ความคิดเห็นที่ 1 และอันนี้คือ  น้ำยา EM กลิ่นหวานอมเปรี้ยว คล้าย น้ำมะขามปียก จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:15:50

ความคิดเห็นที่ 2 หลักการให้คะแนน  ให้คะแนน หัวข้อ สีและความขุ่น  scale 0-10  ใสมาก 0ขุ่นมาก 10 หัวข้อ กลิ่น   scale 0-10  ไม่มีกลิ่น 0  กลิ่นเหม็นมาก 10 (ปล.เพื่อป้องกันปัญหา จมูกชินชากับกลิ่นเหม็นได้ทดลองให้ สมาชิกดมผลกาแฟสดคั่วบด เพื่อปรับจมูกตามคำแนะนำ ของสมาชิก ไปด้วย) เอาคะแนนทั้งหมดแต่ล่ะคนรวมกันหาค่าเฉลี่ย ผลการทดสอบ การสังเกตุ หลังจากผ่าน 24 ชม. คะแนน สี เรียงตามลำดับ 3 = 9.8 คะแนน 9 = 8 คะแนน 5 = 6.2 คะแนน 6 = 5.6 คะแนน 1= 5.2 คะแนน 2 = 5.0 คะแนน 4 = 4.9 คะแนน 7 = 4.8 คะแนน 10 = 4.8  คะแนน 8 = 4.7 คะแนน คะแนน กลิ่น เรียงตามลำดับ 3 = 9.4 คะแนน 9 = 8.1 คะแนน 5 = 6.2 คะแนน 6 = 5.6 คะแนน 2 = 5.2 คะแนน 1= 5.0 คะแนน 4 = 4.8 คะแนน 7 = 4.8 คะแนน 8 = 4.7 คะแนน 10 = 4.7  คะแนน จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:17:23

ความคิดเห็นที่ 3 ผลการทดสอบ การสังเกตุ หลังจากผ่าน 48 ชม. คะแนน สี เรียงตามลำดับ 3 = 10 คะแนน 9 = 7.2 คะแนน 10= 5.2 คะแนน 6 = 5.1 คะแนน 4 = 4.6 คะแนน 7 = 4.4 คะแนน 2 = 4.4 คะแนน 5 = 4.0 คะแนน 1 = 3.9 คะแนน 8 = 3.8  คะแนน คะแนน กลิ่น เรียงตามลำดับ 3 = 10 คะแนน 9 = 6.8 คะแนน 10 = 4.8 คะแนน 4 = 4.6 คะแนน 6 = 4.2 คะแนน 2= 4.2 คะแนน 5 = 3.8  คะแนน 7 = 3.7 คะแนน 1 = 3.6 คะแนน 8 = 3.6 คะแนน อันนี้คือสีของน้ำ ในกระป๋องที่จัดเรียงตามลำดับสีที่ คิดคะแนนได้ แต่ลองเอามาใส่กระป๋องเล็ก ใช้กระดาษขาวรองด้านหลัง ให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น จัดลำดับใหม่เล่นๆ ให้ดู ตามอันล่าง จะเห็นว่านอกจาก สองตัวอย่างแรกที่สีเข้มขึ้นมากแล้ว  ตัวอย่างอื่นน้ำใสขึ้นมากจนแทบไม่แตกต่างกัน และสีใสค่อนข้างมาก รวมทั้งน้ำเสียที่ทิ้งไว้เฉยๆ (หมายเลข 2 เช่นกัน) จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:18:55

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อสังเกตุ ในเกือบทุกตัวอย่าง EM Ball  ที่ใช้ขนาดปกติ  และขนาดเพิ่มสิบเท่า ซึ่งมึขนาดเล็กมาก จะละลายไปหมดไม่มีเศษเหลือ แต่ว่า EM Ball ขนาดมากกว่า ปกติ 100 เท่า ( หรือ 3 กรัม )จะได้ขนาดก้อนประมาณปลายนิ้ว (1X1 ซม) จะละลายน้ำไม่หมด เหลือเป็นก้อนตกตะกอนอยู่ ปูนขาว ในบางตัวอย่าง ก็ละลายไปไม่หมดเช่นกัน ส่วน หัวเชื้อ EM  ในความเห็นที่ 3 ที่ใช้ขนาดมากกว่าขนาดแนะนำ 100 เท่าหคือ ใช้ 1:100 นี่ เข้มจนทำให้สีน้ำเปลี่ยนเข้มไปเลย อันนี้คือ ขนาด EM Ball 3 กรัม ที่ใส่ลงไปแล้ว จะละลายไม่หมด ดังนั้นไม่แปลกที่ มีคนบอกว่า ก้อนโตๆ ที่โยนกันไปตามบ้าน น้ำยุบแล้ว ยังละลายไม่หมด จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:19:43

ความคิดเห็นที่ 5 สรุป ถ้าดูจากสีน้ำ และกลิ่นในตัวอย่างต่างๆ เกือบทั้งหมด จะเห็นได้ว่า เมื่อครบ 24 ชม.น้ำเสียที่ทดสอบ มี สีและกลิ่นดีขึ้นมาก เกือบทั้งหมด และเมื่อครบ 48 ชม. ก็ดีเพิ่มขึ้นไปอีก จะเห็นได้ว่าน้ำเสีย เกือบทุกๆตัวอย่างที่ตั้งไว้เฉยๆ กลางแดด สัมผัสอากาศ มันจะใสขึ้น และ กลิ่นจางลงไปมาก อย่างชัดเจน(เทียบกับน้ำเสียเดิมนี่กลิ่นเหลือน้อยมากจน แทบไม่เหม้นเลย ) จะยกเว้น ตัวอย่างที่ 9  ที่ใช้ หัวเชื้อ EM ในขนาดสูง 100 เท่าของปกติ นั่น สีจะเปลียนมากในระยะแรก และ พบว่ามีกลิ่นของ EM ปนกับกลิ่นน้ำเสีย (กลิ่นซัลไฟด์ในระยะแรก) ค่อนข้างมาก และ เมื่อครบ 48 ชม.นี่กลับพบว่า น้ำตัวอย่างนี้ กลิ่นแรง ขึ้นกว่าเดิมมาก อย่างเห็นได้ชัดรวมทั้งสี ก็เข้มขึ้นไปกว่า น้ำเสียเดิม(สีเปลี่ยนจากสีน้ำตาลของ EM เป็นสีคล้ำ เหมือนน้ำคลำเลย แม้แต่ตัวอย่างที่ 9 ซึ่งใช้ น้ำยา EM มากกว่า ปกติ 10 เท่าก็ส่งผลเสียคล้ายๆ กัน ให้ผลแยกจากตัวอย่างอื่นๆออกไป ค่อนข้างเห็นชัด ในขณะที่  ตัวอย่างที่ 10 ที่ใช้ EM Ball  ที่ใช้ขนาดสูงกว่า ปกติ ถึง 100 เท่า วันแรกเห็นผลเสียไม่ชัดเจน  อาจจะเนื่องจาก ก้อน EM Ball อาจจะยังละลายออกมาไม่มากนัก แต่เมื่อผ่านไป ตัวสาร EM ที่ละลายออกมาจาก Ball เพิ่มในน้ำมากขึ้น ก็เริ่ม ทำให้สี และกลิ่นของน้ำเปลี่ยนไปในด้านลบเพิ่ม ดังนั้น น่าจะบอกได้ว่า ถ้าใช้ EM  ถ้าใช้จำนวนมากๆ กว่าขนาดที่แนะนำ มากๆ นี่น่าจะเกิดผลเสีย ในแง่ของการทำให้สี และกลิ่นของน้ำเสียมากขึ้น แต่ การใช้ EM Ball ขนาดปกติ (8)  และ ขนาดมากกว่าปกติ 10 เท่า (5)และ น้ำยา EM ขนาดที่ใช้ปกติ ( 6) รวมทั้งการใช้ปูนขาว  ในทุกๆขนาด ที่ใช้( 1,4,7)  นั่นพบว่า  มีความแตกต่างด้าน คุณภาพน้ำ ทางด้านกลิ่น และ สี  ใกล้ ๆ เคียงกัน และ ดึขึ้นไปกว่า การปล่อย น้ำเสียไว้เฉยๆไม่เติมอะไร (2) นิดเดียว หรือ เกือบจะบอกว่าไม่ต่างกันเลยก็ได้ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:22:22

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับตัวอย่างของน้ำเสียที่เก็บไว้ในห้องมืดไม่โดนแสง  พบว่าเปลี่ยนแปลงไปทิศทางใกล้เคียงกัน กับชุดทดสอบหลักที่ตั้งกลางแจ้ง แต่ว่าแปลกที่สีกลับเข้มน้อยกว่าพอสมควร  รวมทั้งสี ของตัวอย่างที่ 3  ก็ไม่ได้พบว่าเปลียนเป็นดำคล้ำเน่าเหมือนในชุดปกติ  แต่กลิ่น รวมๆ ไม่ต่างกันมากนัก ลองดู ลำดับความเข้มของสี สำหรับพวกอยู่ห้องมืด จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:24:42

ความคิดเห็นที่ 7 เช่นเดียวกับตัวอย่างในห้องมืด พวกชุดตัวอย่างที่ ที่ปิดฝาไว้ใม่ให้อากาศเข้าและแก๊ซระเหยออก(แต่มีอากาศเหลือในกระป๋องราวๆ 1/3 กระป๋อง) อันนี้ ก็คล้ายๆกันไม่แตกต่างกันมากนัก แต่กลิ่นจะแรงกว่า พวกตั้งเปิดฝาไว้ และ เช่นเดียวกัน ตัวอย่าง 3 ไม่ค่อยเปลี่ยนสีไปเน่าเหม็น เหมือนกับ ชุดเปิดฝา ทำให้คิดว่าการใข้ EM ขนาดสูงมาก ระดับ 100 เท่า นี่ถ้าได้รับแสง ด้วยแบคทีเรียของมันเติบโตผิดปกติหรือ จึงทำให้น้ำกลับเสียมากขึ้น ลองช่วยคิดกันหน่อยสิ ว่าเกิดจากไร ทำไม ถ้าแสงน้อย มันถึงเสียน้อยกว่า จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:26:21

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับในการทดสอบชุดนี้ อย่างที่บอกไว้แล้ว ในกระทู้ก่อนว่า เนื่องจาก สังเกตุว่าพอลงมือทำกลิ่นมันระเหยออกไปได้เองเมื่อตัวอย่างน้ำน้อยๆ เลยอยาก ลองกับปริมาณน้ำมากหน่อยเลยทำการทดสอบเพิ่ม แบบตัวต่อตัว ระหว่าง  น้ำเสีย ผสม EM Ball ตามขนาดแนะนำ และ ปูนขาว ตามขนาดแนะนำเช่นกัน ตัวอย่างเป็น น้ำเสียในถัง  จำนวน 12 ลิตร ความลึก ประมาณ 20 ซม. ถัง 1 ใส่ Em Ball ขนาดแนะนำ = 0.72 กรัม ต่อ น้ำ ลิตร ถัง 2 ใส่ ปูนขาวขนาะแนะนำ  19.2 กรัม ต่อน้ำ 12 ลิตร คะแนนสี  วันแรก (ครบ 24 ชม.) ถัง 1 6.8 ถัง 2 6.0 คะแนนกลิ่น  วันแรก (ครบ 24 ชม.) ถัง 1 6.2 ถัง 2 5.6 คะแนนสี  ครบ 48 ชม ถัง 1  4.5 ถัง 2  4.0 คะแนนกลิ่น ครบ 48 ชม ถัง 1  5.2 ถัง 2  4.8 ดูสีในถังกันน้ำใสแจ๋วเลย   แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 54 12:27:45 จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:27:35

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจับเปรียบมวย คู่นี้ ดูเหมือน ปูนขาวจะเหนือกว่านิดๆ แต่ก็ไม่หนีกันมาก แต่ชุดนี้ไม่ได้ทำคอนโทรล น้ำเสียเปล่าๆ ไว้ด้วย(เพราะว่าถังใหญ่หมด ) ปล.ข้างบนน้ำในถังมีตะกอนนอนก้นคงเห็นไม่ชัด เอา ใส่ถุงให้ดูเปรียบเทียบชัดๆๆ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:32:28

ความคิดเห็นที่ 10 แสดงว่า ปูนขาว ดีกว่า หรือเปล่าคะ พี่หมอ จากคุณ : leknoy1 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:32:53

ความคิดเห็นที่ 11 สำหรับการทดลอง ชุดที่3 ที่ เสริมเข้ามาเพื่อเพิ่มความลึกของน้ำเพื่อให้ผิวสัมผัสของน้ำกับอากาศ ได้สัดส่วนใกล้เคียงกับปริมาตรของ น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำช้ากว่า ชุดข้างบนหนึ่งวัน ใช้ท่อ แทนกระบอกเก็บน้ำ เส้นผ่าศูนย์กลางท่อยาง ประมาณ 5 ซม.แต่เวลารัดแล้วมันจะแบนลงกลายเป็นวงรี เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอยู่แถวๆ 4 ซม. คำนวนพื้นที่หน้าตัดได้ราวๆ 12.58 ตรม. ระดับน้ำ ลึก 70 ซม. คิดเป็นปริมาตร ราวๆ 880 ซีซี มีห้าตัวอย่าง 1 น้ำเสียปล่าวๆ 2 น้ำเสียบวก EM สัดส่วนที่แนะนำ 1:10,000 (0.088 CC โดยใช้วิธี Dilute 1:10 ให้ได้ค่าแม่นยำขึ้น) 3 น้ำเสีย บวก EM Ball ตามสัดส่วนที่เค้าแนะนำให้ใช้ คือ 120 กรัม ต่อ น้ำ 2 ลบ.เมตร หรือ 0.53 กรัม (กระติ๊ดเดียว) 4 น้ำเสีย บวก EM Ball  2 เท่า ของ สัดส่วนที่เค้าแนะนำให้ใช้  หรือ 1.06 กรัม 5 น้ำเสียบวกปูนขาวตามขนาดที่ ม.ชอนแก่นเคยทดลองใช้บำบัดน้ำเสียได้ผล ดีคือ 0.8 กร้ม ต่อ 500 ซีซี (เราใช้  1.4 กรัม) ลองดูตัวอย่างสี หลังเกิน 24 ชม.มาหน่อย ผมว่ามันใกล้ๆ กันหมดทุกตัว เด๋วพรุ่งนี้ค่อย เอามาดูสรุปอีกครั้ง แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 00:34:20 จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:33:04

ความคิดเห็นที่ 12 รับทราบ จากคุณ : pkmea เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:35:29

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ พี่หมอ คะ :) ถ้า ต้นทุน ปูนขาว ถูกกวา EM ปูนขาว ก็เป็ฯ แชมป์ สิคะ มวยคู่นี้ :) จากคุณ : leknoy1 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:36:51

ความคิดเห็นที่ 14 ข้างบนนั่นตัวอย่างน้ำแบ่งออกมาจากท่อมาดู สีและกลิ่น อันนี้คือตัวท่อที่ยังติดกับเสา อยู่กลางแจ้ง พรุ่งนี้ ค่อยเทน้ำทั้งหมดออกมา วัดกันข้างนอกอีกที จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:37:31

ความคิดเห็นที่ 15 สรุปของสรุป การใช้ EM Ball และน้ำยา EM ในขนาดที่เหมาะสม หรือการใช้ปูนขาว  ช่วยลดกลิ่นและสีของน้ำเน่าได้ ดีกว่าการปล่อยทิ้งไว้เล็กน้อยๆ  แต่ก็ไม่มากจนแทบ จะไม่ต่างกับไม่ใช้เท่าไร และถ้าจะเลือกใช้ EM ต้องระวังในเรื่องของขนาดทีมากเกินไป ตัวปูนขาวก็เป็นตัวเลือกที่ น่าสนใจ ทั้งนี้ทั้งนั้น คงต้องศึกษาเรืองผลกระทบอื่นๆ ต่อสิ่งแวดล้อมมาประกอบกัน แต่ถ้าเป็นไปได้ การเก็บขยะ อินทรีย์ขึ้นจากน้ำ  ให้มากทีสุด เพิ่มการไหลเวียน้ำนั่นช่วยให้น้ำดีขึ้นแน่ๆ ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใดๆ ทั้งสิ้น จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:38:23

ความคิดเห็นที่ 16 เชิญร่วมอภิปรายตั้งข้อสังเกตุ กันได้ตามสะดวก ปล.การทดลองนี้ทำขึ้นเพื่อตอบคำถามที่อยากรู้ของตัวเองและเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้รัดกุมนัก  อยากให้คนที่เกี่ยวข้องโดยตรง  หรือ ผู้สนใจ ลองขยายการทดลองออกไปให้กว้างขึ้นกว่านี้อีก วันนี้ดูข่าวเห็นว่า ทาง กรมควบคุมสิ่งแวดล้อม (ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนให้ใช้ )  ก็กำลังทดลอง โยน Ball ลงในคลอง คงต้องติดตามดูว่าเค้ามีการควบคุมตัวแปรเปรียบเทียบอย่างไรบ้าง อ้อ อีกเรื่องที่คิดว่า เสียเวลาฟรี ก็คือการใช้ EM ขนาดสูงมาๆ เกินไปแบบตอนแรกกลัวขนาดที่ใช้ จะน้อยไปเลยเผื่อไว้เผื่อจะได้ขนาดที่ดีกว่า เลยใช้หลักการเพิ่มทีล่ะสิบเท่า  แต่กลายเป็นว่า Safety Range มันน้อยใช้มากเกิน เน่าเลย อิๆ แต่ ก็มองข้ามอันนั้นไปได้ ครับ แค่รู้ผลของมัน ดูตรงส่วน ขนาดแนะนำก็พอ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:40:10

ความคิดเห็นที่ 17 อันนี้ ของแถมสำหรับคนที่สนใจ ค่า PH ของชุดที่ตั้งกลางแจ้งเปิดฝา (ชุดทดสอบหลัก) 1 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสมปูนขาว 0.8 กรัม (เป็นสัดส่วนที่ทาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยทดสอบว่าให้ผลในการบำบัดได้ดีสุด)   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 6.5   //  24 hr หลังทดสอบ = 6  // 48 hr หลังทดสอบ = 8 2 น้ำเสีย 500 ซีซี ไม่ผสมอะไรเลย   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 7   //  24 hr หลังทดสอบ = 8  // 48 hr หลังทดสอบ = 8 3 น้ำเสีย 500 ซีซี ผสมน้ำยา EM 5 cc 1:100 (สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 100 เท่า)   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 6   //  24 hr หลังทดสอบ = 9  // 48 hr หลังทดสอบ = 9 4 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสมปูนขาว 1.2 กรัม ( มากกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4 กรัม)   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 7   //  24 hr หลังทดสอบ = 9  // 48 hr หลังทดสอบ = 9 5 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสม EM Ball 0.3 กรัม (  10 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ )   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 7   //  24 hr หลังทดสอบ = 8  // 48 hr หลังทดสอบ = 8 6 น้ำเสีย 500 ซีซี ผสมน้ำยา EM 0.5 cc 1:10,000 ( ขนาดแนะนำปกติ )   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 8   //  24 hr หลังทดสอบ = 8  // 48 hr หลังทดสอบ = 8 7 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสมปูนขาว 0.4 กรัม ( น้อยกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4)   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 6.5   //  24 hr หลังทดสอบ = 8  // 48 hr หลังทดสอบ = 8 8 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสม EM Ball 0.03 กรัม ( ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ )   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 8   //  24 hr หลังทดสอบ = 7  // 48 hr หลังทดสอบ = 8 9  น้ำเสีย 500 ซีซี ผสมน้ำยา EM 0.5 cc 1:1,000 ( สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 10 เท่า)   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 6   //  24 hr หลังทดสอบ = 9  // 48 hr หลังทดสอบ = 9 10 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสม EM Ball  3 กรัม ( 100 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ )   ค่า PH ที่วัดได้ // 2 hr หลังทดสอบ = 7   //  24 hr หลังทดสอบ = 9  // 48 hr หลังทดสอบ = 9 จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:40:52

ความคิดเห็นที่ 18 อันนี้ ของแถมชุดที่สอง จำนวนปลาที่ตาย และช้อน ออก เมื่อเวลาผ่านไป   (แต่อย่างที่บอกแล้ว คราวนี้ไม่ได้เน้นเรื่องปลามันมีหลายปัจจัยร่วมด้วย  เอามาให้คนที่ต้องการทราบ แค่นั้น) 1 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสมปูนขาว 0.8 กรัม (เป็นสัดส่วนที่ทาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยทดสอบว่าให้ผลในการบำบัดได้ดีสุด) //12 ชม.ตายรวม 0 ตัว  // 24 ชม.ตาย รวม 1 ตัว  // 36 ชม. ตายรวม 1 ตัว // 48 ชม.ตายรวม 2ตัว // ครบ 48 ชม.เหลือรอด 3 ตัว 2 น้ำเสีย 500 ซีซี ไม่ผสมอะไรเลย ครบ 48 ชม.ปลาอยู่ครบหมด 5 ตัวไม่มีตาย 3 น้ำเสีย 500 ซีซี ผสมน้ำยา EM 5 cc 1:100 (สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 100 เท่า) //12 ชม.ตายรวม 0 ตัว  // 24 ชม.ตาย รวม 4 ตัว  // 36 ชม. ตายรวม 5 ตัว // 48 ชม.ตายรวม 5 ตัว // ครบ 48 ชม.เหลือรอด 0 ตัว 4 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสมปูนขาว 1.2 กรัม ( มากกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4 กรัม) //12 ชม.ตายรวม 0 ตัว  // 24 ชม.ตาย รวม 0 ตัว  // 36 ชม. ตายรวม 1 ตัว // 48 ชม.ตายรวม 1 ตัว // ครบ 48 ชม.เหลือรอด 4 ตัว 5 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสม EM Ball 0.3 กรัม (  10 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) ครบ 48 ชม.ปลาอยู่ครบหมด 5 ตัวไม่มีตาย 6 น้ำเสีย 500 ซีซี ผสมน้ำยา EM 0.5 cc 1:10,000 ( ขนาดแนะนำปกติ ) //12 ชม.ตายรวม 0 ตัว  // 24 ชม.ตาย รวม 1 ตัว  // 36 ชม. ตายรวม 1 ตัว // 48 ชม.ตายรวม 1 ตัว // ครบ 48 ชม.เหลือรอด 4 ตัว 7 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสมปูนขาว 0.4 กรัม ( น้อยกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4) ครบ 48 ชม.ปลาอยู่ครบหมด 5 ตัวไม่มีตาย 8 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสม EM Ball 0.03 กรัม ( ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) ครบ 48 ชม.ปลาอยู่ครบหมด 5 ตัวไม่มีตาย 9  น้ำเสีย 500 ซีซี ผสมน้ำยา EM 0.5 cc 1:1,000 ( สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 10 เท่า) //12 ชม.ตายรวม 1 ตัว  // 24 ชม.ตาย รวม 1 ตัว  // 36 ชม. ตายรวม 2 ตัว // 48 ชม.ตายรวม 2 ตัว // ครบ 48 ชม.เหลือรอด 3 ตัว 10 น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสม EM Ball  3 กรัม ( 100 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) //12 ชม.ตายรวม 0 ตัว  // 24 ชม.ตาย รวม 0 ตัว  // 36 ชม. ตายรวม 1 ตัว // 48 ชม.ตายรวม 5 ตัว // ครบ 48 ชม.เหลือรอด 0 ตัว จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:41:42

ความคิดเห็นที่ 19 น่าสนใจมากค่ะ (ถึงไม่กระดิกชีวะเลย) แต่สงสัยนิดนึงเรื่องค่าเฉลี่ยว่ามีข้อมูลกระโดดหรือเปล่า พวก sd & Median เป็นอย่างไรคะ ยังไงก็ขอคารวะด้วยใจจริงค่ะ จากคุณ : jackfruit_k เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:42:01

ความคิดเห็นที่ 20 Factor ที่เป็นน้ำเสียที่ยังมีสารอินทรีย์ปนเปื้อนอยู่ในน้ำที่ปริมาณแตกต่างกัน ... โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน .... ??? Effective All Conditions ??? รึป่าวครับ จากคุณ : -=.Gay-E-Cha.=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:44:37

ความคิดเห็นที่ 21 RIP ปลาทั้ง 16 ตัว ...เรียกอาจารย์ปลาใหญ่ได้ไหมนะ จากคุณ : tuinui98 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:48:37

ความคิดเห็นที่ 22 _/_ มาไว้อาลัยให้ปลาน้อยผู้สละชีพคะ จากคุณ : leknoy1 (leknoy1) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:50:05

ความคิดเห็นที่ 23 สรุปคือไม่ต้องเติมอะไรก็ได้  ตัวควบคุมยังสะอาดเองได้ จากคุณ : DangDame เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:51:26

ความคิดเห็นที่ 24 กด Like ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  :) จากคุณ : ToonFx เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 00:54:57

ความคิดเห็นที่ 25 คุณหมอเจคะ พอจะทราบได้หรือไม่คะว่า EM Ballที่นำมาทดลองมีดินโดโลไมท์เป็นส่วนประกอบในก้อนรึเปล่า เพราะโดโลไมท์มีคุณสมบัติบางประการคล้ายๆปูนขาวค่ะ แร่ดินโดโลไมท์ มีสูตรเคมีคือ CaMg(CO3)2 มีCaOและMgO สามารถจับกับซัลเฟตในน้ำเสียได้ สามารถปรับpHให้สูงขึ้นได้ ลดแก็สกลิ่นเสียในน้ำ คุณสมบัตินี้ใกล้เคียงกับปูนขาวค่ะ เกษตรกรนิยมนำโดโลไมท์มาปรับสภาพน้ำในฟาร์มเลี้ยงปลากันค่ะ จากคุณ : miscellaneous เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:04:45

ความคิดเห็นที่ 26 ขอชื่นชมเลยครับ ขยันจริงๆ ถ้าอย่างนี้ก็พอบอกได้หรือเปล่้าครับว่า EM ให้ผลดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เล็กน้อย ที่ควรระวังคือ อย่าใส่มากเกินไป อาจมีผลเสียได้ ส่วนใส่น้อยไป ก็ไม่เป็นไร ส่วนปูนขาวก็ได้ผลเหมือนกัน ดังนั้นอาจต้องดูความคุ้มค่า และผลกระทบด้านอื่นเพิ่มเติม เพื่อตัดสินใจเลือกสนับสนุนในระยะยาวครับ มีข้อสงสัยเล็กน้อยครับ - การขนย้ายน้ำ มีผลต่อการละลาย O2 เข้าสู่น้ำหรือไม่ - การกรอกน้ำลงภาชนะบรรจุน้ำ มีผลต่อการละลาย O2 เข้าสู่น้ำหรือไม่ - ผิวสัมผัสของน้ำ ในรูปทรงของภาชนะ มีผลต่อการละลาย O2 เข้าสู่น้ำหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 01:16:49 จากคุณ : vermillion เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:09:30

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าผลระยะสั้น เรื่องกลิ่นคงช่วยได้เหมืิอนๆกันแต่ระยะยาว ผมไม่ทราบว่าปูนขาว และ EM มีผลต่อดินหรือไม่ แต่เท่าที่ดูผลการทดลอง EM เป็นอันตรายต่อสัตว์ น้ำมากกว่าปูนขาวแน่นอนซึ่งถ้าสิ่งนี้ตกค้างมากๆ อาจมีผลต่อระบบนิเวศและถ้ารัฐเห็นเป็นน้ำยาวิเศษ เหมือนNGOหรือทหารเมื่อไหร่้ แล้วเริ่มใช้ EM ตั้งแต่ต้นน้ำเช่นนครสวรรค์อาจกระทบวิธีชีวิตรคนจับปลา หรือปลาวางไข่แน่นอนและถ้าแย่กว่านั้น อาจเป็นสาเหตุให้ปลาสูญพันธุ์ก็เป็นได้ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 03:07:48 จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:10:44

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นประโยขน์มากครับ ขอบคุณยิ่ง คงทำให้หลายคนลืมตาดื่นเสียที ยังดีไม่ขนาดต้องจุดธูปไหว้Em ball จากคุณ : Bpalm เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:11:05

ความคิดเห็นที่ 29 Anaerobic digestion is a series of processes in which microorganisms break down biodegradable material in the absence of oxygen, used for industrial or domestic purposes to manage waste and/or to release energy. The digestion process begins with bacterial hydrolysis of the input materials in order to break down insoluble organic polymers such as carbohydrates and make them available for other bacteria. Acidogenic bacteria then convert the sugars and amino acids into carbon dioxide, hydrogen, ammonia, and organic acids. Acetogenic bacteria then convert these resulting organic acids into acetic acid, along with additional ammonia, hydrogen, and carbon dioxide. Finally, methanogens convert these products to methane and carbon dioxide.[1] It is used as part of the process to treat biodegradable waste and sewage sludge[2] As part of an integrated waste management system, anaerobic digestion reduces the emission of landfill gas into the atmosphere. Anaerobic digesters can also be fed with purpose-grown energy crops such as maize.[3] Anaerobic digestion is widely used as a source of renewable energy. The process produces a biogas, consisting of methane and carbon dioxide. This biogas can be used directly as cooking fuel, in combined heat and power gas engines[4] or upgraded to natural gas quality biomethane. The utilisation of biogas as a fuel helps to replace fossil fuels. The nutrient-rich digestate that is also produced can be used as fertilizer. The technical expertise required to maintain industrial scale anaerobic digesters coupled with high capital costs and low process efficiencies had limited the level of its industrial application as a waste treatment technology.[5] Anaerobic digestion facilities have, however, been recognized by the United Nations Development Programme as one of the most useful decentralized sources of energy supply, as they are less capital intensive than large power plants.[6] จากคุณ : ประมาณนี้แหละ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:11:37 A:58.8.139.76 X: TicketID:325429

ความคิดเห็นที่ 30 ขอปรกมือดังๆให้กับความพยายามของคุณหมอครับ ส่วนตัวผมเองก็เชื่อว่า EM มีประโยชน์ แต่ไม่เหมาะกับการใช้แก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในตอนนี้ จากคุณ : replay เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:12:56

ความคิดเห็นที่ 31 ติดตามอย่างใกล้ชิด น่าสนใจดีค่ะ ขยันจังเลยค่ะ ปล.RIPน้องปลาด้วยคนT.T จากคุณ : กดไลค์ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:20:43 A:113.53.128.168 X: TicketID:328519

ความคิดเห็นที่ 32 สรุปให้คนบางคนเข้าใจอีกครั้ง  EM Ball "ไม่"ทำให้กลิ่น และน้ำเสียดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  "ไม่ควรนำไปใช้ให้เปลืองแรง" การเก็บขยะ อินทรีย์ขึ้นจากน้ำ  ให้มากทีสุด เพิ่มการไหลเวียนน้ำให้ผลดีกว่า ซ้ำร้าย หากใส่ EM เยอะเกินไป น้ำเน่ายิ่งกว่าเก่า กลิ่นแรงขึ้น เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:22:41

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณหมอ J มากๆ ครับ อุตส่าห์สละเวลามาทำการทดลองให้ อยากให้คนที่มีคำถามสงสัย ช่วยกันทดลองเพิ่มเติมครับ จะเกิดประโยชน์อย่างมากครับ จากคุณ : ลุงปลาทองสีนำ้เงิน (platong_trumpet) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:23:06

ความคิดเห็นที่ 34 #27 จากผลการทดลอง ถ้าใส่ในขนาดที่แนะนำ ปูนขาวอันตรายต่อสัตว์มากกว่า EM ไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : ผ้าปูโต๊ะสีฟ้า เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:23:23

ความคิดเห็นที่ 35 เท่าที่ดู สรุปง่ายๆ อีกรอบ จะเป็นว่า การเติมน้ำยา EM เฉย ๆ ไม่ค่อยจะเหมาะสมในเชิงกายภาพ และมีผลเสียมากกว่า เพราะผลออกมายังแพ้ ปล่อยน้ำทิ้งไว้เฉย ๆ สำหรับพื้นที่แคบที่ทดลอง คุณสมบัติเชิงกายภาพ ทั้ง ปล่อยเฉย ๆ(เบอร์2) EM Ball(เบอร์8) กับ ปูนขาว(เบอร์1) ก็ได้พอ ๆ กันในเชิง กลิ่นและสี แต่การใส่ EM Ball ดีกว่าเล็กน้อย และทำปฎิกิริยาได้เร็วกว่า ปูนขาว ไม่มีตะกอนตกค้าง แต่ในพื้นที่ใหญ่ ปูนขาวเห็นผลได้ดีกว่าอย่างชัดเจน แต่ที่แตกต่างกันลึก ๆ คือ ในแง่ของปลา กรณีพื้นที่แคบ การใส่ EM Ball ในปริมาณที่ถูกต้อง ปลา ไม่ตาย เช่นเดียวกับการปล่อยไว้เฉย ๆ แตกต่างกับ ปูนขาวที่ใส่แล้วปลาตาย (แต่ผมคิดว่าในพื้นที่กว้าง ปลา คงไม่ตายเพราะมีพื้นทีรับอากาศจะมากกว่าบนผิวน้ำ) สุดท้าย ใส่ EM Ball ในปริมาณที่ถูกต้องดีกว่าไม่ใส่เลย แต่ถ้าใส่มากเกินจะก่อผลเสียมากกว่าปูนขาวมากเพราะจะทำให้น้ำเน่าได้ง่ายกว่า สำหรับปูนขาว ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี แต่คงต้องดูเรื่องสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย เพราะปูนขาวส่งผลให้น้ำเป็นด่างสูง มีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมสูงกว่า EM Ball แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 01:28:01 จากคุณ : สายชล (anable) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:23:39

ความคิดเห็นที่ 36 สรุปได้คร่าวๆว่า แยกขยะออกจากน้ำ แล้วให้ธรรมชาติดูแลให้ เหมือนที่การทดลองนี้แยกเฉพาะน้ำมาทดลอง เป็นวิธีที่เซฟที่สุดชัวร์สุด ไม่ต้องกังวลว่ามากไปหรือน้อยไป ได้ผลคุ้มค่าใกล้เคียงการเติมปูนขาวหรือ em ในน้ำที่แยกขยะแล้ว งั้นเปลี่ยนอาสาสมัครไปทำงานอื่นดีกว่าแฮะ จากคุณ : BLiNDiNG เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:42:02

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณอาหมอครับที่ทดลองให้ชมกัน ผมไม่เห็นสภาพน้ำท่วมแถวนั้นว่าเป็นอย่างไร (อยู่ไกลครับ) ขอเอาจากสภาพที่เคยเห็นมา และจากอาหมอสรุป ถ้าอาหมอจะลองต่อ แนะนำตักดิน/โคลนมาด้วย เพราะส่วนที่เป็นอินทรียสารมักจะตกอยู่บนหน้าดิน ในมวลน้ำ มันเหลือไม่มากแล้ว เห็นได้จากตัวควบคุมได้ผลแทบไม่ต่างกับตัวใส่สารอื่นๆ ถ้าในบริเวณนั้นมีอินทรียสารมากขึ้น เราอาจจะเห็นความต่างของแต่ละการทดลองมากขึ้นครับ จากที่อาหมอสรุป อันที่ใส่ไปเยอะเช่น3,9,10 ยังไม่ค่อยดีขึ้น คงเพราะสิ่งที่ใส่ลงไปนั้น ส่วนหนึ่งเป็นอินทรียสารด้วย ซึ่งประมาณคงยังมากอยู่ จุลินทรีย์เลยย่อยไม่ทัน ในบริเวณน้ำท่วม บางส่วนก็จะเป็นดิน โคลน หรือขยะ ตรงนี้มักจะมีอินทรียสารมาก และจะเป็นจุดก่อให้เกิดกลิ่น มากกว่า พวกที่เป็นพื้นถนน พื้นคอนกรีต อีกอย่างหนึ่ง อาหมอลองแบ่งเอาพวกที่ยังแย่อย่าง 3,9,10 มาครึ่งหนึ่ง แล้วใส่ปูนขาวดู เพราะอยากรู้ว่าปูนขาวจะช่วยในกรณีมีอินทรียสารมากเกินไปได้หรือไม่ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 02:00:49 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 01:52:04 จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:43:35

ความคิดเห็นที่ 38 ที่น้ำมีกลิ่น เพราะว่า ซัลไฟด์ รวมกับ ไฮโดรเจนอิออน เป็นกาซไข่เน่า จึงได้กลิ่น ที่น้ำไม่มีกลิ่น ที่มี พีเอช สูง เพราะว่า ซัลไฟด์ ไม่ได้รวมกับ ไฮโดรเจนอิออน ดังนั้น ไม่มีกลิ่นเหม็น การเติมปูนขาว จึงสามารถ กำจัดกลิ่นได้ จากคุณ : phon77 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:47:38

ความคิดเห็นที่ 39 พึ่งมาเห็นผล ไม่ได้อ่านกระทู้ก่อนหน้า ถ้าอ่านเสียก่อน ก็จะได้ส่งเครื่องวัดความขุ่นกับเครื่องวัดสีในน้ำไปให้ยืม ส่วนการวัดกลิ่นนั้นจนปัญญา จริงๆ แล้วน่าจะตัดการวัดกลิ่นออก เพราะความลำเอียงมีมาก และการใช้จมูกคนเป็นตัววัดนั้นมีความไม่แน่นอนสูง - ที่คุณหมอทดลองนั้นทางวิชาการเรียกว่าเป็นการทดลองแบบ quasi experiment กล่าวคือเป็นกึ่งการทดลอง ขาดองค์ประกอบเพียงอย่างเดียวคือการสุ่มตัวอย่างน้ำท่วมขัง หากการเลือกน้ำท่วมขังเป็นการสุ่มตัวอย่างแบบไม่เฉพาะเจาะจง ก็จะเป็น experment จริงๆ และสามารถเขียนสัญญลักษณ์การศึกษาได้เป็น ชุดควบคุม N -    - O ชุดทดลอง N - X - O (N นั้นเป็น non-randomized ส่วน O นั้นเป็น post-test) ข้อเสนอแนะเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการเพิ่ม validity ของการศึกษา - สุ่มตัวอย่างน้ำเสียหรือ object แบบไม่เฉพาะเจาะจง (หมายถึงทดลองกับน้ำเสียไหนๆ ก็ได้) - แต่ละชุดที่มีการกำหนดตัวแปรต่างกัน อาจทำ 2 ซ้ำ (duplicate) หรือ 3 ซ้ำ (triplicate) - ใช้วิธีการตรวจวัดที่แน่นอนขึ้น (เช่นใช้เครื่องวัดสี เครื่องวัดความขุ่น หรือวัดบีโอดี) - อาจมีการเก็บข้อมูลทั้งก่อน (pre-test) และหลัง (post-test) เพื่อให้มั่นใจว่าการทดลองนั้นอยู่ในสภาวะเดียวกัน ชุดควบคุม R - O -    - O ชุดทดลอง R - O - X - O (R คือ randomized ส่วน O นั้นเป็น pre-test กับ post-test) จากคุณ : vandyman เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:47:59

ความคิดเห็นที่ 40 ความรู้ที่แท้จริง บางครั้ง คนมักไม่ยอมรับ เช่น สมัยหนึ่ง คนส่วนใหญ่เชื่อว่า โลกแบน ใครบอกว่า โลกกลม ก็โดนหาว่า บ้า คนส่วนใหญ่ เชื่อว่า โลก เป็นศูนย์กลางระบบสุริยะจักรวาล ใครมาบอกว่า แท้จริง แล้ว ดวงอาทิตย์ เป็นศูนย์กลางระบบสุริยะจักรวาล ก็โดนหาว่า บ้า กับความรู้ครึ่งๆกลางๆ  ยิ่งเป็นอันตราย ไม่รู้ เสียเลยจะดีกว่า บางคนรู้ครึ่งๆกลางๆ เอาความไม่รู้  มาปนกับความรู้ ที่รู้ไม่จริง มาพูด มาบอกให้คนอื่นเชื่อ แบบนี้อันตรายมากๆ เช่น การใช้ EM ของชาวบ้าน ทั่วไป วิศวกรด้านสิ่งแวดล้อม มาบอกมากล่าว ก็ไม่มีคนเชื่อ บางคนบอกว่า EM กำจัดกลิ่นได้ ตรงนี้ คนที่บอกว่า กำจัดกลิ่นได้ รู้ไหมว่า ทำไมมันกำจัดกลิ่นได้ คนที่ใช้ ไม่มีใครรู้ ถ้ารู้ รับรองว่า จะไม่ใช้ ลองเอา EM ใส่กองอุจจาระดู กองอุจาระ จะไม่มีกลิ่น ผ่านไปไม่นาน (2-3 วัน) กองอุจจาระ ก็จะกลับมามีกลิ่นอีก ก็ต้องใส่  EM ลงไปอีก ทำแบบนี้ ไปเรื่อยๆ ในขณะที่ กองอุจจาระ ก็ยังอยู่อย่างเดิม พร้อมกับ เปลี่ยนสภาพ จากก้อนแข็งๆกลายเป็นกองน้ำที่เลอะออกไป (จากน้ำหมักEM) ผลคือ ใช้  EM  ระงับกลิ่น เหมือน คนที่ถูกพิษ แล้ว ยิ่งดื่มยาพิษ เข้าไปมากยิ่งขึ้น (ตรงนี้ ผมมีประสบการณ์จากส้วมที่บ้านตัน ก็มีกลิ่น ใส่ EM แล้ว ดับกลิ่นได้จริง แต่ว่า อุจจาระเปลี่ยนเป็นกองน้ำสีออกน้ำตาลดำๆ) ตอนนี้ มาดู กระบวนการกำจัดของเสีย เมื่อมีการเน่าเกิดขึ้น จึงจะมีกลิ่น การย่อยสลายแบบนี้ คือ กระบวนการย่อยโดยไม่มีอากาศ มีขั้นตอน 2 ขั้นตอนใหญ่ คือ ขั้นตอนที่ 1 การเปลี่ยนสารอินทรีย์ทั้งหมด ให้เป็นกรดอินทรีย์ ขั้นตอนที่ 2 การเปลี่ยนกรดอินทรีย์ ให้เป็นกาซชีวภาพ (กาซมีเทน) ในขั้นตอนที่ 1 จะไม่มีกลิ่นเกิดขึ้น เพียงแต่สารอินทรีย์เปลี่ยนรูป ไปเป็นกรดอินทรีย์(อาจมีกลิ่นเปรี้ยว) ส่วนขั้นตอนที่ 2 จะมีกลิ่นเกิดขึ้น ถ้า ระบบอยู่ในสภาวะที่เป็นกรด ซัลเฟอร์ (กำมะถัน) จะรวมตัวกับกรด เกิดเป็น กาซไข่เน่า การใส่ EM ลงไป ทำให้ ขั้นตอนที่ 2 ไม่เกิดขึ้น ก็ไม่มีกลิ่นเหม็น เกิดขึ้น หลายคนก็นึกไปว่า มีการกำจัดน้ำเสีย หรือของเสียแล้ว เป็นการเข้าใจที่ผิด เพราะว่า ไม่รู้ ในทางวิชาการ ของเสีย ที่เป็น คาร์โบไฮเดรท จะถูกย่อยสลาย แล้ว ได้ กาซคาร์บอนไดออกไซค์กับน้ำ ของเสีย ที่เป็น ไขมัน และโปรตีน จะถูกย่อยสลาย แล้ว ได้ กาซไนโตรเจน ไม่ใช่ เปลี่ยนรูปดังที่ EM ทำงาน แล้วคนในสังคม ส่วนใหญ่ ไม่รู้ ก็มีความเชื่อที่ผิดๆ สำหรับ ความรู้ ด้าน EM  และการกำจัดของเสีย ผมกล้าท้า คนทั้งโลก มาพูดคุยวิจารณ์ ได้ครับ จากคุณ : phon77 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:51:37

ความคิดเห็นที่ 41 มาตามดูผล น่าสนใจดีครับ ปล.หมอเจ อย่าพึ่งทิ้งนะ อยากให้ทิ้งต่อไปอีกซัก เจ็ดวันครับ ^_^ จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:56:25

ความคิดเห็นที่ 42 @vandyman พี่ครับ เหมือนผมจะเคยเจอในวิชาPre DOE มาเหมือนกันครับ แต่...เราจะสามารถหยวนๆกันไปได้ไหมครับ ในกรณีที่เราเก็บตัวอย่างน้ำมาจากแหล่งเดียวกันครับ :) จากคุณ : ToonFx เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 01:59:10

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 10    แสดงว่า ปูนขาว ดีกว่า หรือเปล่าคะ พี่หมอ จากคุณ : leknoy1  สูสีกันครับ แต่ปูนขาวหาง่ายกว่าถูกกว่า ส่วนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต้องดูกันต่อ ความคิดเห็นที่ 13    ขอบคุณ พี่หมอ คะ :) ถ้า ต้นทุน ปูนขาว ถูกกวา EM ปูนขาว ก็เป็ฯ แชมป์ สิคะ มวยคู่นี้ :) จากคุณ : leknoy1  ผมให้เสมอกันนะ มันสูสีกันมก รักใครชอบใครเลือกกันเอง ถ้าให้แช้มป์ ผมให้น้ำเสียๆเปล่าๆ ยืนกอดอกเฉยๆ  ไม่ต้องชกก็ทำแต้มได้เท่ากันเอา ตังค์ไปซื้ออุปกรณ์ แล้วเอาแรงไปโกยขยะออกจากน้ำช่วยได้มากกว่า  ความคิดเห็นที่ 19    น่าสนใจมากค่ะ (ถึงไม่กระดิกชีวะเลย) แต่สงสัยนิดนึงเรื่องค่าเฉลี่ยว่ามีข้อมูลกระโดดหรือเปล่า พวก sd & Median เป็นอย่างไรคะ ยังไงก็ขอคารวะด้วยใจจริงค่ะ ค่าเฉลี่ยมีกระโดดเหมือนกันครับเพราะว่า อย่างว่าใช้ความรู้สึกและใช้คน ล่ะคน มาตรฐานแต่ล่ะคน ที่ให้คะแนนต่างกัน แต่รวมๆ แล้วผมเอามาเทียบกับทีลองดูเอง ก็ใกล้เคียง ดูตัวอย่างสี ที่เรียงดูก็ได้ แต่ว่าจะเห็นได้ว่าผลจริงๆมัน จับกลุ่มกันแน่นเลย คือ กลุ่มใหญ่ไม่ค่อยต่างกันเลย มีไปโดด ไอ้สองสามตัวเน่าๆด้านบนเท่านั้น นอกนั้นดีขึ้นรวมทั้ง อยู่เฉยๆ ก็ดีเอง ความคิดเห็นที่ 20    Factor ที่เป็นน้ำเสียที่ยังมีสารอินทรีย์ปนเปื้อนอยู่ในน้ำที่ปริมาณแตกต่างกัน ... โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน .... ??? Effective All Conditions ??? รึป่าวครับ จากคุณ : -=.Gay-E-Cha.=-  งง ครับ  หมายถึงอะไรเอ่ย เพราะว่า ตัวอย่างน้ำ อันนี้ เป็นตัวอย่างเดียวกัน ตักมาทดสอบพร้อมๆกัน น่ะคับ ความคิดเห็นที่ 21    RIP ปลาทั้ง 16 ตัว ...เรียกอาจารย์ปลาใหญ่ได้ไหมนะ จากคุณ : tuinui98  ไม่ได้ครับ ต้องเรียกอจ.ใหญ่ปลาน้อย ครับ ร่างท่านนิดเดียว  ความคิดเห็นที่ 22    _/_ มาไว้อาลัยให้ปลาน้อยผู้สละชีพคะ จากคุณ : leknoy1 (leknoy1) ไม่ได้ๆๆ ต้อง อาลัย ให้ อจ.ใหญ่ปลาน้อย ความคิดเห็นที่ 23    สรุปคือไม่ต้องเติมอะไรก็ได้  ตัวควบคุมยังสะอาดเองได้ จากคุณ : DangDame  จากการทดลอง แค่ตั้งทิ้งไว้เฉยๆ ก็ได้ผลใกล้เคียงกันอันนึง คิดว่ามันสัมผัสอากาศมาก เด๋วรอชุดที่สัมผัสอากาศน้อยใกล้เคียงปกติอีกทีครับ อีกอย่างมันเอาออกมาจากแหล่งน้ำไม่มีโคลนด้านล่าง เลยไม่ค่อยมีของเสียเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ตั้งไว้แก๊ซระเหยออกไป ตะกอนอื่นตกลงไป เลยใส และหายเหม็น เหมือนกับบ่อบำบัด ที่ใช้น้ำตากแดดตกตะกอน ความคิดเห็นที่ 24    กด Like ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  :) จากคุณ : ToonFx  กด คืนให้ครับ ความคิดเห็นที่ 25    คุณหมอเจคะ พอจะทราบได้หรือไม่คะว่า EM Ballที่นำมาทดลองมีดินโดโลไมท์เป็นส่วนประกอบในก้อนรึเปล่า เพราะโดโลไมท์มีคุณสมบัติบางประการคล้ายๆปูนขาวค่ะ แร่ดินโดโลไมท์ มีสูตรเคมีคือ CaMg(CO3)2 มีCaOและMgO สามารถจับกับซัลเฟตในน้ำเสียได้ สามารถปรับpHให้สูงขึ้นได้ ลดแก็สกลิ่นเสียในน้ำ คุณสมบัตินี้ใกล้เคียงกับปูนขาวค่ะ เกษตรกรนิยมนำโดโลไมท์มาปรับสภาพน้ำในฟาร์มเลี้ยงปลากันค่ะ จากคุณ : miscellaneous เท่าที่ได้ยินมีหลายสูตร ครับ บางสูตรก็มี โดโลไมท์ บางสูตรมีทราย บางสูตร ก็มีรำ ผสมอยู่มีหลายสูตร อย่างของอจ.ที่มาออกพร้อมกับอจ.เจษฏ์ ช่องเก้าวันนี้ ก็สงสัยน่าจะมี Ca อะไรผสม เพราะว่าพอเติมลงกรด ฟองฟู่เลย แกบอกแบคทีเรียแกทำงาน แต่ว่าถ้าแบคทีเรียแบ่งตัว สร้างฟองก๊าซมันต้องนานกว่านั้นเยอะ ที่เห็นนั่นมันปฏิกริยาเคมีเห็นๆ  คล้ายกรดกับแคลเซี่ยมไรมากกว่า อิๆ ความคิดเห็นที่ 26    ขอชื่นชมเลยครับ ขยันจริงๆ ถ้าอย่างนี้ก็พอบอกได้หรือเปล่้าครับว่า EM ให้ผลดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เล็กน้อย ที่ควรระวังคือ อย่าใส่มากเกินไป อาจมีผลเสียได้ ส่วนใส่น้อยไป ก็ไม่เป็นไร ส่วนปูนขาวก็ได้ผลเหมือนกัน ดังนั้นอาจต้องดูความคุ้มค่า และผลกระทบด้านอื่นเพิ่มเติม เพื่อตัดสินใจเลือกสนับสนุนในระยะยาวครับ มีข้อสงสัยเล็กน้อยครับ - การขนย้ายน้ำ มีผลต่อการละลาย O2 เข้าสู่น้ำหรือไม่ - การกรอกน้ำลงภาชนะบรรจุน้ำ มีผลต่อการละลาย O2 เข้าสู่น้ำหรือไม่ - ผิวสัมผัสของน้ำ ในรูปทรงของภาชนะ มีผลต่อการละลาย O2 เข้าสู่น้ำหรือไม่ จากคุณ : vermillion  สามข้อหลังมีผลหมดครับ แต่ว่าในการทดลอง นี่พยายามทำให้มันมีผลกระทบเท่าๆกันหมด ขนาดคนน้ำยังนับจำนวนครั้งการคนให้มันเท่าๆกันเลย ดังนั้นการได้เปรียบเสียเปรียบเรื้องนี้เท่ากันหมด  อิๆ ความคิดเห็นที่ 27    ถ้าผลระยะสั้ง เรื่องกลิ่นคงช่วยได้เหมืินๆกันแต่ระยะยาว ผมไม่ทราบว่าปูนขาว และ EM มีผลต่อดินหรือไม่ แต่เท่าที่ดูผลการทดลอง EM เป็นอันตรายต่อสัตว์ น้ำมากกว่าปูนขาวแน่นอนซึ่งถ้าสิ่งนี้ตกค้างมากๆ อาจมีผลต่อระบบนิเวศและถ้ารัฐเห็นเป็นน้ำยาวิเศษ เหมือนNGOหรือทหารเมื่อไหร่้ แล้วเริ่มใช้ EM ตั้งแต่ต้นน้ำเช่นนครสวรรค์อาจกระทบวิธีชีวิตรคนจับปลา หรือปลาวางไข่แน่นอนและถ้าแย่กว่านั้น อาจเป็นสาเหตุให้ปลาสูญพันธุ์ก็เป็นได้ จากคุณ : เวย์คุง  อันนั้น ต้องตามดูครับ อิๆ ความคิดเห็นที่ 28    เป็นประโยขน์มากครับ ขอบคุณยิ่ง คงทำให้หลายคนลืมตาดื่นเสียที ยังดีไม่ขนาดต้องจุดธูปไหว้Em ball จากคุณ : Bpalm  อ้าวววว ผมเห็นเค้าพนมมือ นึกว่าปั้น EM Ball ตกลง กำลังปลุกเสก เหรอ ครับ ขอบคุณ ความคิดเห็นที่ 29 สำหรับ ข้อมูลคับเด๋วพรุ่งนี้ว่างๆ ไล่อ่านครับ ความคิดเห็นที่ 30    ขอปรกมือดังๆให้กับความพยายามของคุณหมอครับ ส่วนตัวผมเองก็เชื่อว่า EM มีประโยชน์ แต่ไม่เหมาะกับการใช้แก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในตอนนี้ จากคุณ : replay  ส่วนผมยังสงสัย คืออะไรที่โฆษณามากเกินจริงๆ ทำได้สารพัด ได้รับการยอมรับจาก ความรู้สึกเฉยๆ โดยไม่ได้มีหลักฐานทางวิขาการ ที่รับรองเห็นเด่นชัดนี่ ต้องดูด้วย อย่างบ้านเราคล้องเหรียญควอนตั้ม ก็ยืนยันว่าดีหายป่วยได้ ดังนั้น  คนจะเชื่อว่า EM ได้ จากความรู้สึกนี่ก็ไม่แปลก จึงอยากเห็นการทดลองแบบควบคุมกันชัดๆ ครับ อยากเห็นจริงๆคับ ความคิดเห็นที่ 31   ติดตามอย่างใกล้ชิด น่าสนใจดีค่ะ ขยันจังเลยค่ะ ปล.RIPน้องปลาด้วยคนT.T จากคุณ : กดไลค์ มันคงไปสวรรค์กันแล้ว ครับ สงสารน้องปลา ระวังเจอ น้องเข้ ไปกับน้ำนะ ความคิดเห็นที่ 32    สรุปให้คนบางคนเข้าใจอีกครั้ง  EM Ball "ไม่"ทำให้กลิ่น และน้ำเสียดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  "ไม่ควรนำไปใช้ให้เปลืองแรง" การเก็บขยะ อินทรีย์ขึ้นจากน้ำ  ให้มากทีสุด เพิ่มการไหลเวียนน้ำให้ผลดีกว่า ซ้ำร้าย หากใส่ EM เยอะเกินไป น้ำเน่ายิ่งกว่าเก่า กลิ่นแรงขึ้น เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม จากคุณ : mint_la  แต่ขนาดที่ ใช้จนเกินขนาดในการทดลองนี้ ก็แบบ Extream คือเกินไปมาก ดังนั้นทั่วไปคงไม่เท่าไร แต่ถ้าแบบบางคนมีเท่าไรก็เทไปหมด เพราะาาหลายคนชอบคิดว่า ถ้าสารเคมีไม่ดี แต่ว่า ถ้าเป็นของธรรมชาต ล่ะก้อ ใช้เท่าไรก็ได้ ดังนั้น ก็อันตราย เพราะว่าไม่ว่าสารอะไรมันก็ เคมีทั้งนั้นแหละ ความคิดเห็นที่ 33    ขอบคุณหมอ J มากๆ ครับ อุตส่าห์สละเวลามาทำการทดลองให้ อยากให้คนที่มีคำถามสงสัย ช่วยกันทดลองเพิ่มเติมครับ จะเกิดประโยชน์อย่างมากครับ จากคุณ : ลุงปลาทองสีนำ้เงิน (platong_trumpet) ผมลองเพราะว่าผมเองก็อยากรู้ ก็เลยลองทำดู ขอบคุณที่ติดตาม เช่นกันคับ และจะขอบคุณทุกท่านที่จะช่วยกันต่อยอด ทำต่อ เพิ่มเติมเช่นกันครับ ความคิดเห็นที่ 34   #27 จากผลการทดลอง ถ้าใส่ในขนาดที่แนะนำ ปูนขาวอันตรายต่อสัตว์มากกว่า EM ไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : ผ้าปูโต๊ะสีฟ้า  จริงๆ อัตราตายของปลาสูสีกันครับ และในถังใหญ่สองถังนั่นปลา ทั้งห้าตัว อยู่รอดหมดเหมือนกัน ทั้ง ปูนขาว และ EM ball ความคิดเห็นที่ 35    เท่าที่ดู สรุปง่ายๆ อีกรอบ จะเป็นว่า การเติมน้ำยา EM เฉย ๆ ไม่ค่อยจะเหมาะสมในเชิงกายภาพ และมีผลเสียมากกว่า เพราะผลออกมายังแพ้ ปล่อยน้ำทิ้งไว้เฉย ๆ สำหรับพื้นที่แคบที่ทดลอง คุณสมบัติเชิงกายภาพ ทั้ง ปล่อยเฉย ๆ(เบอร์2) EM Ball(เบอร์8) กับ ปูนขาว(เบอร์1) ก็ได้พอ ๆ กันในเชิง กลิ่นและสี แต่การใส่ EM Ball ดีกว่าเล็กน้อย และทำปฎิกิริยาได้เร็วกว่า ปูนขาว ไม่มีตะกอนตกค้าง แต่ในพื้นที่ใหญ่ ปูนขาวเห็นผลได้ดีกว่าอย่างชัดเจน แต่ที่แตกต่างกันลึก ๆ คือ ในแง่ของปลา กรณีพื้นที่แคบ การใส่ EM Ball ในปริมาณที่ถูกต้อง ปลา ไม่ตาย เช่นเดียวกับการปล่อยไว้เฉย ๆ แตกต่างกับ ปูนขาวที่ใส่แล้วปลาตาย (แต่ผมคิดว่าในพื้นที่กว้าง ปลา คงไม่ตายเพราะมีพื้นทีรับอากาศจะมากกว่าบนผิวน้ำ) สุดท้าย ใส่ EM Ball ในปริมาณที่ถูกต้องดีกว่าไม่ใส่เลย แต่ถ้าใส่มากเกินจะก่อผลเสียมากกว่าปูนขาวมากเพราะจะทำให้น้ำเน่าได้ง่ายกว่า สำหรับปูนขาว ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี แต่คงต้องดูเรื่องสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย เพราะปูนขาวส่งผลให้น้ำเป็นด่างสูง มีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมสูงกว่า EM Ball จากคุณ : สายชล (anable)  เรื่อง ผลที่ได้ ผมว่าสูสีกันและ ได้ผลไม่มากกว่าปล่อยเฉยๆ เท่าไร เรื่องปลาตายมีหลายแฟคเตอร์อ่ะครับ เลยไม่ค่อยอยากให้คิด แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 12:47:25 จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 02:04:40

ความคิดเห็นที่ 44 ใครก็ได้ทำผลสรุปมาเป็นกราฟฟิคที มึนส์ ! เพราะต้องเลื่อนขึ้นเลื่อนลงหลายรอบมาก แต่ว่าอยากจะให้ตระหนักไว้อย่างหนึ่ง ผู้ที่งมงายในการเชื่อมั่น EM Ball ผลการทดลองเป็นแบบนี้ก็จะบอกว่า... ไม่เชื่อ ! การทดลองไม่ได้มาตรฐาน แต่ถ้าผลการทดลองตรงกันข้ามก็จะบอกว่า... เป็นไง ! เห็นไหมได้ผลจริง ๆ ด้วย ผู้ที่งมงายในการต่อต้าน EM Ball ผลการทดลองเป็นแบบนี้ก็จะบอกว่า... เป็นไง ! มันไม่ได้ผลจริง ๆ ด้วย แต่ถ้าผลการทดลองตรงกันข้ามก็จะบอกว่า... ไม่เชื่อ ! การทดลองไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นถ้าไม่อยากถูกเรียกว่า "งมงาย" ก็เปิดใจรับข้อมูลใหม่ ๆ ไว้นะ ส่วนผลสรุปของหมอเจ ตกลงใช้ปูนขาวมีความเสี่ยงน้อยกว่า EM แหะ อย่างนี้เราว่าใช้ปูนขาวน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะไม่ใช่เพียงแค่การทดลองนี้ที่ให้ผลลัพธ์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ยังเป็นสิ่งที่ได้ผ่านการทดสอบและใช้งานกันมานานกว่า EM ทั้งหลายด้วย จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 02:05:49

ความคิดเห็นที่ 45 ใช่ค่ะ พี่หมอเจ คห.43 ดูจากคลิปนี้ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11306183/X11306183.html ถ้าส่วนผสมในก้อนEM Ballมีโดโลไมท์CaMg(CO3)2หรือดินอื่นๆที่มี Ca เมื่อเกิดปฏิกริยากับกรดก็เกิดฟอง แบคทีเรียไม่น่าจะทำงานจนเกิดฟองได้ฉับพลันขนาดนั้น อาหารกว่าจะบูดขึ้นฟองยังใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยค่ะ และที่เค้าใส่EM Ball ในน้ำที่เป็นกรด แล้ววัดค่าpHได้สูงขึ้นทันที น่าจะเป็นเพราะโดโลไมท์นี่แหละค่ะที่ทำงาน ถ้าในก้อนนี้เค้าผสมแร่ดินภูเขาไฟ เช่น zeoliteหรือpumice ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดจับแก็สของเสีย ได้อีกด้วยค่ะ จากคุณ : miscellaneous เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 02:30:17

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณคุณหมอเจมากครับ กระจ่างได้มากทีเดียว จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 02:49:53

ความคิดเห็นที่ 47 เอ... ผมว่าคำอธิบายตัวอย่าง ที่เกี่ยวกับสัดส่วนของ EM Ball จะมีปัญหาหมดเลย นะครับ ตาชั่งในหัวกระทู้มันโชว์อยู่ว่า EM Ball หนึ่งลูกหนัก 41.13 g แถลงการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ EM Ball จาก เอแบค บอกว่า หนึ่งลูก ใช้กับน้ำได้ราวๆ 4-5 ลบ.ม ไม่เกินกว่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลเสีย http://www3.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11292832/X11292832.html#17 "EM Ball ขนาดลูกเทนนิส 1 ลูก ใช้ได้สำหรับน้ำท่วมขัง 4-5 ลบ.ม.โดยจะ ยังไม่เห็นผลต่อสภาพในทันทีเพราะ EM Ball จะค่อยๆ ปลดปล่อยจุลินทรีย์ออกมาทำงานต่อเนื่องเป็นระยะเวลา ประมาณ 7 วัน หากเร่งใส่ EM Ball จนเกินจำนวนที่กำหนดจะทำให้มีสารอาหารหลงเหลือในน้ำมากเกินไปและ อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสภาพน้ำได้ ทั้งนี้ EM Ball ที่ผลิตเสร็จแล้วต้องนำไปใช้ภายใน 30 วัน" ดังนั้นแปลว่า EM Ball 41.13 g ใช้ได้ 4.5 ลบ.ม ก็แล้วกัน ลองบัญญัติไตรยางค์ดู พบว่า น้ำ 500 cc (0.0005 ลบ.ม.) ต้องการ EM Ball เพียง 41.13 x 0.0005 / 4.5 = 0.00457 g นี่คือปริมาณที่ควรจะเป็นค่าแนะนำ ตามชุดทดลองที่ 8 ครับ แต่ผู้ทดลองจัดไปถึง 0.03 g ซึ่งคิดเป็น 6 เท่าครึ่ง ของที่ควรจะเป็น ดังนั้นคำอธิบายสัดส่วนการ โอเวอร์โดส ของ ชุดทดลองที่ 5 และ 10 ก็น่าจะคลาดเคลื่อนไปด้วย รบกวนตรวจสอบอีกครั้งด้วยครับ ถ้าที่ผมเตือนมีมูล แสดงว่า การทดลองนี้ใช้ EM Ball เกินกว่าเกณฑ์ทั้งหมด ไม่มีชุดไหนตามเกณฑ์เลย ซึ่งก็จะไปเข้าทาง แถลงการณ์ข้างบน ว่า อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสภาพน้ำได้ ทั้งนี้จาก แถลงการณ์ข้างบน เราต้องรอกันถึง 7 วันทีเดียว ถึงจะเห็นผลกันของ EM Ball ได้ ...เว้นเสียแต่ว่า แถลงการณ์นี้ก็มั่วนิ่มนะครับ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 02:50:54 จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 02:50:16

ความคิดเห็นที่ 48 รบกวนคุณหมอช่วยทำเป็นกราฟให้ดูง่ายขึ้นได้ไหมครับ จะได้เห็นภาพชัดๆ จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 02:56:31

ความคิดเห็นที่ 49 คราวนี้มาดูสัดส่วนของปูนขาว ชุดทดลองที่ 1  บรรยายว่า น้ำเสีย 500 ซีซี  ผสมปูนขาว 0.8 กรัม (เป็นสัดส่วนที่ทาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยทดสอบว่าให้ผลในการบำบัดได้ดีสุด) ดังนั้นถ้าผมมีน้ำ 4.5 ลบ.ม. = 4,500,000 ซีซี ผมก็ต้องใช้ปูนขาวถึง 4,500,000/500 x 0.8 = 7,200 g หรือ 7.2 กิโลกรัม! ในขณะที่นักวิชาการจากเอแบคอ้างว่าโยน EM Ball เท่าลูกเทนนิสลงไปเพียงลูกเดียว   ดังนั้นผมว่า งานนี้มีคำนวณผิด ที่สองที่แน่นอน ไม่ใครก็ใคร หรือเผลอๆ ทั้งคู่ ึ7.2 กิโลกรัมไม่น้อยนะครับ เยอะกว่าถุงข้าวสารอีก และถ้าปูนขาวราคากิโลกรัมละ 12.5 บาท ก็คิดเป็นเงิน 90 บาททีเดียว โรยบ้าน 50 ตร.วา น้ำท่วม 1 เมตร ก็เป็นเงิน 4,000 บาท นะครับ ตังค์ไม่น้อยอยู่นะครับ (แต่ถ้าโรยทีเดียว แล้วไม่ต้องโรยซ้ำก็โอเคล่ะ) ยังไงรบกวนตรวจสอบตัวเลขด้วยครับ เทียบหน่วยให้กันลืม น้ำ 1000 cc = 1 ลิตร (เหล้าแบล๊คขวดใหญ่) หนักราว 1 กิโลกรัม 1 ลบ.ม. = 1000 ลิตร หนักราว 1000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 03:05:53 จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 03:02:27

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 34   #27 จากผลการทดลอง ถ้าใส่ในขนาดที่แนะนำ ปูนขาวอันตรายต่อสัตว์มากกว่า EM ไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : ผ้าปูโต๊ะสีฟ้า ปัญหาคือ Em ถ้าปาตั้งแต่นครสวรรค์นะครับไม่มีทาง ควบคุมได้นะ เีรื่องพวกนี้หลังน้ำลดคงมีไครออกมาพูดถึงผลกระทบเองคงไม่มีไครกล้าสวนกระแสตอนนี้ ถ้าปูนขาวได้ผลพอๆกับ EM ผมแนะนำว่าใช้ปูนขาวใส่ถุงแบบถุงบรรจุชากาแฟแต่ใหญ่หน่อยเท่าฝ่ามือ แล้วไปปาดีกว่าครับง่ายกว่าไวกว่า มีคนจับใส่ห่อปุ๊บซีลปั๊บ หรือเย็บจักรก็ได้ คนทำเป็นไวมากนะครับ แต่ก็นะต้องดูกันยาวๆเรื่องนี้ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 03:18:14

ความคิดเห็นที่ 51 ขออนุญาตหมอเจทำกราฟมาให้ดูนะครับ สีของน้ำหลังจาก 24 ชั่วโมงครับ 0=ใส ; 10=ขุ่น เบอร์ของแต่ล่ะกระบอก No. 1 น้ำเสีย 500 cc +ปูนขาว 0.8 g (เป็นสัดส่วนที่ทาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยทดสอบว่าให้ผลในการบำบัดได้ดีสุด) No. 2 น้ำเสีย 500 cc ไม่ผสมอะไรเลย No. 3 น้ำเสีย 500 cc +น้ำยา EM 5 cc 1:100 (สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 100 เท่า) No. 4 น้ำเสีย 500 cc  +ปูนขาว 1.2 g ( มากกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4 กรัม) No. 5 น้ำเสีย 500 cc  + EM Ball 0.3 กรัม (  10 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) No. 6 น้ำเสีย 500 cc + น้ำยา EM 0.5 cc 1:10,000 ( ขนาดแนะนำปกติ ) No. 7 น้ำเสีย 500 cc + ปูนขาว 0.4 g ( น้อยกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4) No. 8 น้ำเสีย 500 cc  + EM Ball 0.03 g ( ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) No. 9  น้ำเสีย 500 cc +น้ำยา EM 0.5 cc 1:1,000 ( สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 10 เท่า) No. 10 น้ำเสีย 500 cc + EM Ball  3 g ( 100 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 12:46:10 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 03:55:54 จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 03:53:38

ความคิดเห็นที่ 52 กลิ่นของน้ำหลังจาก 24 ชั่วโมงครับ 0=ไม่มีกลิ่น ; 10=เหม็นมาก แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 03:57:44 จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 03:54:45

ความคิดเห็นที่ 53 สีของน้ำหลังจาก 48 ชั่วโมงครับ 0=ใส ; 10=ขุ่น จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 03:58:31

ความคิดเห็นที่ 54 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 04:00:53 จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 04:00:26

ความคิดเห็นที่ 55 กลิ่นของน้ำหลังจาก 48 ชั่วโมงครับ 0=ไม่มีกลิ่น ; 10=เหม็นมาก จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 04:01:19

ความคิดเห็นที่ 56 กราฟเปรียบเทียบของสี เมื่อ24 ชม และ 48 ชม เบอร์ของแต่ล่ะกระบอก No. 1 น้ำเสีย 500 cc +ปูนขาว 0.8 g (เป็นสัดส่วนที่ทาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยทดสอบว่าให้ผลในการบำบัดได้ดีสุด) No. 2 น้ำเสีย 500 cc ไม่ผสมอะไรเลย No. 3 น้ำเสีย 500 cc +น้ำยา EM 5 cc 1:100 (สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 100 เท่า) No. 4 น้ำเสีย 500 cc  +ปูนขาว 1.2 g ( มากกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4 กรัม) No. 5 น้ำเสีย 500 cc  + EM Ball 0.3 กรัม (  10 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) No. 6 น้ำเสีย 500 cc + น้ำยา EM 0.5 cc 1:10,000 ( ขนาดแนะนำปกติ ) No. 7 น้ำเสีย 500 cc + ปูนขาว 0.4 g ( น้อยกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4) No. 8 น้ำเสีย 500 cc  + EM Ball 0.03 g ( ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) No. 9  น้ำเสีย 500 cc +น้ำยา EM 0.5 cc 1:1,000 ( สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 10 เท่า) No. 10 น้ำเสีย 500 cc + EM Ball  3 g ( 100 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 12:43:58 จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 04:17:41

ความคิดเห็นที่ 57 คห.49 ขออนุญาตนะคะ ปูนขาวราคาเฉลี่ยทั่วไปไม่น่าจะสูงถึง 12.5 บาท ต่อ กก. เงิน 4,000 บาท สามารถมีปูนขาวมาใช้เป็นตันได้เลยนะคะ   คห.50คะ การใช้ปูนขาวให้มีประสิทธิภาพ ควรหว่านโรยค่ะ เพื่อจะได้ละลายน้ำแตกตัวและทำปฏิกริยาได้ผลดี   คุณgrampus01 ทำกราฟแล้วเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นเลยค่ะ จากคุณ : miscellaneous เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 04:19:14

ความคิดเห็นที่ 58 กราฟเปรียบเทียบของกลิ่นเมื่อ 24 ชม และ 48 ชม เบอร์ของแต่ล่ะกระบอก No. 1 น้ำเสีย 500 cc +ปูนขาว 0.8 g (เป็นสัดส่วนที่ทาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยทดสอบว่าให้ผลในการบำบัดได้ดีสุด) No. 2 น้ำเสีย 500 cc ไม่ผสมอะไรเลย No. 3 น้ำเสีย 500 cc +น้ำยา EM 5 cc 1:100 (สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 100 เท่า) No. 4 น้ำเสีย 500 cc  +ปูนขาว 1.2 g ( มากกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4 กรัม) No. 5 น้ำเสีย 500 cc  + EM Ball 0.3 กรัม (  10 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) No. 6 น้ำเสีย 500 cc + น้ำยา EM 0.5 cc 1:10,000 ( ขนาดแนะนำปกติ ) No. 7 น้ำเสีย 500 cc + ปูนขาว 0.4 g ( น้อยกว่า สัดส่วนทีเค้าพบว่าเหมาะสมที่สุด 0.4) No. 8 น้ำเสีย 500 cc  + EM Ball 0.03 g ( ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) No. 9  น้ำเสีย 500 cc +น้ำยา EM 0.5 cc 1:1,000 ( สูงกว่าขนาดแนะนำปกติ 10 เท่า) No. 10 น้ำเสีย 500 cc + EM Ball  3 g ( 100 เท่าของ ค่า ที่คำนวนได้จาก ขนาดที่แนะนำ ) แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 12:45:11 จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 04:19:16

ความคิดเห็นที่ 59 ถ้าจะทำกราฟควรมีคำอธิบายค่ะว่า แต่ละแท่งคืออะไร control อยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้น คนอ่านก็ต้องเลื่อนขึ้นไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอยู่ดี จากคุณ : Deckard เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 04:26:26

ความคิดเห็นที่ 60 ลืม จากคำตอบของหมอเจ ถ้าบอกไม่ได้ว่า อีเอ็มบอลผสมแร่ดินโดโลไมท์ หรือเปล่า ก็แสดงว่า เราแยกไม่ได้ว่าผลของอีเอ็มบอล มันมาจากผลของแร่ดินโดโลไมท์ ที่ทำให้น้ำมีความเป็นด่างมากขึ้น ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับปูนขาว ใช่ไหมคะ จากคุณ : Deckard เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 04:31:04

ความคิดเห็นที่ 61 คห. 57 ขอบคุณครับ ก่อนน้ำท่วม ราคาหน้าโรงงาน รู้สึกจะอยู่ที่ กิโลละ 3-7 บาท ส่วนราคา 12.5 บาท ผมเอามาจากบทความนี้ครับ เพราะนึกว่าเป็นเกรดเหมาะสำหรับใส่น้ำเวลาน้ำท่วมโดยเฉพาะ นึกว่าแพงกว่าปูนขาวปกติที่ใช้ก่อสร้าง http://203.157.71.141/ewt_dl_link.php?nid=59 แต่ตอนนี้น้ำท่วม อย่าว่าแต่กิโลละ 12.5 บาทเลยครับ ผมเห็นมีบางคน เช่นข้างล่างนี้ ประกาศขายกิโลละ 50 บาท ลดแล้วเหลือ 40 บาท (พร้อมส่ง) เค้ายังมีหน้าว่าถูกเฉยเลย  สงสัยบวกค่าลุยน้ำมาส่งของ http://www.pantipmarket.com/items/11803057 จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 05:39:17

ความคิดเห็นที่ 62 มาช่วยทำกราฟครับ อาจจะซ้ำกับท่านอื่นที่โพสต์ไปแล้วครับ http://goo.gl/gMQwA Color improvement และ Odor improvement ใช้ค่า 10-ค่าที่ประเมินครับ แปลผล ด้านประสิทธิภาพในการบำบัดสี - การใส่ EM Ball ที่ปริมาณที่แนะนำหรือมากกว่า 100 เท่า และการใส่ปูนขาวปริมาณที่แนะนำหรือมากกว่า 3 เท่า มีประสิทธิภาพในการบำบัดสีเหนือกว่าการไม่บำบัดเล็กน้อย - การใส่ EM Ball ในแบบ overdose ไม่ช่วยให้นำ้ใสเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้น้ำสีเข้มขึ้น - ในทางตรงกันข้าม EM Liquid มีประสิทธิภาพในการบำบัดสีต่ำกว่า EM Ball และหากยิ่งใส่มาก สีของน้ำจะยิ่งเข้มมาก - ประสิทธิภาพของ EM Ball ที่ 10x น่าจะเกิดจาก error ค่าที่แท้จริงอาจเท่าๆกับ 1x และ 100x - ปูนขาว แสดงประสิทธิภาพที่เหมาะสมตั้งแต่ที่ปริมาณ 0.4 g ต่อน้ำ 500 ml - การใส่ปูนขาวมากขึ้นไม่ช่วยให้สีของน้ำดีขึ้น ด้านประสิทธิภาพในการบำบัดกลิ่น - การใส่ EM Ball ที่ปริมาณที่แนะนำหรือมากกว่า 100 เท่า และการใส่ปูนขาวปริมาณที่แนะนำหรือมากกว่า 2 หรือ 3 เท่า มีประสิทธิภาพในการบำบัดกลิ่นเหนือกว่าการไม่บำบัดเล็กน้อย - EM Ball มีประสิทธิภาพในการบำบัดกลิ่นเหนือกว่า EM Liquid - การเพิ่มปริมาณ EM Ball ไม่ช่วยให้การบำบัดกลิ่นดีขึ้น - การเพิ่มปริมาณ EM Liquid ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยให้การบำบัดกลิ่นดีขึ้น ยิ่งทำให้กลิ่นแย่ลง - ปูนขาว มีประสิทธิภาพในการบำบัดกลิ่นไม่ต่่่างจาก EM Ball จากคุณ : Siri_iOS เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 06:20:12 A:27.104.235.74 X: TicketID:334411

ความคิดเห็นที่ 63 อีกความเห็นหนึ่งจากนักวิชาการครับ --------------------------------------------------------------------- EM Ball กับสังคมอุดมปัญญา? “EM ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่นเชื้อราเพนิซิเลียมที่กินแบคทีเรียที่ให้โทษ, แบคทีเรียสังเคราะห์แสงช่วยเพิ่มออกซิเจน, ไรโซเบียม, แลคโตบาซิลัส และอื่นๆ อีกมากมาย...” ข้อความทำนองนี้เป็นสรรพคุณส่วนหนึ่งของ EM ที่เราคุ้นเคยกันดี เรามาลองตั้งคำถามกันดูเล่นๆ นะครับ 1. ในการใช้จุลินทรีย์เพื่อให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าเป็นกรณีใดๆ ก็ตาม จะต้องมีการเลี้ยงให้จุลินทรีย์มีจำนวน 1-100 ล้านเซลล์ (ตัว) ต่อซีซี หรือกรัม.... EM ที่วางขาย และที่สำคัญมากคือ ใส่ลงในน้ำเสียแล้วจะยังคงมีจำนวนมากขึ้นหรือน้อยลงเท่าใด? (ผมตอบให้ก่อนก็ได้ว่าลดลงแน่นอน!), หรือใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แต่ละชนิดของจุลินทรีย์มีจำนวนขนาดนี้หรือไม่ คำตอบ “ผมว่าผู้ผลิตไม่กล้าตอบ.. เพราะผมจะถามต่อว่า... 2. การผลิตให้ได้จำนวนตามข้อ 1 ซึ่งเป็นจำนวนที่จุลินทรีย์จะแสดงอิทธิฤทธิ์ได้นั้น ท่านทำการผลิตด้วยวิธีใด? อุปกรณ์ที่ใช้เลี้ยงจุลินทรีย์เหล่านี้คืออะไร? มีปริมาตรเท่าใด? ใช้อาหารเลี้ยงเชื้อประเภทใด? คิดเป็นต้นทุนเท่ากับเท่าใด? มีการยืนยันว่าไม่มีการปนเปื้อนจากเชื้อตัวอื่นหรือไม่? อย่างไร? คำตอบ ถ้าจะให้ได้ผลตามข้อ 1 ต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Bioreactor หลายตัว (ขนาดการผลิต 2 ลิตร ตัวละประมาณ 8 แสนบาท), ผลิต EM จำหน่ายในระดับประเทศต้องใช้ Bioreactor ขนาด 1,000 ลิตรขึ้นไป อย่างน้อยก็ 4-5 ตัว (ลองประเมินราคาเอาเองนะครับ) อาหารเลี้ยงเชื้อต้องใช้มากกว่า 1 ชนิด...เลี้ยงในระดับใหญ่..รับรองได้ว่าต้องมีการปนปื้อนได้แน่ๆ เพราะฉะนั้นต้นทุนคงไม่ใช่ลูกละ 4 บาทแล้วล่ะครับ!! 3. คำกล่าวอ้างที่ว่า “เชื้อราเพนนิซิเลียมจะกินแบคทีเรียที่ไม่ดี และไม่กินแบคทีเรียที่มีประโยชน์” เชื้อราตัวนี้ไม่ได้เชื่องเหมือนสุนัขนะครับ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้เลื้อยหรือว่ายไปกินแบคทีเรีย มันเพียงแต่สร้างสารปฏิชีวนะมายับยั้งการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรียบางกลุ่ม (ซึ่งมันไม่รู้หรอกว่าตัวไหนร้ายตัวไหนดี) และการที่เชื้อราจะสร้างสารปฏิชีวนะได้ในปริมาณที่จะฆ่าแบคทีเรียได้ ตัวมันเองต้องเพิ่มจำนวนตัวมันเองขึ้นอย่างมหาศาล จนเรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า...มีใครเคยเห็นเส้นใยเชื้อราเพนนิซิเลียมในแหล่งน้ำที่เขาปล่อย EM บ้างครับ? ไม่มีหรอกครับ เพราะโดยปกติแบคทีเรียเจริญเติบโตได้เร็วกว่าเชื้อรา นี่เป็นเพียงบางประเด็นเกี่ยวกับตัว EM เอง ผู้อ่านอาจตั้งคำถามที่เป็นกลาง และลองค้นหาคำตอบด้วยตนเองดูนะครับ เผื่อจะพบอะไรที่ส่งเสริมหรือหักล้าง (ต้องคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์นะครับ...อย่าใช้ความเชื่อ!) ทีนี้มาดูว่า น้ำเสียที่ส่งกลิ่นเหม็นเกิดจากอะไร โดยทั่วไปหรือที่ทราบกันดีก็คือ น้ำเสียเป็นน้ำที่ระดับออกซิเจนมีอยู่น้อย แบคทีเรียไม่สามารถใช้ได้เพียงพอในการย่อยสลายสารเพื่อการเจริญเติบโต ประกอบกับกลิ่นเน่าเหม็นมักเป็นสารประกอบอินทรีย์กลุ่มไนโตรเจน และไฮโดรเจนซัลไฟด์ ที่ยังไม่ถูกสลาย สรุปประเด็นหลักของน้ำเสียคือ ขาดออกซิเจนและมีปริมาณสารประกอบกลุ่มไนโตรเจนอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าใส่ EM ที่มีกากน้ำตาล รำข้าว ลงไป กากน้ำตาลหรือรำข้าวจะเป็นแหล่งพลังงาน (เปรียบเสมือนข้าวที่เรากิน) สำหรับแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำเสีย เพราะฉะนั้นก็จะกระตุ้นให้แบคทีเรียเหล่านี้ลุกขึ้นมากินข้าวกับปลาทู (ผมเปรียบปลาทูเหมือนกับแหล่งโปรตีนของคนที่มีธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ) ดังนั้นกลิ่นก็จะทุเลา ...ผ่านไป 2 วัน ไม่ได้ใส่กากน้ำตาลหรือรำข้าว มันก็จะกลับมาเหมือนเดิม คือมีแต่ปลาทูไม่มีข้าว...แบคทีเรียมันก็ไม่มีแรงหรือพลังงานที่จะดำรงชีวิต...ไม่เชื่อลองเอากากน้ำตาลเปล่าๆ ที่ไม่ใส่ EM ราดลงในน้ำดูสิครับ...ดังนั้นการบำบัดน้ำเสียที่เป็นสากลและมีประสิทธิภาพตามโรงงานต่างๆ เขาจึงต้องให้อากาศ, ปรับธาตุอาหาร (ที่มีทั้งคาร์บอนและไนโตรเจน) , จัดการจำนวนประชากรจุลินทรีย์ และใช้สารเคมีบางชนิดเข้าช่วย ซี่งใช้เวลาหลายวัน กว่าจะปล่อยลงแม่น้ำได้... ถ้าEM ดีจริงประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ น่าจะประกาศเป็นนโยบายประจำประเทศในการบำบัดน้ำเสีย แทนระบบบำบัดน้ำเสียเดิมที่มีอยู่...ดังนั้น EM จึงให้ผลเพียงชั่วขณะเท่านั้น เรื่อง EM นี้ กระทรวงเกษตรฯ ก็รู้มานานแล้วว่า ให้ผลดีเพียงชั่วขณะเท่านั้น กระทรวงฯ น่าจะออกมาทำความเข้าใจให้สาธารณชนได้ตระหนักนะครับ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ผมเพียงสะท้อนให้เห็นว่า เราควรจะแยกแยะว่าสิ่งใดเป็นวิทยาศาสตร์ สิ่งใดเป็นความเชื่อ (ยังไม่ได้พิสูจน์ หรือพิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์) เช่นนี้แล้วจึงเรียกว่า สังคมอุดมปัญญา มิใช่สังคมแห่งความเชื่อ รศ.ดร. หนึ่ง เตียอำรุง หัวหน้าสถานวิจัย สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จากคุณ : [-_-]][][][] ([-_-]][][][]) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 06:29:44

ความคิดเห็นที่ 64 ก็แสดงว่าการใช้EM Ballในขนาดที่พอเหมาะ จะดีกว่าใช้น้ำEM แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ปิด สัตว์ที่ควรมีอยู่ในน้ำหลายๆชนิดก็มีน้อย และน้ำพอมันไม่มีพวกขยะเพิ่มและปริมาณน้อยมันก็เริ่มสะอาดไปเองด้วย แต่ใช้EMปริมาณ100เท่ามาโชว์ ผมว่าน่าจะมีใช้ปูนขาวปริมาณ100เท่าด้วยนะ จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 07:02:57 A:223.206.22.183 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 65 การทดลองมันไม่ค่อยเหมือนจริงนะ เพราะว่ามันไม่มีสสารในน้ำให้เน่า ผลก็เลยปล่อยไว้เฉยๆ ก็ดีขึ้นเพราะว่ามีอากาศเติมลงไปเรื่อยๆ อยากให้ลองใส่ของเน่า (เช่น หญ้าเน่า หรือ ผลไม้เน่า)ลงไปทุกชุดการทดลองในปริมาณเท่าๆกัน จะได้รู้ว่า แบบใหนจะช่วยได้มากที่สุด เพราะว่าน้ำในตัวอย่างของคุณ JFK ไม่มีการนำสสารเน่าซึ่งเป็นสาเหตุของการเน่ามาร่วมในการทดลอง จากคุณ : uxbridge เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 07:10:39

ความคิดเห็นที่ 66 นักวิทยาศาสตร์ระดับศาสตราจารย์เกียรติคุณ ยังลงมือทดลองไม่ได้ขนาดนี้เลย ดังนั้น ขอมอบตำแหน่ง ซุปเปอร์นักวิทยาศาสตร์ ระดับซุปเปอร์ศาสตราจารย์เกียรติคุณแก่หมอ -=Jfk=- จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 07:47:35

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณครับ ขยันจริง จากคุณ : tiktaalik เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 07:48:13 A:58.9.96.18 X: TicketID:287399

ความคิดเห็นที่ 68 เห็นแบบนี้แล้ว โกยขยะ ขึ้นมาจากน้ำดีกว่าแหะ แต่ โกยมาแล้ว รถขยะไม่มารับไปนี่สิครับปัญหา - -* จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 07:51:44

ความคิดเห็นที่ 69 ในการทดลองน้ำมันดีขึ้นเพราะอาหารของแบคทีเรียหมดไป หรือแบคทีเรียตายหมดครับ แล้วถ้าอาหารของแบคทีเรียมีอยู่มากมายโดยไม่มีหมดจะมีวิธีแก้ไขไหมครับ เช่น น้ำที่ท่วมมาเป็นเดือนยังดำเน่าอยู่เลย ไม่รู้ว่าอะไรจะช่วยได้บ้าง EM หรือ ปูนขาว หรือ ทิ้งไว้เฉยๆ จากคุณ : ลองคิด เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 08:44:38 A:119.160.216.246 X: TicketID:324581

ความคิดเห็นที่ 70 มาเก็บขยะกันเถอะ - -" จากคุณ : บอร์นคุง เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:12:43

ความคิดเห็นที่ 71 กระทู้นี้สุดยอดดด "Ask not what your EM ball can do for you - ask what you can do with your EM ball" - JFK อ้าวไม่ใช่หรอ อิอิ จากคุณ : Freedom of Speech เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:32:58

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณสำหรับการทดลอง อย่างน้อยก็สรุปได้เบื้องต้นว่าเก็บขยะออกจากน้ำน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด จากคุณ : โฮลิก เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:43:43

ความคิดเห็นที่ 73 ดีใจที่มีคนอย่างหมอJ อยู่ในสังคมไทย ขอบคุณครับ จากคุณ : ไก่gosobig เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:44:06 A:203.156.87.30 X: TicketID:252022

ความคิดเห็นที่ 74 อยากให้มีการวัดค่า DO ในน้ำด้วย เพราะมันคือตัวบอกว่าน้ำเสียหรือไม่เสีย จากคุณ : YokeIT (YokeIT) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:54:14

ความคิดเห็นที่ 75 "ผมคิดว่า" ที่ผลการทดลองเป็นแบบนี้ "อาจจะเกิดได้จาก" เมื่อตอนตักน้ำ เป็นการตักที่ผิวน้ำครับ เพราะ หากตักที่ผิวน้ำแล้ว สิ่งที่อยู่ในน้ำคือ อาหารนิดหน่อย (สารอินทรีย์แขวนลอยส่วนใหญ่ตกตะกอนนอนก้นอยู่ด้านล่าง) และที่สำคัญคือ บริเวณที่มีอยู่ที่ผิวน้ำคือ แบคทีเรียแบบใช้ออกซิเจน และ H2S ที่ละลายอยู่ในน้ำ คือปกติ H2S จะเกิดใต้น้ำพอสมควรครับ แล้วพอเกิดแล้วก็กระจายมาถึงผิวน้ำและละเหยออกสู่อากาศ ทีนี้ปัญหาคือ มันผลิตขึ้นมาเรื่อยๆ ดังนั้น มันจึงเหม็นไม่หาย ทีนี้หากตักขึ้นมาเฉพาะผิวน้ำ มันไม่ได้มีแบคทีเรียแบบไม่ใช้อากาศที่ผลิต H2S มาด้วย + อาหารไม่เยอะ ดังนั้นวางทิ้งไว้เฉยๆ กลิ่นมันจึงหายไปอยู่แล้วครับ ถ้าเป็นไปตามสมมติฐานนี้ การทดลองนี้ก็ถือว่าสรุปผลไม่ได้อะครับ (ไม่นับที่มันตื้นทำให้ออกซิเจนละลายน้ำทั่วถึงด้วยนะครับ) จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:59:31

ความคิดเห็นที่ 76 ถึงคห.69 ผมว่าปูนขาวดีกว่าครับ ฆ่าเขื้อโรคด้วย จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:00:42

ความคิดเห็นที่ 77 วิทยาศาสตร์ คือ การทดลอง แบบนี้แหละครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:11:24

ความคิดเห็นที่ 78 คุณStarfightน่าจะอ่าน การทดลองของพี่หมอไม่ระเอียดรองกลับไปอ่านใหม่นะครับว่าเค้าตัดน้ำยังไง สรุปเราควรกระจายข่าวสารการทดลอง ว่า EMกับปูนขาว ช่วยให้น้ำดีขึ้นนิดเดียว และemถ้าใส่มากไปกลับส่งผลที่แย่กว่าเดิม ที่ควรทำคือปูนขาวหรือไม่ต้องเติมอะไรแค่เก็บขยะและทำให้อากาศหมุนเวียนดีกว่าใช่หรือป่าวครับ จากคุณ : Nioka เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:17:36

ความคิดเห็นที่ 79 คุณ Nioka ผมอ่านเจอแต่อันนี้อะครับ "และด้วยความรู้ และ อุปกรณ์ ที่ผมมีในมือ ไม่มากนัก และทำด้วยตัวเอง นอกจาก ใช้เด็กไปหาน้ำเน่าท่วมขังมาให้ (อย่างอื่นไม่กล้าใช้ลูกน้อง อายมัน ว่าหมอเล่นอะไรบ้าๆอีกแล้ว อิๆ) " หรือคุณหมอ บอกไว้ตรงไหนอีกแล้วผมอ่านพลาดรึเปล่า??? จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:31:20

ความคิดเห็นที่ 80 ปูนขาว กับแคลเซียม ที่นักยิมนาสติกใช้ทามือ มันตัวเดียวกันหรือเปล่าครับ จากคุณ : รักฉันเท่าฟ้า เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:34:31

ความคิดเห็นที่ 81 สรุปยังไม่ได้หรอกว่ามันได้ผลแค่นิดเดียว เพราะมีน้ำน้อยแล้วมันก็เน่าน้อยลงเองด้วย แต่สรุปบางอย่างได้ จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:40:51 A:223.206.22.183 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 82 ถึง คห 40 ครับ รู้ครึ่งๆกลางๆไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของการรู้กระจ่าง ถ้าเห็นคนรู้ครึ่งๆกลางๆ ก็ต้องอธิบายให้เข้าใจ ด้วยหลักการ ด้วยเหตุผลครับ ถ้าคุณคิดว่าถ้ารู้ครึ่งๆกลางๆสู้ไม่รู้เสียเลยดีกว่า ผมเชื่อว่าเราทุกคนย่อมมีเรื่องที่เข้าใจไม่สุด รู้แค่ครึ่งๆกลางๆทั้งนั้นล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 10:45:28 จากคุณ : KamuiShirou (Kamui Shirou) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:44:54

ความคิดเห็นที่ 83 แก้รูปเป็น คห 135 ค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 17:10:17 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 13:04:21 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 12:57:48 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 12:54:48 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 12:54:21 จากคุณ : MedNunn เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:45:49

ความคิดเห็นที่ 84 #80 ที่นักยิมนาสติกใช้ทามือ มันคือผงแมกนีเซียมไม่ใช่รึ จากคุณ : Autster เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:58:36

ความคิดเห็นที่ 85 เสียดายที่เราคงไม่สามารถรู้ได้ว่า ที่ปลาตายเพราะสาเหตุใด เคมีของน้ำเปลี่ยนไปมากเกินไป หรือขาดออกซิเจน หรือเชื้อโรค เป็นต้น จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:09:11

ความคิดเห็นที่ 86 ปูนขาวในสัดส่วนที่เหมาะสม ทำคะแนนดีกว่า EM Ball ในสัดส่วนที่เหมาะสมนิดนึง ถึงแม้ว่าปูนขาวในสัดส่วนที่เหมาะสมจะทำปลาตายถึง 2 ตัว แต่คิดว่ามันไม่น่าจะมีนัยะสำคัญหรือเปล่า เพราะปูนขาวในสัดส่วนที่เข้มข้นกว่าปลาตายแค่ตัวเดียว เรื่องของปลาเป็นปลาตาย อาจจะมีปัจจัยอื่นมาแทรกที่ควบคุมไม่ได้หรือเปล่า จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:09:27

ความคิดเห็นที่ 87 สรุป เอาเวลาปั้น em ไปทำอย่างอื่นดีกว่า จากคุณ : extremeflying เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:09:28

ความคิดเห็นที่ 88 ^ ดูตารางเป็นมั้ยเนี่ย หรือคอยจิกกัดอย่างเดียว จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:10:35 A:223.206.22.183 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณพี่หมอมาก ๆ ครับ จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:15:02 A:110.49.248.210 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 90 ผลการทดลองน่าสนใจดีนะครับ  ถึงจะมีคนแย้งว่า การทดลองอาจจะคอนโทรลได้ไม่ดีพอ  แต่ผมว่า คนที่บอกว่าใช้ได้ ก็เค้าก็จากสีและกลิ่นด้วยวิธีเดียวนี้แหล่ะ แถมอาจจะไม่ได้คอนโทรลดีไปกว่านี้ด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 11:22:58 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 11:19:55 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 11:19:21 จากคุณ : Watch My Back เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:15:27

ความคิดเห็นที่ 91 ที่ผมตั้งข้อสังเกตคือ การทดลองนี้เป็นกรณีที่น่าจะมีข้อจำกัดตรงอาหารของแบคทีเรียหมดไป แต่ไม่รู้ว่ากรณีที่อาหารแบคทีเรียมีเหลือมากมาย มันจะเป็นอย่างไร ว่าแต่ #76 ปูนขาวหาซื้อที่ไหนดีครับ แถวนี้ไม่มีขายเลย จากคุณ : ลองคิด เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:18:17 A:119.160.216.246 X: TicketID:324581

ความคิดเห็นที่ 92 โอ้ว คุณ MedNunn ลงตารางเปรียบเทียบไปซะแล้ว ทำสวยด้วย ยังไงก็ขออนุญาตลงตารางผลการทดลองที่ผมได้ลองทำดูบ้าง ไม่ว่ากันนะครับ จากคุณ : Watch My Back เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:24:54

ความคิดเห็นที่ 93 ขอทำกราฟซ้ำนะเพื่อจัดหมวดหมู่ให้สวยงาม control (น้ำเสียไม่ได้เติมอะไรเลย) คือแท่งสีเหลืองนะ CaO คือปูนขาวนะ เสียดายที่ความเข้มข้นปูนขาวน่าจะเป็น 10X และ 100X เหมือน EM และถ้ามีข้อมูลสามารถคำนวนทางสถิติได้ว่าคะแนนจะต่างกันกับ Control หรือเปล่า น่าสังเกตว่าในกลุ่ม EM (แท่งสีชมพู) มีแนวโน้มของสีและกลิ่นเพิ่มขึ้น เมือความเข้มข้นของEMเพิ่มขึ้น แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 11:44:18 จากคุณ : สิริธีรีน เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:38:07

ความคิดเห็นที่ 94 อยากให้เอาไปออกช่อง 3 จากคุณ : kedinvent เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:45:20

ความคิดเห็นที่ 95 ข้อมูลของทางกองทัพและการเคหะจากการใช้อีเอ็มในการบำบัดน้ำครับ http://youtu.be/bw6Q6rGmtmo จากคุณ : พันทองทิพย์ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:47:40

ความคิดเห็นที่ 96 อ่าน คห. แรกๆแล้วแอบฮา แถสไลย์กันได้เนียน หวังว่าจะไม่มีที่เป็นนักวิทยาศาสต์จริงๆนะ จากที่ดูEM Ball ถึงจะใช้ในระดับ x10 สีกลิ่นก็ยังดีขึ้นอยู่ดีถึงจะไม่มาก ในขณะที่ปูนขาว แค่x1.5ก็เห็นอาการแล้ว แต่สงสัยตรงน้ำEM ทั้งๆที่สูตรเดียวกันแท้ๆ จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:58:14 A:223.204.14.46 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณคุณ-=Jfk=-เจ้าของกระทู้ อยากให้giveความคิดเห็นที่ 62  Siri_iOS  TicketID:334411 ขอนำการทดลองของกระทู้มาแสดงดังนี้ หมายเลขตัวอย่างการทดลอง(ขวด)ตามเจ้าของกระทู้      2  น้ำเสียล้วน 3   น้ำเสีย +น้ำยา EM สูงกว่าขนาดปกติ 100 เท่า 5    น้ำเสีย + EM Ballสูงกว่าขนาดปกติ 10 เท่า 6   น้ำเสีย +น้ำยา EMขนาดแนะนำปกติ 8   น้ำเสีย + EM Ballขนาดแนะนำปกติ 9   น้ำเสีย +น้ำยา EMสูงกว่าขนาดปกติ 10 เท่า 10  น้ำเสีย + EM Ballสูงกว่าขนาดปกติ 100 เท่า จัดทำรวม สามชุด ชุดที่หนึ่งเป็นชุดเปิดฝา วางไว้ในที่แจ้ง ชุดที่สอง ปิดฝา ในภาชนะทึบ วางไว้กลางแจ้ง ชุดที่สาม เปิดฝา แต่วางเก็บไว้ในห้องที่แสงน้อย หลักการให้คะแนน  ให้คะแนน หัวข้อ สีและความขุ่น  scale 0-10  ใสมาก 0ขุ่นมาก 10 หัวข้อ กลิ่น   scale 0-10  ไม่มีกลิ่น 0  กลิ่นเหม็นมาก 10 (มีต่อ)เมื่อกี้ใส่ตารางมาด้วยมันยาวเกินกำหนด จากคุณ : pittagurneyi เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 12:14:21

ความคิดเห็นที่ 98 ดูคร่าวๆ จากกราฟฟิคของหลายๆท่าน ผมสังเกตุได้ว่า ตัวอย่างที่ 2 และ 5 มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ผมเข้าใจถูกรึเปล่าครับ ---- อาจจะต้อง มีตารางแสดง % การลดลงของค่าต่างๆด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 12:19:30 จากคุณ : แข้งบวม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 12:16:07

ความคิดเห็นที่ 99 เช้าๆ ยุ่งมากๆ เพิ่งว่าง เด๋ว ขอตอบคุณ Sg Oat เรื่องจำนวน Ball ที่ใช้ก่อนครับ เด๋วจะไป Edit หัวข้อนิดนึงก่อน มาตอบคำถามเพื่อนๆ ############################################ คือจำนวน EM Ball ที่ใช้ นี่  มันหลากหลาย ตามแต่ คนแนะนำ จะแนะนำกัน ผมเองใช้ตามขนาดที่ มีเพื่อนแนะนำ ในนี้ ว่ากทม.ให้ใช้  1 ลูกต่อ4 ตรม.น้ำ และความลึกน้ำขังในกทม. น่าจะเป็น 50 ซม. เลยใช้ตัวเลข 2 คิวต่อลูก แต่ว่าลูกบอลที่ผมใช้มันมีขนาดเล็กกว่า ลูกเทนนิส ที่ใช้กันเยอะ ผมเลยประเมินคร่าวๆ เอาว่าสามลูกต่อหนึ่งล่ะกัน  (แต่จริงๆ แล้วอาจจะใหญ่ กว่านี้อีกหน่อยแต่ถือว่า เรามีค่า 10 เท่าอีกตัวเป็นตัว คุมไว้แล้วเลยพยาเลือกใช้ ทางด้านน้อยไปนิด แต่ถ้า ใครคิดว่ามี EM ตัวไหน ใช้สูตรเท่าไร ก็ลองไปอีกหลายๆอย่างก็ได้ครับ อย่างที่บอก อยากให้แตกยอดไป ลองกันจริงจังเยอะๆ จะได้ข้อมูลเปรียบเทียบกันมากๆ ส่วนตัวเลขจำนวนปูนขาวที่ต้องใช้เอามาจาก  ที่บอกไปแล้วในกระทู้ก่อนอันนี้ครับ http://kruvijai.files.wordpress.com/2010/11/5-anv-jaturong.pdf อันนี้ผมทำ เล่นๆ ตอบความอยากรู้ และ อยากให้ มีคนนึกสนุก อยากทดลองแตกต่อไปเพิ่มอีกครับ ปล.นี่คือ ตัวอย่าง ขนาดบอล ที่เคยบอก และคิดคำนวนไว้ในกระทู้ก่อนแล้ว แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 13:06:01 จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 12:23:40

ความคิดเห็นที่ 100 หลักการให้คะแนน  ให้คะแนน หัวข้อ สีและความขุ่น  scale 0-10  ใสมาก 0ขุ่นมาก 10 หัวข้อ กลิ่น   scale 0-10  ไม่มีกลิ่น 0  กลิ่นเหม็นมาก 10 ผลการทดสอบ การสังเกตุ หลังจากผ่าน 24 ชม. คะแนน สี เรียงตามลำดับ คะแนน กลิ่น เรียงตามลำดับ 2 = 5.0 คะแนน                2 = 5.2 คะแนน 3 = 9.8 คะแนน                3 = 9.4 คะแนน 5 = 6.2 คะแนน                5 = 6.2 คะแนน 6 = 5.6 คะแนน                6 = 5.6 คะแนน 8 = 4.7 คะแนน                8 = 4.7 คะแนน 9 = 8 คะแนน                9 = 8.1 คะแนน 10 = 4.8  คะแนน       10 = 4.7  คะแนน (มีต่อ)อีกตาราง ส่งมาสามรอบแล้วลงไม่ได้บอกเกิน  เลยลงแบบนี้ก่อน จากคุณ : pittagurneyi เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 12:28:22

ความคิดเห็นที่ 101 อ้อ อยากทำความเข้าใจกับเพื่อนๆว่าการทดลองนี้ ทำขึ้นเอง เพื่อตอบความอยากรู้ของตัวเอง และ เพื่อนๆ ที่ฝากช่วยหา บางประเด็นที่สนใจ การทดลอง ทำในพื้นที่เล็ก ๆ และ อุปกรณ์ที่จำกัด ถึงได้ย้ำเน้นว่า แบบบ้านๆ การคอนโทรลต่างๆ แม้จะพยายามอยากทำให้ดีที่สุด แต่ก็อาจจะไม่ได้ สมบูรณ์มากนัก อาจจะมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไขมากมาย ดังนั้น จึงไม่อยากให้นำผลการทดลอง เล็กๆอันนี้ออกเผยแพร่ ในทำนองอ้างอิง หรือชักชวนคนให้เชื่อ ตามโดยไม่ได้รับทราบข้อจำกัดต่างๆในการทดลอง นี้ เพราะวา อาจจะทำให้เข้าใจผิดกันไปได้ อยากให้เป็นข้อมูลให้พวกเราได้คิด สังเกตุ จับผิด จุดบกพร่องต่างๆ แล้ว ก็นำไป แก้ไข ปรับปรุงและทดลองเพิ่มเติม ถ้าการทดลองนี้จะมีประโยชน์ที่ชัดเจน ในความเห็นผม ไม่ใช่จากผลการทดลอง แต่อยากให้เป็นการที่ทำให้เราได้คิดได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จากเพื่อนๆที่ร่วมแจม ตลอดจน กระตุ้นให้มีการทดลองอย่างจริงจังกว้างขวางอีกต่อไป ขอบคุณครับ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 12:29:17