ความคิดเห็นที่ 1 มาแล้ว ข้อมูลจากคนที่ใช้จริง ใครบ้านน้ำท่วมเหม็น ลองได้เลยครับ มัวลังเลฟังเขาถกทางวิชาการ มันนนานไป ใช้เองให้หายสงสัยเลยครับ บอกเล่ากันมาแบบนี้ก็เป็นเสียงสนับสนุน EM อีกเสียงหนึ่ง ที่บอกว่าได้ผล จะทนเหม็นหรือใช้เลยก็แล้วแต่ท่านล่ะครับ จากคุณ : ReHeat เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 03:27:50

ความคิดเห็นที่ 2 นักวิชาการ ที่ออกมา ติติง ผมคิดว่าเขา อคติ กันเกินไป  ไอ้โน่นก้ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แล้วทางออกที่ดีคืออะไร ครับที่บ้านผม แม่บ้านก็ทำน้ำหมัก จุลินทรีย์ จาก พืชผัก มาหลายปีแล้วครับ เอาไว้รดต้นไม้ ล้างผัก ล้างมือ ถูบ้าน แรก ๆผมก็ติเหมือนกัน แต่แกก็ใช้ไม่หยุด ผมมาดู มันก็ไม่มีกลี่นเหม็นอย่างว่า ครับก็เลยไม่ห้าม มันไม่เป็นอัตรยอะไรก้ปล่อย ครับ ภูมิปัญญาของชาวบ้านครับ อย่า อคติกับชาวบ้านโดยมีอะไรลึก ๆในใจเลยครับ จากคุณ : pongsri เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 04:46:43

ความคิดเห็นที่ 3 ปัญหาของนักวิชาการคือ ใช้ทดลอง กับ ใช้จริง ครับ จากคุณ : ปอมปอม มิยาโตวิช เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 04:49:48

ความคิดเห็นที่ 4 ปัญหาของนักวิชาการคือ ถนัดการใช้น้ำลายเป็นเครื่องมือ ทั้งๆที่ควรจะเป็นคนที่มีเหตุมีผลมากกว่าชาวบ้านทั่วไปด้วยซ้ำ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 07:11:41

ความคิดเห็นที่ 5  ขอบคุณ จขกท ที่มาแชร์ประสบการณ์ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 07:17:23

ความคิดเห็นที่ 6 ที่จริง น้ำท่วมขัง น้ำเน่ามีกลิ่นเหม็น เป้าหมายหลักที่ใช้ EM  เพื่อทำให้น้ำหายเหม็น ได้เท่านี้ก็โอเคแล้ว แต่กระแส-น้ำลายกำลังบิดเบือนไป ให้เป็นการใช้เพื่อบำบัดน้ำเสีย แล้วคิดเลยเถิดไปไกลถึงการใช้ Aerator เติมอากาศ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 07:25:36

ความคิดเห็นที่ 7 ปัญหาไม่ใช่ความแตกต่างระหว่า การทดลอง กับการใช้จริง ปัญหาคือการมี control (บางคนไม่รู้ control แปลว่าตัวเปรียบเทียบ) กับไม่มี น้ำจะดีขึ้นมีได้หลายสาเหตุ รู้ได้อย่างไรว่าเกิดจากการแทรกแซงของคุณพ่อคุณ งมงาย จากคุณ : tiktaalik เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 07:51:45 A:58.9.96.18 X: TicketID:287399

ความคิดเห็นที่ 8 คห 6 ผมไม่ได้ต่อต้านอีเอ็มอย่างรุนแรงนะ แต่เพราะกระแสการเอาไปใช้จนเกินจริงนี่แหล่ะ ผมถึงพยายามพูดให้มันกลับมาอยู่ในมุมที่มันได้ผลจริงๆ ทั้งในเชิงวิชาการและปฏิบัติ ไม่งั้นเราจะได้เห็นคนเอาไปใช้กันตามนี้แน่ๆ (ยังขาดเรื่อง เอาน้ำอีเอ็มไปทำปูนก่อตึก แล้วตึกจะแข็งแรงขึ้นสามเท่านะเนี่ย ฮะฮะ) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 08:22:49

ความคิดเห็นที่ 9 ^ อันนั้นคงต้องโทษพวกเซลย์ขายของละมั้ง อะไรที่มาปกติ พวกเซลย์ยกสรรพคุณเพิ่มได้ จริงๆมันใช้ประโยชน์ได้เยอะจริง แต่ถูกแต่งเติมเพิ่มจนดูเหมือนน้ำป้าเชงไป คนที่"ควรทดสอบและประกาศข้อเท็จจริง"ถึงควรเป็นนักวิทยาศาสต์ ไม่ใช่ไห้ชาวบ้านไปงมกันเองหลายปี จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 08:36:23 A:223.206.22.183 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 10 ลองใช้เองเลย เขาแจกให้ฟรี  มัวกลัวทนเหม็น  ชีวิตก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก จากคุณ : DangDame เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 08:46:16

ความคิดเห็นที่ 11 ผมใช้ราด ใส้หนูเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ในใส้หนูมีแบคทีเรียเยอะมาก ผลที่ได้ EM เข้มข้น ที่ทำจาก นมเปรี้ยว หัวเชื้อ พด.6 ทำให้ใส้หนู แห้ง และไม่มีกลิ่นเหม้นเน่าเลย แล้วใช้น้ำราด เปือยยุ่ยเป็นสารอินทรีย์ เมื่อเช้านี้ แมวก็กัดหนูอีกตัว เอา EM ราดพื้นที่หนูตายเย็นนี้ ก็รู้ว่าจะมีกลิ่นไหม ที่บ้านแม่ เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ ใช้ EM ราดพื้นคอกทุกอาทิตย์ กลิ่นขี้ไก่ที่ทุกคนรังเกียจ ไม่มารบกวนชาวบ้าน พอสรุปได้ คือ ผลเรื่องกลิ่น ได้ผลดี การย่อยสลายเยี่ยม ผมเป็น คนที่ชอบใช้สารเคมีมากหากอยากกำจัด สิ่งรบกวน สุดท้าย สู้ระบบธรรมชาติไม่ได้ ต้นไม้ แมลง จุลินทรีย์ หากทำให้สมดุลย์ ดีกว่า ใช้สารเคมีมากกว่าไหนๆ จากคุณ : วิสวกรบ้านนอก เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 08:49:12 A:110.164.210.144 X: TicketID:156012

ความคิดเห็นที่ 12 บางคนบอกว่า EM กำจัดกลิ่นได้ ตรงนี้ คนที่บอกว่า กำจัดกลิ่นได้ รู้ไหมว่า ทำไมมันกำจัดกลิ่นได้ คนที่ใช้ ไม่มีใครรู้ ถ้ารู้ รับรองว่า จะไม่ใช้ ลองเอา EM ใส่กองอุจจาระดู กองอุจาระ จะไม่มีกลิ่น ผ่านไปไม่นาน (2-3 วัน) กองอุจจาระ ก็จะกลับมามีกลิ่นอีก ก็ต้องใส่  EM ลงไปอีก ทำแบบนี้ ไปเรื่อยๆ ในขณะที่ กองอุจจาระ ก็ยังอยู่อย่างเดิม พร้อมกับ เปลี่ยนสภาพ จากก้อนแข็งๆกลายเป็นกองน้ำที่เลอะออกไป (จากน้ำหมักEM) ผลคือ ใช้  EM  ระงับกลิ่น เหมือน คนที่ถูกพิษ แล้ว ยิ่งดื่มยาพิษ เข้าไปมากยิ่งขึ้น (ตรงนี้ ผมมีประสบการณ์จากส้วมที่บ้านตัน ก็มีกลิ่น ใส่ EM แล้ว ดับกลิ่นได้จริง แต่ว่า อุจจาระเปลี่ยนเป็นกองน้ำสีออกน้ำตาลดำๆ) ตอนนี้ มาดู กระบวนการกำจัดของเสีย เมื่อมีการเน่าเกิดขึ้น จึงจะมีกลิ่น การย่อยสลายแบบนี้ คือ กระบวนการย่อยโดยไม่มีอากาศ มีขั้นตอน 2 ขั้นตอนใหญ่ คือ ขั้นตอนที่ 1 การเปลี่ยนสารอินทรีย์ทั้งหมด ให้เป็นกรดอินทรีย์ ขั้นตอนที่ 2 การเปลี่ยนกรดอินทรีย์ ให้เป็นกาซชีวภาพ (กาซมีเทน) ในขั้นตอนที่ 1 จะไม่มีกลิ่นเกิดขึ้น เพียงแต่สารอินทรีย์เปลี่ยนรูป ไปเป็นกรดอินทรีย์(อาจมีกลิ่นเปรี้ยว) ส่วนขั้นตอนที่ 2 จะมีกลิ่นเกิดขึ้น ถ้า ระบบอยู่ในสภาวะที่เป็นกรด ซัลเฟอร์ (กำมะถัน) จะรวมตัวกับกรด เกิดเป็น กาซไข่เน่า การใส่ EM ลงไป ทำให้ ขั้นตอนที่ 2 ไม่เกิดขึ้น ก็ไม่มีกลิ่นเหม็น เกิดขึ้น หลายคนก็นึกไปว่า มีการกำจัดน้ำเสีย หรือของเสียแล้ว เป็นการเข้าใจที่ผิด เพราะว่า ไม่รู้ ในทางวิชาการ ของเสีย ที่เป็น คาร์โบไฮเดรท จะถูกย่อยสลาย แล้ว ได้ กาซคาร์บอนไดออกไซค์กับน้ำ ของเสีย ที่เป็น ไขมัน และโปรตีน จะถูกย่อยสลาย แล้ว ได้ กาซไนโตรเจน ไม่ใช่ เปลี่ยนรูปดังที่ EM ทำงาน แล้วคนในสังคม ส่วนใหญ่ ไม่รู้ ก็มีความเชื่อที่ผิดๆ ที่น้ำมีกลิ่น เพราะว่า ซัลไฟด์ รวมกับ ไฮโดรเจนอิออน เป็นกาซไข่เน่า จึงได้กลิ่น ที่น้ำไม่มีกลิ่น ที่มี พีเอช สูง เพราะว่า ซัลไฟด์ ไม่ได้รวมกับ ไฮโดรเจนอิออน ดังนั้น ไม่มีกลิ่นเหม็น การเติมปูนขาว จึงสามารถ กำจัดกลิ่นได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะใช้ในการกำจัดน้ำเสีย เพียงแต่เป็นผลพลอยได้ ช่วยกำจัดน้ำเสียเล็กน้อย EM  ส่งผลกระทบ ต่อไปให้กับสิ่งแวดล้อม แล้ว ต่อไป เหมือนที่บอก EM หยุด หรือชะลอการทำงานขั้นต่อไป ของกระบวนการย่อยสลาย ใช้ปูนขาวดีกว่า EM ในการลดกลิ่น ทั้งปูนขาว และ EM ต้องเติมไปตลอดเวลาเช่นกัน ปูนขาว เติมลงไป มีผลทำให้มีตะกอน เกิดขึ้น ต้องทำความสะอาดต่อไป EM เติมลงไป ทำให้ มีเชื้อจุลชีพ เพิ่มขึ้น อาจก่อให้เกิดโรค จากคุณ : phon77 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:03:02

ความคิดเห็นที่ 13 สนับสนุนให้ใช้ครับ จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:03:18

ความคิดเห็นที่ 14 ผมก็ชอบวิธีการทางธรรมชาติ เพราะถึงจะผิดพลาดก็ไม่เสียหายมาก เท่าทีดูๆมา นักบำบัดน้ำเสียจะติงตรงที่ EM ball มีอาหารเหลือให้จุลินทรีย์ไม่ดีกินเป็นอาหารด้วย แต่จขกท.พูดเหมือนกับว่าต้องรอให้อาหารถูกจุลินทรีย์ดีกินจนหมดก่อนเอาไปใช้ ซึ่งบอกว่า2สัปดาห์ แต่เห็นที่ปั้นๆกัน.ใช้เวลาน้อยกว่ามาก ดังนั้นเวลาคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะไม่ทำให้EMเป็นขยะให้จุลินทรีย์ไม่ดีกิน คำถามจึงต้องมีวิธีการอย่างไรที่จะบอกได้ว่าอาหารจุลินทรีย์หมดแล้ว ก่อนที่จะเอาไปใช้งาน จากคุณ : pkmea เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:08:53

ความคิดเห็นที่ 16 คนที่ทำเกษตรอยู่ โดยเฉพาะเกี่ยวกับที่ต้องใช้น้ำมากๆ เช่น การเลี้ยงปลา หรือทำเกษตรเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ เช่นเลี้ยงหมู การเลี้ยงไก่ จะรู้เรื่องราวของ อีเอ็มแบบน้ำ และอีเอ็มแบบ บอลล์ เป็นอย่างดี และก็ใช้กัน มานานหลายปีแล้ว เพราะเกษตรกรเหล่านี้ใช้แล้วเห็นผล จึงได้ใช้กันมาเรื่อยๆและนับวันจะมากขึ้น เป็นลำดับ พอวันนึง มีนักวิชาการออกมาท้วงติง เรื่อง นอกจากอีเอ็มไม่มีประโยชน์และยัง มีโทษอีก  ทำให้ นักวิชาการหน้าคอมต่างออกความเห็นเชิงลบกันอย่างมากมาย ผมเชื่อ จขกท ครับ ว่า ทั้งอีเอ็มน้ำ และ อีเอ็ม บอลล์  มันมีประโยชน์จริงๆ แต่ต้องรู้จักวิธีใช้ เช่น ที่จขกท อธิบายมาครับ จากคุณ : p_warat เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:40:17

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณทุกความเห็น ยกเว้นความเห็น 7 tiktaalik ครับ :D ลงมาจากหอคอยงาช้างเถอะ ช่วยทำการทดลองและพิสูจน์หน่อย อย่าเพิ่งงมงายวิทยาศาสตร์เลย ผมเข้าใจว่าคุณอึดอัด เลยอาละวาดไปหลายกระทู้ ผมไม่รู้สึกแย่นะ ถ้าคุณสามารถหาทางออกที่ช่วยคนเดือดร้อนได้มากกว่าวิธีนี้ คุณ JD300 คห.8 ผมเห็นด้วยเลยครับ ความสามารถเทพๆ แบบนั้นผมไม่โอเคด้วยเลย และเราต้องช่วยกันจัดการพวกเซลล์มั่ว ฉวยโอกาสครับ คุณ pkmea คห.14 ผมไปปั้นที่อัมรินทร์พลาซ่ามา และพี่ผมไปบ้านอารี ทั้งสองที่บอกตรงกันว่าต้องรอ 2 สัปดาห์ครับ แต่จะมีวิธีการวัดอย่างไรว่าอาหารหมดแล้ว ต้องขอยอมรับครับว่าไม่ได้ตรวจวัด เพราะส่วนตัว เชื่อเองว่า เมื่อครบ 2 สัปดาห์แล้ว จุลินทรีย์ดีจะมากพอที่จะไม่โดน ฆ่าล้างเผ่าพันธ์แล้วแย่งอาหารที่เหลือไป ปล.ทำการขยายจำนวนจุลินทรีย์แบบน้ำ จะใช้แค่ 7 วัน จากคุณ : neenidna เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 09:49:47

ความคิดเห็นที่ 18 จริงๆแล้วจุลินทรีย์พวกนี้ โดยธรรมชาติมันมีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันน้อยลงเนื่องจากเราไปใช้สารเคมีกันมาก การใส่จุลินทรีย์ไปก็เป็นการเติมส่วนที่มันขาดหายไปเท่านั้นเอง จากคุณ : ปุ้ม ครับ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:01:56

ความคิดเห็นที่ 19 บ้านผมก็ใช้ EM ที่แม่หมักไว้กับน้ำที่เอ่อขึ้นมาตามรอยรั่วของบ้านในครัว ปรากฏว่ากลิ่นเหม็นของน้ำที่เริ่มเน่าลดลงอย่างมาก แต่น้ำกลับเน่าเสียมากขึ้น (สังเกตุจาก สี) พอใช้ EM หมด น้ำก็กลับมามีกลิ่นอีกครั้ง จึงอยากขอสรุปว่า EM ถ้าใช้ได้อย่างถูกต้อง จะสามารถลด หรือ ขจัดกลิ่นเหม็นของน้ำเสียได้ แต่ไม่มีส่วนช่วยให้น้ำหายเน่าเสีย จากคุณ : เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการโผ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:11:08

ความคิดเห็นที่ 20 ลองใช้ไปเหอะ ทั้ง คุณผู้หณิงเอ็ม ทั้งปูนขาว น้ำเน่า มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านั้นอีกแล้ว ยิ่งใช้ในพื้นที่ จำกัด มันสามารถเห็นผลได้ชัดเจน จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:12:42

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่มาแชร์ประสบการณ์กัน เรื่องการใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตอนนี้ ที่ว่าได้ผลหรือไม่ นี่ อย่างที่ทราบๆกัน กระแสการตลาด สมัยนี้แรงมากๆ จนทำให้คนที่ใช้ เกิดความโน้มเอียง และอุปาทานว่ามันได้ผล ทั้งที่  " บางครั้ง " มันเป็นแค่ความรู้สึก หรือ อุปาทาน หรือ ได้ผล จาก สิ่งอื่นที่เกิดขึ้นเอง ตามธรรมชาติ เหมือนคนไข้ ที่เป็นอัมพาติ  จากเส้นเลือดอุดตัน หลายคน ค่อยๆ ฟื้นตัวได้เอง ตามธรรมชาติ แต่ บางคนไปกินยาหม้อ แล้ว คิดว่า มันฟื้นจากยาหม้อ แต่กินกันมากๆ กลับเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้น การที่จะบอกว่าอะไรดี หรือไม่ดี นี่ใช้ความรู้สึก ตัดสินอย่างเดียว อาจจะผิดพลาดได้ ง่าย ดังนั้นการทดสอบ หรือทดลอง โดยมีการควบคุมตัวแปล จะได้ผล ปัญหาคือ นักปฏิบัติการลงมือทำ  แต่ไม่รู้ว่าผลที่ได้ มันดีขึ้นจริงหรือ ไม่อย่างไร เพราะว่าอาจจะขาดความรู้ทางทฤษฏี สนับสนุน นักวิชาการ มีความรู้ พร้อมที่จะทดลอง แต่ ไม่ได้ลงมือทำ ดังนั้น ถ้าอยากรู้ให้แน่นอน ต้อง ลองทดลองดู ปัญหาของการทดลองดู ก็คือ บางที คนที่อยากทดลองแต่ ขาดความพร้อมขาดเครื่องมือ ทำได้แค่วงจำกัด ดังนั้น อยากให้คนที่ พร้อม มีความรู้ มีเครื่องมือ ช่วยลงมือทำ จะได้ช่วยให้ได้ข้อมูลที่ดี มาปฏิบัติกัน ถูกต้อง จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:32:26

ความคิดเห็นที่ 22 โหวตครับ ต้องใช้จริงแล้วดูผลดีกว่า นักวิชาเกิน จากคุณ : issey kasawa เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 10:36:50

ความคิดเห็นที่ 23 [...] ไม่สนใจนักวิชาการ ก็เอาลูกเอาหลาน ออกมาจากโรงเรียนซะให้หมดเลยซิครับ ประเทศชาติเราคงจะพัฒนาไปได้ดีอยู่หรอก ก็อาจารย์ท่านมาบอกว่า ตามหลักวิชาการแล้ว มันจะไม่ได้ผล กระทั่งผู้นำ คนเอามาใช้ ยังบอกว่าลดกลิ่นได้แค่ 3วัน ท่านก็ออกมาเตือนเฉยๆ สังคมจะใช้ต่อไปอีก หรือไม่ มันก็อยู่วิสัยของผู้นำส่วนต่างๆ ดีไม่ดี เดี๋ยวก็รู้ผลแล้ว [...] ท่านออกมาครั้งแรก จะเรียกว่า ถนัดการใช้น้ำลายเป็นเครื่องมือ ได้ยังไง ใครที่ ถนัดการใช้น้ำลายเป็นเครื่องมือ ประชาชนเค้ารู้กันดี ผมว่า ท่านมีประสบการ สถิติ ตรรกะ กับน้ำเสีย อยู่ไม่น้อยกว่าใครๆในประเทศแล้วหละ ถึงได้กล้าออกมาอย่างนั้น [...] อยากบอกว่า ผมเคารพอาจารย์ผู้มีความรู้ มากกว่าพ่อแม่ของผมเองอีก ไม่ใช่ว่า พ่อแม่ของผมไม่ดี แต่ถ้า สมมติ ท่านสามารถ และกล้าออกมาแจมสังคม ได้อย่างนี้ ก็จะเป็นสิ่งที่สุดๆ(สำหรับผมแล้ว) รู้จักให้เกียรติ์คนบ้างนะคุณแตง คุณกล้ามาฟันธง หรือเปล่า ว่า ท่านอาจารย์แกไม่มี สถิติ ตรรกะ เอาซะเลย มีแต่น้ำลาย ออกมาพูด เรื่องอย่างนี้ ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องเชื่อท่านทันที แต่นี่ เป็นสิ่งที่ ไม่ควรพูด ไม่ควรติตึง ไม่ควรฟังคำทัดทาน หรืออย่างไร ตอนใช้ ไม่ต้องมีการทดลองเป๊ะๆ ตอนจะค้านต้องมีการทดลองเป๊ะๆ มันมีตรรกะอย่างนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ นี่หรือ ที่เรียกกันว่า ความมีเหตุมีผล ปล. กรรมใดใครก่อ เดี๋ยวก็มีการสนองคืนกันในไม่ช้า ไม่ต้องรีบร้อนกันไป ---- ท่าน TinyNu แต่กระแส-น้ำลายกำลังบิดเบือนไป ให้เป็นการใช้เพื่อบำบัดน้ำเสีย ผมอาจจะรู้น้อยฟังมาน้อยนะครับ แต่บังเอิญที่ฟังมา มีแต่พลังแถให้เป็นการกำจัดกลิ่น โดยที่ตอนแรกบอกว่าแก้น้ำเสีย ถ้ามีหลักฐานคำกล่าวอ้างมาให้ดูว่า ทีแรกบอกแก้กลิ่น ตอนหลังเปลี่ยนเป็นแก้น้ำเสีย ก็คงจะดีกว่าการมาใช้น้ำลายกันเปล่าๆ หรือว่าผมเป็นฝ่ายค้าน เลยจะต้องเป็นฝ่ายเอามาเสนอก่อน เฮ้อ เหนื่อย เบื่อ ทำไมเป็นนักวิทย์ แล้วต้องปากจัดด้วยหรือไงนี่ [...] ตัดออกหน่อย แรงไป แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 54 11:28:12 จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:19:53

ความคิดเห็นที่ 24 ด้วยความเคารพครับอาจารย์ ผมว่าทดลอง EM Ball ในน้ำเสียมันต้องมีความพร้อมแล้วเครื่องมือขนาดไหนครับ ผมว่ามันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยนะครับ ก่อนนักวิชาการจะมาถกกันออกทีวี ทำไมไม่ทดลองให้รู้ผลกันเลยค่อยถกกัน มาเถียงกับในทฤษฏีออกทีวีแต่ไม่ยอมทดลองให้รู้ผลก่อนแล้วมาเล่าให้คนดูฟัง พูดด้วยความสงสัยในความคิดผมนะครับ ไม่ได้กะจะทำให้ระคายเคืองความรู้สึกใครครับ จากคุณ : SolarSun เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:21:12

ความคิดเห็นที่ 25 #24 1 ผมว่า อ.แกมี ตรรกะ และสถิติ อยู่พอสมควรอะนะครับ 2 ขณะที่ฝ่าย เสนอนั่น แล้วใหญ่ ถ้าเป็นหนังจีนนี่ สู้โดยไม่ต้องลุกขึ้นยืน ด้วยซ้ำไป จะมานั่งเถียงกันว่า ไม่เห็นแสดงกระบวนท่า ตามสำนักมาตรฐานอะไรออกมาเลย เอาแค่มวยวัดนั่งๆปัด ยังกินขาดไปแล้ว ปล. แต่ผมก็สนับสนุน การต่อสู้ตามมาตรฐาน มากกว่าใช้วิชามารนะครับ ลองไปถาม สรยุทธ์ดู แกให้เวลาอาจารย์แกเตรียมตัวมาออก เท่าไหร่กัน 1วัน 1เดือน 1ชม. 5ชม 10ชมครึ่ง หรือ เท่าไหร่กัน และถ้าเป็นอาจารย์ ในตอนนั้น จะตัดสินใจมาออกรายการกันมั้ย เกียรติ์อาจารย์ มีเท่าไหร่ ไม่ให้เกียรติ์กัน เกียรติ์นักการเมืองมีเท่าไหร่ ประเทศชาติมาแตกแยกกัน เพราะนักการเมืองไปเท่าไหร่ บรรดา นักการเกษตร ทั้งหลาย ต้องขอถามหน่อยว่า ท่านและลูกหลาน ได้อะไรมาจากนักการเมืองบ้าง ท่านและลูกหลาน ได้อะไรมาจากครูอาจารย์ ที่ไปศึกษา พัฒนาเกษตร ของท่านบ้าง ผมเองก็ไม่รู้ ลองตอบตัวท่านเองและลูกหลานท่านดู สุดท้ายจริงๆ ลองลบนักการเมืองทั้งหมดออกไป แล้วจะเป็นไง ลองลบครูอาจรย์ทั้งหมดออกไป แล้วจะเป็นไง คิดดูเอา จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 11:41:52

ความคิดเห็นที่ 26 คุณaLITTLEspaceAround7day ใจเย็นๆ ผมก็มีตรรกะ และสถิติ + ประสบการณ์เหมือนกัน แต่มันไม่ตรงกับอาจารย์ ผมอยากให้ทดลองครับ รบกวนโปรดช่วยแสดงกระบวนท่าหน่อย ให้ผมได้เรียนรู้เถอะครับ ว่าจริงๆมันผิดถูก ได้ผลยังไง เพราะจะมาบอกแค่ว่าให้ผมเชื่อ เพราะท่านนั้นเป็นอาจารย์น่ะ ผมทำไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนในกาลามาสูตรครับ จากคุณ : neenidna เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 13:30:17

ความคิดเห็นที่ 27 เหมือนยาทำใจแอสไพริน กินแก้ปวดลดไข้ได้ ใครๆก็รู้ ใช้กันทั่วไป หาง่าย ราคาไม่แพง แต่ถ้ารัฐบาลจะเอายาทำใจ มาแจกสู้ไข้หวัดนก มันก็อีกเรื่องหนึ่ง นักวิชาการก็ต้องออกมาแย้งเป็นธรรมดา ว่ากันตามหลักวิชาการ ที่ตลกคือมีคนออกมาแย้งนักวิชาการ จะให้ไปทำการทดลองว่ายาทำใจรักษาไข้หวัดนกได้หรือเปล่า ก่อนจะออกมาแย้ง ทั้งๆที่เค้าแย้งเพราะมันไม่มีผลการทดสอบยืนยันว่ายาทำใจ รักษาไข้หวัดนกได้ ดังนั้นยังไม่ควรเอามาแจก เปลืองงบประมาณ ผู้ป่วยเสียโอกาส จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 14:17:09

ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อคืน ผมทนนั่งดูรอบดึกไปสามช่วง สรุปได้ดังนี้ 1.เรื่องบำบัดน้ำเสีย อาจารย์จุฬากับ อาจารย์หัวขาว บอกว่า   1.1.ใส่ em ลงไปก็ไม่ทำให้น้ำที่เสียอยู่หายเสีย   1.2.ใส่ em ลงไปก็ไม่ทำให้เกิดน้ำเสียเพิ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะ จุลินทรีย์ในน้ำเสียมีมหาศาล การโยน em ลงไปตามสัดส่วนที่ระบุ ไม่ทำให้เกิดการเพิ่มของจุลินทรีย์อย่างมีนัยยะสำคัญ ถ้าอยากจะทำก็ทำ แต่คงได้แค่เรื่องสภาพจิตใจ อาจารย์ abac กับ อาจารย์ปักษ์ใต้ บอกว่า แก้ได้ จากประสบการณ์ที่ไปแก้น้ำเสีย ที่เกาะสมุย ที่เกาะอะไรไม่รู้ที่ชุมพร และอื่นๆ 15 ปี ทุกที่ ดีขึ้นหมด 2. เรื่องทางเลือกอื่นในการแก้น้ำเสีย อาจารย์จุฬากับหัวขาว บอกว่า หลักๆมีสองอย่าง คือ   2.1 ใส่ oxygen   2.2 เก็บขยะออกจากน้ำ   2.3 รอ อาจารย์ abac กับ อาจารย์ปักษ์ใต้ บอกว่า โยน em ลงไปตามสูตร แก้ได้ สรุป ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ในสถานการณ์จริง em จะแก้ได้จริงไหม แต่ผมอยากรู้เหมือนกันว่า 3.เวลาน้ำไหลเข้่าบ้านแล้วบ้่านถูกตัดน้ำตัดไฟเนี่ย ใครมันจะเติม oxygen ได้ 4.ลงไปเก็บขยะจากน้ำ ชาวบ้านทำในบ้านตัวเองได้ แต่จะเอาขยะไปทิ้งที่ไหนครับ กองไว้บนหลังคาเหรอ 5.แล้วต้องรออีกนานแค่ไหนให้น้ำหายเหม็น อีกเป็นหลายเดือน 6.ในเมื่อ โยนem ลงไปมีแต่เจ๊ากะเจี๊ยะ ผมก็ไม่รู้ว่าจะเถียงกันไปทำไม จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 15:17:00

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเอา em ใส่ถังส้วม แต่ก่อนใส่ เอากากน้ำตาล ใส่ไปด้วย หายเหม็น นานเลย แต่พวกเอาไปใช้ โอเวอร์ อย่าไปเชื่อ แพทย์บางคนเอาไปรักษาแผลสดด้วย บางคนเอาไปล้างจาน กำเลย จากคุณ : แมวสีเทา เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 17:06:29

ความคิดเห็นที่ 30 ที่มันเป็นประเด็นก็เพราะ อจ.จากจุฬา แกไม่มาลงมือทำการทดลองให้เห็นชัดเจนว่า มันเป็นไปตามที่ตัวเองพ่นน้ำลายหรือไม่ ถ้าทำซะ เรื่องมันก็ควรจะจบไปนานแล้ว มีหลักฐาน มีเหตุผล มีผลทดลองยืนยัน สามารถนำไปอ้างอิง ไปป่าวประกาศ ซึ่งใครก็ต้องเชื่อถือ เพราะมีผลยืนยันชัดเจน แล้วที่น่าตำหนิอย่างแรงคือ แกเองเป็นนักวิทยาศาสตร์เต็มตัว เป็นถึงศาสตราจารย์ แต่ไม่ยักกะใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการยืนยันผล หรือใช้ประกอบคำอธิบาย หากแต่ใช้แค่น้ำลายอย่างเดียว พูดมันปากเปล่านี่แหละ แล้วเรียกตัวเองว่า นักวิทยาศาสตร์ แก่กระโหลกกะลา ไม่น่านับถือเลย จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 18:32:57

ความคิดเห็นที่ 31 เคยใช้ราดห้องน้ำแล้วหายเหม็น เอาไปราดสระน้ำกะให้หายเหม็นกลิ่นโคลน แต่ไม่หาย สงสัยต้องใช้แบบ บอล จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 18:36:42

ความคิดเห็นที่ 32 มีคนใช้ em-ball แล้ว อ.เขาออกมาวิจารณ์( ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์) แล้วแตงกวาก็ออกมาวิจารณ์ อ. อีกที แล้วก็มีคนมาวิจารณ์แตงกวาอีกที แล้วเมื่อไรมันจะจบ ปั้ญหาไม่ได้เกี่ยวกับ คนเลย มันเกี่ยวกับ EM บำบัดน้ำเสียได้ไหม แต่นีคุณแตงกวาทำให้เป็นเรื่องของความเชื่อ วิจารณืแต่ตัวบุคคล อ.เขาอธิบายเหตุผลคุณก็ไม่ฟัง การที่เราจะบอกว่า ทฤษฎีใหม่อะไรใช้ได้ นอกจากผลการทดลองแล้ว มันต้องไม่ขัดกับทฤษฎีเก่าที่กว่างกว่า เช่นถ้าโยนวัวขึ้นไปบนฟ้า มันก็จะตกลงมาแน่นอน เพราะมันบินไม่ได้ ไม่มีหลักการใดๆ ที่จะทำให้วัวลอลได้ ในสภาวะบนพื้นผิวโลก แต่คุณไปเถียงแต่ว่า อ. ไม่เคยโยนวัว รู่ได้ยังไงว่ามันจะตกลงมา ต้องให้เขาไปจับวัวมาโยนก่อน ก็เขาขี้เกียจโยน เขารู้อยู่แล้วว่ามันลอยไม่ได้ จากคุณ : tiktaalik เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 54 23:52:24 A:58.9.96.18 X: TicketID:287399

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ tiktaalik คห.32 คำอธิบายของอาจารย์ ไม่ตรงกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากประสบการณ์ของผม และคนที่ใช้ในงานเกษตรอีกมาก (ไม่นับคนกินรักษามะเร็งนะครับ)   จะให้ผมเชื่อคนที่ไม่เคยลอง .... ก็ไม่ไหวล่ะครับ เพราะของผลลัพธ์มันเห็นๆอยู่ต่อหน้า จากคุณ : neenidna เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 00:57:35

ความคิดเห็นที่ 34 จริงๆ เรื่องการบำบัดกลิ่นได้ EM มีกลไก แบบไหน  มันมีอยู่นะครับ มีคนเขียนอยู่แล้วข้างล่างนะครับ (จำคนข้างล่างมาเล่าให้ฟังอีกที) กลไก จุลินทรีย์ ชนิดหนึ่งคือ  purple bacteria  ชนิด Sulfur reducing bacteria ต้องนี้  เป็น anoxy phototroph โตได้ในสภาวะ ต้องมีออกซิเจนบ้างจนถึงในน้ำที่ไม่มีออกซิเจนเลย แต่ H2S เป็นต้วให้ electron (พูดแบบง่ายๆ ก็กลไกสร้างพลังงานให้เซล ทำให้มีชีวิต กินอาหาร และ มี sex ได้) เมื่อคนเรากินข้่าวแล้วได้พลังงานประมาณนั้น จะเห็นว่า กลไกนี้ จะ  ใช้ H2S ในน้ำ  เกิด S0 ในตัวเซล S0 เป็นธาตุไม่เหม็นครับและเป็นการ ลด H2S ออกจากระบบ นี้คือกลไก ทาง Biochem ที่เป็น ทางวิทยาศาสตร์ นะครับ (คนที่บอกว่ามันไม่มีกลไกทางวิทยาศาสตร์รองรับเลย มันก็ออกจะแสดงว่า ของบางอย่างที่เราไม่รู้ ใช่ว่าม้นไม่มี เรื่องยากบางเรื่องสำหรับเรา เป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับบางคน) ส่วนปูนขาว ที่จริง ใช้ได้โดยตรง จับ H2S  โดยเปลี่ยนให้อยู่ในรูป ยิปซัม CaSO4 นะครับ นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการ ปรับ pH เพิ่มขึ้นทำให้จุลินทรีย์กลุ่ม ของ Sulfur Reducing bacteria ที่ผลิต H2S ลดลง ทำให้ ไม่เกิด H2S ซึ่งสาเหตุหลักของกลิ่นเหม็น(กลิ่นเดียวกับตดเรานั้นแหละ) ข้อเสียปูนขาวก็มีไม่ใช่ไม่มี คือ   เมื่อใสไปนานๆ  จุลินทรีย์กลุ่ม Heterotroph และ acidogenic bacteria ยังทำงานอยู่ (แม้จะอยู่ในสภาพไม่มีออกซิเจน หรือ ขาดออกซิเจนก็ตาม)   acidogenic bacteria ก็จะผลิต กรดออกมา ทำให้ pH ลดลง ซึ่งทำให้ แบคทีเรีย กลุ่มผลิต  H2S ก็ทำงานได้อีกครั้ง น้ำกลับมาเหม็นเหมือนเดิม ดังนั้น การใช้ปูนขาว  ถ้าในน้ำมีอินทรีย์สาร พอควร   ก็ต้องใส่ปูนขาวไปเรื่อยๆ ดังนั้น การบอก่ว่าปูนขาว ใช้งานได้ดี มีราคาถูก (อันนี้ไม่่รู้จริงหรือเปล่า ถ้าเทียบปริมาณน้ำ 12000 ล้านลบ.ม. ไม่รู้ต้องใช้ปูนขาว เท่าไร และ ไม่ได้ใส่ครั้งเดียว แน่ๆ   นี้คือสิ่งที่ คนสนับสนุนปูนขาว พูดถึง ว่าเป็นวิทยาศาสตร์  แต่ ดันพูดไม่หมด นะครับ สรุปว่า EM มันต้องใส่ไปเรื่อยๆ ตามทฤษฏี วิทยาศาสตร์ของเขา ปูนขาว เอง ก็ต้องใส่เรื่อยๆ เหมือนกัน ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตอบเหตุผลได้เช่นกัน แต่ความต่าง EM กับ ปูนขาว คือ  EM มีกลไกหลายอย่างต้องไปลุ้นว่าใช้ได้จริงไหม นอกจากนี้การบอกว่า EM ไม่ช่วยลดน้ำเสียเลยนี้ก็ไม่ใช่ EM มันเป็นจุลินทรีย์ไงไงมันต้องกินสารอินทรีย์ในน้ำอยู่แล้ว อันนี้เป็นคำตอบทางวิทยาศาสตร์เลยล่ะ ขอดีของ EM นั้น เพิ่มจำนวนเองได้ ด้วยกากน้ำตาล หรือ น้ำตาลทรายเพียงเล็กน้อย ผมว่าการผลิต EM ไม่แพงนะ เพราะทำเองที่บ้านได้ง่ายๆ กากน้ำตาล 1 ลิตรเอามาหมัก EM ที่จริงใช้แค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ก็พอ  ก็ สามารถผลิต น้ำที่มีจุลินทรีย์จำนวนมากได้ ถึง 50 ลิตร  ใช้กากน้ำตาลราคา 15 บาท  ส่วน 15 บาท ถ้าซึ้อปูนขาว จะได้ กันซัก กี่กิโลกรัม?? ไม่เคยซื้อเหมือนกัน และ ปูนขาวถ้าจำไม่ผิด แตกตัวแค่ 8 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ปูนขาว น่าจะใช้ลดกลิ่นได้แน่ ตามสมการเคมี แต่ ไม่ได้เป็นการกำจัดสารอินทรีย์เลย และ ต้องใช้เป็นปริมาณมาก และ ต้องซื้อหามาเท่านั้น ไม่สามารถเพิ่มจำนวนเองได้ บ้านใครน้ำเน่า จะเลือกใช้อะไร หรือ ไม่ใช่อะไรเลย  ก็ ตามใจครับ ปล. ถ้าน้ำเน่าแล้ว เราไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยๆ 1 เดือนขึ้นไป มันเน่าตลอดนั้นแหละ สู้ๆ นะครับ จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 01:27:19

ความคิดเห็นที่ 35 น่าสนใจทีเดียว ขอเสริม และ ถามเพิ่มเติมหน่อยนะ "และเริ่มเห็นฟองอากาศผุดขึ้นมาจากจุดที่ไม่มีปลาอยู่ " (อันนี้ไม่ได้ถาม แต่เสริมให้) นั่นคือ ก๊าซมีเทน เป็นผลิตผลสุดท้ายจากการย่อยสลายภายใต้สภาวะไร้ออกซิเจน เป็นเส้นทางหลักๆเส้นเดียวที่สารอินทรีย์ทั้งหลายจากหลุดออกจากน้ำได้ในสภาวะไร้ออกซิเจน (ถ้าเป็นสภาวะมีออกซิเจน จะได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) "เพราะน้ำจุลินทรีย์ทำงานแค่ที่ใกล้ผิวน้ำ แต่ลงไปไม่ถึงก้นบ่อ" อันนี้ผมว่าไม่จริง ขึ้นอยู่กับระบบการกวนน้ำมากกว่า ถ้าน้ำไหลวนดี เชื้อมันจะกระจายไปเอง แต่ต้องรอหน่อย ให้มันได้เติบโต มันไม่ได้โตเร็วนะ "แล้วเปิดกังหันให้มันกระจายไปทั่วบ่อ ผลที่ได้คือ ปลาร่าเริงขึ้น กินอาหารมากขึ้น แต่ว่าฟองแก๊สยังมีเห็นอยู่" ปกติ ตอนปลาซึมๆนี่เปิดกังหันรึเปล่าครับ ถ้าไม่ได้เปิดแล้วพึ่งเปิดตอนเติม EM ผมว่าปลามันดีขึ้นเพราะน้ำมีการไหลเวียนและมีออกซิเจนมากขึ้นมากกว่านะครับ แล้วหลังจากเติม EM เปิดกังหันไว้ตลอดหรือเปล่าครับ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ที่ปลาดีขึ้นเรือ่ยๆ อาจเกิดจากการที่มีออกซิเจนในน้ำมากขึ้นตลอดเวลา จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 14:41:57

ความคิดเห็นที่ 36 คห. 35 คุณ GreenEyes "เพราะน้ำจุลินทรีย์ทำงานแค่ที่ใกล้ผิวน้ำ แต่ลงไปไม่ถึงก้นบ่อ" - กังหันน้ำของผม ทำแค่ตีอากาศที่ผิวน้ำครับ ไม่ได้สูบพ่นลงไปข้างล่าง แต่ผมไม่ได้ตรวจละเอียดครับ   "แล้วเปิดกังหันให้มันกระจายไปทั่วบ่อ ผลที่ได้คือ ปลาร่าเริงขึ้น กินอาหารมากขึ้น แต่ว่าฟองแก๊สยังมีเห็นอยู่" ปกติ ตอนปลาซึมๆนี่เปิดกังหันรึเปล่าครับ ถ้าไม่ได้เปิดแล้วพึ่งเปิดตอนเติม EM ผมว่าปลามันดีขึ้นเพราะน้ำมีการไหลเวียนและมีออกซิเจนมากขึ้นมากกว่านะครับ แล้วหลังจากเติม EM เปิดกังหันไว้ตลอดหรือเปล่าครับ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ที่ปลาดีขึ้นเรือ่ยๆ อาจเกิดจากการที่มีออกซิเจนในน้ำมากขึ้นตลอดเวลา - ตั้งเวลาทำงานของ มอเตอร์เป็นเวลาอยู่แล้วครับ และเปิดเหมือนเดิมเลย ที่บอกว่าปลาดูแข็งแรงขึ้นไม่ใช่ 1-2 ชั่วโมงหลังใส่น้ำ EM นะครับ ไม่ได้ผลเร็วขนาดนั้นแต่ดูที่วันรุ่งขึ้นและวันถัดๆไป โดยเปิดกังหันเวลาเดิมตลอด ปล. ขอบคุณเรื่องแก๊สมีเทนครับ จากคุณ : neenidna เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 16:05:52

ความคิดเห็นที่ 37 ผมสรุปสั้นๆเรยล่ะกัน ของมันจะดี ต้องใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ไปมั่วๆใช้ปัญหามันไม่หายครับ รู้สึกเหมือนเจอพวกไม่อ่านฉลากสินค้าก่อนเรยนะเนี่ย จากคุณ : คนไร้สมอง เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 16:49:41

ความคิดเห็นที่ 38 โปรดจงมั่นใจที่ทำลงไป น่ะถูกแล้ว หากสิ่งนั้นมาจากการทดลองด้วยตนเอง หากสิ่งนั้นนำผลที่ได้จากการทดลองมาคิดวิเคราะห์ หากสิ่งนั้น คือ ผลสรุปจากที่เราได้คิดวิเคราะห์ จากคุณ : ตุ่นตาสว่าง (ตุ่นตาสว่าง) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 17:55:24

ความคิดเห็นที่ 39 ตัวอย่างคนใช้จริง http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R11308197/R11308197.html จากคุณ : ReHeat เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 19:58:00

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณ คุณ Reheat ครับ ชอบๆ จากคุณ : neenidna เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 21:43:03

ความคิดเห็นที่ 41 จริงๆ ผมคิดว่าหน้าที่แสดงผลการทดลองที่น่าเชื่อถือได้ มันเป็นของฝ่ายที่ต้องการแสดงให้เห็นว่า EM มันใช้ได้ผลมากกว่านะครับ คนที่ออกมาเสนอเรื่อง EM หลายๆท่านก็เป็นระดังครูบาร์อาจารย์เหมือนกัน เป็นตัวแทนของหน่วยงาราชการ อันมีหน้าที่ต้องให้ความกระจ่างในข้อสงสัยไม่ใช่เหรอครับ แต่พอมีคนแย้งว่ามันไม่น่าจะใช่ มันไม่ควรเป็นไปได้ซึ่งทางฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ได้หยิบยกเนื้อหาทางวิชาการขึ้นมาอ้างอิงพอสมควร แต่แทนที่ฝ่ายสนับสนุน จะเป็นผู้นำหลักฐานมาชี้แจงให้รับทราบเป็นที่เข้าใจว่า ต้องการอะไร ทำเพื่ออะไร ได้ผลหรือไม่ เพราะอะไร ได้ผลยังไง กลายเป็นว่าท้าให้ฝ่ายไม่เห็นด้วยนำผลการทดลองมาคัดค้าน แล้วจะเอามาค้านกับอะไรหล่ะครับ ในเมื่อฝ่ายเสนอ ก็มีแค่ความเชื่อเหมือนกัน โดยไม่ได้ชี้ให้เห็นที่มาอันเป็นวิทยาศาสตร์ ที่สมควรจะได้รับการยอมรับเหมือนกัน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า ถ้าฝ่ายค้านไม่สามารถนำผลมาเสนอ หรือไม่ทำการทดลอง ก็สรุปว่ามันใช้งานได้ ตามที่เชื่อ ตามที่บอกกันมา ... เรื่องมันก็เลยไปคล้ายกับ เครื่องประหยัดน้ำมัน GT200 ฯลฯ ไงหล่ะครับ ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่เป็นวิทยาศาสตร์เหมือนกันนะ แต่กระบวนการทำให้เกิดความเชื่อเหมือนกัน นั่นคือ "พูดก่อนได้เปรียบ" ใครที่จะมาค้านทีหลัง ก็ต้องหาหลักฐานมาค้านเอา .... ป.ล. แต่ก็เห็นด้วยกับประเด็นที่คุณแตงกวา ว่าไว้เป็นบางประเด็นที่ว่าต้องทำให้เห็นถึงกระบวนการ แต่ผมคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องให้ฝ่ายคัดค้านทำแต่เพียงผู้เดียว และไม่ใช่เพียงเพราะคนที่คัดค้านเป็นระดับอาจารย์ จึงต้องทดลองให้เห็น โดยที่ฝ่ายเสนอเพียงแต่รอผล และเตรียมข้อแก้ตัวไว้ก่อนแล้ว ถึงเวลานั้นหากมีการแสดงให้เห็นอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ มีหลักการ หลายคนในนี้ก็พร้อมจะเชื่อครับ รวมทั้งตัวผมเองด้วย **************************************** อยากให้คิดทั้งสองด้านบ้างนะครับ ทำไมไม่เรียกร้องให้ฝ่ายสนับสนุนมาทำการทดลองบ้างครับ ทำไมต้องให้ทดลองมาค้าน ทั้งที่ฝ่ายสนับสนุนก็ "พ่นน้ำลาย" เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ มีแต่คนบอกว่า ใช้จริงนะ ดีนะ ผมใช้แล้วนะ แล้วไหนหล่ะครับสิ่งพิสูจน์ ผมว่าถ้าท่านมีอะไรมาสนับสนุนในสิ่งที่ท่านเสนอที่มันเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แล้วนำออกมาเผยอพร่เมื่อไหร่ เมื่อนั้นแหล่ะครับจึงสามารถไปบอกให้ผู้ไม่เห็นด้วยหาหลักฐารการทดลองที่ระบุว่าใช้ไม่ได้ผล มาแสดง ไม่ใช่ชิงพูดก่อน พอใครมาโต้ก็ไล่กลับไปพิสูจน์ จากคุณ : ถุนคุง เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 21:52:37

ความคิดเห็นที่ 42 ถึง จขกท ครับ ที่คุณใช้ได้ดีกับบ่อปลา เพราะมันมีการเติมอากาศร่วมด้วยครับ จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 22:05:34

ความคิดเห็นที่ 43 การตีอากาศที่ผิวน้ำ ออกซิเจนที่ใต้น้ำก็เพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกันครับ (เหมือนคุณใส่น้ำแข็งที่ผิวน้ำ ใต้น้ำก็เย็นขึ้นเหมือนกัน แม้จะเย็นขึ้นไม่เท่ากับผิวน้ำก็ตาม) จากคุณ : Starfight เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 22:17:00

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณ จขกท. ครับ ได้รู้มุมมองจากทั้งผู้ใช้ ทั้งนักวิชาการ เอามาเมิจกัน  มันก็มีประโยชน์นะ แต่ผมอ่านคำว่าพ่นน้ำลายละโคตรไม่ชอบเลยว่ะ ไม่รุ้เป็นไร ตัวเองก็ไม่ใช่คนสุภาพไรนะ  แต่รู้สึกว่า รู้จักกันดีแล้วหรอ ถึงไปพูดแบบนั้นกับเค้า จากคุณ : bomwoq เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 54 07:52:00

ความคิดเห็นที่ 45 เห็นด้วยกับการทดลองของ จขกท ครับ สำหรับนักวิชาการหลายๆ คนที่ออกมาค้าน เขาก็เห็นๆ กันอยู่ว่า น้ำเน่าเกิดจาก ขยะในน้ำ ถ้าไม่มีขยะ น้ำก็ไม่เน่า ปัญหาคือ เราเอาขยะออกจากน้ำทั้งหมดไม่ได้ เพราะ มันเยอะ น้ำก็เลยเน่า  แล้วแก้ปัญหาน้ำเน่ายังไง คือถ้าคุณ ตักน้ำเน่าๆ กรองเอาขยะออก กวนด้วยสารส้ม ใส่ถังทิ้งไว้ 2-3 วัน น้ำก็จะใส หายเน่าไปเอง เพราะ ในถังไม่มีขยะ หรือ สารอาหารของเชื้อโรคที่จะ ละลายออกมาอีก ซักพักพอ จุลินทรีย์ย่อยสลาย กินอาหารหมด น้ำก็ไม่เน่าแล้ว ถ้าระหว่างนั้นเติม ออกซิเจน ด้วย น้ำก็จะยิ่งหายเน่าเร็วขึ้น เวลาทำน้ำปะปา บ่อบำบัดน้ำเสีย  เขาก็ใช้หลักการนี้ แต่เราก็รู้ว่ามันใช้กับน้ำเน่า จากน้ำท่วมขังไม่ได้ เพราะบริเวณที่น้ำท่วมนั้นเต็มไปด้วยขยะ อาหารของจุลินทรีย์ ไม่มีอะไรทำให้น้ำเน่า ปริมาณมากๆ และ สภาพแวดล้อมแบบนี้ เป็นน้ำดีขึ้นได้หรอกครับ จะทำบ่อบำบัดให้น้ำทั้ง กทม ได้มั้ยละ??? ดังนั้นทำอย่างมากก็คือแค่ช่วย อย่างการใช้ EM Ball  และ ปูนขาว หรือ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค มันไม่ได้ทำให้น้ำหายเน่าก็จริง แต่ 1. มันช่วยลดเชื้อโรคที่เป็นอันตรายได้  ถึงจะไม่ได้ทำให้ใสสะอาด แต่ก็ช่วยลด 2. ช่วยลดกลิ่นได้ ถ้าน้ำยังท่วมขังอยู่ ปล่อยไว้ไม่ทำอะไร มันไม่มีทางที่จะหายเน่าเองได้ครับ เพราะปริมาณที่มหาศาลของสารอาหารที่ละลายในน้ำ เชื้อโรคที่เป็นอันตรายก็จะสะสมมากขึ้น มากขึ้น ทำให้เกิดโรคต่างๆ ================================== การทดลอง เพื่อให้เข้าใจว่าหลักการใช้ EM มันดียังไง สมมติถ้าคุณหุงข้าวใส่หม้อ เติมน้ำให้เต็มหมอ แล้วทิ้งไว้ หม้อที่ 1  ใส่ยีส  ปิดฝา   หม้อที่ 2  ไม่ใส่อะไร  เปิดฝาไว้ ทิ้งไว้หลายๆ วัน หม้อทั้ง 2 ก็จะเริ่มเน่า แต่ข้าวในหม้อที่ใส่ยีส จะกลายเป็นเหล้า แต่ข้าวในหม้อที่ไม่ใส่อะไร ก็จะกลายเป็นข้าวเน่าๆ + มีกลิ่นเหล้านิดหน่อย อาจจะมีเชื้อรา และไม่มีทางที่น้ำในหม้อทั้ง 2 จะใส กลายเป็นน้ำสะอาดครับ ไม่มีทางที่ข้าวในหม้อจะหมดไปในเวลาสั้นๆ ลองเอาข้าวเน่าทั้ง 2 หม้อ คลุกรวมกัน แล้วปิดฝาทิ้งไว้  แล้วดูผล อีกการทดลองหนึ่งคือ การทำปลาร้า กับ การปล่อยให้ปลาเน่าไปตามธรรมชาติ ปลาร้ากินได้ ปลาเน่ากินไม่ได้   หลักการของ EM ก็เทียบได้กับการทำ นมเปรี้ยว การทำเหล้า การหมัก การดอง ทำปลาร้า ฯลฯ หมักนมเป็นนมเปรี้ยว ไม่ได้ต้องการทำให้ นมเป็น น้ำสะอาด  แต่ต้องการให้มันไม่เน่าเสีย  ทำให้กินได้ หมักปลาร้า ก็ไม่ได้ต้องการทำให้ปลาสด ปลาไม่เน่า ไม่เหม็น แต่ว่าต้องการให้มันเน่าแบบปลอดภัย กินได้ น้ำที่ไม่ใส่ EM  กับ น้ำที่ใส่ EM  มันก็เน่าเหมือนกัน แต่น้ำเน่าธรรมชาติ อันตรายกับคน แต่เชื่อ EM มันไม่เป็นอันตรายกับคน การใส่ EM Ball ในน้ำ มันจะไปทำให้น้ำใสได้ยังไง เพราะ มันไม่ใช่เครื่องกรองน้ำ เพียงแต่มันไปเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ให้ไปช่วย ฆ่าจุลินทรีย์ที่มีโทษ ดังนั้นสิ่งที่  จขกท ทดลอง ผมว่าถูกต้อง ตามสมมติฐาน คือไม่ได้พิสูจน์ว่า EM Ball ทำให้น้ำใส   แต่พิสูจน์ว่าทำให้ น้ำไม่เป็นอันตราย แต่ที่มาเถียงๆ กัน นั้นมันไม่ใช่ เพราะหลายคนเข้าใจ EM ว่าทำให้น้ำใสสะอาด ก็เหมือนกับไปพิสูจน์โดยตั้งสมมติฐานว่า  ยีส ทำให้ นมไม่เน่า เพราะเมื่อทดลองเสร็จ คุณก็จะได้คำตอบว่า ใส่ยีส นมก็เน่าเหมือนเดิม และ เน่าเร็วขึ้นด้วย สรุปแล้ว EM Ball จะทำให้น้ำเน่าแบบไม่เป็นอันตราย หรือ ลดอันตรายจากน้ำเน่า ไม่ได้ทำให้น้ำกลายเป็นน้ำใสสะอาด แบบ เครื่องกรองน้ำ จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 54 11:33:07

ความคิดเห็นที่ 46 อีกหน่อยก็คงมีเอาไปเหน็บจิ๋ม กลิ่นสะอาด หอมสดชื่น จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 54 13:09:35

ความคิดเห็นที่ 47 คนมันต้องการเอาชนะคะคานกันทุกทางทุกรูปแบบไงครับ เรื่องบางเรื่องก็หยิบมาเล่นให้มันดูว่าสิ่งที่ศปภทำมันเสียหายทุกส่วนทุกทาง เพื่อหวังทำลายเครดิตและชี้เป้าให้เห็นชัดว่าผู้นำรัฐบาลโง่ คือเจตนาเขามีแค่นั้นเองครับ คนเดือดร้อนจะยังไง กรูม่ายสน สนแค่นั้น น้ำท่วมน้ำลายแพ้น้ำใจ ชอบมากคำๆนี้ สิ่งไหนทำแล้วได้ผลก็ลุยเลย ไม่ต้องรอเทพพพพ มาจุติหรอก อนาคตคุณไม่ได้ฝากไว้ที่พวกเทพพพเหล่านั้น อนาคตคุณขึ้นอยู่กับมนุษย์ปุถุชนกินครี่ปรี้นอนธรรมด๊าธรรมดาเนี่ยแหละ จากคุณ : zong12 เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 54 13:29:09

ความคิดเห็นที่ 48 โดยส่วนตัว คิดว่ามันใช้ได้ผมในระบบปิดครับ ส่วนในระบบเปิด ที่มีน้ำไหลอยู่ตลอด คิดว่าคงแทบไม่เห็นผล ผมคิดว่าควรแจก EM ball ให้กับแต่ละบ้านแทนการโยนส่งๆ ไป เพื่อให้แต่ละบ้านเอาไปใช้ในบ้านของตัวเอง ซึ่งเป็นระบบปิดแน่นอน แบบนี้น่าจะได้ผลดีกว่า แต่ต้องระบุวิธีใช้ไปด้วยว่าขนาดของบริเวณที่น้ำท่วมมีปริมาณน้ำแค่ไหน ต้องใช้กี่ก้อน และขู่ไว้นิดว่าหากใช้มากเกินขนาดที่บอกจะยิ่งทำให้น้ำเน่ายิ่งขึ้น เพราะคนไทยชอบเผื่อครับ เดี๋ยวจะมาขอไปเกินความจำเป็น แล้วจะได้รับกันไม่ทั่วถึง จากคุณ : นาย X-MAN เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 54 16:28:43