ความคิดเห็นที่ 1 ๑.      การบริหารจัดการน้ำในเขื่อนของ กฟผ. ทำอย่างไร เขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทุกเขื่อนเป็นเขื่อนเอนกประสงค์ มีหน้าที่กักเก็บน้ำไว้เพื่อใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค การอุตสาหกรรมและการบรรเทาอุทกภัยเป็นหลัก ส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นเพียงผลพลอยได้จากการปล่อยน้ำผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตามปริมาณ เพื่อการใช้ประโยชน์ที่กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำในเขื่อนของ กฟผ. ตามหลักการจะควบคุมให้ระดับน้ำ อยู่ในกรอบของ “เกณฑ์ควบคุมระดับน้ำ” (Rule Curve) ซึ่งมีอยู่ ๒ เกณฑ์ คือ “เกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่าง” (Lower Rule Curve)  และ “เกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวบน” (Upper Rule Curve) โดยในการจัดทำเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำนั้น ได้นำปัจจัยและข้อมูลของปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำและความต้องการใช้น้ำของพื้นที่ท้ายเขื่อนในรอบกว่า ๓๐ ปี มาประกอบการจัดทำ ทั้งนี้ยังได้ทำการปรับปรุงตามสภาวการณ์เป็นระยะๆ ·    เกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่าง(Lower Rule Curve) จะทำหน้าที่บอกให้ทราบว่า หากเก็บน้ำไว้ต่ำกว่าระดับนี้ จะมีความเสี่ยงเรื่องการขาดแคลนน้ำในปีหน้า ·    เกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวบน(Upper Rule Curve) จะทำหน้าที่บอกให้ทราบว่า หากเก็บน้ำไว้สูงกว่าระดับนี้จะมีความเสี่ยงเรื่อง น้ำล้นเขื่อนจนอาจต้องเปิดประตูระบายน้ำล้น (Spillway) ใน สภาวการณ์ปกติ เขื่อนจะควบคุมไม่ให้ระดับน้ำต่ำกว่า เกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่างในช่วงฤดูแล้ง และช่วงฤดูฝน เขื่อนก็จะพยายามระบายน้ำเพื่อไม่ให้ระดับน้ำสูงเกินเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัว บน ดังนั้นเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำจึงเปรียบเสมือนเกณฑ์ที่คอยควบคุมระดับน้ำใน เขื่อนให้มีปริมาณน้ำเก็บกักที่เหมาะสมตามสภาวการณ์ของปริมาณน้ำทั้งเหนือ เขื่อนและสภาพน้ำในลุ่มน้ำท้ายเขื่อน เพื่อให้มีน้ำไว้ใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในภาพรวมตลอดทั้งปี ตัวอย่างการบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพลโดยเกณฑ์ระดับน้ำควบคุม (Rule Curve) ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙  ซึ่งเป็นปีน้ำมาก จากคุณ : เด็กอันดับบ๊วย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:31:48

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ที่มีอธิบดีกรมชลประทานเป็นประธาน และอีก ๘ หน่วยงานร่วมเป็นกรรมการ ประกอบด้วย กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กรมทรัพยากรน้ำ กรมอุทกศาสตร์ สำนักการระบายน้ำ กทม. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงาน กปร.) และ กฟผ.  โดยคณะอนุกรรมการฯ จะติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและร่วมกันพิจารณาปริมาณน้ำที่เหมาะสมที่จะต้องระบายออกจากเขื่อนทุกสัปดาห์หรือทุกวัน ซึ่ง กฟผ. ก็ได้ปฏิบัติตามมติของคณะอนุกรรมการฯ มาโดยตลอด กราฟแสดงการเก็บน้ำของเขื่อนภูมิพลในปี ๒๕๕๔ จากคุณ : เด็กอันดับบ๊วย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:38:52

ความคิดเห็นที่ 3 รอชมครับ รออีกท่านนึง ที่ชอบเอากราฟ มาอ้างอยู่เรื่อยๆด้วย จากคุณ : เขี้ยวเพชร เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:45:29

ความคิดเห็นที่ 4 ช่วงเดือน พค. คือเค้ารู้ตัวหรือยังครับว่าเข้าลูปของฝน 40 ปี จากคุณ : หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:46:21

ความคิดเห็นที่ 5 รอให้น้ำลดก่อนไม่ได้หรือไงครับ ตอนนี้ศาลเค้ายังประกาศเป็นวันหยุดกันเองเลย จากคุณ : outsider_from_within เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:50:11

ความคิดเห็นที่ 6 กราฟแสดงการเก็บน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ในปี ๒๕๕๔ จากคุณ : เด็กอันดับบ๊วย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:56:03

ความคิดเห็นที่ 7 ๒.    ทำไมเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จึงไม่ระบายน้ำออกมาก่อนในช่วงต้นฤดูฝนปีนี้ ช่วงต้นฤดูฝนปีนี้ ณ วันที่ ๑ พ.ค. เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำเก็บกัก ๖,๐๗๖ ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ ๔๕.๑ ของความจุ  เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำเก็บกัก ๔,๗๘๔ ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ ๕๐.๓ ของความจุ ซึ่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำ (Rule Curve) ที่ใช้เป็นกรอบในการปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมาก ซึ่งตามแนวปฏิบัติของการบริหารจัดการน้ำตามสถิติข้อมูลที่ใช้อ้างอิง จะต้องเก็บกักน้ำไว้ เพื่อให้สามารถมีน้ำไว้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในภาพรวมตลอดทั้งปี ดังนั้นปริมาณน้ำที่ระบายน้ำออกจากเขื่อนในช่วงนี้จึงเป็นไปตามความต้องการใช้เพื่อการเกษตรกรรมและสาธารณูปโภคเป็นหลัก ต่อมามีพายุเข้ามาหลายลูกได้แก่ “ไหหม่า” (ปลาย มิ.ย.-ก.ค.)  “นกเตน” (ปลาย ก.ค.-ส.ค.)  พายุโซนร้อน “ไหถ่าง” และ “เนสาด” (เดือน ก.ย.) และ “นาลแก” (เดือน ต.ค.) ทำให้มีฝนตกทั้งบริเวณเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนรวมทั้งพื้นที่ในภาคกลาง เกิดภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง นอกจากนั้นในลุ่มน้ำวังและลุ่มน้ำยมไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่รองรับน้ำ ดังนั้นแม้จะพยายามระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ก็มีข้อจำกัดในการระมัดระวังผลกระทบต่อพื้นที่น้ำท่วมท้ายเขื่อน จากคุณ : เด็กอันดับบ๊วย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:57:37

ความคิดเห็นที่ 8 ๓. ทำไมเขื่อนต้องระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำล้น (Spillway) เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปล่อยน้ำผ่านการผลิตกระแสไฟฟ้า ในปีนี้เขื่อนภูมิพลมีการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำล้น ระหว่างวันที่ ๕-๑๓ ต.ค. และ ๑๘-๒๐ ต.ค.  ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำล้น ระหว่างวันที่  ๒๕ ส.ค. – ๑๑ ก.ย. ๒๕๕๔ การที่ทั้ง ๒ เขื่อนจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นผ่านประตูระบายน้ำล้น นอกเหนือจากการระบายน้ำผ่านการผลิตกระแสไฟฟ้า  เนื่องจากขณะนั้นมีปริมาณน้ำใกล้เต็มความจุของอ่างเก็บน้ำ และจากการติดตามข้อมูลปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ ยังมีแนวโน้มที่มีปริมาณสูงอยู่ จึงจำเป็นต้องระบายน้ำออกเพิ่มมากขึ้น เพื่อควบคุมไม่ให้ระดับเก็บกักน้ำเกินความจุของอ่าง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อนและอาคารประกอบ ทั้งนี้ในระหว่างการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำล้น ก็ได้มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ อย่างใกล้ชิด เมื่อพบว่ามีแนวโน้มลดลงก็ให้ลดปริมาณการระบายน้ำ จนปัจจุบันไม่มีการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำล้นจากเขื่อนทั้งสอง จากคุณ : เด็กอันดับบ๊วย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:58:28

ความคิดเห็นที่ 9 ๔. เขื่อนต้องการเก็บน้ำไว้มากเพื่อประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าหรือไม่ การผลิตกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของการบริหารจัดการน้ำในเขื่อน แต่เป็นผลพลอยได้จากการระบายน้ำตามความต้องการใช้น้ำเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ อาทิ การอุปโภค บริโภค การเกษตรกรรม รวมทั้งการบรรเทาอุทกภัย ซึ่งการบริหารจัดการเรื่องปริมาณน้ำที่จะต้องระบายออก ในช่วงเวลาใดๆ ในรอบปี อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อพิจารณาตัดสินใจบริหารน้ำร่วมกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้การเก็บกักน้ำไว้เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ในเรื่องรายได้ที่เพิ่มขึ้นต่อ กฟผ. แต่ประการใด ทั้งนี้เนื่องจากในระบบโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าปัจจุบัน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานกำหนดให้ กฟผ. ได้รับอัตราค่าไฟฟ้าในรูปแบบ “ผลตอบแทนเงินลงทุน” (ROIC) จึงไม่มีแรงจูงใจให้ กฟผ. จะต้องเก็บกักน้ำไว้ในปริมาณมากๆ แต่อย่างใด  ดังนั้น ปัจจุบันการระบายน้ำจากเขื่อนจึงเป็นไปตามความจำเป็นทางด้านเกษตรกรรม การบรรเทาอุทกภัย และสาธารณูปโภคเป็นหลัก จากคุณ : เด็กอันดับบ๊วย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 15:59:17

ความคิดเห็นที่ 10 ๕.    ปัจจุบันเขื่อนลดปริมาณการปล่อยน้ำลงแล้ว แต่ทำไมน้ำยังท่วมอยู่ ปัจจุบัน (๒๙ ต.ค. ๕๔) เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีการระบายน้ำออกรวมกันวันละ ๕๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์เพียงประมาณ ๖๑๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๖.๗ ของมวลน้ำที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ราว ๓,๖๕๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้นการระบายน้ำจากทั้งสองเขื่อนจึงไม่ใช่สาเหตุหลักของปัญหาน้ำท่วม ซึ่งน้ำที่ผ่านจังหวัดนครสวรรค์มาจากแม่น้ำหลัก ๔ สาย คือ ปิง วัง ยม และน่าน ขณะที่มีเขื่อนขนาดใหญ่กั้นอยู่เพียง ๒ สาย คือ แม่น้ำปิงและน่าน ปริมาณน้ำส่วนที่เหลือจึงมาจากแม่น้ำยมและวัง รวมทั้งน้ำที่ค้างอยู่ตามทุ่งไหลลงมา ซึ่งมีปริมาณรวมถึงร้อยละ ๘๓.๓ ของน้ำที่ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ แล้วไหลสู่กรุงเทพฯและปริมณฑลไปรวมกับมวลน้ำที่ยังค้างอยู่ตามไร่นา จากสภาวะน้ำท่วมพื้นที่ภาคกลาง ตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. – ก.ย. ทำให้มวลน้ำที่หลากเข้าสู่กรุงเทพฯ ยังคงมีปริมาณมาก นอกจากนี้แล้ว  เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ยังช่วยเก็บกักน้ำปริมาณจำนวนมากไว้ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. เพื่อบรรเทาสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งแม้ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำทั้งสองเขื่อนมากถึง ๑๐,๙๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร   แต่มีการระบายน้ำออกรวมกันเพียง ๔,๙๑๕ ล้านลูกบาศก์เมตร  โดยได้เก็บกักน้ำไว้รวมทั้งสิ้น ๖,๐๒๕ ล้านลูกบาศก์เมตร   ซึ่งหากปริมาณน้ำจำนวนนี้ไม่ได้ถูกเก็บกักไว้ในเขื่อนทั้งสอง จะส่งผลกระทบต่อภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางมากขึ้น อย่างไรก็ดี มวลน้ำที่ระบายออกจากเขื่อนทั้งสองจะใช้เวลาเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณ ๒ สัปดาห์ จึงไม่ส่งผลต่อมวลน้ำก้อนใหญ่ที่โอบล้อมกรุงเทพฯ อยู่ขณะนี้ ประกอบกับน้ำจากพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบนก็กำลังมีปริมาณที่ลดลงเป็นลำดับ  < จากคุณ : เด็กอันดับบ๊วย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 16:00:26

ความคิดเห็นที่ 11 หมดแล้วค่ะ ก็เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณานะคะ เชิญผู้รู้วิจารณ์กันต่อค่ะ ขอรอเก็บข้อมูล ปล.ข้างบนแก้ font ยังไงดีอ่ะคะ ตัวเล็กนิดเดียว จากคุณ : เด็กอันดับบ๊วย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 16:05:17

ความคิดเห็นที่ 12 ช่วยเพิ่มข้อมูลให้ครับ :D จากคุณ : LogiEng เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 16:10:53

ความคิดเห็นที่ 13 ดูกราฟพิจารณาเองก็แล้วกันครับ ++++++ ให้ดูตั้งแต่เดือน กรกฏาคม 53 ไปจนถึงสิ้นปี 53 ดูจำนวนน้ำ และดูว่าพายุเข้าไทยตอนไหน จากคุณ : เทวดาน้อย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 16:49:26

ความคิดเห็นที่ 14 เหตุการณ์สงบแล้ว อยากให้ตั้งคณะกรรมการหาข้อเท็จจริง และเชิญผู้เชื่ยวชาญด้าน ชลประทานจากต่างประเทศ สักห้าประเทศ มาตรวจสอบข้อมูลเพื่อจะได้เป็นกลางไม่หาว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง งานนี้ผมกระทบต่อผู้คนมาก ค่าเสียหายสูงมาก จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 16:50:51

ความคิดเห็นที่ 15 555 หาเรื่องให้เขื่อนโดนด่าอีกแว้ววววว เดือนเมษาน่ะ มีน้ำตั้งครึ่งความจุแล้วนะครับ  น้อยที่ไหน เทียบกับปีก่อนหน้าดูนะครับ ผมถามจริงๆนะครับว่าคนบริหารน้ำไม่ได้ดูเหรอครับว่าตั้งแต่ 1 กย. ของทุกปี  มีน้ำเข้าเขื่อนมากขนาดไหน ขอย้ำว่าทุกปีครับ  ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะขาดน้ำ ส่วนไฟฟ้าที่ผลิตได้  ถ้ามันน้อยมาก  ไม่มีผลกับระบบ   ปีต่อไปก็ลดปริมาณน้ำในส่วนที่จะเก็บไว้ผลิตไฟฟ้าลงทิ้งให้เขื่อนว่างไว้เป็น Buffer กันน้ำท่วมดีไหมครับ แต่หากการใช้น้ำเพื่อการเกษตร + อุปโภค ไม่มีการจัดการให้มีประสิทธิภาพ  แล้วบอกว่าต้องสำรองน้ำปริมาณมหาศาล  ผมว่าขาดเหตุผลครับ เพราะเท่าที่ทราบมา  น้ำที่ถูกนำไปใช้จริงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของน้ำที่เขื่อนปล่อย  จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 16:59:44

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าอย่างนี้   แสดงว่า เกณฑ์ควบคุมระดับน้ำ   ไม่เหมาะสม   ต้องปรับแก้ไข การทำเกณฑ์ ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริง  ว่า ระยะเวลาน้ำท่วมมักเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ด้วย พฤติกรรมของฝนที่ตกในประเทศไทย  จะตกมากในเดือนกันยายน จนท ที่จัดทำ เกณฑ์ควบคุม ต้องพิจารณา ทำใหม่ ของเดิม ใช้ไม่ดี ไม่ว่ากัน แต่ไม่ควรให้มีปัญหาอีก จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 17:59:53

ความคิดเห็นที่ 17 0จิงอะ จากคุณ : varitpum2 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 19:05:35

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเข้าใจว่าน้ำที่มีอยู่เพียงครึ่งอ่าง แปลว่า มีอยู่น้อยแล้วนะครับ (เท่าที่อ่านจากรายงานของกฝผ) และคิดดูง่ายๆ ว่าเรามีน้ำเพียงครึ่งขวด มันก็ไม่ได้มากมายเกินกว่าปกติ แต่ถ้าเทียบจากปีก่อนหน้า ถ้าถามตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็ต้องถามว่า แล้วปีก่อนหน้าเป็นมาตรฐานที่อ้างอิงได้แค่ไหนครับ เพราะหากปีก่อนหน้าน้ำมันแล้งจัดมีแค่สิบยี่สิบหรือน้อยกว่านั้น มันก็ไม่ใช่ต่ามาตรฐานที่น่าเชื่อถือซักเท่าไหร่ครับ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 19:37:14

ความคิดเห็นที่ 19 และในทางกลับกันหากปีต่อๆ ไปน้ำแล้งจนเราขาดน้ำเหมือนเมื่อหลายปีที่ผ่านมาอีก แปลว่าเขื่อนไม่กักเก็บน้ำไว้ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีน้ำเกือบร้อยเปอร์เซนต์ใช่หรือไม่ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 19:38:31

ความคิดเห็นที่ 20 หน่วยงานไหนทำ "เกณฑ์ควบคุมระดับน้ำ" ใช้อะไรเป็นมาตราฐานครับ  คือถ้าดูจากกราฟก็แปลว่า แพะ คือ "เกณฑ์ควบคุมระดับน้ำ" ใช่ไหม๊ครับ จากคุณ : maxjom เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 19:42:19

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วถ้าต้นปีหน้า กรมชลประกาศ วิบัติภัยแล้ง ...........ผมต้องทำอย่างไรดี จากคุณ : Miodabby เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 20:05:20

ความคิดเห็นที่ 22 น้ำท่วมปีนี้น่ะเหรอ หึหึหึ " รู้อยู่แก่ใจ " จากคุณ : ALIVE THE PROJECT เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 20:12:27

ความคิดเห็นที่ 23 ก็เห็นๆอยู่ว่าเขื่อนไม่พอในการจุน้ำแล้ว ทั้งเพื่อการเกษตรและกันน้ำท่วม ให้ใครไปทำหน้าที่กำกัับก็มีปัญหา(มากน้อยแต่มีแน่ๆ) วางแผนอื่นเหอะ เช่นเรื่องการระบายน้ำ ทำยังไงให้ระบายออกทะเลได้สัก 10000ลบ.ม/วิ ถ้าไปถกประเด็นนั้นเจอ matrixการเมืองเปล่าๆ เค้าให้เปิด เค้าให้ปิด เค้าให้กั้น เค้าบอกไม่ท่วม เค้าบอกปล่อยมาแล้ว เค้าวางแผนไว้แล้วว่ายอมแพ้เลือกตั้ง เค้าวางยา คิดไปสมองไม่ได้พัฒนา แถมไม่ได้มีทางออกให้คนรุ่นต่อไป จากคุณ : @VVIEWW เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 21:02:47 A:58.64.64.79 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 24 ช่วงต้นปีมีประกาศ 13 จว. เขตภัยพิบัติแล้งวิกฤต ห้ามทำนารอบ2 แสดงว่าการคาดคะเนน้ำของทางราชการแย่มากๆ http://www.isranews.org/community-news/แวดวงเครือข่าย/item/1299-2011-02-21-06-06-10.html จากคุณ : ซุนกวน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 23:07:52

ความคิดเห็นที่ 25 เหมือนๆ พยายามจะบอกว่า ปี 53 รัฐบาลดูแลให้ประเทศมีน้ำไ่ม่พอใช้ ใช่รึเปล่าคะ เพราะเท่าที่ดู กราฟเขื่อนสิริกิตต์ เหมือนจะบอกว่า น้ำต่ำกว่าระดับที่ควรจะต่ำเกือบจะทั้งปีเลย จากคุณ : hispeedxxgirl เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 23:09:15

ความคิดเห็นที่ 26 ขอร่วมแชร์กร๊าฟด้วยคน... แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 00:24:00 จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 23:10:19

ความคิดเห็นที่ 27 เอากร๊าฟปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล  ในปีที่น้ำท่วมหนัก ๓๘, ๔๙  และ๕๔ มาให้ดูกัน แล้วช่วยกันวิเคราะห์หน่อย...ว่าทำไมถึงได้คล้ายกันได้ขนาดนี้ คนที่เชื่อว่า...น้ำท่วมหนักครั้งนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง...หรือมีความผิดพลาดในการกักเก็บ-การปล่อยน้ำของเขื่อน...และพยายามหาคนมารับผิดชอบคิดอย่างไรกับกร๊าฟนี้?       แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 00:31:07 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 00:28:55 จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 54 23:37:01

ความคิดเห็นที่ 28 ปูเสื่้อ จากคุณ : xnone เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 00:21:53

ความคิดเห็นที่ 29 ต้มน้ำรอ จากคุณ : น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 00:24:31

ความคิดเห็นที่ 30 แกะซองมาม่ารอ จากคุณ : ตุ่มโบ๊ะ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 00:36:08

ความคิดเห็นที่ 31 ขอออกความเห็นนิดนึง ปริมาณน้ำทั้ง 2 เขื่อน ถ้ามันไม่แตกตูมลงมาทีเดียวผมว่ามันไม่พอให้น้ำท่วมหรอกครับ ต่อให้เก็บเต็มความจุถ้าปีต่อไปฝนไม่ตกมันก็แล้งเพราะปริมาณน้ำมันไม่พอใช้ น้ำหมื่น-สองหมื่นลุกบาศเมตรถ้าแบ่งให้ไหลทั้งปีก็มีนิดเดียว จากคุณ : .... เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 00:43:18 A:171.4.120.188 X: TicketID:270953

ความคิดเห็นที่ 32 ภาพตามความเห็นที่ ๑๓ ชัดเจนครับว่าปี ๕๓ ระดับน้ำต่ำถึง ๒๑๕ เมตร (lower rule curve 235) แล้วยังเกิดอุทกภัย แล้วยังตัดสินใจดื้อแพ่งยึดถือ lower rule curve เดิม เอาเถอะ จะเจตนาหรือไม่ มันแก้อดีตไม่ได้แล้ว วันนี้ คำถามสำคัญ ๒ ข้อ คือ หนึ่ง คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ จะชดเชยความเสียหาย ให้แก่ประชาชน โรงงานอุตสาหกรรม บริษัทประกันภัย อย่างไร และ สอง ปีหน้า จะมีการปรับ lower rule curve หรือไม่ อย่างไร ในเมื่อก่อให้เกิดหายนะชัดเจนติดต่อกันมาถึง ๒ ปี ขนาดนี้ และข้าราชการอนุกรรมการกลุ่มนี้ สมควรได้รับโทษทัณฑ์ อย่างไรหรือไม่ ทั้งทางแพ่ง และทางอาญา หรือจะอ้างหมู่บ้านจัดสรร, โลกร้อน, ตัดไม้ทำลายป่า เอาตัวรอดไปเหมือนที่ผ่านมา จากคุณ : song (songrit) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 00:55:55

ความคิดเห็นที่ 33 อันนี้เป็นคลิปจากสำนักข่าว DNN  (สื่อเสื้อแดง) ให้สังเกตุกราฟที่เค้านำเสนอให้ดีๆ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 00:58:00 จากคุณ : Timberz Hazard เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 00:56:08

ความคิดเห็นที่ 34 กราฟแสดงการกักเก็บน้ำในเขื่อนภูมิพล จากคลิปด้านบน (สำนักข่าว DNN) จากคุณ : Timberz Hazard เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 01:01:16

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าอนุกรรมการกลุ่มนี้รอดไปได้จากการก่อกรรมทำเข็ญในปีนี้ เป็นที่แน่นอนว่าพวกนี้ต้องทำกันอีก เพราะพวกนี้ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากน้ำท่วม ทั้งเงินบริจาค งบกลาง งบฉุกเฉิน โครงการซ่อมสร้างอีกมาก จบงานนี้ แล้วลองตั้งคณะกรรมการสอบเถิดครับ จะได้สังคายนาระเบียบการตั้ง rule curve ให้มันโปร่งใส ไม่ใช่มุบมิบทำกันไม่กี่คน พอประชุมก็เอาข้อมูลเทคนิคอัดๆหน่วยงานอื่น แล้วก็สรุปเข้าทางของตัวเอง จากคุณ : songrit เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 01:01:59

ความคิดเห็นที่ 36 กราฟจากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) thaiwater.net จากคุณ : Timberz Hazard เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 01:04:54

ความคิดเห็นที่ 37 ที่นี้มีคนสงสัย  เลยลองเข้ากราฟ 2 อันมาวางซ้อนกัน ผลเป็นอย่างที่เห็น ด้วยสายตาตัวคุณเอง  ใครบิดเบือนใคร ???? ใครเป็นคนตกแต่งข้อมูลใส่ร้ายผู้อื่น  เพื่อหวังผลทางการเมือง  ???? กราฟในปี 52 และ ปี 53 แทบจะอยู่ในแนวเดียวกัน แต่กราฟในปี 54  มีการตกแต่งกราฟ ?? ตัดสินด้วยสายตาคุณเอง แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 01:08:37 จากคุณ : Timberz Hazard เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 01:07:01

ความคิดเห็นที่ 38 พิรุธอีกอย่างคือ ตุลาคมปี ๕๓ ระดับน้ำอยู่ที่ ๙ กิ๊ก ยังต่ำกว่า upper rule curve แต่มีการสั่งปล่อยน้ำออกมาท่วมภาคกลางอย่างน่าฉงนนานช่วงปลายปี ๕๓ ปล่อยจนน้ำแห้งถึงขนาด ปภ ขอประกาศภัยแล้ง ๔๐ จังหวัด ช่วงต้นปี แต่นายกอภิสิทธิ์ไม่ยอม ช่วงก่อนเลือกตั้งใหญ่ ไม่ทราบว่ามีนัยอย่างไรหรือไม่ จากคุณ : songrit เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 01:11:29

ความคิดเห็นที่ 39 พึงเห็นรูปความเห็น ๓๖ ปี 2009 สีเขียว น้ำไม่ท่วม ระดับน้ำมากกว่าปี 2010 สีน้ำเงิน ซึ่งน้ำท่วมภาคกลางอย่างหนัก ส่วนปีนี้ จะเห็นว่า เขื่อนรับน้ำขึ้นไปจนเต็มที่ ๑๓ กิ๊ก จึงปล่อยลงมาท่วม นี่แหละครับ ที่ผมเกรงว่าน้ำท่วมปีนี้ เพราะมีผู้ได้รับผลประโยชน์มากมายจากปี ๕๓ จนเกิดการ "ติดใจ" ทำกันอีกรอบในปี ๕๔ แต่ฝนหนักกว่าที่คาดไว้ ก็เลยกลายเป็นหายนะ ถ้าพวกนี้ลอยนวลไปได้อีก ก็จะทำอีกแน่นอน จากคุณ : songrit เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 01:28:07

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านไม่เข้าใจ ใครใจดีช่วยอธิบายที แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 01:44:48 จากคุณ : I Need Someone And Always เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 01:44:11

ความคิดเห็นที่ 41 ผมไม่รู้ใครทำอะไร แต่เวลามีคนสงสัยมักมีกระทู้แก่ต่างออกมาเสมอๆ และมักมีข้อมูลที่ประชาชนอย่างเราหาไม่ได้ง่ายๆแน่นอน ซึ่งหมายความว่าเขารู้ได้หาได้จากไหน ทำงานที่หน่วยงานนั้นๆหรือหาได้ตามเนททั่วไป ฮ่าๆๆ แค่นี้ก็น่าจะคิดกันได้แล้วนะครับว่าประเทศไทยว่าการเมืองเราควรจะต้องสนใจหรือปล่อยๆไปเหมือนเดิม จากคุณ : กบินทร์บุรี เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 06:28:57

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้าคิดว่าเขากักน้ำไว้เยอะ ก็ช่วยกันคิดไว้เผื่อปีหน้าด้วยนะ ว่าถ้าเกิดมันแล้งจะทำยังไง หรือไม่ต้องปลูกข้าวเลยดี จะได้พอใช้ จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 06:36:20 A:223.207.32.233 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 43 ที่เห็นก็มีแต่วิเคราะห์น้ำเทียบจากปีก่อนๆ แต่ไม่เห็นมีใครวิเคราะห์เลยว่า การใช้น้ำแต่ปีของคนไทยใช้ไปเท่าใหร่ ที่เก็บๆมาปีก่อนๆมันพอหรือเปล่า อีสานเวลาแล้งมันก็แล้งอุบาตจริงๆ น้ำน้อยก็ไปตุงแถวภาคกลางหมด อีสานแล้งจะเป็นจะตาย กลัวคนเมืองน้ำหมดมาก พอน้ำเยอะก็กันไว้กลัวคนเมืองน้ำท่วมอีก คนบนๆก็ซวยก่อน จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 06:51:28 A:223.207.32.233 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 44 หากมีการ ตัดแต่งกราฟทำให้เข้าใจผิด มันไม่น่าให้อภัย... แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 06:55:23 จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 06:53:54

ความคิดเห็นที่ 45 ใครทำอะไรยังไง ก็ดูกันเองครับ จากคุณ : ใครทำอะไร ดูออกยัง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 07:06:53 A:203.144.224.1 X: TicketID:329295

ความคิดเห็นที่ 46 ... ดูกันครับว่าใครบิดเบือน http://www.picza.net/show.php?id=vPlIvZlxOv จากคุณ : ชัดมั้ย เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 07:14:30 A:203.144.224.1 X: TicketID:329295

ความคิดเห็นที่ 48 เลวจริงๆ มีการตัดแต่งกราฟ ให้คนเข้าใจผิดแบบนี้ การเอากราฟมาเทียบกับปีทีแล้งมันไม่แฟร์เท่าไหร่ ลองเอามาเทียบกับปี 2006 ดีกว่าปริมาณน้ำกักเก็บ ใกล้เคียงกัน จะได้เห็นว่าปี 2006 เขาทำยังไงถึงไม่หายนะแบบนี้ เ จากคุณ : Dr.jakz7 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 08:07:30

ความคิดเห็นที่ 49 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11205664/X11205664.html เคยมีคนถกเรื่องนี้กันไป เอามาให้ดูครับ จากคุณ : ชื่อนี้ไม่ซ้ำใครแล้วมั้ง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 08:30:41

ความคิดเห็นที่ 50 ประเด็นใหม่ คือ การหาคนผิด และมีคนหวังผลอะไรจากเหตครั้งนี้ลองพิจรณาดู จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 08:36:27

ความคิดเห็นที่ 51 ^^ ข้างบน มนุษย์ ต่าง จากสัตว์ อื่น ตรงที่เรียนรู้ และ พัฒนาครับ หากเรา ไม่รู้จักเรียนรู้ว่า อะไรดี ไม่ดี ผิดพลาดตรงไหน เพื่อนำไปแก้ไข   ต่อไปเราจะบอกลูกบอกหลานอย่างไร หรือคุณจะให้เราสอนลูกสอนหลานว่า น้ำท่วม มันเป็นกรรม แต่ชาติปางก่อน ลูก ชาตินี้ เราต้องหมั่นทำความดี ใส่บาตร ทำบุญ เยอะๆ น้ำจะได้ไม่ท่วม ลูก หรอ... ประเด็นน้ำท่วม ได้อย่างไร ประเด็นหนึ่ง ประเด็นบริหาร จัดการกับน้ำท่วม  อย่างไร อีกประเด็นหนึ่ง จากคุณ : ชื่อนี้ไม่ซ้ำใครแล้วมั้ง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 08:58:37

ความคิดเห็นที่ 52 อ้าว แล้วผม พูดผิดตรงไหนก็ในเมื่อต้องมาหาคนผิด เพื่อแก้ไขที่เหต ไม่ใช่ให้คนแต่งข้อมูลผิดๆ เพื่อมาหาคนผิด จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 09:39:15

ความคิดเห็นที่ 53 ง่ายๆ ครับ  ถ้าคุณคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง  ทำไม.... รบ.ทักษิณ 1 รบ.ทักษิณ 2 รบ.สมัคร 1 รบ.สมชาย 1 ไม่เจอปัญหานี้? มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเมืองเลยครับ  พายุล้วนๆ ครับ  ซึ่งพายุขนาดนี้ ต่อให้น้ำแห้ทั้งเขื่อนอยู่แล้ว ก็ท่วมอยู่ดี เพราะพายุฝน ไม่ได้ "เลือก"  ที่จะตกเฉพาะเหนือเขื่อน  มันตกไปทุกที่  โดยเฉพาะท้ายเขื่อน จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 10:54:11

ความคิดเห็นที่ 54 เอ่อ ดูกราฟที่ แดง เค้าเอาไปออกสื่อเค้า เทียบกับกราฟกราฟจากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) แล้ว ไม่สึกอะไรเลยรึ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 11:19:19

ความคิดเห็นที่ 55 นี่อ่านที่กฟผ.ชี้แจงไม่เข้าใจกันเหรอ เราว่าก็มีเหตุผลน่าเชื่อได้อยู่ สรุปคือ เขาควบคุมน้ำตามcurve ปี53มันเกิดภัยแล้วต้องปล่อยน้ำออกต่ำกว่าlower แต่ปี54 มันมีพายุเข้า น้ำมามากแบบ40ปีไม่เคยเจอ   มีอีกกระทู้หนึ่งที่ถกกันเหมือนกัน ขี้เกียจพิมพ์ซ้ำ ตามลิ้งต์ไปอ่านที่ กฟผ.ชี้แจงได้ ตัวหนังสืออ่านง่ายกว่า http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11270889/X11270889.html เรื่องนี้ไม่น่าจะเข้าการเมืองได้ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 11:20:38

ความคิดเห็นที่ 56 เราสงสัยพวกแดงจริงๆ อ่านเข้าใจกันหรือเปล่า ตรรกะ การวิเคราะห์ความคิดมันยังไง เอาเฉพาะเรื่องนี้นะ ไม่นับเรื่องแถอื่นหรือพาลเกเรอื่นๆ  คือจะสรุปว่าน้ำท่วมเนื่องจากใครสั่งก็ตามแต่ว่าเขื่อนกักน้ำไว้มากว่างั้นใช่ไหม  อันนี้ยังไม่พูดถึงการบริหารจัดการเมื่อตอนท่วมแล้วด้วยนะ ดูจากcurve ของที่เขาชี้แจงไม่ใช่ทีวีแดง  ทั้งสองเขื่อน สมมติพยายามไม่กักน้ำไว้ให้เกินupper curve คือมันเป็นแค่buffer stock ช่วยได้แค่ประมาณ 4000 ล.ลบ.ม.เท่านั้น แล้วน้ำมันมาเท่าไหร่ที่ท่วมเต็มทุ่งอยู่อะ มันไม่น่าจะเป็นเรื่องกักน้ำหรอกแต่มันปล่อยไม่ได้เพราะมมันเริ่มท่วมแล้ว  พอกักไว้พายุมาอีก อันนี้จำเป็นต้องปล่อยแล้ว ท่วมก็ปล่อยดีกว่าเขื่อนแตกจะยิ่งกว่าท่วมอีก จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 11:38:58

ความคิดเห็นที่ 57 เขร้...มีใบสั่ง  ไห้ท่วมไปถึงกัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์เรย   ซึโก๊ยยย คิดได้ -*- จากคุณ : nokun เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 11:46:19

ความคิดเห็นที่ 58 นั่น สินะ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 11:49:52

ความคิดเห็นที่ 59 กราฟคนละตัวกันครับปริมานน้ำในอ่าง กับปริมาณน้ำใช้ได้ ปริมาณน้ำใช้ได้ต้องเอาปริมาณน้ำในอ่างลบเกณต่ำสุด จากคุณ : ป้อมบ้านโป่ง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 11:52:42

ความคิดเห็นที่ 60 กราฟของสำนักข่าว DNN กับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ใครมั่ว? จากคุณ : aumstar เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 12:04:07

ความคิดเห็นที่ 61 ผมเกรงใจห้องนี้ที่เป็นห้องวิทยาศาสตร์ เลยไม่อยากให้ข้อมูลทางการเมือง พยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายปรากฏการณ์ในครั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต แต่ต้องขออนุญาตให้ข้อมูลว่า รมว.เกษตร ปี ๕๓ กับ รมว. เกษตร ปี ๕๔ นั้นเป็นคนเดียวกัน เพราะฉะนั้น มันไม่เกี่ยวกับเสื้อสีไหนแล้วครับ มันเป็นทีมงานเก่า ที่ทำมาหากินกับเรื่องน้ำๆ แบบนี้ เป็น business model ไปแบบหนึ่งแล้ว ประเทศเวียดนาม เขมร ลาว เขาโดนพายุเข้าเหมือนเราทุกประการ และรุนแรงกว่า เพราะพายุในโซน west pacific จะมีทิศทางจากตะวันออกไปตะวันตก เขาเคลียร์น้ำหมดไปตั้งนานแล้ว ทั้งๆ ที่ infrastructure ก็ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ไม่มีแก๊งวางยาไว้ตอนต้นปีแบบเรา จากคุณ : songrit เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 12:06:26

ความคิดเห็นที่ 62 ผมก็ยังพูดคำเดิม พวกที่ว่าวางยาๆ พอไห้หาข้อมูลรองรับพวกนี้จะหามาไม่ได้หรอก ใช้ความเชื่อล้วนๆ ไม่อยากจะว่าพวกนี้โง่นะ แต่คิดไม่รอบด้าน มองแค่มุมเดียว จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 12:16:36 A:223.207.32.233 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 63 ขอกราฟ "การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนฯ ปี ๒๕๕๔" หน่อยสิครับ แบบที่โพสใน คห.๑ เพื่อแสดงปริมาณน้ำไหลเข้า/ระบาย ตามช่วงเวลาของปีนี้ด้วย อีกจุดหนึ่ง คือ ไม่ควรแสดงข้อมูลเฉพาะปริมาณน้ำสะสม (ระดับน้ำในเขื่อน) เท่านั้น เพราะไม่ได้แสดงประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อน อย่างกราฟใน คห.๒ กับ ๖ แสดงข้อมูลแค่ว่าปริมาณน้ำสะสมขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุด สปิลเวย์ทำงาน ต้องทำการระบายน้ำออกเพื่อรองรับปริมาณน้ำเขื่อนก้อนใหม่ ฯ แต่การแสดงความสามารถในการบริหารจัดการน้ำ ต้องเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนกว่านี้ พอขาดข้อมูลสถิติของปริมาณน้ำไหลเข้า/ระบายออกของเขื่อนทั้งสอง ...ที่ตั้งกระทู้ว่า "ข้อเท็จจริง เรื่อง การระบายน้ำของเขื่อนฯ " จึงรู้สึกไม่สมบูรณ์น่ะ ส่วนตัวผม อยากเห็นข้อมูลที่ครบถ้วนเสียก่อน ถึงอยากวิเคราะห์ต่อไปไกลๆ ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปสำหรับตัวเอง รู้สึกเห็นใจคนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าครับ อ่อ ผมไม่ได้ต่อว่า จขกท นะครับ แค่เห็นข้อมูลที่ออกมาแบบไม่สมบูรณ์ พอดีไม่ชอบการนำเสนอข้อมูลแบบครึ่งๆ กลางๆ ให้คนฟังจินตนาการต่อเอง ก็เลยอดแสดงความคิดเห็นไม่ได้ จากคุณ : tomimoto เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 12:17:58

ความคิดเห็นที่ 64 จากกราฟใน คห.36  เส้นสีแดง ผมขอบอกว่าถ้าเขื่อนรักษาระดับน้ำไว้ที่ 6000 - 7000 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่ต้นเดือน พค. 54   จนถึงวันที่ 1 กย. 54 ค่อยเริ่มเก็บน้ำ ช่วง พค. ถึง กย. 54 อย่าบอกว่าไม่มีจังหวะปล่อยน้ำนะครับ จริงอยู่มีพายุเข้ามาบ้าง  แต่ก็มีจังหวะและโอกาสที่จะระบายน้ำได้ เข้าใจว่าอยากเก็บน้ำไว้มากๆ  กับประมาทว่ายังมีที่ว่างในเขื่อนอีกมากเลยใส่ใจไม่พอครับ น้ำจะไม่ท่วมวินาศสันตะโรขนาดนี้ครับ จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 12:31:20

ความคิดเห็นที่ 65 ผมอ่านความเห็นที่ ๕๕ และตามไปดูลิงค์แล้ว หลายคนจำผิดเรื่องภัยแล้งครับ และส่วนใหญ่ลืมเรื่องน้ำท่วมปี ๕๓ ไปแล้ว แต่ประเด็นนี้ละครับที่โยงมาถึงน้ำท่วมปี ๕๔ เรื่องจริงที่เกิดคือปี ๕๓ น้ำท่วมหนักช่วงตุลาคม - ธันวาคมในเขตภาคกลาง แต่ไม่ท่วมกรุงเทพ หลายคนอาจลืมกันไปแล้ว หลังจากนั้นช่วงมกราคม - กุมภาพันธ์ จึงเกิดภัยแล้ง ติดต่อกันทันที สาเหตุก็ตามที่ผมเรียนไว้นะครับ เป็นการปล่อยน้ำที่อยู่สูงกว่า lower rule นิดเดียวถล่มระยะสั้นๆ ให้ท่วมภาคกลางตอนปลายปี ๕๓ มีการประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วม ๑๒ จังหวัด ปล่อยจนน้ำต่ำกว่า lower rule curve จนน้ำขาดช่วงต้นปี ๕๔ ปภ. ขยับจะประกาศเขตภัยภิบัติภัยแล้ง ๔๐ จังหวัด แต่นายกอภิสิทธิ์ไม่ยอม การประกาศเขตเหล่านี้ หรือออก พรก. ฉุกเฉิน มีผลในการปรับระเบียบงบประมาณ สามารถนำเงินสะสม หรืองบกลางออกมาใช้จ่ายได้คล่องขึ้นครับ จากนั้นก็ใช้เรื่องภัยแล้งต้นปี ๕๔ อ้างเหตุผลความจำเป็นออกคำสั่งอนุฯ ลงวันที่ ๙ พค. ๕๔ ให้กักเก็บน้ำยาวต่อเนื่องจนเป็นที่มาของน้ำท่วม ๕๔ นี่ละครับ ที่น่ากลัวคือ ถ้าพวกนี้อ้างเหตุเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติแล้วหลุดรอดกระบวนการยุติธรรมไปได้ ก็จะทำอีก หรือกลุ่มอื่นที่เข้ามามีอำนาจในกระทรวงฯ ก็จะใช้โมเดลนี้ ทำมาหากินบนความเดือดร้อนของประชาชนสืบต่อไป จากคุณ : songrit เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 12:33:10

ความคิดเห็นที่ 66 ผมไปไล่ดูกระทู้เก่าๆ จนเจอข้อมูลที่ต้องการของเขื่อนภูมิพล http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11205664/X11205664.html ตามกราฟใน คห.๑๗-๑๘ (ถ้าไม่บิดเบือน) เป็นข้อมูลของหนึ่งเขื่อน แต่อยู่ตอนบน ผมลองคิดต่อไปอีกว่า ถ้าหากทุกเขื่อนมีการบริหารจัดการน้ำแบบนี้ เหมือนกันหมด จึงไม่แปลกที่ความรุนแรงของอุทกภัยปีนี้จะทวีมากขึ้น จากคุณ : tomimoto เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 12:45:21

ความคิดเห็นที่ 67 ดูกราฟแล้วไม่เข้าใจเลยค่ะ (ตกเลข) ขอคำอธิบายจัดหนักได้มั้ยคะ??? จากคุณ : saturn_eyes เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 13:00:36

ความคิดเห็นที่ 68 เอามาเทียบให้เห็นชัดๆ (ให้ดูเส้นสีแดง ซึ่งก็คือปริมาณน้ำในปี 2011) กราฟด้านบนถูกสื่อบิดเบือนเพื่อโทษรัฐบาลชุดที่แล้วโดยการขยับช่วงกราฟที่มีปริมาณน้ำเยอะไปทางซ้าย 2 เดือน ส่วนด้านล่างเป็นกราฟของจริงจาก http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/egat_graph1.php แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 14:35:48 จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 13:55:30

ความคิดเห็นที่ 69 พวกข่าวติดสีก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วล่ะ เรื่องอะไรมันก็บิดไปใช้โจมตีกันหมดนะแหละ อย่าเอามาลงให้รกกระทู้สาระเลย ไม่ใช้ของแปลกใหม่อะไรด้วย จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 14:10:43 A:125.25.83.160 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 70 รบกวนคห. 68 อ่านคห.นี้อีกรอบค่ะ ความคิดเห็นที่ 59 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน กราฟคนละตัวกันครับปริมานน้ำในอ่าง กับปริมาณน้ำใช้ได้ ปริมาณน้ำใช้ได้ต้องเอาปริมาณน้ำในอ่างลบเกณต่ำสุด จากคุณ : ป้อมบ้านโป่ง จากคุณ : muupan68 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 15:20:53

ความคิดเห็นที่ 71 ต่อให้ลบ กราฟก็ต้องขยับทุกเส้น ไม่ใช่เส้นที่เป็นสีแดงเท่านั้น จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 15:24:24

ความคิดเห็นที่ 72 สงสัยวิธีการกำหนดเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวบน(Upper Rule Curve)ที่บอกว่า " จะทำหน้าที่บอกให้ทราบว่า หากเก็บน้ำไว้สูงกว่าระดับนี้จะมีความเสี่ยงเรื่อง น้ำล้นเขื่อนจนอาจต้องเปิดประตูระบายน้ำล้น (Spillway)" ว่ากำหนดความน่าจะเป็นของความเสี่ยงไว้ที่กี่ % หากกำหนดไว้ที่ % สูงมากๆ ก็คงไม่เหมาะ ตัวอย่างเช่น หากกำหนดไว้ที่ 90% ก็แปลว่ามีโอกาส 90% ที่จะต้องเปิด Spillway ซึ่งถือว่าโอกาสสูงมากๆ การบริหารจัดการก็ควรจะทำยังไงก็ได้ไม่ให้"เข้าใกล้" Upper Rule Curve แม้แต่น้อย   ถึงแม้ว่ากำหนดไว้ที่ 50% ก็น่ากลัวอยู่ดีครับ คิดดูว่ามีคนมาบอกว่า 50-50 น้ำจะล้นเขื่อน.. ผมก็หนาวๆ แล้วละครับ จากคุณ : naipui เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:07:04

ความคิดเห็นที่ 73 ในแง่การสื่อสารมวลชน สื่อไม่ควรบิดเบือนนะครับ เพราะสื่อมวลชน ควรจะต้องมีจรรยาบรรณของสื่อ อันนี้ ผมพูดรวม ๆ ครับ อย่างบ้านเรา อย่างน้อย ๆ ผู้สื่อข่าวออกมาอ่านข่าว ก็ควรจะมีใบประกาศเป็นอย่างน้อย ๆ และสื่อสารมวลชนที่ดี ต้องรู้ว่า กำลังข้อเท็จจริงมาให้มวลชนรับทราบข้อเท็จจริง และถ้าเป็นเรื่องที่เป็นประเด็นที่มีข้อมูลหลายด้าน ควรจะนำข้อมูลทุกด้านมาให้ทราบ เราเคยได้ยินคำว่า เหรียญสองด้าน ดังนั้น อย่างน้อย ๆจะต้องมีดีมีเลวบ้าง ก็ต้องนำเสนอ และแน่นอน การนำเสนอใด ที่ก่อให้เกิดการแตกแยกของสังคม ก็ควรจะให้ข้อคิด หรือใช้วิจารณญานว่า ควรนำเสนอหรือไม่ มันมีทฤษฎี ผมจำไม่ได้ รู้สึกว่าจะชื่อทฤษฎีเข็มฉีดยา คือ สื่อจะมีสารเยอะมากเข้ามา เขาจะเป็นคนเลือกนำเสนอ แต่จะต้องนำเสนอให้ถูกต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย ครับ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:29:00

ความคิดเห็นที่ 74 เหอะๆๆ ชัดเจนครับ.. จากคุณ : เราวันต่อวัน เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:32:34

ความคิดเห็นที่ 75 ผมว่าน่าจะมีข้อมูลเรื่องคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ตัดสินใจกักน้ำหรือปล่อยน้ำมาประกอบเรื่องราวด้วย เพราะถ้าการกักน้ำนั้น เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ คือปีก่อน ๆ น้ำอยู่ระดับนี้ก็ตัดสินใจแบบนี้ มันก็ต้องมองไปข้างหน้า หาทางแก้ไขว่าที่เคยทำกันมานั้น มีข้อผิดพลาดอย่างไร ความปรับเปลี่ยนอย่างไรให้เสี่ยงน้อยลง แต่ถ้าหากว่า ปีนี้การตัดสินใจของคณะอนุกรรมการฯ มีการบิดเบือนจากธรรมเนียมปฏิบัติ มันก็ต้องมีคนรับผิดชอบ จะรัฐบาลไหนก็ตาม (หรือทั้งสองรัฐบาลเลย) จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:32:41

ความคิดเห็นที่ 76 มันจะวางยงวางยาอะไรกัน ก่อนเลือกตั้ง เห็นพี่มาร์คกับพี่ห้อยมันใจเหลือเกินว่าจะได้อยู่ต่อ ใครมันจะคิดวางยาตัวเอง อ่อน .... ไม่ไหวนอนลงไป จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:40:02

ความคิดเห็นที่ 77 รู้สึกว่ากระทู้ออกทะเล สมมติว่าลืมเรื่องสื่อเสื้อแดงบิดเบือนไป ใครอยากดราม่าไป ดราม่ากระทู้อื่นต่อ แตกกระทู้ออกไปสิครับ สงสัยว่าตั้งแต่ เมษา ถึง ต้นสิงหา เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงระบายน้ำออกไปน้อยกว่าเดิมมาก แน่นอนถ้าเราลืมประเด็นการเมืองออกไป มีอะไรอธิบายได้ เพราะทั้งๆ ที่ ปริมาณน้ำมากขึ้น จนถึงในระดับที่(ผมคิดเอง) ว่าน่าจะพอใจได้แล้วมั้ง ในเดือน มิถุนายน กลับมีน้ำปล่อยออกมาน้อยมาก จนมาเริ่มปล่อยช่วงสิงหา ผมว่ายังไงก็ตาม curve มีปัญหาแล้วล่ะ หน่วยงานต้องไปตรวจสอบแล้วแหละว่าที่ผ่านมาเกณฑ์มันใช้ได้หรือ ก็เห็นมันต่ำกว่า lower limit ของคุณตลอดนิ ประเด็นคือ ผมว่าปัญหามันอยู่ช่วงเดือน เมษาถึงสิงหามากกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่มีการปล่อยน้ำออกมาทั้งๆ ที่น้ำก็มากกว่าปีเดิมๆ จากคุณ : de prince of darkness เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 17:23:49

ความคิดเห็นที่ 78 .... จากคุณ : aumstar เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 17:27:38

ความคิดเห็นที่ 79 สาเหตุที่ระบายน้ำออกจากเขื่อนได้ไม่มาก...ช่วง มิ.ย. ถึง ส.ค.   อย่าลืมว่าเราเจอพายุ ๕ ลูก ในช่วงเวลา ๓ - ๔ เดือนนี้ และนี่คือข่าวน้ำท่วมจากพายุลูกแรก...โซนร้อนไหหม่าในช่วง มิ.ย. - ก.ค. วันที่ 22 มิถุนายน 2554 พายุโซนร้อน “ไหหม่า” (Haima) ในทะเลจีนใต้ตอนบน เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเหนือเกาะไหหลำ ทางตอนใต้ของประเทศจีน ในวันที่ 23 มิถุนายน 2554 ต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน 2554 ศูนย์กลางของพายุอยู่บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ห่างไปทางทิศตะวันออกของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ประมาณ 250 กิโลเมตร หลังจากนั้นได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกและขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม โดยพายุมีกำลังอ่อนลงเป็นลำดับ ต่อมาในวันที่ 25 มิถุนายน 2554 พายุดีเปรสชั่น “ไหหม่า” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศลาว หรืออยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือของจังหวัดหนองคายประมาณ 180 กิโลเมตร ได้เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ โดยในวันที่ 26 มิถุนายน 2554 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชั่น “ไหหม่า” ได้ปกคลุมบริเวณจังหวัดน่าน ทำให้ภาคเหนือมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 18:48:28 จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 18:35:56

ความคิดเห็นที่ 80 และนี่คือผลกระทบจากพายุลูกที่ ๒ ที่เข้ามาในช่วง ก.ค. - ส.ค. พายุโซนร้อน "นกเตน" "ปภ." เผยอิทธิพลพายุนกเตนทำคนไทยเสียชีวิต 20 ราย สูญหาย 1 คน ระบุอีก 16 จังหวัดสถานการณ์น้ำยังน่าห่วง หลังมีเพียง 4 จังหวัดเพิ่งคลี่คลาย "อุตุฯ" เตือนเหนือ-อีสานมีฝนตกหนักช่วง 1-2 วันนี้ "อยุธยา" วิกฤติ ผู้ว่าฯ ประกาศ 3 อำเภอเขตภัยพิบัติ จ่อเพิ่มอีก 5 อำเภอจันทร์นี้ ด้าน "ฮ.ช่อง 3" เสียวลงจอดฉุกเฉิน กทม.ริมฝั่งปริ่มน้ำแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศในประเทศไทยว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมอยู่บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจายและมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคเหนือตอนบนและด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระยะ 1-2 วันนี้   กรมอุตุฯ ระบุว่า ในช่วงวันที่ 7-11 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ประกอบกับจะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศพม่า ลาว และเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันสูง 1-2 เมตร หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. ร่องมรสุมนี้จะอ่อนกำลังลง แต่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนอยู่ในเกณฑ์เป็นแห่งถึงกระจายในระยะนี้  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานผลกระทบจากอิทธิพลพายุนกเตนว่า ได้เกิดอุทกภัยใน 20 จังหวัด แต่ขณะนี้มี 4 จังหวัด คือ จ.น่าน เลย หนองคาย และประจวบคีรีขันธ์ ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ส่วนอีก 16 จังหวัดยังคงน่าเป็นห่วง ได้แก่ จ.แพร่ สุโขทัย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ นครพนม อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร และเพชรบูรณ์  โดยมีผู้เสียชีวิต 20 ราย สูญหาย 1 ราย ข่าวจากไทยโพสต์ จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 18:51:35

ความคิดเห็นที่ 81 บางคนอาจจะสงสัยและถามย้อนไปว่า...แล้วทำไมไม่ระบายในช่วงเดือน มี.ค.- มิ.ย. ให้เยอะๆ ตอนที่พายุยังไม่เข้า ตอนที่น้ำยังไม่ท่วมล่ะ จะเก็บน้ำไว้ทำไม นั่นคงเป็นเพราะ...ระดับน้ำในเขื่อนยังอยู่ต่ำกว่า "ระดับต่ำสุดที่ควรจะเป็น" อยู่แล้ว  จึงไม่มีความจำเป็นอะไรต้องระบายน้ำให้เยอะมากมายในช่วง มี.ค. - มิ.ย. กร๊าฟนี่แสดงให้เห็นว่าระดับน้ำในเขื่อนภูมิพล ปี ๕๔ (เส้นสีแดง) ในช่วงต้นปี ๕๔   จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 19:05:25

ความคิดเห็นที่ 82 ถ้าคุณเปรียบเทียบกับปีที่น้ำไม่ได้ท่วมหนัก แน่นอนว่า...ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลปีนี้  จะแปลกแตกต่างไม่เหมือนปีอื่น ดังนี้... จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 19:12:01

ความคิดเห็นที่ 83 แต่ถ้าคุณเปรียบเทียบกับปีที่น้ำท่วมหนักมาก...มากจนหลายคนเอ่ยถึงอยู่บ่อย เช่น ปี ๓๘ และปี ๔๙ คุณจะเห็นว่า...ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลปีนี้  ไม่ได้แปลกแตกต่างไปจากปีที่น้ำท่วมหนักปีอื่นๆ เลย แล้วยังจะมาคิดว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง มีใครวางยาใครกันอยู่อีกเหรอ... นี่กร๊าฟน้ำในเขื่อน ปี ๓๘, ๔๙ และ ๕๔ จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 19:15:45

ความคิดเห็นที่ 84 และจากกร๊าฟข้างบน... พวกเราต้องขอบคุณคนที่จัดการน้ำในเขื่อนภูมิพลด้วยซ้ำ... ...ที่เขื่อนเก็บน้ำไว้น้อยกว่าปี ๓๘ และ ๔๙ เพราะถ้าเก็บไว้มากกว่านี้ในช่วงต้นปี...แล้วมาเจอพายุ ๕ ลูกเข้าไป  คงได้เละกันกว่านี้แน่ๆ ด้วยความเคารพ.   จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 19:19:27

ความคิดเห็นที่ 85 ผมว่าที่น้ำท่วมเนี้ย ฝนตกท้ายเขื่อนก็เป็นข้อมูลที่สำคัญมากนะครับ ทำให้เขื่อนไม่สามารถระบายน้ำออกมาซ้ำเติม พท.ท้ายเขื่อนได้ จากคุณ : หางแหลม เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 19:42:36

ความคิดเห็นที่ 86 เรื่อง lower rule curve ล่ะครับ ปกติแล้วปีที่ผ่านๆ มา มันอยู่ใน curve นี้หรือครับ เท่าที่สังเกตดูมันไม่อยู่นิครับ ปีที่ผ่านๆ มา สรุปแล้วคิดว่า curve นี้ใช้ได้รึเปล่าครับ จากคุณ : de prince of darkness เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 20:23:34

ความคิดเห็นที่ 87 เอ่อ ส่วนหนึ่งของนำ้ำท่วม ก้มาจาก น้ำลายชาวหว้ากอน่แหละ จากคุณ : หนูหงอย เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 20:30:39

ความคิดเห็นที่ 88 ยังมีบางสี จะลากเรื่องไปอีกทางให้ได้แฮ่ะ ถึงขนาดเอากราฟบิดเบือนมาหากินกันเลยทีเดียว เฮ้อ !! เสียดายกระทู้ดี ๆ อีกแล้ว แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 20:34:03 จากคุณ : masueoh เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 20:31:17

ความคิดเห็นที่ 89 เชื่อมั้ยครับว่ายังไงก็ตั้งกรรมการสอบสวนไม่ได้ เพราะอะไรหรือ ผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายระบายน้ำ คือกรมชลประทานครับ ภายใต้กระทรวงเกษตร ซึ่งต้นปีในรัฐบาลที่แล้วอยู่ภายใต้การคุมของ นาย ธีระ วงศ์สมุทร คุ้นๆชื่อนี้มั้ยครับ ใช่ครับคนปัจจุบันนี้แหละตอนนี้เค้าก็ยังคุมกระทรวงเดิม เอ๊ะหรือว่า กฟผ.ไม่ยอมระบายน้ำตามกรมชลสั่งนะ เป็นไปได้มั้ย กฟผ.รัฐบาลที่แล้วอยู่ภายใต้กระทรวงพลังงานโดยมี นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล เป็น รมต. เอ๊ะคุ้นๆอีกแล้ว อ๋อตอนนี้เค้าเป็นรมต.กระทรวงอุตสาหกรรม นั่นเอง กระทรวงที่อ่วมแน่ๆเพราะนิคมอุตสาหกรรม โดนไปแล้ว 6 นิคม ผมถามด้วยคอมมอนเซ็นส์เลย ถ้าสมัยรัฐบาลที่แล้วเกิดการวางยาขึ้น คิดว่าคนเหล่านี้จะทราบหรือไม่ ผมว่าเค้าต้องรู้เรื่องเลย เหตุใดเค้าไม่ออกมาพูด และหากเค้ามีความคิดที่จะเปลี่ยนสีอยู่แล้ว เหตุใดเค้าต้องวางยากระทรวงตัวเองครับ เพราะทุกวันนี้ ก็โดนด่ากันอยู่ ข่าว DNN เสนอมาโดยอ้างแต่ว่าเกิดขึ้นรัฐบาลใครแต่กล้าอ้างมั้ยหล่ะครับว่าใครคือคนรับผิดชอบจริงๆ ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่ามีการวางยาใดๆหรอก มันก็แค่ต้นปีเราแล้งกว่าปรกติ กฟผ.เลยเริ่มกักน้ำไว้ เมื่อพายุเข้า จะปล่อยก็ไม่ได้เพราะพท.ล่างเขื่อนท่วมอยู่มันก็เท่านั้น การวางยาเค้าจะรู้ได้อย่างไรว่าปีนี้ฝนมันจะตกมาเป็นพิเศษ (ซึ่งก็มากจริงๆ ) วางยาอย่างไรถึงท่วมกันได้ทั้งภูมิภาคครับ วางยาอย่างไรถึงสั่งพายุลงได้ 4 ลูกติด ภัยธรรมชาติก็คือภัยธรรมชาติผมไม่เคยคิดว่าน้ำท่วมครั้งนี้จะเป็นความผิดใคร หรือเกิดจากใครครับ ผมไม่แปลกใจเลยที่รัฐบาลแทบไม่เคยพูดโบ้ยอย่างเป็นทางการ ทั้งๆที่ปรกติจะทำแต่กลับใช้สื่อตัวเองตีกลับ และรัฐบาลจะไม่กล้าเอาเรื่องนี้โยนในการอภิปรายด้วยเพราะมันเข้าตัวเองล้วนๆ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 22:57:58 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 21:15:52 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 21:10:08 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 21:07:40 จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 21:05:40

ความคิดเห็นที่ 90 ต่อ อีกนิด(ขอการเมืองนิดแต่มาแบบไม่ด่าใครครับ) ถึงแม้ว่า นายกจะเป็นของปชป. แต่การบริหารแต่ละกระทรวงก็ยังคงอยู่ในโควต้าของแต่ละพรรค การสั่งให้เก็บน้ำทั้งๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะล้นนั้น ยังไงรมต.เกษตร ก็ต้องทราบแต่ทำไมยังจะปล่อยหล่ะ ถ้ามีการวางยาเกิดขึ้นแสดงว่าปชป. ต้องยอมรับสภาพแล้วว่าถึงอย่างไรก็แพ้การเลือกตั้ง (ความจริงก็คือ ณ เวลานั้นปชป.ยังหวังว่าจะตั้งรัฐบาลได้ถ้าเพื่อไทย ได้ไม่ถึงครึ่งโดยการช่วยของพรรคเล็ก) การวางยาลักษณะนี้เสี่ยงมาก แถมหลังจากแพ้การเลือกการเลือกตั้งแล้ว หากมีการวางยาจริงเมื่อชาติพัฒนา เปลี่ยนไปเข้าร่วมรัฐบาลย่อมรู้อยู่เต็มอกว่าทั้งสองกระทรวงนี้ถูกวางยามาเรียบร้อยแล้ว เหตุใดจึงไปรับเผือกร้อน โดยการขอคุม 2 กระทรวงนี้ สรุปว่าผมไม่คิดว่าใครรู้หรอกครับว่ามันจะท่วม ภัยธรรมชาติคือภัยธรรมชาติอย่าคิดมาก จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 21:32:19

ความคิดเห็นที่ 91 เห็นด้วยกับ คห 90 อย่างแรง ภัยธรรมชาติ ก็คือภัยธรรมชาติ แต่สื่อที่พยายามบิดเบื้อน โยนให้คนอื่น นี่น่าเกลียดที่สุด แต่สื่อที่พยายามบิดเบื้อน โยนให้คนอื่น นี่น่าเกลียดที่สุด แต่สื่อที่พยายามบิดเบื้อน โยนให้คนอื่น นี่น่าเกลียดที่สุด จากคุณ : skawin เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 22:10:11

ความคิดเห็นที่ 93 จะโดนด่าไหมเนี่ย ข้อมูลที่เอามานั่งดูกันเนี่ยมันเป้นข้อมูลที่เป็นข้อมูลแท้ๆ 100% เลยไหมอ่ะครับ ไม่ใช่โดนแต่งตัวเลขมาเรียบร้อย ตาม ทษฤีสมคบคิด จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 22:34:30

ความคิดเห็นที่ 94 ดูกราฟมันก็ไม่บอกอะไรหรอกครับ มันบอกแค่ว่า ต่ำสุดและมากสุดที่เคยเก็บ ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่บอกว่าเหมาะสม หรือเป็นปริมาณกักเก็บที่พอเหมาะ สรุปคือ ถ้าดูจากกราฟสรุปได้แค่ว่า ปริมาณกักเก็บน้ำ ปีนี้มากกว่าปีก่อนๆ เท่านั้นเอง ผมว่าถ้าจะละเอียดจริงมันต้องไล่ย้อนถึงเรื่องเกษตรกรรม และอุทกภัยของปีก่อนๆ มาประกอบกันด้วย จากคุณ : โพธารามน่าอยู่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 23:33:34 A:61.7.182.115 X: TicketID:336062

ความคิดเห็นที่ 95 จะด่าเค้าทำไมเนี่ย หาวิธีพยากรณ์อากาศให้มันแม่น ๆ ดีกว่า ถ้าพยากรณ์แม่นแล้ว ยังพลาดค่อยมาด่า จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 23:40:49

ความคิดเห็นที่ 96 http://water.egat.co.th/old-web/sumdam-rep/dam-bb/graph-bb.htm เพื่อการดูปัจจัยอื่นครับ เผื่อใครจะอยากลองวิเคราะห์เองบ้าง จากคุณ : freeek!!! เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 00:18:08

ความคิดเห็นที่ 97 http://www.dwr.go.th/waterboard/report_meeting18_2554.pdf อันนี้ประกอบการคิดครับ.. เมื่อกลางปี ประเทศไทย แล้ง 50 จังหวัดครับ จากคุณ : freeek!!! เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 00:26:35

ความคิดเห็นที่ 98 มาตามข้อเท็จจริง ก็เข้าใจอะไรมากขึ้น จากคุณ : credor เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 00:30:18

ความคิดเห็นที่ 99 น้ำมาจากเหนือเขื่อนแล้วไหลเข้าเขื่อน เขื่อนเก็บน้ำก็ถูกแล้ว มันเข้าใจยากตรงไหน ที่หากฝนตกเหนือเขื่อนมากๆ น้ำก็ไหลเข้าเขื่อนมาก แต่หากมันตกเหนือเขื่อนอย่างเดียวก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะปล่อยน้ำได้สบายอยู่แล้ว แต่ปัญหามันตกใต้เขื่อนด้วย แล้วมันตกจนท่วมในพื้นที่ใต้เขื่อน หากจะเก็บก็มาเพิ่ม หากจะปล่อยก็ซ้ำเติมที่ท่วมอยู่แล้ว เท่าที่เห็นพวกคุณพูดแต่สองเขื่อน แต่ไม่พูดถึงแม่น้ำอีกสองสายที่ไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่รับรอง จะแก้ไขยังไงไม่ให้น้ำไหลลงมาเร็วเกินไป มากเกินไป และไหลทิ้งแบบไร้ประโยชน์ ทีนี้มันไม่ได้ตกแต่เหนือเขื่อนอย่างเดียวมันตกใต้เืขื่อนด้วย แล้วที่ว่าฝนปีนี้มากกว่าปกตินิดหน่อย แต่น่าจะมองให้ออกสักนิดว่า ตกมากกว่าปกตินิดหน่อยมันตกพื้นที่ไหนเป็นส่วนใหญ่ มันตกในพื้นที่เดิมๆ ซ้ำๆๆๆๆๆเข้าไป จนน้ำมันก็ยกตัวขึ้นสูงขึ้นๆ ก็เริ่มไหลเข้าเอ่อล้นไปทั่ว แล้วจะทำยังไง เอารถดับเพลิงไปสูบน้ำแล้วขับไปทิ้งทะเลไหม ก็คงไม่ไหว ข้อมูลส่วนใหญ่นะ ไม่ต้องใช้ข้อมูลสถิติอะไรเลย มองด้วยตาเปล่า อ่านข่าว ดูข่าว ติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองก็น่าจะรู้ น่าจะเห็นได้ง่ายๆ ขอบคุณ จากคุณ : คอฟฟี่เมต เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 01:39:14 A:223.204.78.201 X: TicketID:336579

ความคิดเห็นที่ 100 หลังจากที่หมอไม่อยากทำงานในโรงพยาบาลของรัฐ เพราะเสี่ยงที่จะโดนคนไข้ฟ้องร้องแล้ว  (แต่ส่วนใหญ่ก็แค่คนไข้ในท้องถิ่น) ต่อไปคนคงไม่อยากทำงานกรมชลประทาน  เพราะเสี่ยงที่จะโดนคนฟ้อง โดยกลุ่มคนนั้นคือประชากรมากกว่าครึ่งประเทศ จากคุณ : rujipars (rujipars_a) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 06:55:48

ความคิดเห็นที่ 101 อันนี้ ของเขื่อนสิริกิติ์ ครับ http://water.egat.co.th/old-web/sumdam-rep/dam-sk/graph-sk.htm หมายเหตุ แม่น้ำเจ้าพระยา รับน้ำมาจากเขื่อนสิริกิติ์เยอะที่สุดใน บรรดา แควต่างๆที่มาเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาเด้อ จากคุณ : ข้อมูลอีกด้าน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 07:48:37 A:115.67.107.15 X: TicketID:336015

ความคิดเห็นที่ 102 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11205664/X11205664.html http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11238716/X11238716.html จากคุณ : บัตรผ่านด้อยสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 07:57:03 A:115.67.107.15 X: TicketID:336015

ความคิดเห็นที่ 103 คห 68 จงใจตัดคำอธิบายกราฟหรือเปล่าครับ ถ้าเอามามันจะชัดเจนเลยว่ากราฟคนละตัว จากคุณ : devil amature2 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 09:07:19 A:171.98.84.120 X: TicketID:321081

ความคิดเห็นที่ 104 กฝผ ควรจะฟ้องร้องผู้ทำกราฟบิดเบือน หรือหาความจริงกับเรื่องนี้เหมือนกันนะครับ จะได้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะสร้างความแตกแยกเหลือเกิน แต่อย่างว่า กฝผ ก็อยู่ใต้การกำกับของนักการเมือง เฮ้อ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 09:25:27

ความคิดเห็นที่ 105 ทำกราฟราชการบิดเบือน ประชาชน สร้างความแตกแยก รับโทษอะไรอะครับ ใช่โทษกบฎ ประหาร7ชั่วโครตเปล่า จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:25:24

ความคิดเห็นที่ 106 กราฟมันตลกจริงๆ  ของปีก่อนแทบจะตรงกันเป๊ะๆ ถ้าจำไม่ผิด ปริมาณน้ำใช้งานได้มันไม่ใช่กราฟแบบ DNN ด้วยนิ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 10:46:58 จากคุณ : A... เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:41:19

ความคิดเห็นที่ 108 ครับข่าวลือคือข่าวลือ ผมไม่เคย เอามาเป็นเนื้อหาต่อประเด็นนี้(น้ำปีนี้) เพราะคนผลิตเน้นผลทางการเมือง แต่เงื่อนไขคือถึงตรงนี้การนำเสนอมุมนี้แค่นี้ แล้วเอาไปสรุปภาพรวมต่อปัญหาน้ำ แค่มิติเขื่อนมันกระพรี้ของปัญหามาก(แม้น้ำมาจากต้นน้ำตรงนี้ผ่านการบริหารจัดการแบบเขื่อน) แต่ตัวแปรนี้มันคือตัวแปร เมื่อหลายสิบปี ปัยหาคือเราไม่มีเครื่องมืออื่นๆ ที่จะตอบโจทย์ปัญหาน้ำภาคเรียลไทม์เลย(ที่มีเครืองมือนี้มันหลายสิบปีแล้ว) การที่จะไป วิเคราะหืผ่านตัวแปรนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว(แม้จะคือตัวแปรสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญกว่kนั้นมหาศาล คือเครื่องมือบริหารจัดการน้ำแบบใหม่ที่คือตัวแปรปัญหาน้ำปีนี้ถึง80%) นั้นคือ ขาระบายน้ำ(เรามีแต่ขากันน้ำ(เขื่อนกระสอบทราย) และขาชลอน้ำ(แก้มลิง) แต่ขาระบายที่คือสามก้อนเส้าหลักของเครื่องมือบริหาจัการน้ำเมืองไทม่ไม่มี และไม่คิดเพิ่มเลย(เพราะกับดักทางความคิดจากโครงสร้างอำนาจการตัดสินใจเรื่องนี้ตรงนั้น) ผมเห็นอดีต อธิบ่ดีกรมชลฯ(ในรายการดิเทเรเจ้นท์ช่องว้อยทีวีที่คุณตวงพรฯ เป็นพิธีการเมื่อคืน ผมไม่แปลกใจว่าทำไมปัญหาน้ำมันถึงได้วิกฤติเพราะความดักดานของคนระดับนี้(อธิบ่ดีกรมชลฯที่เป็นเจ้าภาพเกือบหลักรองรบ.ตามโครงสร้างการบริหารจัดการขณะนี้) เพราะเงื่อนไขการถุกพันธนาการไว้ด้วยกรอบความคิดที่ล้มเหลวอันเก่า แถมเจตนาเต๋าถ่วง(ใช้การบิดเบือนจากพันธนการตรงนั้นในการอารักษขาชุดความคิดที่ล้มเหลวอันนั้นแบบไม่ลืมหุลืมตาจนขาดภาวะวิสัยหรือตรงไปตรวมาตามหลักวิชาการ) ข้อมูลน้ำของท่าน"ปราโมทย์ ไม้กลัด"(ขอให้ฉายาว่า "ลาโคตร ไม้ดัด"เพราะเจตนาแบบเต๋าถ่วงตามโครงสร้างอำนาจแบบปชตไม้ดัด) เมื่อคืนในรายการ ผมยอมรับว่าฐานข้อมูลเชื่อถือได้ แต่กรอบความคิดและวิสัยทัศน์การบริหารจัดการน้ำ นี่เอาส้งทีนคิดได้บัดซบจริงๆ คือเจตนาบิดเบือน หลายๆเรื่อง แม้แต่เรื่องจริงบางเรื่องเช่น กรณี บรรหารหรือการเมืองต่อเรื่องบริหารจัดการน้ำปีนี้(ถ้าไม่เชื่อว่ามีคลานมาหาผมผมประสบการณ์ตรงว่ามันแกล้งกันอย่างไรที่สุดถ่มน้ำลายรดฟ้าโดนตัวเองอย่างไรเพราะมักง่ายซกม๊กและสกปรกทางความมักง่ายที่มีปืนในมือ) และ เงื่อนไขน้ำกรณีพายุฯ ก็นำเสนอแบบ ไม่ตรงแบบเจตนาเต๋าถ่วง เพราะน้ำปีนี้ แม้จะมีข่าวพายุเข้าหลายลุก แต่ใจไม่เคยเจอพายุสักลูก(แบบเต็มๆที่เรียกอย่างเต็มปากตามหลักวิชาการว่าพายุเลยสักลูก) เป็นแค่หางหรือฝนความกดอากาศ แม้เงื่อนไขฝนที่เกิดจากหย่อมความกดฯแบบที่พายุสลายตัวบางที จะให้น้ำฝนเยอะกว่าพายุ หรือใกล้เคียงพายุ แต่การที่เป็นนักวิชาการ ควรนำเสนออย่างตรงไปตรงมาอย่างมีภาวะวิสัยกว่าสนี้ เอาแค่ตรงนี้ยังหมกเม็ด แล้วเรื่องอื่นๆที่บิดเบือนหลายเรื่อง(คือถ้ามีเวลา ใครไปเอารายละเอียดในรายการมาผมจะจับเท็จได้แทบทุกซ็อตว่าเจตนาเต๋าถวงทางวิชาการอย่างไร คือสรุปง่ายๆว่าท่าน"ลาโคตระ ไม้ดัดนี้" คือตัวถ่วงการบริหารจัดเการน้ำ ทั้งระบบเพราะมาจากสำนักคิด นวกงเต๋าถ่วง  เจตนามาอารักษขาชุดความคิดที่ดักดานอันนั้น โดยไม่นำเสนอ บนภาวะวิสัยหรือตรงไปตรงมาตามหลักวิชาการ(ผมเชื่อว่าระดับนี้คงมีไม่ใช่ขี้ๆแน่นอนแต่เจตนาเต๋าถ่วงปัญหาเพื่ออารักษขาเรื่องนั้นไว้) ขอต่อข้อความต่อไปกลัวยาว? จากคุณ : อะตอม (ขอชื่ออะตอม) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:49:21

ความคิดเห็นที่ 109 ครับเคยตอบไว้ในนี้ กรณีที่พุดถึงต้นแบบการบริหารจัดการน้ำของผมที่คุยไว้ในห้องนี้(กทม.น้ำไม่ท่วมฯ) http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11212054/X11212054.html และห้องประชาคม(เลิกอุดฯ) http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U11125496/U11125496.html และนี่ http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U11160773/U11160773.html แต่ คุณ"ลาโคตร ไม้ดัด" ชี้แจงจากบทสัมภาษณ์ ในว้อยทีวีต่อคุณตวงพรฯ เมื่อคืน สรุปคร่าวๆคือเงื่อนไขที่การบริหารจัดการน้ำที่มันล้มเหลวตอนนี้แบบนี้ ขณะนี้คือบทสรุป ในวิธีคิดเขาหรือชุดความคิดแบบที่เขานำเสนอเมื่อคืน (เพราะเจตนาเต๋าถ่วงบิดเบือนดีสเครดิตรข้อเสนอผมเพื่ออารักษขาชุดความคิดที่ล้มเหลวดักดานอันเก่า) เช่นกรณีข้อเสนอ วอร์เตอร์เวย์น้ำที่ทำด้วยการสร้างถนนมอร์เตอร์เวย์ขนาบสองข้างเราจะได้ทางด่วนน้ำ ในลักษณะ คล้ายๆฟลัสเวย์ ไม่ใช่เจ้าพระยาสอง(เน้น) เพราะ คุณปราโมทย์ ไปเอาโจทย์เจ้าพระยาสองมาคิดเพื่อดีสเครดิตรข้อเสนอผม เพราะตรงนั้นมันจะมหาศาลมากในการสร้างทางวิศวะกรรม แทบเป็นไปไม่ได้? ที่มันคนละเรื่องกับข้อเสนอผม คือการ สร้างแนวถนนขนาบ ทางด่วนน้ำ บนหลักคิดแบบฟลัสเวย์ ไม่ใช่เจ้าพระยาสอง เพราะเจ้าพระยาสองการสร้างร่องน้ำลึกระดับเจ้าพระยาเดิมมันแทบเป็นไปไม่ได้? แต่ถ้าไปยกสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มาสร้างกับดักทางความคิดให้กับการบริหารจัดการน้ำตามกรอบเก่าๆ มันจึงฟังแบบเก่าๆ ว่าเป็นไปไม่ได้?  แต่จริง ๆท่านคนนี้เคยแสนอแนวคิดเรื่องฟลัสเวย์(ในหน้าสื่อแบบฟันกลางวันไม่ใช่ฟลัสเวย์เพราะน้ำปีนี้หันหลังให้) และฟลัสเวย์คือต้นแบบในหลักคิดข้อเสนอผมตามแนวนั้น(ตามลิ้งก์ข้างบน) นั้นคือ ฟลัสเวย์ ปีนี้ที่เรายกมาอ้างมันไม่ได้ผลเพราะ มันไม่มีคันบังคับน้ำหรือหางเสือให้น้ำ คือมันปล่อย แบบลามทุ่งมา แบบขาดหางเสือคันบังคับน้ำ ให้มัน(แต่ตเนนแบบผมคือคันบังคับน้ำคือแนวถนนขบาบ แม่น้ำสองข้าง) เพื่อสร้างต้นแบบทางด่วนน้ำตามหลักคิดฟลัสเวย์ไม่ใช่เจ้าพระยาสอง แนวคิดแบบนี้มันคนล่ะเรื่องกับแนวคิดเจ้าพระยาสอง(ที่เป้นไปได้ทางวิศวะกรรมยาก) เพราะน้ำ ปีนี้ตามโจทย์นี้ ขนาดไม่ใช่ร่องน้ำแบบเจ้าพระยา ถนนสูงระดับวิภาฯ,วงแหวน,พหลฯ สูงระดับนั้นมันยังไปได้?  ดังนั้นแนวคิดที่ว่าต้องใช้ร่องน้ำลึกน้ำจึงจะไป มันไม่ใช่ท่านปราโทย์ (ลาโคตระ) แต่ถ้าปล่อยฟลัสเวย์แบบที่ทำปีนี้(แนวตะวันออกที่ล้มเหลวเพราะมันไม่มีคันบังคับน้ำตามต้นแบบผมไปเสริม น้ำมันไปแล้วลามทุ่งลงมา มันจึงตีย้อนศรเข้ากทม. หรือบังคับให้เขาใส่แพมเพิร์ท(แอพซอร์พให้น้ำตามแนวคิดแก้มลิงตามแนวคลอง)ที่น้ำมันท้องเสียระดับนั้นมันจึงขี้แตกก่อนราดลงมาทางวิภาฯ,พหล ไม่ไปตามแนวฟลัสเวย์ที่ออกแบบไว้) คือแนวฟลัสเวย์ปีนี้ จริงมันคือแนวคิดเพ้อเจ้อของคนวางแผน ที่คิดแทนน้ำเขา แต่น้ำมันตอบตรงๆจะจะว่าเขาขอขี้ราดหัวคนคิดดีกว่า? (ลงวิภาฯเข้าพหลฯ)ไม่ไปตามมันว่า(ฟลัสเวย์)แนวตะวันออกที่แห้งสนิทตอนนี้ เอาง่ายๆแนวตะวันตกที่บังคับน้ำมาแบบนั้น ที่ไม่ใช่แม้แต่เป็นแนวฟลัสเวย์เลยตรงนั้นแบบนั้น(มันเจตนาให้ระบายออกทางผิวหนังแต่แนวทวารที่สุพรรณไม่ให้ไป ขนาดนั้นน้ำมันยังมาได้แบบอ่วมๆ กระอีกกระอ่วม และระบายยาก(เพราะบังคับให้ออกทางผิวหนัง) ขนาดนั้นน้ำยังไปได้ นับประสาอะไรแนวคิดต้นแบบผม แค่ทำถนนขนาบทางด่วนน้ำ สองข้าง เพราะเอาแค่ดินตรงนั้นในการขุดมาทำถนนสองข้างขนาบกัน มันก้ได้ร่องน้ำระดับหนึ่งที่เปิดทางน้ำได้กว่าพลัสเวย์ที่เล่าเป็นนิทานหลอกเด็กหลอกคนไทยปีนี้ หลายเท่า แนวทางด่วนน้ำนั้นคือแนวการรกะจายมวลน้ำตั้งแต่กลางน้ำคือเหนือเขื่อนเขจ้าพระยาตามต้นแบบข้างบน เราจะใช้ประโยชน์สองทางนั้นคือ ทางด่วนน้ำประสิทธิภาพระดับหรือเหนือกว่าเจ้าพระยาสองสาย นั้นคือแนวตะวันตก ตามแนวเดิมที่ไปสุพรรณ และแนวตะวันออกไปบางประกง สุมมติน้ำปีไหนไม่มา เอาแค่ถนนหรือประโยชน์เชิงลอจีส เพื่อสนับสนุนนิคมตะวันออกตะวันตก มันก็มหาคุ้มแล้ว แต่เงื่อนไขคือได้ใช้ทุกปีแน่ๆ เพราะน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี เช่นที่บางบาน ใครบอกว่าไม่ได้ใช้เพราะเงื่อนไขตรงนั้นโดนทุกปีไม่ว่าน้ำมากน้ำน้อย ดังนั้นข้อโต้แย้งผมของคุณประโทย์ จึงเป้นข้อกล่าวหาหรือแย้งแบบกลวงๆ ว่า ถ้าน้ำน้อยปีไหนเราไม่คุ้ม จึงไม่ใช่ เพราะมันต้องใช้ทุกปี และเป้นบางเวลาแต่เวลาหน้าแล้ง ก้ได้ถนนระดับชุปเปอร์ มันเกินคุ้นเทียบกับความเสียหายแบบปีนี้ไม่ใช่แค่แสนล้านตามประมาณการณืครั้งแรกแล้วมันมหาศาลกว่านั้นมากแค่ปีเดียวสร้างต้นแบบของผมได้สามสายเลย ทำไมมันจะไม่คุ้ม??? จากคุณ : อะตอม (ขอชื่ออะตอม) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:27:26

ความคิดเห็นที่ 110 ^ | | คห. 103 ไปดูกราฟในคห. 81 แล้วดูพื้นที่สีฟ้าอ่อน แล้วดูข้อความใต้กราฟ เขาเขียนไว้ว่า "ปริมาณน้ำใช้งานได้ปี 2554" แล้วกับไปเทียบกับกราฟจาก DNN เขียนว่า "ภาพแสดงน้ำที่ใช้ได้" ผมก็ยังเห็นว่า กราฟมันถูกตัดแต่งให้ชันเร็วกว่ากันอยู่ดี แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 11:33:15 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 11:33:12 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 11:32:02 จากคุณ : เอาผมไปฆ่าให้ตาย ผมก็ยังรักคุณ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:29:47

ความคิดเห็นที่ 111 สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา จากคุณ : Quail เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 13:20:00