ความคิดเห็นที่ 1 EM ball จากคณะวิทยาศาสตร์ http://www.sc.chula.ac.th/th/newsDetail.asp?newsID=320 จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 04:56:11

ความคิดเห็นที่ 2 เข้าใจว่ายังไม่มีการทดสอบเปรียบเทียบนะ ทั้งสองเจ้าก็เคลมว่าตัวเองดีกว่าอีกเจ้า แต่ของ dasta ball เนี่ยสังเกตว่าคำอธิบายเว่อร์ขึ้นไปอีกหลายเท่า รวมทั้งผิดทางวิทย์ด้วย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 10:28:32

ความคิดเห็นที่ 3 ทำไม คนถึงกล้าบอกว่ามันได้ผลขนาดนั้น ไม่อยากพิสูจน์เหรอครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 11:05:35

ความคิดเห็นที่ 4 คห 3 ทุกเจ้าก็บอกว่าได้ผลทั้งนั้นแหล่ะครับ แต่เจ้านี้ดูยังไม่ค่อยจะมี impact เท่าไหร่ เลยเริ่มจากเจ้าดังสุดคือ EMRO (คิวเซ) ที่แพร่หลายไปทั่วประเทศมาเป็นสิบปีแล้ว มันเหมือนกับเรื่อง GT200 แหล่ะ มีอีกหลายเจ้าที่บอกว่าตัวเองตรวจระเบิดตรวจยาได้เจ๋งกว่า (เช่น Alpha6 หรือ HEDD1) แต่เราทำอันเดียวที่ดังที่สุดก็น่าจะพอแล้ว ไม่งั้นเรื่องคงจบยาก จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 11:59:25

ความคิดเห็นที่ 5 ผมม่อยากจะบอกว่าอะไรไม่ดีจริง จนกว่าจะเห็นผลการทดลอง น่ะครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 14:53:49

ความคิดเห็นที่ 6 เอาข้อมูล Dasta Ball ที่ เทวดาน้อย เคยโพสต์ไว้มาให้ดูอีกที ที่ขีดเส้นแดงไว้ คือจุดจับผิดต่างๆ ที่ผมว่าแปลกๆ มีเลศนัย หรือให้ข้อมูลที่ผิดพลาดครับ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 22:21:11

ความคิดเห็นที่ 7 จากเว็บของเค้า http://www.dasta.or.th/th/News/detail_knowledge.php?ID=1054 "จากการทดลองกับแหล่งน้ำเสียในลำคลองข้างวัดสลักคอก ได้โยนบอลจุลินทรีย์ลงในแหล่งน้ำจำนวน 30 ลูก พร้อมฉีดพ่นผิวน้ำด้วยน้ำจุลินทรีย์ และนำปั๊มน้ำพ่นน้ำขึ้นไปในอากาศเพื่อเติมอ๊อกซิเจนประมาณ 2 ชั่วโมง ผลการทดลองปรากฏว่าเมื่อหยุดทำการปั๊มน้ำ 2 ชั่วโมงแรก พบว่าน้ำใสเล็กน้อย ปลาไม่มีอาการลอยหัวขึ้นมาอีก " ถ้าเร็วขนาด 2 ชั่วโมงก็ดีขึ้นได้ แสดงว่าเป็นปฏิกิริยาทางเคมีแล้วครับ กว่าเชื้อปรกติจะแบ่งตัวเจริญเติบโตจนเริ่มทำงานก็ต้องใช้เวลา 14-16 ชั่วโมงแล้ว จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 22:24:04

ความคิดเห็นที่ 8 จากเว็บของเค้าอีก http://dasta.or.th/kohchang/th/news/detail.php?key=cms-knowledge&id=118 "เเบคทีเรียมาจากไหน เจริญเติบโตได้อย่างไร เเบคทีเรียชนิด bacillus spp. ใน dasta ball สมารถอาศัยอยู่เเละเจริญเติบโตได้ในน้ำเค็ม น้ำกร่อย เเละน้ำจืด" "ส่วนผสมเเละวิธีการทำ . จุลินทรีย์น้ำเค็ม . เพอร์ไลท์ (เเร่ธรรมชาติชนิดหนึ่ง) เพื่อการถ่วงน้ำหนักเเละขี้ไก่ เพื่อเป็นอาหารของเเบดทีเรีย . น้ำหมักปลา เพื่อปรับสภาพเเวดล้อมของเเบดทีเรีย . รำละเอียด เพื่อเป็นอาหารของเเบดทีเรีย . กากน้ำตาล เพื่อปรับสภาพเเวดล้อมของเเบคทีเรีย นำมาผสมให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดลูกปิงปอง วางทิ้งไว้ในที่ร่ม เเละอากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อบ่มเชื้อเป็นเวลา20วันจนเกิดใยสปอร์สีขาวรอบๆก้อน" เชื้่อบาซิลลัสที่เป็นแบคทีเรียไม่ได้ทำให้เกิดสายใยสปอร์ครับ !!! จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 22:25:57

ความคิดเห็นที่ 9 จากเว็บของเค้าเอง เกี่ยวกับชนิดของเชื้อบาซิลลัสที่ใช้ ซึ่งเป็นแบคทีเรียตัวแท่งๆ ไม่ใช่เชื้อราสร้างสายใย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 22:28:15

ความคิดเห็นที่ 10 หรือว่าความลับของเรื่องนี้ อยู่ที่ก้อนเพอไลต์จริงๆ ลองอ่านคำอธิบายจากเว็บของเค้า http://www.dasta.or.th/th/News/detail_knowledge.php?ID=1236 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 22:31:22

ความคิดเห็นที่ 11 ลองศึกษาองค์ประกอบของก้อนเพอร์ไลต์ จากวิกิ http://en.wikipedia.org/wiki/Perlite Perlite is an amorphous volcanic glass that has a relatively high water content, typically formed by the hydration of obsidian. เพอร์ไลต์เป็นแก้วภูเขาไฟ ที่มีน้ำอยู่เยอะ จากการเติมน้ำของหินออบซิเดียน Perlite is an excellent filter aid. It is used extensively as an alternative to diatomaceous earth. The popularity of perlite usage in this application is growing considerably worldwide. Perlite filters are fairly commonplace in filtering beer before it is bottled. เพอร์ไลต์เป็นตัวกรองที่เยี่ยม  ถูกนำมาใช้แทนหินไดอะตอม (diatomaceous earth เกิดจากสาหร่ายไดอะตอมที่กลายเป็นหินแร่ ไว้ทำไส้กรองน้ำ) เป็นที่นิยมนำมาใช้ทั่วโลก โดยเฉพาะใช้กรองเบียร์ก่อนบรรจุขวด องค์ประกอบ Typical analysis of perlite 70–75% silicon dioxide: SiO2 12–15% aluminium oxide: Al2O3 3–4% sodium oxide: Na2O 3–5% potassium oxide: K2O 0.5-2% iron oxide: Fe2O3 0.2–0.7% magnesium oxide: MgO 0.5–1.5% calcium oxide: CaO 3–5% loss on ignition (chemical / combined water) เริ่มสงสัยมั้ยว่าสารเคมีในนี้จะเป็นตัวช่วยบำบัดน้ำให้ใสได้ หายเหม็นได้หรือเปล่า จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 22:43:43

ความคิดเห็นที่ 12 จากการค้นใน google book (http://books.google.co.th/books?id=sP5Bj3pByTsC&pg=PA112&lpg=PA112&dq=perlite+wastewater+treatment&source=bl&ots=asto7T-NBf&sig=YcIkjOgpJZv506C13HOSG2LNTNY&hl=th&ei=1-u_TomeO4bqrAfBv7DDAQ&sa=X&oi=book_result&ct=result&resnum=2&sqi=2&ved=0CEoQ6AEwAQ#v=onepage&q=perlite%20wastewater%20treatment&f=true ) ย่อหน้าแรก หน้า 113 เพอร์ไลต์เป็นแก้ว และมีลักษณะเฉื่อย (inert) มีพีเอชเป็นกลาง=7 เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้ไปช่วยปรับพีเอชแต่อย่างไร แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 54 23:14:52 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 23:14:18

ความคิดเห็นที่ 13 หน้า 112 ตรงกลางๆ เพอร์ไลต์ใช้ในการกรองกลูโคส น้ำตาล สารเคมีทางยา น้ำมันธรรมชาติ น้ำจากอุตสาหกรรม และเหล้าเบียร์ !!! จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 54 23:18:38

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณสำหรับ การรวบรวมข้อมูลครับ จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 17:57:34

ความคิดเห็นที่ 15 คำอธิบายอาจะมั่ว แต่ผลมันไม่มั่วแน่นอน ลองดูกันได้ครับ EM โดนแล้ว Dasta ก็ต้องเข้ากระบวนการด้วย จากคุณ : think4223 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 17:59:52

ความคิดเห็นที่ 16 อยากให้ คณะวิทย์มีโครงการพัฒนา ลูกบอลแบบนี้ อย่างจริงจังครับ แล้วพัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะกับเมืองไทย เหมาะกับสถาณการณ์ต่างๆ ไปเลย บางทีอาจจะค้นพบ เชื้อที่เราต้องการก็เป็นได้ จากคุณ : ฟกหด เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 08:02:33 A:115.87.76.176 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 17 คห 16 มีอาจารย์ในคณะที่สนใจเรื่องพัฒนาเชื้อของเราเองขึ้นเหมือนกันครับ แต่คงจะไม่ใช่ช่วงนี้ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 17:06:14

ความคิดเห็นที่ 18 เอาความเห็นที่ใส่ไว้เรื่อง Dasta ball มีองค์ประกอบอะไรที่ช่วยให้น้ำใสได้หรือเปล่า ไปถามอาจารย์ในคณะฯ เลยได้ความเห็นกลับมาหลายอย่างเลย จาก อาจารย์เคมี คนที่ 1 "ปูนขาวที่บอกให้เอามาใส่นั้ำเพื่อกำจัดกลิ่นนั้น องค์ประกอบทางเคมีคือ CaO ถ้าดูองค์ประกอบของเพอร์ไลท์ตามที่ให้มา จะเห็นว่ามีพวกออกไซด์ของโลหะหมู่หนึ่งและสอง ซึ่งเมื่อละลายน้ำแล้วมีฤทธิ์เป็นเบสอยู่หลายตัว ส่วนองค์ประกอบหลักในเพอร์ไลท์คือซิลิกอนไดออกไซด์หรือซิลิกานั้นไม่ละลายน้ำ อะลูมินาที่มีเป็นอันดับสองก็ไม่ละลายน้ำเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกใจถ้าเพอร์ไลท์จะทำให้พีเอชสูงขึ้น เพราะมีออกไซด์ที่ละลายน้ำแล้วทำให้เป็นเบสหลายตัว แต่ก็ไม่น่าจะเท่าการใช้ปูนขาวที่น้ำหนักเท่ากัน น้ำใส .. เพราะว่ามันทำหน้าที่เป็นตัวกรองและดูดซับสิ่งสกปรกไว้ในตัวหรือเปล่า .." จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 17:59:14

ความคิดเห็นที่ 19 จาก อาจารย์เคมี คนที่ 2 "เห็นด้วยอย่างยิ่ง และถูกต้องแล้วที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีอนินทรีย์เป็นคนตอบ ส่วนเรื่องน้ำใสขอเพิ่มไปอีกอย่างว่า สภาวะเป็นเบสอาจจะทำให้เกิดการตกตะกอนด้วยหรือเปล่า นอกเหนือจากความสามารถในการเป็นตัวดูดซับแล้ว ถ้ายังไงต้องฝากถามทางสาขาเคมีวิเคราะห์ที่ทำทางสิ่งแวดล้อมให้ช่วยประเมินเพิ่มด้วยถึงปัจจัยอื่นๆที่อาจเกี่ยวข้อง " จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 18:00:17

ความคิดเห็นที่ 20 จาก อาจารย์เคมี คนที่ 3 "ในแง่ของการเป็นตัวดูดซับ เบื้องต้นต้องดูทั้งองค์ประกอบ ความเป็นรูพรุน (ซึ่งเราไม่ทราบใน กรณีนี้) และปริมาณที่ใช้ ถ้าพิจารณาจากองค์ประกอบแล้ว เทียบกับ silica และ alumina ที่บรรจุคอลัมน์กันอยู่ ก็จะดูดซับพวกสารอินทรีย์ปนเปื้อนกลุ่มที่เป็นสารมีขั้วและ ไม่มีขั้วได้ ในแง่ของประสิทธิภาพการดูดซับว่าจะดูดซับจนน้ำใสได้เลยรึเปล่า ขึ้นอยู่กับปริมาณ ที่ใช้ค่ะ ถ้าเติมลงไปมากก็ดูดซับได้มาก " จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 18:00:41

ความคิดเห็นที่ 21 จาก อาจารย์วัสดุศาสตร์ "ใจเย็นๆ นะครับนักเคมีทั้งหลาย นักเซรามิกอ่านเมล์แล้วตกใจหมด องค์ประกอบทางเคมีที่อยู่ในแร่ ไม่ได้ละลายออกมาง่ายๆ อย่างที่นักเคมีเข้าใจกันนะครับ อย่างเช่นขวดแก้วใส่น้ำดื่มน้ำอัดลมที่ทำจากทรายแก้วและมีโซเดียมออกไซด์มากถึง 14-15 wt% และแคลเซียมออกไซด์อีก 8-9 wt% ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะละลายออกมาจนน้ำในขวดเป็นด่างนะครับ http://www.britannica.com/EBchecked/topic/551995/soda-lime-glass ส่วนเพอร์ไลท์ซึ่งเป็นแร่ที่มักจะมี Na2O CaO อยู่บ้าง แต่การที่ออกไซด์พวกนี้อยู่ในโครงสร้างซิลิเกตที่ละลายน้ำแทบจะไม่ได้ ทำให้แทบจะไม่มีผลต่อ pH นะครับ http://www.perlite.net/" จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 18:01:19

ความคิดเห็นที่ 22 จาก อาจารย์เคมี คนที่ 1 "ฮา จริง ลืมไปว่าเวลาสำหรับบางอย่างเช่น แร่ เขาจะรายงานเป็นออกไซด์แม้ว่าอาจจะไม่ได้อยู่ในรูปออกไซด์เพียวๆ " จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 18:01:55