13 วิธี สู่การเป็นเกรียนหรือติ่งในเว็บอย่างประสบความสำเร็จ
|
 |
ในปัจจุบัน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบเจอกับความเครียดที่รุมเร้า ครอบครัวที่แตกแยก ความสามารถที่ต้อยต่ำ รู้สึกต่ำเนื้อต่ำใจ เพราะเป็นส่วนเกินของสังคม ทว่าโลกไซเบอร์เป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งทำให้ขยะสามารถกลายเป็นเมพได้ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเรียกร้องความสนใจในโลกไซเบอร์แห่งนี้ เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าขึ้นมาเสียบ้าง เพราะยังไงทำหงส์ทำห่านอะไรไปยังไงใครก็มาจับมือเราดมว่าเป็นใครไม่ได้อยู่แล้ว
ดังนั้นสำหรับวิธีการที่จะเป็นเมพ ได้รับความสนใจจากคนรอบข้าง มีวิธีการดังต่อไปนี้
1 จงล่อเป้า ยกประเด็นอะไรก็ได้ที่เป็นเรื่องสะดุดหูสะดุดตาของคนกลุ่มใหญ่ พูดแล้วคนจะมาสนใจ เช่นเรื่องรสนิยม สถาบัน การเมือง พ่อแม่คนอื่น อะไรก็ได้ที่มันขัดใจคนส่วนใหญ่ เพราะมันจะกระตุ้นให้คนอยากเข้ามามีส่วนร่วมได้มากขึ้น ซึ่งยิ่งมีคนเข้ามามากเท่าไหร่เราก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นตาม
2 จงอย่ารู้จักกาลเทศะ ข้อนี้สำคัญ จงอย่าทำอะไรที่เหมาะควรกับกาลเทศะ อะไรที่ไม่สมควรพูดสมควรเล่าก็จงพูดออกไป คำหยาบคาย ล้อเลียด เสียดสี เหยียดหยาม แดรกดันที่ไม่จำเป็นก็จงยกขึ้นมาใช้ ตรงนี้มันจะกระตุ้นให้คนเกิดอารมณ์ขึ้นมา และอยากมีส่วนร่วม และอยากจะเถียงชนะเรามากขึ้น ด้วยเหตุนี้การไม่รู้จักกาลเทศะจะเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้อีกฝ่ายใช้คำที่รุนแรงกับเรามากกว่าจะสุภาพ
3 อย่าพึ่งพาความรู้ อย่าสนถึงเหตุผล ไม่จำเป็นต้องสนว่าสิ่งที่ตนรู้มีข้อเท็จจริงอย่างไรกันแน่ อย่าสนถึงว่ามันจะสมเหตุสมผลหรือไม่ ขอให้ตั้งคำตอบเอาไว้ในใจ แล้วพยายามเอาเหตุผล หรือความรู้ที่พอจะหาได้มาสนับสนุนมันต่อ ซึ่งทั้งความรู้หรือเหตุผลที่ว่าไม่ต้องเกี่ยวกับเรื่องที่พูด หรือเป็นความรู้ที่ถูกต้องหรือเหตุผลที่สมเหตุสมผล ขอให้งัดออกมาใช้เยอะ ๆ ได้เป็นพอเพื่อให้อีกฝ่ายสับสนแล้วตามอธิบายได้ไม่ถูก
4 จงเหมารวม ให้แกะในโลกนี้มีแต่สีขาว สิ่งที่สำคัญคือการที่เอาสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงแค่ส่วนใหญ่ให้เหมาะรวมเป็นทั้งหมด เช่นนักการเมืองที่เจอมีแต่คนที่คดโกง ก็จงเหมารวมว่านักการเมืองทุกคนเป็นคนเลวคนชั่วทั้งหมด คนที่เข้ามาในแวดวงการเมืองไม่มีคนดีเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายเถียงออกมาได้ยาก จงงัดขึ้นมาใช้บ่อย ๆ
5 จงให้เคสเฉพาะเป็นตัวแทนของทุกสิ่ง คิดว่ากาทั้งโลกนี้สีขาว แตกต่างจากข้อที่ 4 ตรงที่หากเป็นแค่เพียงเคสที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็จงนำมันมาเป็นตัวแทนของคนกลุ่มนั้นทั้งหมด ตัวอย่างเช่นมีหมอที่ก่อคดีฆาตกรรม ก็จงเหมาให้หมดว่าหมอเป็นฆาตกรหมดทุกคน ซึ่งในส่วนนี้มันจะทำให้อีกฝ่ายต้องยกเหตุผลร้อยแปดมาอธิบาย ซึ่งจะทำให้เรามีประเด้นโจมตีได้ง่ายขึ้น
6 จงคิดว่าโลกนี้มีแค่สีขาวกับดำ สิ่งที่สำคัญที่จะก่อให้เกิดกรณีพิพาทได้ง่ายคือการตัดสินทุกสิ่งให้มีแค่เพียงสีขาวกับดำ เพราะในโลกนี้แท้จริงมันมีสีเทาด้วย ดังนั้นการที่แสดงว่าโลกนี้มีสีเทาอย่างอยู่มันจะทำให้เกิดกรณีพิพาทได้ยาก ด้วยเหตุนี้พยายามยัดเยียดว่าสิ่งที่เป็นสีเทานั้นเป็นสีขาวหรือสีดำซะ เพราะยังไงมันก็จะมีคนยกสิ่งที่เป็นสีเทามาค้านอยู่ดี ดังนั้นกรณีพิพาทที่เกิดขึ้นจะไม่มีวันจบสิ้นหากเราตัดสินว่ามันเป็นสีขาวหรือสีดำเพียงเท่านั้น
7 จงเล่นเกมจับผิดคำ อย่าสนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ แต่จงตรวจสอบแบบคำต่อคำ ว่าอีกฝ่ายมีอะไรที่พูดผิดออกมาหรือไม่ หากพูดผิดออกมาแม้แต่คำเดียว จงเล่นงานที่จุดนั้น แล้วใช้เรื่องนั้นเถียงกลับว่าสิ่งที่พูดถูกมาที่เหลือทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผิด การใช้วิธีนี้จะทำให้เรามีความชอบธรรมในสิ่งที่เราพูดได้มากขึ้น
8 จงอย่าตอบในสิ่งที่ตอบไม่ได้ แต่จงตอบในสิ่งที่ตอบได้ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราซึ่งไม่ได้ใช้ความรู้ และไม่ได้ใช้เหตุผล จะตอบกลับบางสิ่งไม่ได้ ดังนั้นการที่เราคิดจะตอบสิ่งที่ตอบไม่ได้ออกไปมันจะทำให้เราดูเป็นฝ่ายผิด เป็นฝ่ายที่ไร้ความรู้ ดังนั้นถ้าคิดว่าตอบสิ่งใดไม่ได้ ก็จงอย่าตอบสิ่งนั้นไป แล้วจงไปหันตอบสิ่งที่คิดว่าตอบได้แทน ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน หรือเกี่ยวกับเรื่องที่พูดหรือไม่
9 จงไม่ตอบให้เหมือนกับตอบ หลายครั้งที่ฝ่ายตรงข้ามจับไต๋ของเราได้ว่าเราจนมุมไม่สามารถตอบที่ถามได้ จงอย่ายอมแพ้ งัดอะไรก็ได้ออกมาพูดให้เหมือนกับว่าเราได้ตอบออกไป ไม่ว่าจะเป็นการยัดเยียดให้อีกฝ่ายพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราพูดนั้นไม่เป็นความจริง หรือการยกคำตอบเดิมมาใช้ซ้ำทั้งที่มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ถามเลย การกระทำแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายที่เก๋าเกมไม่พอมึนงง และต้องเลิกล้มสิ่งที่ถามไปเอง
10 จงอย่าจนมุม แล้วหาเรื่องใหม่มาพูดต่อ หลายครั้งที่เรื่องราวจบลงเพราะอีกฝ่ายสามารถโต้กลับอย่างไม่มีจุดอ่อน ณ จุดตรงนี้ มันจะทำให้เราไม่สามารถมีเรื่องอะไรตอบโต้กลับออกไปได้ การที่เรานิ่งเงียบ มันจะทำให้เราเหมือนกับยอมรับว่าเราเป็นฝ่ายผิด ดังนั้นจงหาเรื่องใหม่มาพูดแทน ให้เหมือนกับว่านั่นเป็นคำตอบของเรา ยิ่งสร้างประเด็นใหม่ได้มากเท่าไหน ก็จะยิ่งกลับประเด็นเดิมได้ยาก เมื่อนั้นเราก็จะสามารถรอดตัวกับการจนมุมได้มากขึ้น
11 จงอย่าหมดมุก เรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายเอามาใช้ได้ ที่สำคัญ หลายครั้งที่อีกฝ่ายตอบดีมากซะจนไม่มีที่ติ จงอย่ายอมแพ้ด้วยการยกเรื่องที่อีกฝ่ายสามารถตอบโต้มาใช้อีก แต่จงหันไปเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย ยิ่งอีกฝ่ายเคยมีข้อด้อยตรงไหนแม้แต่แค่เพียงเรื่องเล็กน้อย ก็จงเอามันมาขยาย แล้วทำให้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นแม้จะถูกให้กลายเป็นสิ่งที่ผิดแทน ดั่งเช่นคนเคยติดคุกไม่มีวันจะเป็นคนดีได้เป็นต้น
12 จงอย่าให้พวกน้อยหรือมากได้เปรียบ แต่จงให้ฝ่ายที่เราอยู่ได้เปรียบ หลายครั้งที่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกับประเด็นที่เกิดขึ้น และบางครั้งก็ผู้ที่อยู่อีกฝ่ายของเรากลับเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง จงอย่าปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น และให้ฟากที่เราอยู่เป็นฝ่ายถูกแทน ตัวอย่างเช่นหากเราเป็นฝ่ายที่แท้จริงเป็นฝ่ายผิด แต่เรามีพวกมากกว่า ก็ให้ใช้เรื่อง "ประชาธิปไตยพวกมากเป็นฝ่ายถูก" มาใช้ในการอ้างว่าเราถูก หรือหากเราเป็นฝ่ายที่มีอยู่น้อยและแท้จริงเราเป็นฝ่ายผิด ก็ให้ใช้เรื่อง "พวกมากรังแกพวกน้อย" หรือ "เล่นพวก" หรือ "มาเฟีย" ในการโต้แย้ง เพื่อให้แน่ใจได้ว่าฝ่ายที่เราอยู่ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเป็นฝ่ายถูกเสมอ
13 จงแพ้แบบผู้ชนะ หากรู้ชัดว่าตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จงอย่าทำตัวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จงใช้คำพูดที่ดูเหมือนเป็นฝ่ายถูก เป็นฝ่ายที่ชนะเข้าไว้ กดอีกฝ่าย หัวเราะอีกฝ่าย ถ้าทำได้ ถึงแม้เราจะผิดเราก็จะกลายเป็นฝ่ายถูกแทน
ด้วยเหตุนี้ ทั้ง 13 ข้อ จึงเป็นกฎเหล็กที่คนเป็นติ่งเป็นเกรียนสมควรจะยึดเอาไว้เป็นหลักในใจไว้เสมอ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าชีวิตที่แสนบัดโซบของเราจะมีสีสัน ได้รับความสนใจจากโลกไซเบอร์ได้อย่างที่เราเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่รู้ก็ยังไม่อาจจะทำให้เป็นเมพกล่าวขานในเว็บจ่าเกย์ได้สมใจหวัง ดังนั้นควรจะหันมาฝึกใช้และปฏิบัติตามกฎเหล็กเหล่านี้อยู่เสมอ เพราะไม่นานเราก็จะได้เป็นเมพสมความตั้งใจแน่
ซะที่ไหนล่ะว้อย !!!
จากคุณ |
:
ซ่อนนาม
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ย. 54 21:13:48
|
|
|
|