ความคิดเห็นที่ 1 โทษคืออะไรครับ จากคุณ : CocoaChocolate เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:18:51

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นเขาว่าจะทำให้น้ำยิ่งเน่าเข้าไปอีกน่ะค่ะ เลยชักงง  จึงมาถามกูรูในห้องนี้ จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:38:53

ความคิดเห็นที่ 3 ด้วยความที่เรียนทางด้านการบำบัดน้ำมา (วิศวกรรมศาสตร์ สิ่งแวดล้อม) ผมได้ยินข่าวการร่วมกัน ปา EM BALL แล้วเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับ คณาจารย์ ภาควิชาสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันออกประกาศ ซึ่งมีเนื้อความตอนหนึ่งโดยสรุปว่า ไม่ควรใช้ "EM BALL" ในการนี้ นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังส่งเสียอีก (แม้ว่าจะไม่พูดตรงๆก็ตาม) ปัญหาคือ มันขาดออกซิเจนครับ ไม่ใช่ขาดจุลินทรีย์ http://www.eng.chula.ac.th/?q=node%2F3881 จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:40:23

ความคิดเห็นที่ 4 เชื้อประเภท Anaerobic Bacteria จะทำให้เกิด Hydrogen Sulfide จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:41:42

ความคิดเห็นที่ 5 มันเหมือนเราไม่สามารถกะปริมาณมันได้เพราะปกติเค้าใช้จุลินทรีย์พวกนี้ในการบำบัดน้ำเสีย แต่ระบบบำบัดน้ำเสียเป็นระบบปิดที่สามารถควบคุม Factor ต่าง ๆ ได้ ทำให้มันสามารถสำเร็จในการบำบัดได้ แต่ถ้าโยนลงไปในน้ำท่วมขังที่มีไม่สามารถควบคุม Factor ต่าง ๆ ได้จุลินทรีย์ที่ดีในการบำบัดอาจจะไม่มีประโยชน์แถมไปซ้ำเติมให้เพื่มปริมาณจุลินทรีย์ในน้ำอีกรึเปล่าครับ ไม่ชัวร์รอผู้รู้ท่านต่อไป จากคุณ : et009 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:42:47

ความคิดเห็นที่ 6 คือจุลินทรีย์ที่ตายก็เป็น ออแกนิก ที่ต้องบำบัดนั่นหละครับ จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:44:23

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ Starfight อยากให้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากสำนักสารนิเทศชุดนี้หน่อย เพราะมันขัดแย้งกับที่คุณกล่าวมา http://www.moph.go.th/ops/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=41408 จากคุณ : EchoMan เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:44:29

ความคิดเห็นที่ 8 บ้านผมนำ้ในบ่อปลาเน่า ใช้em. Ball. ทำไมได้ผลล่ะ จากคุณ : Pop (opside) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:46:57

ความคิดเห็นที่ 9 ปกติ เราจะใช้ จุลินทรีกลุ่มที่ไม่ใช้ออกซิเจน ในการจัดการกับกลิ่นที่เกิดจาก VOCs ครับในการบำบัด คือผมคิดว่ากรณีน้ำท่วมขังสูง (ปกติออกซิเจน จะละลายลงไปในน้ำตลอดเวลาอยู่แล้ว ละในน้ำที่ไหล จะมีการกวนผสมที่ดีกว่าจึงทำให้ออกซิเจนลงไปได้ลึกกว่า) ออกซิเจนลงไปไม่ถึงด้านล่างครับ ทำให้ออกซิเจนไม่พอ ผมไม่รู้ว่ากรมสารนิเทศได้ข้อมูลมาจากไหน แต่จากที่ผมเรียนมา และจากประกาศ ของเหล่าอ. คณะวิศวฯ จุฬาฯ ออกมา ผมคิดว่าการใช้ EM BALL ในกรณีนี้ไม่น่าจะเป็นผลดี ส่วนที่ใช้ในบ่อปลา ผมคิดว่าคงลึกไม่มากรึเปล่าครับ และน่าจะเกิดจาก organic load ที่ลงมาพร้อมกันดีเดียวหรือไม่? จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:55:59

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ใช่เชื้อ Anaerobic Bacteria ทุกตัวจะผลิต H2S นะครับ ซึ่งเชื้อที่มีใน em เป็นเชื้อ Anaerobic Bacteria ที่ดีครับ ที่สำคัญมันช่วยในการลดกลิ่นได้ดี ไม่ใช่จุลินทรีย์ก่อโรคหรือเป็นโทษต่อมนุษย์ครับ แต่ก็ไม่ได้ช่วยบำบัดให้น้ำสะอาดครับ ส่วนแนวทางที่คุณ Starfight นำมาเสนอเป็นการบำบัดน้ำเสียอีกวิธีหนึ่ง โดยเพิ่มออกซิเจนให้แบคทีเรียจำพวก aerobic ไปลด organic load ในน้ำเสียลงครับ ซึ่งจะทำให้สภาพน้ำที่ได้รับการเพิ่มออกซิเจนมีสภาพดีกว่าใช้ em ครับ แต่คิดว่าสถานการณ์ตอนนี้คนที่มีน้ำขังจนน้ำเริ่มเน่าน่าจะต้องการลดกลิ่นเน่าเสียโดยเร็วมากกว่านะครับ ดังนั้นการใช้ em น่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเรื่องกลิ่นก่อนครับ http://www.emro-asia.com/about-em/micro-organisms-in-em.html จากคุณ : edzilla (edzilla) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 10:57:11

ความคิดเห็นที่ 11 . แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 54 00:23:27 จากคุณ : Metcalf&EddY เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:00:18

ความคิดเห็นที่ 12 เท่าที่ความรู้วิทยาศาสตร์เบื้องต้นที่ผมเรียนมา เห็นว่าคุณภาพน้ำของมันมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง คือ ค่า DO , COD และ BOD แตเท่าที่ดูแล้วน้ำเน่าที่ส่งกลิ่น มันน่าจะเกิดจากผลิตภัณฑ์ที่จุลินทรีย์ปล่อยออกมาเป็นก๊าซไข่เน่า ดังนั้นผมจึงอยากทราบว่า EM Ball สามารถเพิ่มกลไกการผลิตออกซิเจนได้หรือไม่ ในปัจจัยที่น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างและน้ำไม่ไหล จากคุณ : EchoMan เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:01:00

ความคิดเห็นที่ 13 *7 เอกสารที่ให้มา ไม่ได้บอกเลยว่า Effective microorganism คืออะไร ต่างอะไรกับจุลินทรีย์ปกติ หรือได้มาอย่างไร (เผื่อพอจะเดาได้ว่ามันคืออะไร) ดังนั้นเรื่องการเติมลงไปในน้ำแล้วจะช่วยให้มันดีขึ้นตามกล่าวอ้าง ไม่สามารถบอกจริง ๆ ครับว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร (หรือจะเกิดขึ้นตามนั้นหรือไม่) ยังคอนเฟิร์มตาม 6 ครับว่า แบคทีเรียที่ตายก็จะกลายเป็นสารอินทรีย์ แต่โดยธรรมดาปรากฎการณ์ที่แบคทีเรียโตกันเยอะจนทำให้น้ำเสียนี่หายาก แต่จะเจอกับพวกสาหร่ายขนาดเล็กที่ถูกกระตุ้นการเจริญเติบโตได้โดยธาตุสารอาหาร เมื่อสาหร่ายโตมากผิดปกติจะทำให้เกิดภาวะน้ำเสียเนื่องจากสาหร่ายที่ตายกลายเป็นสารอินทรีย์ในน้ำ และทำให้ขาดออกซิเจน เราเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า Eutrophication โดยธรรมดาในเรื่องของการบำบัดน้ำเสีย จุลินทรีย์มีหน้าที่คล้ายกับตัวเร่งปฏิกิริยาครับ คือไม่ได้ทำปฏิกิริยากับของเสียในน้ำ แต่ช่วยให้การย่อยสลายมันเกิดขึ้นได้หรือเกิดเร็วขึ้น มองง่าย ๆ ในทางเคมี ปฏิกิริยาย่อยสิ่งสกปรก เป็นการออกซิเดชันสิ่งสกปรก (สารอินทรีย์) ให้เป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (แบคทีเรียได้พลังงานและคาร์บอนในการสร้างเซลล์ใหม่จากปฏิกิริยานี้) ซึ่งต้องใช้ออกซิเจนเป็นสารตั้งต้น ดังนั้นผมเห็นตามที่คณาจารย์เสนอว่า สภาวะน้ำสกปรกไม่ได้เกิดจากการขาดจุลินทรีย์ (คือที่มันเน่าเพราะมีจุลินทรีย์นั่นแหละไปเอาออกซิเจนในน้ำมาใช้ย่อยสารอินทรีย์) แต่เป็นเพราะขาดออกซิเจน เมื่อขาดออกซิเจนในน้ำ จะไปทำให้แบคทีเรียอีกกลุ่มหนึ่งคือ anaerobic bacteria ที่ไม่ใช้ออกซิเจนโตขึ้นมาแทน ซึ่งปฏิกิริยาของพวกไม่ใช้ออกซิเจนพวกนี้จะเกิด product แปลกๆที่เราไม่พึงปรารถนาเช่นพวก H2S หรือกลุ่มพวก aldehyde, ketone, amine, amide etc. ซึ่งมีกลิ่นเน่าเหม็นครับ ถ้าจะมองว่า EM Ball ทำให้น้ำสะอาดได้อย่างไร ทางที่เป็นไปได้คือมองว่า EM Ball เป็นก้อนที่มี enzyme จากแบคทีเรียเข้มข้น แต่มันก็ติดตรง enzyme ก็เป็นแค่ตัวเร่งปฏิกิริยา ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างกับของแบคทีเรียตามธรรมชาติครับ จากคุณ : Mr.December เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:04:16

ความคิดเห็นที่ 14 เดี๋ยวออกไปข้างนอกก่อนค่ะ ตอนเย็นจะกลับมาอ่านต่อนะคะ ตอนนี้อ่าน ๆ มาก็ยังสับสนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แหะ ๆ จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:05:37

ความคิดเห็นที่ 15 *10 เรื่อง EM เป็นแบคทีเรียที่ใช้กำจัดกลิ่นอันนี้น่าสนใจ อยากหา paper มาอ่านหน่อยครับ ไม่ทราบพอจะมีไหมครับ (จากลิงค์ที่ให้มาไม่มีข้อมูลเรื่องนี้เลยครับ) จากคุณ : Mr.December เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:10:52

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ คห 16 อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ ถ้าเครียดจากงาน ลองไปช่วยอาสาต่าง ๆ ดู อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจไม่หมกมุ่นกับปัญหา แล้วยังเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แม้จะนิดหน่อย แต่คนละนิด ล้านคนก็เยอะค่ะ สู้ ๆ ค่ะ จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:19:22

ความคิดเห็นที่ 18 ขออธิบายยาวนิดนึงนะครับ #8 ครับคือว่า EM เป็นกลุ่มจุลินทรย์ที่ไม่ใช้อากาศนะครับไม่ต้องกลัวมันไปแย่ง O2 ครับ #12 ครับ EM คงไม่ได้เพิ่ม O2 นะครับคือ ตัวมันไม่ลดปริมาณ O2 ในน้ำเพราะมันไม่ใช้ และเชื้อใน EM จะมีกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง อาจสร้าง O2 ได้เล็กน้อย ซึ่งคงไม่ได้ช่วยให้ระดับ O2 ในน้ำเพิ่มได้อย่างมีนัยสำคัญนะครับ #15 ครับ ผมไม่ได้อ่านจาก paper วิชาการชัดเจนนะครับ ผมอาศัยอ่านทั่วๆไป+ความรู้ที่เรียนมาประมวลได้อย่างนี้นะครับ จุลินทรย์ใน EM หลักๆ ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกเชื้อราที่มีเส้นใย (Filamentous fungi)พวกนี้มีหน้าที่หลักคือย่อยสลายนะครับ เร่งกระบวนการการย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ครับ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง (Photosynthetic microorganisms)กลุ่มนี้ใช้แสงในการสังเคราะห์อาหาร หรือ O2 (ในน้ำดำๆหรือในดินคงมีวิธีอื่นในการหาอาหารมั้งครับ) กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมัก (Fermented microorganisms)กลุ่มนี้ก็ช่วยย่อยสลายเช่นกันแต่จะใช้อาหารจากกลุ่มที่ 1 ย่อยมาแล้วมาใช้อีกที และอาจมีการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์เช่น สารปฏิชีวนะ หรือ สารอื่นๆได้เช่นกัน กลุ่ม ที่ 4 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกตรึงไนโตรเจน (Nitrogen fixing microorganisms) อันนี้ก็ดึงไนโตรเจนมาสร้างเป็นสารอินทรีย์ต่อไป กลุ่ม ที่ 5 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสร้างกรดแลคติก (Lactic acids) มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นโทษ ซึ่งกลุ่มที่ 3 กับ 5 นี้เองที่เป็นกลุ่มที่สำคัญช่วยลดปริมาณของแบคทีเรียที่ไม่ดีลงไม่ให้ผลิต ก๊าซไข่เน่า หรือกลุ่มพวก aldehyde, ketone, amine, amide etc. ตามที่คุณให้ข้อมูลไว้นะครับ ย้ำว่า "ลด" นะครับไม่ได้กำจัด ดังนั้นสัดส่วนของจุลินทรีย์ในน้ำก็จะเกิดสมดุลย์ใหม่ เช่น จากที่เคยมี จุลินทรย์ไม่ดี+ผลิตก๊าซเสีย 90 % จุลินทรย์ที่ดี 10% กลายเป็นมี จุลินทรย์ไม่ดี+ผลิตก๊าซเสีย 20 % จุลินทรย์ที่ดี 80% ก็จะทำให้ช่วยลดการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ อาจจะไม่ถึงกับหมดไปแต่น่าจะลดลงครับ จะเห็นว่าน้ำ ไม่ได้สะอาดขึ้นเท่าไรนะครับ จุลินทรีย์เหล่านี้อาจลดปริมาณสารอินทรย์ในน้ำ (organic load) หรือ อาจจะไม่ช่วยลดก็ได้ แถมในน้ำยังมีจุลินทรีย์เพิ่มขึ้นแต่เป็นการเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีครับ เพราะฉะนั้นการเติม EM ball ไม่ได้ช่วยให้คุณภาพดีขึ้น (ซักเท่าไร ในแง่ DO , COD และ BOD) แต่จะช่วยลดกลิ่นได้ไม่มากก็น้อยนะครับ (สำหรับน้ำเน่าที่ท่วมขังนะครับ จุลินทรีย์ใน EM ball ไม่ต้องการอากาศครับ) จากคุณ : edzilla เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:54:52

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อเช้านี้ที่ฟังข่าว ดูเหมือนจะสรุปเหมือนคุณ edzilla ค่ะ คือใส่เพื่อช่วยลดกลิ่นอย่างเดียว คงไม่ได้ช่วยเรื่องของคุณภาพน่ะค่ะ จากคุณ : lifley เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 12:06:28

ความคิดเห็นที่ 20 ลดกลิ่นได้ก็ โอแล้วนะ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ลองนึกดูนั่งดม กลิ่นน้ำเน่าทั้งวัน แค่คิดก็เวียนศีรษะแล้วครับ...ลด ๆ กลิ่นลงได้หน่อยก็เป็นบุญแล้วครับ จากคุณ : sambayman เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 12:12:41

ความคิดเห็นที่ 21 แบคทีเรียที่ผลิตกรดแลกติก (Lactic acid bacteria) คือ กลุ่มของแบคทีเรียแกรมบวก(gram positive bacteria) ที่สามารถหมัก น้ำตาลกลูโคส (glucose) น้ำตาลแลคโตส (lactose) ให้เกิดกรดแลคติก แล้วในน้ำเสีย มีน้ำตาลให้แบคทีเรียกลุ่มนี้เติบโตได้หรือครับ แบคทีเรียกลุ่มที่อ้างว่าดี มีประโยชน์ ผมว่ามันโตไม่ได้ในน้ำเน่าเสียนะครับ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 12:18:27

ความคิดเห็นที่ 22 ที่ไปช่วยเค้าปั้นมา คือมันจะช่วยลดกลิ่นได้อย่างเดียวครับ ไม่ได้ช่วยให้น้ำใสสะอาดขึ้น และถ้าจำไม่ผิด ใช้ปริมาณเยอะมาก ประมาณ 2-3 ลูกต่อตารางเมตรมั้ง ไม่ยืนยันจำนวน แต่นึกได้ว่ามาก ซึ่งต้องใช้กันเป็นล้านๆ ลูก (เท่าลูกเทนนิส) ทีเดียว จากคุณ : teeo79 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 12:18:50

ความคิดเห็นที่ 23 งานเลี้ยงเชื้อ ไม่ได้ง่ายขนาดที่ว่าปล่อยๆมันลงไป มันก็ขยายปริมาณได้อย่างที่เราต้องการ ขนาดในแลปควบคุมอย่างดี ระบบยังล่มได้ ประสาอะไรกับการโยนก้อนๆลงไป แล้วหวังว่ามันจะได้ตามต้องการ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 12:21:17

ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อวานที่คณะฯ ก็มาถามเรื่อง EM เหมือนกัน เพราะสื่ออยากรู้ ผมเองก็ไม่กล้าให้สัมภาษณ์อะไรเพราะไม่อยากทำลายกำลังใจคนที่กำลังประสบภัยตอนนี้ .... ถ้าใช้แล้วสบายใจกัน ก็ใช้กันไปก่อนระหว่างที่ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ละกัน จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 12:24:19

ความคิดเห็นที่ 25 คุณเถ้าลอยครับ ในน้ำเสียมี carbon source ที่สลายเป็นกลูโคสได้พอสมควรครับ แต่นอกจากกลูโคสแล้ว อาจจะมี pathway อื่นที่จะส้ราง alcohol แล้วเปลี่ยนเป็น lactic หรือ acetic ครับ ดังนั้น ใน EM ball เค้าจึงมีการใส่กากน้ำตาลกับรำข้าว เพื่อ เป็น C-source และ N-source ให้เป็นอาหารกับเชื้อเริ่มต้นก่อนครับ ให้มันไปขยายตัวพอจะไปสู้กับเชื้ออื่นๆในน้ำเน่าครับ ปล. เทียบกับการเลี้ยงเชื้อในแลปคงไม่ได้ครับ เพราะในแลปเราไม่ยอมให้เชื้ออื่นเข้ามาปนเปื้อนอย่างเด็ดขาด เชื้ออื่น contaminate ก็คือเจ๊ง(ผมก็เจ๊งมาเยอะอิอิอิ) แต่อันนี้เรียกว่าเป็นระบบการแข่งขันในสภาพแวดล้อมหนึ่งของเชื้อด้านดีกับเชื้อด้านไม่ดีมากกว่าครับ ถ้าเชื้อกลุ่มดีที่เราใส่ขยายตัวจนมากกว่ากลุ่มไม่ดีได้ก็ถือว่าโอเคแล้วครับ อย่างว่าครับมันไม่ได้การันตี 100% ว่าจะได้ผลครับ แต่คนที่น้ำท่วมขังตอนนี้คงดีกว่าไม่ทำอะไรนะครับ จากคุณ : edzilla เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 12:41:59

ความคิดเห็นที่ 26 น้ำมันปริมาณมากมายขนาดนั้น  เอาEM มันเลยแทบไม่มีผลอะไร จากคุณ : ย้ง (suanplu) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 12:51:57

ความคิดเห็นที่ 27 ไอ้หลักการของ EM ที่ว่า เชื้อที่ดี 10% มันจะไปเปลี่ยนใจ เชื้อเป็นกลาง 80% ให้มันดีได้ มันไม่มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อะไรสนับสนุนทั้งสิ้น มีแค่คนญี่ปุ่นคนหนึ่ง"แต่ง" ขึ้นมา แล้วก็ "หวัง" ว่ามันจะเป็นจริง ธรรมชาติมันไม่ได้ทำงานอย่างนั้น คนหวังว่าอะไร จุลินทรีย์มันไม่สนใจหรอก มันไม่รู้หรอกว่าพวกไหนดีต่อมนุษย์ พวกไหนเป็นโทษ มันก็หากิน ขยายพันธ์ของมันไป มีวิธีที่ดีกว่า เช่นถ้าน้ำมันนิ่ง ปูนขาวธรรมดา ช่วยได้ ไม่ก็ใช้เครื่องตีน้ำ โคตรเบื่อ Pseudoscience พวกนี้เลยจริง ใครอยากจะปั้นก็ปั้นไป แต่ความจริงก็คือความจริง จากคุณ : tiktaalik เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 12:59:45 A:58.9.99.27 X: TicketID:287399

ความคิดเห็นที่ 28 ผมคิดว่าโยน EM ลงไปในบริเวณบ้านชั้นล่างที่น้ำท่วม แล้วเปิดไดรโว่พ่นอากาศเสริมด้วย ช่วยแก้น้ำเสียในบริเวณบ้านได้ครับ แต่ถ้าโยนในที่น้ำท่วมเปิดโล่ง ผมเห็นด้วยกับหลายๆ ท่านที่ว่าเปล่าประโยชน์ครับ (แต่อาจช่วยในแง่เสริมภาพพจน์) จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 13:21:28

ความคิดเห็นที่ 29 กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกเชื้อราที่มีเส้นใย (Filamentous fungi) -- ราส่วนมากมันหลั่ง enzyme ออกมาย่อย ฉนั้นเมื่อมันถูกหลั่งออกมา มันถูกเจือจางแล้วก็ไหลไปกับน้ำ สรุป ไร้ประโยชน์ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง -- แสงส่องไม่ถึงพื้น ไร้ประโยชน์ กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมัก และอาจมีการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์เช่น สารปฏิชีวนะ หรือ สารอื่นๆ -- อย่าได้หวังว่ามันจะสร้าง antibiotic เพราะการที่เชื้อจะสร้างสารพวกนี้ได้ ต้องอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมเท่านั้น อย่างที่ lab ผม แค่เปลี่ยนอุณหภูมิที่เลี้ยงไปแค่ สององศามันก็ไม่สร้างแล้ว บางครั้งเปลี่ยนยี่ห้ออาหารที่เลี้ยงมันยังไม่สร้างเลย สรุปไร้ประโยชน์ กลุ่ม ที่ 4 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกตรึงไนโตรเจน --อันนี้เหมาะกับการเกษตรมากกว่า ผมคิดว่าในน้ำเน่าน่าจะมีไนโตรเจนเกินพอด้วยซ้ำ กลุ่ม ที่ 5 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสร้างกรดแลคติก -- กรดแลคติดมันแค่ลด pH ทำให้เชื้อบางตัวโตช้าหรือไม่โต และเราไม่มีทางลดค่า pH น้ำเน่าประมาณเยอะมากๆๆๆๆๆๆ ด้วยกรดที่เชื้อมันสร้างขึ้นได้หรอกครับ สรุปไร้ประโยชน์ สรุป ในน้ำเน่าไหลปริมาณมหาศาล EM ball ไร้ประโยชน์ ดีไม่ดีฆ่ากันเองตายหรือแห้งตายตั้งแต่เอาไปผึ่งให้แห้งแล้ว ถ้าผิดถูกอย่างไรว่ากล่าวได้ครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 15:24:11 จากคุณ : recombination เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:23:20

ความคิดเห็นที่ 30 ที่ที่ทำงานผม เคยหมักน้ำ EM กัน ผมว่า มันเหม็นนะ ดังนั้น เรื่องจะไปช่วยลดกลิ่น ผมว่าไม่น่าจะได้ผล จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:28:35

ความคิดเห็นที่ 31 EM เป็นกลุ่มของแบคทีเรียหลายๆกลุ่มรวมกันครับ ตามที่คุณedzilla  ได้กล่าวไปแล้ว ที่จริงแพร่หลายในบ้านเรา นานมาแล้ว หลักการก็คือเนื่องจากเป็นกลุ่มจุลชีพ(แบคทีเรีย + รา) ดังนั้นของเสียจากจุลชีพชนิดหนึ่งจะเป็นอาหารของจุลชีพกลุ่มต่อไปเรื่อยๆ บ้านเรานำมาใช้ในการเกษตรในการปรับปรุงดิน และใช้แทนปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช ด้านสิ่งแวดล้อมก็นำมาใช้ในการบำบัดน้ำเสีย กลิ่น    พูดถึงแง่วิชาการก็เป็นประเด็นคล้ายๆกับการปลูกยูคาลิปตัส นั่นแหละครับ มีทั้งฝ่าย Pro และ Con   ส่วนตัวแล้วจากประสบการณ์ตรง ใช้แล้วได้ผลดีครับ โดยเฉพาะการนำมาใช้ใน ห้องน้ำ ขจัดกลิ่นได้ดีมากๆ และที่เห็นจากหน่วยงานอื่นใช้ในการกำจัดกลิ่นจากน้ำชะ ขยะ ที่จริงมีหลายหน่วยงานที่นำ EM ไปใช้งานด้านสิ่งแวดล้อมแถมยังเปิดให้เป็นแหล่ง แลกเปลี่ยนเรียนรู้เช่น ระบบกำจัดขยะของเทศบาลเมืองระยอง ก็น่าสนใจ   สรุปแล้วผมเชื่อว่า EM สามารถใช้บำบัดน้ำเน่าเสียได้ผล ทั้งนี้ขึ้นกับสัดส่วนของ EM Ball กับมวลน้ำที่ใช้ว่าพอดีหรือไม่   ส่วนเรื่องการพิสูจน์ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ บุคลากรของมหาวิทยาลัย มากกว่าครับ   ส่วนตัวแล้วขอเป็นแค่ user ก็พอ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 15:36:15 จากคุณ : สันปันน้ำ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:35:27

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ edzilla ไม่ต้องในแลปก็ได้ครับ แค่ระบบ anaerobic water treatment ละเลยนิดเดียว ระบบก็ล่มได้ง่ายๆแล้วครับ เล่นกับเชื้อหลายชนิด ยำๆรวมกันในบ่อเดียว ยิ่งระบบไม่ใช้ออกซิเจน ถ้าสมดุล pH ไม่ดี ระบบไปเร็วมากครับ ยิ่งกรณีที่พูดถึงนี่คือในระบบเปิดที่ไร้การควบคุม ผมไม่เชื่อว่าสามารถใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:36:23

ความคิดเห็นที่ 33 ในเอกสารแนะนำ เขาบอกให้ใช้กับน้ำนิ่งค่ะ เหมาะสมกับการบำบัดน้ำเสียในบริเวณที่ไม่กว้างมาก มีขอบเขตชัดเจน เช่น บริเวณบ้านเรือนที่มีน้ำท่วมขัง จากคุณ : nukanka เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:43:23

ความคิดเห็นที่ 34 ผมไม่ใช่ต่อต้านว่า EM ไม่ดี ใช้งานไม่ได้นะครับ แต่ๆๆๆ condition ในการใช้งาน ไม่ใช่ครอบจักรวาลแบบที่เข้าใจ และใช้งานกัน ใช้ในห้องน้ำ ราดท่อ เทพื้น ผมก็เชื่อว่าใช้งานได้ดี เพราะปริมาณเชื้อ และพื้นที่ผิวต่อปริมาตรทำให้อากาศละลายได้ดี อีกทั้งปริมาณสิ่งที่ต้องการกำจัดไม่สูงมาก แต่ในภาวะน้ำท่วมขังปริมาณมาก, พื้นที่ผิวต่ำอัตราการละลายอากาศต่ำ, load สูง ผมไม่เชื่อว่า EM ไม่กี่ก้อนจะช่วยได้ เผลอๆลงไปเพิ่มภาระให้ระบบด้วยซ้ำ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:44:54

ความคิดเห็นที่ 35 เราว่ามันน่าเสียดายทรัพยากรนะ ถ้ามันไม่ได้ประโยชน์อะไรจริง ๆ แถมยังเป็นผลเสียด้วย เพราะตอนนี้ใช้กันเป็นล่ำเป็นสันมาก หน่วยงานราชการเอาไปแจกเยอะมาก ยี่สิบกว่าปีแล้วค่ะ ที่ EM เข้ามาในประเทศไทย ถ้านักวิชาการคิดว่าใช้ไม่ได้ ได้โปรดทำการทดลองและวิจัยให้เห็นจริงเถอะค่ะ ว่ามันใช้ไม่ได้ อย่าเพียงแต่พูดว่ามันใช้ไม่ได้ เพราะมันไม่ได้แตกต่างจากชาวบ้านที่เขาคิดว่ามันใช้ได้ เรื่องพวกนี้ถ้ามหาวิทยาลัยไม่ทำ ใครจะทำ จากคุณ : หมูอ้วน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:58:40 A:61.7.189.192 X: TicketID:330431

ความคิดเห็นที่ 36 ใช่ครับคุณเถ้าลอย pH สำคัญมากครับ ซึ่งผมก็เชื่อว่าถ้าเอาไปแก้น้ำเน่าเสียในระบบหรือสถานที่ใหญ่ๆ ในแม่น้ำลำคลองคงไม่ work ครับ หรือจะให้ใช้งานได้จริงต้องมีการควบคุมดูแลอย่างดีมากๆ และผมก็เห็นด้วยกับคุณสันปันน้ำนะครับ ว่าใช้ในระบบเล็กๆ แล้วใช้ในสัดส่วนที่พอเหมาะจะช่วยได้ครับ ประสบการณ์จากผู้ใช้จริงเช่นกัน ตอนนี้ผู้ที่จะใช้ EM ball ส่วนใหญ่ก็ใช้แก้กลิ่นน้ำเน่าเสียในบ้าน ซึ่งไม่น่าจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่จนเกินไป น่าจะพอช่วยได้บ้างครับ ท่านใดมีความคิดเห็นเรื่องการนำไปใช้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดแสดงความคิดเห็นได้นะครับ ผมก็แค่ user ที่มีความรู้ด้านนี้เล็กน้อยเท่านั้นครับ หรือคิดว่ามันไม่น่าจะใช้ได้เพราะเหตุใดวานบอกครับยินดีรับฟัง :) ช่วยๆกันครับ อยากให้ทุกท่านที่ประสบภัยน้ำเข้าบ้านแล้ว มีทุกข์น้อยลงจากเรื่องกลิ่นก็ยังดีครับ จากคุณ : edzilla เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:59:50

ความคิดเห็นที่ 37 แล้วอย่าง จุลินทรีย์ลดส้วมเต็ม กรีนเมท เอสเอ็ม 700 (Green Mate SM 700) สามารถใช้กับน้ำท่วมขังเล็กๆ หน้าบ้าน เพื่อลดกลิ่นได้ไหมครับ พอดีที่บ้านมีอยู่เอาไว้ย่อยกาก ลดกลิ่นในส้วมน่ะครับ จากคุณ : meoiulca เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 16:38:30

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้ามันบำบัดได้ก็คงทำหน้าที่แทนพวก sulfate reducing bacteria แล้วก็คง บำบัดแบบ anaerobic มากกว่ามั้ง แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 18:36:33 จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 18:28:51

ความคิดเห็นที่ 39 แล้ว EM กับน้ำหมัก อยู่ในกลุ่มเดียวกันหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ จะได้ไปถามป้าเชง ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหมัก จากคุณ : CCHAIRATN เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 19:30:07

ความคิดเห็นที่ 40 แล้วทรายที่ใช้ปั้นมันจะไปทำให้ท่ออุดตันมั้ยคะ จากคุณ : loveleklek เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 21:23:18

ความคิดเห็นที่ 41 วันนี้ไปนั่งปั้นกับรุ่นน้อง 4 ชั่วโมงรวดค่ะ ปั้นสองคนได้ 153 ลูก ที่ช้าเพราะต้องอัดให้แน่น ๆ ค่ะไม่งั้นแตก และถามเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่า 1 ก้อนต่อน้ำ 5 ลบ.เมตรค่ะ น้องที่ปั้นด้วยกันบอกว่าลูก em ball จะช่วยให้น้ำใสนะคะ แต่ไม่ใช่หย่อนปุ๊บใสปั๊บ แต่จะค่อย ๆ ทำปฏิกิริยาค่ะ และควรเป็นสถานที่ปิด คือในบ้านแหละค่ะ ประมาณ 2-3 วันก็จะเห็นผล ซึ่งน้ำท่วมขังคราวนี้จะกินเวลามากกว่านั้น คงได้พิสูจน์กันแน่นอน ยังไง..ถ้าใครสนใจนำสำเนาบัตรปชช.ไปขอรับได้ที่อัมรินทร์พลาซ่า หลัง 4 โมงเย็นนะคะ และเก็บไว้ทดลองกัน น้ำท่วมครั้งหน้าจะได้รู้ว่าควรใช้อีกหรือไม่ จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 21:41:58

ความคิดเห็นที่ 42 รบกวนสรุปทีนะคะ ว่ามันมีโอกาสใช้ได้ผลมากที่สุดในสถานการณ์นี้ยังไงบ้าง เช่น เฉพาะในบ้าน ห้องขนาดไหนต่อกี่ลูก ใช้เครื่องมืออะไรประกอบ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Ruminated เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 23:00:02

ความคิดเห็นที่ 43 ความเห็น41 ะ้าเป็นแบบนั้นก็โอเคครับ แต่ว่าเท่าที่ดูการโฆษณามันผิดเพี้ยนไปจากนี้มากเลยครับ จะเป็นการดีมาก ถ้าคนชวนคนแนะนำมีการบอกประโยชน์อย่างชัดเจนของ Em เพราะเรื่องแบบนี้มันมั่วไม่ได้ครับ จากคุณ : kk (evenpokzo) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 23:30:51

ความคิดเห็นที่ 44 มีดมีสองคม อยู่ที่คนใช้มากกว่าว่ามีความรู็และวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นอย่างไร บางอย่างก็ให้เป็นการเมือง ให้มีกิจกรรมไปอย่างนั้นเอง ไม่งั้นข่าวมันจะเงียบ เหมือนกับหน้ากากผ้ากันไวรัสไง เอากันจริงๆคงกันไม่ได้ แต่แง่จิตวิทยาแล้วดูดี หรือพวกไปฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อใส่ชุดมนุษย์อวกาศไปซะอย่างดี แต่ให้ชาวบ้านจับไก่มาให้ฉีดพ่นยาไม่ได้ใส่ชุดอะไรเลย แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 23:35:16 จากคุณ : letpost เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 23:34:50

ความคิดเห็นที่ 45 ข้อควรค้านึงของการใช้ EM ball ให้มีประสิทธิภาพ http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/417111 จากคุณ : LPC เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 23:52:42

ความคิดเห็นที่ 46 อีเอ็ม เป็นตัวเดียวกับ น้ำจุลินทรีย์ชีวภาพไหม ผมซื้อมาเป็นขวดๆ ที่ผสมเสร็จแล้ว ตัวนี้ ใช้ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ได้ดีเยี่ยม พวกกลิ่นอิจจุระ กลิ่นเหม็นเ่น่า เทน้ำอีเอ็ม (จุลินทรีย์ขีวภาพ) ไป ทิ้งไว้ข้ามคืน ใช้ได้ทั้งในห้องน้ำ สุขภัณฑ์ คนเลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว มักซื้อมาใช้กัน จากคุณ : kasimasi เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 05:25:23

ความคิดเห็นที่ 47 สารภาพว่าอ่านหลายความเห็นไม่ค่อยเข้าใจค่ะ ใครจะกรุณาอธิบายเป็นภาษาชาวบ้าน เข้าใจง่าย ๆ ได้ไหมคะว่า 1.ใช้ได้ผลจริงหรือไม่? 2.ถ้าได้ผล ผลยังไง และ 3.ใช้ยังไงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อ่านมาก็งงเหมือนกันค่ะ แต่จะทดลองดู ถ้าน้ำเข้าบ้าน จะเอา em ball หย่อนลงน้ำแล้วจะแจ้งผลให้เพื่อน ๆ ทราบค่ะ แต่หวังว่าน้ำจะไม่เข้าบ้านดีกว่า 555555 แค่นึกก็ซึมและเซ็งแล้ว -*- จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 07:03:45

ความคิดเห็นที่ 48 ถามป้าเซ้งดู จากคุณ : Jackchan เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 07:16:52

ความคิดเห็นที่ 49 ผมขอตอบคุณอ่องนะครับ 1. ใช้ได้ผลจริงหรือไม่ - ยังไม่มีการศึกษาทดลองมายืนยันว่าใช้ได้ผลจริงหรือไม่นะครับ 2. ถ้าได้ผล - จะช่วยลดกลิ่นเน่าเสียของน้ำได้ แต่ถ้าไม่ได้ผลอาจทำให้น้ำเน่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากไปเพิ่มอาหารให้เชื้อที่ผลิตกลิ่นครับ 3. ใช้ยังไงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด - เท่าที่ผมลองหาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับสรุปได้ประมาณนี้ครับ 3.1 ก่อนใช้ให้ "บ่ม" ในที่ร่มไม่โดนแดดโดนฝนนะครับ โดยวางก้อนจุลินทรีย์ไว้บนพื้นที่สะอาด ต้องบ่มให้เชื้อจุลินทรีย์ขยายตัวและย่อยสลายส่วนประกอบในลูกบอลให้สมบูรณ์ก่อนจึงจะนำไปใช้ได้ 3.2 จำนวนวันที่บ่มประมาณ 15-20 วันครับ จะมีเส้นไยราสีขาวขึ้นจากนั้นเส้นใยของเชื้อราจะยุบลง ก้อนจะกลายเป็นสีขาวไปจนถึงสีออกอมเทา และก้อนจะแข็งมากทำให้เวลาหย่อนลงไปในน้ำจะไม่แตกและละลายเหมือนกับตอนปั้นใหม่ๆแล้วหย่อนเลยทีเดียว 3.3 จำนวน EM ball ที่ใช้ 1 ลูก (ลูกขนาดกำปั้น) ต่อพื้นที่ 1 ตารางวา (4 ตารางเมตร) credit FB Sudhep Kulsri, Nakorn Limpacuptathavon, ตลาดสีเขียว GreenMarket http://www.youtube.com/watch?v=mzaO_8InRik จากคุณ : edzilla เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 09:27:12

ความคิดเห็นที่ 50 ใส่รูปแล้วไม่ขึ้นครับ แหะๆ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 09:32:31 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 09:31:44 จากคุณ : edzilla เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 09:31:24

ความคิดเห็นที่ 51 งงครับ สรุปว่ามันได้ผลจริงๆหรือป่าว หรือว่าแค่กระแสวัวหายล้อมคอก จากคุณ : รักฉันเท่าฟ้า เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 09:34:34

ความคิดเห็นที่ 52 แวะเอามาแปะ http://en.wikipedia.org/wiki/Effective_microorganism จากคุณ : Mr. Everything เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 10:26:40

ความคิดเห็นที่ 54 จุ๊ๆๆๆ ลองอ่านดูละกัน ผมไม่มีความรู้ด้านนี้ รู้แต่ว่ายังไม่มีงานวิจัยใดๆที่ใช้ EM Ball นำมาทดลองในเหตุการณ์น้ำท่วมซึ่งเป็นระบบเปิดเลย https://docs.google.com/open?id=0B4VOheTLcgkzYzBjNDI0YWItMTgxZS00ZDcwLTk0ODgtNDg1ZjRkZTVkOGQz แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 11:21:36 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 11:20:49 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 11:20:15 จากคุณ : บอร์นคุง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 11:19:20

ความคิดเห็นที่ 55 คนเลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้งเค้าใช้กันมนานแล้ว ผมเองเคยเห็นบ้านเพื่อที่เลี้ยงปลาในบ่อที่นครปฐม ตอนปรับบ่อจากน้ำในบ่อเขียวๆ ส่งกลิ่นเหม็น โยน EM Ball ลงไปแล้วทิ้งไว้ น้ำหายเหม็นและใสขึ้นจริงๆ ครับ จากคุณ : Autster เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 14:49:18

ความคิดเห็นที่ 56 http://www.eng.chula.ac.th/?q=node/3915 ตามข้อมูลนี้ โดย กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม  คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอคัดบางส่วนบางตอนที่สำคัญมาให้ครับ สำหรับคนที่ไม่ได้เข้าไปอ่านดู ===================================== การย่อยสลายสารอินทรีย์ในแหล่งน้ำท่วมขังควรกระทำภายใต้สภาวะที่มีอากาศหรือออกซิเจนเท่านั้น  การย่อยสลายสารอินทรีย์ในสภาวะไร้อากาศถือได้ว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในแหล่งน้ำ ถึงแม้ EM ต้นแบบ (ลิขสิทธิ์ Professor Teruo Higa) ซึ่งอ้างว่ามีความสามารถในการกำจัดกลิ่นและทำให้น้ำใส แต่ก็เป็นการช่วยบรรเทาปัญหาชั่วคราวในระยะสั้นเท่านั้น แต่หากสารอินทรีย์ในน้ำยังคงอยู่ และออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอ ก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่าน้ำนั้นสะอาดจริง กล่าวคือน้ำดังกล่าวยังไม่ปลอดภัยที่จะนำมาใช้และไม่ปลอดภัยต่อสัตว์น้ำแต่อย่างใด และอาจยังเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคต่างๆ ได้อยู่ การผลิตน้ำหมักชีวภาพ หรือ EM ในแบบต่างๆ ด้วยตนเอง จุลินทรีย์ที่ได้อาจมีองค์ประกอบที่แตกต่างจากจุลินทรีย์ใน EM ต้นแบบ และหากไม่ได้ผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพที่ดีพอ EM และ น้ำหมักชีวภาพอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคได้ เหตุการณ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีการพยายามจัดการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ต่างๆ ขององค์กรอิสระต่างๆ ที่รณรงค์ร่วมกันใช้ EM เพื่อบำบัดน้ำเสีย อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่น (กระทรวงสิ่งแวดล้อม) ได้ทำการทดลองเพื่อศึกษาความสามารถของ EM ในการบำบัดน้ำเสีย และพบว่า EM ไม่ได้ช่วยในการบำบัดน้ำเสียแต่อย่างใด ในการนี้ กระทรวงสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่นจึงไม่แนะนำการใช้ EM ในการบำบัดน้ำเสียในสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ทางกลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าใจดีถึงความปรารถนาดีของทุกฝ่ายในการช่วยกันร่วมแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น หากแต่อยากนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของ EM เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพื่อเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมที่สุดในการฟื้นฟูปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากภาวะน้ำท่วมในปัจจุบัน Content maintained by (04 Nov 11) จากคุณ : batt (Batt) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 15:24:58

ความคิดเห็นที่ 57 อีกบทความ ตอนแรกอ่านเจอในเวบของคณะวิศวะ จุฬา เหมือนกันแต่ตอนนี้หายไปแล้วหรือย้ายไปไว้ตรงไหนหาไม่เจอค่ะ (พอดีมีบางคน copy ไว้ใน FB เลยได้มา) บทความนี้ เขียนโดย อ.บุญยง ค่ะ ............................................ น้ำเน่ากับEM โดย บุญยง โล่ห์วงศ์วัฒน 2 พ.ย. 2554 (1)น้ำเน่าคืออะไร น้ำเน่า คือ น้ำเสียที่ขาดออกซิเจนละลายในน้ำ (DO-Dissolved Oxygen)นานๆ จนจุลชีพกลุ่มใหม่ กลุ่มไม่ใช้ออกซิเจนในน้ำ ขยายอิทธิพลมากินของเสียในน้ำเสียแทน (ปริมาณของเสียในน้ำเสีย เขาวัดกันด้วยค่า BOD (Biochemical Oxygen Demand)) ส่งผลให้เกิดกลิ่นก็าซไข่เน่า และน้ำมีสีดำจากโลหะซัลไฟด์ (2)มหาอุทกภัยครั้งนี้ เรามีน้ำเน่าแบบไหนบ้าง น้ำเสียหลัก มี 2 ประเภท คือน้ำเสียจากสารอนินทรีย์เคมี (สารประกอบโลหะหนักต่างๆ) และน้ำเสียอินทรีย์ ที่ปนเปื้อนสารอินทรีย์ ที่จุลชีพสามารถย่อยสะลายหรือทำให้เน่าเสียได้ (เช่น อาหาร พืช หญ้า) และส่วนมากจะมีเชื้อโรค+พยาธิ์แถมมาด้วย น้ำท่วม ส่วนมากจะชะเอาสารอินทรีย์ เชื้อโรคและพยาธิ์ จากดินปนเปื้อนมาด้วย ดังนั้น จึงต้องระวังเรื่องโรคท้องร่วงระบาด (จากคนท้องร่วงถ่ายลงน้ำ หรือลงดิน) หรือโรคภัยที่น้ำเป็นพาหะ เช่น โรคฉี่หนู ดังนั้น ผู้ที่มีบาดแผล ไม่ควรลงลุยน้ำท่วม เพราะเชื้อโรคจะเข้าร่างกายทางบาดแผลนี้ สำหรับสารอนินทรีย์เคมีนั้น น้ำท่วมจะมีโอกาสปนเปื้อนสารอนินทรีย์เหล่านี้น้อยมาก เพราะมวลน้ำจำนวนมหาศาลจะช่วยทำให้มันเจือจางลงไปได้มาก (3) EM คืออะไร EM (Effective Microorganisms) คือจุลชีพที่เก่งเฉพาะทาง (เซียนเฉพาะด้าน) ตามแต่ผู้เพาะเลี้ยง จะแยกคัดพันธุ์มาขาย และรู้กำพืดของมันดี (ระวัง พวกที่เพาะมาจากน้ำเน่า คือจับจุลชีพอะไรก็ไม่รู้ มาใส่ถัง เลี้ยงด้วยอาหาร ซึ่งส่วนมาก ก็คือน้ำตาล และเขาอาจตักเชื้อโรค พยาธิ ต่างๆ มาเพาะให้มันเจริญเติบโตควบคู่กันไปด้วย ซึ่งอันตรายมาก) EM อาจนำมาขายได้ ทั้งในรูปของของเหลว(เลี้ยงในสารละลายน้ำตาล) หรือ ของแข็ง(เลี้ยงในอาหารจำพวกรำข้าว) ดังนั้น ต้องเลือกEMให้ถูกกับประเภทของงานที่จุลชีพกลุ่มนั้นถนัด เช่น กลุ่มที่ชอบกินตะกอนน้ำเน่า ที่หมักหมมอยู่ในน้ำเน่าใต้ถุนบ้าน หรือใต้ท้องคลองน้ำเน่า ที่นิ่งไม่ไหลเร็ว จุลชีพในน้ำEM ก็จะขยายพันธุ์ลงไปกินตะกอนเลนเหล่านั้น และขยายพันธุ์จนกลายเป็นอาณาจักรของมัน ถ้าEMไม่ชอบน้ำเน่าประเภทนั้น มันก็จะไม่ขยายพันธุ์ แล้วถูกจุลชีพท้องถิ่นในน้ำเน่าบริเวณนั้นข่ม หรือมันถูกกิน ในที่สุด นั่นคือ การใช้EMชนิดนั้น แล้วไม่ได้ผลอะไร อย่าลืม ต้องใช้EMให้ถูกกับประเภทของภาระกิจ (ไม่มีEMใด ที่ทำงานได้ครอบจักรวาล) และต้องใช้ในบริเวณพื้นที่จำกัด เพื่อที่EMจะได้ขยายพันธุ์ เพื่อกินของเน่าเสีย ก่อนที่จะถูกจุลชีพในท้องถิ่น มาจับกินเป็นอาหาร ดังนั้น ต้องใช้EMให้ถูกชนิด และมีปริมาณเพียงพอที่มันจะสามารถขยายพันธุ์ เพื่อเอาชนะจุลชีพในท้องถิ่น ที่มีอยู่ก่อนให้ได้ สำหรับการใช้EM เทหรือโยนลงไปในน้ำท่วม ที่ไหลบ่าอย่างรวดเร็ว จะไม่ได้ผลอะไร เพราะมันจะถูกเจือจาง และขยายพันธุ์กันไม่ทัน (4). EM ช่วยเพิ่ม O2 ได้จริงหรือไม่ ลดโลหะหนักได้จริงหรือไม่ : หากใช้EMถูกประเภท + ใช้ในพื้นที่ ที่จำกัดอาณาบริเวณได้ + และใช้ในปริมาณที่เพียงพอ EMก็จะสามารถขยายพันธุ์ โดยกินของเน่าเสียที่หมักหมม ที่สะสมใต้ท้องบ่อบริเวณน้ำเน่านั้นเป็นอาหารและขยายอาณาจักร์ของมัน เมื่อของเน่าเสียที่สะสมใต้ท้องคลองหมด BODในน้ำเสียก็จะเริ่มลดลงด้วย จนในที่สุดออกซิเจนจากอากาศ ที่ถ่ายผ่านผิวน้ำในบริเวณนั้น มีมากเพียงพอ น้ำเน่านั้นก็จะกลายเป็นน้ำดี คือ มีDOเกิดขึ้นตามมา นั่นคือ หากการใช้EMถูกชนิดและในปริมาณที่เหมาะสมกับพื้นที่ ก็จะสามารถช่วยกินของเสียที่สะสมหมักหมมอยู่ จนกลายเป็นน้ำดี ที่มีค่าDOได้ ส่วนการลดโลหะหนัก EMส่วนมากที่เพาะมาขายกัน ไม่กินโลหะหนัก ความจริงมีคนเพาะได้ เช่น ฝึกให้มันกินทองแดงจากแร่ แต่นี่ก็เป็นเพียงการย้ายที่โลหะหนักจากแร่มาอยู่ในตัวมัน ก่อนนำไปสกัดโลหะหนักออกจากตัวมัน ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีที่ว่า สสาร(โลหะหนัก)ไม่มีการสูญหาย จะเพียงเปลี่ยนรูป ย้ายไปมาเท่านั้น (5). ผลข้างเคียงของ EM : อันตรายที่จะพบกัน ก็คือ ผู้ผลิตEM ไม่รู้กำพืดของจุลชีพที่ตนเองผลิต และไม่รู้ว่ามันเก่งทางด้านใด และบางครั้ง อาจเพาะเชื้อโรค หรือมีไวรัสปนเปื้อน โดยใช้น้ำตาลโมลาสเลี้ยง ออกมาขาย แจกจ่ายกัน ซึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวของ พยาธิ์ เชื้อโรค และไวรัส เกิดโรคระบาด การกลายพันธุ์ ตามมา ดังนั้น ต้องเลือกชื้อจากผู้ผลิตที่มีการควบคุมคุณภาพ ที่สามารถระบุชนิดและที่มาของจุลชีพของตนได้ และไม่ควรใช้ดื่มหรือสูดดม เพราะอาจมีจุลชีพกลายพันธุ์ หรือปนเปื้อนไวรัส เข้าสู่ร่างกาย (เพราะการผลิตEMบริสุทธิ์100%ทำได้ยากมาก) จากคุณ : PlaPinky เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 16:57:11

ความคิดเห็นที่ 58 ถึงความคิดเห็นที่55 นะครับ เหตุที่ใช้ในบ่อปลาบ่อกุ้งได้ผลเพราะว่า ในบ่อปลากับบ่อกุ้งมีการเติมออกซิเจนอยู่แล้วครับ ดังนั้นสิ่งที่ขาดในกรณีนี้คือ จุลินทรีย์ครับ ดังนั้นในเคสนี้ อีเอ็ม จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 18:01:09 จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 17:37:23

ความคิดเห็นที่ 59 อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ จากคุณ : guerilla gorilla เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 18:33:03

ความคิดเห็นที่ 60 อดีต อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยัน อีเอ็มบอล ใช้ไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 18:49:51 จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 18:41:21

ความคิดเห็นที่ 61 ถามอ.เจษครับ ถ้าเป็นน้ำขังจริงๆ ใช้คลอรีน จะช่วยได้ไหมครับ จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 19:19:06

ความคิดเห็นที่ 62 จุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนก็มีนะครับ ใช้เกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสียด้วย จากคุณ : AiRsubZero เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 19:23:08

ความคิดเห็นที่ 63 EFFECTIVE MICROORGANISMS (EM) AND WASTEWATER SYSTEMS ครายเก่งช่วยแปลหน่อย http://www.lanfaxlabs.com.au/papers/P53-03-Szymanski-Patterson.PDF อันนี้ เป็นของบริษัท หนึ่งที่ขาย EM ในเฟชของเขาเขียนถึง สถานการณ์ที่เมืองไทยด้วย 'Floods in Thailand are moving huge amounts of water from the north to south closer to the center of Bangkok. Japanese companies near Bangkok are trying to move to other areas. Thai victims forced to live in unsanitary conditions are using a secret weapon developed by a research institute of Japan. It is called "EM ball" and it is made of lactic acid bacteria, rice husk, etc. These actively purify the sewage. The Royal Thai Army order 300 tons of EM mudballs.' http://www.fnn-news.com/news/headlines/articles/CONN00210834.html http://www.tv-asahi.co.jp/ann/news/web/html/211031020.html จากคุณ : มิติเดิม เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 19:26:10

ความคิดเห็นที่ 64 #60 อ.ธงชัยสุดยอดมากครับ อยากให้ทุกท่านได้ลองดูคลิปแล้วคิดตาม จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 19:36:09

ความคิดเห็นที่ 65 ป้าเช็งคงกำลังจามอยู่ อะไรๆก็กรู จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 19:38:49

ความคิดเห็นที่ 66 มาแปะตอนต่อให้ครับ จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 19:48:21

ความคิดเห็นที่ 67 อ.ธงชัย พูดแล้วฟังเข้าใจง่ายมากค่ะ ต่อไปนี้เวลาทานต้มยำกุ้ง ต้องนึกถึงแต่ "ไอ้ปุยๆๆๆ" แน่ๆเลย ๕๕๕ จากคุณ : dekhype เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 20:49:24

ความคิดเห็นที่ 68 EM ที่ผมใช้แล้วได้ผลอย่างเดียวคือ ล้างห้องน้ำแล้วหายเหม็น ผมเอไปใส่สระน้ำ กะให้น้ำที่เหม็นหายเหม็น แต่ไม่ได้ผล ไม่รู้ผมใช้ไม่เป็นหรือโฆษณาเกินจริง จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 20:51:19

ความคิดเห็นที่ 69 สรุปว่า EM Ball  ใช้ไม่ได้ผล เพราะ นำมาใช้ผิด condition เช่น น้ำไหล ถ่ายเทได้ ใส่ลงไป  EM ก็กระจายไปหมด   หรือปริมาณที่ใช้น้อยเกินไปที่จะให้เห็นผลได้อย่างชัดเจน ใช้ได้ผล หากใช้ถูก condition เช่น น้ำท่วมขังนิ่งๆ และใส่มากพอ  หรือ ใส่ในบ่อปลา บ่อกุ้ง บ่อส้วม ที่ถกเถียงกันมาต่างๆ นานา เราพูดกันคนละ สภาพ ซึ่งไม่มีใครผิด หรือถูกทั้งหมด ดังนั้น ควรมีการชี้แจง ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ ให้ข้อมูลกับประชาชนได้เข้าใจให้ถูกต้อง  ว่าควรใช้ EM ในสภาพแบบไหน ก็จะไม่ทำให้เสียแรง คนมที่มีจิตอาสา ไปช่วยลงแรงปั้น เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างภาพออกสื่อทีวี โดน EM ball ลงไปในน้ำที่กำลังไหล บ่าท่วมถนน  ซึ่งผิดหลักการใช้ที่ได้ผล พูดเรื่องเดียวกันแต่นำมาพูดคนละประเด็นกัน คณาจารย์ที่บอกไม่ได้ผล ก็ไม่ใช่ว่าท่านจะพูดผิด แต่ท่านก็ไม่ได้พูดถูกทั้งหมด ที่คนไม่เชื่อว่าจะไม่ได้ผล ก็เพราะมันถูกประชาสัมพันธ์ ถูกเผยแพร่มานานแล้ว และเมื่อมีคนนำไปใช้อย่างถูดต้องมันก็ได้ผล  จึงมีคนโต้แย้ง จขกท. จะไปช่วยเขาปั้นก็ไปเถอะครับ ไม่เสียแรงเปล่าหรอกครับ EM ball แต่ละลูกมันคือน้ำใจของคนไทยที่มีให้แก่กัน จะได้ผลหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องหลักสักเท่าไรครับ จากคุณ : ReHeat เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 20:57:55

ความคิดเห็นที่ 70 ตอนซึนามิที่วัดย่านยาว มีศพเยอะมากๆตอนแรกทั้งเหม็นและมีแมลงวันเยอะมากๆ พอฉีดEM(เป็นน้ำ)รอบบริเวณนั้นรวมทั้งบนศพ พบว่ากลิ่นลดลงอย่างเห็นได้ชัดครับ และแมลงวันแทบจะไม่มีเลย จากที่อยู่มาเกือบเดือนที่วัดย่านยาวน้ะครับ ผมว่าEm ใช้ได้ผลนะครับแต่ต้องใช้ปริมาณมากทีเดียว จากคุณ : callmeyod เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 21:14:07

ความคิดเห็นที่ 71 แล้วที่บอกว่าอึใส่ถุง แล้วให้เติม em ลงไปเนี่ย มันช่วยไม่ให้มีกลิ่นเหม็นเหมือนกันใช่ไหมคะ ? สงสัยค่ะ จากคุณ : Aonjeera เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 21:22:22

ความคิดเห็นที่ 72 ...เป็นเรื่องของกระบวนการย่อยอินทรีย์สารในน้ำโดยจุลินทรีย์  ซึ่งจะต้องมีปัจจัยที่เหมาะสม  และระยะเวลา   ..ระยะแรก 1.ในช่วงแรกๆ ของกระบวนการย่อย จะเกิดกรดแลคจิกที่มีกลิ่นหอมหวาน ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าดับกลิ่นเหม็นได้ 2. อินทรีย์สารในน้ำ(เศษอาหาร) ถูกย่อย  ทำให้น้ำใสขึ้น ..ระยะต่อมา  น้ำขาดออกซิเจน(ถ้าไม่เติมออกซิเจน  ซึ่งในบ่อบำบัดมีการเติมออกซิเจนด้วย) ส่งผลใ้ห้เกิดน้ำเสีย มีกลิ่นเหม็น และสีดำ  เมื่อน้ำขาดออกซิเจน  ก็จะเกิดกระบวนการย่อยสารอินทรีย์โดยวิธีไม่ใช้ออกซิเจน  ผลก็คือ  เกิดก๊าซชีวภาพ ได้แก่ กาซมีเทน ไนตรัทออกไซด์  ซัลเฟอรไดออกไซด์  ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ปล่อยสู่ชั้นบบรยากาศ .....เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกมากขึ้น  จนส่งผลมาสู่ภาวะโลกร้อนส่วนหนึ่ง นั้นเอง ..เพราะฉะนั้นในกรณีบ่อบำบัดน้ำเสีย จะต้องมีบ่อ1 ปรับสภาพให้หมาะสม ได้แก่ pH สารอาหารที่เหมาะสม  แล้วผันน้ำลงบ่อ 2 เพื่อให้เกิดการย่อยโดยจุลินทรีย์ แล้วผันน้ำลงบ่อ 3 เพื่อเติมอากาศ   บ่อ 4 เพื่อเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อ ...อันนี้เติมจุลินทรีย์อย่างเดียว  ไม่ครบกระบวนการ  และถ้าปล่อยไปสู่กระบวนการย่อยระยะที่ 2 โดยไม่เติมอากาศ   =  การเติม EM เป็นการแร่งให้น้ำเน่ายิ่งขึ้น แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 21:35:02 จากคุณ : ninecha เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 21:24:02

ความคิดเห็นที่ 73 ต่อ ข้อถามเกี่ยวกับการบำบัดน้ำทิ้งในครัวเรื่อน ท่อน้ำทิ้งรอบอาคาร โรงอาหาร ห้องน้ำ  ย่อย่อยอุจระ เศษอาหาร  ฯลฯ  ใช้ได้ครับ   นั้นคือ เกิดกระบวนย่อยในขั้นแรก คือดับกลิ่น ย่อยเศษอาหาร  แล้วเราก็ปล่อยมันไปในท่อน้ำทิ้งในระบบรวมสาธารณะ  แล้วเราก็ไม่ได้ไปติดตามผลมันว่าามันจะยังหอมอยู่หรือเปล่า ในบ่อปลาก็ใช้ได้ผล เป็นระบบปิด  ปัจจัยเหมาะสม ระเวลาการย่อย และปริมาณออกซิเจนเหมาะสม แต่น้ำท่วมเป็นระบบเปิด ควบคุมปัจจัยไม่ได้ เกิดเป็นไปได้ 2 ทาง คือ 1. ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสียเวลา เสียทรัพยากร เสียงบประมาณ 2. เกิดน้ำเสีย  ตามกระบวนข้างต้น ที่กล่าวมา จากคุณ : ninecha เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 21:50:06

ความคิดเห็นที่ 74 ได้ผลหรือเปล่ายังไม่รู้ครับ แต่ตอนนี้น้ำใจคนไทยช่วยกันปั้นได้แล้ว 107,441 ลูกแล้วครับ  ที่อัมรินทร์ จากคุณ : ScubaBall เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 22:03:00

ความคิดเห็นที่ 75 วิทยาศาสตร์ต้องมีการทดลอง ไม่มีประโยชน์ที่มัวกล่าวทฤษฎีแล้วไม่ปฏิบัติ ไหนๆก็ท่วมบ้านแล้วนี่และน้ำก็ดำปี๋ซะร้องยี้  จะเป็นไรไปถ้าจะใช้บ้านกลายเป็นห้องแลปโดยไม่ตั้งใจ จะได้พิสูจน์ด้วยว่าสมมุติฐานที่ตั้งไว้ EM Ball ช่วยลดกลิ่่นเหม็นและบำบัดน้ำเน่าได้หรือไม่ เอาว่ะ! ตอนนี้พายเรือก็เป็นแล้วลองเป็นนักวิทย์อีกจะได้มีประสบการณ์ จากคุณ : goody jelly bear เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 22:11:31

ความคิดเห็นที่ 76 คห 61 ปรกติผมจะแนะนำให้เอาปูนขาวไปหว่านในที่น้ำท่วมน่าจะดีกว่า ได้ผลเร็วกว่าครับ ในการกำจัดกลิ่นและสารอินทรีย์หลายๆ ตัว (ผมไม่โปร กับอีเอ็ม อยู่แล้ว) ส่วนคลอรีนก็ดีครับ แต่จะหาไปใช้ค่อนข้างยากกว่า และก็มีอันตรายในการสัมผัสด้วย ตอนนี้กลุ่มวิศวะ จุฬาฯ ออกมาพูดตรงๆ เรื่องอีเอ็มแล้ว ว่ามันไม่เวิร์คและจะสร้างปัญหายังไง http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11290107/X11290107.html จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 22:21:46

ความคิดเห็นที่ 77 ถึง ความคิดเห็นที่ 70 เข้าใจกันผิดแล้วครับ ไม่อยากให้เข้าใจผลงานของคนอื่นว่าเป็น EM ที่พูดถึงอยู่ครับ สึนามิที่วัดย่านยาว และที่อาเจะห์ (อินโดนีเซีย) ไม่ได้ใช้ EM ที่พูดถึงกันอยู่ครับ เขาใช้ NEWISH ครับ ลองเข้าไปดูที่ Facebook หรือเว็บของเขาก็ได้ครับ มีรูปอยู่ครับ http://www.newish-germs.co.th http://www.facebook.com/NewishGerms จากคุณ : Escada เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 22:42:54

ความคิดเห็นที่ 78 คห 60, 66 เอ่อ น้องที่ไปสัมภาษณ์นี่เหมือนจะเตรียมข้อมูลไปสัมภาษณ์ไม่ค่อยดีซะเลย คือเวลาถามตอบกับอาจารย์ เหมือนน้องๆ ไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ หรือความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ถาม อันนี้ที่เห็นในคลิบ 1 นะ Q (อาจารย์ถาม) > คุณคิดว่า น้ำตอนนี้มีกี่ลูกล้านบาศก์เมตร ? A > ซัก 10 ล้านมั้งคะ Q (ถามอาจารย์)> จะพูดได้เลยมั๊ยคะ ว่า EM Ball คือน้ำหมักชีวภาพ ? Q (อาจารย์ถาม) > คุณว่า น้ำเน่าในคลอง กทม มีค่า BOD เท่าไหร่ ? ***(เหมือนอาจารย์จะพูดว่าเป็น BUD ไม่แน่ใจว่าผมฟังผิดรึเปล่า ?) A > สองร้อย, แสนนึง แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 23:07:29 จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 22:57:02

ความคิดเห็นที่ 79 ขอแชร์conditionที่เราเคยใช้ได้ผลก็แล้วกันนะคะ เพิ่งไปขัดบ้านที่ต่างจังหวัดหลังน้ำลงมา สภาพพื้นที่เป็นห้องแถว ขนาด 5x10m น้ำสูงเท่าเข่า ขังมาเดือนครึ่ง คือน้ำนอกบ้านมันลงไปต่ำว่าพื้นแล้วแต่น้ำในบ้านมันติดอิฐบล๊อกที่ก่อไว้เลยขังอยู่เท่าระดับรูที่รั่ว เทน้ำหมักEMไป ลิตรนึง ตอนบ่าย วันรุ่งขึ้นมาดู(ประมาณยี่สิบชม.)น้ำมันก็ใสขึ้นกับหายเหม็นนะ จากเดิมมองไม่เห็นเท้าตัวเองใต้น้ำก็มองเห็น แล้วก็เอาน้ำไปขัดคราบบนผนังปูนต่อได้หนึ่งรอบ ส่วนมากแถวบ้านเราใช้EMกันตอนน้ำลดแล้วขังอยู่ในบ้านกับเทศบาลก็ใช้ฉีดราดถนนตอนทำความสะอาดหลังน้ำลดไปแล้ว ตอนเริ่มท่วมกับท่วมสูงอยู่ไม่ได้ใช้กันค่ะ จากคุณ : ลิงลี่ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 23:01:43

ความคิดเห็นที่ 80 ถ้าเป็นแหล่งน้ำเปิด ไม่น่าได้ผล จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 23:08:06

ความคิดเห็นที่ 81 #69 EM ball แต่ละลูกมันคือน้ำใจของคนไทยที่มีให้แก่กัน จะได้ผลหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องหลักสักเท่าไรครับ ------------------------------- ขอแย้งหน่อยนะคะ คือถ้ามันใช้ไม่ได้ผล แล้วยังทำให้เกิดโทษอีก เราก็ยังจะใช้กันอีกเหรอคะ -*- จากคุณ : ตุ่มโบ๊ะ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 23:08:18

ความคิดเห็นที่ 82 คห. 74 ไม่รู้ว่าเชื้อมีอายุได้กี่วัน ปั้นเยอะแต่เชื้อตายก็ไม่มีประโยชน์นะ = =" จากคุณ : แม่ตบสลบคาคอม เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 23:15:40

ความคิดเห็นที่ 83 อ.ธงชัย  เป็นคนแต่หนังสือให้ให้ วิศวกร สิ่งแวดล้อม ทั้งประเทศเรียนครับ///    และ สิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้อง เหมือนกัน  การบำบัดน้ำเสียที่ดีที่สุดคือการเติม    อากาศลงไปในน้ำ       EM  มันไม่ได้ทำให้น้ำ หยุดเสีย.. แต่มันช่วยให้น้ำที่เสียเกินเยียวยา บรรเทา    ให้มีกลิ่น และ แมลงน้อยลง..          การใช้ใช้ EM ช่วย บำบัดน้ำเสีย ตาม บ่อขยะ ก็เพื่อช่วยลดกลิ่นและแมลงวัน และสุดท้าย  การบำบัดก็ต้องเข้าบ่อ บำบัดแบบใช้อากาศเหมือนเดิม           สรุปว่า ใช้ EM กับน้ำขังน้ำเสีย แล้ว ต่อไป...คงไม่เสียหายอะไร จากคุณ : kapomnoi เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 23:27:37

ความคิดเห็นที่ 84 ใครจะลองรบกวนถ่ายรูปหรือคลิปก่อนหลังหน่อยครับ ยิ่งบ้านก่อกำแพงไว้หน้าบ้านยิ่งน่าลอง บ้านผมอยู่สูงแถมไม่มีกำแพงคิดว่าไม่มีโอกาสลอง ผมอยากรู้จริงๆว่าผลจะเป็นยังไง จากคุณ : เส้นขอบฟ้าเวลาพระอาทิตย์ตกดิน เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 23:28:49

ความคิดเห็นที่ 86 การใช้อีเอ็มในประเทศไทยมีมามากว่าสิบปี และมีการใช้เป็นผลสำเร็จมามากแล้วครับ ไม่ได้แพร่หลายในการใช้บำบัดน้ำเสียในกทม.มีการพิสูจน์อย่างต่อเนื่องมานานแล้วครับ ทั้งในและนอกประเทศ ที่เกาะพิทักษ์ ประเทศไทย http://youtu.be/32atXlzCspw อันนี้ที่ญี่ปุ่น http://youtu.be/_Uf3NHeObmM กัมพูชา http://youtu.be/kQqfo_2EgZQ มาเลเซีย http://youtu.be/sUIpUJhq0YA อันนี้ของฝรั่งครับ http://youtu.be/DJRDMFsF-4w มีอีกหลายคลิปในยูทูป ลองเลือกกดดูครับ และถ้าใครมีอีเอ็มแบบน้ำ แนะนำให้ทดลองดูในอ่างบัว หรือท่อระบายน้ำใกล้บ้าน หรือตามท่อน้ำทิ้งข้างร้านขายอาหารก็ได้ครับ จากคุณ : พันทองทิพย์ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 23:53:32

ความคิดเห็นที่ 87 ที่สำคัญคือ อีเอ็ม ห้ามนำไปขยายหรือผสมกับน้ำประปาจากก๊อกในตอนนี้ครับเพราะมันจะูถูกฆ่าจนตายเรียบ และใช้ไม่ไ้ด้ผล และควรใช้ อีเอ็มของแท้ สองบริษัทนี้ คือคิวเซ และ เอ็มโร ครับ เพื่อให้ได้จุลินทรย์ที่ดีและครบถ้วนครับ จากคุณ : พันทองทิพย์ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 23:58:26

ความคิดเห็นที่ 88 ประเด็นมันอยู่ที่ นักวิชาการที่รู้จริง เขากลัวว่า คนไทย อยู่กับความเชื่อมากไป ถ้าเชื่อเรื่องแบบนี้ต่อไป ก็จะมี สาวก น้ำป้าเช็ง เพิ่มมากขึ้น ถ้าผ่าน จากเหตุการณ์นี้ไปแล้ว จะมี กลุ่มธุรกิจ ผลิต EM Ball มาหลอกขายกันให้ พรึ่บ !! ระบบบำบัดน้ำเสีย ไม่ต้องมี แค่ ปั้นๆ EM Ball โยนลงไปก็พอ ผมว่าเขา สื่อ ประมาณนี้นะ เหมือน รัฐบาลไป โปรโมท EM Ball ซะเว่อร์ จนกลายเป็นน้ำวิเศษ ไปแล้ว จากคุณ : turnontable เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 00:52:42

ความคิดเห็นที่ 89 ขอสอบถามนะคะ พอดีวันนี้เข้าไปดูบ้านที่น้ำท่วมในหมู่บ้าน ปรากฎว่าน้ำเข้าในบ้านประมาณเข่า แต่แม้ว่าน้ำนอกบ้านจะออกน้ำตาลแต่ยังไม่เหม็น แต่น่าจะเน่าเร็วๆนี้เพราะน้ำนิ่งมาก (อยู่ในหมู่บ้่าน ไม่ใช่ริมถนน) แต่พอเข้าในตัวบ้านปรากฎว่าเจอน้ำที่ดำ ดูคลักๆ คิดเอาเองว่ามันเกิดจากน้ำในโถชักโครกดันที่อุดไว้ออกมา เหม็๋นมาก ตอนแรกปิดหน้าต่างบ้านไว้ทุกบานก่อนอพยพ ทำให้กลิ่นยิ่งอับ ก่อนออกมาเลยไปแง้มหน้าต่างไว้บ้าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท แต่ไม่รู้จะกลับไปแก้ไขยังไงดีค่ะ ไม่ทราบว่าใช้อะไรช่วยเรื่องกลิ่น และ บำบัดน้ำเสียจากชัดโครกได้บ้างคะ ถ้า EM ball หรือ น้ำ EM มันไม่ช่วย ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : haruprae (haruprae) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 01:14:01

ความคิดเห็นที่ 90 อยากถามนักวิชาการว่า มันได้ผลในบางสภาวะใช่หรือไม่ แล้วเกิดผลดีในสภาวะใดบ้าง เกิดผลเสียในสภาวะใดบ้างครับ เด่วผู้รับไปจะได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่ากับแรงกายของบรรดาจิตอาสา ถ้ามันไร้ประโยชน์สิ้นเชิงก็บอกมาเถิด ถ้าบ้านผมท่วมมาสองสัปดาห์ น้ำขังเน่าชั้นล่าง น้ำไม่ไหลเลยควรจะใช้หรือไม่ หรือถ้าหากท่าน นักวิชาการ มีสิ่งดีๆกว่านี้แนะนำมาก็จะยินดีอย่างยิ่ง จากคุณ : หล่อเขลา เบาปัญญา เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 02:16:47

ความคิดเห็นที่ 91 อ่านมา 90 คห. เห็นได้ว่า em ball เป็นลูกบอลพิศวง ที่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า ที่ระดมคนไปปั้นกันนั้นจะเกิดคุณ หรือโทษ หรือไม่เกิดทั้งคุณทั้งโทษ แค่เปลืองแรงเปลืองเงิน ตอนนี้หลาย ๆ คนก็มีโอกาสที่จะทดลองดูว่ามันได้ผลหรือไม่ ใครที่มีแนวโน้มว่าจะมีน้ำท่วมขังในบ้านสูง อยากให้ไปขอบริจาค em ball มาหมักไว้ 15-20 วัน แล้วนำมาทำการทดลองดู จะได้เป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับคนไทยทั้งประเทศนะคะ เชื่อว่าน้ำท่วมร้ายแรงแบบนี้ คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอค่ะ   ถ้ามันได้ผล ครั้งหน้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เราก็จะได้รวมตัวกันผลิตเจ้าบอลนี้มาชะล้างบ้านเมืองของเราให้สะอาด และอยู่ได้ต่อไป ถ้ามันไม่ได้ผล เราก็จะได้ช่วยกันคิด และหาวิธีใหม่อื่น ๆ ต่อไป เห็นด้วยค่ะว่าควรมีการรณรงค์ให้เข้าใจ และใช้ให้ถูกวิธี ของมีประโยชน์ ถ้าใช้ผิด ๆ ก็ไม่เกิดประโยชน์ และอาจจะเป็นโทษได้ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาถกแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นกัน  ไม่ว่าอย่างไร เราทุกคนก็คือคนในครอบครัวเดียวกัน ที่กำลังประสบปัญหาใหญ่ด้วยกัน  การรวมหัวกันเพื่อระดมความคิด จึงเป็นสิ่งที่เราควรทำในเวลานี้ค่ะ  จขกท.อยู่แยกอ่อนนุชศรีนครินทร์ และในพื้นที่ ๆ สูงพอควร  อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำการทดลอง  จึงขอรบกวนเพื่อนสมาชิกท่านใดในหว้ากอที่กำลังประสบภัย โปรดทำการทดลอง และบันทึกัทั้งภาพ และตัวหนังสือเพื่อประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมชาติต่อไปด้วยค่ะ จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 05:13:46

ความคิดเห็นที่ 92 มีใครพอมีข้อมูลมั้ย ที่ให้ชาวบ้านริมคลองใส่น้ำจุลินทรีย์ลงคลองแสนแสบ เมื่อหลายปีก่อน มันสามารถปรับสภาพน้ำได้จริงมั้ย และช่วยให้น้ำดีขึ้นจริงๆมั้ย เพราะที่ผ่านมาก็เห็นเหม็นอยู่ดี จากคุณ : hunchback เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 09:03:44

ความคิดเห็นที่ 93 ก่อนอื่นผมขอพูดถึงนิยามของEM ก่อนคือ จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ผมยังไม่มั่นใจนักเนื่องจากเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีการถ่ายเชื้อต่อกันมา โดยมิได้มีการควบคุมที่ดีโดยการถ่ายเชื้อในที่ปราศจากเชื้ออย่างถูกต้องมากนักและเป็นจุลินทรีย์ที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์หลายสายพันธุ์ปะปนกันอยู่ บางชนิดก็มีประโยชน์บางชนิดก็ไม่มีประโยชน์ แต่จุลินทรีย์ที่มีอยู่จะเป็นเชื้อที่มีความแข็งแรงและมีความสามารถในการเจริญเติบโตและแพร่พันธ์ุได้ดีกว่าจุลินทรีย์ชนิดอื่นเท่านั้น ที่กล่าวว่าเป็นจุลินทรีย์ไม่ใช้อากาศนั้นอาจไม่ถูกต้องมากนักผมคาดว่ามีทั้งที่ไม่ใช้และใช้ออกซิเจน การใช้EM ball จึงอาจมีประโยชน์ในการกำจัดของเสียได้บ้างแต่ถ้าจะใช้ให้ได้ผลดีอาจจะต้องมีการเติมอากาศลงไปบ้าง ดังนั้นในพื้นที่ซึ่งมีลมพัดหรือการไหลวนของน้ำ จะได้ประโยชน์มากกว่า เมื่อใช้ EM ไปแล้ว ต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเช่นมีการปรับสภาพให้จุลินทรีย์มีการเจริญและสามารถแพร่ขยายเพิ่มขึ้นและสามารถใช้ของเสียเป็นอาหารได้ดี ผมเชื่อว่าจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่ผมเชื่อว่ามีปะปนอยู่และเป็นจุลินทรีย์ที่ได้ประโยชน์มากคือ bacillus subtilis ส่วนการดำเนินการในปัจจุบันนี้น่าจะมีข้อดีที่สามารถสรุปได้คือ 1. มีผลในการบำบัดนำ้บ้าง อาจได้ผลในบางพื้นที่ที่สภาพเหมาะสม 2. มีผลในทางใจ และแสดงถึงความห่วงใยของเพื่อนร่วมชาติ 3. เป็นการเปิดโลกในแนวคิดที่ดีสำหรับคนกลุ่มหนึ่ง เพื่อผู้เดือดร้อน ผมต้องขอขอบพระคุณแทนผู้เดือดร้อนทุกท่าน และผมไม่ได้ค้านในแนวคิดของอาจารย์จุฬาที่ออกมากล่าวว่าอาจเกิดปัญหามากขึ้นนั้น อาจถูกต้องเพียงบางส่วน คือปริมาณน้ำตาลหรือสารอาหารที่มีอยู่ใน EM ball มีไว้เพื่อให้จุลินทรีย์ในลูกบอลสามารถมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่เก็บรักษาเท่านั้น คงไม่เหลือออมามากมายนัก จึงไม่น่าจะเป็นการสร้างปัญหาให้เกิดน้ำเสียมากนัก ผมต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร เนื่องจากว่า คิดว่าไม่สำคัญ แต่ขอบอกเพียงว่า ผมเรียนมาในระดับป เอก สาขาจุลชีววิทยา ซึ่งอาศัยความรู้ที่เรียนมาและมีประสบการณ์การบำบัดนำ้เสียในบ่อเลี้ยงกุ้งและในพื้นที่น้ำเสียบางแห่งมาก่อน จากคุณ : meper (meper) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 09:17:19

ความคิดเห็นที่ 94 ถึง ความคิดเห็นที่ 92 กรณีนี้เปล่าครับ ไปหาใน Google แล้วเจอมาครับ จากคุณ : Escada เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 09:25:48

ความคิดเห็นที่ 95 ได้อ่านกระทู้ของคุณ JD300 ตามลิ้งค์นี้ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11290107/X11290107.html บอกตรง ๆ นะคะว่างง ไม่เข้าใจ สับสนค่ะ แต่ชอบคห.หนึ่ง เพราะคุณ JD300 บอกปูนขาวช่วยได้มากกว่า จึงอยากเชิญชวนเพื่อนสมาชิกที่มี 3 อย่างตามนี้ 1.น้ำเน่า (ในพื้นที่ปิด และน้ำนิ่ง) 2. em ball ที่ผ่านการบ่มหมัก 15-20 วันจนใช้งานได้แล้ว 3. ปูนขาว รบกวนช่วยทำการทดลองและบันทึกผลไว้เป็นวิทยาทานด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 09:44:53

ความคิดเห็นที่ 96 http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9490000004080 Science - Manager Online - “แบคทีเรีย” สิ่งมีชีวิตจิ๋วแต่แจ๋วในแปลงเกษตรและบ่อบำบัด http://www.nia.or.th/download/activity/20060120_presentation.pdf http://www.youtube.com/watch?v=Hb7h99MupwM&feature=share จากคุณ : เชอรี่ลูกกลมๆ เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 10:22:33

ความคิดเห็นที่ 97 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11287287/X11287287.html http://www.facebook.com/notes/chookeit-cityfarm/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C/297270800302527 จากคุณ : เชอรี่ลูกกลมๆ เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 10:23:57

ความคิดเห็นที่ 98 #95 ประชาชนต้องดูแลตัวเอง ต้องทำการทดลองเอง แล้วพอผลการทดลองออกมา นักวิชาการก็จะบอกว่าเชื่อถือไม่ได้ เพราะไม่มีการควบคุมตัวแปร แต่เขาก็จะไม่ทำอะไรเหมือนเดิม หมดหน้าที่แล้ว ออกมาบอกว่าเขาคิดว่ามันใช้ไม่ได้ ก็หมดหน้าที่แล้ว ถามว่าอาจารย์เคยทดลองไหม ก็ไม่เคย มีงานวิจัยยืนยันว่ามันไม่ได้ผลหรือไม่ ก็ไม่มี จะว่าไปตาสีตาสายังดูเป็นนักวิทยาศาสตร์มากกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งหลาย เพราะอะไรรู้ไหม เพราะเขายังขยับก้นไปหาก้อนอีเอ็มมาหย่อนน้ำเสียแล้วสังเกตผลด้วยตัวเอง ได้ผลก็ใช้ต่อ ไม่ได้ผลก็เลิกใช้ แต่อาจารย์นักวิชาการไม่ทำอะไรเลย จากคุณ : หมูอ้วน เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 13:09:40 A:110.77.240.246 X: TicketID:330431

ความคิดเห็นที่ 99 ตาม คห 94 เลยครับ จากคุณ : hunchback เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 13:36:27

ความคิดเห็นที่ 100 JD300 ไม่ใช่พระเจ้าเป็นยกให้เป็นพระเจ้า ถ้าไม่ทดลองให้ผมเห็น ผมก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อ ผมเชื่อเกษตรกรที่เขาทำและทดลองมาแล้วมากกว่า จากคุณ : ชอบกินหมูน้ำตก เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 13:43:44

ความคิดเห็นที่ 101 มันคนละระดับเลย คนที่บอกไช้ได้ๆๆ ก็พูดแค่ระดับ เล็กๆ มีเงื่อนไขที่ตรงกันกับการใช้ em ball ไม่เห็นมีไครพูดถึงระดับใหญ่ๆ ที่เงื่อนไขไม่ตรงกับที่ em ball ใช้ได้เลย เหอะ จากคุณ : caelum เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 14:04:20

ความคิดเห็นที่ 102 ขอให้ความคิดเห็น ในฐานะที่พอจะมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง ไม่มากนะคะ ไม่เถียงนะคะว่า EM ใช้ไม่ได้ผล มันได้ผลค่ะ แต่เป็นในแง่ของการดับกลิ่น เช่นการใช้ถูพื้น หรือราดกองขยะ แต่ในแง่ของการบำบัดเนี่ย ต้องบอกว่าจะได้ผลก็ต่อเมื่อมีสภาวะเหมาะสมจริงๆเท่านั้น เท่าที่ทราบ ไม่มีงานวิจัยไหนบอกให้นำเจ้า EM ใส่ลงไปในน้ำ/น้ำเสีย แต่จะเป็นการทดลองกับระบบบำบัดน้ำเสียมากกว่า ซึ่งระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นระบบชีวภาพ ชนิดเติมอากาศ ใช่แล้วค่ะ จุลินทรีย์ที่มีอยู่ใน EM เป็นชนิดที่ต้องการอากาศในการดำรงชีวิต หากเรานำไปหย่อนลงในน้ำที่มีออกซิเจนไม่เพียงพอ ฮีโร่ในการบำบัดจะไม่ใช่จุลินทรีย์ที่ใช้อากาศในการดำรงชีวิต (Aerobic Bacteria) แต่จะเป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้อากาศในการดำรงชีวิต (Anaerobic bacteria) ซึ่งจะก่อให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟล์ หรือก๊าซไข่เน่า ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้นี่เองค่ะ ใน EM Ball เข้าใจว่าจะต้องมีอาหารเลี้ยงเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นกากน้ำตาล ซึ่งกากน้ำตาลเนี่ย มี BOD Loading สูงมากนะคะ สมมติ เราโยนเจ้า EM Ball นี้ลงไปในน้ำ แสนลูก ค่า BOD Loading มหาศาลเลยค่ะ และคาดว่านี่คือสิ่งที่นักสิ่งแวดล้อมกลัวกัน กลัวอะไรกัน!!! ตอนนี้น้ำท่วม เรากำลังรอให้น้ำลงทะเลใช่มั๊ยคะ EM Ball ที่เราโยนลงไป พร้อมกับ BOD Load มหาศาล จะก่อให้เกิดผลกระทบอะไร แน่นอน มันลงทะเลค่ะ ลงทะเลแล้วเกิดอะไร น้ำทะเลเน่า เกิดปรากฎการณ์ยูโทรฟิเคชั่น (Eutrophication) หรือปรากฎการณ์ขี้ปลาวาฬ ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศมหาศาล นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวของเด็กผู้หญิงคนนึงค่ะ ส่วน EM Ball หากจะนำไปใช้จริงๆ คงต้องมีการศึกษากันมากกว่านี้ หรือหาวิธีการใช้ที่เหมาะสมกว่านี้ค่ะ จากคุณ : ลิตเติ้ลวิงส์ เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 15:40:36

ความคิดเห็นที่ 103 ปูนขาว vs EM vs Dasta วัดกันไปเลย จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 17:37:03

ความคิดเห็นที่ 104 แบคทีเรียสังเคราะห์แสงส่วนใหญ่ไม่ได้สร้าง ก๊าซออกซิเจน หรอกนะครับ  เป็นมายาคติของคำว่าสังเคราะห์แสงต่างหาก ลองอ่านดูนะ ผมพอจะเดาออกแล้วล่ะว่า ทำไมถึงมีคนคิดว่า EM Ball จะช่วยเพิ่มก๊าซ oxygen ให้กับน้ำได้ ทั้ง ๆ ที่มีคนพยายามอธิบายแล้วว่า จุลินทรีย์ที่อยู่ใน EM Ball นั้น อาจจะไปลดปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ หรือ Dissolved Oxygen (DO) http://www.eng.chula.ac.th/index.php?q=th%2Fnode%2F3915 http://www.youtube.com/watch?v=0920PhZHNuA นั่นเป็นเพราะ "ไม่เข้าใจ" สิ่งที่เรียกว่า "แบคทีเรียสังเคราะห์แสง" นั่นเอง (และอาจจะเข้าใจการสังเคราะห์แสงผิดอีกด้วย) นี่ไม่ใช่เป็นการมาสนับสนุนหรือโต้แย้งว่า ว่า EM Ball ช่วยหรือไม่ช่วยเรื่องน้ำเสีย หรือ ไม่ได้มาเสนอว่า ถ้าจะใช้ EM Ball หรือ EM Technology จริง ๆ แล้วควรจะใช้วิธีไหน หรือ กรณีไหน จึงทำให้เกิดประโยชน์ได้จริง ------------------------------------- [บทความ] หลายคนเข้าใจผิด คิดว่า "แบคทีเรียสังเคราะห์แสง" หรือ "Photosynthetic bacteria" มีแต่จะช่วยเพิ่ม oxygen gas ให้กับแหล่งน้ำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำเน่าเสีย  อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่แบคทีเรียสังเคราะห์แสงทุกตัวหรอกนะที่จะให้ oxygen ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจคำว่าสังเคราะห์แสงกันก่อน หลายคน (ยังคง) เข้าใจผิดว่า การสังเคราะห์แสงคือกระบวนการสร้างออกซิเจน ที่จริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น การสังเคราะห์แสงคือ การที่สิ่งมีชีวิตสังเคราะห์อาหารหรือพลังงาน "โดยใช้พลังงานจากแสง" ส่วน oxygen เป็นผลพลอยได้เท่านั้น ไม่ใช่จุดประสงค์หลัก การสังเคราะห์แสงแล้วจะได้ก๊าซออกซิเจน จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ ในกระบวนการรับส่ง electron นั้น มีโมเลกุลของออกซิเจนอยู่ในกระบวนการด้วย โดยทั่วไปก็คือโมเลกุล oxygen จากน้ำ (H2O) ซึ่งตรงนี้จะเรียกว่า oxygenic photosynthesis และ oxygenic photosynthesis ก็คือ กระบวนการสังเคราะห์แสงที่เราเรียนกันสมัยประถมและมัธยมศึกษานั่นเอง ซึ่งถ้าจำได้ ผลลัพท์ของกระบวนการนี้คือ "แป้ง" หรือ carbohydrate   ส่วน oxygen ถือเป็น by-product หรือผลพลอยได้เท่านั้น ความจริงก็คือว่า "การสังเคราะห์แสง" ของ "แบคทีเรียสังเคราะห์แสง" หลายชนิดนั้น ไม่มีออกซิเจนอยู่ในกระบวนการเลย จึงไม่มีก๊าซออกซิเจนเกิดขึ้น กล่าวคือ เป็นการสังเคราะห์แสงที่เรียกว่า anoxygenic photosynthesis  http://en.wikipedia.org/wiki/Anoxygenic_photosynthesis ------------------------------------- ขอกลับมาที่ "แบคทีเรียสังเคราะห์แสง" หรือ Photosynthetic Bacteria  จากแผนผังจาก http://j.mp/vw8Rvr ก็จะเห็นว่า แบคทีเรียสังเคราะห์แสงนั้น มีหลายชนิด แบ่งได้ง่าย ๆ ก็จะเป็น Oxygenic photosynthetic bacteria ซึ่งสร้างก๊าซออกซิเจนได้ และ Anoxygenic photosynthetic bacteria ที่ไม่ได้สร้างก๊าซออกซิเจน http://www.clfs.umd.edu/labs/delwiche/PSlife/lectures/Proteo.html มีเพียง "แบคทีเรียสังเคราะห์แสง" กลุ่ม "Cyanobacteria" เท่านั้น ที่สังเคราะห์แสงแล้วจะได้ก๊าซออกซิเจนออกมา (เป็นผลพลอยได้) คำถามที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือว่า แบคทีเรียสังเคราะห์แสงที่อยู่ใน EM Ball นั้น เป็น Cyanobacteria หรือไม่? ------------------------------------- ถ้าเราแวะไปดูข้อมูลใน website ของ EMRO (EM Research Organization, Inc) ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า EM Technology[b] ไม่ได้บอกชัดเจนว่า แบคทีเรียสังเคราะห์แสงที่ว่าเป็น species ไหน   http://www.emro-asia.com/about-em/micro-organisms-in-em.html  (ภาษาไทย) http://emrojapan.com/about-em/microorganisms-in-em.html  (ภาษาอังกฤษ) แม้ว่าเราจะไม่ทราบจาก website ว่า bacteria ที่ว่าเป็น species ไหนก็ตาม แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตุว่า [b]ไม่มีการกล่าวเลยว่า "แบคทีเรียสังเคราะห์แสง" ที่ว่านั้น สามารถผลิตออกซิเจนได้  ที่น่าสนใจก็คือ มีการระบุไว้ชัดเจนว่า แบคทีเรียสังเคราะห์แสง specie นี้ สามารถสังเคราะห์ไฮโดรเจนได้ (ข้อความที่ว่าจาก link ข้างต้นคือ "Research is also underway in its use in hydrogen production and its ability to decompose persistent substances." และ  "ภายใต้สภาพที่มีการผลิตไฮโดรเจนมันสามารถย่อยสลายสารต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง") ซึ่งจากข้อมูล "ความสามารถในการสร้างไฮโดรเจนได้" นั้น ทำให้เราคาดเดาได้ว่า "แบคทีเรียสังเคราะห์แสง" ที่ว่า น่าจะเป็นกลุ่ม non-sulpher bacteria (purple หรือ green ??) http://www.fao.org/docrep/w7241e/w7241e0g.htm#5.3.1 hydrogen production by photosynthetic bacteria ------------------------------------- ที่จริงแล้ว Cyanobacteria เอง ก็สร้างไฮโดนเจนได้นะ http://www.microbialcellfactories.com/content/4/1/36 แต่ถ้า Cyanobacteria เป็นตัวหลักของ Photosynthetic bacteria ใน EM จริงแล้วล่ะก็ ทำไมใน website ของ EMRO จึงไม่ระบุไปเลยว่า "แบคทีเรียสังเคราะแสง" ที่ว่านี้ สังเคราะห์ออกซิเจนได้ กลับกล่าวไว้ถึงเพียงแค่ไฮโดรเจน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง เชื่อได้ว่า "แบคทีเรียสังเคราะห์แสง" ที่พูดถึงกัน ว่าอยู่ใน EM Ball ตาม EM Technology นั้น หมายถึง กลุ่ม Purple bacteria เช่น Rhodopseudomonas palustris http://en.wikipedia.org/wiki/Effective_microorganism ------------------------------------- จากแผนผังเดิม http://www.life.umd.edu/classroom/bsci424/BSCI223WebSiteFiles/PhotosyntheticBacteria.htm ก็จะเห็นว่า purple bacteria นั้น เป็นกลุ่ม anoxygenic photosynthetic bacteria ซึ่งจะไม่เกิด oxygen ขึ้น เพราะเป็นการสังเคราะห์แสงแบบ anoxygenic photosynthesis ซึ่งไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับโมเลกุลออกซิเจน http://en.wikipedia.org/wiki/Anoxygenic_photosynthesis http://www.ehow.com/about_5142284_anoxygenic-photosynthesis.html http://www.clfs.umd.edu/labs/delwiche/PSlife/lectures/Proteo.html Purple bacteria นั้น ก็ยังแบ่งออกได้เป็น purple sulfer bacteria ซึ่งใช้ Sulfer จากก๊าซไข่เน่า (H2S) และ purple nonsulfer bacteria ซึ่งไม่ได้ใช้ sulfer แต่ใช้อย่างอื่นเช่น Hydrogen ในกระบวนการสังเคราะห์แสง http://en.wikipedia.org/wiki/Purple_bacteria ดังนั้นแทนที่สมการ "การสังเคราะห์แสง" จะเป็น nCO2 + 2nH2O + พลังงานแสง  (CH2O)n + nO2 + nH2O ในแบบที่เราคุ้นเคยกันตั้งแต่ประถมศึกษา มันก็จะกลายเป็น CO2 + 2H2S = CH2O + H2O + 2S แทน (ในกรณีของ purple sulfer bacteria) หรือ CO2 + 2H2A = CH2O + H2O + 2A (กรณีที่เป็น nonsulfer bacteria ซึ่ง A ก็แทนโมเลกุลอื่น ๆ นอกจาก Sulfer และ oxygen) http://www.splammo.net/bact102/102pnsb.html ซึ่งจากตรงนี้คงพอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมถึงกำจัดกลิ่นเหม็นได้ (ก็มันกำจัดก๊าซไข่เน่า Hydrogen sulfide ได้ ผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง แบบ anoxygenic photosynthesis แต่จะไม่ได้ O2 นะ ได้เป็น 2S (หรือ กำมะถัน ที่เป็น elemental sulfur) แทน ซึ่งหลังจากนี้ เจ้า elemental sulfer นี้ จะไปทำปฎิกิริยาเป็นอะไรต่อก็อีกเรื่องแล้ว ------------------------------------- นั่นก็คือ Anoxygenic photosynthesis การสังเคราะห์แสงในอีกแบบ (ที่จะไม่เกิดก๊าซออกซิเจนขึ้น) ที่คนส่วนใหญ่ (ในขณะนี้) ไม่รู้จักกัน ก็เลยหลงเข้าใจกันไปว่า เมื่อพูดถึงการสังเคราะห์แสงเมื่อใดแล้วล่ะก็ จะต้องได้ก๊าซออกซิเจนขึ้นมาเมื่อนั้น ------------------------------------- ถ้าอ่านถึงตอนนี้แล้ว หลายคนเกิดยังติดใจว่า เป็นไปได้ไหมว่า EM Ball มี cyanobacteria (ซึ่งเป็นแบคทีเรียสังเคราะห์แสงแบบสร้างออกซิเจน) แต่ว่า ผมค้นไม่พบเอง แล้วสรุปไปว่าส่วนใหญ่คือ purple bacteria (คือ ก็เป็นไปได้นะที่ผมหาไม่พบเอง  แต่ที่จริงก็มีแหล่งข้อมูลหลายแห่งบอกว่ามีแค่นี้จริง ๆ)   ก็อยากจะให้ลองพิจารณาข้อมูลนึง คือว่า เคยมีความพยายามนำ EM Ball ไปควบคุมปรากฎการณ์ที่เรียกว่า Cyanobacteria bloom (http://www.cdc.gov/hab/cyanobacteria/facts.htm#cyano) ด้วย http://www.mendeley.com/research/cyanobacteria-blooms-cannot-be-controlled-by-effective-microorganisms-em-from-mud-or-bokashiballs-14/ http://en.cnki.com.cn/Article_en/CJFDTOTAL-HJJZ201001024.htm ถ้ามีความพยายามนำไปใช้ควบคุมกำจัด cyanobacteria ดังว่านี้ ก็แสดงว่า คนที่จะนำไปใช้ก็คงจะรู้อยู่แล้วว่า ไม่น่าจะมี cyanobacteria อยู่ใน EM Ball (เพราะเราจะเอา cyanobacteria ไปโยนใส่แหล่งน้ำ เพื่อหวังให้ไปควบคุม cyanobacteria bloom ที่กระจายอยู่ในเต็มไปหมด ทำไมกัน??) ------------------------------------- [สรุป] (ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องเลยขอสรุปสามข้อดังนี้) 1. "การสังเคราะห์แสง" (Photosynthesis) นั้น มีแบบที่เรียกว่า Anoxygenic photosynthesis ด้วย คือ ไม่มีออกซิเจนเกิดขึ้น (ต่างจาก Oxygenic photosynthesis ที่เกิดขึ้นในพืช และ cyanobacteria ที่จะมี oxygen เป็นผลพลอยได้) 2. "แบคทีเรียสังเคราะห์แสง" (Photosynthetic bacteria) ที่คาดว่าจะอยู่ใน EM ball ส่วนใหญ่ เป็นกลุ่ม purple bacteria (ซึ่งจะมี cyanobacteria ร่วมด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยัน เพราะหาไม่ได้เลย ถ้าใครมีช่วยแจ้งด้วย) 3. "Purple bacteria" เป็น กลุ่ม แบคทีเรียสังเคราะห์แสง ที่เป็น Anoxygenic photosynthetic bacteria คือ เป็นแบคทีเรียสังเคราะห์แสง ที่ จะไม่เกิดก๊าซออกซิเจนขึ้นจากการสังเคราะห์แสง ------------------------------------- [หมายเหตุ] เนื่องจากผมเห็นหลายคนพูดและเขียนว่า "แบคทีเรียสังเคราะห์แสงจะเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำเสียเป็นกลไกหลัก" ผมจึงนำเสนอข้อมูลตรงนี้ ส่วนวิธีการที่เราจะนำ EM Ball ไปใช้บำบัดน้ำเสียในสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ไม่ใช่จุดประสงค์ของบทความนี้ Plin, :-p 5 พฤศจิกายน 2554 http://www.facebook.com/note.php?note_id=10150382170602590 จากคุณ : Plin, :-p เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 18:36:50

ความคิดเห็นที่ 105 ทดลองก่อนออกมาพูด นักวิทยาศาสตร์ที่ดี เมื่อมีปัญหา ก็ต้องทำการทดสอบ คนทั่วไปลองทำแล้วได้ผล ก็เลยเชื่อกัน แต่นักวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม(ออกแบบระบบแก้ไขสิ่งแวดล้อมโดยทางวิศว) และนักวิทยาศาสตร์สาขาอื่น ก็มาบอกว่าทางวิชาการที่เรียนมาบอกว่าไม่ได้ผลแน่ๆ หน้าที่ของนักวิทยาศาตร์ในสาขาที่เกี่ยวข้องโดยตรง ก็ต้องทำการทดลองหลายๆเงื่อนไข เพื่อบอกให้ได้ว่า แบบไหนที่ทำให้คนปฎิบัติทั่วไปเข้าใจว่าใช้ได้ แบบไหนที่ใช้ไม่ได้   ก็เหมือนความเชื่อเรื่องปุ๋ยเคมี ดีไม่ดีก็ต้องศึกษาแล้วบอกว่า แบบไหนดี แบบไหนไม่ดี หรือการกินยาแผนปัจจุบันกับยาแผนโบราณ ก็ต้องมีการศึกษา แต่ไม่ใช้มาบอกว่ายาแผนโบราณไม่ดีเลย หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์ไม่ดีเลย แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 54 19:25:01 จากคุณ : คนแดนไท เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 19:24:40

ความคิดเห็นที่ 106 คำชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี อีเอ็ม บอล หรือ ก้อนจุลินทรีย์ วันที่ 05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 17:27:23 น ตามที่มีการนำเสนอข่าวสารว่าการใช้ EM Ball ไม่เกิดผลในการบำบัดน้ำเสียและอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมด้วยนั้น ทำให้ผู้มีจิตอาสาจำนวนมากเกิดความสับสนและกระทบต่อการระดมอาสาสมัครช่วยทำ EM Ball ในหลายแห่งรวมถึงคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญซึ่งร่วมกับศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ABAC Flood R - SA) เร่งผลิต EM Ball ให้ได้จำนวน 100,000 ลูก ภายใน 2-3 วันเพื่อนำไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยจังหวัดนนทบุรีในสัปดาห์หน้า ดังนั้น คณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญจึงใคร่ขอชี้แจงข้อมูลอีกด้านหนึ่งเพื่อสร้างความเข้าใจผ่านสื่อมวลชน ดังนี้ 1. การทำงานของ EM Ball มิใช่เป็นการบำบัดน้ำเสียโดยตรง แต่ใช้หลักการนำเอาจุลินทรีย์ชนิดดีมีประสิทธิภาพไปแย่งอาหาร( ของเสีย ซากพืชสัตว์ที่ไหลมากับน้ำ) จากจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในน้ำที่กำลังจะเน่าเสียหรือ ในน้ำเสีย สกัดกั้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ธรรมชาติที่เป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสีย การใช้ EM Ball ในน้ำที่เริ่มจะเน่าเสียจะเห็นผลเร็วกว่าในน้ำที่เน่าเสียแล้ว 2. การผลิต EM Ball ที่จะช่วยปรับสภาพน้ำได้ต้องใช้กรรมวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม กล่าวคือ 2.1 ใช้หัวเชื้อน้ำจุลินทรีย์เข้มข้นชนิดดี มีคุณภาพซึ่งประกอบไปด้วยจุลินทรีย์กลุ่มที่ใช้ออกซิเจน กลุ่มที่ไม่ใช้ออกซิเจน และกลุ่มที่ใช้ หรือไม่ใช้ออกซิเจนก็ได้ นำมาผสมให้เจือจางในอัตราพอเหมาะเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญ 2.2 เลือกใช้สูตรและส่วนผสมในการปั้นขึ้นรูปที่มีสารอาหารน้อยที่สุดเพียงประทังชีวิตของจุลินทรีย์ชนิดดีให้พออยู่ได้ก่อนการนำไปใช้งาน เนื่องจากมีสูตรและส่วนผสมในการผลิตหลากหลายและมีความเหมาะสมในการใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ห้ามใช้สูตรที่มีส่วนผสมกากน้ำตาลหรือมูลสัตว์ซึ่งมีสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์มากเกินไป 2.3 EM Ballที่ทำเสร็จแล้วไม่สามารถนำไปใช้ได้ทันที ต้องผึ่งลมไว้เป็นเวลา 2-3 วัน ห้ามตากแดดเป็นอันขาด 3. การใช้งาน EM Ball ที่เหมาะสมต้องนำไปใช้เฉพาะพื้นที่มีสภาพน้ำท่วมขังหรือน้ำไม่ค่อยไหลเวียนและต้องใช้ในปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม EM Ball ขนาดลูกเทนนิส 1 ลูก ใช้ได้สำหรับน้ำท่วมขัง 4-5 ลบ.ม.โดยจะยังไม่เห็นผลต่อสภาพในทันทีเพราะ EM Ball จะค่อยๆ ปลดปล่อยจุลินทรีย์ออกมาทำงานต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 7 วัน หากเร่งใส่ EM Ball จนเกินจำนวนที่กำหนดจะทำให้มีสารอาหารหลงเหลือในน้ำมากเกินไปและอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสภาพน้ำได้ ทั้งนี้ EM Ball ที่ผลิตเสร็จแล้วต้องนำไปใช้ภายใน 30 วัน ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ดร.วิยดา กุนทีกาญจน์ (ปริญญาเอกด้านจุลชีววิทยา University of California, Davis) โทร. 087-715-6699 e-mail:viykun@gmail.com หรือ ดร. เชิดชัย เชี่ยวธีรกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา คณบดีคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร. 02-719-1515 คณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2554 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320488949&grpid=&catid=03&subcatid=0305 จากคุณ : คนแดนไท เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 19:42:25

ความคิดเห็นที่ 107 ใช้ได้นะครับ  อยู่ที่การเตรียมหัวเชื้อ และถ้าประยุกต์ให้เข้ากับสภาวะแวดล้อม  หรือเลือกปรับสภาวะแวดล้อมให้เข้ากับจุลินทรีย์ครับ http://onedaywheniwasyoung.** ไม่ใช่ลิควิด **/2011/11/effective-microorganisms-em.html แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 54 13:30:58 แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 54 12:30:37 แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 54 12:24:54 จากคุณ : เมธี (DPhil) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 20:45:13

ความคิดเห็นที่ 108 เพิ่งเคยเห็นหน้า อ.ธงชัย เคยแต่อ่าน Sheet จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 22:04:37

ความคิดเห็นที่ 109 http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11292123/NE11292123.html   จากกระทู้ตามลิ้งค์นี้ คห.43 บอกว่าที่จุฬามีปั้น em ball ด้วย  ก็ไหนบอกว่าอาจารย์ / นักวิชาการจุฬาออกมาพูดถึงโทษของ em ball ไงคะ เอ๊ะ ยังไงกัน ชักงงหนัก จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 22:52:40

ความคิดเห็นที่ 110 http://www.facebook.com/media/set/?set=a.2591780520575.148787.1436500061&type=1 แถลงการณ์ ปฏิบัติการนวัตกรรมกู้วิกฤติชาติ ฉบับที่ 1 เพื่อเรียกร้องความสามัคคีและสมานฉันท์ทางวิชาการและการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากน้ำเน่าเสียจากเหตุการณ์น้ำท่วมประเทศไทย ปี 2554 มีทั้งหมด 8 หน้าค่ะ จากคุณ : เชอรี่ลูกกลมๆ เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 23:12:14

ความคิดเห็นที่ 111 ไม่เถียงครับว่า EM ช่วยบำบัดน้ำเสีย แต่ต้องทำในที่ๆน้ำนิ่ง แต่สถานการณ์ตอนนี้ที่ๆเขาเอาไปโยนกันเป็นจำนวนมาก น้ำไหล น้ำเยอะ ผลลัพท์คือน้ำเน่ากว่าเดิม ไอ้ที่ทดลองๆกันนะ ทำให้ไหน??? ทำในน้ำนิ่ง ทำแล้วได้ผลก็บอกว่าเอามาโยนเลย คิดกันซะบ้างว่าสถานการณ์ไม่เหมือนกัน คุณลองทำระบบที่มีน้ำไหลผ่านเรื่อยๆแล้วเอา EM Ball วางค้างเอาไว้สิ แล้วมาดูผลกันว่าเป็นยังไง ปล่อยน้ำมาเยอะๆนะ จะได้เหมือนจริง ถ้าใครเคยทำการทดลองมาเยอะๆจะรู้เองว่าถ้าทฤษฏีบอกไว้ยังไง ของจริงจะแย่กว่าทฤษฏีแน่นอนเพราะมีตัวแปรอื่นเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าทฤษฏีบอกไม่ได้ ก็เตรียมใจได้เลยว่าทดลองให้ตายยังไงผลก็แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ขึ้นมา เพราะทฤษฏีเราถือทุกสิ่งเป็นอุดมคติซึ่งต่างจากของจริง จากคุณ : ParanoiaMaster เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 00:35:09

ความคิดเห็นที่ 112 1. Dr. Viyada Kunathigan Biodata Viyada Kunathigan was born on 3 Aril 1972 in Bangkok, Thailand. In 1989, she was admitted to the Faculty of Science, Chiang Mai University, Chiang Mai, Thailand. In 1992, she graduated with Bachelor Degree in Biology majoring in Microbiology. In 1993, she has joined a Master Degree program in Industrial Microbiology, Department of Microbiology, Faculty of Science, Chulalongkorn University, Bangkok, Thailand. After joining as a faculty member in Department of Agro-Industry, School of Biotechnology, in 1995, she got a scholarship to pursue Ph.D. degree at University of California at Davis, CA, USA, in 1999. Her dissertation is to study genes in yeast (Saccharomyces cerevisiae) that involve in the adaptation of yeast to different level of sugar during wine fermentation under supervision of Prof. Linda Bisson. Her current research interests are microbiology of wine fermentation, effect of Thai herbal extracts to control growth of some common pathogens and their application, and the quality determination and control of biofertilizer. มิได้มีเจตนาลบหลู่ท่านอาจารย์แต่ประการใดครับ เอาข้อมูลมาจากของเอแบคคับ จากคุณ : Pegatong (Pegatong) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 10:14:07

ความคิดเห็นที่ 113 In addition to her excellent teaching performance, she has also carried out some researches and other special works. Some of her special assignments and duties are as follows: - Laboratory Handbook for BS2011 (2007), and BT3014 (2005). - Member of Biotechnology QA team (2005-2007). - Curator for Faculty of Biotechnology website (2005-2007). - Supervising herbal medicine test for issuing of certificate (certified with Thai FDA), 2005-2007. - IPUS 2 (2006) undergraduate project support from TRF (Thailand Research Fund) for the project entitled “Shelf life determination for liquid biofertilizer from vegetable waste.” The project is the collaboration between the Faculty and the industrial sector (Varee (87) Co., Ltd.). - A committee member for thesis proposal examination in the Master’s degree program of Food Science and Technology at Chulalongkorn University (2006) - Supervising the undergraduate students’ researches. ต่อครับ จากคุณ : Pegatong (Pegatong) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 10:15:32

ความคิดเห็นที่ 114 อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ส่วนตัวคิดว่า em ball น่าจะ work นะคะ เหลือแค่การประชาสัมพันธ์ให้เกิดความเข้าใจวิธีการใช้ให้ถูกต้องต่อประชาชนค่ะ จากคุณ : คุณอ่อง เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 20:25:04