกว้างให้อยู่ในรูปเดียวได้ ดังนั้นรูปจะถ่ายจากหลายๆบริเวณเป็นหลายๆรูป แล้วนำมาเชื่อมต่อกัน ศัพท์ทางวิทย์เรียกว่า image registration ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆภาษาทั่วไปคือการทำลักษณเดียวกับ โปรแกรมทำภาพ panorama ของกล้องดิจิตัล แต่การทำ registration ของภาพถ่ายดาวเทียมยากมาก ยากกว่าภาพถ่ายธรรมดาทั่วไป ดังนั้นแล้วจะให้โปรแกรมทำอัตโนมัติ มักจะออกมาแล้วไม่ถูกต้อง (GISTDA เองมีโปรแกรมทางนี้แทบทุกตัวที่มีขายอยู่ในท้องตลาดเลยมั้ง commercial software พวกนี้ยังทำอัตโนมัติไม่ได้เลย ภาพดาวเทียมบางจำพวกสามารถทำอัตโนมัติได้ แต่บางจำพวกทำไม่ได้ค่ะ) ทีนี้ภาพที่ต้องเชื่อมต่อเข้าด้วยกันมีเป็นเยอะ แล้วต้องใช้แรงงานคนในการทำ ซึ่งไม่ใช่ง่าย คนต้องมาหา point correspondences หรือจุดๆเดียวกันของทุกภาพ แต่ละภาพต้องหาไม่น้อยกว่า 12จุด(โดยประมาณ) ความคลาดเคลื่อนมีเยอะนะคะ ผิดไปพิกเซลนึง รูปก็ออกมาดูไม่ค่อยดีเวลาที่ซูมขยายดู แล้วอย่างที่บอกว่าภาพถ่ายดาวเทียมโดยลักษณะของภาพมันยาก ทำให้การหาจุดพวกนี้ก็ยากตามไปด้วย เพิ่มเติมอีกนิด การทำ registration ไม่ใช่สักๆแต่ว่าเอาภาพมาต่อกัน ภาพแต่ละภาพถ่ายออกมามันมีความบิดเืบือนในตัวมันเอง มันต้องมีการบิดภาพพวกนี้ก่อนจะนำมาต่อกันได้ด้วย จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 14:19:13

ความคิดเห็นที่ 10 หลักๆคือผมอยากจะประเมินความเร็วของน้ำน่ะครับ ผมติดตามดูมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว แต่ว่าข้อมูลที่มีจาก GISTDA เป็นซะอย่างนี้ ทำให้ไม่สามารถประเมินได้ จากภาพ ดูยังไงก็ไม่ใช่ของวันที่ 31 ครับ หรือถ้าใช่ ก็คงปรับสีไม่เท่าเดิม ผมเกรงว่า ถ้ามีหน่วยงานไหนเอาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนจัดการน้ำ จะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:11:41

ความคิดเห็นที่ 11 ในการแยกน้ำออกจากพื้นที่อื่นจะมีการใช้ช่วงแสง near infrared มาผสมกับสีจริงด้วย ซึ่งความคลาดเคลื่อนจากความชื้นในอากาศ หรือเมฆบาง ๆ ก็ส่งผลได้ครับ (เมฆหนาใช้งานไม่ได้) ลองศึกษา near infrared เพิ่มเติมที่ลิ้งนี้ครับ http://sci4fun.com/nearir/nearir.html เรื่องวันที่ไม่ผิดแน่นอนครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 16:05:08

ความคิดเห็นที่ 12 ปกติแล้ว ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ใช้ในการสำรวจเรื่องน้ำนั้นมักจะใช้ภาพจากกล้อง Infra-Red  นะครับ แล้วนำมาทำ Image Processing อีกที จากคุณ : Manitaya เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 16:09:23

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพที่เอามาโชว์ในแต่ละวันนั้น ผู้ดูส่วนใหญ่ ก็ได้แก่ชาวบ้านทั่วไป ผู้สนใจใคร่ชมทั่วไป ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่นักวิชาการเฉพาะด้าน ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเขาไม่ได้ต้องการภาพความละเอียดสูงส่งเอาไปทำอะไรหรอก เขาแค่ต้องการภาพโดยรวม เพื่อตรวจสอบสภาพความเป็นไป ความเปลี่ยนแปลงที่พอจะสังเกตได้เท่านั้น จึงไม่ต้องลงรายละเอียดของภาพลึกๆ แต่ต้องการความถูกต้องของภาพ ต้องการความมทันสมัยของภาพ มากกว่า ภาพที่ต้องการรายละเอียดลึกๆ มีความละเอียดสูง อันนี้จะบรรจงทำอย่างไรก็ว่ากันไป จะขายในราคาแพงลิบลิ่วก็ว่ากันไป เพราะคุณภาพก็แปรผันตามราคาอยู่แล้ว อันนี้ใครๆก็เข้าใจ แต่ภาพ overview กว้างๆอย่างที่เอามาแสดงในเว็บทุกวัน ควรที่จะมีความถูกต้องแม่นยำและทันสมัยพอที่จะเอาไปประเมินสถานการณ์น้ำท่วมได้ แต่ไม่จำเป็นต้องลงในรายละเอียดลึกๆ ไม่ต้อง hi-resolution มากก็ได้ ไม่มีใครไปนั่งดูเรียง pixel หรอก เขาดูในภาพรวม ภาพกว้างๆของประเทศเท่านั้น ไม่ได้ดูเจาะเป็นรายหมู่บ้าน รายตำบล รายถนนแต่ละเสาไฟฟ้า ทุกครั้งที่มีคนออกมาทักท้วงเรื่องนี้ แทนที่ สทอภ. จะรับฟังข้อคิดเห็นเอาไปปรับปรุงการทำงาน เพื่อเพิ่มคุณภาพให้กับผลงานตัวเอง แต่กลับมักจะมีแต่คำแก้ตัว คำบ่ายเบี่ยง คำโต้แย้งอยู่เสมอๆ ไม่ค่อยจะยอมรับความจริงว่า มันจริงอย่างที่เขาทักท้วงรึป่าว คนดูเขาไม่สนใจหรอกว่าจะถ่ายด้วยคลื่นเลเซอร์รังสีคอสมิคผสมคริปโตไนท์อะไร เขาแค่อยากดูภาพถ่ายดาวเทียมที่มันถูกต้อง แม่นยำ และทันสมัย เชื่อถือได้แค่นั้นเอง การเป็นน้ำเต็มแก้ว จะทำให้พัฒนาการถดถอย และด้อยคุณภาพในที่สุด จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 19:25:30

ความคิดเห็นที่ 14 #13 ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้มีส่วนกับ สทอภ. นะครับ เป็นแค่คนนอกที่ได้รับรู้วิธีการทำงานมาบ้าง ก็เลยช่วยชี้แจงครับ เท่าที่อ่านผมสรุปว่ามีประเด็นเดียวใช่มั้ยครับ ว่าภาพมันสื่อไปในทางที่เชื่อถือไม่ได้ อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ทั้งในกระทู้นี้และกระทู้ก่อนหน้า http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11254932/X11254932.html ภาพมี 2 ลักษณะจากดาวเทียมคนละดวงที่ได้เลือกใช้ ซึ่งที่เห็นตำหนิเยอะ ๆ คือภาพจากธีออส ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง ให้คุณแตงกวาเข้าใจได้ว่ามันคือข้อจำกัดของเทคโนโลยีหน่ะครับ อย่างภาพใน คห.6 ค่าน้ำหนักที่ลงสีต่างกัน (ใช้อินฟาเรดผสมสี) อาจจะเกิดจากความชื้นในอากาศ ทำให้การสะท้อนของอินฟราเรดมีมากขึ้น ดูเหมือนน้ำท่วมน้อยหน่ะครับ ความผิดพลาดตรงนี้เกิดจากสภาพแวดล้อม ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้การเติมเต็มพื้นที่น้ำท่วมอาจดูหนาแน่นบ้าง โปร่งบ้าง หากจะดูง่าย ๆ น่าจะเป็นที่นี่ครับ ใช้ข้อมูลที่แปลผลแล้ว ไปพอล์ตลงในแผนที่อีกที น่าจะเข้าใจง่ายกว่า ตรงนี้อาจข้อผิดพลาดบ้าง ตามการประมวลผลภาพ จากที่ผมสังเกตเอง น่าจะ 1-2% http://203.150.230.27/FloodMap/ ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ คือบางทีเราควรจะเข้าใจเครื่องมือบ้าง เพื่อที่จะได้ใช้เครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ คล้ายกับกล้องถ่ายภาพ ถึงแม้จะดีแค่ไหนแต่ถ่ายไม่เป็นภาพก็ออกมาไม่สวย แต่กล้องราคาถูกซึ่งเจ้าของใช้เป็นอาจจะได้ภาพสวยก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 54 21:48:28 จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 21:47:13

ความคิดเห็นที่ 15 #14 http://203.150.230.27/FloodMap/ ผมว่าผิดมากกว่า 1-2% นะครับ และ update ช้ามาก เมื่อก่อนมีวันที่กำกับ แต่เดี๋ยวนี้เอาออกไปแล้ว ความคิดเห็นส่วนตัว ผมเชื่อว่า มันมีเทคนิคในการปรับแต่งภาพให้เป็นค่ากลางๆ เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบได้ง่ายกว่านี้ จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 22:45:07

ความคิดเห็นที่ 16 จะแค่เข้ามาบอกว่าเราก็ไม่ได้ทำงาน และไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ GISTDA นะคะ เรามองในมุมของคนนอกเท่านั้น เรารู้อะไร เราก็ว่าไปตามที่เรารู้เท่านั้น จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 09:48:24

ความคิดเห็นที่ 17 เพิ่มเติมหน่อย เราเองก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับภาพถ่ายดาวเทียมนักนะคะ (เอาเป็นว่าไม่รู้เรื่องเลยแล้วกัน ว่าต้องใช้คลื่นความถี่เท่าไร มีกี่แบนด์ และ ฯลฯ) ขอบอกก่อนว่า ที่กำลังจะตอบนี้ก็เป็นความเข้าใจส่วนตัวของเรา เราไม่ทราบคำตอบที่แท้จริงเนื่องด้วยเราไม่ได้ทำงานที่ GISTDA เราเพียงแต่หาข้อมูลไปเรื่อยๆแล้วสรุปมาเป็นความเห็นของเรา เราสรุปได้ว่า 1. ภาพถ่ายที่ดูแล้วผิดพลาดเยอะคือจาก THEOS เราคิดว่าปัญหาหลักคือ THEOS ถ่ายรูปแล้ว "ติดเมฆ" อันนี้เป็นข้อจำกัดของตัวดาวเทียมเอง ทำอะไรไม่ได้ ถ้าวันไหนเมฆเยอะ เมฆก็จะบังข้อมูลภาคพื้นดิน ทำให้มองอะไรไม่เห็น 2. ภาพถ่ายไม่ update เราเข้าใจว่า THEOS เป็นของ GISTDA ดังนั้นไม่มีปัญหาว่าจะถ่ายเมื่อไรกี่รูปก็ได้ http://en.wikipedia.org/wiki/THEOS_%28satellite%29 แต่ RADARSAT ไม่ใช่ของ GISTDA http://en.wikipedia.org/wiki/Radarsat-1 เป็นของแคนาดา เราคิดว่าเค้าต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อรูปพวกนี้มา รูปนึงไม่ใช่ถูกๆแน่ เราว่าแพงมาก ดังนั้นมันเลย update ไม่ real time แล้วทีนี้ภาพจาก THEOS ให้ข้อมูลเรื่องน้ำท่วมที่ไม่ดี ข้อมูลมันก็เลยไม่ค่อยดีนักอย่างที่เห็นกัน แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 10:23:31 จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 10:21:10

ความคิดเห็นที่ 18 เสริมให้ #17 ครับ 1. ธีออสมีข้อจำกัดอย่างที่กล่าวมา และความผิดพลาดสูงกว่าการใช้คลื่นความถี่ L Band ของ Radarsat ในการแบ่งแยกประเภทพื้นผิว 2. จะต้องรอเวลาที่โคจรกลับมาในตำแหน่งที่เหมาะสม การถ่ายภาพช่วงน้ำท่วมนี้ใช้กล้องตัวที่ 2 ซึ่งมีความละเอียดต่ำกว่า แต่มีความกว้างแนวถ่ายภาพที่ 90 กม. ความละเอียดต่อจุดที่ 15 เมตร ส่วน Radarsat นอกจากจะต้องรอให้อยู่ในตำแหน่งประเทศไทยแล้ว ยังเป็นดาวเทียมที่มีผู้เช่าหลายราย มีข้อจำกัดในเรื่องการต่อคิวเพื่อใช้งานด้วยครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 11:40:14

ความคิดเห็นที่ 19 ความรู้เฉพาะด้านก็ไม่มี แปลผลให้ก็บอกว่าไม่ถูก เอาภาพดิบไปดูเลยครับ แปลได้ตามสบาย จากคุณ : ตัวอย่างภาพดิบจาก100watt (0vvaynar0) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 11:44:01

ความคิดเห็นที่ 20 #19 ของวันที่เท่าไหร่ครับ มี link ต้นฉบับมั๊ยครับ จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 14:24:38

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ เอ้ะ นี่มันภาพของผมเองนี่นา ฮ่าๆ รับได้จากดาวเทียม Noaa ครับ ส่วนภาพที่ Gistda ใช้ต้องเสียค่าใช้จ่ายถ่ายมาในส่วนของเรด้าเซ็ตครับ ส่วนธีออส ไม่เปืดให้คนทั่วไปรับสัญญาณ ต้องไปขอจาก Gistda เองคัรบ จากคุณ : E29AJP (tery_haha) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 15:13:57

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ MarMan มีปัญหาในการวิเคราะห์ส่วนไหนมั้ยครับ ผมจะได้ช่วยหาข้อมูลให้ครับ (ไม่ได้หาเรื่องหรือประชดนะครับ ^^) อยากจะช่วยหากช่วยได้ เผื่อจะนำไปวิเคราะห์อะไรที่เป็นประโยชน์ในปัจจุบันหรืออนาคตครับ สำหรับข้อจำกัดที่นำมาถกกันในกระทู้นี้กับภาพจากธีออสผมสรุปสั้น ๆ ว่า ภาพวันต่อวัน มีค่าน้ำหนักของพื้นที่น้ำแตกต่างกัน เวลาดูให้สนใจพื้นที่สีดำ (ที่ไม่ใช่เงาเมฆ) แล้วเติมเต็มพื้นที่รอบข้างเข้าไปเลยครับ อย่างไรเสียถึงแม้ถนนหรือหลังคาบ้านจะโผล่เข้ามา แต่ถ้าพื้นที่รอบข้าง น้ำยังคงท่วมก็ถือเป็นพื้นที่น้ำท่วมอยู่ครับ (อ้างอิงได้ในเรื่องพื้นที่น้ำท่วม) ในการบอกระดับความลึกของน้ำผ่านภาพถ่ายดาวเทียมทำไม่ได้ชัดเจนนักครับ #19 ตัวอย่างภาพในช่วง near infrared ที่ยังไม่ได้ผสมสี แต่ไม่ใช่จากธีออสครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 15:18:37 จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 15:17:27

ความคิดเห็นที่ 23 ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับข้อมูลนะครับ ก็เข้าใจแล้วว่าเป็นขีดจำกัดของหลายๆอย่าง (เพียงแต่ผมอาจจะตั้งขีดสูงไปหน่อย ^ ^) ข้อจำกัดที่ว่าพื้นที่น้ำแตกต่างกัน ผมก็คิดว่ามันน่าจะมีค่าดัชนีอะไรซักอย่าง ที่สามารถเอาไปใช้เป็น Reference ในการปรับภาพ ให้เป็นค่ากลางได้ เพื่อให้มันง่ายต่อการเปรียบเทียบ เพื่อจะช่วยให้คนทั่วไปดูแล้วพอจะเข้าใจ เป้าหมายหลักของผมคือ ประเมินให้ได้แม่นยำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ว่าจะต้องอยู่กับน้ำไปกี่วัน มีหลายจุดที่ต้องประเมินครับ ส่วนใหญ่อยู่รอบนอก กทม. ภาพถ่ายดาวเทียม เป็นเพียงส่วนนึงในการนำไปวิเคราะห์เท่านั้นครับ ขอขอบคุณ คุณ Phoenix032 ด้วยภาพดาวเทียมชัดๆ สวยๆ ที่ผมไปมั่วๆหามาให้ชมละกัน (ไม่รู้เคยเห็นรึยัง) ภาพวันที่ 26 ต.ค. แหล่งที่มาจำไม่ได้แล้วครับ จาก google นี่แหละ ^ ^ จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:26:35

ความคิดเห็นที่ 24 #21 ไปหัดเล่นวิทยุมั่งดีกว่า เผื่อเอาไว้ส่ง SOS ตอนโดนน้ำเล่นงาน ^ ^ จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:53:12

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ MarMan คคห.23 ภาพถ่ายดาวเทียมที่เห็นสวยๆชัดเจนแบบนี้ กว่าจะทำเป็นผืนใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลางได้ คงต้องใช้เป็นร้อยๆรูปแน่ กว่าจะทำ registration รูปพวกนี้เสร็จ เป็นลมก่อน จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 17:11:54

ความคิดเห็นที่ 26 #25 ทำ registration ที่ว่าคือ เอารูปมาปรับแต่งแก้ Distortion กับเอามาต่อๆกันใช่มั๊ยครับ ผมว่าหาคนเขียนโปรแกรมทำเรื่องนี้ไม่น่ายาก เสนอเล่นๆ นะ ขำๆ ^ ^ ผมคิดค่าดำเนินการ สร้างโปรแกรมสำหรับยัดรูปลงไปแล้วให้มันแก้ Distortion กับเอามาต่อๆกัน แบบเนียนๆเลย แถมเลือกปรับ Ratio ให้ขนาดตรงกับแผนที่ได้ด้วย ขอ 1 แสนบาท เสร็จใน 45 วัน ใช้โปรแกรมแป็บเดียวเสร็จ ไล่คนทำ registration ไปทำอย่างอื่น (เดาว่ามีหลายคน) เหลือไว้ 2 คนคอยปรับแต่งขั้นสุดท้ายพอ 555 จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 18:04:27

ความคิดเห็นที่ 27 #23 ยังไม่เคยครับ แต่น่าจะเป็นดาวเทียม GeoEye ความละเอียด 40 ซม.ครับ นับว่าละเอียดมาก เป็นภาพ HD ในวงการดาวเทียมเลยทีเดียว #25 ถ้าทั้งประเทศความยากในการถ่ายมีมากกว่าเยอะครับ เนื่องจากต้องอาศัยช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่ติดเมฆ ฤดูฝนแทบจะอดถ่าย ว่ากันตามจริงกล้องหลักของธีออสที่ความละเอียด 2 เมตร ความกว้างแนวถ่ายภาพเพียง 20 กม. เท่านั้น และโอกาสลอยมาซ้ำที่เดิม แบบเป๊ะ ๆ ประมาณ 20 วันครับ #26 คุณ MarMan เชี่ยวชาญ Image Processing หรอครับ ผมก็พอเป็นนิด ๆ หน่อย ๆ ครับ :) แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 18:46:28 จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 18:42:10

ความคิดเห็นที่ 28 ขอกลับมาตอบคุณ MarMan อีกครั้งนะคะ ถึงมีโปรแกรมทำอัตโนมัติได้ แต่ต้องต่อกันหลายร้อยภาพที่มีความละเอียดสูง คิดดูว่าภาพ 1 คู่จะใช้เวลานานขนาดไหน เราว่าต้องใช้เวลาหลายสิบนาทีต่อภาพ 1 คู่ ภาพยิ่งยาก โปรแกรมก็ยิ่งมีความซับซ้อน ยิ่งต้องใช้เวลาประมวลผลนาน ภาพยิ่งขนาดใหญ่ ก็ยิ่งใช้เวลาประมวลผลนาน เราเคยเขียนโปรแกรม registration ใช้เองเลย เราเขียนด้วย Matlab คิดว่าน่าจะช้ากว่า C ภาพที่ใช้คือภาพทางการแพทย์ (ถ้าภาพปกติทั่วไป ซอฟต์แวร์ทั่วๆไปที่มากับ digital camera ก็ทำได้) ภาพขนาดประมาณคร่าวๆนะคะ(จำตัวเลขจริงไม่ได้) 1800*2000 pixels ใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงต่อภาพ 1 คู่ (ถ้าใช้ C คงเร็วกว่านี้แน่นอน) นี่ยังไม่คิดว่าภาพที่ต่อออกมามีความผิดพลาดที่จุดไหนอีก ต้องให้คนมาเช็กอีกครั้งเพื่อความถูกต้อง แล้วอย่างที่บอกว่า commercial software ราคาหลายล้าน ยังทำไม่ได้เลยสำหรับบางภาพ จะจ้างแสนนึง สงสัยจะไม่มีใครทำนะเนี่ย อย่างที่บอก เราว่า เป็นลม ก่อนดีกว่า ถ้าจะเอาภาพละเอียดขนาดนี้มาต่อเป็นผืนใหญ่ๆ แล้วข้อจำกัดที่เอาภาพละเอียดขนาดนี้มาทำไม่ได้อีกอย่าง ก็คงอย่างที่คุณ Phoenix032 ว่าไว้ด้วยใน คคห.27 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 21:08:58 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 21:07:34 จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 21:06:17

ความคิดเห็นที่ 29 ขอเสริมอีกนิด รูปที่คุณ MarMan ยกมา อาจดูเหมือนทำ registration ง่าย เพราะ ลักษณะคล้ายรูปถ่ายทั่วไป แต่ความจริงแล้วมันง่าย เพราะเป็นสนามบิน เลยเห็นตัวตึก รันเวย์ ชัดเจน ลองเป็นภาพที่อยู่อาศัย หลังคาบ้านเป็นแค่จุดๆ เท่านั้น หรือถ้ายากกว่านั้น ถ่ายกลางทุ่ง หาจุด reference แทบไม่ได้เลย จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 21:17:30

ความคิดเห็นที่ 30 #27 ไม่ค่อยรู้เรื่อง Image Processing หรอกครับ แค่เคยเห็นงานลักษณะนี้มาบ้างครับ #28 เนื่องจาก ผมเคยไปเห็นคนทำงานคล้ายๆ แบบนี้ เป็นการต่อภาพจากกล้อง 5 ตัว ถ่ายภาพลักษณะ Panorama เอาภาพ 5 ภาพมาต่อกันเป็นวงกลม เพื่อสร้างภาพมุมมอง 360 องศา เวลาที่ใช้ในการประมวลผลต่อ 5 ภาพ น่าจะเสี้ยววินาที เพราะ output มันออกมาเดี๋ยวนั้นเลยเป็นไฟล์ Video ทั้งการแก้ Distortion และจับ Edge ของแต่ละภาพมาต่อกัน ผมว่าวุ่นวายกว่าภาพแบนๆเยอะ ผมก็ไม่ได้ไปลงลึกมากนักครับ แค่รู้ว่าใช้โปรแกรมเมอร์คนไทย 2-3 คน ส่วนคนสร้างสมการคณิตศาสตร์สำหรับต่อภาพเป็นคนญี่ปุ่น เค้าบอกว่าให้มองเป็น Math แล้วมันจะง่าย อย่าไปยึดติดกับ Image processing (พูดง่ายนิ - -) ผมเลยมองว่าเอาภาพถ่ายไหนๆมาต่อกัน ก็ไม่น่าจะยากครับ ผมว่าพี่ยุ่นเค้าเจ๋งจริงๆครับเรื่อง Image processing เห็นโปรแกรมหลายๆตัวเกี่ยวกับ Image แล้วเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเค้าเลยครับ จากคุณ : MarMan เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 21:43:37

ความคิดเห็นที่ 31 เพิ่งรู้ว่าหว้ากอมีผู้เชี่ยวชาญภาพถ่ายดาวเทียมหลายคน อ่านแล้วได้ความรู้เยอะเลย  ชอบจังค่ะ  ขอบคุณมาก^^ จากคุณ : XziBitch เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 05:10:25