ความคิดเห็นที่ 1 ผมดูหนังนเรศวรของท่าานมุ้ยยังเห็นมีอยู่นะครับ จากคุณ : natureza เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 22:57:55

ความคิดเห็นที่ 2 สงสัยด้วยอีกเรื่องครับ มีการยิงธนูแบบเป็นกลุ่ม ขึ้นฟ้า แล้วให้ตกลงมาใส่ทหารฝ่ายตรงข้าม เค้าทำกันไหมครับ จากคุณ : styx เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 23:08:31

ความคิดเห็นที่ 3 หนังนเรศวร น่าจะอิงจากประวัติศาสตร์จริง ทั้งหมดนะครับ  หนังแกถ้าดูผ่านเหมือนไม่มีอะไร  แต่จริงๆ ละเอียดอ่อนมาก ในเรื่องอิงประวัติศาสตร์ จากคุณ : hahesfha เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 23:16:29

ความคิดเห็นที่ 4 สมัย..จิ๋นซี.. 2000 ปี ก่อนพระนเรศวร... ยัง  ยิงธนู เป็นกลุ่ม เลย.. .... ในหนัง จึง มี... แต่เราก็ไม่รู้ว่า... สมัยกรุงศรี.. ใช้วิธีนี รึปล่าว.. จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 23:18:54

ความคิดเห็นที่ 5 เครื่องยิงหิน  ???? ถ้ามีรูปประกอบจะดีมาก แต่ ที่ยังใช้อยู่สมัยผมเด็กๆ เรียก  ไม้ปาง  ครับ คงเคยเล่นกันนะ นี่ก็เครื่องยิงหิน ชนิดนึงเหมือนกัน ปัจจุบันผมมีแบบง่ายๆอันนึง พก ติดตัวเวลาปั่นจักรยาน รูประกอบเอามาจากเน็ตนะครับ เก็บไว้นานแล้ว เห็นมันแปลกดี เข้าใจประดิษฐ์ สมัยผมเด็กๆ ดีดกับลูกเหล็กครับ บ้านอยู่ในเขตบริษัท ขุดแร่ดีบุก เค้าจะเจาะเหล็กแผ่น ให้เป็นรูตะแกรง เพื่อคัดขนาด ไอ้ที่เจาะออกมามีหลาย ขนาด ฝรั่งเอามากองทิ้งไว้เต็ม ที่พวกเราเลือกใช้ ขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลางซักเซนต์นึง จากคุณ : ไม้ปาง.. (juti) เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 23:20:48

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นอย่างที่คุณว่าครับ     สมัยอยุธยานั้นอยุธยาได้ผ่านยุคของกำแพงสูงๆไปแล้ว      กำแพงเมืองสูงเป็นสิบๆเมตรแบบในหนังจีนนั้นสูงมาก    แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่หนาเท่าไหร่      การบุกเมืองที่มีกำแพงสูงจึงไม่นิยมการปีนกำแพง     แต่จะพยายามยิงถล่มกำแพงเมืองให้ได้จะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ในสมัยอยุธยานั้นทางแถบนี้หมดสมัยของกำแพงเมืองสูงๆแล้ว    จะนิยมกำแพงเมืองที่สูงกำลังดี    แต่หนา+ตันแทน      เพื่อใช้รับการยิงของปืนใหญ่ได้ จากการตรวจสอบ   กำแพงเมืองอยุธยาสูง 3 วา หนา 8 ศอก ทางเดินกับเชิงเทินด้านบน 6 ศอก สูง 3 วา = 6 เมตร หนา 8 ศอก  = 4 เมตร    (4 ศอก = 1 วา   8 ศอกจึงเท่ากับ2 วา) ผมเคยถามเกี่ยวกับเครื่องยิงหิน - กำแพงเมืองในข้อ5-6   ลองไปดูสิครับ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/05/K10602651/K10602651.html จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 23:28:35

ความคิดเห็นที่ 7 #5 ไม่ถ่ายให้เห็นหน้าเห็นตามั่งหรอ จากคุณ : kuk_muna เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 23:31:50

ความคิดเห็นที่ 8 มีปืนใหญ่แล้วทำไมต้องใช้เครื่องยิงหิน  ? มีรถไถแล้วทำไมชาวนาจึงไม่ใช้ควายไถนา  ? จากคุณ : Dinsosamsi เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 02:16:20

ความคิดเห็นที่ 9 1. กำแพงเมืองในแถบนี้สมัยโบราณนั้น เมืองขนาดกลางส่วนใหญ่จะมีกำแพงเป็นแค่เนินดินหรือไม่ก็แนวรั้วไม้ซุงเท่านั้นครับ แม้แต่กรุงศรีอยุธยาเองกว่าจะมีกำแพงก่ออิฐล้อมรอบสมบูรณ์ ก็ต้องล่วงเข้าสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิแล้ว (เอาไว้รับศึกพม่าโดยเฉพาะเลย) การเข้าตีเมืองจึงมักจะใช้บันไดหรือขุดอุโมงค์เอามากกว่า 2. ยุทธศาสตร์ในการรบของแถบบ้านเราในยุคเดิม มักจะออกไปตั้งค่ายระหว่างทางตรงจุดยุทธศาสตร์สำคัญ และปะทะกับข้าศึกด้วยการรบในสมรภูมิครับ การทำสงครามป้อมค่ายที่ล้อมเมืองของข้าศึกนานๆไม่ค่อยจะมีมากนักในยุคเก่า ทำให้หากรบชนะในศึกใหญ่ๆแล้ว ข้าศึกก็มักจะยอมจำนนก่อนที่จะได้ล้อมเมือง 3. ปืนใหญ่แบบจีน ที่ใช้ยิงพวกลูกหินหรือโซ่เหล็ก ได้แพร่หลายในแถบนี้มานานแล้ว สมัยสมเด็จพระราเมศวรก็มีปืนใหญ่แบบนี้ใช้กันในกองทัพอยุธยาแล้ว ทำให้ไม่ค่อยจำเป็นต้องใช้เครื่องยิงหินอีก 4. ส่วนสมัยสุโขทัยหรือเก่ากว่านั้น ก็อย่างที่เรียนไปว่า กำแพงเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นศิลาแลงครับ มีไม่กี่เมืองเองที่มีกำแพงอิฐ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 05:00:13

ความคิดเห็นที่ 10 ขอโทษนะ ขัดคอหน่อย  ท่านมุ้ยนะหรือ ละเอียดอ่อน ขนาดชื่อ สุริโยทัย ท่านยังเขียนไม่เป็น ผมโกรธจริงๆ เขียนชื่อเพี้ยนให้เด็กสับสนเปล่าๆ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 11:55:22

ความคิดเห็นที่ 11 รู้ไหมว่าสมัยอยุธยานั้น ดินแดนแถบนี้มีป่ารกชัฎขนาดไหน มีสัตว์ป่ามากแค่ไหน แถมยังโรคเขตร้อนอีกมากมาย หินส่วนมากจะถูกนำไปสร้างปราสาทมากกว่าที่จะใช้ในการต่อสู้ การใช้เวทมนต์ในสมัยโบราณ จะได้ผลดีกว่าเครื่องยิงหิน แค่ซุ่มโจมตีตามแนวป่าก็ได้ผลมากกว่า แต่ปัจจุบันป่าเหี้ยน ภูเขาหัวโล้น คงมองเห็นได้ง่าย จากคุณ : เพชรพระอุมา เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:17:57 A:58.9.35.175 X: TicketID:332671

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ แกเลี่ยงบาลีโดยการแกล้งสะกดผิด เพื่อให้เนื้อเรื่องไม่ต้องตรงตามประวัติศาสตร์เป๊ะๆครับ คนไทยนี่ก็แปลก ชอบยึดหนังยึดละครเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ สงสัยเพราะบริโภคง่าย แถมโรแมนติกดี จากคุณ : oryze เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:18:18

ความคิดเห็นที่ 13 ใครเขาเอาภาพยนตร์มาอ้างอิงประวัติศาสตร์กันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ? ภาพยนตร์ของท่านมุ้ยทำดีผมไม่เถียง แต่บิดเบือนประวัติศาสตร์ ใส่สีตีไข่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพราะภาพยนตร์ทำเพื่อ "ความบันเทิง" ของผู้ชม คนที่ เอาภาพยนตร์มาอ้างอิงประวัติศาสตร์ผมว่าทบทวนดูใหม่ดีไหม แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 13:23:30 จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:23:06

ความคิดเห็นที่ 14 หนังนะสอนคนไม่ได้ ยิ่งสร้างหนังอิงประวัติศาสตร์ผิดๆ ถูกๆ กระทั่งชื่อบุคคลสำคัญยังเลี่ยงเขียนให้ผิด พอสร้างเสร็จก็พยายามโหมโรงให้เด็กนักเรียนไปดู ทำอย่างนี้ผมไม่ชอบเลย อีกเรื่องคือ บางระจันเรื่องขี่ควายออกรบ ใครทำอย่างนั้นออกไปให้ข้าศึกฆ่าตายเสียเปล่า เพราะควายไม่ใช่ม้า การบังคับไม่คล่องตัว อีกทั้งขาหลังของควายก็แข็ง เวลาควายวิ่งควบ คนนั่งจะโดนกระแทกตกได้ง่ายมาก ผมคิดว่าประวัติศาสตร์อ่านแล้ว ควรพิจารณาให้ดี หลายเรื่องเขียนผิดหลักความจริง จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:30:44

ความคิดเห็นที่ 15 อย่างหนึ่งที่เราต้องเข้าใจความจริงที่ว่า ภาพยนต์ก็คือภาพยนต์ไม่ใช่สารคดี ภาพยนต์ดูแล้วต้องสนุก เร้าใจ มีลุ้น มีฮา มีเศร้า มีเสียใจ และมีโม้ ส่วนสารคดีต้องเน้นความจริงแต่เนื้อหาความสนุกสนานแทบไม่ต้องพูดถึง จริงที่การสร้างภาพยนต์ส่วนหนึ่งนั้นก็มีอิงประวัติศาสตร์ แต่ผู้สร้าง ผู้กำกับไม่ใช่นักโบราณคดีที่จะต้องมีการพิสูจน์ว่าต้องอย่างโน้นอย่างนี้ถึงจะถูกต้อง คนที่มองภาพยนต์มีที่ติมีข้อบกพร่องนั้นเขาไม่ได้มองว่าจะต้องตรงตามประวัติศาสตร์เป๊ะๆ แต่เขามองตรงคุณภาพการสร้าง สี เสียง ตัวนักแสดง ความแนบเนียนนั่นและครับ แค่นี้ผมว่าลงทุนเยอะนะครับ แถมสร้างชื่อเสียงและแรงกระตุ้นให้กับวงการภาพยนต์ไทยพอสงควรทีเดียว จากคุณ : ไม่บ้าหนังแต่บ้ารัก เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:14:18 A:183.88.40.61 X: TicketID:338118

ความคิดเห็นที่ 16 จะมาอ่านเรื่องเครื่องยิงหิน... สงสัยเรื่อง ชื่อ สุริโยทัย หรือจะด่าหนังท่านมุ้ย...ไปตั้งทู้ใหม่เลยมั้ย ปล. 1. เคยไปดูวิ่งควาย ที่ชลบุรีมั้ย ? ผมว่าคุณวิ่งหนีไม่ทัน โดนขวิดไส้แตกตายแน่ๆ 2. ในหนังควายเค้าใช้เทียมเกวียน ส่งของ/อาหาร/ยุทโธปกรณ์ ใช้ขี่สู้ตายเพื่อจะทะลวงไปในกลุ่มข้าศึก ตอนทศึกสุดท้าย ก่อนสละชีพ เอาจริงๆ คนที่ขี่ควายก็ออกมาไล่ฟันบนพื้น ไม่ได้บนหลังตลอดเวลา.. แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 15:25:38 จากคุณ : Muyan เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 15:17:35

ความคิดเห็นที่ 17 ...ตัดเรื่องประวัติศาสตร์ออกไป ผมว่าหนังดูไม่หนุกเลย แต่อลังการดี จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 16:09:11

ความคิดเห็นที่ 18 หลายคนไม่รู้เรื่องซะละรู้ใหมชั้่วโมงสังคมศึกษาอาจารย์เขาจองรอบโรงหนังเพื่อสอนเรื่อง ประวัติศาสตร์ด้วยสื่อหนังกันเลยนะ ถ้าโรงเรียนเล็กหน่อยก็เช่าไปให้นักเรียนดู เด็กเขาก็จำตอนทิ้งลูกไฟจากหน้าผาโหอัจฉริยะภาพเลยนะนั่นนึกว่าดู 3 ก๊ก จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 01:19:15