 |
***ถึงเพื่อนสมาชิกความคิดเห็นที่2***
เข้าใจผิดแล้วครับ! ยิ่งพวกไอ้กันถังแตกนี่แหละยิ่งต้องรีบทำสงครามเลยครับ เพราะปัจจัยการทำสงครามของพวกมะริกันในยุคนี้จะไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆครับ ประเทศอื่นอาจก่อสงครามเพราะปัญหาเรื่องเขตแดน ความแตกต่างทางศาสนาและชาติพันธุ์ หรือต้องการทรัพยากรของประเทศคู่สงคราม (เช่นอิรักบุกคูเวตเพื่อเอาน้ำมัน) แต่มะริกันนั้นทำสงครามเพราะตนเองกำลังถังแตกครับ กล่าวคือพอเริ่มทำสงครามปุ๊ปความต้ิงการยุทธปัจจัยของกองทัพจะเป็นตัวกระตุ้นให้โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศพวกแยงกี้เร่งสายการผลิตให้มากขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้คนจำนวนมากมีงานทำกันและเงินทองจะเริ่มกระจายไปทั่ว
อีกทั้งการทำสงครามนอกจากจะทำให้ภาคเอกชนของพวกไอ้กันได้เข้าไปมีผลประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจเดิมของประเทศที่แพ้แล้ว (เช่นอิรัก,อัฟกานิสถาน) บรรดาสรรพอาวุธของไอ้กันที่ใช้ในสงครามยังอาจจะได้รับอานิสงค์ขายดียิ่งขึ้นไปด้วย เพราะมีผู้ซื้อได้เห็นผลสำเร็จของมันในสงครามแต่ละครั้ง เหมือนที่ในช่วงต้นยุค80' "จรวดเอ็กซอเซ่" ของพวกเมืองน้ำหอม "ฝรั่งเศส" เกิดขายดีและโด่งดังไปทั่วโลกขึ้นมาทันตาเห็นเพียงเพราะพวก "อาร์เจนติน่า" เอาไปใช้จมเรือรบอังกฤษนั่นเองครับ
***ถึงเพื่อนสมาชิกความคิดเห็นที่6***
ส่วนตัวผมคิดว่าซาอุฯคงไม่ยอมให้พวก "อิสราเอล" ใช้ประเทศตนเองเป็นทางผ่านไปย่ำยีอิหร่านแน่นอน100เปอร์เซ็นต์ครับ เพราะอย่าลืมว่าที่ซาอุฯยอมช่วยมะริกันในสงครามอ่าวทั้ง2ครั้ง รวมถึงให้พวกจี.ไอ.เข้ามาประจำการในประเทศนั้นเป็นเพราะเขาได้รับผลประโยชน์ตอบแทนหลายอย่างครับ เช่นสามารถขายน้ำมันได้มากขึ้น ซื้อสินค้านำเข้าจากมะริกันได้ในอัตราที่ถูกลง ซื้ออาวุธสงครามรุ่นใหม่จากไอ้กันในดีลที่คุ้มค่า แต่กับพวกยิว "อิสราเอล" นั้นซาอุฯไม่มีผลประโยชน์เลยครับถ้าจะไปเป็นพันธมิตรทางการทหารด้วย เพราะอย่าลืมว่าสมัยก่อนซาอุฯกับ "อิสราเอล" เองก็เคยทำสงครามกันมาก่อน และโดยอุปนิสัยแล้วพวกแขกนั้นเกลียด "ยิว" มากกว่าพวก "แยงกี้" ครับ
(May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน
จากคุณ |
:
เจไดหนุ่ม
|
เขียนเมื่อ |
:
8 พ.ย. 54 17:44:44
|
|
|
|
 |